นิฮฺ - ปราศจาก, มานะฺ - เกียรติยศที่ผิด, โมฮาฮฺ - และความหลง, จิทะฺ - เอาชนะ, สังกะฺ - การคบหาสมาคม, โดชาฮฺ - ความผิด, อัดฺยาทมะฺ - ในความรู้ทิพย์, นิทยาฮฺ - ในความเป็นอมตะ, วินิวริททะฺ - ไม่คบหาสมาคม, คามาฮฺ - จากราคะ, ดวันดไวฮฺ - จากสิ่งคู่, วิมุคทาฮฺ - หลุดพ้น, สุคฺะ-ดุฮคฺะฺ - ความสุขและความทุกข์, สัมกไยฮฺ - ชื่อ, กัชชัฺนทิฺ - บรรลุ, อมูดฺาฮฺ - ไม่สับสน, พะดัมฺ - สถานการณ์, อัพยะยัมฺ - อมตะ, ทัทฺ - นั้น
วิธีการศิโรราบได้อธิบายไว้อย่างสวยงาม ณ ที่นี้ว่า เราไม่ควรหลงอยู่กับความหยิ่งยะโส เนื่องจากพันธวิญญาณผยองคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าแห่งธรรมชาติวัตถุจึงเป็นการยากมากที่จะศิโรราบต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า จากการพัฒนาความรู้ที่แท้จริง เราควรรู้ว่าตัวเราไม่ใช่เจ้าแห่งธรรมชาติวัตถุ องค์ภควานทรงเป็นเจ้าของเมื่อเป็นอิสระจากความหลงอันเนื่องมาจากความหยิ่งยะโส เราจะสามารถเริ่มวิธีการศิโรราบ สำหรับผู้ที่คาดหวังเกียรติยศบางอย่างในโลกวัตถุนี้เสมอ เป็นไปไม่ได้ที่จะศิโรราบต่อองค์ภควาน ความหยิ่งยะโสเนื่องมาจากความหลง ถึงแม้ว่าเรามาที่นี่อยู่เพียงระยะเวลาสั้นแล้วต้องจากไป ยังมีความเห็นอย่างโง่ ๆ ว่าเราคือเจ้าโลก ดังนั้น จึงทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสับสนและมีปัญหาเสมอ โลกทั้งโลกหมุนไปภายใต้ความรู้สึกเช่นนี้ ผู้คนพิจารณาว่าแผ่นดินและโลกนี้เป็นของสังคมมนุษย์ และได้แบ่งที่ดินภายใต้ความรู้สึกผิด ๆ ว่าพวกตนเป็นเจ้าของ เราต้องออกจากความเห็นที่ผิดนี้ว่าสังคมมนุษย์เป็นเจ้าของโลกใบนี้ เมื่อเป็นอิสระจากความเห็นผิดเช่นนี้ เราจึงเป็นอิสระจากการคบหาสมาคมที่ผิดทั้งหลาย อันเนื่องมาจากความหลงผิดอยู่กับครอบครัว สังคม และประเทศชาติ การคบหาสมาคมที่ผิดเหล่านี้ผูกมัดเราให้อยู่ในโลกวัตถุ หลังจากระดับนี้เราต้องพัฒนาความรู้ทิพย์ ต้องพัฒนาความรู้ว่าอะไรเป็นของตนที่แท้จริง และอะไรไม่ใช่ของตนที่แท้จริง และเมื่อเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริงก็จะเป็นอิสระจากแนวคิดที่เป็นสิ่งคู่ทั้งหลายเช่น ความสุขและความทุกข์ ความรื่นเริงและความเจ็บปวด เราจะเปี่ยมไปด้วยความรู้ จากนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะศิโรราบต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า