ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ สิบ

ความมั่งคั่งแห่งสัจธรรม

โศลก 1

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
บํูยะ เอวะ มะฮา-บาโฮ
ชริณุ เม พะระมัม วะชะฮฺ

ยัท เท ่ฮัม พรียะมาณายะ
วัคชยามิ ฮิทะ-คามยะยาฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  องค์ภควานตรัส, บํูยะฮฺ  -  อีกครั้งหนึ่ง, เอวะฺ  -  แน่นอน, มะฮา-บาโฮฺ  -  โอ้ ยอดนักรบ, ชริณฺุ  -  จงฟัง, เมฺ  -  ของข้า, พะระมัมฺ  -  สูงสุด, วะชะฮฺ  -  คำสั่งสอน, ยัทฺ  -  ซึ่ง, เทฺ  -  แด่เธอ, อฮัมฺ  -  ข้า, พรียะมาณายะฺ  -  คิดว่าเธอเป็นที่รักของข้า, วัคชยามิฺ  -  ตรัส, ฮิทะฺ  -  คามยะยาฺ  -  เพื่อประโยชน์แด่เธอ

คำแปลฺ

องค์ภควานตรัสว่า  จงฟังอีกครั้งหนึ่ง  โอ้  อารจุนะยอดนักรบ  เพราะว่าเธอเป็นเพื่อนรักของข้า  ข้าจะพูดให้ความรู้ในสิ่งที่ดีกว่าที่ได้เคยอธิบายไปแล้ว  เพื่อเป็นประโยชน์แด่เธอ

คำอธิบายฺ

พะราชะระ  มุนิ  ได้อธิบายคำว่า  ภควานฺ  คือผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นคั่งหกประการ  ได้แก่  พลังอำนาจ  ชื่อเสียง  ความร่ำรวย  ความรู้  ความสง่างาม  และความเสียสละ  องค์ภควาน  คริชณะ  หรือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ขณะที่ประทับอยู่บนโลกนี้  ทรงแสดงความมั่งคั่งหกประการนี้  ดังนั้น  บรรดานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย  เช่นพะราชะระ  มุนิ  ยอมรับว่าคริชณะคือองค์ภควาน  บัดนี้  คริชณะทรงสั่งสอนอารจุนะด้วยความรู้ที่เป็นความลับยิ่งขึ้นไปอีกเกี่ยวกับความมั่งคั่ง  พระภารกิจของพระองค์  ก่อนหน้านี้ทรงเริ่มต้นจากบทที่เจ็ด  องค์ภควานทรงอธิบายถึงพลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์ว่าทำงานกันอย่างไร  ในบทนี้  ทรงอธิบายถึงความมั่งคั่งของพระองค์โดยเฉพาะแด่อาร-จุนะ  บทที่แล้วทรงอธิบายถึงพลังงานต่าง  ๆ  อย่างชัดเจน  เพื่อสถาปนาการอุทิศตนเสียสละด้วยความมั่นคง  ในบทนี้อีกครั้งหนึ่ง  ทรงตรัสต่ออารจุนะเกี่ยวกับปรากฎการณ์และความมั่งคั่งต่าง  ๆ

เมื่อได้สดับฟังเกี่ยวกับองค์ภควานมากขึ้น  เราจะตั้งมั่นอยู่กับการอุทิศตนเสียสละรับใช้มากยิ่งขึ้น  เราควรสดับฟังเกี่ยวกับพระองค์ร่วมกับเหล่าสาวกของพระองค์เสมอ  เพราะจะช่วยส่งเสริมการอุทิศตนเสียสละรับใช้  การสนทนาในสังคมสาวกเป็นไปได้  โดยเฉพาะพวกที่มีความกระตือรือร้นอย่างแท้จริงที่จะอยู่ในคริชณะจิตสำนึก  บุคคลอื่นไม่สามารถมีส่วนร่วมในการสนทนาเช่นนี้  องค์ภควานตรัสต่ออารจุนะอย่างชัดเจนว่า  เนื่องจากอารจุนะเป็นที่รักยิ่งของพระองค์  และเพื่อประโยชน์ของอารจุนะจึงได้มีการสนทนาเช่นนี้เกิดขึ้น

โศลก 2

เน เม วิดุฮ สุระ-กะณาฮ
พระบฺะวัม นะ มะฮารชะยะฮฺ

อฮัม อาดิร ฮิ เดวานาม
มะฮารชีณาม ชะ สารวะชะฮฺ

นะฺ  -  ไม่เคย, เมฺ  -  ของข้า, วิดุฮฺ  -  ทราบ, สุระฺ  -  กะณาฮฺ  -  เหล่าเทวดา, พระบฺะวัมฺ  -  แหล่งเดิม,ความมั่งคั่ง, นะฺ  -  ไม่เคย, มะฮาฺ  -  ริชะยะฮฺ  -  นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, อาดิฮฺ  -  แหล่งกำเนิด, ฮิฺ  -  แน่นอน, เดวานามฺ  -  ของเหล่าเทวดา, มะฮา-ริชีณามฺ  -  ของนักบวชผู้ยิ่งใหญ่, ชะฺ  -  เช่นกัน, สารวะชะฮฺ  -  ในทุก ๆ ด้าน

คำแปลฺ

ทั้งเทวดาและนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากไม่รู้แหล่งกำเนิดหรือความมั่งคั่งของข้า  แต่ข้าคือแหล่งกำเนิดของเหล่าเทวดาและนักปราชญ์ด้วยประการทั้งปวง

คำอธิบายฺ

ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ว่า  ชรีคริชณะคือองค์ภควาน  ไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  ณ  ที่นี้พระองค์ตรัสไว้เช่นกันว่า  ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของเหล่าเทวดาและนักปราชญ์ทั้งหลาย  แม้เทวดาและนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่สามารถเข้าใจคริชณะ  เมื่อพวกนี้ไม่สามารถเข้าใจพระนามหรือบุคลิกภาพของคริชณะ  แล้วผู้ที่สมมติว่าเป็นนักวิชาการแห่งโลกใบเล็ก  ๆ  นี้จะมีสถานภาพเช่นไร?  ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจว่าทำไมองค์ภควานเสด็จมายังโลกเหมือนกับปุถุชนคนธรรมดา  และปฏิบัติกิจกรรมที่ไม่ธรรมดาอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้  จากนั้นเราควรรู้ว่า  ความรู้ทางวิชาการไม่ใช่คุณสมบัติที่จำเป็นในการเข้าใจคริชณะ  แม้แต่เทวดาและนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้พยายามเข้าใจคริชณะด้วยการคาดคะเนทางจิตใจ  แต่ไม่ประสบผลสำเร็จใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า  แม้เหล่าเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ไม่สามารถเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  พวกเขาสามารถคาดคะเนจนถึงขีดจำกัดของประสาทสัมผัสอันไม่สมบูรณ์  จนมาถึงจุดสรุปที่ตรงกันข้าม  คือลัทธิไร้รูปลักษณ์เกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ปรากฏจากคุณลักษณะทั้งสามของธรรมชาติวัตถุ  หรืออาจจินตนาการบางสิ่งบางอย่างด้วยการคาดคะเนทางจิตใจแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจคริชณะด้วยการคาดคะเนที่โง่เขลาเช่นนี้

ณ  ที่นี้องค์ภควานตรัสโดยอ้อมว่า  หากผู้ใดปรารถนาจะรู้สัจธรรมที่สมบูรณ์“บัดนี้ข้าปรากฏในฐานะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ข้าคือองค์ภควาน”  เราควรรู้เช่นนี้ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถเข้าใจองค์ภควานผู้ไม่สามารถมองเห็นได้และทรงปรากฏด้วยพระองค์เอง  อย่างไรก็ดี  พระองค์ทรงปรากฏ  เราสามารถเข้าใจคริชณะได้อย่างแท้จริงว่าเป็นอมตะ  เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุข  และความรู้  จากการศึกษาคำดำรัสของพระองค์ใน  ภควัต-คีตาฺ  และ  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ทัศนคติเกี่ยวกับองค์ภควานที่เหมือนกับพลังอำนาจที่สามารถควบคุมบางอย่าง  หรือว่าเป็น  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  บุคคลผู้อยู่ภายใต้พลังอำนาจเบื้องต่ำสามารถบรรลุถึง  แต่ผู้ที่อยู่ในสถานภาพทิพย์เท่านั้นจึงสามารถสำเหนียกถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าได้

เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าใจคริชณะในสถานภาพอันแท้จริง  ด้วยพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ขององค์ภควาน  ทรงเสด็จลงมาเพื่ออนุเคราะห์ต่อนักคาดคะเนเหล่านี้  ถึงกระนั้น  แม้จะมีกิจกรรมอันไม่ธรรมดาขององค์ภควาน  เนื่องจากมลทินแห่งพลังงานวัตถุ  นักคาดคะเนเหล่านี้ยังคิดว่า  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์คือองค์ภควาน  เหล่าสาวกผู้ศิโรราบต่อองค์ภควานโดยดุษฎีเท่านั้น  จึงสามารถเข้าใจได้ด้วยพระกรุณาธิคุณของบุคลิกภาพสูงสุดว่าพระองค์คือคริชณะ  เหล่าสาวกขององค์ภควานไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับแนวคิด  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  ความศรัทธาและการอุทิศตนเสียสละจะนำพวกท่านให้มาศิโรราบต่อพระองค์โดยทันที  และด้วยพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของคริชณะ  ทำให้สามารถเข้าใจคริชณะ  นอกนั้นไม่มีผู้ใดเข้าใจพระองค์  ดังนั้นแม้นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เห็นด้วยว่า  อาทมาฺ  คืออะไร  องค์ภควานอะไร?  และพระองค์คือบุคคลที่เราต้องบูชา

โศลก 3

โย มาม อจัม อนาดิม ชะ
เวททิ โลคะ-มะเฮชวะรัมฺ

อสัมมูดฺะฮ สะ มารทเยชุ
สารวะ-พาไพฮ พระมุชยะเทฺ

ยะฮฺ  -  ผู้ใดซึ่ง, มามฺ  -  ข้า, อจัมฺ  -  ไม่มีการเกิด, อนาดิมฺ  -  ไม่มีจุดเริ่มต้น, ชะฺ  -  เช่นกัน, เวททิฺ  -  รู้, โลคะฺ  -  โลก, มะฮาฺ  -  อีชวะรัมฺ  -  เจ้านายสูงสุด, อสัมมูดฺฺะฮฺ  -  ไม่หลงผิด, สะฮฺ  -  เขา, มารทเยชฺุ  -  ในหมู่พวกที่ต้องตาย, สารวะฺ  -  พาไพฮฺ  -  จากผลบาปทั้งปวง, พระมุชยะเทฺ  -  ถูกจัดส่ง

คำแปลฺ

ผู้ที่รู้ว่าข้าคือผู้ไม่มีการเกิด  ไม่มีจุดเริ่มต้น  รู้ว่าข้าคือองค์ภควานที่สูงสุดของโลกทั้งหลาย  ผู้นี้เท่านั้นที่ไม่หลงผิดในหมู่มนุษย์และเป็นอิสระจากความบาปทั้งปวง

คำอธิบายฺ

ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทที่เจ็ด  (7.3)  ว่า  มะนุชยาราม  สะฮัสเรชุ  คัชชิด  ยะทะทิ  สิดดฺะเยฺ  พวกที่พยายามพัฒนาตนเองมาสู่ระดับแห่งความรู้แจ้งทิพย์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาพวกนี้เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดานับจำนวนล้าน  ๆ  และล้าน  ๆ  คนที่ไม่มีความรู้แห่งความรู้แจ้งทิพย์  แต่จากพวกที่พยายามที่จะเข้าใจสถานภาพทิพย์ของตนอย่างแท้จริง  ผู้มาถึงจุดที่เข้าใจว่าคริชณะคือองค์ภควานเจ้าของสรรพสิ่งและทรงไม่มีการเกิด  จะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในความรู้แจ้งทิพย์  ในระดับนี้เท่านั้นที่จะเข้าใจสถานภาพอันสูงสุดของคริชณะอย่างเต็มเปี่ยมและเป็นอิสระจากผลบาปทั้งปวงโดยสมบูรณ์

ณ  ที่นี้ได้อธิบายองค์ภควานด้วยคำว่า  อจะฺ  หมายถึง  “ไม่มีการเกิด”  แต่พระองค์ทรงแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตที่อธิบายไว้ในบทที่สองว่าเป็น  อจะฺ  พระองค์ทรงแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตที่เกิดและตายอันเนื่องมาจากความยึดติดทางวัตถุ  พันธวิญญาณเปลี่ยนร่างของตนเอง  แต่พระวรกายขององค์ภควานไม่มีการเปลี่ยนแปลง  แม้เมื่อเสด็จลงมายังโลกวัตถุนี้  ซึ่งมาในรูปลักษณ์ที่ไม่มีการเกิดเหมือนเดิม  ดังนั้น  ในบทที่สี่ได้กล่าวไว้ว่า  ด้วยพลังอำนาจเบื้องสูงของพระองค์ที่ทรงมิได้อยู่ภายใต้พลังงานวัตถุเบื้องต่ำ  แต่อยู่ในพลังงานเบื้องสูงเสมอ

ในโศลกนี้คำว่า  เวททิ  โลคะ-มะเฮชวะรัมฺ  แสดงว่าเราควรรู้ว่าองค์ชรีคริชณะทรงเป็นเจ้าของสูงสุดแห่งระบบดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  ในจักรวาล  พระองค์ทรงอยู่ก่อนการสร้าง  และพระองค์ทรงแตกต่างจากการสร้าง  เหล่าเทวดาทั้งหลายถูกสร้างขึ้นมาภายในโลกวัตถุนี้  แต่สำหรับคริชณะกล่าวไว้ว่า  พระองค์ทรงมิได้ถูกสร้างขึ้นมา  ดังนั้น  คริชณะทรงแตกต่างจากแม้แต่เทวดาผู้ยิ่งใหญ่เช่นพระพรหมและพระศิวะ  เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างพระพรหม  พระศิวะ  และเทวดาอื่น  ๆ  ทั้งหลาย  พระองค์จึงทรงเป็นบุคคลสูงสุดของดาวเคราะห์ทั้งหมด

ดังนั้น  องค์ชรีคริชณะทรงแตกต่างจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมา  ผู้ใดที่รู้เช่นนี้เป็นผู้ที่หลุดพ้นจากผลบาปทั้งปวงทันที  เราต้องเป็นอิสระจากกิจกรรมบาปทั้งหมดเพื่อมาอยู่ในความรู้แห่งองค์ภควาน  ด้วยการอุทิศตนเสียสละเท่านั้นที่จะรู้ถึงพระองค์ได้  ไม่ใช่ด้วยวิธีอื่นใดทั้งสิ้น  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ

เราไม่ควรพยายามเข้าใจคริชณะว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา  ดังที่กล่าวไว้แล้วว่าคนโง่เขลาเท่านั้นที่คิดว่าคริชณะทรงเป็นบุคคลธรรมดา  ได้เน้นไว้  ณ  ที่นี้อีกครั้งหนึ่งด้วยวิธีที่ต่างกัน  คนมีปัญญาพอที่จะเข้าใจสถานภาพพื้นฐานเดิมขององค์ภควานจะเป็นผู้ที่มีอิสระจากผลบาปทั้งปวงเสมอ

หากเป็นที่รู้กันว่าคริชณะทรงเป็นบุตรของพระนางเดวะคีแล้วพระองค์จะทรงเป็นผู้ที่ไม่มีการเกิดได้อย่างไร  ได้อธิบายไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  เช่นกัน  เมื่อพระองค์ทรงปรากฏต่อหน้าพระนางเดวะคีและวะสุเดวะ  พระองค์ทรงมิได้เกิดเหมือนเด็กน้อยธรรมดา  คริชณะทรงปรากฏในรูปลักษณ์เดิมแท้ของพระองค์  จากนั้นทรงเปลี่ยนพระวรกายมาเป็นเด็กน้อยธรรมดา

ทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำไปภายใต้คำสั่งของคริชณะเป็นทิพย์  ไม่มีมลทินจากผลทางวัตถุซึ่งอาจจะเป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคล  แนวคิดที่ว่ามีสิ่งที่เป็นมงคลและไม่เป็นมงคลในโลกวัตถุเป็นการอุปโลกน์ทางจิต  ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นมงคลเพราะว่าตัวธรรมชาติวัตถุเองไม่เป็นมงคล  เราเพียงแต่จินตนาการว่าเป็นมงคล  ความเป็นสิริมงคลที่แท้จริงขึ้นอยู่กับกิจกรรมในคริชณะจิตสำนึกด้วยการอุทิศตนเสียสละและรับใช้อย่างเต็มเปี่ยม  ดังนั้น  หากเราปรารถนาให้กิจกรรมของพวกเราเป็นมงคล  เราควรทำงานภายใต้คำชี้นำขององค์ภควาน  คำชี้นำเหล่านี้ได้ให้ไว้ในพระคัมภีร์ที่เชื่อถือได้  เช่น  ชรีมัด-  บฺากะวะธัมฺ  และ  ภควัต-คีตาฺ  หรือจากพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้  เพราะว่าพระอาจารย์ทิพย์เป็นผู้แทนขององค์ภควาน  คำชี้นำของท่านเป็นการชี้นำโดยตรงจากองค์ภควาน  พระอาจารย์ทิพย์  นักบุญ  และพระคัมภีร์ชี้นำไปในทางเดียวกัน  จะไม่มีข้อขัดแย้งในสามแหล่งนี้  การกระทำทั้งหมดภายใต้การชี้นำเช่นนี้เป็นอิสระจากผลบุญหรือผลบาปของโลกวัตถุนี้  ท่าทีทิพย์ของสาวกในการปฏิบัติกิจกรรมอันที่จริงเป็นการเสียสละจึงเรียกว่า  สันนยาสะฺ  ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกหนึ่งบทที่หกของ  ภควัต-คีตาฺ  ผู้ปฏิบัติไปตามหน้าที่เพราะได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติจากองค์ภควาน  และเป็นผู้ที่ไม่ได้หาที่พึ่งในผลแห่งกิจกรรมของตนเอง  (อนาชริทะฮ  คารมะ-พฺะลัม)ฺ  เป็นผู้เสียสละที่แท้จริง  ผู้ใดปฏิบัติภายใต้การชี้นำขององค์ภควานเป็น  สันนยาสีฺ  และเป็นโยคีที่แท้จริง  ไม่ใช่บุคคลผู้แต่งชุด  สันนยาสีฺ  หรือโยคีจอมปลอม

โศลก 4-5

บุดดิฺร กยานัม อสัมโมฮะฮ
คชะมา สัทยัม ดะมะฮ ชะมะฮฺ

สุคัฺม ดุฮคัฺม บฺะโว
่บฺาโว บฺะยัม ชาบฺะยัม เอวะ ชะฺ
อฮิมสา สะมะทา ทุชทิส
ทะโพ ดฺานัม ยะโช ่ยะชะฮฺ

บฺะวันทิ บฺาวา บํูทานาม
มัททะ เอวะ พริทัฺก-วิดฺาฮฺ

บูดดิฺฮฺ  -  ปัญญา, กยานัมฺ  -  ความรู้, อสัมโมฮะฮฺ  -  ปราศจากความสงสัย, คชะมาฺ  -  การให้อภัย,สัทยัมฺ  -  สัจจะ, ดะมะฮฺ  -  ควบคุมประสาทสัมผัส, ชะมะฮฺ  -  ควบคุมจิตใจ, สุคัฺมฺ  -  ความสุข, ดุฮคัฺมฺ  -  ความทุกข์, บะวะฮฺ  -  การเกิด, อบาวะฮฺ  -  การตาย, บฺะยัมฺ  -  ความกลัว, ชะฺ  -  เช่นกัน, อบฺะยัมฺ  -  ความไม่กลัว, เอวะฺ  -  เช่นกัน, ชะฺ  -  และ, อฮิมสาฺ  -  ไม่เบียดเบียน, สะมะทาฺ  -  อุเบกขา, ทุชทิฮฺ  -  ความพึงพอใจ, ทะพะฮฺ  -  การบำเพ็ญเพียร, ดานัมฺ  -  การให้ทาน, ยะชะฮฺ  -  มีชื่อเสียง, อยะชะฮฺ  -  เสียชื่อเสียง, บฺะวันทิฺ  -  ปรากฏมา, บฺาวาฮฺ  -  ธรรมชาติ, บํูทานามฺ  -  สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ, มัททะฮฺ  -  จากข้า, เอวะฺ  -  แน่นอน, พริทัฺค-วิดาฮฺ  -  จัดการอย่างหลากหลาย

