บทที่ สิบ
ความมั่งคั่งแห่งสัจธรรม
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
บํูยะ เอวะ มะฮา-บาโฮ
ชริณุ เม พะระมัม วะชะฮฺ
ยัท เท ่ฮัม พรียะมาณายะ
วัคชยามิ ฮิทะ-คามยะยาฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - องค์ภควานตรัส, บํูยะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง, เอวะฺ - แน่นอน, มะฮา-บาโฮฺ - โอ้ ยอดนักรบ, ชริณฺุ - จงฟัง, เมฺ - ของข้า, พะระมัมฺ - สูงสุด, วะชะฮฺ - คำสั่งสอน, ยัทฺ - ซึ่ง, เทฺ - แด่เธอ, อฮัมฺ - ข้า, พรียะมาณายะฺ - คิดว่าเธอเป็นที่รักของข้า, วัคชยามิฺ - ตรัส, ฮิทะฺ - คามยะยาฺ - เพื่อประโยชน์แด่เธอ
คำแปลฺ
องค์ภควานตรัสว่า จงฟังอีกครั้งหนึ่ง โอ้ อารจุนะยอดนักรบ เพราะว่าเธอเป็นเพื่อนรักของข้า ข้าจะพูดให้ความรู้ในสิ่งที่ดีกว่าที่ได้เคยอธิบายไปแล้ว เพื่อเป็นประโยชน์แด่เธอ
คำอธิบายฺ
พะราชะระ มุนิ ได้อธิบายคำว่า ภควานฺ คือผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นคั่งหกประการ ได้แก่ พลังอำนาจ ชื่อเสียง ความร่ำรวย ความรู้ ความสง่างาม และความเสียสละ องค์ภควาน คริชณะ หรือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ขณะที่ประทับอยู่บนโลกนี้ ทรงแสดงความมั่งคั่งหกประการนี้ ดังนั้น บรรดานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย เช่นพะราชะระ มุนิ ยอมรับว่าคริชณะคือองค์ภควาน บัดนี้ คริชณะทรงสั่งสอนอารจุนะด้วยความรู้ที่เป็นความลับยิ่งขึ้นไปอีกเกี่ยวกับความมั่งคั่ง พระภารกิจของพระองค์ ก่อนหน้านี้ทรงเริ่มต้นจากบทที่เจ็ด องค์ภควานทรงอธิบายถึงพลังงานต่าง ๆ ของพระองค์ว่าทำงานกันอย่างไร ในบทนี้ ทรงอธิบายถึงความมั่งคั่งของพระองค์โดยเฉพาะแด่อาร-จุนะ บทที่แล้วทรงอธิบายถึงพลังงานต่าง ๆ อย่างชัดเจน เพื่อสถาปนาการอุทิศตนเสียสละด้วยความมั่นคง ในบทนี้อีกครั้งหนึ่ง ทรงตรัสต่ออารจุนะเกี่ยวกับปรากฎการณ์และความมั่งคั่งต่าง ๆ
เมื่อได้สดับฟังเกี่ยวกับองค์ภควานมากขึ้น เราจะตั้งมั่นอยู่กับการอุทิศตนเสียสละรับใช้มากยิ่งขึ้น เราควรสดับฟังเกี่ยวกับพระองค์ร่วมกับเหล่าสาวกของพระองค์เสมอ เพราะจะช่วยส่งเสริมการอุทิศตนเสียสละรับใช้ การสนทนาในสังคมสาวกเป็นไปได้ โดยเฉพาะพวกที่มีความกระตือรือร้นอย่างแท้จริงที่จะอยู่ในคริชณะจิตสำนึก บุคคลอื่นไม่สามารถมีส่วนร่วมในการสนทนาเช่นนี้ องค์ภควานตรัสต่ออารจุนะอย่างชัดเจนว่า เนื่องจากอารจุนะเป็นที่รักยิ่งของพระองค์ และเพื่อประโยชน์ของอารจุนะจึงได้มีการสนทนาเช่นนี้เกิดขึ้น
เน เม วิดุฮ สุระ-กะณาฮ
พระบฺะวัม นะ มะฮารชะยะฮฺ
อฮัม อาดิร ฮิ เดวานาม
มะฮารชีณาม ชะ สารวะชะฮฺ
นะฺ - ไม่เคย, เมฺ - ของข้า, วิดุฮฺ - ทราบ, สุระฺ - กะณาฮฺ - เหล่าเทวดา, พระบฺะวัมฺ - แหล่งเดิม,ความมั่งคั่ง, นะฺ - ไม่เคย, มะฮาฺ - ริชะยะฮฺ - นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, อฮัมฺ - ข้าเป็น, อาดิฮฺ - แหล่งกำเนิด, ฮิฺ - แน่นอน, เดวานามฺ - ของเหล่าเทวดา, มะฮา-ริชีณามฺ - ของนักบวชผู้ยิ่งใหญ่, ชะฺ - เช่นกัน, สารวะชะฮฺ - ในทุก ๆ ด้าน
คำแปลฺ
ทั้งเทวดาและนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จำนวนมากไม่รู้แหล่งกำเนิดหรือความมั่งคั่งของข้า แต่ข้าคือแหล่งกำเนิดของเหล่าเทวดาและนักปราชญ์ด้วยประการทั้งปวง
คำอธิบายฺ
ดังที่ได้กล่าวไว้ใน บระฮมะ-สัมฮิทาฺ ว่า ชรีคริชณะคือองค์ภควาน ไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง ณ ที่นี้พระองค์ตรัสไว้เช่นกันว่า ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของเหล่าเทวดาและนักปราชญ์ทั้งหลาย แม้เทวดาและนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ไม่สามารถเข้าใจคริชณะ เมื่อพวกนี้ไม่สามารถเข้าใจพระนามหรือบุคลิกภาพของคริชณะ แล้วผู้ที่สมมติว่าเป็นนักวิชาการแห่งโลกใบเล็ก ๆ นี้จะมีสถานภาพเช่นไร? ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจว่าทำไมองค์ภควานเสด็จมายังโลกเหมือนกับปุถุชนคนธรรมดา และปฏิบัติกิจกรรมที่ไม่ธรรมดาอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ จากนั้นเราควรรู้ว่า ความรู้ทางวิชาการไม่ใช่คุณสมบัติที่จำเป็นในการเข้าใจคริชณะ แม้แต่เทวดาและนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ได้พยายามเข้าใจคริชณะด้วยการคาดคะเนทางจิตใจ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนเช่นกันว่า แม้เหล่าเทวดาผู้ยิ่งใหญ่ไม่สามารถเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า พวกเขาสามารถคาดคะเนจนถึงขีดจำกัดของประสาทสัมผัสอันไม่สมบูรณ์ จนมาถึงจุดสรุปที่ตรงกันข้าม คือลัทธิไร้รูปลักษณ์เกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ปรากฏจากคุณลักษณะทั้งสามของธรรมชาติวัตถุ หรืออาจจินตนาการบางสิ่งบางอย่างด้วยการคาดคะเนทางจิตใจแต่เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจคริชณะด้วยการคาดคะเนที่โง่เขลาเช่นนี้
ณ ที่นี้องค์ภควานตรัสโดยอ้อมว่า หากผู้ใดปรารถนาจะรู้สัจธรรมที่สมบูรณ์“บัดนี้ข้าปรากฏในฐานะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ข้าคือองค์ภควาน” เราควรรู้เช่นนี้ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถเข้าใจองค์ภควานผู้ไม่สามารถมองเห็นได้และทรงปรากฏด้วยพระองค์เอง อย่างไรก็ดี พระองค์ทรงปรากฏ เราสามารถเข้าใจคริชณะได้อย่างแท้จริงว่าเป็นอมตะ เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุข และความรู้ จากการศึกษาคำดำรัสของพระองค์ใน ภควัต-คีตาฺ และ ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ ทัศนคติเกี่ยวกับองค์ภควานที่เหมือนกับพลังอำนาจที่สามารถควบคุมบางอย่าง หรือว่าเป็น บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ บุคคลผู้อยู่ภายใต้พลังอำนาจเบื้องต่ำสามารถบรรลุถึง แต่ผู้ที่อยู่ในสถานภาพทิพย์เท่านั้นจึงสามารถสำเหนียกถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าได้
เพราะว่าคนส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าใจคริชณะในสถานภาพอันแท้จริง ด้วยพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ขององค์ภควาน ทรงเสด็จลงมาเพื่ออนุเคราะห์ต่อนักคาดคะเนเหล่านี้ ถึงกระนั้น แม้จะมีกิจกรรมอันไม่ธรรมดาขององค์ภควาน เนื่องจากมลทินแห่งพลังงานวัตถุ นักคาดคะเนเหล่านี้ยังคิดว่า บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์คือองค์ภควาน เหล่าสาวกผู้ศิโรราบต่อองค์ภควานโดยดุษฎีเท่านั้น จึงสามารถเข้าใจได้ด้วยพระกรุณาธิคุณของบุคลิกภาพสูงสุดว่าพระองค์คือคริชณะ เหล่าสาวกขององค์ภควานไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับแนวคิด บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ ความศรัทธาและการอุทิศตนเสียสละจะนำพวกท่านให้มาศิโรราบต่อพระองค์โดยทันที และด้วยพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ของคริชณะ ทำให้สามารถเข้าใจคริชณะ นอกนั้นไม่มีผู้ใดเข้าใจพระองค์ ดังนั้นแม้นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เห็นด้วยว่า อาทมาฺ คืออะไร องค์ภควานอะไร? และพระองค์คือบุคคลที่เราต้องบูชา
โย มาม อจัม อนาดิม ชะ
เวททิ โลคะ-มะเฮชวะรัมฺ
อสัมมูดฺะฮ สะ มารทเยชุ
สารวะ-พาไพฮ พระมุชยะเทฺ
ยะฮฺ - ผู้ใดซึ่ง, มามฺ - ข้า, อจัมฺ - ไม่มีการเกิด, อนาดิมฺ - ไม่มีจุดเริ่มต้น, ชะฺ - เช่นกัน, เวททิฺ - รู้, โลคะฺ - โลก, มะฮาฺ - อีชวะรัมฺ - เจ้านายสูงสุด, อสัมมูดฺฺะฮฺ - ไม่หลงผิด, สะฮฺ - เขา, มารทเยชฺุ - ในหมู่พวกที่ต้องตาย, สารวะฺ - พาไพฮฺ - จากผลบาปทั้งปวง, พระมุชยะเทฺ - ถูกจัดส่ง
คำแปลฺ
ผู้ที่รู้ว่าข้าคือผู้ไม่มีการเกิด ไม่มีจุดเริ่มต้น รู้ว่าข้าคือองค์ภควานที่สูงสุดของโลกทั้งหลาย ผู้นี้เท่านั้นที่ไม่หลงผิดในหมู่มนุษย์และเป็นอิสระจากความบาปทั้งปวง
คำอธิบายฺ
ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทที่เจ็ด (7.3) ว่า มะนุชยาราม สะฮัสเรชุ คัชชิด ยะทะทิ สิดดฺะเยฺ พวกที่พยายามพัฒนาตนเองมาสู่ระดับแห่งความรู้แจ้งทิพย์ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาพวกนี้เหนือกว่ามนุษย์ธรรมดานับจำนวนล้าน ๆ และล้าน ๆ คนที่ไม่มีความรู้แห่งความรู้แจ้งทิพย์ แต่จากพวกที่พยายามที่จะเข้าใจสถานภาพทิพย์ของตนอย่างแท้จริง ผู้มาถึงจุดที่เข้าใจว่าคริชณะคือองค์ภควานเจ้าของสรรพสิ่งและทรงไม่มีการเกิด จะเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในความรู้แจ้งทิพย์ ในระดับนี้เท่านั้นที่จะเข้าใจสถานภาพอันสูงสุดของคริชณะอย่างเต็มเปี่ยมและเป็นอิสระจากผลบาปทั้งปวงโดยสมบูรณ์
ณ ที่นี้ได้อธิบายองค์ภควานด้วยคำว่า อจะฺ หมายถึง “ไม่มีการเกิด” แต่พระองค์ทรงแตกต่างไปจากสิ่งมีชีวิตที่อธิบายไว้ในบทที่สองว่าเป็น อจะฺ พระองค์ทรงแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตที่เกิดและตายอันเนื่องมาจากความยึดติดทางวัตถุ พันธวิญญาณเปลี่ยนร่างของตนเอง แต่พระวรกายขององค์ภควานไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้เมื่อเสด็จลงมายังโลกวัตถุนี้ ซึ่งมาในรูปลักษณ์ที่ไม่มีการเกิดเหมือนเดิม ดังนั้น ในบทที่สี่ได้กล่าวไว้ว่า ด้วยพลังอำนาจเบื้องสูงของพระองค์ที่ทรงมิได้อยู่ภายใต้พลังงานวัตถุเบื้องต่ำ แต่อยู่ในพลังงานเบื้องสูงเสมอ
ในโศลกนี้คำว่า เวททิ โลคะ-มะเฮชวะรัมฺ แสดงว่าเราควรรู้ว่าองค์ชรีคริชณะทรงเป็นเจ้าของสูงสุดแห่งระบบดาวเคราะห์ต่าง ๆ ในจักรวาล พระองค์ทรงอยู่ก่อนการสร้าง และพระองค์ทรงแตกต่างจากการสร้าง เหล่าเทวดาทั้งหลายถูกสร้างขึ้นมาภายในโลกวัตถุนี้ แต่สำหรับคริชณะกล่าวไว้ว่า พระองค์ทรงมิได้ถูกสร้างขึ้นมา ดังนั้น คริชณะทรงแตกต่างจากแม้แต่เทวดาผู้ยิ่งใหญ่เช่นพระพรหมและพระศิวะ เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้สร้างพระพรหม พระศิวะ และเทวดาอื่น ๆ ทั้งหลาย พระองค์จึงทรงเป็นบุคคลสูงสุดของดาวเคราะห์ทั้งหมด
ดังนั้น องค์ชรีคริชณะทรงแตกต่างจากทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมา ผู้ใดที่รู้เช่นนี้เป็นผู้ที่หลุดพ้นจากผลบาปทั้งปวงทันที เราต้องเป็นอิสระจากกิจกรรมบาปทั้งหมดเพื่อมาอยู่ในความรู้แห่งองค์ภควาน ด้วยการอุทิศตนเสียสละเท่านั้นที่จะรู้ถึงพระองค์ได้ ไม่ใช่ด้วยวิธีอื่นใดทั้งสิ้น ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตาฺ
เราไม่ควรพยายามเข้าใจคริชณะว่าเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา ดังที่กล่าวไว้แล้วว่าคนโง่เขลาเท่านั้นที่คิดว่าคริชณะทรงเป็นบุคคลธรรมดา ได้เน้นไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่งด้วยวิธีที่ต่างกัน คนมีปัญญาพอที่จะเข้าใจสถานภาพพื้นฐานเดิมขององค์ภควานจะเป็นผู้ที่มีอิสระจากผลบาปทั้งปวงเสมอ
หากเป็นที่รู้กันว่าคริชณะทรงเป็นบุตรของพระนางเดวะคีแล้วพระองค์จะทรงเป็นผู้ที่ไม่มีการเกิดได้อย่างไร ได้อธิบายไว้ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ เช่นกัน เมื่อพระองค์ทรงปรากฏต่อหน้าพระนางเดวะคีและวะสุเดวะ พระองค์ทรงมิได้เกิดเหมือนเด็กน้อยธรรมดา คริชณะทรงปรากฏในรูปลักษณ์เดิมแท้ของพระองค์ จากนั้นทรงเปลี่ยนพระวรกายมาเป็นเด็กน้อยธรรมดา
ทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำไปภายใต้คำสั่งของคริชณะเป็นทิพย์ ไม่มีมลทินจากผลทางวัตถุซึ่งอาจจะเป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคล แนวคิดที่ว่ามีสิ่งที่เป็นมงคลและไม่เป็นมงคลในโลกวัตถุเป็นการอุปโลกน์ทางจิต ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นมงคลเพราะว่าตัวธรรมชาติวัตถุเองไม่เป็นมงคล เราเพียงแต่จินตนาการว่าเป็นมงคล ความเป็นสิริมงคลที่แท้จริงขึ้นอยู่กับกิจกรรมในคริชณะจิตสำนึกด้วยการอุทิศตนเสียสละและรับใช้อย่างเต็มเปี่ยม ดังนั้น หากเราปรารถนาให้กิจกรรมของพวกเราเป็นมงคล เราควรทำงานภายใต้คำชี้นำขององค์ภควาน คำชี้นำเหล่านี้ได้ให้ไว้ในพระคัมภีร์ที่เชื่อถือได้ เช่น ชรีมัด- บฺากะวะธัมฺ และ ภควัต-คีตาฺ หรือจากพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ เพราะว่าพระอาจารย์ทิพย์เป็นผู้แทนขององค์ภควาน คำชี้นำของท่านเป็นการชี้นำโดยตรงจากองค์ภควาน พระอาจารย์ทิพย์ นักบุญ และพระคัมภีร์ชี้นำไปในทางเดียวกัน จะไม่มีข้อขัดแย้งในสามแหล่งนี้ การกระทำทั้งหมดภายใต้การชี้นำเช่นนี้เป็นอิสระจากผลบุญหรือผลบาปของโลกวัตถุนี้ ท่าทีทิพย์ของสาวกในการปฏิบัติกิจกรรมอันที่จริงเป็นการเสียสละจึงเรียกว่า สันนยาสะฺ ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกหนึ่งบทที่หกของ ภควัต-คีตาฺ ผู้ปฏิบัติไปตามหน้าที่เพราะได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติจากองค์ภควาน และเป็นผู้ที่ไม่ได้หาที่พึ่งในผลแห่งกิจกรรมของตนเอง (อนาชริทะฮ คารมะ-พฺะลัม)ฺ เป็นผู้เสียสละที่แท้จริง ผู้ใดปฏิบัติภายใต้การชี้นำขององค์ภควานเป็น สันนยาสีฺ และเป็นโยคีที่แท้จริง ไม่ใช่บุคคลผู้แต่งชุด สันนยาสีฺ หรือโยคีจอมปลอม
บุดดิฺร กยานัม อสัมโมฮะฮ
คชะมา สัทยัม ดะมะฮ ชะมะฮฺ
สุคัฺม ดุฮคัฺม บฺะโว
่บฺาโว บฺะยัม ชาบฺะยัม เอวะ ชะฺ
อฮิมสา สะมะทา ทุชทิส
ทะโพ ดฺานัม ยะโช ่ยะชะฮฺ
บฺะวันทิ บฺาวา บํูทานาม
มัททะ เอวะ พริทัฺก-วิดฺาฮฺ
บูดดิฺฮฺ - ปัญญา, กยานัมฺ - ความรู้, อสัมโมฮะฮฺ - ปราศจากความสงสัย, คชะมาฺ - การให้อภัย,สัทยัมฺ - สัจจะ, ดะมะฮฺ - ควบคุมประสาทสัมผัส, ชะมะฮฺ - ควบคุมจิตใจ, สุคัฺมฺ - ความสุข, ดุฮคัฺมฺ - ความทุกข์, บะวะฮฺ - การเกิด, อบาวะฮฺ - การตาย, บฺะยัมฺ - ความกลัว, ชะฺ - เช่นกัน, อบฺะยัมฺ - ความไม่กลัว, เอวะฺ - เช่นกัน, ชะฺ - และ, อฮิมสาฺ - ไม่เบียดเบียน, สะมะทาฺ - อุเบกขา, ทุชทิฮฺ - ความพึงพอใจ, ทะพะฮฺ - การบำเพ็ญเพียร, ดานัมฺ - การให้ทาน, ยะชะฮฺ - มีชื่อเสียง, อยะชะฮฺ - เสียชื่อเสียง, บฺะวันทิฺ - ปรากฏมา, บฺาวาฮฺ - ธรรมชาติ, บํูทานามฺ - สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ, มัททะฮฺ - จากข้า, เอวะฺ - แน่นอน, พริทัฺค-วิดาฮฺ - จัดการอย่างหลากหลาย
คำแปลฺ
ปัญญา ความรู้ ปราศจากความสงสัยและความหลงผิด การให้อภัย สัจจะ การควบคุมประสาทสัมผัส การควบคุมจิตใจ ความสุขและความทุกข์ การเกิด การตาย ความกลัว ความไม่กลัว การไม่เบียดเบียน อุเบกขา ความพึงพอใจ ความสมถะ การให้ทาน มีชื่อเสียงและเสียชื่อเสียง คุณสมบัติอันหลากหลายเหล่านี้ทั้งหมดของสิ่งมีชีวิต ข้าเป็นผู้สร้างเพียงผู้เดียว
คำอธิบายฺ
คุณสมบัติต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิตไม่ว่าดีหรือเลว คริชณะทรงเป็นผู้สร้างทั้งหมดซึ่งได้อธิบายไว้ ณ ที่นี้
ปัญญา หมายถึงพลังในการวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ด้วยระดับสายตาที่ถูกต้องเหมาะสม และความรู้หมายถึงการเข้าใจว่าอะไรคือวิญญาณและอะไรคือวัตถุ ความรู้ทั่วไปที่ได้รับจากการศึกษาในมหาวิทยาลัยเกี่ยวเนื่องกับวัตถุเท่านั้น ณ ที่นี้ไม่ยอมรับว่าเป็นความรู้ ความรู้หมายถึงรู้ข้อแตกต่างระหว่างวิญญาณและวัตถุ การศึกษาในสมัยปัจจุบันไม่มีความรู้เกี่ยวกับดวงวิญญาณ เพียงแต่ดูแลธาตุวัตถุต่าง ๆ และดูแลความจำเป็นของร่างการเท่านั้น ดังนั้น ความรู้ทางวิชาการจึงไม่สมบูรณ์
อสัมโมฮะฺ ปราศจากความสงสัยและความหลงผิดบรรลุได้เมื่อเราไม่ลังเลและเข้าใจปรัชญาทิพย์ ดำเนินไปอย่างช้า ๆ แต่แน่นอนว่าจะเป็นอิสระจากความวิตกกังวล เราไม่ควรยอมรับสิ่งใดโดยไม่มีการพินิจพิจารณา ทุกสิ่งทุกอย่างควรรับไว้ด้วยความเอาใจใส่และระมัดระวัง คชะมาฺ ความอดทนและการให้อภัยควรถือปฏิบัติเราควรอดทนและให้อภัยกับความผิดเล็กน้อยของผู้อื่น สัทยัมฺ หรือสัจจะหมายความว่าความจริงควรเสนอไปตามความจริงเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น ความจริงไม่ควรเสนอไปอย่างผิดๆ ตามธรรมเนียมของสังคม ได้กล่าวไว้ว่าเราควรพูดความจริงเมื่อเป็นที่พอใจของผู้อื่นเท่านั้น แต่นั่นไม่ใช่สัจจะ สัจจะควรพูดอย่างตรงไปตรงมาเพื่อผู้อื่นจะได้เข้าใจอย่างถูกต้องว่าความจริงคืออะไร หากบุคคลนี้เป็นขโมยและผู้คนได้รับการเตือนว่าเขาเป็นขโมย นั่นคือสัจจะ ถึงแม้ว่าบางครั้งสัจจะไม่เป็นที่พอใจ เราไม่ควรหลีกเลี่ยงที่จะพูดสัจจะหมายความว่าความจริงต้องเสนอออกไปตามความเป็นจริงเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น นั่นคือคำนิยามของสัจจะ
