นะฺ - ไม่เคย, อทิฺ - มากไป, อัชนะทะฮฺ - ของผู้รับประทาน, ทฺุ - แต่, โยกะฮฺ - เชื่อมสัมพันธ์กับองค์ภควาน, อัสทิฺ - มี, นะฺ - ไม่, ชะฺ - เช่นกัน, เอคานทัมฺ - มากไป, อนัชนะทะฮฺ - ไม่ฟุ่มเฟือยในการกิน, นะฺ - ไม่, ชะฺ - เช่นกัน, อทิฺ - มากไป, สวัพนะ-ชีลัสยะฺ - ของผู้นอน, จากระทะฮฺ - หรือผู้ที่ตื่นตอนกลางคืนมากเกินไป, นะฺ - ไม่, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - และ, อารจุนะฺ - โอ้อารจุนะ
การประมาณการกินและการนอนได้แนะนำไว้ ณ ที่นี้สำหรับโยคี กินมากเกินไปหมายถึงกินเกินความจำเป็นที่จะดำรงรักษาร่างกายและวิญญาณไว้ด้วยกัน ไม่มีความจำเป็นที่มนุษย์ต้องกินสัตว์เพราะมีอาหารมากมายเช่น เมล็ดข้าวต่าง ๆ ผัก ผลไม้และนม อาหารง่าย ๆ เหล่านี้จัดอยู่ในระดับแห่งความดีตาม ภควัต-คีตาฺ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์จัดอยู่ในระดับอวิชชา ฉะนั้น พวกที่ชอบกินเนื้อสัตว์ ชอบดื่มสุรา ชอบเสพสิ่งเสพติดและกินอาหารที่ไม่ถวายให้คริชณะก่อน จะได้รับความทุกข์จากวิบากกรรมเพราะกินแต่ของที่เป็นพิษทั้งนั้น บํุนจะเท เท ทุ อกัฺม พาพา เย พะชันทิ อาทมะ-คาระณาทฺ ผู้ใดที่กินเพื่อความสุขของประสาทสัมผัส หรือปรุงอาหารสำหรับตนเองไม่ถวายอาหารให้คริชณะ จะกินแต่ความบาปเท่านั้น ผู้ที่กินความบาปและกินเกินกว่าที่กำหนดไว้สำหรับตนไม่สามารถปฏิบัติโยคะได้อย่างสมบูรณ์ วิธีที่ดีที่สุดคือกินเฉพาะพระสาดัมฺ อาหารที่เหลือหลังจากการถวายให้คริชณะแล้ว บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่กินอะไรที่ไม่ถวายให้คริชณะก่อน ฉะนั้น บุคคลในคริชณะจิตสำนึกจึงสามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์ในการปฏิบัติโยคะ ผู้ที่อดอาหารแบบฝืนธรรมชาติ คิดค้นวิธีการอดอาหารขึ้นมาเองไม่สามารถฝึกปฏิบัติโยคะได้ บุคคลในคริชณะจิตสำนึกอดอาหารตามที่พระคัมภีร์ได้แนะนำไว้ และไม่อดอาหารหรือกินมากเกินความจำเป็น ดังนั้น เขาจึงสามารถฝึกปฏิบัติโยคะได้ ผู้ที่กินมากเกินความจำเป็นจะฝันมากในขณะหลับ ดังนั้น จึงต้องนอนมากเกินความจำเป็น เราไม่ควรนอนมากกว่าหกชั่วโมงต่อวัน ผู้ที่นอนมากกว่าหกชั่วโมงในยี่สิบสี่ชั่วโมงแน่นอนว่าถูกอิทธิพลของระดับอวิชชาครอบงำ บุคคลผู้อยู่ในระดับอวิชชาจะมีความเกียจคร้านและชอบนอนมาก บุคคลเช่นนี้ไม่สามารถปฏิบัติโยคะได้