คำแปลฺ

ปัญญา  ความรู้  ปราศจากความสงสัยและความหลงผิด  การให้อภัย  สัจจะ  การควบคุมประสาทสัมผัส  การควบคุมจิตใจ  ความสุขและความทุกข์  การเกิด  การตาย  ความกลัว  ความไม่กลัว  การไม่เบียดเบียน  อุเบกขา  ความพึงพอใจ  ความสมถะ  การให้ทาน  มีชื่อเสียงและเสียชื่อเสียง  คุณสมบัติอันหลากหลายเหล่านี้ทั้งหมดของสิ่งมีชีวิต  ข้าเป็นผู้สร้างเพียงผู้เดียว

คำอธิบายฺ

คุณสมบัติต่าง  ๆ  ของสิ่งมีชีวิตไม่ว่าดีหรือเลว  คริชณะทรงเป็นผู้สร้างทั้งหมดซึ่งได้อธิบายไว้  ณ  ที่นี้

ปัญญา  หมายถึงพลังในการวิเคราะห์สิ่งต่าง  ๆ  ด้วยระดับสายตาที่ถูกต้องเหมาะสม  และความรู้หมายถึงการเข้าใจว่าอะไรคือวิญญาณและอะไรคือวัตถุ  ความรู้ทั่วไปที่ได้รับจากการศึกษาในมหาวิทยาลัยเกี่ยวเนื่องกับวัตถุเท่านั้น  ณ  ที่นี้ไม่ยอมรับว่าเป็นความรู้  ความรู้หมายถึงรู้ข้อแตกต่างระหว่างวิญญาณและวัตถุ  การศึกษาในสมัยปัจจุบันไม่มีความรู้เกี่ยวกับดวงวิญญาณ  เพียงแต่ดูแลธาตุวัตถุต่าง  ๆ  และดูแลความจำเป็นของร่างการเท่านั้น  ดังนั้น  ความรู้ทางวิชาการจึงไม่สมบูรณ์

อสัมโมฮะฺ  ปราศจากความสงสัยและความหลงผิดบรรลุได้เมื่อเราไม่ลังเลและเข้าใจปรัชญาทิพย์  ดำเนินไปอย่างช้า  ๆ  แต่แน่นอนว่าจะเป็นอิสระจากความวิตกกังวล  เราไม่ควรยอมรับสิ่งใดโดยไม่มีการพินิจพิจารณา  ทุกสิ่งทุกอย่างควรรับไว้ด้วยความเอาใจใส่และระมัดระวัง  คชะมาฺ  ความอดทนและการให้อภัยควรถือปฏิบัติเราควรอดทนและให้อภัยกับความผิดเล็กน้อยของผู้อื่น  สัทยัมฺ  หรือสัจจะหมายความว่าความจริงควรเสนอไปตามความจริงเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น  ความจริงไม่ควรเสนอไปอย่างผิดๆ  ตามธรรมเนียมของสังคม  ได้กล่าวไว้ว่าเราควรพูดความจริงเมื่อเป็นที่พอใจของผู้อื่นเท่านั้น  แต่นั่นไม่ใช่สัจจะ  สัจจะควรพูดอย่างตรงไปตรงมาเพื่อผู้อื่นจะได้เข้าใจอย่างถูกต้องว่าความจริงคืออะไร  หากบุคคลนี้เป็นขโมยและผู้คนได้รับการเตือนว่าเขาเป็นขโมย  นั่นคือสัจจะ  ถึงแม้ว่าบางครั้งสัจจะไม่เป็นที่พอใจ  เราไม่ควรหลีกเลี่ยงที่จะพูดสัจจะหมายความว่าความจริงต้องเสนอออกไปตามความเป็นจริงเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น  นั่นคือคำนิยามของสัจจะ

การควบคุมประสาทสัมผัส  หมายความว่าประสาทสัมผัสไม่ควรใช้ไปเพื่อความสุขส่วนตัวโดยไม่จำเป็น  ไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับความจำเป็นที่เหมาะสมของประสาทสัมผัส  แต่ความสุขทางประสาทสัมผัสที่ไม่จำเป็นเป็นอุปสรรคในความเจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์  ฉะนั้น  ประสาทสัมผัสจึงควรถูกห้ามปรามจากการใช้โดยไม่จำเป็น  ในทำนองเดียวกัน  เราควรควบคุมจิตใจจากการคิดที่ไม่จำเป็น  เช่นนี้เรียกว่า  ชะมะฺ  เราไม่ควรใช้เวลาของเราเที่ยวไปหาเงิน  เพราะนั่นเป็นการใช้พลังแห่งความคิดที่ผิด  จิตใจควรใช้ไปเพื่อเข้าใจความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์และควรจะแสดงออกอย่างน่าเชื่อถือได้  พลังแห่งความคิดควรพัฒนาร่วมกับบุคคลผู้เชื่อถือได้ในพระคัมภีร์  เช่น  นักบุญ  พระอาจารย์ทิพย์  และพวกที่ความคิดพัฒนาสูงมากแล้ว  สุคัฺมฺ  ความยินดีหรือความสุขควรเป็นประโยชน์เพื่อพัฒนาความรู้ทิพย์แห่งคริชณะจิตสำนึก  ในทำนองเดียวกัน  สิ่งที่เจ็บปวดหรือก่อให้เกิดความทุกข์ก็คือไม่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาคริชณะจิตสำนึก  สิ่งใดที่เป็นประโยชน์เพื่อพัฒนาคริชณะจิตสำนึกควรรับไว้  และสิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ควรปฏิเสธ

บฺะวะฺ  การเกิด  ควรเข้าใจว่าเกี่ยวเนื่องกับร่างกาย  สำหรับดวงวิญญาณไม่มีทั้งการเกิดและการตาย  ซึ่งกล่าวไว้แล้วในตอนต้นของ  ภควัต-คีตาฺ  การเกิดและการตายสัมพันธ์กับร่างกายของเราในโลกวัตถุ  ความกลัว  เนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่มีความกลัว  เพราะจากกิจกรรมของเขามั่นใจได้ว่าจะกลับคืนสู่ท้องฟ้าทิพย์คืนสู่เหย้าสู่องค์ภควานอย่างแน่นอน  ฉะนั้น  อนาคตจึงสว่างไสวมาก  อย่างไรก็ดี  บุคคลอื่นไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร  และไม่รู้ว่าชาติหน้าจะเป็นอะไร  ดังนั้น  จึงอยู่ในความวิตกกังวลตลอดเวลา  หากเราต้องการเป็นอิสระจากความวิตกกังวล  วิธีที่ดีที่สุดคือเข้าใจคริชณะและสถิตในคริชณะจิตสำนึกเสมอ  เช่นนี้จะทำให้เราเป็นอิสระจากความกลัวทั้งหมด  ในชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (11.2.37)  กล่าวไว้ว่า  บฺะยัม  ดวิทียาบิฺนิเวชะทะฮ  สยาทฺ  ความกลัวเกิดจากการที่เราซึมซาบอยู่ในพลังงานแห่งความหลง  แต่พวกที่เป็นอิสระจากพลังงานแห่งความหลง  มั่นใจว่าตนเองไม่ใช่ร่างกายวัตถุ  แต่เป็นละอองอณูขององค์ภควาน  และปฏิบัติในการรับใช้ทิพย์ต่อพระองค์จึงไม่มีอะไรน่ากลัว  อนาคตของพวกเขาสว่างไสวมาก  ความกลัวนี้เป็นสภาวะของบุคคลผู้ไม่มีคริชณะจิตสำนึก  อบฺะยัมฺ  หรือความไม่กลัวเป็นไปได้สำหรับบุคคลที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้น

อฮิมสาฺ  การไม่เบียดเบียนหมายความว่า  เราไม่ควรทำสิ่งใดที่จะทำให้ผู้อื่นได้รับความทุกข์หรือสับสน  กิจกรรมทางวัตถุที่บรรดานักการเมือง  นักสังคมสงเคราะห์คนใจบุญ  ฯลฯ  มากมายให้สัญญา  ไม่ได้ทำให้เกิดผลดีมาก  เพราะว่าพวกนักการเมืองและคนใจบุญเหล่านี้ไม่มีวิสัยทัศน์ที่เป็นทิพย์  และไม่รู้ว่าอะไรคือประโยชน์ที่แท้จริงของสังคมมนุษย์  อฮิมสาฺ  หมายความว่า  ผู้คนควรได้รับการฝึกฝนให้ใช้ร่างกายมนุษย์เพื่อให้ได้รับประโยชน์สมบูรณ์สูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้  ร่างกายมนุษย์มีไว้เพื่อความรู้แจ้งทิพย์ดังนั้น  ขบวนการใด  ๆ  หรือคณะกรรมาธิการใด  ๆ  ที่ไม่นำไปสู่จุดมุ่งหมายนี้  กระทำการเบียดเบียนต่อร่างกายมนุษย์  บุคคลที่ส่งเสริมความสุขทิพย์ในอนาคตของผู้คนโดยทั่วไปเรียกว่าผู้ไม่เบียดเบียน

สะมะทาฺ  แปลว่าอุเบกขา  หมายถึงปราศจากความยึดติดและความเกลียดชัง  การยึดติดมากหรือการรังเกียจมากไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด  โลกวัตถุนี้ควรยอมรับโดยปราศจากการยึดติดหรือความรังเกียจ  อะไรที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินงานในคริชณะจิตสำนึกควรยอมรับไว้  และอะไรที่ไม่เอื้ออำนวยควรปฏิเสธ  เช่นนี้เรียกว่า  สะมะทาฺหรืออุเบกขา  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่มีอะไรที่จะปฏิเสธและไม่มีอะไรที่ต้องยอมรับนอกจากสิ่งนั้นมีประโยชน์ใช้สอยในการดำเนินงานในคริชณะจิตสำนึก

ทุชทิฺ  ความพึงพอใจ  หมายความว่า  เราไม่ควรกระตือรือร้นในการสะสมสิ่งของวัตถุมากยิ่งขึ้นด้วยกิจกรรมที่ไม่จำเป็น  เราควรพึงพอใจกับสิ่งต่าง  ๆ  ที่ได้รับมาด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน  เช่นนี้เรียกว่าความพึงพอใจ  ทะพัสฺ  หมายถึงความสมถะหรือการบำเพ็ญเพียร  มีกฎเกณฑ์มากมายในคัมภีร์พระเวทที่นำมาปฏิบัติได้  ณ  ที่นี้  เช่น  การตื่นนอนแต่เช้า  และการอาบน้ำ  บางครั้งลำบากมากที่ต้องตื่นนอนแต่เช้าตรู่แต่ความยากลำบากใด  ๆ  ที่เราอาสาปฏิบัติและอาจได้รับความทุกข์เช่นนี้เรียกว่าการบำเพ็ญเพียร  ในทำนองเดียวกัน  มีข้อกำหนดให้อดอาหารในวันสำคัญของเดือน  เราอาจไม่มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติการอดอาหารเช่นนี้  แต่เนื่องจากความมุ่งมั่นที่จะเจริญก้าวหน้าในศาสตร์แห่งคริชณะจิตสำนึก  เราควรยอมรับความลำบากทางร่างกายเช่นนี้เมื่อได้รับคำแนะนำ  อย่างไรก็ดี  เราไม่ควรอดอาหารโดยไม่จำเป็นหรือขัดต่อคำสั่งสอนของพระเวท  และไม่ควรอดอาหารเพื่อจุดมุ่งหมายทางการเมืองเพราะอยู่ในระดับอวิชชาตามคำอธิบาย  ภควัต-คีตาฺ  สิ่งใดที่ทำไปในระดับอวิชชาหรือตัณหาจะไม่ทำให้เจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์  สิ่งใดที่ทำไปในระดับแห่งความดีทำให้เราเจริญขึ้น  อย่างไรก็ดี  การอดอาหารตามคำสั่งสอนของคัมภีร์พระเวทจะประเทืองความรู้ทิพย์

เกี่ยวกับการให้ทานเราควรให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้เพื่อจุดมุ่งหมายที่ดี  แล้วอะไรคือจุดมุ่งหมายที่ดี?  นั่นคือการปฏิบัติที่สัมพันธ์กับคริชณะจิตสำนึกเช่นนี้ไม่เป็นเพียงจุดมุ่งหมายแค่ดีเท่านั้น  แต่ยังเป็นจุดมุ่งหมายที่ดีที่สุดเพราะว่าคริชณะดี  จุดมุ่งหมายของพระองค์ก็ทรงดีเช่นกัน  ดังนั้น  การให้ทานควรให้กับบุคคลผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  วรรณกรรมพระเวทได้กล่าวไว้ว่า  การให้ทานควรให้กับ  บระฮมะณะฺ  หรือพราหมณ์เช่นนี้ยังถือปฏิบัติกันอยู่  ถึงแม้ว่าจะไม่ดีทีเดียวตามคำสั่งสอนของพระเวท  แต่คำสั่งสอนก็คือการให้ทานควรให้แก่  บระฮมะณะฺ  เพราะเหตุใด?  เพราะ  บระฮมะณะฺปฏิบัติในการพัฒนาความรู้ทิพย์ที่สูงกว่า  เป็นผู้ที่อุทิศตนเสียสละชีวิตทั้งชีวิตในการเข้าใจ  บระฮมัน,  บระฮมะ  จานาทีทิ  บราฮมะณะฮฺ  ผู้ที่รู้  บระฮมันฺ  เรียกว่า  บระฮมะณะฺดังนั้น  การให้ทานจึงถวายให้  บระฮมะณะฺ  เพราะท่านปฏิบัติในการรับใช้ทิพย์อยู่เสมอจึงไม่มีเวลาทำมาหาเลี้ยงชีพ  วรรณกรรมพระเวทกล่าวว่าการให้ทานควรให้กับผู้ที่อยู่ในระดับชีวิตสละโลก  สันนยาสีฺ  ด้วยเช่นกัน  สันนยาสีฺ  ภิกขาจารไปตามบ้านไม่ใช่เพื่อเงินแต่เพื่อจุดมุ่งหมายในการเผยแพร่หลักธรรม  ระบบก็คือพวก  สันนยาสีฺ  ไปตามบ้านเพื่อปลุกคฤหัสถ์ให้ตื่นจากอวิชชา  เพราะพวกคฤหัสถ์ปฏิบัติภารกิจทางครอบครัวจนลืมจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของชีวิต  การปลุกคริชณะจิตสำนึกให้พวกคฤหัสถ์จึงเป็นภารกิจของ  สันนยาสีฺ  ในรูปของภิกขุที่ไปเยี่ยมและส่งเสริมให้คฤหัสถ์มีคริชณะจิตสำนึก  ดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวทว่าเราควรตื่นขึ้นและบรรลุถึงสิ่งที่ควรจะได้รับในชีวิตร่างมนุษย์นี้  ความรู้และวิธีการนี้  สันนยาสีฺ  เป็นผู้แจกจ่าย  ดังนั้น  การให้ทานจึงควรให้แก่ผู้ที่อยู่ในระดับชีวิตสละโลก  ให้แก่  บระฮมะณะฺ  และให้กับพวกที่มีจุดมุ่งหมายที่ดีในทำนองเดียวกันนี้  ไม่ใช่ไปให้แก่พวกที่ทำตามอำเภอใจ

ยะชะฺ  ชื่อเสียง  ควรเป็นไปตามที่องค์เชธันญะตรัส  บุคคลมีชื่อเสียงดีเมื่อมาเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่  นั่นคือชื่อเสียงที่แท้จริง  หากผู้ใดมาเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในคริชณะจิตสำนึกและเป็นที่รู้โดยทั่วกัน  เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงที่แท้จริง  นอกนั้นไม่ถือว่าเป็นผู้มีชื่อเสียง

คุณสมบัติทั้งหลายเหล่านี้ปรากฏอยู่ทั่วจักรวาลทั้งในสังคมมนุษย์และในสังคมเทวดา  มีรูปแบบของมนุษย์มากมายในดาวเคราะห์อื่น  ๆ  และคุณสมบัติเหล่านี้ก็มีอยู่  สำหรับผู้ที่ปรารถนาความเจริญก้าวหน้าในคริชณะจิตสำนึก  คริชณะทรงสร้างคุณสมบัติทั้งหลายเหล่านี้  แต่บุคคลจะพัฒนาด้วยตนเองภายใน  ผู้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน  จะพัฒนาคุณสมบัติที่ดีทั้งหลายซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้จัดการ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพบไม่ว่าดีหรือเลว  คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิด  ไม่มีสิ่งใดปรากฏตัวเองในโลกวัตถุนี้ที่ไม่ได้อยู่ในคริชณะ  นั่นคือความรู้  ถึงแม้เราทราบว่าสิ่งต่างๆสถิตแตกต่างกันไป  เราควรรู้แจ้งว่าทุกสิ่งทุกอย่างหลั่งไหลมาจากชรีคริชณะ

โศลก 6

มะฮารชะยะฮ สัพทะ พูรเว
ชัทวาโร มะนะวัส ทะทฺาฺ

มัด-บฺาวา มานะสา จาทา
เยชาม โลคะ อิมาฮ พระจาฮฺ

มะฮา-ริชะยะฮฺ  -  นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, สัพทะฺ  -  เจ็ด, พูรเวฺ  -  ก่อน, ชัทวาระฮฺ  -  สี่, มะนะ วะฮฺ  -  มะนุ,ทะทฺาฺ  -  เช่นกัน, มัท-บฺาวาฮฺ  -  เกิดจากข้า, มานะสาฮฺ  -  จากจิตใจ, จาทาฮฺ  -  เกิด, เยชามฺ  -  ของพวกเขา, โลเคฺ  -  ในโลก, อิมาฮฺ  -  ทั้งหมดนี้, พระจาฮฺ  -  พลเมือง

คำแปลฺ

นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด  และก่อนหน้านี้มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อีกสี่ท่านรวมทั้งมะนุ  (บรรพบุรุษแห่งมนุษยชาติ)  มาจากข้า  กำเนิดมาจากจิตใจของข้า  สิ่งมีชีวิตทั้งหลายซึ่งเป็นพลโลกของดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  สืบเชื้อสายมาจากท่านเหล่านี้

คำอธิบายฺ

องค์ภควานทรงให้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องวงศ์วานของประชากรในจักรวาล  พระพรหมทรงเป็นชีวิตแรกที่ประสูติจากพลังงานของพระองค์  ทรงพระนามว่า  ฮิรัณยะ-  การบฺะฺ  จากพระพรหมนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด  ก่อนหน้านี้มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สี่ท่านคือ  สะนะคะ  สะนันดะ  สะนาทะนะ  และ  สะนัท-คุมาระ  จากนั้น  มะนฺุ  ก็ปรากฏออกมา  นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งยี่สิบห้าท่านนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของมวลชีวิตในจักรวาลทั้งหมด  มีจักรวาลอยู่นับไม่ถ้วนและมีดาวเคราะห์ที่นับไม่ถ้วนอยู่ภายในแต่ละจักรวาลแต่ละดาวเคราะห์ยังเต็มไปด้วยประชากรอันหลากหลายเผ่าพันธุ์  ทั้งหมดเกิดมาจากผู้อาวุโสสูงสุดยี่สิบห้าท่านนี้  พระพรหมทรงปฏิบัติการบำเพ็ญเพียงเป็นเวลาหนึ่งพันปีตามเวลาของเทวดา  ก่อนที่จะรู้แจ้งด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะว่าจะทำการสร้างอย่างไร  จากพระพรหม  สะนะคะ  สะนันดะ  สะนาทะนะ  และ  สะนัท-คุมาระ  ประสูติออกมา  จากนั้น  รุดระฺ  และนักปราชญ์ทั้งเจ็ด  เช่นนี้  บระฮมะณะฺ  และ  คชัทริยะฺ  ทั้งหลายเกิดมาจากพลังงานขององค์ภควาน  พระพรหมทรงพระนามว่า  พิทามะฮะฺ  หรือเสด็จปู่  และคริชณะทรงพระนามว่า  พระพิทามะฮะฺ  พระบิดาของเสด็จปู่  ซึ่งได้กล่าวไว้ในบทที่สิบเอ็ดของ  ภควัต-คีตาฺ  (11.39)

โศลก 7

เอทาม วิบํูทิม โยกัม ชะ
มะมะ โย เวททิ ทัททวะทะฮฺ

โส ่วิคัลเพนะ โยเกนะ
ยุจยะเท นาทระ สัมชะยะฮฺ

เอทามฺ  -  ทั้งหมดนี้, วิบํูทิมฺ  -  ความมั่นคั่ง, โยกัมฺ  -  พลังอิทธิฤทธิ์, ชะฺ  -  เช่นกัน, มะมะฺ  -  ของข้า, ยะฮฺ  -  ผู้ใดที่, เวททิฺ  -  รู้, ทัททวะทะฮฺ  -  อย่างแท้จริง, สะฮฺ  -  เขา, อวิคัลเพนะฺ  -  โดยไม่แบ่งแยก, โยเกนะฺ  -  ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้, ยุจยะเทฺ  -  ปฏิบัติ, นะฺ  -  ไม่เคย, อทระฺ  -  ที่นี่, สัมชะยะฮฺ  -  สงสัย

คำแปลฺ

ผู้ที่มั่นใจอย่างแท้จริงในความมั่งคั่งและพลังอิทธิฤทธิ์ของข้านี้  จะปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่มีข้อสงสัย