การควบคุมประสาทสัมผัส หมายความว่าประสาทสัมผัสไม่ควรใช้ไปเพื่อความสุขส่วนตัวโดยไม่จำเป็น ไม่มีข้อห้ามเกี่ยวกับความจำเป็นที่เหมาะสมของประสาทสัมผัส แต่ความสุขทางประสาทสัมผัสที่ไม่จำเป็นเป็นอุปสรรคในความเจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์ ฉะนั้น ประสาทสัมผัสจึงควรถูกห้ามปรามจากการใช้โดยไม่จำเป็น ในทำนองเดียวกัน เราควรควบคุมจิตใจจากการคิดที่ไม่จำเป็น เช่นนี้เรียกว่า ชะมะฺ เราไม่ควรใช้เวลาของเราเที่ยวไปหาเงิน เพราะนั่นเป็นการใช้พลังแห่งความคิดที่ผิด จิตใจควรใช้ไปเพื่อเข้าใจความจำเป็นพื้นฐานของมนุษย์และควรจะแสดงออกอย่างน่าเชื่อถือได้ พลังแห่งความคิดควรพัฒนาร่วมกับบุคคลผู้เชื่อถือได้ในพระคัมภีร์ เช่น นักบุญ พระอาจารย์ทิพย์ และพวกที่ความคิดพัฒนาสูงมากแล้ว สุคัฺมฺ ความยินดีหรือความสุขควรเป็นประโยชน์เพื่อพัฒนาความรู้ทิพย์แห่งคริชณะจิตสำนึก ในทำนองเดียวกัน สิ่งที่เจ็บปวดหรือก่อให้เกิดความทุกข์ก็คือไม่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาคริชณะจิตสำนึก สิ่งใดที่เป็นประโยชน์เพื่อพัฒนาคริชณะจิตสำนึกควรรับไว้ และสิ่งใดที่ไม่เป็นประโยชน์ควรปฏิเสธ
บฺะวะฺ การเกิด ควรเข้าใจว่าเกี่ยวเนื่องกับร่างกาย สำหรับดวงวิญญาณไม่มีทั้งการเกิดและการตาย ซึ่งกล่าวไว้แล้วในตอนต้นของ ภควัต-คีตาฺ การเกิดและการตายสัมพันธ์กับร่างกายของเราในโลกวัตถุ ความกลัว เนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคต บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่มีความกลัว เพราะจากกิจกรรมของเขามั่นใจได้ว่าจะกลับคืนสู่ท้องฟ้าทิพย์คืนสู่เหย้าสู่องค์ภควานอย่างแน่นอน ฉะนั้น อนาคตจึงสว่างไสวมาก อย่างไรก็ดี บุคคลอื่นไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร และไม่รู้ว่าชาติหน้าจะเป็นอะไร ดังนั้น จึงอยู่ในความวิตกกังวลตลอดเวลา หากเราต้องการเป็นอิสระจากความวิตกกังวล วิธีที่ดีที่สุดคือเข้าใจคริชณะและสถิตในคริชณะจิตสำนึกเสมอ เช่นนี้จะทำให้เราเป็นอิสระจากความกลัวทั้งหมด ในชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ (11.2.37) กล่าวไว้ว่า บฺะยัม ดวิทียาบิฺนิเวชะทะฮ สยาทฺ ความกลัวเกิดจากการที่เราซึมซาบอยู่ในพลังงานแห่งความหลง แต่พวกที่เป็นอิสระจากพลังงานแห่งความหลง มั่นใจว่าตนเองไม่ใช่ร่างกายวัตถุ แต่เป็นละอองอณูขององค์ภควาน และปฏิบัติในการรับใช้ทิพย์ต่อพระองค์จึงไม่มีอะไรน่ากลัว อนาคตของพวกเขาสว่างไสวมาก ความกลัวนี้เป็นสภาวะของบุคคลผู้ไม่มีคริชณะจิตสำนึก อบฺะยัมฺ หรือความไม่กลัวเป็นไปได้สำหรับบุคคลที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้น
อฮิมสาฺ การไม่เบียดเบียนหมายความว่า เราไม่ควรทำสิ่งใดที่จะทำให้ผู้อื่นได้รับความทุกข์หรือสับสน กิจกรรมทางวัตถุที่บรรดานักการเมือง นักสังคมสงเคราะห์คนใจบุญ ฯลฯ มากมายให้สัญญา ไม่ได้ทำให้เกิดผลดีมาก เพราะว่าพวกนักการเมืองและคนใจบุญเหล่านี้ไม่มีวิสัยทัศน์ที่เป็นทิพย์ และไม่รู้ว่าอะไรคือประโยชน์ที่แท้จริงของสังคมมนุษย์ อฮิมสาฺ หมายความว่า ผู้คนควรได้รับการฝึกฝนให้ใช้ร่างกายมนุษย์เพื่อให้ได้รับประโยชน์สมบูรณ์สูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ร่างกายมนุษย์มีไว้เพื่อความรู้แจ้งทิพย์ดังนั้น ขบวนการใด ๆ หรือคณะกรรมาธิการใด ๆ ที่ไม่นำไปสู่จุดมุ่งหมายนี้ กระทำการเบียดเบียนต่อร่างกายมนุษย์ บุคคลที่ส่งเสริมความสุขทิพย์ในอนาคตของผู้คนโดยทั่วไปเรียกว่าผู้ไม่เบียดเบียน
สะมะทาฺ แปลว่าอุเบกขา หมายถึงปราศจากความยึดติดและความเกลียดชัง การยึดติดมากหรือการรังเกียจมากไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด โลกวัตถุนี้ควรยอมรับโดยปราศจากการยึดติดหรือความรังเกียจ อะไรที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินงานในคริชณะจิตสำนึกควรยอมรับไว้ และอะไรที่ไม่เอื้ออำนวยควรปฏิเสธ เช่นนี้เรียกว่า สะมะทาฺหรืออุเบกขา บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่มีอะไรที่จะปฏิเสธและไม่มีอะไรที่ต้องยอมรับนอกจากสิ่งนั้นมีประโยชน์ใช้สอยในการดำเนินงานในคริชณะจิตสำนึก
ทุชทิฺ ความพึงพอใจ หมายความว่า เราไม่ควรกระตือรือร้นในการสะสมสิ่งของวัตถุมากยิ่งขึ้นด้วยกิจกรรมที่ไม่จำเป็น เราควรพึงพอใจกับสิ่งต่าง ๆ ที่ได้รับมาด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน เช่นนี้เรียกว่าความพึงพอใจ ทะพัสฺ หมายถึงความสมถะหรือการบำเพ็ญเพียร มีกฎเกณฑ์มากมายในคัมภีร์พระเวทที่นำมาปฏิบัติได้ ณ ที่นี้ เช่น การตื่นนอนแต่เช้า และการอาบน้ำ บางครั้งลำบากมากที่ต้องตื่นนอนแต่เช้าตรู่แต่ความยากลำบากใด ๆ ที่เราอาสาปฏิบัติและอาจได้รับความทุกข์เช่นนี้เรียกว่าการบำเพ็ญเพียร ในทำนองเดียวกัน มีข้อกำหนดให้อดอาหารในวันสำคัญของเดือน เราอาจไม่มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติการอดอาหารเช่นนี้ แต่เนื่องจากความมุ่งมั่นที่จะเจริญก้าวหน้าในศาสตร์แห่งคริชณะจิตสำนึก เราควรยอมรับความลำบากทางร่างกายเช่นนี้เมื่อได้รับคำแนะนำ อย่างไรก็ดี เราไม่ควรอดอาหารโดยไม่จำเป็นหรือขัดต่อคำสั่งสอนของพระเวท และไม่ควรอดอาหารเพื่อจุดมุ่งหมายทางการเมืองเพราะอยู่ในระดับอวิชชาตามคำอธิบาย ภควัต-คีตาฺ สิ่งใดที่ทำไปในระดับอวิชชาหรือตัณหาจะไม่ทำให้เจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์ สิ่งใดที่ทำไปในระดับแห่งความดีทำให้เราเจริญขึ้น อย่างไรก็ดี การอดอาหารตามคำสั่งสอนของคัมภีร์พระเวทจะประเทืองความรู้ทิพย์
เกี่ยวกับการให้ทานเราควรให้ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของรายได้เพื่อจุดมุ่งหมายที่ดี แล้วอะไรคือจุดมุ่งหมายที่ดี? นั่นคือการปฏิบัติที่สัมพันธ์กับคริชณะจิตสำนึกเช่นนี้ไม่เป็นเพียงจุดมุ่งหมายแค่ดีเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดมุ่งหมายที่ดีที่สุดเพราะว่าคริชณะดี จุดมุ่งหมายของพระองค์ก็ทรงดีเช่นกัน ดังนั้น การให้ทานควรให้กับบุคคลผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก วรรณกรรมพระเวทได้กล่าวไว้ว่า การให้ทานควรให้กับ บระฮมะณะฺ หรือพราหมณ์เช่นนี้ยังถือปฏิบัติกันอยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่ดีทีเดียวตามคำสั่งสอนของพระเวท แต่คำสั่งสอนก็คือการให้ทานควรให้แก่ บระฮมะณะฺ เพราะเหตุใด? เพราะ บระฮมะณะฺปฏิบัติในการพัฒนาความรู้ทิพย์ที่สูงกว่า เป็นผู้ที่อุทิศตนเสียสละชีวิตทั้งชีวิตในการเข้าใจ บระฮมัน, บระฮมะ จานาทีทิ บราฮมะณะฮฺ ผู้ที่รู้ บระฮมันฺ เรียกว่า บระฮมะณะฺดังนั้น การให้ทานจึงถวายให้ บระฮมะณะฺ เพราะท่านปฏิบัติในการรับใช้ทิพย์อยู่เสมอจึงไม่มีเวลาทำมาหาเลี้ยงชีพ วรรณกรรมพระเวทกล่าวว่าการให้ทานควรให้กับผู้ที่อยู่ในระดับชีวิตสละโลก สันนยาสีฺ ด้วยเช่นกัน สันนยาสีฺ ภิกขาจารไปตามบ้านไม่ใช่เพื่อเงินแต่เพื่อจุดมุ่งหมายในการเผยแพร่หลักธรรม ระบบก็คือพวก สันนยาสีฺ ไปตามบ้านเพื่อปลุกคฤหัสถ์ให้ตื่นจากอวิชชา เพราะพวกคฤหัสถ์ปฏิบัติภารกิจทางครอบครัวจนลืมจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของชีวิต การปลุกคริชณะจิตสำนึกให้พวกคฤหัสถ์จึงเป็นภารกิจของ สันนยาสีฺ ในรูปของภิกขุที่ไปเยี่ยมและส่งเสริมให้คฤหัสถ์มีคริชณะจิตสำนึก ดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวทว่าเราควรตื่นขึ้นและบรรลุถึงสิ่งที่ควรจะได้รับในชีวิตร่างมนุษย์นี้ ความรู้และวิธีการนี้ สันนยาสีฺ เป็นผู้แจกจ่าย ดังนั้น การให้ทานจึงควรให้แก่ผู้ที่อยู่ในระดับชีวิตสละโลก ให้แก่ บระฮมะณะฺ และให้กับพวกที่มีจุดมุ่งหมายที่ดีในทำนองเดียวกันนี้ ไม่ใช่ไปให้แก่พวกที่ทำตามอำเภอใจ
ยะชะฺ ชื่อเสียง ควรเป็นไปตามที่องค์เชธันญะตรัส บุคคลมีชื่อเสียงดีเมื่อมาเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ นั่นคือชื่อเสียงที่แท้จริง หากผู้ใดมาเป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ในคริชณะจิตสำนึกและเป็นที่รู้โดยทั่วกัน เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงที่แท้จริง นอกนั้นไม่ถือว่าเป็นผู้มีชื่อเสียง
