คารมะ-โยกะ
โศลก 1
อารจุนะ อุวาชะฺ
จยายะสี เชท คารมะณัส เท
มะทา บุดดฺิร จะนารดะนะฺ
ทัท คิม คารมะณิ โกฺเร มาม
นิโยจะยะสิ เคชะวะฺ
อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, จยายะสีฺ - ดีกว่า, เชทฺ - ถ้าหาก, คารมะณะฮฺ - กว่ากิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, เทฺ - โดยพระองค์, มะทาฺ - พิจารณาว่า, บุดดฺิฮฺ - ปัญญา, จะ- นารดะนะฺ - โอ้ คริชณะ, ทัทฺ - ดังนั้น, คิมฺ - ทำไม, คารมะณิฺ - ในการกระทำ, โกฺเรฺ - น่าสะพรึงกลัว, มามฺ - ข้าพเจ้า, นิโยจะยะสิฺ - พระองค์ทรงปฎิบัติอยู่, เคชะวะฺ - โอ้ คริชณะ
คำแปลฺ
อารจุนะตรัสว่า โอ้ จะนารดะนะ โอ้ เคชะวะ ทำไมพระองค์ทรงปรารถนาให้ข้าพเจ้าต่อสู้ในสงครามอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ หากทรงคิดว่าปัญญานั้นดีกว่าการทำงานเพื่อผลทางวัตถุ?
คำอธิบายฺ
บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าชรีคริชณะทรงอธิบายถึงสถานภาพพื้นฐานของดวงวิญญาณอย่างละเอียดในบทที่ผ่านมา ด้วยพระประสงค์ที่จะส่งอารจุนะสหายสนิทของพระองค์ให้ออกจากมหาสมุทรแห่งความทุกข์ทางวัตถุ และทรงแนะนำวิถีแห่งการรู้แจ้งตนเองคือ บุดดฺิ-โยกะฺ หรือคริชณะจิตสำนึก บางครั้งมีผู้เข้าใจผิดคิดว่าคริชณะจิตสำนึกหมายถึงความเฉื่อยชา เกียจคร้าน ผู้ที่เข้าใจผิดเช่นนี้จะปลีกตัวไปอยู่ตามลำพังสวดมนต์ภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ชรีคริชณะเพื่อให้มีคริชณะจิตสำนึกโดยสมบูรณ์ หากว่าไม่ได้รับการฝึกฝนในปรัชญาแห่งคริชณะจิตสำนึกแล้ว ไม่แนะนำให้ไปสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควานโดยลำพัง ซึ่งอาจได้รับการสรรเสริญเยินยอจากประชาชนผู้พาซื่อ อารจุนะทรงคิดเช่นเดียวกันว่าคริชณะจิตสำนึกหรือ บุดดฺิ-โยกะฺ หรือการใช้สติปัญญาในความเจริญก้าวหน้าแห่งความรู้ทิพย์เป็นเสมือนเกษียณจากชีวิตการทำงาน ไปบำเพ็ญเพียรและสมถะอย่างเคร่งครัดในที่โดดเดี่ยว อีกนัยหนึ่ง อารจุนะทรงปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้ และใช้ความชำนาญอ้างเอาคริชณะจิตสำนึกมาเป็นข้อแก้ตัว แต่ในฐานะที่เป็นศิษย์ผู้มีความจริงใจ อารจุนะได้วางปัญหาลงต่อหน้าพระอาจารย์ และถามคริชณะว่าควรปฎิบัติอย่างไรจึงจะดีที่สุด ในการตอบคำถามนี้ องค์ชรีคริชณะทรงอธิบาย คารมะ-โยกะฺ หรือการทำงานในคริชณะจิตสำนึกอย่างละเอียดในบทที่สามนี้