คำอธิบายฺ

จุดสุดยอดแห่งความสมบูรณ์ในวิถีทิพย์คือความรู้แห่งองค์ภควาน  นอกจากจะมั่นใจอย่างแน่วแน่ในความมั่งคั่งต่าง  ๆ  ขององค์ภควาน  มิฉะนั้น  จะไม่สามารถปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ได้  โดยทั่วไปผู้คนรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่  แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าพระองค์ทรงยิ่งใหญ่อย่างไร  นี่คือรายละเอียด  หากผู้ใดรู้อย่างแท้จริงว่าองค์ภควานทรงยิ่งใหญ่อย่างไร  โดยธรรมชาติจะมาเป็นดวงวิญญาณผู้ศิโรราบและปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้พระองค์  เมื่อรู้ถึงความมั่งคั่งขององค์ภควานอย่างแท้จริง  จะไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากศิโรราบต่อพระองค์  ความรู้อันแท้จริงนี้รู้ได้จากคำอธิบายใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  และ  ภควัต-คีตาฺ  และจากวรรณกรรมในลักษณะเดียวกันนี้

ในการบริหารจักรวาลนี้มีเทวดามากมายทรงกระจายอยู่ทั่วระบบดาวเคราะห์  ผู้นำเทวดาคือพระพรหม  พระศิวะ  สี่คุมาระผู้ยิ่งใหญ่  และผู้อาวุโสสูงสุดอื่นๆ  มีบรรพบุรุษของประชากรในจักรวาลมากมาย  ทั้งหมดกำเนิดมาจากองค์ภควานคริชณะผู้ทรงเป็นบรรพบุรุษองค์แรกของบรรพบุรุษทั้งหลาย

เหล่านี้คือความมั่งคั่งบางประการขององค์ภควาน  เมื่อมีความมั่นใจอย่างแน่วแน่ในความมั่งคั่งเหล่านี้  เราจะยอมรับคริชนะด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้าโดยปราศจากข้อสงสัย  และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ความรู้โดยเฉพาะทั้งหมดนี้มีความจำเป็นเพื่อเพิ่มพูนความใส่ใจในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความรักต่อพระองค์  เราไม่ควรละเลยในการเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคริชณะทรงยิ่งใหญ่อย่างไร  เพราะเมื่อรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์  จะทำให้เราตั้งมั่นในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความจริงใจ

โศลก 8

อฮัม สารวัสยะ พระบฺะโว
มัททะฮ สารวัม พระวารทะเทฺ

อิทิ มัทวา บฺะจันเท มาม
บุดฺา บฺาวะ-สะมันวิทาฮฺ

อฮัมฺ  -  ข้า, สารวัสยะฺ  -  ทั้งหมด, พระบฺะวะฮฺ  -  แหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิด, มัททะฮฺ  -  จากข้า, สารวัมฺ  -  ทุกสิ่งทุกอย่าง, พระวารทะเทฺ  -  ออกมา, อิทิฺ  -  ดั้งนั้น, มัทวาฺ  -  รู้, บฺะจันเทฺ  -  มาอุทิศตนเสียสละ, มามฺ  -  แด่ข้า, บุดฺาฮฺ  -  ผู้รู้, บฺาวะฺ  -  สะมันวิทาฮฺ  -  ด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง

คำแปลฺ

ข้าคือแหล่งกำเนิดของโลกทิพย์และโลกวัตถุทั้งหมด  ทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมาจากข้า  ผู้มีปัญญารู้เช่นนี้โดยสมบูรณ์  ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อข้าและบูชาข้าอย่างสุดหัวใจ

คำอธิบายฺ

นักวิชาการผู้คงแก่เรียนศึกษาคัมภีร์พระเวทอย่างสมบูรณ์  และได้รับข้อมูลจากผู้ที่เชื่อถือได้  เช่น  องค์เชธันญะ  และรู้ว่าจะนำคำสอนเหล่านี้ไปใช้อย่างไรเพื่อให้เข้าใจว่า  คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างทั้งในโลกวัตถุและโลกทิพย์เพราะเมื่อรู้เช่นนี้โดยสมบูรณ์จึงจะตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานโดยไม่เบี่ยงเบนอันเนื่องมาจากคำบรรยายที่เหลวไหลหรือจากคนโง่เขลาใดๆ  วรรณกรรมพระเวททั้งหมดยอมรับว่าคริชณะคือแหล่งกำเนิดของพระพรหม  พระศิวะ  และเทวดาทั้งหลาย  ใน  อทฺารวะ  เวดะ  (โกพาละ-ทาพะนี  อุพะนิชัดฺ  1.24)  กล่าวไว้ว่า  โย  บระฮมาณัม  วิดะดฺาทิ  พูรวัม  โย  ไว  เวดามช  ชะ  กาพะยะทิ  สมะ  คริชณะฮฺ“  ในตอนต้นคริชณะทรงสอนความรู้พระเวทแก่พระพรหมผู้ซึ่งในอดีตได้เผยแพร่ความรู้พระเวทนี้”  และ  นารายะณะ  อุพะนิชัดฺ  (1)  กล่าวว่า  อทฺะ  พุรุโช  ฮะ  ไว  นารายะโณ  ่  คามะยะทะ  พระจาฮ  สริเจเยทิฺ  “จากนั้นองค์ภควานนารายะณะทรงปรารถนาจะสร้างสิ่งมีชีวิต”  อุพะนิชัดฺ  กล่าวต่อไปว่า  นารายะณาด  บระฮมา  จายะเท,  นารายะณาด  พระจาพะทิฮ  พระจายะเท,  นารายะณาด  อินโดร  จายะเท,  นารายะณาด  อัชโท  วะสะ  โว  จายันเท,  นารายะณาด  เอคาดะชะ  รุดรา  จายันเท,  นารายะณาด  ดวาดะชาดิทยาฮฺ“จากพระนารายณ์  พระพรหมประสูติ  จากพระนารายณ์ผู้อาวุโสสูงสุดต่าง  ๆ  ประสูติเช่นกัน  จากพระนารายณ์พระอินทร์ประสูติ  จากพระนารายณ์วะสุทั้งแปดองค์ประสูติจากพระนารายณ์รุดระทั้งสิบเอ็ดองค์ประสูติ  จากพระนารายณ์  อาดิทยะฺ  สิบสององค์ประสูติ”  พระนารายณ์องค์นี้ทรงเป็นภาคแบ่งแยกของคริชณะ

ได้กล่าวไว้ในพระเวทเล่มเดียวกันว่า  บระฮมัณโย  เดวะคี-พุทระฮฺ  “คริชณะบุตรของพระนางเดวะคีคือองค์ภควาน”  (นารายะณะ  อุพะนิชัดฺ  4)  จากนั้นได้กล่าวต่อไปว่า  เอโค  ไว  นารายะณะ  อาสีน  นะ  บระฮมา  นะ  อีชาโน  นาโพ  นากนิ-สะโม  เนเม  ดยาพ-อาพริทิฺวี  นะ  นัคชะทราณิ  นะ  สูรยะฮฺ  “ในตอนต้นของการสร้างมีเพียงองค์ภควานพระนารายณ์  ไม่มีพระพรหม  ไม่มีพระศิวะ  ไม่มีน้ำ  ไม่มีไฟ  ไม่มีดวงจันทร์  ไม่มีดวงดาวในท้องฟ้า  ไม่มีดวงอาทิตย์”  (มะฮา  อุพะนิชัดฺ  1)  ใน  มะฮา  อุพะนิชัดฺ  กล่าวไว้เช่นกันว่า  พระศิวะประสูติจากพระนาลาฎ  (หน้าผาก)  ขององค์ภควาน  ดังนั้น  พระเวทกล่าวว่า  องค์ภควานผู้ทรงสร้างพระพรหม  และพระศิวะ  ควรได้รับการบูชา

ใน  โมคชะ-ดฺารมะฺ  คริชณะตรัสว่า

พระจาพะทิม ชะ รุดรัม ชาพิ
อฮัม เอวะ สริจามิ ไวฺ

โท ฮิ มาม นะ วิจานีโท
มะมะ มายา-วิโมฮิโทฺ

“ข้าเป็นผู้ให้กำเนิดบรรดาผู้อาวุโสสูงสุด  พระศิวะ  และองค์อื่น  ๆ  ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ให้กำเนิด  เพราะว่าหลงผิดอยู่ในพลังงานแห่งความหลงของข้า”  ใน  วะราฮะ  พุราณะฺได้กล่าวไว้เช่นกันว่า

นารายะณะฮ พะโร เดวัส
ทัสมาจ จาทัช ชะทุรมุคฺะฮฺ

ทัสมาด รุโดร ่บฺะวัด เดวะฮ สะ
ชะ สารวะ-กยะทาม กะทะฮฺ

“พระนารายณ์คือองค์ภควาน  จากพระองค์พระพรหมประสูติ  จากพระพรหมพระศิวะประสูติ”

องค์ชรีคริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของการให้กำเนิดทั้งหมด  พระองค์ทรงถูกเรียกว่าเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีประสิทธิภาพสูงสุด  ทรงตรัสว่า  “เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมาจากข้า  ข้าคือแหล่งกำเนิดเดิมแท้ของทุกสิ่งทุกอย่าง  ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้ข้า  ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือข้า”  ไม่มีผู้ควบคุมสูงสุดอื่นใดนอกจากคริชณะ  ผู้เข้าใจคริชณะเช่นนี้จากพระอาจารย์ทิพย์ที่เชื่อถือได้และจากการอ้างอิงของวรรณกรรมพระเวท  จะใช้พลังงานของเขาทั้งหมดในคริชณะจิตสำนึกและกลายมาเป็นผู้รู้อย่างแท้จริง  เมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลเช่นนี้บุคคลอื่น  ๆ  ทั้งหมดผู้ไม่รู้จักคริชณะอย่างถูกต้องเป็นคนโง่เขลา  คนโง่เขลาเท่านั้นที่พิจารณาว่า  คริชณะทรงเป็นมนุษย์ธรรมดา  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่ควรสับสนกับคนโง่เขลาเหล่านี้  แต่ควรหลีกเลี่ยงคำบรรยายและการตีความ  ภควัต-คีตาฺ  ที่เชื่อถือไม่ได้ทั้งหมด  และเดินหน้าต่อไปในคริชณะจิตสำนึกด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่

โศลก 9

มัช-ชิททา มัด-กะทะ-พราณา
โบดฺะยันทะฮ พะรัสพะรัมฺ

คะทฺะยันทัช ชะ มาม นิทยัม
ทุชยันทิ ชะ ระมันทิ ชะฺ

มัท-ชิททาฮฺ  -  จิตใจของพวกเขาปฏิบัติอยู่ในข้าอย่างเต็มเปี่ยม, มัท-กะทะ-พราณาฮฺ  -  ชีวิตของพวกเขาเสียสละให้ข้า, โบดฺะยันทะฮฺ  -  การสอน, พะรัสพะรัมฺ  -  ในหมู่พวกเขากันเอง, คะทฺะยันทะฮฺ  -  พูด, ชะฺ  -  เช่นกัน, มามฺ  -  เกี่ยวกับข้า, นิทยัมฺ  -  อาจิน, ทุชยันทิฺ  -  มีความยินดี, ชะฺ  -  เช่นกัน, ระมันทิฺ  -  รื่นเริงกับความปลื้มปีติสุขทิพย์, ชะฺ  -  เช่นกัน

คำแปลฺ

ความคิดของสาวกผู้บริสุทธิ์พำนักอยู่ในข้า  ชีวิตอุทิศในการรับใช้ข้าโดยสมบูรณ์และพวกเขาได้รับความพึงพอใจและปลื้มปีติสุขอย่างใหญ่หลวง  จากการให้แสงสว่างซึ่งกันและกัน  พร้อมทั้งสนทนาเกี่ยวกับข้าอยู่เสมอ

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวถึงบุคลิกลักษณะของสาวกผู้บริสุทธิ์ไว้  ณ  ที่นี้ว่า  พวกท่านปฏิบัติตนอย่างเต็มที่ในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควาน  โดยไม่สามารถหันเหจิตใจไปจากพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะได้  การสนทนาจะเกี่ยวกับเรื่องราวทิพย์ทั้งหมดโดยเฉพาะในโศลกนี้ได้อธิบายถึงลักษณะอาการของสาวกผู้บริสุทธิ์ว่าชอบสรรเสริญคุณสมบัติและลีลาขององค์ภควานวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง  หัวใจและจิตวิญญาณซึมซาบอยู่ในคริชณะตลอดเวลา  และมีความชื่นชมยินดีในการสนทนาเกี่ยวกับคริชณะร่วมกับสาวกรูปอื่น

ในระดับต้นของการอุทิศตนเสียสละรับใช้  จะได้รับความสุขทิพย์จากการรับใช้ในตัวมันเอง  ในระดับที่สูงขึ้นจะสถิตในความรักแห่งองค์ภควานอย่างแท้จริง  เมื่อสถิตในสภาวะทิพย์นั้นแล้ว  จะได้รับความสมบูรณ์สูงสุดดังที่พระองค์ทรงแสดงที่พระตำหนักองค์เชธันญะทรงเปรียบเทียบการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้เหมือนกับเมล็ดพันธุ์  ถ้าหว่านลงไปที่ดวงใจของสิ่งมีชีวิต  มีสิ่งมีชีวิตนับจำนวนไม่ถ้วนท่องอยู่ในโลกและจักรวาลต่างๆจากพวกนี้มีไม่กี่ชีวิตที่โชคดีพอมาพบกับสาวกผู้บริสุทธิ์  และได้รับโอกาสเข้าใจการอุทิศตนเสียสละรับใช้  การอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้เหมือนกับเมล็ดพันธุ์  เมื่อหว่านลงไปในดวงใจของสิ่งมีชีวิต  และหากผู้นั้นสดับฟังและภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะคริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร  อย่างต่อเนื่อง  เมล็ดพันธุ์นี้จะบังเกิดผลเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ที่บังเกิดผลด้วยการรดน้ำสม่ำเสมอ  ต้นไม้ทิพย์แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้จะค่อย  ๆ  เจริญขึ้นและเจริญขึ้น  จนกระทั่งเจาะทะลุหลังคาที่ครอบคลุมจักรวาลวัตถุ  และเข้าไปในรัศมี  บระฮมะ-  จโยทิฺ  ในท้องฟ้าทิพย์  ณ  ที่นั้น  ต้นไม้นี้ยังเจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งมาถึงดาวเคราะห์สูงสุดเรียกว่า  โกโลคะ  วรินดาวะนะ  ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สูงสุดของคริชณะ  ในที่สุดต้นไม้นี้จะมาพึ่งอยู่ภายใต้พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะและพำนักอยู่  ณ  ที่นั่นขณะที่ต้นไม้ค่อย  ๆ  ผลิดอกออกผล  ต้นไม้แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้ก็ผลิดอกออกผลเช่นเดียวกัน  วิธีการรดน้ำในรูปของการสวดภาวนาและสดับฟังจะดำเนินต่อไป  ต้นไม้แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้  ได้อธิบายไว้อย่างสมบูรณ์ใน  เชธันญะ-ชะริทามาริทะฺ(มัดฺยะ-ลีลาฺ  บทที่สิบเก้า)  ว่า  เมื่อต้นไม้ที่สมบูรณ์มาพึ่งอยู่ภายใต้พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน  เขาจะซึมซาบอยู่ในความรักแห่งพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม  จากนั้น  ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวโดยปราศจากการสัมผัสกับองค์ภควานเหมือนกับปลาที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากไม่มีน้ำ  ในระดับนี้  สาวกบรรลุถึงคุณสมบัติทิพย์ในการมาสัมผัสกับองค์ภควานอย่างแท้จริง

ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  เต็มไปด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างองค์ภควานและเหล่าสาวกของพระองค์  ดังนั้น  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  จึงเป็นที่รักยิ่งของสาวกดังที่ได้กล่าวไว้ใน  บฺากะวะธัมฺ  เอง  (12.13.18)  ว่า  ชรีมัด-บฺากะวะธัม  พุราณัม  อมะลัม  ยัด  ไวชณะวานาม  พริยัมฺ  เรื่องราวเหล่านี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางวัตถุ  การพัฒนาเศรษฐกิจ  การสนองประสาทสัมผัส  หรือความหลุดพ้น  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺเป็นการบรรยายเฉพาะถึงธรรมชาติทิพย์ขององค์ภควาน  เหล่าสาวกของพระองค์ได้อธิบายไว้อย่างสมบูรณ์  ดังนั้น  ดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งในคริชณะจิตสำนึกได้รับความสุขอย่างต่อเนื่องในการสดับฟังวรรณกรรมทิพย์นี้เหมือนกับชายหนุ่มและหญิงสาวที่มีความสุขเมื่อได้อยู่ด้วยกัน

โศลก 10

เทชาม สะทะทะ-ยุคทานามฺ
บฺะจะทาม พรีทิ-พูรวะคัมฺ
ดะดามิ บุดดิฺ-โยกัม ทัม
เยนะ มาม อุพะยานทิ เทฺ

เทชามฺ  -  แด่พวกเขา, สะทะทะ-ยุคทานามฺ  -  ปฏิบัติอยู่เสมอ, บฺะจะทามฺ  -  ในการถวายการอุทิศตนเสียสละรับใช้, พรีทิ-พูรวะคัมฺ  -  ในความปลาบปลื้มด้วยความรัก, ดะดามิฺ  -  ข้าให้, บุดดิฺ-โยกัมฺ  -  ปัญญาที่แท้จริง, ทัมฺ  -  นั้น,เยนะฺ  -  ซึ่ง, มามฺ  -  แด่ข้า, อุพะยานทิฺ  -  มา, เทฺ  -  พวกเขา

คำแปลฺ

สำหรับบุคคลที่เสียสละในการรับใช้ข้าด้วยใจรักอยู่เสมอ  ข้าจะให้ความเข้าใจเพื่อให้พวกเขาสามารถมาถึงข้า

คำอธิบายฺ

โศลกนี้คำว่า  บุดดิฺ-โยกัมฺ  สำคัญมาก  เราอาจจำได้ว่าในบทที่สองทรงสอนอารจุนะว่าพระองค์ได้ตรัสต่ออารจุนะหลายสิ่งหลายอย่าง  พร้อมทั้งสอนวิธีแห่ง  บุดดิฺ-  โยกะฺ  มาบัดนี้ทรงอธิบายถึง  บุดดิฺ-โยกะฺ  ตัว  บุดดิฺ-โยกะฺ  เองคือการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเพราะนี่คือปัญญาที่สูงสุด  บุดดิฺฺ  หมายถึงปัญญา  และ  โยกะฺ  หมายถึงกิจกรรมพิเศษหรือความเจริญก้าวหน้าอย่างวิเศษ  เมื่อเราพยายามกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควานและรับเอาคริชณะจิตสำนึกในการอุทิศตนเสียสละรับใช้มาปฏิบัติอย่างเต็มที่  การปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่า  บุดดิฺ-โยกะฺ  อีกนัยหนึ่ง  บุดดิฺ-โยกะฺ  คือวิธีการที่สามารถทำให้เราออกจากพันธนาการทางโลกวัตถุนี้ได้  จุดมุ่งหมายสูงสุดในความเจริญก้าวหน้าคือคริชณะ  ผู้คนไม่ทราบเช่นนี้  ฉะนั้น  การคบหาสมาคมกับสาวกและพระอาจารย์ทิพย์ผู้ที่เชื่อถือได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ  เราควรรู้ว่าจุดมุ่งหมายคือคริชณะ  เมื่อกำหนดจุดมุ่งหมายไว้เรียบร้อยแล้ว  จากนั้นวิถีทางอาจช้าหน่อยแต่จะเดินก้าวหน้าต่อไปเรื่อย  ๆ  จนในที่สุดเราบรรลุถึงเป้าหมาย

เมื่อบุคคลรู้เป้าหมายแห่งชีวิต  แต่ยังมัวเมาอยู่กับผลของกิจกรรม  เช่นนี้เขาปฏิบัติ  คารมะ-โยกะฺ  เมื่อรู้ว่าเป้าหมายคือคริชณะ  แต่ได้รับความสุขจากการคาดคะเนทางจิตใจเพื่อให้เข้าใจคริชณะ  เช่นนี้เขาปฏิบัติ  กยานะ-โยกะฺ  และเมื่อรู้เป้าหมายและเสาะแสวงหาคริชณะโดยสมบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึกพร้อมทั้งอุทิศตนเสียสละรับใช้เช่นนี้เขาปฏิบัติ  ภักดี-โยคะฺ  หรือ  บุดดิฺ-โยกะฺ  ซึ่งเป็นโยคะที่สมบูรณ์  โยคะที่สมบูรณ์นี้เป็นระดับที่บริบูรณ์สูงสุดแห่งชีวิต

บุคคลอาจมีพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้และอาจยึดติดอยู่กับองค์กรหรือสมาคมทิพย์  ถึงกระนั้น  หากไม่ฉลาดพอที่จะสร้างความก้าวหน้า  คริชณะจะสอนเขาจากภายใน  เพื่อในที่สุดเขาอาจมาถึงพระองค์โดยไม่ยากลำบากนัก  คุณสมบัติคือบุคคลนั้นต้องปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ  ด้วยความรักและอุทิศตนถวายการรับใช้ทุกรูปแบบ  เขาควรปฏิบัติงานบางอย่างเพื่อคริชณะ  และควรทำไปด้วยใจรักหากสาวกไม่ฉลาดพอที่จะเจริญก้าวหน้าบนหนทางแห่งความรู้แจ้งตนเอง  แต่มีความจริงใจและอุทิศตนต่อกิจกรรมแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  องค์ภควานจะทรงให้โอกาสเขาเจริญก้าวหน้าและบรรลุถึงพระองค์ในที่สุด

โศลก 11

เทชาม เอวานุคัมพารทัฺม
อฮัม อกยานะ-จัม ทะมะฮฺ

นาชะยามิ อาทมะ-บฺาวะ-สโทฺ
กยานะ-ดีเพนะ บฺาสวะทาฺ

เทชามฺ  -  สำหรับพวกเขา, เอวะฺ  -  แน่นอน, อนุคัมพา-อารทัฺมฺ  -  เพื่อแสดงพระเมตตาธิคุณพิเศษ, อฮัมฺ  -  ข้า, อกยานะฺ  -  จัมฺ  -  เนื่องจากอวิชชา, ทะมะฮฺ  -  ความมืด, นาชะยามิฺ  -  ปัดเป่า, อาทมะ-บฺาวะฺ  -  ภายในหัวใจของพวกเขา, สทฺะฮฺ  -  สถิต, กยานะฺ  -  ของความรู้, ดีเพนะฺ  -  ด้วยตะเกียง, บฺาสะวะทาฺ  -  สว่างไสว

คำแปลฺ

เพื่อแสดงพระเมตตาธิคุณพิเศษ  ข้าผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจของพวกเขา  ทำลายความมืดที่เกิดจากอวิชชาด้วยประทีปแห่งความรู้ที่สว่างไสว

คำอธิบายฺ

เมื่อองค์เชธันญะทรงประทับอยู่ที่  เบนะเรส  เผยแพร่การสวดภาวนา  ฮะเรคริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  คริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะรามะ  ฮะเร  ฮะเร  คนเป็นพัน  ๆ  ติดตามพระองค์  พระคาชานันดะ  สะรัสวะที  นักวิชาการผู้คงแก่เรียนและมีอิทธิพลมากที่  เบนะเรส  ในขณะนั้น  เยาะเย้ยเชธันญะว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์  บางครั้งพวกนักปราชญ์วิจารณ์สาวก  เพราะคิดว่าสาวกส่วนใหญ่อยู่ในความมืดแห่งอวิชชา  และเป็นคนเจ้าอารมณ์  ไม่เดียงสากับปรัชญา  อันที่จริงไม่เป็นเช่นนั้น  มีนักวิชาการผู้คงแก่เรียนหลายท่านที่เสนอปรัชญาแห่งการอุทิศตนเสียสละ  แต่ถึงแม้ว่าสาวกไม่ฉวยประโยชน์จากวรรณกรรมเหล่านี้หรือจากพระอาจารย์ทิพย์  หากมีความจริงใจในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  คริชณะจะทรงช่วยจากภายในหัวใจ  ดังนั้น  สาวกผู้มีความจริงใจปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความรู้  คุณสมบัติเพียงประการเดียวก็คือ  ต้องปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึกอย่างเต็มที่

พวกนักปราชญ์สมัยปัจจุบันคิดว่าหากไม่สามารถแยกแยะ  จะไม่สามารถมีความรู้ที่บริสุทธิ์  สำหรับพวกนี้องค์ภควานทรงให้คำตอบดังนี้  พวกที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างบริสุทธิ์  ถึงแม้ว่าไม่มีการศึกษาเพียงพอและไม่มีความรู้ในหลักธรรมพระเวทเพียงพอ  องค์ภควานจะทรงช่วย  ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกนี้

พระองค์ตรัสต่ออารจุนะว่า  โดยพื้นฐาน  เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจสัจธรรมสูงสุดบุคลิกภาพแห่งพระเจ้าด้วยการคาดคะเน  เพราะว่าสัจธรรมสูงสุดนั้นยิ่งใหญ่มากจนเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจคริชณะหรือบรรลุถึงพระองค์ด้วยความพยายามทางจิตใจ  มนุษย์สามารถคาดคะเนเป็นเวลาหลายต่อหลายล้านปี  หากไม่อุทิศตนเสียสละและหากไม่มาเป็นที่รักของสัจธรรมสูงสุด  จะไม่มีวันเข้าใจคริชณะหรือสัจธรรมสูงสุดได้  ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้เท่านั้นที่สัจธรรมสูงสุด  คริชณะ  จะทรงชื่นชมยินดีและด้วยพลังอำนาจที่มองไม่เห็นของพระองค์  จะทรงเปิดเผยพระวรกายที่ดวงใจของสาวกผู้บริสุทธิ์  สาวกผู้บริสุทธิ์มีคริชณะอยู่ภายในหัวใจเสมอและจากการปรากฏของคริชณะซึ่งเหมือนกับดวงอาทิตย์  ความมืดแห่งอวิชชาจะถูกขจัดไปในทันที  นี่คือพระเมตตาธิคุณพิเศษที่คริชณะทรงมีให้แก่สาวกผู้บริสุทธิ์

เนื่องมาจากมลภาวะแห่งการมาคบหาสมาคมทางวัตถุเป็นเวลาหลายต่อหลายล้านชาติ  หัวใจของเราถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นแห่งวัตถุนิยมอยู่เสมอ  แต่เมื่อมาปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้และสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  เสมอ  ฝุ่นจะถูกปัดให้สะอาดอย่างรวดเร็ว  แล้วเราจะเจริญก้าวหน้ามาสู่ระดับแห่งความรู้ที่บริสุทธิ์  จุดมุ่งหมายสูงสุดคือพระวิชณุ  สามารถบรรลุได้ด้วยการสวดภาวนาและการอุทิศตนเสียสละรับใช้เท่านั้น  ไม่ใช่ด้วยการคาดคะเนทางจิตใจหรือด้วยการโต้เถียง  สาวกผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งจำเป็นทางวัตถุในชีวิต  ไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเมื่อความมืดถูกขจัดออกไปจากหัวใจแล้ว  องค์ภควานทรงยินดีกับการอุทิศตนเสียสละรับใช้ของสาวกด้วยความรัก  พระองค์จะทรงจัดสรรทุกสิ่งทุกอย่างให้โดยปริยาย  นี่คือสาระสำคัญของคำสอนใน  ภควัต-คีตาฺ  จากการศึกษา  ภควัต-คีตาฺ  เราจะกลายมาเป็นดวงวิญญาณผู้ศิโรราบโดยดุษฎีต่อองค์ภควาน  และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยใจบริสุทธิ์  เมื่อพระองค์ทรงเข้ามาควบคุม  เราจะเป็นอิสระจากความพยายามทางวัตถุทั้งปวงโดยสมบูรณ์

โศลก 12-13

อารจุนะ อุวาชะฺ
พะรัม-บระฮมะ พะรัม ดฺามะ
พะวิทรัม พะระมัม บฺะวานฺ

พุรุชัม ชาชวะทัม ดิพยัม
อาดิ-เดวัม อจัม วิบํุมฺ
อาฮุส ทวาม ริชะยะฮ สารเว
เดวะชิร นาระดัส ทะทฺาฺ

อสิโท เดวะโล วิยาสะฮ
สวะยัม ไชวะ บระวีชิ เมฺ

อารจุนะฮ อุวาชะฺ  -  อารจุนะตรัส, พะรัมฺ  -  สูงสุด, บระฮมะฺ  -  สัจจะ, พะรัมฺ  -  สูงสุด, ดฺามะฺ  -  ผู้ค้ำจุน, พะวิทรัมฺ  -  บริสุทธิ์, พะระมัมฺ  -  สูงสุด, บฺะวานฺ  -  พระองค์, พุรุชัมฺ  -  บุคลิกภาพ, ชาชวะทัมฺ  -  องค์เดิม, ดีพยัมฺ  -  ทิพย์, อาดิ-เดวัมฺ  -  พระผู้เป็นเจ้าองค์แรก, อจัมฺ  -  ไม่มีการเกิด, วิบํุมฺ  -  ยิ่งใหญ่ที่สุด, อาฮุฮฺ  -  กล่าว, ทวามฺ  -  เกี่ยวกับพระองค์, ริชยะฮฺ  -  เหล่านักบวช, สารเวฺ  -  ทั้งหมด, เดวะฺ  -  ริชิฮฺ  -  นักบวชในหมู่เทวดา, นาระดะฮฺ  -  นาระดะ, ทะทฺาฺ  -  เช่นกัน, อสิทะฮฺ  -  อสิทะ, เดวะละฮฺ  -  เดวะละ,วิยาสะฮฺ  -  วิยาสะ, สวะยัมฺ  -  ด้วยตัวพระองค์เอง, ชะฺ  -  เช่นกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, บระวีชิฺ  -  พระองค์ทรงอธิบาย, เมฺ  -  แด่ข้า

คำแปลฺ

อารจุนะตรัสว่า  พระองค์ทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  เป็นพระตำหนักสูงสุด  เป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุด  เป็นสัจธรรม  พระองค์ทรงเป็นอมตะ  เป็นทิพย์  เป็นบุคคลแรก  ไม่มีการเกิด  เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด  นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายเช่นนาระดะ  อสิทะ  เดวะละ  และวิยาสะ  ได้ยืนยันความจริงนี้เกี่ยวกับพระองค์  บัดนี้พระองค์ทรงประกาศแก่ข้าด้วยตัวพระองค์เอง

คำอธิบายฺ

สองโศลกนี้องค์ภควานทรงให้โอกาสแก่นักปราชญ์สมัยปัจจุบัน  โดยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  พระองค์ทรงแตกต่างจากปัจเจกวิญญาณ  หลังจากสดับฟังสี่โศลกซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ  ภควัต-คีตาฺ  ในบทนี้  อารจุนะทรงเป็นอิสระจากความสงสัยทั้งปวงโดยสิ้นเชิง  และยอมรับว่า  คริชณะคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ทันใดนั้นอารจุนะทรงประกาศอย่างกล้าหาญว่า  “พระองค์คือ  พะรัม  บระฮมะฺ  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า”ในอดีตคริชณะตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างและทุกชีวิต  เทวดาทุกองค์  และมนุษย์ทุกคนขึ้นอยู่กับคริชณะ  เนื่องด้วยอวิชชาเหล่ามนุษย์และเทวดาคิดว่าตนเองสมบูรณ์และเป็นอิสระจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ด้วยการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  อวิชชาจะถูกขจัดออกไปจนหมดสิ้น  องค์ภควานทรงอธิบายไว้แล้วในโศลกก่อนหน้านี้  บัดนี้ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน  อารจุนะยอมรับพระองค์ว่าทรงเป็นสัจธรรมสูงสุดตามคำสอนพระเวท  มิใช่เพราะว่าคริชณะทรงเป็นสหายสนิทแล้วอารจุนะทรงมายกยอคริชณะด้วยการเรียกพระองค์ว่าบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  สัจธรรมที่สมบูรณ์  สิ่งที่อารจุนะตรัสในสองโศลกนี้สัจจะแห่งคัมภีร์พระเวทได้ยืนยันไว้  คำสั่งสอนพระเวทยืนยันว่าผู้ที่รับเอาการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานไปปฏิบัติเท่านั้นจึงสามารถเข้าใจพระองค์  ในขณะที่บุคคลอื่นไม่สามารถเข้าใจได้  ทุกคำในโศลกนี้ที่อารจุนะตรัส  คำสอนพระเวทได้ยืนยันไว้

ใน  เคนะ  อุพะนิชัดฺ  ได้กล่าวไว้ว่า  บระฮมันฺ  สูงสุดเป็นที่พักพิงของทุกสิ่งทุกอย่างและคริชณะทรงอธิบายไว้แล้วว่า  ทุกสิ่งทุกอย่างพักพิงอยู่ที่พระองค์  มุณดะคะ  อุพะนิชัดฺ  ยืนยันว่า  ทุกสิ่งทุกอย่างพำนักอยู่ที่องค์ภควาน  ผู้ปฏิบัติการระลึกถึงพระองค์อยู่ตลอดเวลาจึงสามารถเป็นผู้รู้แจ้ง  การระลึกถึงคริชณะอยู่ตลอดเวลาคือ  สมะระณัมฺซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  การอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่คริชณะเท่านั้นที่ทำให้เราเข้าใจสถานภาพของตัวเราเอง  และขจัดร่างกายวัตถุนี้ออกไปได้

คัมภีร์พระเวทยอมรับว่าองค์ภควานทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาผู้บริสุทธิ์ผู้ที่เข้าใจว่าคริชณะทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ผู้บริสุทธิ์  สามารถทำให้ตนเองบริสุทธิ์จากกิจกรรมบาปทั้งปวงได้  นอกจากจะศิโรราบต่อองค์ภควานเท่านั้น  จึงสามารถขจัดเชื้อโรคแห่งการกระทำบาปทั้งหมดได้  อารจุนะยอมรับว่าคริชณะทรงเป็นผู้บริสุทธิ์สูงสุดซึ่งเป็นไปตามคำสั่งสอนของวรรณกรรมพระเวท  บุคลิกภาพผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนำโดยนาระดะ  ได้ยืนยันไว้เช่นเดียวกัน

คริชณะทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  เราจึงควรทำสมาธิอยู่ที่พระองค์เสมอ  และได้รับความสุขจากความสัมพันธ์ทิพย์ที่มีต่อคริชณะ  พระองค์ทรงเป็นผู้มีชีวิตที่สูงสุด  ทรงเป็นอิสระจากความต้องการทางร่างกาย  จากการเกิดและการตาย  ไม่เพียงแต่อารจุนะเท่านั้นที่ทรงยืนยันเช่นนี้  แต่วรรณกรรมพระเวททั้งหมด  เช่น  พุราณะฺและประวัติศาสตร์ต่าง  ๆ  ก็ยืนยันไว้  ในวรรณกรรมพระเวททั้งหมดได้อธิบายคริชณะไว้เช่นนี้  และองค์ภควานเองก็ตรัสในบทที่สี่ว่า  “ถึงแม้ว่าข้าไม่มีการเกิด  ข้ายังเสด็จมาบนโลกนี้เพื่อสถาปนาหลักธรรมแห่งศาสนา”  พระองค์ทรงเป็นบุคคลแรกที่สูงสุด  พระองค์ทรงไม่มีแหล่งกำเนิด  เพราะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  และทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมาจากพระองค์  ความรู้อันสมบูรณ์เช่นนี้สามารถได้รับจากพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน

ณ  ที่นี้อารจุนะทรงแสดงตนเองผ่านทางพระกรุณาธิคุณของคริชณะ  หากเราปรารถนาจะเข้าใจ  ภควัต-คีตาฺ  เราควรยอมรับข้อความจากสองโศลกนี้  เช่นนี้เรียกว่าระบบ  พะรัมพะราฺ  ยอมรับตามสายระบบ  พะรัมพะราฺ  นอกจากเราอยู่ในระบบ  พะรัมพะราฺ  มิฉะนั้นจะไม่สามารถเข้าใจ  ภควัต-คีตาฺ  สิ่งที่เรียกว่าการศึกษาทางวิชาการนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจ  ภควัต-คีตาฺ  แต่พวกที่อับโชคทรนงในการศึกษาทางวิชาการยังดื้อรั้นโดยเชื่อว่าคริชณะทรงเป็นบุคคลธรรมดา  ถึงแม้จะมีหลักฐานมากมายในวรรณกรรมพระเวท

โศลก 14

สารวัม เอทัด ริทัม มันเยฺ
ยัน มาม วะดะสิ เคชะวะฺ
นะ ฮิ เท บฺะกะวาน วิยัคทิม
วิดุร เดวา นะ ดานะวาฮฺ

สารวัมฺ  -  ทั้งหมด, เอทัทฺ  -  นี้, ริทัมฺ  -  ความจริง, มันเยฺ  -  ข้ายอมรับ, ยัทฺ  -  ซึ่ง, มามฺ  -  แด่ข้า, วะดะสิฺ  -  พระองค์ตรัส, เคชะวะฺ  -  โอ้ คริชณะ, นะฺ  -  ไม่เคย, ฮิฺ  -  แน่นอน, เทฺ  -  ของพระองค์, บฺะกะวานฺ  -  โอ้ องค์ภควาน, วิยัคทิมฺ  -  เปิดเผย, วิดุฮฺ  -  สามารถรู้, เดวาฮฺ  -  เหล่าเทวดา, นะฺ  -  ไม่, ดานะวาฮฺ  -  เหล่ามาร

คำแปลฺ

โอ้  คริชณะ  ข้าพเจ้ายอมรับโดยดุษฎีว่าทั้งหมดที่พระองค์ตรัสต่อข้าเป็นความจริงโอ้  องค์ภควาน  ทั้งเหล่าเทวดาหรือมารก็ไม่สามารถเข้าใจบุคลิกภาพแห่งพระองค์

คำอธิบายฺ

ณ  ที่นี้อารจุนะทรงยืนยันว่าบุคคลที่ไม่มีศรัทธาและมีธรรมชาติเป็นมารไม่สามารถเข้าใจคริชณะ  แม้แต่เหล่าเทวดายังไม่รู้จักพระองค์  แล้วพวกที่สมมุติว่าเป็นนักวิชาการทางโลกสมัยปัจจุบันนี้จะรู้จักพระองค์ได้อย่างไร?  ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควานทำให้อารจุนะเข้าใจว่าสัจธรรมสูงสุดคือคริชณะผู้ทรงมีความสมบูรณ์ฉะนั้น  เราควรปฏิบัติตามวิถีทางของอารจุนะซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่เชื่อถือได้แห่ง  ภควัต-คีตาฺ  ดังที่ได้อธิบายไว้ในบทที่สี่ว่าระบบ  พะรัมพะราฺ  เพื่อให้เข้าใจ  ภควัต-  คีตาฺ  ได้สูญหายไป  ดังนั้น  คริชณะทรงสถาปนาระบบ  พะรัมพะราฺ  ขึ้นมาใหม่  เริ่มต้นจากอารจุนะ  เพราะทรงพิจารณาว่าอารุจนะเป็นทั้งเพื่อนและสาวกผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์ฉะนั้น  ดังที่ได้กล่าวไว้ในคำนำ  กีโทพะนิชัดฺ  ของเราว่าควรเข้าใจ  ภควัต-คีตาฺ  ตามสายระบบ  พะรัมพะราฺ  เมื่อระบบ  พะรัมพะราฺ  สูญหายไป  อารจุนะได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่  การที่อารจุนะทรงยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คริชณะตรัส  ควรรับเอาเป็นเยี่ยงอย่าง  จากนั้นเราจะสามารถเข้าใจเนื้อหาสาระสำคัญของ  ภควัต-คีตาฺ  ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราสามารถเข้าใจว่าคริชณะคือองค์ภควาน

โศลก 15

สวะยัม เอวาทมะนาทมานัมฺ
เวททฺะ ทวัม พุรุโชททะมะฺ
บํูทะ-บฺาวะนะ บํูเทชะ
เดวะ-เดวะ จะกัท-พะเทฺ

สวะยัมฺ  -  โดยพระองค์เอง, เอวะฺ  -  แน่นอน, อาทมะนาฺ  -  ด้วยตัวพระองค์เอง, อาทมานัมฺ  -  ตัวพระองค์, เวททฺะฺ  -  ทราบ, ทวัมฺ  -  พระองค์, พุรุชะฺ  -  อุททะมะฺ  -  โอ้ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาบุคคลทั้งหลาย, บํูทะ-บฺาวะนะฺ  -  โอ้ แหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง, บํูทะ-อีชะฺ  -  โอ้ พระเจ้าของสรรพสิ่ง, เดวะ-เดวะฺ  -  โอ้ พระเจ้าของมวลเทวดา, จะกัท-พะเทฺ  -  โอ้พระเจ้าแห่งปวงจักรวาล

คำแปลฺ

แน่นอนว่าพระองค์เท่านั้นที่ทราบตัวพระองค์เองด้วยพลังเบื้องสูงของพระองค์โอ้  องค์ภควาน  แหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง  พระเจ้าของมวลชีวิต  พระเจ้าของเหล่าเทวดา  พระเจ้าแห่งจักรวาล!