คุณสมบัติทั้งหลายเหล่านี้ปรากฏอยู่ทั่วจักรวาลทั้งในสังคมมนุษย์และในสังคมเทวดา มีรูปแบบของมนุษย์มากมายในดาวเคราะห์อื่น ๆ และคุณสมบัติเหล่านี้ก็มีอยู่ สำหรับผู้ที่ปรารถนาความเจริญก้าวหน้าในคริชณะจิตสำนึก คริชณะทรงสร้างคุณสมบัติทั้งหลายเหล่านี้ แต่บุคคลจะพัฒนาด้วยตนเองภายใน ผู้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน จะพัฒนาคุณสมบัติที่ดีทั้งหลายซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้จัดการ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราพบไม่ว่าดีหรือเลว คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิด ไม่มีสิ่งใดปรากฏตัวเองในโลกวัตถุนี้ที่ไม่ได้อยู่ในคริชณะ นั่นคือความรู้ ถึงแม้เราทราบว่าสิ่งต่างๆสถิตแตกต่างกันไป เราควรรู้แจ้งว่าทุกสิ่งทุกอย่างหลั่งไหลมาจากชรีคริชณะ
มะฮารชะยะฮ สัพทะ พูรเว
ชัทวาโร มะนะวัส ทะทฺาฺ
มัด-บฺาวา มานะสา จาทา
เยชาม โลคะ อิมาฮ พระจาฮฺ
มะฮา-ริชะยะฮฺ - นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, สัพทะฺ - เจ็ด, พูรเวฺ - ก่อน, ชัทวาระฮฺ - สี่, มะนะ วะฮฺ - มะนุ,ทะทฺาฺ - เช่นกัน, มัท-บฺาวาฮฺ - เกิดจากข้า, มานะสาฮฺ - จากจิตใจ, จาทาฮฺ - เกิด, เยชามฺ - ของพวกเขา, โลเคฺ - ในโลก, อิมาฮฺ - ทั้งหมดนี้, พระจาฮฺ - พลเมือง
คำแปลฺ
นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด และก่อนหน้านี้มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่อีกสี่ท่านรวมทั้งมะนุ (บรรพบุรุษแห่งมนุษยชาติ) มาจากข้า กำเนิดมาจากจิตใจของข้า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายซึ่งเป็นพลโลกของดาวเคราะห์ต่าง ๆ สืบเชื้อสายมาจากท่านเหล่านี้
คำอธิบายฺ
องค์ภควานทรงให้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องวงศ์วานของประชากรในจักรวาล พระพรหมทรงเป็นชีวิตแรกที่ประสูติจากพลังงานของพระองค์ ทรงพระนามว่า ฮิรัณยะ- การบฺะฺ จากพระพรหมนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ด ก่อนหน้านี้มีนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่สี่ท่านคือ สะนะคะ สะนันดะ สะนาทะนะ และ สะนัท-คุมาระ จากนั้น มะนฺุ ก็ปรากฏออกมา นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งยี่สิบห้าท่านนี้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของมวลชีวิตในจักรวาลทั้งหมด มีจักรวาลอยู่นับไม่ถ้วนและมีดาวเคราะห์ที่นับไม่ถ้วนอยู่ภายในแต่ละจักรวาลแต่ละดาวเคราะห์ยังเต็มไปด้วยประชากรอันหลากหลายเผ่าพันธุ์ ทั้งหมดเกิดมาจากผู้อาวุโสสูงสุดยี่สิบห้าท่านนี้ พระพรหมทรงปฏิบัติการบำเพ็ญเพียงเป็นเวลาหนึ่งพันปีตามเวลาของเทวดา ก่อนที่จะรู้แจ้งด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะว่าจะทำการสร้างอย่างไร จากพระพรหม สะนะคะ สะนันดะ สะนาทะนะ และ สะนัท-คุมาระ ประสูติออกมา จากนั้น รุดระฺ และนักปราชญ์ทั้งเจ็ด เช่นนี้ บระฮมะณะฺ และ คชัทริยะฺ ทั้งหลายเกิดมาจากพลังงานขององค์ภควาน พระพรหมทรงพระนามว่า พิทามะฮะฺ หรือเสด็จปู่ และคริชณะทรงพระนามว่า พระพิทามะฮะฺ พระบิดาของเสด็จปู่ ซึ่งได้กล่าวไว้ในบทที่สิบเอ็ดของ ภควัต-คีตาฺ (11.39)
เอทาม วิบํูทิม โยกัม ชะ
มะมะ โย เวททิ ทัททวะทะฮฺ
โส ่วิคัลเพนะ โยเกนะ
ยุจยะเท นาทระ สัมชะยะฮฺ
เอทามฺ - ทั้งหมดนี้, วิบํูทิมฺ - ความมั่นคั่ง, โยกัมฺ - พลังอิทธิฤทธิ์, ชะฺ - เช่นกัน, มะมะฺ - ของข้า, ยะฮฺ - ผู้ใดที่, เวททิฺ - รู้, ทัททวะทะฮฺ - อย่างแท้จริง, สะฮฺ - เขา, อวิคัลเพนะฺ - โดยไม่แบ่งแยก, โยเกนะฺ - ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้, ยุจยะเทฺ - ปฏิบัติ, นะฺ - ไม่เคย, อทระฺ - ที่นี่, สัมชะยะฮฺ - สงสัย
คำแปลฺ
ผู้ที่มั่นใจอย่างแท้จริงในความมั่งคั่งและพลังอิทธิฤทธิ์ของข้านี้ จะปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความบริสุทธิ์ใจโดยไม่มีข้อสงสัย
คำอธิบายฺ
จุดสุดยอดแห่งความสมบูรณ์ในวิถีทิพย์คือความรู้แห่งองค์ภควาน นอกจากจะมั่นใจอย่างแน่วแน่ในความมั่งคั่งต่าง ๆ ขององค์ภควาน มิฉะนั้น จะไม่สามารถปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ได้ โดยทั่วไปผู้คนรู้ว่าพระผู้เป็นเจ้านั้นยิ่งใหญ่ แต่ไม่รู้รายละเอียดว่าพระองค์ทรงยิ่งใหญ่อย่างไร นี่คือรายละเอียด หากผู้ใดรู้อย่างแท้จริงว่าองค์ภควานทรงยิ่งใหญ่อย่างไร โดยธรรมชาติจะมาเป็นดวงวิญญาณผู้ศิโรราบและปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้พระองค์ เมื่อรู้ถึงความมั่งคั่งขององค์ภควานอย่างแท้จริง จะไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากศิโรราบต่อพระองค์ ความรู้อันแท้จริงนี้รู้ได้จากคำอธิบายใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ และ ภควัต-คีตาฺ และจากวรรณกรรมในลักษณะเดียวกันนี้
ในการบริหารจักรวาลนี้มีเทวดามากมายทรงกระจายอยู่ทั่วระบบดาวเคราะห์ ผู้นำเทวดาคือพระพรหม พระศิวะ สี่คุมาระผู้ยิ่งใหญ่ และผู้อาวุโสสูงสุดอื่นๆ มีบรรพบุรุษของประชากรในจักรวาลมากมาย ทั้งหมดกำเนิดมาจากองค์ภควานคริชณะผู้ทรงเป็นบรรพบุรุษองค์แรกของบรรพบุรุษทั้งหลาย
เหล่านี้คือความมั่งคั่งบางประการขององค์ภควาน เมื่อมีความมั่นใจอย่างแน่วแน่ในความมั่งคั่งเหล่านี้ เราจะยอมรับคริชนะด้วยความศรัทธาอย่างแรงกล้าโดยปราศจากข้อสงสัย และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ความรู้โดยเฉพาะทั้งหมดนี้มีความจำเป็นเพื่อเพิ่มพูนความใส่ใจในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความรักต่อพระองค์ เราไม่ควรละเลยในการเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าคริชณะทรงยิ่งใหญ่อย่างไร เพราะเมื่อรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์ จะทำให้เราตั้งมั่นในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความจริงใจ
อฮัม สารวัสยะ พระบฺะโว
มัททะฮ สารวัม พระวารทะเทฺ
อิทิ มัทวา บฺะจันเท มาม
บุดฺา บฺาวะ-สะมันวิทาฮฺ
อฮัมฺ - ข้า, สารวัสยะฺ - ทั้งหมด, พระบฺะวะฮฺ - แหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิด, มัททะฮฺ - จากข้า, สารวัมฺ - ทุกสิ่งทุกอย่าง, พระวารทะเทฺ - ออกมา, อิทิฺ - ดั้งนั้น, มัทวาฺ - รู้, บฺะจันเทฺ - มาอุทิศตนเสียสละ, มามฺ - แด่ข้า, บุดฺาฮฺ - ผู้รู้, บฺาวะฺ - สะมันวิทาฮฺ - ด้วยความตั้งใจอย่างยิ่ง
คำแปลฺ
ข้าคือแหล่งกำเนิดของโลกทิพย์และโลกวัตถุทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมาจากข้า ผู้มีปัญญารู้เช่นนี้โดยสมบูรณ์ ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อข้าและบูชาข้าอย่างสุดหัวใจ
คำอธิบายฺ
นักวิชาการผู้คงแก่เรียนศึกษาคัมภีร์พระเวทอย่างสมบูรณ์ และได้รับข้อมูลจากผู้ที่เชื่อถือได้ เช่น องค์เชธันญะ และรู้ว่าจะนำคำสอนเหล่านี้ไปใช้อย่างไรเพื่อให้เข้าใจว่า คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างทั้งในโลกวัตถุและโลกทิพย์เพราะเมื่อรู้เช่นนี้โดยสมบูรณ์จึงจะตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานโดยไม่เบี่ยงเบนอันเนื่องมาจากคำบรรยายที่เหลวไหลหรือจากคนโง่เขลาใดๆ วรรณกรรมพระเวททั้งหมดยอมรับว่าคริชณะคือแหล่งกำเนิดของพระพรหม พระศิวะ และเทวดาทั้งหลาย ใน อทฺารวะ เวดะ (โกพาละ-ทาพะนี อุพะนิชัดฺ 1.24) กล่าวไว้ว่า โย บระฮมาณัม วิดะดฺาทิ พูรวัม โย ไว เวดามช ชะ กาพะยะทิ สมะ คริชณะฮฺ“ ในตอนต้นคริชณะทรงสอนความรู้พระเวทแก่พระพรหมผู้ซึ่งในอดีตได้เผยแพร่ความรู้พระเวทนี้” และ นารายะณะ อุพะนิชัดฺ (1) กล่าวว่า อทฺะ พุรุโช ฮะ ไว นารายะโณ ่ คามะยะทะ พระจาฮ สริเจเยทิฺ “จากนั้นองค์ภควานนารายะณะทรงปรารถนาจะสร้างสิ่งมีชีวิต” อุพะนิชัดฺ กล่าวต่อไปว่า นารายะณาด บระฮมา จายะเท, นารายะณาด พระจาพะทิฮ พระจายะเท, นารายะณาด อินโดร จายะเท, นารายะณาด อัชโท วะสะ โว จายันเท, นารายะณาด เอคาดะชะ รุดรา จายันเท, นารายะณาด ดวาดะชาดิทยาฮฺ“จากพระนารายณ์ พระพรหมประสูติ จากพระนารายณ์ผู้อาวุโสสูงสุดต่าง ๆ ประสูติเช่นกัน จากพระนารายณ์พระอินทร์ประสูติ จากพระนารายณ์วะสุทั้งแปดองค์ประสูติจากพระนารายณ์รุดระทั้งสิบเอ็ดองค์ประสูติ จากพระนารายณ์ อาดิทยะฺ สิบสององค์ประสูติ” พระนารายณ์องค์นี้ทรงเป็นภาคแบ่งแยกของคริชณะ
