ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ หก

ดฺยานะ-โยกะ

โศลก 8

กยานะ-วิกยานะ-ทริพทาทมา
คูทะ-สโทฺ วิจิเทนดริยะฮฺ

ยุคทะ อิทิ อุชยะเท โยกี
สะมะ-โลชทราชมะ-คานชะนะฮฺ

กยานะฺ  -  ด้วยความรู้ที่เรียนมา, วิกยานะฺ  -  และความรู้แจ้งจากการปฏิบัติ, ทริพทะฺ  -  พึงพอใจ, อาทมาฺ  -  สิ่งมีชีวิต, คูทะ-สทฺะฮฺ  -  สถิตในระดับทิพย์, วิจิทะ-อินดริยะฮฺ  -  ควบคุมประสาทสัมผัส, ยุคทะฮฺ  -  สามารถรู้แจ้งตนเอง, อิทิฺ  -  ดังนั้น, อุชยะเทฺ  -  กล่าวว่า, โยกีฺ  -  โยคี, สะมะฺ  -  เที่ยงตรง, โลชทระฺ  -  กรวด, อัชมะฺ  -  หิน, คานชะนะฮฺ  -  ทอง

คำแปลฺ

ผู้ที่สถิตในความรู้แจ้งแห่งตนเรียกว่าโยคี  (หรือผู้มีฤทธิ์  )  เมื่อเขามีความพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยมในบุญบารมีแห่งความรู้และความรู้แจ้งที่ได้รับ  บุคคลเช่นนี้สถิตในระดับทิพย์เป็นผู้ควบคุมตนเองได้  เขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นก้อนกรวด  ก้อนหิน  หรือทองคำ  ว่ามีค่าเท่ากัน

คำอธิบายฺ

ความรู้จากหนังสือโดยปราศจากความรู้แจ้งแห่งสัจธรรมสูงสุดนั้นไร้ประโยชน์ได้กล่าวไว้ดังต่อไปนี้

อทะฮ ชรี-คริชณะ-นามาดิ
นะ บฺะเวด กราฮยัม อินดริไยฮฺ

เสโวนมุเคฮ ฮิ จิฮวาโดฺ
สวะยัม เอวะ สพํุระทิ อดะฮฺ

“ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจธรรมชาติทิพย์แห่งพระนาม  พระวรกาย  คุณสมบัติ  และลีลาขององค์  ชรีคริชณะด้วยประสาทสัมผัสวัตถุของตนที่มีมลทินได้  เมื่อเขามีความอิ่มเอิบทิพย์ด้วยการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควานเท่านั้น  พระนามทิพย์  พระวรกายทิพย์  คุณสมบัติทิพย์และลีลาทิพย์ของพระองค์จะทรงปรากฏแก่เขา”  (บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ1.2.234)

หนังสือ  ภควัต-คีตาฺ  นี้  เป็นศาสตร์แห่งคริชณะจิตสำนึก  ไม่มีผู้ใดสามารถมาเป็นคริชณะจิตสำนึกได้ด้วยการศึกษาทางโลก  เขาต้องโชคดีพอที่ได้มาคบหาสมาคมกับบุคคลผู้อยู่ในจิตสำนึกที่บริสุทธิ์  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกมีความรู้แจ้งด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะ  เพราะเขาพึงพอใจต่อการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์  ด้วยความรู้แจ้งทำให้เขาสมบูรณ์ด้วยความรู้ทิพย์ทำให้เขาสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงในความมุ่งมั่น  หากเพียงแต่เป็นความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียวอาจทำให้หลงผิดได้โดยง่ายดาย  และเกิดสับสนจากการปรากฏที่ขัดกัน  ดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งสามารถควบคุมตนเองได้อย่างแท้จริง  เพราะเขาศิโรราบต่อคริชณะผู้ทรงอยู่ในระดับทิพย์  และเขาไม่มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับการศึกษาทางโลก  การศึกษาทางโลกและการคาดคะเนทางจิตอาจดีเท่ากับทองคำสำหรับผู้อื่น  แต่ไม่มีคุณค่ามากไปกว่าก้อนกรวดหรือก้อนหินสำหรับบุคคลผู้นี้