คำอธิบายฺ

องค์ภควานชรีคริชณะทรงรู้ได้โดยบุคคลผู้มีความสัมพันธ์กับพระองค์โดยผ่านทางวิธีปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้เหมือนกับอารจุนะและเหล่าสาวกของอารจุนะ  บุคคลผู้มีความคิดเยี่ยงมารหรือไม่เชื่อในองค์ภควานไม่สามารถรู้ถึงคริชณะ  การคาดคะเนทางจิตใจซึ่งนำให้ออกห่างจากพระองค์เป็นบาปอันร้ายแรง  และผู้ที่ไม่รู้จักคริชณะไม่ควรพยายามวิจารณ์  ภควัต-คีตา,  ภควัต-คีตาฺ  เป็นคำดำรัสของคริชณะ  เนื่องจากเป็นศาสตร์แห่งคริชณะจึงควรเข้าใจจากคริชณะ  ดังที่อารจุนะเข้าใจ  โดยไม่ควรรับมาจากบุคคลผู้ไม่เชื่อในองค์ภควาน

ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (1.2.11)

วะดันทิ ทัท ทัททวะ-วิดัส
ทัททวัม ยัจ กยานัม อัดวะยัมฺ

บระฮเมทิ พะระมาทเมทิ
บฺะกะวาน อิทิ ชับดยะเทฺ

สัจธรรมสูงสุดรู้แจ้งได้ในสามระดับคือ  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  พะระมาทมาฺ  ภายในหัวใจของทุกคน  และท้ายสุดคือองค์ภควาน  ในระดับท้ายสุดแห่งการเข้าใจสัจธรรม  จะมาถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  มนุษย์ธรรมดาหรือแม้แต่ผู้ที่หลุดพ้นแล้ว  ซึ่งรู้แจ้ง  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  หรือรู้แจ้ง  พะระมาทมาฺ  ผู้ประทับภายในหัวใจของทุกคน  อาจไม่เข้าใจองค์ภควาน  ดังนั้น  บุคคลเหล่านี้อาจพยายามเข้าใจองค์ภควานจากโศลกต่างๆใน  ภควัต-คีตาฺ  ที่คริชณะทรงเป็นผู้ตรัส  บางครั้งพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ยอมรับว่าคริชณะทรงเป็นองค์ภควาน  หรือยอมรับความเชื่อถือได้ของพระองค์  ถึงกระนั้น  ยังมีบุคคลผู้หลุดพ้นแล้วมากมายที่ไม่สามารถเข้าใจคริชณะว่าเป็น  พุรุโชททะมะฺ  บุคลิกภาพสูงสุด  ดังนั้น  อารจุนะทรงเรียกพระองค์ว่า  พุรุโชททะมะฺ  เช่นนี้  ยังอาจไม่เข้าใจว่า  คริชณะทรงเป็นพระบิดาของมวลชีวิต  ดังนั้น  อารจุนะทรงเรียกพระองค์ว่า  บํูทะ-  บฺาวะนะฺ  หากทราบว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของมวลชีวิต  แต่อาจไม่ทราบว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุด  ดังนั้น  อารจุนะทรงเรียกพระองค์ว่า  บํูเทชะฺ  ผู้ควบคุมสูงสุดของทุกคน  แม้หากทราบว่าคริชณะทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุดของมวลชีวิต  แต่อาจไม่ทราบว่า  พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของเทวดา  ดังนั้น  ณ  ที่นี้ทรงเรียกพระองค์ว่า  เดวะเดวะฺ  พระเจ้าผู้ทรงได้รับการบูชาจากมวลเทวดา  และแม้หากทราบว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่เคารพบูชาของมวลเทวดา  แต่อาจไม่ทราบว่า  พระองค์ทรงเป็นเจ้าของสูงสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง  ดังนั้นทรงเรียกพระองค์ว่า  จะกัทพะทิฺ  ดังนั้น  จากความรู้แจ้งของอารจุนะ  ความจริงเกี่ยวกับคริชณะได้สถาปนาไว้ในโศลกนี้  และพวกเราควรเจริญรอยตามพระบาทของอารจุนะในการเข้าใจคริชณะตามความเป็นจริง

โศลก 16

วัคทุม อารฮะสิ อเชเชณะฺ
ดีพยา ฮิ อาทมะ-วิบํูทะยะฮฺ
ยาบิฺร วิบํูทิบิฺร โลคาน
อิมามส ทวัม วิยาพยะ ทิชทฺะสิฺ

วัคทุมฺ  -  พูด, อารฮะสิฺ  -  พระองค์สมควรได้, อเชเชณะฺ  -  รายละเอียด, ดิพยาฮฺ  -  ทิพย์, ฮิฺ  -  แน่นอน,อาทมะฺ  -  ตัวพระองค์เอง, วิบํูทะยะฮฺ  -  ความมั่งคั่ง, ยาบิฺฮฺ  -  ซึ่ง, วิบํูทิบิฮฺ  -  ความมั่งคั่ง, โลคานฺ  -  ดาวเคราะห์ทั้งหลาย, อิมามฺ  -  เหล่านี้, ทวัมฺ  -  พระองค์, วิยาพยะฺ  -  แผ่กระจาย, ทิชทฺะสิฺ  -  ยังคงอยู่

คำแปลฺ

โปรดกรุณาบอกข้าพเจ้าในรายละเอียดเกี่ยวกับความมั่งคั่งทิพย์ของพระองค์  ที่ทรงแผ่กระจายไปในโลกทั้งหลายเหล่านี้

คำอธิบายฺ

โศลกนี้ปรากฏว่าอารจุนะทรงพอใจกับการเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคริชณะ  ด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะ  อารจุนะทรงได้รับประสบการณ์ส่วนตัวปัญญา  ความรู้  และอะไรก็แล้วแต่ที่บุคคลอาจมีหรือได้รับผ่านทางผู้แทนทั้งหลายเหล่านี้  อารจุนะทรงเข้าใจว่า  คริชณะคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น  ถึงกระนั้น  ยังถามให้คริชณะทรงอธิบายถึงธรรมชาติที่แผ่กระจายไปทั่วของพระองค์ผู้คนโดยทั่วไปและผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์โดยเฉพาะ  ส่วนใหญ่จะสนใจเกี่ยวกับธรรมชาติที่แผ่กระจายไปทั่วขององค์ภควาน  ดังนั้น  อารจุนะทรงถามคริชณะว่า  พระองค์ทรงเป็นอยู่ในลักษณะที่แผ่กระจายไปทั่วผ่านทางพลังงานอันหลากหลายของพระองค์ได้อย่างไร  เราควรรู้ว่าคำถามนี้  อารจุนะทรงถามแทนผู้คนโดยทั่วไป

โศลก 17

คุทัฺม วิดยาม อฮัม โยกิมสฺ
ทวาม สะดา พะริชินทะยันฺ
เคชุ เคชุ ชะ บฺาเวชุ
ชินทโย ่ สิ บฺะกะวาน มะยาฺ

คะทัฺมฺ  -  อย่างไร, วิดยาม อฮัมฺ  -  ข้าจะรู้, โยกินฺ  -  โอ้ ผู้มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด, ทวามฺ  -  พระองค์, สะดาฺ  -  เสมอ, พะริชินทะยันฺ  -  ระลึกถึง, เคชฺุ  -  ในซึ่ง, เคชฺุ  -  ในซึ่ง, ชะฺ  -  เช่นกัน, บฺาเวชฺุ  -  ธรรมชาติ, ชินทยะฮฺ  -  อสิฺ  -  จำพระองค์ได้, บฺะกะวานฺ  -  โอ้ องค์ภควาน, มะยาฺ  -  โดยข้า

คำแปลฺ

โอ้  คริชณะ  โอ้  ผู้มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด  ข้าพเจ้าจะระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาได้อย่างไร  และจะรู้ถึงพระองค์ได้อย่างไร?  โอ้  องค์ภควานผู้ทรงมีรูปลักษณ์มากมาย  ข้าพเจ้าควรระลึกถึงรูปลักษณ์ใดของพระองค์?

คำอธิบายฺ

ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทก่อนหน้านี้ว่า  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงถูกปกคลุมด้วย  โยกะฺ-มายาฺ  ของพระองค์  ดวงวิญญาณที่ศิโรราบและสาวกเท่านั้นที่สามารถเห็นพระองค์  บัดนี้  อารจุนะทรงมั่นใจว่าสหายคริชณะคือองค์ภควาน  แต่ปรารถนาจะรู้ถึงวิธีการโดยทั่วไปที่คนธรรมดาสามารถเข้าใจพระองค์ผู้ทรงแผ่กระจายไปทั่ว  คนธรรมดาทั่วไปรวมทั้งเหล่ามารและพวกไม่เชื่อในองค์ภควาน  ไม่สามารถรู้ถึงคริชณะ  เพราะว่าพระองค์ทรงได้รับการปกป้องจากพลัง  โยกะ-มายาฺ  ของพระองค์  อีกครั้งหนึ่งที่อารจุนะทรงถามคำถามเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของพวกเรา  สาวกผู้เจริญแล้วไม่ห่วงเฉพาะความเข้าใจของตนเองเท่านั้น  แต่ทำไปเพื่อความเข้าใจของมวลมนุษยชาติ  ดังนั้น  ด้วยความเมตตากรุณา  อารจุนะผู้เป็นสาวก  ไวชณะวะฺ  ได้เปิดทางเพื่อให้คนธรรมดาสามัญเข้าใจการแผ่กระจายไปทั่วขององค์ภควาน  ทรงเรียกคริชณะโดยเฉพาะว่า  โยกินฺ  เพราะว่า  ชรี  คริชณะทรงเป็นเจ้านายของพลัง  โยกะ-มายาฺที่สามารถปกปิดและเปิดเผยตัวพระองค์แก่คนธรรมดาทั่วไป  บุคคลธรรมดาสามัญที่ไม่มีความรักต่อคริชณะไม่สามารถระลึกถึงคริชณะได้  ดังนั้น  จึงต้องมีแนวคิดทางวัตถุอารจุนะทรงพิจารณาถึงระดับแห่งความคิดของนักวัตถุนิยมในโลกนี้  คำว่า  เคชุ  เคชุ  ชะ  บฺาเวชฺุ  หมายถึงธรรมชาติวัตถุ  (คำว่า  บฺาวะฺ  หมายความว่า  “สิ่งของที่เป็นวัตถุ”)  เพราะว่านักวัตถุนิยมไม่สามารถเข้าใจคริชณะในวิถีทิพย์  จึงได้รับการแนะนำให้ทำสมาธิจิตอยู่ที่สิ่งของวัตถุ  และพยายามดูว่าคริชณะทรงปรากฏผ่านผู้แทนต่าง  ๆ  ทางวัตถุได้อย่างไร

โศลก 18

วิสทะเรณาทมะโน โยกัมฺ
วิบํูทิม ชะ จะนารดะนะฺ
บํูยะฮ คะทฺะยะ ทริพทิร ฮิ ชริณวะโท นาสทิ เม
่มริทิมฺ

วิสทะเรณะฺ  -  ในรายละเอียด, อาทมะนะฮฺ  -  ของพระองค์, โยกัมฺ  -  พลังอินธิฤทธิ์, วิบํูทิมฺ  -  ความมั่งคั่ง, ชะฺ  -  เช่นกัน, จะนะ-อารดะนะฺ  -  โอ้ ผู้สังหารคนไร้ศรัทธาในองค์ภควาน, บํูยะฮฺ  -  อีกครั้งหนึ่ง, คะ ทฺะยะฺ  -  อธิบาย, ทริพทิฮฺ  -  พึงพอใจ, ฮิฺ  -  แน่นอน, ชริณวะทะฮฺ  -  การสดับฟัง, นะ-อัสทิฺ  -  ไม่มี, เมฺ  -  ของข้า, อมริทัมฺ  -  น้ำทิพย์

คำแปลฺ

โอ้  จะนารดะนะ  ได้โปรดอธิบายพลังทิพย์แห่งความมั่งคั่งของพระองค์อีกครั้งหนึ่งโดยละเอียด  ข้าไม่เคยรู้สึกเพียงพอในการสดับฟังเกี่ยวกับพระองค์  เพราะเมื่อได้สดับฟังมากยิ่งขึ้น  ข้าพเจ้ายิ่งอยากได้รับรสน้ำทิพย์จากคำดำรัสของพระองค์มากยิ่งขึ้น

คำอธิบายฺ

ข้อความในทำนองเดียวกันนี้  ริชิฺ  แห่ง  ไนมิชารัณยะฺ  ซึ่งนำโดย  โชนะคะ  กล่าวแก่  สูทะ  โกสวามิ  ดังนี้

วะยัม ทุ นะ วิทริพยามะฺ
อุทะมะ-ชโลคะ-วิคระเมฺ
ยัช ชฺริณวะทาม ระสะ-กยานาม
สวาดุ สวาดุ พะเด พะเดฺ

“บุคคลจะไม่มีวันเพียงพอแม้สดับฟังลีลาทิพย์ต่าง  ๆ  ของคริชณะผู้ที่ทรงได้รับการสรรเสริญ  ด้วยบทมนต์อันยอดเยี่ยมอยู่ตลอดเวลา  พวกที่เข้าไปในความสัมพันธ์ทิพย์กับคริชณะจะได้รับรสในการพรรณนาลีลาของพระองค์อยู่ตลอดเวลา”  (ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ1.1.19)  ดังนั้น  อารจุนะทรงสนใจในการสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะ  โดยเฉพาะที่ว่าพระองค์ทรงเป็นองค์ภควานที่แผ่กระจายไปทั่วได้อย่างไร

สำหรับ  อมริทัมฺ  หรือน้ำทิพย์  คำพรรณนาใด  ๆ  หรือข้อความใด  ๆ  ที่เกี่ยวกับคริชณะเหมือนกับน้ำทิพย์  และน้ำทิพย์นี้สำเหนียกได้ด้วยประสบการณ์จากการปฏิบัติ  เรื่องราวสมัยปัจจุบัน  นวนิยาย  และประวัติศาสตร์  ไม่เหมือนกับลีลาทิพย์ของคริชณะ  เพราะว่าเราจะรู้สึกเบื่อในการฟังเรื่องราวทางโลก  แต่เราไม่มีวันเบื่อที่จะสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะ  ด้วยเหตุนี้เท่านั้นที่ประวัติศาสตร์ทั่วทั้งจักรวาลพรั่งพร้อมไปด้วยเรื่องอ้างอิงต่าง  ๆ  เกี่ยวกับลีลาแห่งอวตารขององค์ภควาน  พุราณะฺ  เป็นประวัติศาสตร์ในยุคอดีตที่สัมพันธ์กับลีลาของอวตารอันหลากหลายขององค์ภควาน  ดังนั้น  เรื่องราวที่อ่านยังคงความสดใหม่อยู่เสมอแม้จะอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก

โศลก 19

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
ฮันทะ เท คะทฺะยิชยามิ
ดิพยา ฮิ อาทมะ-วิบํูทะยะฮฺ

พราดฺานยะทะฮ คุรุ-ชเรชทฺะ
นาสทิ อันโท วิสทะรัสยะ เมฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, ฮันทะฺ  -  ใช่, เทฺ  -  แด่เธอ, คะทฺะยิชยามิฺ  -  ข้าจะพูด, ดิพยาฮฺ  -  ทิพย์, ฮิฺ  -  แน่นอน, อาทมะ-วิบํูทะยะฮฺ  -  ความมั่งคั่งส่วนตัว, พราดฺานยะทะฮฺ  -  ที่สำคัญ ๆ, คุรุ-ชเรชทฺะฺ  -  โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมแห่งราชวงศ์คุรุ, นะ อัสทิฺ  -  ไม่มี, อันทะฮฺ  -  จำกัด, วิสทะรัสยะฺ  -  จนกระทั่ง, เมฺ  -  ของข้า

คำแปลฺ

บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า  ตกลงข้าจะบอกเธอเกี่ยวกับปรากฎการณ์อันวิจิตรพิสดารของข้า  แต่เฉพาะที่สำคัญ  ๆ  เท่านั้น  โอ้  อารจุนะ  เพราะว่าความมั่งคั่งของข้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด

คำอธิบายฺ

เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งของคริชณะ  ประสาทสัมผัสของปัจเจกวิญญาณมีขีดจำกัดจึงไม่เปิดโอกาสให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดของพระองค์  ถึงกระนั้น  เหล่าสาวกพยายามเข้าใจคริชณะ  ไม่ใช่บนหลักการที่ว่าจะสามารถเข้าใจคริชณะอย่างสมบูรณ์ในช่วงเวลาหนึ่งหรือในระดับหนึ่งของชีวิต  แต่เรื่องราวของคริชณะเป็นที่น่าชื่นชอบมาก  ดูเหมือนจะเป็นน้ำทิพย์สำหรับสาวก  ดังนั้น  สาวกจึงรื่นเริงกับเรื่องราวของคริชณะ  ในการสนทนาเกี่ยวกับความมั่งคั่งและพลังงานอันหลากหลายของคริชณะ  สาวกผู้บริสุทธิ์จะได้รับความสุขทิพย์  ดังนั้น  จึงปรารถนาสดับฟังและสนทนาเกี่ยวกับพระองค์  คริชณะทรงรู้ว่าสิ่งมีชีวิตไม่เข้าใจความมั่งคั่งของพระองค์เท่าที่มีอยู่  ดังนั้น  พระองค์ทรงตกลงจะกล่าวเฉพาะปรากฏการณ์ที่สำคัญ  ๆ  เกี่ยวกับพลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์  คำว่า  พราดฺานยะทะฮฺ  (“สำคัญ”)  มีความสำคัญเพราะว่า  เราสามารถเข้าใจรายละเอียดที่สำคัญไม่กี่อย่างขององค์ภควานเท่านั้น  เพราะคุณลักษณะของพระองค์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด  เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจทั้งหมด  และคำว่า  วิบํูทิฺ  ใช้ในโศลกนี้กล่าวถึงความมั่งคั่งที่พระองค์ทรงควบคุมปรากฏการณ์ทั้งหมด  ในพจนานุกรม  อมะระ-  โคชะฺ  กล่าวไว้ว่า  วิบํูทิฺ  หมายความว่าความมั่งคั่งพิเศษ

ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์หรือผู้นับถือผีสางเทวดาไม่สามารถเข้าใจความมั่งคั่งพิเศษขององค์ภควาน  และไม่เข้าใจปรากฏการณ์แห่งพลังงานทิพย์ของพระองค์ทั้งในโลกวัตถุและในโลกทิพย์  พลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์แผ่กระจายไปในปรากฏการณ์อันหลากหลายทุกแห่ง  ณ  ที่นี้  คริชณะทรงอธิบายว่ามีอะไรบ้างที่บุคคลธรรมดาสามารถสำเหนียกได้โดยตรง  ดังนั้น  ส่วนหนึ่งของพลังงานอันหลากหลายของพระองค์จึงได้อธิบายไว้เช่นนี้

โศลก 20

อฮัม อาทมา กุดาเคชะฺ
สารวะ-บํูทาชะยะ-สทิฺทะฮฺ
อฮัม อาดิช ชะ มัดฺยัม ชะ
บํูทานาม อันทะ เอวะ ชะฺ

อฮัมฺ  -  ข้า, อาทมาฺ  -  ดวงวิญญาณ, กุดาเคชะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, สารวะ-บํูทะฺ  -  ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด, อาชะยะ-สทิฺทะฮฺ  -  สถิตภายในหัวใจ, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, อาดิฮฺ  -  แหล่งกำเนิด, ชะฺ  -  เช่นกัน, มัดฺยัมฺ  -  ช่วงกลาง, ชะฺ  -  เช่นกัน, บํูทานามฺ  -  ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, อันทะฮฺ  -  ตอนจบ, เอวะฺ  -  แน่นอน, ชะฺ  -  และ

คำแปลฺ

ข้าคืออภิวิญญาณ  โอ้  อารจุนะ  ประทับอยู่ภายในหัวใจของมวลชีวิต  ข้าคือจุดเริ่มต้น  ช่วงกลาง  และจุดจบของมวลชีวิต

คำอธิบายฺ

โศลกนี้อารจุนะทรงถูกเรียกว่า  กุดาเคชะฺ  ซึ่งหมายความว่า  “ผู้ที่เอาชนะความมืดแห่งการนอน”  สำหรับพวกที่นอนหลับอยู่ในความมืดแห่งอวิชชา  เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจว่าองค์ภควานทรงปรากฏพระวรกายหลากหลายวิธีทั้งในโลกทิพย์และโลกวัตถุได้อย่างไร  คริชณะทรงเรียกอารจุนะเช่นนี้มีความสำคัญ  เพราะอารจุนะทรงอยู่เหนือความมืดนี้  คริชณะทรงตกลงที่จะอธิบายถึงความมั่งคั่งอันหลากหลายของพระองค์