ได้กล่าวไว้ในพระเวทเล่มเดียวกันว่า บระฮมัณโย เดวะคี-พุทระฮฺ “คริชณะบุตรของพระนางเดวะคีคือองค์ภควาน” (นารายะณะ อุพะนิชัดฺ 4) จากนั้นได้กล่าวต่อไปว่า เอโค ไว นารายะณะ อาสีน นะ บระฮมา นะ อีชาโน นาโพ นากนิ-สะโม เนเม ดยาพ-อาพริทิฺวี นะ นัคชะทราณิ นะ สูรยะฮฺ “ในตอนต้นของการสร้างมีเพียงองค์ภควานพระนารายณ์ ไม่มีพระพรหม ไม่มีพระศิวะ ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟ ไม่มีดวงจันทร์ ไม่มีดวงดาวในท้องฟ้า ไม่มีดวงอาทิตย์” (มะฮา อุพะนิชัดฺ 1) ใน มะฮา อุพะนิชัดฺ กล่าวไว้เช่นกันว่า พระศิวะประสูติจากพระนาลาฎ (หน้าผาก) ขององค์ภควาน ดังนั้น พระเวทกล่าวว่า องค์ภควานผู้ทรงสร้างพระพรหม และพระศิวะ ควรได้รับการบูชา
ใน โมคชะ-ดฺารมะฺ คริชณะตรัสว่า
พระจาพะทิม ชะ รุดรัม ชาพิ
อฮัม เอวะ สริจามิ ไวฺ
โท ฮิ มาม นะ วิจานีโท
มะมะ มายา-วิโมฮิโทฺ
“ข้าเป็นผู้ให้กำเนิดบรรดาผู้อาวุโสสูงสุด พระศิวะ และองค์อื่น ๆ ถึงแม้ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ให้กำเนิด เพราะว่าหลงผิดอยู่ในพลังงานแห่งความหลงของข้า” ใน วะราฮะ พุราณะฺได้กล่าวไว้เช่นกันว่า
นารายะณะฮ พะโร เดวัส
ทัสมาจ จาทัช ชะทุรมุคฺะฮฺ
ทัสมาด รุโดร ่บฺะวัด เดวะฮ สะ
ชะ สารวะ-กยะทาม กะทะฮฺ
“พระนารายณ์คือองค์ภควาน จากพระองค์พระพรหมประสูติ จากพระพรหมพระศิวะประสูติ”
องค์ชรีคริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของการให้กำเนิดทั้งหมด พระองค์ทรงถูกเรียกว่าเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ทรงตรัสว่า “เพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมาจากข้า ข้าคือแหล่งกำเนิดเดิมแท้ของทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้ข้า ไม่มีผู้ใดอยู่เหนือข้า” ไม่มีผู้ควบคุมสูงสุดอื่นใดนอกจากคริชณะ ผู้เข้าใจคริชณะเช่นนี้จากพระอาจารย์ทิพย์ที่เชื่อถือได้และจากการอ้างอิงของวรรณกรรมพระเวท จะใช้พลังงานของเขาทั้งหมดในคริชณะจิตสำนึกและกลายมาเป็นผู้รู้อย่างแท้จริง เมื่อเปรียบเทียบกับบุคคลเช่นนี้บุคคลอื่น ๆ ทั้งหมดผู้ไม่รู้จักคริชณะอย่างถูกต้องเป็นคนโง่เขลา คนโง่เขลาเท่านั้นที่พิจารณาว่า คริชณะทรงเป็นมนุษย์ธรรมดา บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่ควรสับสนกับคนโง่เขลาเหล่านี้ แต่ควรหลีกเลี่ยงคำบรรยายและการตีความ ภควัต-คีตาฺ ที่เชื่อถือไม่ได้ทั้งหมด และเดินหน้าต่อไปในคริชณะจิตสำนึกด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่
มัช-ชิททา มัด-กะทะ-พราณา
โบดฺะยันทะฮ พะรัสพะรัมฺ
คะทฺะยันทัช ชะ มาม นิทยัม
ทุชยันทิ ชะ ระมันทิ ชะฺ
มัท-ชิททาฮฺ - จิตใจของพวกเขาปฏิบัติอยู่ในข้าอย่างเต็มเปี่ยม, มัท-กะทะ-พราณาฮฺ - ชีวิตของพวกเขาเสียสละให้ข้า, โบดฺะยันทะฮฺ - การสอน, พะรัสพะรัมฺ - ในหมู่พวกเขากันเอง, คะทฺะยันทะฮฺ - พูด, ชะฺ - เช่นกัน, มามฺ - เกี่ยวกับข้า, นิทยัมฺ - อาจิน, ทุชยันทิฺ - มีความยินดี, ชะฺ - เช่นกัน, ระมันทิฺ - รื่นเริงกับความปลื้มปีติสุขทิพย์, ชะฺ - เช่นกัน
คำแปลฺ
ความคิดของสาวกผู้บริสุทธิ์พำนักอยู่ในข้า ชีวิตอุทิศในการรับใช้ข้าโดยสมบูรณ์และพวกเขาได้รับความพึงพอใจและปลื้มปีติสุขอย่างใหญ่หลวง จากการให้แสงสว่างซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งสนทนาเกี่ยวกับข้าอยู่เสมอ
คำอธิบายฺ
ได้กล่าวถึงบุคลิกลักษณะของสาวกผู้บริสุทธิ์ไว้ ณ ที่นี้ว่า พวกท่านปฏิบัติตนอย่างเต็มที่ในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควาน โดยไม่สามารถหันเหจิตใจไปจากพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะได้ การสนทนาจะเกี่ยวกับเรื่องราวทิพย์ทั้งหมดโดยเฉพาะในโศลกนี้ได้อธิบายถึงลักษณะอาการของสาวกผู้บริสุทธิ์ว่าชอบสรรเสริญคุณสมบัติและลีลาขององค์ภควานวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง หัวใจและจิตวิญญาณซึมซาบอยู่ในคริชณะตลอดเวลา และมีความชื่นชมยินดีในการสนทนาเกี่ยวกับคริชณะร่วมกับสาวกรูปอื่น
ในระดับต้นของการอุทิศตนเสียสละรับใช้ จะได้รับความสุขทิพย์จากการรับใช้ในตัวมันเอง ในระดับที่สูงขึ้นจะสถิตในความรักแห่งองค์ภควานอย่างแท้จริง เมื่อสถิตในสภาวะทิพย์นั้นแล้ว จะได้รับความสมบูรณ์สูงสุดดังที่พระองค์ทรงแสดงที่พระตำหนักองค์เชธันญะทรงเปรียบเทียบการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้เหมือนกับเมล็ดพันธุ์ ถ้าหว่านลงไปที่ดวงใจของสิ่งมีชีวิต มีสิ่งมีชีวิตนับจำนวนไม่ถ้วนท่องอยู่ในโลกและจักรวาลต่างๆจากพวกนี้มีไม่กี่ชีวิตที่โชคดีพอมาพบกับสาวกผู้บริสุทธิ์ และได้รับโอกาสเข้าใจการอุทิศตนเสียสละรับใช้ การอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้เหมือนกับเมล็ดพันธุ์ เมื่อหว่านลงไปในดวงใจของสิ่งมีชีวิต และหากผู้นั้นสดับฟังและภาวนา ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะคริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร อย่างต่อเนื่อง เมล็ดพันธุ์นี้จะบังเกิดผลเหมือนกับเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ที่บังเกิดผลด้วยการรดน้ำสม่ำเสมอ ต้นไม้ทิพย์แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้จะค่อย ๆ เจริญขึ้นและเจริญขึ้น จนกระทั่งเจาะทะลุหลังคาที่ครอบคลุมจักรวาลวัตถุ และเข้าไปในรัศมี บระฮมะ- จโยทิฺ ในท้องฟ้าทิพย์ ณ ที่นั้น ต้นไม้นี้ยังเจริญเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงดาวเคราะห์สูงสุดเรียกว่า โกโลคะ วรินดาวะนะ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สูงสุดของคริชณะ ในที่สุดต้นไม้นี้จะมาพึ่งอยู่ภายใต้พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะและพำนักอยู่ ณ ที่นั่นขณะที่ต้นไม้ค่อย ๆ ผลิดอกออกผล ต้นไม้แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้ก็ผลิดอกออกผลเช่นเดียวกัน วิธีการรดน้ำในรูปของการสวดภาวนาและสดับฟังจะดำเนินต่อไป ต้นไม้แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้ ได้อธิบายไว้อย่างสมบูรณ์ใน เชธันญะ-ชะริทามาริทะฺ(มัดฺยะ-ลีลาฺ บทที่สิบเก้า) ว่า เมื่อต้นไม้ที่สมบูรณ์มาพึ่งอยู่ภายใต้พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน เขาจะซึมซาบอยู่ในความรักแห่งพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม จากนั้น ก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวโดยปราศจากการสัมผัสกับองค์ภควานเหมือนกับปลาที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากไม่มีน้ำ ในระดับนี้ สาวกบรรลุถึงคุณสมบัติทิพย์ในการมาสัมผัสกับองค์ภควานอย่างแท้จริง
ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ เต็มไปด้วยเรื่องราวที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างองค์ภควานและเหล่าสาวกของพระองค์ ดังนั้น ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ จึงเป็นที่รักยิ่งของสาวกดังที่ได้กล่าวไว้ใน บฺากะวะธัมฺ เอง (12.13.18) ว่า ชรีมัด-บฺากะวะธัม พุราณัม อมะลัม ยัด ไวชณะวานาม พริยัมฺ เรื่องราวเหล่านี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางวัตถุ การพัฒนาเศรษฐกิจ การสนองประสาทสัมผัส หรือความหลุดพ้น ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺเป็นการบรรยายเฉพาะถึงธรรมชาติทิพย์ขององค์ภควาน เหล่าสาวกของพระองค์ได้อธิบายไว้อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น ดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งในคริชณะจิตสำนึกได้รับความสุขอย่างต่อเนื่องในการสดับฟังวรรณกรรมทิพย์นี้เหมือนกับชายหนุ่มและหญิงสาวที่มีความสุขเมื่อได้อยู่ด้วยกัน
เทชาม สะทะทะ-ยุคทานามฺ
บฺะจะทาม พรีทิ-พูรวะคัมฺ
ดะดามิ บุดดิฺ-โยกัม ทัม
เยนะ มาม อุพะยานทิ เทฺ
เทชามฺ - แด่พวกเขา, สะทะทะ-ยุคทานามฺ - ปฏิบัติอยู่เสมอ, บฺะจะทามฺ - ในการถวายการอุทิศตนเสียสละรับใช้, พรีทิ-พูรวะคัมฺ - ในความปลาบปลื้มด้วยความรัก, ดะดามิฺ - ข้าให้, บุดดิฺ-โยกัมฺ - ปัญญาที่แท้จริง, ทัมฺ - นั้น,เยนะฺ - ซึ่ง, มามฺ - แด่ข้า, อุพะยานทิฺ - มา, เทฺ - พวกเขา
คำแปลฺ
