คารพัณยะฺ - เล็กน้อย, โดชะฺ - ด้วยความอ่อนแอ, อุพะฮะทะฺ - ทำให้เดือดร้อน, สวะฺ - บฺาวะฮฺ - บุคลิก, พริชชฺามิฺ - ข้าพเจ้าขอถาม, ทวามฺ - แด่พระองค์, ดฺารมะฺ - ศาสนา, สัมมูดฺะฺ - สับสน, เชทาฮฺ - ในหัวใจ, ยัทฺ - อะไร, ชเรยะฮฺ - ดีทั้งหมด, สยาทฺ - อาจจะ, นิชชิทัมฺ - ความมั่นใจ, บรูฮิฺ - บอก, ทัทฺ - นั้น, เมฺ - แด่ข้าพเจ้า, ชิชยะฮฺ - สาวก, เทฺ - ของพระองค์, อฮัมฺ - ข้าพเจ้าเป็น, ชาดิฺ - ได้โปรดสั่งสอน, มามฺ - ข้าพเจ้า, ทวามฺ - แด่พระองค์, พระพันนัมฺ - ศิโรราบ
โดยวิถีทางของธรรมชาติระบบอันสมบูรณ์ของงกิจกรรมทางวัตถุเป็นต้นเหตุแห่งความสับสนวุ่นวายสำหรับทุกคน ความสับสนวุ่นวายมีอยู่ในทุกฝีก้าว ดังนั้น จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากเราเข้าพบพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ซึ่งสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อนำไปปฏิบัติให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายแห่งชีวิต วรรณกรรมพระเวททั้งหมดแนะนำเราให้เข้าพบพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ เพื่อให้เป็นอิสระจากความสับสนวุ่นวายแห่งชีวิตซึ่งเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ปรารถนา เสมือนดั่งไฟป่าที่ลุกไหม้ขึ้นมาโดยไม่มีใครจุด ลักษณะเดียวกัน สถานการณ์โลกทำให้ชีวิตเกิดความสับสนวุ่นวายโดยปริยายทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครต้องการมัน ไม่มีใครต้องการให้ไฟไหม้แต่ไฟก็ไหม้และทำให้เราสับสนวุ่นวาย ปรัชญาพระเวทแนะนำว่า ในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับความสับสนวุ่นวายแห่งชีวิตและเข้าใจถึงศาสตร์แห่งการแก้ปัญหา เราต้องเข้าพบพระอาจารย์ทิพย์ผู้อยู่ในสาย พะรัมพะราฺ บุคคลผู้มีพระอาจารย์ทิพย์ที่เชื่อถือได้จะรู้แจ้งในทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้น เราไม่ควรอยู่ในความสับสนวุ่นวายทางวัตถุแต่ควรเข้าพบพระอาจารย์ นี่คือคำอธิบายของโศลกนี้
ใครคือบุคคลผู้อยู่ในความสับสนวุ่นวายทางวัตถุ? บุคคลนั้นคือผู้ที่ไม่เข้าใจปัญหาของชีวิต ใน บริฮัด-อารัณยะคะ อุพะนิชัดฺ (3.8.10) ได้อธิบายถึงผู้สับสนวุ่นวายไว้ดังนี้ โย วา เอทัด อัคชะรัม การกิ อวิดิทวาสมาล โลคาท ไพรทิ สะ คริพะณะฮฺ “บุคคลผู้มีความโลภไม่แก้ปัญหาชีวิตแม้เกิดมาเป็นมนุษย์ และจากโลกนี้ไปเหมือนแมวและสุนัขโดยไม่เข้าใจศาสตร์ความรู้แจ้งแห่งตน” ร่างมนุษย์มีคุณค่าสูงสุดสำหรับสิ่งมีชีวิตในการที่จะใช้มันเพื่อแก้ปัญหาชีวิต ฉะนั้น ผู้ไม่ใช้โอกาสนี้อย่างเหมาะสมเป็นคนที่โง่เขลา อีกด้านหนึ่ง มีพราหมณ์หรือผู้ฉลาดพอที่จะใช้ร่างกายนี้แก้ปัญหาชีวิตทั้งหมด ยะ เอทัด อัคชะรัม การกิ วิดิทวาสมาล โลคาท ไพรทิ สะ บราฮมะณะฮฺ
คริพะณะฺ หรือคนโลภเสียเวลากับความเสน่หาต่อครอบครัว สังคม และประเทศ ฯลฯ มากเกินไป ตามแนวคิดชีวิตแห่งโลกวัตถุ ส่วนมากจะยึดติดอยู่กับชีวิตครอบครัว เช่น ภรรยา บุตร ธิดา และสมาชิกอื่น ๆ บนพื้นฐานของ ”โรคผิวหนัง” คริพะณะฺ คิดว่าตัวเขาเองสามารถปกป้องสมาชิกในครอบครัวให้พ้นจากความตายได้ หรือมิเช่นนั้น คริพะณะฺ ก็จะคิดว่าครอบครัวหรือสังคมสามารถช่วยเขาให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือของพญามัจจุราชได้ ความยึดติดกับครอบครัวเช่นนี้พบได้แม้ในสัตว์ชั้นต่ำที่ดูแลลูกของมันเช่นเดียวกัน ด้วยความมีสติปัญญาอารจุนะทรงเข้าใจว่าความเสน่หาในการยึดติดต่อสมาชิกในครอบครัวและความปรารถนาที่จะปกป้องพวกเขาจากความตาย เป็นต้นเหตุแห่งความสับสนวุ่นวาย ถึงแม้อารจุนะทรงทราบดีว่าหน้าที่ในการรบรอคอยพระองค์อยู่ แต่เนื่องมาจากความอ่อนแอเพียงเล็กน้อยทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามหน้าที่ได้ ฉะนั้น อารจุนะทรงตรัสถามคริชณะ ผู้ทรงเป็นพระอาจารย์ทิพย์สูงสุดเพื่อให้ได้คำตอบที่แน่นอน อารจุนะทรงถวายชีวิตแด่คริชณะด้วยการมาเป็นสาวก พระองค์ทรงปรารถนาที่จะหยุดการสนทนาฉันมิตร การสนทนาระหว่างพระอาจารย์และสาวกเริ่มขึ้นอย่างจริงจัง บัดนี้ อารจุนะทรงปรารถนาที่จะสนทนาอย่างจริงจังต่อหน้าพระพักตร์ของผู้ที่พระองค์ทรงยอมรับว่าเป็นพระอาจารย์ทิพย์ ดังนั้น คริชณะทรงเป็นพระอาจารย์ทิพย์องค์แรกแห่งศาสตร์ภควัต-คีตาฺ และอารจุนะทรงเป็นสาวกรูปแรกที่เข้าใจ ภควัต-คีตาฺ อารจุนะทรงเข้าใจภควัต-คีตาอย่างไรนั้นฺ ได้กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตาฺ เอง ถึงกระนั้น ยังมีนักวิชาการทางโลกผู้เบาปัญญาอธิบายว่าเราไม่จำเป็นต้องยอมจำนนต่อคริชณะในฐานะที่ทรงเป็นบุคคล แต่ยอมจำนนต่อ “ผู้ที่ยังไม่เกิดภายในองค์คริชณะ”ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างภายในและภายนอกของคริชณะ ผู้ที่ไม่สามารถเข้าใจเช่นนี้ เป็นบุคคลโง่เขลาเบาปัญญาที่สุดในความพยายามที่จะเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ โศลก