ก่อนอื่นคริชณะทรงให้ข้อมูลกับอารจุนะว่า  พระองค์ทรงเป็นดวงวิญญาณของปรากฏการณ์ในจักรวาลทั้งหมดโดยผ่านทางภาคที่แบ่งแยกเบื้องต้นของพระองค์  ก่อนการสร้างโลกวัตถุ  ภาคที่แบ่งแยกอันสมบูรณ์ขององค์ภควานทรงรับเอาอวตาร  พุรุชะฺและจากองค์นี้ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเริ่มขึ้น  ดังนั้น  พระองค์ทรงเป็น  อาทมาฺ  ดวงวิญญาณของ  มะฮัทฺ-ทัททวะฺ  ธาตุต่าง  ๆ  ของจักรวาล  พลังงานวัตถุทั้งหมดไม่ใช่แหล่งกำเนิดของการสร้าง  อันที่จริง  มะฮา-วิชณฺุ  ทรงเข้าไปใน  มะฮัท-ทัททวะฺ  พลังงานวัตถุทั้งหมดพระองค์ทรงเป็นดวงวิญญาณ  เมื่อ  มะฮา-วิชณฺุ  ทรงเข้าไปในจักรวาลต่าง  ๆ  ที่ปรากฏจากนั้นทรงปรากฏเป็นอภิวิญญาณประทับอยู่ในทุก  ๆ  ชีวิต  เรามีประสบการณ์ว่าร่างกายส่วนตัวของสิ่งมีชีวิตเป็นอยู่ได้ก็เนื่องมาจากประกายวิญญาณที่ปรากฏอยู่  หากประกายวิญญาณไม่อยู่  ร่างกายจะไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้นอกจากดวงวิญญาณสูงสุดองค์คริชณะเสด็จเข้าไป  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  สุบะละ  อุพะนิชัด  ว่า  พระคริทิ-อาดิ-  สารวะ-บํูทานทาร-ยามีสารวะ-เชชี  ชะนารายะณะฮฺ  “บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงปรากฏในฐานะอภิวิญญาณในจักรวาลทั้งหลายที่ปรากฏ”

พุรุชะ-อวะทาระฺ  ทั้งสามอธิบายไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  และได้อธิบายไว้ใน  สารทวะทะ-ทันทระฺ  เช่นกัน  วิชโณส  ทุ  ทรีณิ  รูพาณิ  พุรุชาคฺยานิ  อโทฺ  วิดุฮฺ  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงปรากฏในสามลักษณะ  คาระโณดะคะชายี  วิชณุ,  การโบฺดะคะชายี  วิชณฺุ  และ  คชีโรดะคะชายี  วิชณฺุ  ในปรากฏการณ์ทางวัตถุนี้  มะฮา-วิชณฺุ  หรือคาระโณ  ดะคะชายี  วิชณุ,  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.47)  อธิบายว่า  ยะฮ  คาระณารณะวะ-จะเร  บฺะ  จะทิ  สมะ  โยกะ-นิดรามฺ  องค์ภควานคริชณะแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวงทรงบรรทมอยู่ในมหาสมุทรจักรวาลในรูป  มะฮา-วิชณฺุ  ฉะนั้น  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาลนี้  ทรงเป็นผู้ดำรงรักษาปรากฏการณ์แห่งจักรวาล  และทรงเป็นจุดจบของพลังงานทั้งหมด

โศลก 21

อาดิทยานาม อฮัม วิชณุร
จโยทิชาม ระวิร อัมชุมานฺ

มะรีชิร มะรุทาม อัสมิ
นัคชะทราณาม อฮัม ชะชีฺ

อดิทยานามฺ  -  ของอาดิทยะ, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, วิชณุฮฺ  -  องค์ภควาน, จโยทิชามฺ  -  ของดวงประทีปทั้งหลาย, ระวิฮฺ  -  ดวงอาทิตย์, อัมชฺุ  -  มานฺ  -  รัศมี, มะรีชิฮฺ  -  มะรีชิ, มะรุทามฺ  -  ของมะรุท, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, นัคชะทราณามฺ  -  ของหมู่ดวงดาว, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, ชะชีฺ  -  ดวงจันทร์

คำแปลฺ

ในหมู่อาดิทยะข้าคือวิชณุ  ในหมู่ดวงประทีปข้าคือดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจรัสในหมู่มะรุทข้าคือมะรีชิ  และในหมู่ดวงดาวข้าคือดวงจันทร์

คำอธิบายฺ

มีอยู่สิบสอง  อาดิทยะฺ  ซึ่งคริชณะทรงเป็นประธาน  ในหมู่ดวงประทีปทั้งหลายที่ระยิบระยับอยู่ในท้องฟ้าดวงอาทิตย์เป็นประธาน  และ  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ยอมรับว่าดวงอาทิตย์เป็นพระเนตรขององค์ภควานที่ส่องรัศมี  มีลมห้าสิบชนิดที่พัดอยู่ในอวกาศ  และในหมู่ลมเหล่านี้  มะรีชิฺ  พระปฏิมาผู้ควบคุมเป็นผู้แทนของคริชณะ

ในหมู่ดวงดาวดวงจันทร์โดดเด่นที่สุดในตอนกลางคืน  ดังนั้น  ดวงจันทร์เป็นผู้แทนของคริชณะ  ปรากฏจากโศลกนี้ว่า  ดวงจันทร์เป็นหนึ่งในหมู่ดวงดาว  ดังนั้น  หมู่ดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ในท้องฟ้าก็ได้รับแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์เช่นกันทฤษฎีที่ว่ามีดวงอาทิตย์อยู่หลายดวงในจักรวาล  วรรณกรรมพระเวทไม่ยอมรับ  ดวงอาทิตย์เป็นหนึ่ง  และด้วยแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ทำให้ดวงจันทร์และดวงดาวต่าง  ๆส่องแสงสว่าง  ภควัต-คีตาฺ  แสดงให้เห็น  ณ  ที่นี้ว่าดวงจันทร์เป็นหนึ่งในหมู่ดวงดาว  แสงระยิบระยับจากดวงดาวต่าง  ๆ  ไม่ใช่ดวงอาทิตย์  แต่คล้ายกับดวงจันทร์

โศลก 22

เวดานาม สามะ-เวโด ่สมิ
เดวานาม อัสมิ วาสะวะฮฺ

อินดริยาณาม มะนัช ชาสมิ
บํูทานาม อัสมิ เชทะนาฺ

เวดานามฺ  -  ของคัมภีร์พระเวททั้งหมด, สามะ-เวดะฮฺ  -  สามะเวท, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, เดวานามฺ  -  ของเหล่าเทวดาทั้งหลาย, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, วาสะวะฮฺ  -  เจ้าแห่งสวรรค์, อินดริยาณามฺ  -  ของประสาทสัมผัสทั้งหมด, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, บํูทานามฺ  -  สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, เชทะนาฺ  -  พลังชีวิต

คำแปลฺ

ในบรรดาคัมภีร์พระเวทข้าคือสามะเวท  ในเหล่าเทวดาข้าคือพระอินทร์เจ้าแห่งสวรรค์  ในบรรดาประสาทสัมผัสข้าคือจิตใจ  และในบรรดาสิ่งมีชีวิตข้าคือพลังชีวิต  (จิตสำนึก)

คำอธิบายฺ

ข้อแตกต่างระหว่างวัตถุและวิญญาณคือ  วัตถุไม่มีจิตสำนึกเหมือนกับสิ่งมีชีวิตฉะนั้น  จิตสำนึกนี้คือสิ่งสูงสุดและเป็นอมตะ  การผสมผสานของวัตถุจะไม่สามารถผลิตจิตสำนึกขึ้นมาได้

โศลก 23

รุดราณาม ชังคะรัช ชาสมิฺ
วิทเทโช ยัคชะ-รัคชะสามฺ
วะสูนาม พาวะคัช ชาสมิ
เมรุฮ ชิคฺะริณาม อฮัมฺ

รุดราณามฺ  -  ของรุดระทั้งหมด, ชังคะระฮฺ  -  พระศิวะ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, วิททะ- อีชะฮฺ  -  ขุนคลังของเหล่าเทวดา, ยัคชะ-รัคชะสามฺ  -  ของยัคชะและราคชะสะ, วะสูนามฺ  -  ของวะสุ, พาวะคะฮฺ  -  ไฟ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, เมรุฮฺ  -  เมรุ, ชิคฺะริณามฺ  -  ของภูเขาทั้งหลาย, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น

คำแปลฺ

ในบรรดารุดระทั้งหลายข้าคือพระศิวะ  ในบรรดายัคชะและราคชะสะข้าคือเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติ  (คุเวระ)  ในบรรดาวะสุข้าคือไฟ  (อักนิ)  และในบรรดาภูเขาข้าคือเมรุ

คำอธิบายฺ

มี  รุดระฺ  สิบเอ็ดองค์ทั้งหมด  ชังคะระฺ  หรือพระศิวะโดดเด่นที่สุดจึงเป็นอวตารองค์ภควานซึ่งเป็นผู้ดูแลระดับแห่งอวิชชาในจักรวาล  ผู้นำของ  ยัคชะฺ  และ  ราคชะสะฺ  คือ  คุเวระฺเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติของเหล่าเทวดา  เป็นผู้แทนขององค์ภควาน  เมรฺุ  เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงในความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติ

โศลก 24

พุโรดฺะสาม ชะ มุคฺยัม มาม
วิดดิฺ พารทฺะ บริฮัสพะทิมฺ

เสนานีนาม อฮัม สคันดะฮ
สะระสาม อัสมิ สากะระฮฺ

พุโรดฺะสามฺ  -  ของพระทั้งหมด, ชะฺ  -  เช่นกัน, มุคฺยัมฺ  -  หัวหน้า, มามฺ  -  ข้า, วิดดิฺฺ  -  เข้าใจ, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, บริฮัสพะทิมฺ  -  บริฮัสพะทิ, เสนานีนามฺ  -  ของขุนพลทั้งหลาย, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, สคันดะฮฺ  -  คารทิเคยะ, สะระสามฺ  -  ของแหล่งกำเนิดของน้ำทั้งหลาย, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, สากะระฮฺ  -  มหาสมุทร

คำแปลฺ

ในบรรดาพระ  โอ้  อารจุนะจงรู้ว่าข้าคือผู้นำ  บริฮัสพะทิ  ในบรรดาขุนพลข้าคือคารทิเคยะ  และในบรรดาแผ่นน้ำข้าคือมหาสมุทร

คำอธิบายฺ

พระอินทร์หรือ  อินดระฺ  ทรงเป็นเทวดาแห่งสรวงสวรรค์  จึงได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งสวรรค์  ดาวเคราะห์ที่พระองค์ทรงเป็นใหญ่เรียกว่า  อินดระโลคะ  บริฮัสพะทิฺ  เป็นพระของพระอินทร์  เนื่องจากพระอินทร์ทรงเป็นผู้นำของกษัตริย์  บริฮัพะทิฺ  จึงเป็นประธานของพระทั้งหมด  ขณะที่พระอินทร์ทรงเป็นผู้นำของกษัตริย์ทั้งหมด  ในทำนองเดียวกัน  สคันดะฺ  หรือ  คารทิเคยะฺ  โอรสของพาระวะทีและพระศิวะก็เป็นหัวหน้าของขุนพลในกองทัพทั้งหมด  และในบรรดาแผ่นน้ำมหาสมุทรยิ่งใหญ่ที่สุด  จึงเป็นผู้แทนของคริชณะเหล่านี้เพียงแต่เปรยให้พอเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์เท่านั้น

โศลก 25

มะฮารชีนาม บฺริกุร อฮัม
กิราม อัสมิ เอคัม อัคชะรัมฺ

ยะกยานาม จะพะ-ยะกโย ่สมิ
สทฺาวะราณาม ฮิมาละยะฮฺ

มะฮา-ริชีณามฺ  -  ในหมู่นักบวชผู้ยิ่งใหญ่, บฺริกุฮฺ  -  บริกุ, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, กิรามฺ  -  ของคลื่นเสียง, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, เอคัม อัคชะรัม-พระณะวะฺ, ยะกยานามฺ  -  ของพิธีบูชาต่าง ๆ, จะพะ-ยะกยะฮฺ  -  การสวดภาวนา, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, สทฺาวะราณามฺ  -  ของสิ่งที่ไม่เคลื่อนที่, ฮิมาละยะฮฺ  -  เทือกเขาหิมาลัย

คำแปลฺ

ในบรรดานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ข้าคือบฺริกุ  ในบรรดาคลื่นเสียงข้าคือเสียงทิพย์โอมในบรรดาพิธีบูชาต่าง  ๆ  ข้าคือการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์  (จะพะ)  และในบรรดาสิ่งที่ไม่เคลื่อนที่ข้าคือหิมาลัย

คำอธิบายฺ

พระพรหมทรงเป็นชีวิตแรกภายในจักรวาลได้ให้กำเนิดบุตรหลายคนเพื่อแพร่พันธ์ในเผ่าพันธุ์อันหลากหลาย  ในบรรดาบุตรเหล่านี้  บริฺกฺุ  เป็นนักปราชญ์ผู้มีพลังอำนาจมากที่สุด  ในบรรดาคลื่นเสียงทิพย์ทั้งหลาย  โอม  (โอมคาระ)ฺ  เป็นผู้แทนของคริชณะ  ในบรรดาพิธีบูชาทั้งหลาย  การสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะคริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร  เป็นผู้แทนที่บริสุทธิ์ที่สุดของคริชณะ  บางครั้งได้มีการแนะนำพิธีบูชาสัตว์  แต่ในพิธีบูชาของ  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  จะไม่มีการเบียดเบียน  เป็นวิธีที่ง่ายและบริสุทธิ์ที่สุด  สิ่งใดที่ประเสริฐในโลกคือผู้แทนของคริชณะ  ฉะนั้น  หิมาลัยเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็เป็นผู้แทนของพระองค์  ได้กล่าวถึงภูเขาชื่อเมรุในโศลกก่อนหน้านี้  แต่บางครั้งภูเขาเมรุเคลื่อนที่ในขณะที่ภูเขาหิมาลัยไม่เคลื่อนที่  ดังนั้น  หิมาลัยจึงยิ่งใหญ่กว่าเมรุ

โศลก 26

อัชวัททฺะฮ สารวะ-วริคชานามฺ
เดวารชีณาม ชะ นาระดะฮฺ
กันดฺารวาณาม ชิทระระทฺะ
สิดดฺานาม คะพิโล มุนิฮฺ

อัชวัททฺะฮฺ  -  ต้นไทร, สารวะ-วริคชาณามฺ  -  ของต้นไม้ทั้งหลาย, เดวะ-ริชีณามฺ  -  ของนักปราชญ์ทั้งหลายในหมู่เทวดา, ชะฺ  -  และ, นาระดะฮฺ  -  นาระดะ, กันดฺารวาณามฺ  -  ของประชากรแห่งดาวเคราะห์กันดฺารวะ, ชิทระระทฺะฺ  -  ชิทระระทฺะ, สิดดฺานามฺ  -  ของพวกที่มีความสมบูรณ์ทั้งหลาย, คะพิละฮ มุนิฮฺ  -  คะพิละ มุนิ

คำแปลฺ

ในบรรดาต้นไม้ทั้งหลายข้าคือต้นไทร  และบรรดานักปราชญ์ในหมู่เทวดาข้าคือนาระดะ  ในบรรดากันดฺารวะข้าคือชิทระระทฺะ  และในบรรดามนุษย์ผู้สมบูรณ์ข้าคือนักปราชญ์คะพิละ

คำอธิบายฺ

ต้นไทร  (อัชวัททฺะ)ฺ  เป็นหนึ่งในจำนวนต้นไม้ที่สูงที่สุดและสวยงามมากที่สุดผู้คนในประเทศอินเดียบ่อยครั้งที่บูชาต้นไทร  เสมือนหนึ่งในพิธีทำวัตรประจำวันตอนเช้าในหมู่เทวดา  นาระดะพิจารณาว่าเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลและได้รับการบูชา  ดังนั้น  ท่านจึงเป็นผู้แทนของคริชณะในฐานะที่เป็นสาวก  โลก  กันดฺารวะฺ  เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ร้องเพลงได้ไพเราะมาก  นักร้องที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดานักร้องเหล่านี้คือ  ชิทระระทฺะฺ  ในหมู่สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์  คะพิละฺ  บุตรของ  เดวะฮูทิฺ  เป็นผู้แทนของคริชณะพิจารณาว่าเป็นอวตารของคริชณะ  ปรัชญาของท่านได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺต่อมามี  คะพิละฺ  อีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียง  แต่ปรัชญาของคะพิละฺ  รูปนี้ไม่เชื่อในองค์ภควานดังนั้น  จึงมีข้อแตกต่างอย่างมหาศาลระหว่าง  คะพิละฺ  ทั้งสองรูปนี้

โศลก 27

อุชไชฺชระวะสัม อัชวานาม
วิดดิฺ มาม อมริโทดบฺะวัมฺ

ไอราวะทัม กะเจนดราณาม
นะรามณาม ชะ นะราดิฺพัมฺ

อุชไชฺชระวะสัมฺ  -  อุชไชฺชระวา, อัชวานามฺ  -  ในบรรดาม้า, วิดดิฺฺ  -  รู้, มามฺ  -  ข้า, อมริทะฺ  -  อุดบฺะวัมฺ  -  ผลิตจากการกวนมหาสมุทร, ไอราวะทัมฺ  -  ไอราวะทะ, กะจะฺ  -  อินดราณามฺ  -  เจ้าแห่งพญาช้างสาร, นะราณามฺ  -  ในหมู่มนุษย์, ชะ-และ, นะระ-อดิฺพัมฺ  -  พระราชา

คำแปลฺ

ในบรรดาม้ารู้ว่าข้าคืออุชไชฺชระวา  กำเนิดออกมาในขณะที่มีการกวนนำทิพย์จาก้มหาสมุทร  ในบรรดาพญาช้างสารข้าคือไอราวะทะ  และในหมู่มนุษย์ข้าคือพระราชา

คำอธิบายฺ

เหล่าเทวดา  (สาวก)  และเหล่ามาร  (อสุระ)ฺ  ครั้งหนึ่งได้มีการกวนทะเล  ผลจากการกวนครั้งนี้ได้ผลิตทั้งน้ำทิพย์และยาพิษ  พระศิวะทรงดื่มยาพิษ  จากน้ำทิพย์นี้ได้ผลิตหลายชีวิตขึ้นมา  ในจำนวนนี้มีม้า  อุชไชฺชระวาฺ  และมีสัตว์อีกตัวหนึ่งที่ผลิตมาจากน้ำทิพย์นี้คือ  พญาช้างชื่อ  ไอราวะทะฺ  เนื่องจากสัตว์สองตัวนี้ผลิตมาจากน้ำทิพย์  จึงมีความสำคัญเป็นพิเศษ  และทั้งคู่ก็เป็นผู้แทนของคริชณะ

ในบรรดามนุษย์  กษัตริย์คือผู้แทนของคริชณะ  เพราะว่าคริชณะทรงเป็นผู้บำรุงรักษาจักรวาล  กษัตริย์ผู้ได้รับการแต่งตั้งจากคุณสมบัติเทพทรงเป็นผู้บำรุงรักษาราชอาณาจักร  กษัตริย์  เช่น  มะฮารราจะ  ยุดิฺชทิฺระ,  มะฮาราจะ  พะรีคชิทฺ,  และพระราม  ทั้งหมดทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีคุณธรรมสูงส่ง  ทรงคิดถึงแต่ความอยู่เย็นเป็นสุขของประชากรเสมอ  ในวรรณกรรมพระเวทพิจารณาว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นผู้แทนขององค์ภควาน  อย่างไรก็ดี  ในยุคนี้จากการทุจริตในหลักธรรมแห่งศาสนา  ราชาธิปไตยจึงเสื่อมลงและในที่สุดก็ยกเลิกไป  ถึงกระนั้นควรเข้าใจไว้ว่าในอดีต  ภายใต้การปกครองของบรรดากษัตริย์ผู้ทรงธรรมประชาชนจะมีความสงบสุขมากกว่า

โศลก 28

อายุดฺานาม อฮัม วัจรัมฺ
เดฺนูนาม อัสมิ คามะดํุคฺ
พระจะนัช ชาสมิ คันดารพะฮ
สารพาณาม อัสมิ วาสุคิฮฺ

อายุดฺานามฺ  -  ของอาวุธทั้งหลาย, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, วัจรัมฺ  -  สายฟ้า, เดฺนูนามฺ  -  ของฝูงวัว, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, คามะ-ดํุคฺ  -  วัว สุรบิฺ, พระจะนะฮฺ  -  ต้นเหตุที่ก่อให้เกิดบุตรธิดา, ชะฺ  -  และ, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, คันดารพะฮฺ  -  กามเทพ, สารพาณามฺ  -  ของพวกงู, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, วาสุคิฮฺ  -  วาสุคิ

คำแปลฺ

ในบรรดาอาวุธข้าคือสายฟ้า  ในหมู่ฝูงโคข้าคือสุระบิฺ  ในบรรดาต้นเหตุแห่งการสืบพันธุ์ข้าคือ  คันดารพะ  เทพเจ้าแห่งความรัก  และในบรรดางูข้าคือวาสุคิ