สำหรับบุคคลที่เสียสละในการรับใช้ข้าด้วยใจรักอยู่เสมอ ข้าจะให้ความเข้าใจเพื่อให้พวกเขาสามารถมาถึงข้า
คำอธิบายฺ
โศลกนี้คำว่า บุดดิฺ-โยกัมฺ สำคัญมาก เราอาจจำได้ว่าในบทที่สองทรงสอนอารจุนะว่าพระองค์ได้ตรัสต่ออารจุนะหลายสิ่งหลายอย่าง พร้อมทั้งสอนวิธีแห่ง บุดดิฺ- โยกะฺ มาบัดนี้ทรงอธิบายถึง บุดดิฺ-โยกะฺ ตัว บุดดิฺ-โยกะฺ เองคือการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเพราะนี่คือปัญญาที่สูงสุด บุดดิฺฺ หมายถึงปัญญา และ โยกะฺ หมายถึงกิจกรรมพิเศษหรือความเจริญก้าวหน้าอย่างวิเศษ เมื่อเราพยายามกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควานและรับเอาคริชณะจิตสำนึกในการอุทิศตนเสียสละรับใช้มาปฏิบัติอย่างเต็มที่ การปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่า บุดดิฺ-โยกะฺ อีกนัยหนึ่ง บุดดิฺ-โยกะฺ คือวิธีการที่สามารถทำให้เราออกจากพันธนาการทางโลกวัตถุนี้ได้ จุดมุ่งหมายสูงสุดในความเจริญก้าวหน้าคือคริชณะ ผู้คนไม่ทราบเช่นนี้ ฉะนั้น การคบหาสมาคมกับสาวกและพระอาจารย์ทิพย์ผู้ที่เชื่อถือได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ เราควรรู้ว่าจุดมุ่งหมายคือคริชณะ เมื่อกำหนดจุดมุ่งหมายไว้เรียบร้อยแล้ว จากนั้นวิถีทางอาจช้าหน่อยแต่จะเดินก้าวหน้าต่อไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเราบรรลุถึงเป้าหมาย
เมื่อบุคคลรู้เป้าหมายแห่งชีวิต แต่ยังมัวเมาอยู่กับผลของกิจกรรม เช่นนี้เขาปฏิบัติ คารมะ-โยกะฺ เมื่อรู้ว่าเป้าหมายคือคริชณะ แต่ได้รับความสุขจากการคาดคะเนทางจิตใจเพื่อให้เข้าใจคริชณะ เช่นนี้เขาปฏิบัติ กยานะ-โยกะฺ และเมื่อรู้เป้าหมายและเสาะแสวงหาคริชณะโดยสมบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึกพร้อมทั้งอุทิศตนเสียสละรับใช้เช่นนี้เขาปฏิบัติ ภักดี-โยคะฺ หรือ บุดดิฺ-โยกะฺ ซึ่งเป็นโยคะที่สมบูรณ์ โยคะที่สมบูรณ์นี้เป็นระดับที่บริบูรณ์สูงสุดแห่งชีวิต
บุคคลอาจมีพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้และอาจยึดติดอยู่กับองค์กรหรือสมาคมทิพย์ ถึงกระนั้น หากไม่ฉลาดพอที่จะสร้างความก้าวหน้า คริชณะจะสอนเขาจากภายใน เพื่อในที่สุดเขาอาจมาถึงพระองค์โดยไม่ยากลำบากนัก คุณสมบัติคือบุคคลนั้นต้องปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ ด้วยความรักและอุทิศตนถวายการรับใช้ทุกรูปแบบ เขาควรปฏิบัติงานบางอย่างเพื่อคริชณะ และควรทำไปด้วยใจรักหากสาวกไม่ฉลาดพอที่จะเจริญก้าวหน้าบนหนทางแห่งความรู้แจ้งตนเอง แต่มีความจริงใจและอุทิศตนต่อกิจกรรมแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ องค์ภควานจะทรงให้โอกาสเขาเจริญก้าวหน้าและบรรลุถึงพระองค์ในที่สุด
เทชาม เอวานุคัมพารทัฺม
อฮัม อกยานะ-จัม ทะมะฮฺ
นาชะยามิ อาทมะ-บฺาวะ-สโทฺ
กยานะ-ดีเพนะ บฺาสวะทาฺ
เทชามฺ - สำหรับพวกเขา, เอวะฺ - แน่นอน, อนุคัมพา-อารทัฺมฺ - เพื่อแสดงพระเมตตาธิคุณพิเศษ, อฮัมฺ - ข้า, อกยานะฺ - จัมฺ - เนื่องจากอวิชชา, ทะมะฮฺ - ความมืด, นาชะยามิฺ - ปัดเป่า, อาทมะ-บฺาวะฺ - ภายในหัวใจของพวกเขา, สทฺะฮฺ - สถิต, กยานะฺ - ของความรู้, ดีเพนะฺ - ด้วยตะเกียง, บฺาสะวะทาฺ - สว่างไสว
คำแปลฺ
เพื่อแสดงพระเมตตาธิคุณพิเศษ ข้าผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจของพวกเขา ทำลายความมืดที่เกิดจากอวิชชาด้วยประทีปแห่งความรู้ที่สว่างไสว
คำอธิบายฺ
เมื่อองค์เชธันญะทรงประทับอยู่ที่ เบนะเรส เผยแพร่การสวดภาวนา ฮะเรคริชณะ ฮะเร คริชณะ คริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะรามะ ฮะเร ฮะเร คนเป็นพัน ๆ ติดตามพระองค์ พระคาชานันดะ สะรัสวะที นักวิชาการผู้คงแก่เรียนและมีอิทธิพลมากที่ เบนะเรส ในขณะนั้น เยาะเย้ยเชธันญะว่าเป็นคนเจ้าอารมณ์ บางครั้งพวกนักปราชญ์วิจารณ์สาวก เพราะคิดว่าสาวกส่วนใหญ่อยู่ในความมืดแห่งอวิชชา และเป็นคนเจ้าอารมณ์ ไม่เดียงสากับปรัชญา อันที่จริงไม่เป็นเช่นนั้น มีนักวิชาการผู้คงแก่เรียนหลายท่านที่เสนอปรัชญาแห่งการอุทิศตนเสียสละ แต่ถึงแม้ว่าสาวกไม่ฉวยประโยชน์จากวรรณกรรมเหล่านี้หรือจากพระอาจารย์ทิพย์ หากมีความจริงใจในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ คริชณะจะทรงช่วยจากภายในหัวใจ ดังนั้น สาวกผู้มีความจริงใจปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีความรู้ คุณสมบัติเพียงประการเดียวก็คือ ต้องปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึกอย่างเต็มที่
พวกนักปราชญ์สมัยปัจจุบันคิดว่าหากไม่สามารถแยกแยะ จะไม่สามารถมีความรู้ที่บริสุทธิ์ สำหรับพวกนี้องค์ภควานทรงให้คำตอบดังนี้ พวกที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าไม่มีการศึกษาเพียงพอและไม่มีความรู้ในหลักธรรมพระเวทเพียงพอ องค์ภควานจะทรงช่วย ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกนี้
พระองค์ตรัสต่ออารจุนะว่า โดยพื้นฐาน เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจสัจธรรมสูงสุดบุคลิกภาพแห่งพระเจ้าด้วยการคาดคะเน เพราะว่าสัจธรรมสูงสุดนั้นยิ่งใหญ่มากจนเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจคริชณะหรือบรรลุถึงพระองค์ด้วยความพยายามทางจิตใจ มนุษย์สามารถคาดคะเนเป็นเวลาหลายต่อหลายล้านปี หากไม่อุทิศตนเสียสละและหากไม่มาเป็นที่รักของสัจธรรมสูงสุด จะไม่มีวันเข้าใจคริชณะหรือสัจธรรมสูงสุดได้ ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้เท่านั้นที่สัจธรรมสูงสุด คริชณะ จะทรงชื่นชมยินดีและด้วยพลังอำนาจที่มองไม่เห็นของพระองค์ จะทรงเปิดเผยพระวรกายที่ดวงใจของสาวกผู้บริสุทธิ์ สาวกผู้บริสุทธิ์มีคริชณะอยู่ภายในหัวใจเสมอและจากการปรากฏของคริชณะซึ่งเหมือนกับดวงอาทิตย์ ความมืดแห่งอวิชชาจะถูกขจัดไปในทันที นี่คือพระเมตตาธิคุณพิเศษที่คริชณะทรงมีให้แก่สาวกผู้บริสุทธิ์
เนื่องมาจากมลภาวะแห่งการมาคบหาสมาคมทางวัตถุเป็นเวลาหลายต่อหลายล้านชาติ หัวใจของเราถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นแห่งวัตถุนิยมอยู่เสมอ แต่เมื่อมาปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้และสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ เสมอ ฝุ่นจะถูกปัดให้สะอาดอย่างรวดเร็ว แล้วเราจะเจริญก้าวหน้ามาสู่ระดับแห่งความรู้ที่บริสุทธิ์ จุดมุ่งหมายสูงสุดคือพระวิชณุ สามารถบรรลุได้ด้วยการสวดภาวนาและการอุทิศตนเสียสละรับใช้เท่านั้น ไม่ใช่ด้วยการคาดคะเนทางจิตใจหรือด้วยการโต้เถียง สาวกผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งจำเป็นทางวัตถุในชีวิต ไม่จำเป็นต้องกังวลเพราะเมื่อความมืดถูกขจัดออกไปจากหัวใจแล้ว องค์ภควานทรงยินดีกับการอุทิศตนเสียสละรับใช้ของสาวกด้วยความรัก พระองค์จะทรงจัดสรรทุกสิ่งทุกอย่างให้โดยปริยาย นี่คือสาระสำคัญของคำสอนใน ภควัต-คีตาฺ จากการศึกษา ภควัต-คีตาฺ เราจะกลายมาเป็นดวงวิญญาณผู้ศิโรราบโดยดุษฎีต่อองค์ภควาน และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยใจบริสุทธิ์ เมื่อพระองค์ทรงเข้ามาควบคุม เราจะเป็นอิสระจากความพยายามทางวัตถุทั้งปวงโดยสมบูรณ์
อารจุนะ อุวาชะฺ
พะรัม-บระฮมะ พะรัม ดฺามะ
พะวิทรัม พะระมัม บฺะวานฺ
พุรุชัม ชาชวะทัม ดิพยัม
อาดิ-เดวัม อจัม วิบํุมฺ
อาฮุส ทวาม ริชะยะฮ สารเว
เดวะชิร นาระดัส ทะทฺาฺ
อสิโท เดวะโล วิยาสะฮ
สวะยัม ไชวะ บระวีชิ เมฺ
อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, พะรัมฺ - สูงสุด, บระฮมะฺ - สัจจะ, พะรัมฺ - สูงสุด, ดฺามะฺ - ผู้ค้ำจุน, พะวิทรัมฺ - บริสุทธิ์, พะระมัมฺ - สูงสุด, บฺะวานฺ - พระองค์, พุรุชัมฺ - บุคลิกภาพ, ชาชวะทัมฺ - องค์เดิม, ดีพยัมฺ - ทิพย์, อาดิ-เดวัมฺ - พระผู้เป็นเจ้าองค์แรก, อจัมฺ - ไม่มีการเกิด, วิบํุมฺ - ยิ่งใหญ่ที่สุด, อาฮุฮฺ - กล่าว, ทวามฺ - เกี่ยวกับพระองค์, ริชยะฮฺ - เหล่านักบวช, สารเวฺ - ทั้งหมด, เดวะฺ - ริชิฮฺ - นักบวชในหมู่เทวดา, นาระดะฮฺ - นาระดะ, ทะทฺาฺ - เช่นกัน, อสิทะฮฺ - อสิทะ, เดวะละฮฺ - เดวะละ,วิยาสะฮฺ - วิยาสะ, สวะยัมฺ - ด้วยตัวพระองค์เอง, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, บระวีชิฺ - พระองค์ทรงอธิบาย, เมฺ - แด่ข้า
คำแปลฺ
