อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัสว่า, พระคริทิมฺ - ธรรมชาติ, พุรุชัมฺ - ผู้รื่นเริง, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, คเชทรัมฺ - สนาม, คเชทระ-กยัมฺ - ผู้รู้สนาม, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - เช่นกัน, เอทัทฺ - ทั้งหมดนี้, เวดิทุมฺ - เข้าใจ, อิชชฺามิฺ - ข้าพเจ้าปรารถนา, กยานัมฺ - ความรู้, กเยยัมฺ - เป้าหมายของความรู้, ชะฺ - เช่นกัน, เคชะวะฺ - โอ้ คริชณะ, ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - องค์ภควานตรัส, อิดัมฺ - นี้, ชะรีรัมฺ - ร่างกาย, คะอุนเทยะฺ - โอ้ โอรสพระนางคุนที, คเช- ทรัมฺ - สนาม, อิทิฺ - ดังนั้น, อบิฺดีฺยะเทฺ - เรียกว่า, เอทัทฺ - นี้, ยะฮฺ - ผู้ซึ่ง, เวททิฺ - รู้, ทัมฺ - เขา, พราฮุฮฺ - เรียกว่า, คเชทระ-กยะฮฺ - ผู้รู้สนาม, อิทิฺ - ดังนั้น, ทัท-วิดะฮฺ - โดยพวกที่รู้สิ่งนี้
อารจุนะทรงถามเกี่ยวกับ พระคริทิฺ (ธรรมชาติ) พุรุชะฺ (ผู้รื่นเริง) คเชทระฺ(สนาม) คเชทระ-กยะฺ (ผู้รู้สนาม) ความรู้และจุดมุ่งหมายแห่งความรู้ เมื่อทรงถามทั้งหมดนี้ คริชณะตรัสว่า ร่างกายนี้เรียกว่าสนาม และผู้รู้ร่างกายนี้เรียกว่าผู้รู้สนามร่างกายนี้เป็นสนามแห่งกิจกรรมสำหรับพันธวิญญาณ พันธวิญญาณได้มาติดกับอยู่ในความเป็นอยู่ทางวัตถุ พยายามเป็นเจ้าและครอบครองธรรมชาติวัตถุตามกำลังความสามารถของตน จึงได้รับสนามแห่งกิจกรรม สนามแห่งกิจกรรมนี้คือร่างกายและร่างกายนี้คืออะไร? ร่างกายประกอบไปด้วยประสาทสัมผัสต่าง ๆ พันธวิญญาณปรารถนาจะรื่นเริงอยู่กับการสนองประสาทสัมผัส ตามกำลังความสามารถที่จะรื่นเริงกับการสนองประสาทสัมผัส เราจึงได้รับร่างกายหรือสนามแห่งกิจกรรมมา ดังนั้นร่างกายจึงเรียกว่า คเชทระฺ หรือสนามแห่งกิจกรรมสำหรับพันธวิญญาณ เช่นนี้บุคคลที่สำคัญตนเองกับร่างกายเรียกว่า คเชทระ-กยะฺ หรือผู้รู้สนาม มิใช่เป็นสิ่งลำบากที่จะเข้าใจข้อแตกต่างระหว่างสนามและผู้รู้สนาม ร่างกายและผู้รู้ร่างกาย ใคร ๆ ก็สามารถพิจารณาได้ ตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา เราได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมามากมาย ถึงกระนั้น เรายังคงเป็นบุคคลคนเดียวกัน ดังนั้น จึงมีข้อแตกต่างระหว่างผู้รู้สนามแห่งกิจกรรมและตัวสนามแห่งกิจกรรม พันธวิญญาณผู้มีชีวิตสามารถเข้าใจว่าตนเองแตกต่างไปจากร่างกายได้อธิบายไว้ในตอนต้นว่า -เดฮิโน ่สมินฺ- สิ่งมีชีวิตอยู่ภายในร่างกาย และร่างกายเปลี่ยนแปลงจากทารกมาเป็นเด็ก จากเด็กมาเป็นหนุ่มสาวและจากหนุ่มสาวมาเป็นผู้สูงอายุ ผู้ที่เป็นเจ้าของร่างกายรู้ว่าร่างกายนี้เปลี่ยนแปลงเจ้าของคือ คเชทระ-กยะฺ ที่แตกต่างออกไป บางครั้งเราคิดว่า “ฉันมีความสุข” “ฉันเป็นผู้ชาย” “ฉันเป็นผู้หญิง” “ฉันเป็นสุขนัข” “ฉันเป็นแมว” เหล่านี้เป็นชื่อระบุทางร่างกายของผู้รู้ แต่ผู้รู้แตกต่างไปจากร่างกาย ถึงแม้ว่าเราอาจใช้สิ่งของมากมายเช่นเสื้อผ้าอาภรณ์ต่าง ๆ ฯลฯ แต่เรารู้ว่าตัวเราแตกต่างไปจากสิ่งของที่เราใช้ ในทำนองเดียวกัน จากการพิจารณาเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจได้ว่าเราแตกต่างไปจากร่างกายอาตมา ท่าน หรือผู้ใดที่เป็นเจ้าของร่างกายเรียกว่า คเชทระ-กยะฺ หรือผู้รู้สนามแห่งกิจกรรม และร่างกายเรียกว่า คเชทระฺ หรือตัวสนามแห่งกิจกรรม
ในหกบทแรกของ ภควัต-คีตาฺ ได้อธิบายถึงผู้รู้ร่างกาย (สิ่งมีชีวิต) และตำแหน่งที่เขาสามารถเข้าใจองค์ภควาน ในหกบทกลางของ ภควัต-คีตาฺ ได้อธิบายถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าและความสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกวิญญาณและอภิวิญญาณซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ได้นิยามสถานภาพที่สูงกว่าขององค์ภควาน และสถานภาพที่ด้อยกว่าของปัจเจกวิญญาณอย่างชัดเจนในบทเหล่านี้ เนื่องจากลืมไปว่าตนเองด้อยกว่าในทุก ๆ สถานการณ์ สิ่งมีชีวิตจึงได้รับทุกข์ เมื่อสว่างไสวขึ้นด้วยบุญบารมี สิ่งมีชีวิตจึงเข้าพบองค์ภควานในสภาวะที่แตกต่างกัน เช่น สภาวะที่มีความทุกข์สภาวะที่ต้องการเงิน สภาวะชอบถาม และสภาวะที่แสวงหาความรู้ ซึ่งได้อธิบายไว้เช่นกัน เริ่มจากบทที่สิบสามจะอธิบายว่าสิ่งมีชีวิตมาสัมผัสกับธรรมชาติวัตถุได้อย่างไร และองค์ภควานทรงจัดส่งเขาด้วยวิธีต่าง ๆ อย่างไร โดยผ่านทางกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุการพัฒนาความรู้ และการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตแตกต่างจากร่างกายวัตถุโดยสิ้นเชิง แต่ก็มีความสัมพันธ์กัน ประเด็นนี้ได้อธิบายไว้เช่นเดียวกัน