คำอธิบายฺ

แน่นอนว่าสายฟ้าเป็นอาวุธสุดยอดจึงเป็นผู้แทนพลังอำนาจของคริชณะ  ในท้องฟ้าทิพย์คริชณะโลคะมีฝูงโคซึ่งรีดนมได้ทุกเวลา  โคเหล่านี้ให้นมมากมายตามที่เราปรารถนา  แน่นอนว่าไม่มีโคเช่นนี้ในโลกวัตถุ  ได้กล่าวถึงโคเหล่านี้ในคริชณะโลคะ  องค์ภควานทรงเลี้ยงโคเหล่านี้ไว้มากมายชื่อว่า  สุระบิฺฺ  พระองค์ทรงเป็นผู้พาฝูงโค  สุระบิฺ  ไปเลี้ยง  คันดารพะฺ  คือความต้องการทางเพศเพื่อให้กำเนิดบุตรธิดาที่ดี  ฉะนั้น  คันดารพะฺจึงเป็นผู้แทนของคริชณะ  บางครั้งเพศสัมพันธ์กระทำไปเพื่อสนองประสาทสัมผัสเท่านั้นเช่นนี้ไม่ใช่ผู้แทนของคริชณะ  แต่เพศสัมพันธ์เพื่อให้กำเนิดบุตรธิดาที่ดีเรียกว่า  คันดารพะฺจึงเป็นผู้แทนของคริชณะ

โศลก 29

อนันทัช ชาสมิ นากานามฺ
วะรุโณ ยาดะสาม อฮัมฺ
พิทรีณาม อารยะมา ชาสมิ
ยะมะฮ สัมยะมะทาม อฮัมฺ

อนันทะฮฺ  -  อนันทะ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, นากานามฺ  -  ของงูหลายหัว, วะรุณะฮฺ  -  เทพผู้ควบคุมน้ำ, ยาดะสามฺ  -  ของผู้อาศัยในน้ำทั้งหมด, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, พิทรีณามฺ  -  ของบรรพบุรุษ,อารยะมาฺ  -  อารยะมา, ชะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, ยะมะฮฺ  -  ผู้ควบคุมความตาย, สัมยะมะทามฺ  -  ของผู้บริหารทั้งหลาย, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น

คำแปลฺ

ในบรรดานากะหลายหัวข้าคืออนันทะ  ในบรรดาผู้อาศัยในน้ำข้าคือเทพวะรุณะ  ในบรรดาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วข้าคืออารยะมา  และในบรรดาผู้รักษากฎหมายข้าคือยะมะ  เทพเจ้าแห่งความตาย

คำอธิบายฺ

ในจำพวกงู  นากะฺ  หลายหัว  อนันทะฺ  ยิ่งใหญ่ที่สุด  เหมือนกับเทพ  วะรุณะฺ  ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้อาศัยอยู่ในน้ำ  ทั้งคู่เป็นผู้แทนของคริชณะ  บรรพบุรุษมีดาวเคราะห์เช่นกันชื่อ  พิทาฺ  ซึ่งควบคุมโดย  อารยะมาฺ  ผู้แทนของคริชณะ  มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ลงโทษคนสารเลวในบรรดาสิ่งมีชีวิตเหล่านี้  ยะมะฺ  เป็นหัวหน้า  ยะมะฺ  ประทับอยู่ที่ดาวเคราะห์ใกล้  ๆ  กับโลกใบนี้  หลังจากตายไปพวกที่มีบาปมากจะถูกส่งไปที่นั่นและ  ยะมะฺจะจัดการลงโทษพวกเขาแตกต่างกันไป

โศลก 30

พระฮลาดัช ชาสมิ ไดทยานาม
คาละฮ คะละยะทาม อฮัมฺ

มริกาณาม ชะ มริเกนโร
่ฮัม ไวนะเทยัช ชะ พัคชิณามฺ

พระฮลาดะฮฺ  -  พระฮลาดะ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, ไดทยานามฺ  -  ของเหล่ามาร, คาละฮฺ  -  เวลา, คะละยะทามฺ  -  ของผู้ปราม, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, มริกาณามฺ  -  ของหมู่สัตว์, ชะฺ  -  และ, มริกะ-อินดระฮฺ  -  สิงโต, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, ไวนะเทยะฮฺ  -  กะรุดะ, ชะฺ  -  เช่นกัน, พัคชิณามฺ  -  ของหมู่นก

คำแปลฺ

ในหมู่มารไดทยะข้าคือพระฮลาดะผู้อุทิศตนเสียสละ  ในหมู่ผู้ปรามให้เชื่องช้าคือกาลเวลา  ในหมู่สัตว์ข้าคือพญาราชสีห์  และในหมู่นกข้าคือกะรุดะ  (พญาครุฑ)

คำอธิบายฺ

ดิทิฺ  และ  อดิทิฺ  เป็นพี่สาวและน้องสาว  ลูก  ๆ  ของ  อดิทิฺ  เรียกว่า  อาดิทยัสฺและลูก  ๆ  ของ  ดิทิฺ  เรียกว่า  ไดทยะ,  อาดิทยะฺ  ทั้งหมดเป็นสาวกขององค์ภควาน  และ  ไดทยะฺ  ทั้งหมดเป็นผู้ไม่เชื่อในองค์ภควาน  ถึงแม้  พระฮลาดะฺ  เกิดในครอบครัว  ไดทยะฺแต่เป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ในวัยเด็ก  เนื่องจากการอุทิศตนเสียสละรับใช้และธรรมชาติที่บริสุทธิ์  จึงพิจารณาว่าเป็นผู้แทนของคริชณะ

มีหลักในการปรามมากมาย  แต่กาลเวลาจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสึกหรอหรือเสื่อมลงในจักรวาลวัตถุ  ดังนั้น  จึงเป็นผู้แทนของคริชณะ  ในบรรดาสัตว์จำนวนมากมายสิงโตมีอำนาจและดุร้ายที่สุด  และในบรรดานกเป็นล้าน  ๆ  จำพวก  กะรุดะฺ  หรือ  พญาครุฑ  ผู้เป็นพาหนะของพระวิชณุยิ่งใหญ่ที่สุด

โศลก 31

พะวะนะฮ พะวะทาม อัสมิฺ
รามะฮ ชัสทระ-บฺริทาม อฮัมฺ
จฺะชาณาม มะคะรัช ชาสมิ
สโรทะสาม อัสมิ จาฮนะวีฺ

พะนะวะฮฺ  -  ลม, พะวะทามฺ  -  ของสิ่งที่ทำให้บริสุทธิ์ทั้งหลาย, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, รามะฮฺ  -  พระราม, ชัสทระ-บฺริทามฺ  -  ของบรรดาผู้ถืออาวุธ, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, จฺะชาณามฺ  -  ของปลาทั้งหลาย, มะคะระฮฺ  -  ปลาฉลาม, ชะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, สโรทะสามฺ  -  ของบรรดาแม่น้ำที่ไหลผ่าน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, จาฮนะวีฺ  -  แม่น้ำคงคา

คำแปลฺ

ในบรรดาสิ่งที่ทำให้บริสุทธิ์ข้าคือลม  ในบรรดาผู้ปล่อยอาวุธข้าคือพระราม  ในบรรดาปลาข้าคือปลาฉลาม  และในบรรดาแม่น้ำที่ไหลผ่านข้าคือแม่น้ำคงคา

คำอธิบายฺ

ในบรรดาสัตว์น้ำทั้งหลายปลาฉลามเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุด  และแน่นอนว่าเป็นอันตรายที่สุดสำหรับมนุษย์  ดังนั้น  ปลาฉลามจึงเป็นผู้แทนของคริชณะ

โศลก 32

สารกาณาม อาดิร อันทัช ชะฺ
มัดฺยัม ไชวาฮัม อารจุนะฺ
อัดฺยาทมะ-วิดยา วิดยานาม
วาดะฮ พระวะดะทาม อฮัมฺ

สารกาณามฺ  -  ของการสร้างทั้งหลาย, อาดิฮฺ  -  เริ่มต้น, อันทะฮฺ  -  จบ, ชะฺ  -  และ, มัดฺยัมฺ  -  ตรงกลาง, ชะ-เช่นกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, อัดฺยาทมะ-วิดยาฺ  -  ความรู้ทิพย์, วิดยานามฺ  -  ของการศึกษาทั้งหลาย, วาดะฮฺ  -  บทสรุปโดยธรรมชาติ, พระวะ ดะทามฺ  -  ของข้อถกเถียง, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น

คำแปลฺ

ในการสร้างทั้งหมดข้าคือจุดเริ่มต้น  ช่วงกลาง  และจุดจบ  โอ้  อารจุนะ  ในบรรดาศาสตร์ทั้งหลายข้าคือศาสตร์ทิพย์แห่งชีวิต  และในหมู่นักตรรกวิทยาข้าคือข้อสรุปแห่งความจริง

คำอธิบายฺ

ในปรากฏการณ์แห่งการสร้าง  การสร้างครั้งแรกคือการสร้างธาตุวัตถุทั้งหมดดังที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้  ปรากฏการณ์ในจักรวาล  มะฮา-วิชณุ,  การโบดะคะชายี  วิชณฺุ  และ  คชีโรดะคะชายี  วิชณฺุ  ทรงเป็นผู้สร้างและควบคุม  จากนั้นพระศิวะทรงเป็นผู้ทำลาย  พระพรหมทรงเป็นผู้สร้างระดับที่สอง  ผู้แทนในการสร้าง  การอนุรักษ์  และการทำลายทั้งหลายเหล่านี้เป็นอวตารในคุณสมบัติทางวัตถุขององค์ภควาน  ดังนั้น  พระองค์ทรงเป็นจุดเริ่มต้น  ช่วงกลาง  และจุดจบของการสร้างทั้งหมด

สำหรับการศึกษาชั้นสูงมีหนังสือแห่งความรู้มากมายเช่น  พระเวททั้งสี่เล่มและภาคผนวกอีกหกเล่ม  เวดานธะ-  สูทระฺ  หนังสือตรรกวิทยา  หนังสือศาสนา  และ  พุราณะฺ  ดังนั้น  ทั้งหมดรวมกันเป็นสิบสี่ส่วนของหนังสือแห่งการศึกษา  ในบรรดาหนังสือเหล่านี้หนังสือที่เสนอ  อัดฺยาทมะ-  วิดยาฺ  หรือความรู้ทิพย์โดยเฉพาะคือ  เวดานธะ-สูทระฺ  เป็นผู้แทนของคริชณะ

ในหมู่นักตรรกวิทยามีการถกเถียงกันต่าง  ๆ  นานา  มีการสนับสนุนข้อโต้เถียงของตนเองด้วยพยานหลักฐาน  และยังมีการสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามด้วย  เรียกว่า  จัลพะฺหากพยายามเอาชนะคู่ต่อสู้เรียกว่า  วิทัณดาฺ  แต่ข้อสรุปที่แท้จริงเรียก  วาดะฺ  ข้อสรุปแห่งความจริงนี้เป็นผู้แทนของคริชณะ

โศลก 33

อัคชะราณาม อะ-คาโร ่สมิฺ
ดวันดวะฮ สามาสิคัสยะ ชะฺ
อฮัม เอวาคชะยะฮ คาโล
ดฺาทาฮัม วิชวะโท-มุคฺะฮฺ

อัคชะราณามฺ  -  ของตัวอักษร, อะ-คาระฮฺ  -  ตัวอักษรแรก, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, ดวันดวะฮฺ  -  คู่, สามาสิคัสยะฺ  -  ของผสม, ชะฺ  -  และ, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, เอวะฺ  -  แน่นอน, อัคชะยะฮฺ  -  อมตะ, คาละฮฺ  -  กาลเวลา, ดฺาทาฺ  -  ผู้สร้าง, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, วิชวะทะฮ-มุคฺะฮฺ  -  พระพรหม

คำแปลฺ

ในบรรดาตัวอักษรข้าคืออักษร  อ  ในบรรดาคำผสมข้าคือคำผสมคู่  ข้าคือกาลเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุดด้วยเช่นกัน  และในบรรดาผู้สร้างข้าคือพระพรหม

คำอธิบายฺ

อะ-คาระฺ  อักษรตัวแรกในภาษาสันสกฤตเป็นจุดเริ่มต้นของวรรณกรรมพระเวท  ปราศจาก  อะ-คาระฺ  ไม่มีอะไรทำเสียงขึ้นมาได้  ฉะนั้น  จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเสียงในภาษาสันสกฤตมีคำผสมมากมายเช่นกันซึ่งคำผสมคู่  เช่น  รามะ-คริชณะฺ  เรียกว่า  ดวันดวะฺ  ในคำผสมนี้คำว่า  รามะฺ  และ  คริชณะฺ  มีรูปเดียวกัน  ดังนั้น  คำผสมจึงเรียกว่าคู่

ในบรรดานักสังหารทั้งหลาย  กาลเวลานั้นสูงสุด  เพราะว่ากาลเวลาจะสังหารทุกสิ่งทุกอย่าง  กาลเวลาเป็นผู้แทนขององค์คริชณะ  เพราะว่าตามกาลเวลาจะมีไฟบัลลัยกัลป์และทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำลายลง

ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้สร้าง  พระพรหมสี่เศียรทรงเป็นผู้นำ  ฉะนั้น  พระพรหมจึงทรงเป็นผู้แทนขององค์ภควาน  คริชณะ

โศลก 34

มริทยุฮ สารวะ-ฮะรัช ชาฮัม
อุดบฺะวัช ชะ บฺะวิชยะทามฺ

คีรทิฮ ชรีร วาค ชะ นารีณาม
สมริทิร เมดฺา ดฺริทิฮ คชะมาฺ

มริทยุฮฺ  -  ความตาย, สารวะ-ฮะระฮฺ  -  เผาผลาญทั้งหมด, ชะฺ  -  เช่นกัน, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, อุด บฺะวะฮฺ  -  การให้กำเนิด, ชะฺ  -  เช่นกัน, บฺะวิชยะทามฺ  -  ของปรากฏการณ์ในอนาคต, คีรทิฮฺ  -  ชื่อเสียง, ชรีฮฺ  -  ความมั่งคั่งหรือความสวยงาม, วาคฺ  -  การพูดดี, ชะฺ  -  เช่นกัน, นารีณามฺ  -  ของสตรี, สมริทิฮฺ  -  ความจำ, เมดฺาฺ  -  ปัญญา, ดฺริทิฮฺ  -  ความมั่งคง, คชะมาฺ  -  ความอดทน

คำแปลฺ

ข้าคือความตายที่สังหารทุกสิ่งทุกอย่าง  ข้าคือหลักแห่งการให้กำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไป  ในบรรดาสตรีข้าคือชื่อเสียง  โชคลาภ  คำพูดที่ดี  ความจำปัญญา  ความมั่นคงและความอดทน

คำอธิบายฺ

ทันทีที่มนุษย์เกิดมา  เขากำลังตายไปทุก  ๆ  นาที  ฉะนั้น  ความตายกำลังกลืนกินทุกชีวิตอยู่ทุกขณะ  จุดสุดท้ายจึงเรียกว่าความตาย  และความตายนั้นคือคริชณะสำหรับการพัฒนาในอนาคต  สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานหกขั้นตอน  คือ  มีการเกิด  เจริญเติบโต  คงอยู่สักพักหนึ่ง  สืบพันธุ์  หดตัวลง  และในที่สุดก็สูญสลายไป  ในบรรดาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้  สิ่งแรกคือการคลอดออกมาจากครรภ์และนั่นคือคริชณะ  รุ่นแรกคือจุดเริ่มต้นของกิจกรรมในอนาคตทั้งหมด

ความมั่งคั่งทั้งเจ็ดประการที่กล่าวไว้คือ  ชื่อเสียง  โชคลาภ  พูดดี  ความจำปัญญา  ความมั่นคง  และความอดทน  พิจารณาว่าเป็นสตรี  หากผู้ใดเป็นเจ้าของทั้งหมดนี้หรือเป็นเจ้าของบางส่วน  ผู้นั้นจะได้รับการสรรเสริญ  หากผู้ใดมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้มีคุณธรรมจะทำให้เขาได้รับการสรรเสริญ  สันสกฤตเป็นภาษาที่สมบูรณ์  ดังนั้นจึงได้รับการสรรเสริญเป็นอย่างมาก  หากหลังจากการศึกษาแล้ว  และสามารถจำเรื่องราวได้เขาได้รับพรสวรรค์ที่มีความจำดี  หรือสมริทิฺ  ไม่ใช่เพียงแต่สามารถอ่านหนังสือหลายๆ  เล่มและหลาย  ๆ  เรื่องเท่านั้น  แต่ยังสามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้เมื่อถึงคราวจำเป็นเรียกว่าปัญญา  (เมดฺา)ฺ  ซึ่งเป็นความมั่งคั่งอีกประการหนึ่งความสามารถในการเอาชนะความไม่แน่นอนเรียกว่าความมั่นคงหรือความแน่วแน่  (ดฺริทิ)ฺ  เมื่อผู้ใดมีคุณสมบัติโดยสมบูรณ์แต่ยังถ่อมตนและสุภาพ  และเมื่อสามารถรักษาดุลยภาพของตนเองทั้งในความโศกเศร้าและความปลื้มปีติสุขเขามีความมั่งคั่งที่เรียกว่าความอดทน  (คชะมา)ฺ

โศลก 35

บริฮัท-สามะ ทะทฺา สามนาม
กายะทรี ชัฺนดะสาม อฮัมฺ

มาสานาม มารกะ-ชีรโช
่ฮัม ริทูนาม คุสุมาคะระฮฺ

บริฮัท-สามะฺ  -  บริฮัท-สามะ, ทะทฺาฺ  -  เช่นกัน, สามนามฺ  -  ของบทเพลงสามะเวท, กายะ- ทรีฺ  -  บทมนต์กายะทรี, ชัฺนดะสามฺ  -  ของบทกวีทั้งหลาย, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, มาสานามฺ  -  ของเดือน, มารกะ-ชีรชะฮฺ  -  เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, ริทูนามฺ  -  ของฤดูทั้งหลาย, คุสุมะ-อาคะระฮฺ  -  ฤดูใบไม้ผลิ

คำแปลฺ

ในบรรดาบทมนต์ในสามะเวทข้าคือบริฮัท-สามะ  และในบรรดาบทกวีข้าคือกายะทรี  ในบรรดาเดือนข้าคือมารกะชีรชะ  (พฤศจิกายน-ธันวาคม)  และในบรรดาฤดูข้าคือฤดูใบไม้ผลิ

คำอธิบายฺ

องค์ภควานทรงอธิบายแล้วว่าในบรรดาพระเวททั้งหมดพระองค์คือ  สามะเวท  สามะเวทฺ  มีความมั่งคั่งในบทเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งที่เทวดาต่างบรรเลง  หนึ่งในบทเพลงเหล่านี้คือ  บริฮัท-สามะฺ  ซึ่งมีทำนองไพเราะมากและจะร้องในเวลาเที่ยงคืน

ในภาษาสันสกฤตมีลักษณะบังคับแน่นอนที่บัญญัติบทกวี  สัมผัส  และวรรคตอน  ไม่ใช่เขียนตามอำเภอใจเหมือนกับบทกวีสมัยปัจจุบันส่วนมาก  ในบรรดาบัญญัติบทกวี  กายะทรี  มันทระฺ  ซึ่งพราหมณ์ผู้มีคุณสมบัติสวดภาวนาโดดเด่นที่สุด  กายะทรี  มันทระฺ  ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  เพราะว่า  กายะทรี  มันทระฺ  หมายไว้เพื่อความรู้แจ้งแห่งองค์ภควานโดยเฉพาะจึงเป็นผู้แทนขององค์ภควาน  มันทระฺ  นี้มีไว้สำหรับพวกที่มีความเจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์  เมื่อประสบความสำเร็จในการสวดภาวนา  กายะทรี  มันทระ  จะสามารถบรรลุถึงสถานภาพทิพย์แห่งองค์ภควานฺ  ก่อนอื่นเขาต้องมีคุณสมบัติของบุคคลผู้สถิตอยู่อย่างสมบูรณ์  คืออยู่ในคุณสมบัติแห่งความดีตามกฎแห่งธรรมชาติวัตถุเพื่อสวดภาวนา  กายะทรี  มันทระ,  กายะทรี  มันทระฺ  มีความสำคัญมากในวัฒนธรรมพระเวท  และพิจารณาว่าเป็นเสียงอวตารของ  บระฮมันฺ  พระพรหมทรงเป็นอุปัชฌาย์  และ  กายะทรี  มันทระฺ  ถูกส่งลงมาจากพระพรหมในสาย  พะรัมพะราฺ

เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมพิจารณาว่าเป็นเดือนที่ดีที่สุด  เพราะว่าในประเทศอินเดียเป็นฤดูเก็บเกี่ยว  ทุกคนมีความสุขมาก  แน่นอนว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่คนชอบกันมากเพราะว่าไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป  ทั้งดอกไม้และต้นไม้ก็เบ่งบานอย่างสมบูรณ์ในฤดูใบไม้ผลิมีพิธีหลายพิธีที่ระลึกถึงลีลาของคริชณะ  ดังนั้นจึงพิจารณาว่าฤดูนี้เป็นฤดูที่รื่นเริงที่สุดและเป็นผู้แทนขององค์ภควานชรีคริชณะ