อารจุนะตรัสว่า พระองค์ทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า เป็นพระตำหนักสูงสุด เป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุด เป็นสัจธรรม พระองค์ทรงเป็นอมตะ เป็นทิพย์ เป็นบุคคลแรก ไม่มีการเกิด เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายเช่นนาระดะ อสิทะ เดวะละ และวิยาสะ ได้ยืนยันความจริงนี้เกี่ยวกับพระองค์ บัดนี้พระองค์ทรงประกาศแก่ข้าด้วยตัวพระองค์เอง
คำอธิบายฺ
สองโศลกนี้องค์ภควานทรงให้โอกาสแก่นักปราชญ์สมัยปัจจุบัน โดยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า พระองค์ทรงแตกต่างจากปัจเจกวิญญาณ หลังจากสดับฟังสี่โศลกซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ ภควัต-คีตาฺ ในบทนี้ อารจุนะทรงเป็นอิสระจากความสงสัยทั้งปวงโดยสิ้นเชิง และยอมรับว่า คริชณะคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ทันใดนั้นอารจุนะทรงประกาศอย่างกล้าหาญว่า “พระองค์คือ พะรัม บระฮมะฺ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า”ในอดีตคริชณะตรัสว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างและทุกชีวิต เทวดาทุกองค์ และมนุษย์ทุกคนขึ้นอยู่กับคริชณะ เนื่องด้วยอวิชชาเหล่ามนุษย์และเทวดาคิดว่าตนเองสมบูรณ์และเป็นอิสระจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ด้วยการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ อวิชชาจะถูกขจัดออกไปจนหมดสิ้น องค์ภควานทรงอธิบายไว้แล้วในโศลกก่อนหน้านี้ บัดนี้ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน อารจุนะยอมรับพระองค์ว่าทรงเป็นสัจธรรมสูงสุดตามคำสอนพระเวท มิใช่เพราะว่าคริชณะทรงเป็นสหายสนิทแล้วอารจุนะทรงมายกยอคริชณะด้วยการเรียกพระองค์ว่าบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า สัจธรรมที่สมบูรณ์ สิ่งที่อารจุนะตรัสในสองโศลกนี้สัจจะแห่งคัมภีร์พระเวทได้ยืนยันไว้ คำสั่งสอนพระเวทยืนยันว่าผู้ที่รับเอาการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานไปปฏิบัติเท่านั้นจึงสามารถเข้าใจพระองค์ ในขณะที่บุคคลอื่นไม่สามารถเข้าใจได้ ทุกคำในโศลกนี้ที่อารจุนะตรัส คำสอนพระเวทได้ยืนยันไว้
ใน เคนะ อุพะนิชัดฺ ได้กล่าวไว้ว่า บระฮมันฺ สูงสุดเป็นที่พักพิงของทุกสิ่งทุกอย่างและคริชณะทรงอธิบายไว้แล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างพักพิงอยู่ที่พระองค์ มุณดะคะ อุพะนิชัดฺ ยืนยันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างพำนักอยู่ที่องค์ภควาน ผู้ปฏิบัติการระลึกถึงพระองค์อยู่ตลอดเวลาจึงสามารถเป็นผู้รู้แจ้ง การระลึกถึงคริชณะอยู่ตลอดเวลาคือ สมะระณัมฺซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ การอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่คริชณะเท่านั้นที่ทำให้เราเข้าใจสถานภาพของตัวเราเอง และขจัดร่างกายวัตถุนี้ออกไปได้
คัมภีร์พระเวทยอมรับว่าองค์ภควานทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาผู้บริสุทธิ์ผู้ที่เข้าใจว่าคริชณะทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ผู้บริสุทธิ์ สามารถทำให้ตนเองบริสุทธิ์จากกิจกรรมบาปทั้งปวงได้ นอกจากจะศิโรราบต่อองค์ภควานเท่านั้น จึงสามารถขจัดเชื้อโรคแห่งการกระทำบาปทั้งหมดได้ อารจุนะยอมรับว่าคริชณะทรงเป็นผู้บริสุทธิ์สูงสุดซึ่งเป็นไปตามคำสั่งสอนของวรรณกรรมพระเวท บุคลิกภาพผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งนำโดยนาระดะ ได้ยืนยันไว้เช่นเดียวกัน
คริชณะทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า เราจึงควรทำสมาธิอยู่ที่พระองค์เสมอ และได้รับความสุขจากความสัมพันธ์ทิพย์ที่มีต่อคริชณะ พระองค์ทรงเป็นผู้มีชีวิตที่สูงสุด ทรงเป็นอิสระจากความต้องการทางร่างกาย จากการเกิดและการตาย ไม่เพียงแต่อารจุนะเท่านั้นที่ทรงยืนยันเช่นนี้ แต่วรรณกรรมพระเวททั้งหมด เช่น พุราณะฺและประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ก็ยืนยันไว้ ในวรรณกรรมพระเวททั้งหมดได้อธิบายคริชณะไว้เช่นนี้ และองค์ภควานเองก็ตรัสในบทที่สี่ว่า “ถึงแม้ว่าข้าไม่มีการเกิด ข้ายังเสด็จมาบนโลกนี้เพื่อสถาปนาหลักธรรมแห่งศาสนา” พระองค์ทรงเป็นบุคคลแรกที่สูงสุด พระองค์ทรงไม่มีแหล่งกำเนิด เพราะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง และทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมาจากพระองค์ ความรู้อันสมบูรณ์เช่นนี้สามารถได้รับจากพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน
ณ ที่นี้อารจุนะทรงแสดงตนเองผ่านทางพระกรุณาธิคุณของคริชณะ หากเราปรารถนาจะเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ เราควรยอมรับข้อความจากสองโศลกนี้ เช่นนี้เรียกว่าระบบ พะรัมพะราฺ ยอมรับตามสายระบบ พะรัมพะราฺ นอกจากเราอยู่ในระบบ พะรัมพะราฺ มิฉะนั้นจะไม่สามารถเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ สิ่งที่เรียกว่าการศึกษาทางวิชาการนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ แต่พวกที่อับโชคทรนงในการศึกษาทางวิชาการยังดื้อรั้นโดยเชื่อว่าคริชณะทรงเป็นบุคคลธรรมดา ถึงแม้จะมีหลักฐานมากมายในวรรณกรรมพระเวท
สารวัม เอทัด ริทัม มันเยฺ
ยัน มาม วะดะสิ เคชะวะฺ
นะ ฮิ เท บฺะกะวาน วิยัคทิม
วิดุร เดวา นะ ดานะวาฮฺ
สารวัมฺ - ทั้งหมด, เอทัทฺ - นี้, ริทัมฺ - ความจริง, มันเยฺ - ข้ายอมรับ, ยัทฺ - ซึ่ง, มามฺ - แด่ข้า, วะดะสิฺ - พระองค์ตรัส, เคชะวะฺ - โอ้ คริชณะ, นะฺ - ไม่เคย, ฮิฺ - แน่นอน, เทฺ - ของพระองค์, บฺะกะวานฺ - โอ้ องค์ภควาน, วิยัคทิมฺ - เปิดเผย, วิดุฮฺ - สามารถรู้, เดวาฮฺ - เหล่าเทวดา, นะฺ - ไม่, ดานะวาฮฺ - เหล่ามาร
คำแปลฺ
โอ้ คริชณะ ข้าพเจ้ายอมรับโดยดุษฎีว่าทั้งหมดที่พระองค์ตรัสต่อข้าเป็นความจริงโอ้ องค์ภควาน ทั้งเหล่าเทวดาหรือมารก็ไม่สามารถเข้าใจบุคลิกภาพแห่งพระองค์
คำอธิบายฺ
ณ ที่นี้อารจุนะทรงยืนยันว่าบุคคลที่ไม่มีศรัทธาและมีธรรมชาติเป็นมารไม่สามารถเข้าใจคริชณะ แม้แต่เหล่าเทวดายังไม่รู้จักพระองค์ แล้วพวกที่สมมุติว่าเป็นนักวิชาการทางโลกสมัยปัจจุบันนี้จะรู้จักพระองค์ได้อย่างไร? ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควานทำให้อารจุนะเข้าใจว่าสัจธรรมสูงสุดคือคริชณะผู้ทรงมีความสมบูรณ์ฉะนั้น เราควรปฏิบัติตามวิถีทางของอารจุนะซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ที่เชื่อถือได้แห่ง ภควัต-คีตาฺ ดังที่ได้อธิบายไว้ในบทที่สี่ว่าระบบ พะรัมพะราฺ เพื่อให้เข้าใจ ภควัต- คีตาฺ ได้สูญหายไป ดังนั้น คริชณะทรงสถาปนาระบบ พะรัมพะราฺ ขึ้นมาใหม่ เริ่มต้นจากอารจุนะ เพราะทรงพิจารณาว่าอารุจนะเป็นทั้งเพื่อนและสาวกผู้ยิ่งใหญ่ของพระองค์ฉะนั้น ดังที่ได้กล่าวไว้ในคำนำ กีโทพะนิชัดฺ ของเราว่าควรเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ ตามสายระบบ พะรัมพะราฺ เมื่อระบบ พะรัมพะราฺ สูญหายไป อารจุนะได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ การที่อารจุนะทรงยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คริชณะตรัส ควรรับเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จากนั้นเราจะสามารถเข้าใจเนื้อหาสาระสำคัญของ ภควัต-คีตาฺ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราสามารถเข้าใจว่าคริชณะคือองค์ภควาน
สวะยัม เอวาทมะนาทมานัมฺ
เวททฺะ ทวัม พุรุโชททะมะฺ
บํูทะ-บฺาวะนะ บํูเทชะ
เดวะ-เดวะ จะกัท-พะเทฺ
สวะยัมฺ - โดยพระองค์เอง, เอวะฺ - แน่นอน, อาทมะนาฺ - ด้วยตัวพระองค์เอง, อาทมานัมฺ - ตัวพระองค์, เวททฺะฺ - ทราบ, ทวัมฺ - พระองค์, พุรุชะฺ - อุททะมะฺ - โอ้ ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาบุคคลทั้งหลาย, บํูทะ-บฺาวะนะฺ - โอ้ แหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง, บํูทะ-อีชะฺ - โอ้ พระเจ้าของสรรพสิ่ง, เดวะ-เดวะฺ - โอ้ พระเจ้าของมวลเทวดา, จะกัท-พะเทฺ - โอ้พระเจ้าแห่งปวงจักรวาล
คำแปลฺ
แน่นอนว่าพระองค์เท่านั้นที่ทราบตัวพระองค์เองด้วยพลังเบื้องสูงของพระองค์โอ้ องค์ภควาน แหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าของมวลชีวิต พระเจ้าของเหล่าเทวดา พระเจ้าแห่งจักรวาล!