โศลก 36

ดยูทัม ชฺะละยะทาม อัสมิ
เทจัส เทจัสวินาม อฮัมฺ

จะโย ่สมิ วิยะวะสาโย ่สมิ
สัททวัม สัททวะวะทาม อฮัมฺ

ดยูทัมฺ  -  การพนัน, ชฺะละยะทามฺ  -  ในบรรดากลโกงทั้งหมด, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, เทจะฮฺ  -  วิเศษงดงาม, เทจัสวินามฺ  -  ของทุกสิ่งที่งดงาม, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, จะยะฮฺ  -  ชัยชนะ, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, วิยะวะสายะฮฺ  -  เสี่ยงโชคหรือผจญภัย, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, สัททวัมฺ  -  พลัง, สัททวะฺ  -  วะทามฺ  -  ของผู้แข็งแรง, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น

คำแปลฺ

ข้าคือการพนันแห่งกลโกงด้วยเช่นกัน  และในบรรดาความสวยงามข้าคือความวิเศษงดงาม  ข้าคือชัยชนะ  ข้าคือการผจญภัย  และข้าคือพลังของคนแข็งแรง

คำอธิบายฺ

มีคนโกงมากมายหลายประเภททั่วจักรวาลทั้งหมด  ในบรรดาวิธีการโกงทั้งหลายการพนันถือว่าสุดยอด  ดังนั้น  จึงเป็นผู้แทนของคริชณะ  ในฐานะที่เป็นองค์ภควานคริชณะทรงสามารถหลอกลวงได้เก่งกว่าคนธรรมดาสามัญ  หากคริชณะทรงเลือกที่จะหลอกลวงใคร  ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องการหลอกลวง  ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไม่เพียงด้านเดียวเท่านั้นแต่เป็นไปทุก  ๆ  ด้าน

ในบรรดาชัยชนะทั้งหลายพระองค์คือผู้มีชัยชนะ  พระองค์คือความวิเศษงดงามของสิ่งที่วิเศษงดงาม  ในเรื่องของธุรกิจและอุตสาหกรรมพระองค์ทรงยอดเยี่ยมที่สุดทั้งในธุรกิจและอุตสาหกรรม  ในบรรดาการผจญภัยพระองค์ทรงเป็นสุดยอดของนักผจญภัย  และในหมู่ผู้แข็งแรงพระองค์คือผู้ที่มีพลังสูงสุด  เมื่อคริชณะทรงปรากฏอยู่บนโลกไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องของพละกำลัง  แม้ในขณะที่เป็นเด็กพระองค์ทรงยกภูเขาโกวารดฺะนะ  ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องการโกง  ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องของความสง่างาม  ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องของชัยชนะ  ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องของธุรกิจ  และไม่มีผู้ใดสามารถเกินพระองค์ในเรื่องพละกำลัง

โศลก 37

วริชณีนาม วาสุเดโว ่สมิ
พาณดะวานาม ดฺะนันจะยะฮฺ

มุนีนาม อพิ อฮัม วิยาสะฮ
คะวีนาม อุชะนา คะวิฮฺ

วริชณีนามฺ  -  ของผู้สืบสกุลวริชณิ, วาสุเดวะฮฺ  -  คริชณะที่ดวาระคา, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, พาณ- ดะวานามฺ  -  ของพาณดะวะ, ดฺะนันจะยะฮฺ  -  อารจุนะ, มุนีนามฺ  -  ของเหล่านักปราชญ์, อพิฺ  -  เช่นกัน, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, วิยาสะฮฺ  -  วิยาสะผู้รวบรวมวรรณกรรมพระเวททั้งหมด, คะวีนามฺ  -  ของนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย, อุชะนาฺ  -  อุชะนา, คะวิฮฺ  -  นักคิด

คำแปลฺ

ในบรรดาผู้สืบราชวงศ์วริชณิข้าคือวาสุเดวะ  และในหมู่พาณดะวะข้าคืออารจุนะในบรรดานักปราชญ์ข้าคือวิยาสะ  และในหมู่นักคิดผู้ยิ่งใหญ่ข้าคืออุชะนา

คำอธิบายฺ

คริชณะทรงเป็นภควานองค์แรก  และบะละเดวะทรงเป็นภาคที่แบ่งแยกจากคริชณะโดยตรง  ทั้งคริชณะและบะละเดวะทรงปรากฏเป็นบุตรของวะสุเดวะ  ดังนั้นทั้งคู่อาจถูกเรียกว่าวาสุเดวะจากอีกมุมมองหนึ่ง  เนื่องจากคริชณะทรงไม่เคยออกจากวรินดาวะนะ  รูปลักษณ์ทั้งหลายของคริชณะที่ทรงปรากฏที่อื่นเป็นภาคแบ่งแยกของพระองค์  วาสุเดวะทรงเป็นภาคที่แบ่งแยกจากคริชณะโดยตรง  ดังนั้น  วาสุเดวะไม่แตกต่างไปจากคริชณะ  เข้าใจว่าวาสุเดวะที่กล่าวถึงใน  ภควัต-คีตาฺ  โศลกนี้  คือ  บะละเดวะหรือบะละรามะ  เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดเดิมแท้ของอวตารทั้งหลาย  ดังนั้นพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของวาสุเดวะแต่ผู้เดียว  ภาคที่แบ่งแยกจากองค์ภควานโดยตรงเรียกว่า  สวามชะฺ  (ภาคที่แบ่งแยกส่วนพระองค์)  และยังมีภาคที่แบ่งแยกเรียกว่า  วิบิฺนนามชะฺ  (ภาคแบ่งแยกที่แยกออกไป)

ในบรรดาโอรสของพาณดุ  อารจุนะทรงมีชื่อเสียงในนาม  ดฺะนันจะยะ  และเป็นผู้ที่ดีที่สุดในหมู่มนุษย์  ดังนั้น  จึงเป็นผู้แทนของคริชณะ  ในหมู่  มุนิฺ  หรือผู้คงแก่เรียนเชี่ยวชาญในความรู้พระเวทวิยาสะยิ่งใหญ่ที่สุดเนื่องจากทรงอธิบายความรู้พระเวทในหลายวิธีเพื่อให้คนธรรมดาสามัญส่วนใหญ่ในคะลิยุคนี้สามารถเข้าใจได้  และเป็นที่ทราบกันว่าวิยาสะเป็นอวตารของคริชณะ  ดังนั้น  วิยาสะเป็นผู้แทนคริชณะ  คะวิฺ  คือพวกที่สามารถคิดได้ทะลุปรุโปร่งในทุก  ๆ  เรื่อง  ในบรรดา  คะวิ,  อุชะนา,  ชุคราชารยะฺ  เป็นพระอาจารย์ทิพย์ของเหล่ามาร  ท่านเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดมาก  และเป็นนักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล  ชุคราชาระยะ  จึงเป็นผู้แทนอีกท่านหนึ่งแห่งความมั่งคั่งของคริชณะฺ

โศลก 38

ดัณโด ดะมะยะทาม อัสมิ
นีทิร อัสมิ จิกีชะทามฺ

โมนัม ไชวาสมิ กุฮยานาม
กยานัม กยานะวะทาม อฮัมฺ

ดัณดะฮฺ  -  การลงโทษ, ดะมะยะทามฺ  -  ในวิธีการปราบทั้งหลาย, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, นีทิฮฺ  -  ศีลธรรม, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, จิกีชะทามฺ  -  ของพวกที่แสวงหาชัยชนะ, โมนัมฺ  -  เงียบ, ชะฺ  -  และ, เอวะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, กุฮยานามฺ  -  ของบรรดาความลับ, กยานัมฺ  -  ความรู้, กยานะฺ  -  วะทามฺ  -  ของคนมีปัญญา, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น

คำแปลฺ

ในบรรดาวิธีการปราบผู้ทำผิดกฎหมายทั้งหลายข้าคือการลงโทษ  และในบรรดาผู้แสวงหาชัยชนะข้าคือหลักศีลธรรม  ในบรรดาสิ่งที่เป็นความลับข้าคือความเงียบสงบ  และในบรรดาคนฉลาดข้าคือปัญญา

คำอธิบายฺ

มีผู้แทนในการปราบมากมาย  สิ่งสำคัญคือตัดจำนวนคนสารเลว  เมื่อพวกคนสารเลวถูกลงโทษ  ผู้แทนในการลงโทษเป็นผู้แทนของคริชณะ  ในบรรดาผู้ที่พยายามได้รับชัยชนะจากกิจกรรมบางอย่าง  สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดแห่งชัยชนะคือหลักศีลธรรม  ในบรรดากิจกรรมแห่งความลับในการฟัง  การคิด  และการทำสมาธิ  ความเงียบสงบสำคัญที่สุดเพราะว่าจากความเงียบสงบ  เราจึงสามารถเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว  คนมีปัญญาคือผู้ที่สามารถแยกแยะระหว่างวัตถุและวิญญาณ  ระหว่างธรรมชาติเบื้องสูงและธรรมชาติเบื้องต่ำขององค์ภควาน  ความรู้เช่นนี้คือองค์ชรีคริชณะเอง

โศลก 39

ยัช ชาพิ สารวะ-บํูทานาม
บีจัม ทัด อฮัม อารจุนะฺ

นะ ทัด อัสทิ วินา ยัท สยาน
มะยา บํูทัม ชะราชะรัมฺ

ยัชฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, ชะฺ  -  เช่นกัน, อพิฺ  -  อาจ, สารวะ-บํูทานามฺ  -  ของการสร้างทั้งหลาย, บีจัมฺ  -  เมล็ดพันธุ์, ทัทฺ  -  นั้น, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, นะฺ  -  ไม่, ทัทฺ  -  นั้น, อัสทิฺ  -  มี, วินาฺ  -  ปราศจาก, ยัทฺ  -  ซึ่ง, สยาทฺ  -  มีอยู่, มะยาฺ  -  ข้า, บํูทัมฺ  -  สิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมา, ชะระ- อชะรัมฺ  -  เคลื่อนที่และไม่เคลื่อนที่

คำแปลฺ

ยิ่งไปกว่านั้น  โอ้  อารจุนะ  ข้าคือเมล็ดพันธุ์ที่ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่  ไม่มีชีวิตใดไม่ว่าเคลื่อนที่หรือไม่เคลื่อนที่สามารถดำรงอยู่ได้โดยปราศจากข้า

คำอธิบายฺ

ทุกสิ่งทุกอย่างมีต้นกำเนิด  และต้นกำเนิดหรือเมล็ดพันธุ์แห่งปรากฏการณ์นั้น  ๆ  คือคริชณะ  ปราศจากซึ่งพลังงานของคริชณะไม่มีสิ่งใดมีอยู่ได้  ดังนั้น  องค์ภควานทรงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอำนาจทั้งปวง  ปราศจากพลังอำนาจของพระองค์  ทั้งสิ่งที่เคลื่อนที่และไม่เคลื่อนที่ไม่สามารถดำรงอยู่ได้  สิ่งใดที่มีอยู่และไม่พบอยู่ในพลังงานของคริชณะเรียกว่า  มายาฺ  หรือ  “สิ่งที่ไม่ใช่”

โศลก 40

นานโท ่สทิ มะมะ ดิพยานาม
วิบํูทีนาม พะรันทะพะฺ

เอชะ ทูดเดชะทะฮ โพรคโท
วิบํูเทร วิสทะโร มะยาฺ

นะฺ  -  ไม่, อันทะฮฺ  -  จำกัด, อัสทิฺ  -  มี, มะมะฺ  -  ของข้า, ดิพยานามฺ  -  ของความเป็นทิพย์, วิบํูทีนามฺ  -  ความมั่งคั่ง, พะรันทะพะฺ  -  โอ้ ผู้ชนะศัตรู, เอชะฮฺ  -  ทั้งหมดนี้, ทฺุ  -  แต่, อุดเดชะทะฮฺ  -  เป็นตัวอย่าง, โพรคทะฮฺ  -  พูด, วิบํูเทฮฺ  -  ของความมั่งคั่ง, วิชทะระฮฺ  -  อันกว้างใหญ่, มะยาฺ  -  โดยข้า

คำแปลฺ

โอ้  ผู้ปราบศัตรูที่ยิ่งใหญ่  ไม่มีจุดจบสำหรับปรากฏการณ์ทิพย์ของข้า  สิ่งที่ข้าได้พูดกับเธอนั้นเป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งอันหาที่สุดไม่ได้ของข้า

คำอธิบายฺ

ดังที่ได้กล่าวไว้ในวรรณกรรมพระเวท  ถึงแม้ว่าความมั่งคั่งและพลังงานขององค์ภควานสามารถเข้าใจได้หลาย  ๆ  ทาง  ไม่มีขีดจำกัดในความมั่งคั่งเหล่านี้  ฉะนั้นไม่ใช่ว่าความมั่งคั่งและพลังงานทั้งหมดของพระองค์สามารถอธิบายได้  เพียงไม่กี่ตัวอย่างเท่านั้นที่อธิบายให้อารจุนะเพื่อให้ความอยากรู้อยากเห็นสงบลง

โศลก 41

ยัด ยัด วิบํูทิมัท สัททวัม
ชรีมัด อูรจิทัม เอวะ วาฺ

ทัท ทัด เอวาวะกัชชฺะ ทวัม
มะมะ เทโจ-่มชะ-สัมบฺะวัมฺ

ยัทยัทฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, วิบํูทิฺ  -  ความมั่งคั่ง, มัทฺ  -  มี, สัททวัมฺ  -  มีอยู่, ชรี-มัทฺ  -  ความสวยงาม, อูรจิทัมฺ  -  น่าสรรเสริญ, เอวะฺ  -  แน่นอน, วาฺ  -  หรือ, ทัท ทัทฺ  -  ทั้งหมดนั้น, เอวะฺ  -  แน่นอน, อวะ กัชชฺะฺ  -  ต้องรู้, ทวัมฺ  -  เธอ, มะมะฺ  -  ของข้า, เทจะฮฺ  -  ของความวิเศษงดงาม, อัมชะฺ  -  ส่วนหนึ่ง, สัมบฺะวัมฺ  -  เกิดจาก

คำแปลฺ

จงรู้ด้วยว่าสิ่งที่สร้างขึ้นมาทั้งหมดที่มีความมั่งคั่ง  ความสวยงาม  และน่าสรรเสริญ  กำเนิดมาจากประกายเพียงนิดเดียวแห่งความวิเศษงดงามของข้า

คำอธิบายฺ

สิ่งใดที่มีอยู่ซึ่งมีความสวยงามหรือน่าสรรเสริญ  ควรเข้าใจว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์เพียงเล็กน้อยแห่งความมั่งคั่งของคริชณะ  ไม่ว่าในโลกทิพย์หรือโลกวัตถุความมั่งคั่งพิเศษใด  ๆ  ควรพิจารณาว่าเป็นผู้แทนแห่งความมั่งคั่งของคริชณะ

โศลก 42

อทฺะ วา บะฮูไนเทนะฺ
คิม กยาเทนะ ทะวารจุนะฺ
วิชทับฺยาฮัม อิดัม คริทสนัม
เอคามเชนะ สทิฺโท จะกัทฺ

อทฺะ วาฺ  -  หรือ, บะฮูนาฺ  -  หลาย, เอเทนะฺ  -  ด้วยชนิดนี้, คิมฺ  -  อะไร, กยาเทนะฺ  -  ด้วยความรู้, ทะวะฺ  -  ของเธอ, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, วิชทับฺยะฺ  -  แผ่กระจาย, อฮัมฺ  -  ข้า, อิดัมฺ  -  นี้, คริทสนัมฺ  -  ทั้งหมด, เอคะฺ  -  โดยหนึ่ง, อัมเชนะฺ  -  ส่วน, สทิฺทะฮฺ  -  สถิต, จะกัทฺ  -  จักรวาล

คำแปลฺ

แต่จะมีประโยชน์อันใด  โอ้  อารจุนะ  กับรายละเอียดความรู้ทั้งหมดนี้?  ด้วยเพียงส่วนนิดเดียวของตัวข้า  ข้าได้แผ่กระจายและค้ำจุนทั่วทั้งจักรวาลนี้

คำอธิบายฺ

องค์ภควานทรงมีผู้แทนทั่วทุกจักรวาลวัตถุ  ด้วยการเสด็จเข้าไปทุกสิ่งทุกอย่างในรูปอภิวิญญาณ  ณ  ที่นี้พระองค์ตรัสแด่อารจุนะว่า  ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเข้าใจว่าสิ่งต่าง  ๆ  มีอยู่ได้อย่างไร  ในความมั่งคั่งและความยิ่งใหญ่อลังการที่แบ่งแยกออกไป  อาร-จุนะควรทราบว่าทุกสิ่งทุกย่างมีอยู่ได้เนื่องจากคริชณะเสด็จเข้าไปในฐานะอภิวิญญาณจากพระพรหมชีวิตที่ใหญ่โตมโหฬารที่สุดลงไปจนถึงมดตัวเล็กที่สุด  ทั้งหมดดำรงอยู่ได้เพราะคริชณะทรงเสด็จเข้าไปในแต่ละชีวิตและทุกชีวิต  พระองค์ทรงค้ำจุนทุกชีวิต

มีกลุ่มเผยแพร่ศาสนาที่แสดงอยู่เสมอว่า  การบูชาเทวดาองค์ใดก็แล้วแต่  จะนำไปถึงองค์ภควาน  หรือเป้าหมายสูงสุด  แต่  ณ  ที่นี้การบูชาเทวดาไม่สนับสนุนเพราะแม้แต่เทวดาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด  เช่น  พระพรหมและพระศิวะทรงเป็นเพียงตัวแทนส่วนหนึ่งแห่งความมั่งคั่งขององค์ภควานเท่านั้น  พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุก  ๆ  คนที่เกิดมา  ไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์  พระองค์ทรงเป็น  อสะโมรดฺวะฺ  ซึ่งหมายความว่าไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าและไม่มีผู้ใดเทียบเท่าพระองค์ได้  ใน  พัดมะ  พุราณะฺ  กล่าวไว้ว่า  ผู้พิจารณาว่าองค์ภควานชรีคริชณะทรงอยู่ในระดับเดียวกันกับเทวดา  เช่น  พระพรหมหรือพระศิวะ  ทันทีที่คิดเช่นนี้  ผู้นี้กลายมาเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในองค์ภควาน  อย่างไรก็ดี  หากผู้ใดศึกษารายละเอียดในความมั่งคั่งต่าง  ๆ  และภาคที่แบ่งแยกต่าง  ๆ  แห่งพลังงาน  ของคริชณะจะเข้าใจสถานภาพของชรีคริชณะได้อย่างไม่ต้องสงสัย  และสามารถตั้งมั่นจิตใจในการบูชาคริชณะโดยไม่เบี่ยงเบน  องค์ภควานทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยภาคที่แบ่งแยกแห่งผู้แทนอันสมบูรณ์ของพระองค์  นั่นคืออภิวิญญาณผู้เสด็จเข้าไปในทุกสิ่งทุกอย่าง  ฉะนั้น  สาวกผู้บริสุทธิ์ตั้งสมาธิจิตในคริชณะจิตสำนึกด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างเต็มที่  ดังนั้น  จึงสถิตในสถานภาพทิพย์เสมอ  การอุทิศตนเสียสละรับใช้และการบูชาคริชณะได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากในโศลกแปดถึงโศลกสิบเอ็ดของบทนี้  นี่คือวิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์  เราจะบรรลุถึงความสมบูรณ์แห่งการอุทิศตนเสียสละที่สูงสุดในการมาอยู่ใกล้ชิดกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าได้อย่างไรนั้น  อธิบายไว้อย่างชัดเจนในบทนี้  ชรีละ  บะละเดวะ  วิดยาบํูชะณะ  อาชารยะฺ  ผู้ยิ่งใหญ่ในสาย  พะรัมพะราฺ  จากคริชณะ  ได้สรุปคำบรรยายในบทนี้ด้วยการกล่าวว่า

ยัช-ชัฺคทิ-เลชาท สุรยาดยา
บฺะวันทิ อทิ-อุกระ-เทจะสะฮฺ

ยัด-อัมเชนะ ดฺริทัม วิชวัม
สะ คริชโณ ดะชะเม ่รชยะเทฺ

แม้แต่พระอาทิตย์ผู้ทรงพลังยังได้รับพลังจากพลังอันมหาศาลขององค์คริชณะ  และจากภาคที่แบ่งแยกจากส่วนของคริชณะ  โลกทั้งโลกจึงได้รับการค้ำจุน  ดังนั้น  องค์ชรีคริชณะทรงเป็นที่สักการะบูชา

ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดย บัฺคธิเวดันธะ บทที่สิบของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่องความมั่งคั่งแห่งสัจธรรมฺ