คำอธิบายฺ
องค์ภควานชรีคริชณะทรงรู้ได้โดยบุคคลผู้มีความสัมพันธ์กับพระองค์โดยผ่านทางวิธีปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้เหมือนกับอารจุนะและเหล่าสาวกของอารจุนะ บุคคลผู้มีความคิดเยี่ยงมารหรือไม่เชื่อในองค์ภควานไม่สามารถรู้ถึงคริชณะ การคาดคะเนทางจิตใจซึ่งนำให้ออกห่างจากพระองค์เป็นบาปอันร้ายแรง และผู้ที่ไม่รู้จักคริชณะไม่ควรพยายามวิจารณ์ ภควัต-คีตา, ภควัต-คีตาฺ เป็นคำดำรัสของคริชณะ เนื่องจากเป็นศาสตร์แห่งคริชณะจึงควรเข้าใจจากคริชณะ ดังที่อารจุนะเข้าใจ โดยไม่ควรรับมาจากบุคคลผู้ไม่เชื่อในองค์ภควาน
ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ (1.2.11)
วะดันทิ ทัท ทัททวะ-วิดัส
ทัททวัม ยัจ กยานัม อัดวะยัมฺ
บระฮเมทิ พะระมาทเมทิ
บฺะกะวาน อิทิ ชับดยะเทฺ
สัจธรรมสูงสุดรู้แจ้งได้ในสามระดับคือ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ พะระมาทมาฺ ภายในหัวใจของทุกคน และท้ายสุดคือองค์ภควาน ในระดับท้ายสุดแห่งการเข้าใจสัจธรรม จะมาถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า มนุษย์ธรรมดาหรือแม้แต่ผู้ที่หลุดพ้นแล้ว ซึ่งรู้แจ้ง บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ หรือรู้แจ้ง พะระมาทมาฺ ผู้ประทับภายในหัวใจของทุกคน อาจไม่เข้าใจองค์ภควาน ดังนั้น บุคคลเหล่านี้อาจพยายามเข้าใจองค์ภควานจากโศลกต่างๆใน ภควัต-คีตาฺ ที่คริชณะทรงเป็นผู้ตรัส บางครั้งพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ยอมรับว่าคริชณะทรงเป็นองค์ภควาน หรือยอมรับความเชื่อถือได้ของพระองค์ ถึงกระนั้น ยังมีบุคคลผู้หลุดพ้นแล้วมากมายที่ไม่สามารถเข้าใจคริชณะว่าเป็น พุรุโชททะมะฺ บุคลิกภาพสูงสุด ดังนั้น อารจุนะทรงเรียกพระองค์ว่า พุรุโชททะมะฺ เช่นนี้ ยังอาจไม่เข้าใจว่า คริชณะทรงเป็นพระบิดาของมวลชีวิต ดังนั้น อารจุนะทรงเรียกพระองค์ว่า บํูทะ- บฺาวะนะฺ หากทราบว่าพระองค์ทรงเป็นพระบิดาของมวลชีวิต แต่อาจไม่ทราบว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุด ดังนั้น อารจุนะทรงเรียกพระองค์ว่า บํูเทชะฺ ผู้ควบคุมสูงสุดของทุกคน แม้หากทราบว่าคริชณะทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุดของมวลชีวิต แต่อาจไม่ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของเทวดา ดังนั้น ณ ที่นี้ทรงเรียกพระองค์ว่า เดวะเดวะฺ พระเจ้าผู้ทรงได้รับการบูชาจากมวลเทวดา และแม้หากทราบว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่เคารพบูชาของมวลเทวดา แต่อาจไม่ทราบว่า พระองค์ทรงเป็นเจ้าของสูงสุดของทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นทรงเรียกพระองค์ว่า จะกัทพะทิฺ ดังนั้น จากความรู้แจ้งของอารจุนะ ความจริงเกี่ยวกับคริชณะได้สถาปนาไว้ในโศลกนี้ และพวกเราควรเจริญรอยตามพระบาทของอารจุนะในการเข้าใจคริชณะตามความเป็นจริง
วัคทุม อารฮะสิ อเชเชณะฺ
ดีพยา ฮิ อาทมะ-วิบํูทะยะฮฺ
ยาบิฺร วิบํูทิบิฺร โลคาน
อิมามส ทวัม วิยาพยะ ทิชทฺะสิฺ
วัคทุมฺ - พูด, อารฮะสิฺ - พระองค์สมควรได้, อเชเชณะฺ - รายละเอียด, ดิพยาฮฺ - ทิพย์, ฮิฺ - แน่นอน,อาทมะฺ - ตัวพระองค์เอง, วิบํูทะยะฮฺ - ความมั่งคั่ง, ยาบิฺฮฺ - ซึ่ง, วิบํูทิบิฮฺ - ความมั่งคั่ง, โลคานฺ - ดาวเคราะห์ทั้งหลาย, อิมามฺ - เหล่านี้, ทวัมฺ - พระองค์, วิยาพยะฺ - แผ่กระจาย, ทิชทฺะสิฺ - ยังคงอยู่
คำแปลฺ
โปรดกรุณาบอกข้าพเจ้าในรายละเอียดเกี่ยวกับความมั่งคั่งทิพย์ของพระองค์ ที่ทรงแผ่กระจายไปในโลกทั้งหลายเหล่านี้
คำอธิบายฺ
โศลกนี้ปรากฏว่าอารจุนะทรงพอใจกับการเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคริชณะ ด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะ อารจุนะทรงได้รับประสบการณ์ส่วนตัวปัญญา ความรู้ และอะไรก็แล้วแต่ที่บุคคลอาจมีหรือได้รับผ่านทางผู้แทนทั้งหลายเหล่านี้ อารจุนะทรงเข้าใจว่า คริชณะคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าโดยไม่มีข้อสงสัยใดๆทั้งสิ้น ถึงกระนั้น ยังถามให้คริชณะทรงอธิบายถึงธรรมชาติที่แผ่กระจายไปทั่วของพระองค์ผู้คนโดยทั่วไปและผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์โดยเฉพาะ ส่วนใหญ่จะสนใจเกี่ยวกับธรรมชาติที่แผ่กระจายไปทั่วขององค์ภควาน ดังนั้น อารจุนะทรงถามคริชณะว่า พระองค์ทรงเป็นอยู่ในลักษณะที่แผ่กระจายไปทั่วผ่านทางพลังงานอันหลากหลายของพระองค์ได้อย่างไร เราควรรู้ว่าคำถามนี้ อารจุนะทรงถามแทนผู้คนโดยทั่วไป
คุทัฺม วิดยาม อฮัม โยกิมสฺ
ทวาม สะดา พะริชินทะยันฺ
เคชุ เคชุ ชะ บฺาเวชุ
ชินทโย ่ สิ บฺะกะวาน มะยาฺ
คะทัฺมฺ - อย่างไร, วิดยาม อฮัมฺ - ข้าจะรู้, โยกินฺ - โอ้ ผู้มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด, ทวามฺ - พระองค์, สะดาฺ - เสมอ, พะริชินทะยันฺ - ระลึกถึง, เคชฺุ - ในซึ่ง, เคชฺุ - ในซึ่ง, ชะฺ - เช่นกัน, บฺาเวชฺุ - ธรรมชาติ, ชินทยะฮฺ - อสิฺ - จำพระองค์ได้, บฺะกะวานฺ - โอ้ องค์ภควาน, มะยาฺ - โดยข้า
คำแปลฺ
โอ้ คริชณะ โอ้ ผู้มีอิทธิฤทธิ์สูงสุด ข้าพเจ้าจะระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลาได้อย่างไร และจะรู้ถึงพระองค์ได้อย่างไร? โอ้ องค์ภควานผู้ทรงมีรูปลักษณ์มากมาย ข้าพเจ้าควรระลึกถึงรูปลักษณ์ใดของพระองค์?
คำอธิบายฺ
ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทก่อนหน้านี้ว่า บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงถูกปกคลุมด้วย โยกะฺ-มายาฺ ของพระองค์ ดวงวิญญาณที่ศิโรราบและสาวกเท่านั้นที่สามารถเห็นพระองค์ บัดนี้ อารจุนะทรงมั่นใจว่าสหายคริชณะคือองค์ภควาน แต่ปรารถนาจะรู้ถึงวิธีการโดยทั่วไปที่คนธรรมดาสามารถเข้าใจพระองค์ผู้ทรงแผ่กระจายไปทั่ว คนธรรมดาทั่วไปรวมทั้งเหล่ามารและพวกไม่เชื่อในองค์ภควาน ไม่สามารถรู้ถึงคริชณะ เพราะว่าพระองค์ทรงได้รับการปกป้องจากพลัง โยกะ-มายาฺ ของพระองค์ อีกครั้งหนึ่งที่อารจุนะทรงถามคำถามเหล่านี้เพื่อประโยชน์ของพวกเรา สาวกผู้เจริญแล้วไม่ห่วงเฉพาะความเข้าใจของตนเองเท่านั้น แต่ทำไปเพื่อความเข้าใจของมวลมนุษยชาติ ดังนั้น ด้วยความเมตตากรุณา อารจุนะผู้เป็นสาวก ไวชณะวะฺ ได้เปิดทางเพื่อให้คนธรรมดาสามัญเข้าใจการแผ่กระจายไปทั่วขององค์ภควาน ทรงเรียกคริชณะโดยเฉพาะว่า โยกินฺ เพราะว่า ชรี คริชณะทรงเป็นเจ้านายของพลัง โยกะ-มายาฺที่สามารถปกปิดและเปิดเผยตัวพระองค์แก่คนธรรมดาทั่วไป บุคคลธรรมดาสามัญที่ไม่มีความรักต่อคริชณะไม่สามารถระลึกถึงคริชณะได้ ดังนั้น จึงต้องมีแนวคิดทางวัตถุอารจุนะทรงพิจารณาถึงระดับแห่งความคิดของนักวัตถุนิยมในโลกนี้ คำว่า เคชุ เคชุ ชะ บฺาเวชฺุ หมายถึงธรรมชาติวัตถุ (คำว่า บฺาวะฺ หมายความว่า “สิ่งของที่เป็นวัตถุ”) เพราะว่านักวัตถุนิยมไม่สามารถเข้าใจคริชณะในวิถีทิพย์ จึงได้รับการแนะนำให้ทำสมาธิจิตอยู่ที่สิ่งของวัตถุ และพยายามดูว่าคริชณะทรงปรากฏผ่านผู้แทนต่าง ๆ ทางวัตถุได้อย่างไร
วิสทะเรณาทมะโน โยกัมฺ
วิบํูทิม ชะ จะนารดะนะฺ
บํูยะฮ คะทฺะยะ ทริพทิร ฮิ ชริณวะโท นาสทิ เม
่มริทิมฺ
วิสทะเรณะฺ - ในรายละเอียด, อาทมะนะฮฺ - ของพระองค์, โยกัมฺ - พลังอินธิฤทธิ์, วิบํูทิมฺ - ความมั่งคั่ง, ชะฺ - เช่นกัน, จะนะ-อารดะนะฺ - โอ้ ผู้สังหารคนไร้ศรัทธาในองค์ภควาน, บํูยะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง, คะ ทฺะยะฺ - อธิบาย, ทริพทิฮฺ - พึงพอใจ, ฮิฺ - แน่นอน, ชริณวะทะฮฺ - การสดับฟัง, นะ-อัสทิฺ - ไม่มี, เมฺ - ของข้า, อมริทัมฺ - น้ำทิพย์
คำแปลฺ
โอ้ จะนารดะนะ ได้โปรดอธิบายพลังทิพย์แห่งความมั่งคั่งของพระองค์อีกครั้งหนึ่งโดยละเอียด ข้าไม่เคยรู้สึกเพียงพอในการสดับฟังเกี่ยวกับพระองค์ เพราะเมื่อได้สดับฟังมากยิ่งขึ้น ข้าพเจ้ายิ่งอยากได้รับรสน้ำทิพย์จากคำดำรัสของพระองค์มากยิ่งขึ้น
คำอธิบายฺ
ข้อความในทำนองเดียวกันนี้ ริชิฺ แห่ง ไนมิชารัณยะฺ ซึ่งนำโดย โชนะคะ กล่าวแก่ สูทะ โกสวามิ ดังนี้
วะยัม ทุ นะ วิทริพยามะฺ
อุทะมะ-ชโลคะ-วิคระเมฺ
ยัช ชฺริณวะทาม ระสะ-กยานาม
สวาดุ สวาดุ พะเด พะเดฺ
“บุคคลจะไม่มีวันเพียงพอแม้สดับฟังลีลาทิพย์ต่าง ๆ ของคริชณะผู้ที่ทรงได้รับการสรรเสริญ ด้วยบทมนต์อันยอดเยี่ยมอยู่ตลอดเวลา พวกที่เข้าไปในความสัมพันธ์ทิพย์กับคริชณะจะได้รับรสในการพรรณนาลีลาของพระองค์อยู่ตลอดเวลา” (ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ1.1.19) ดังนั้น อารจุนะทรงสนใจในการสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะ โดยเฉพาะที่ว่าพระองค์ทรงเป็นองค์ภควานที่แผ่กระจายไปทั่วได้อย่างไร
สำหรับ อมริทัมฺ หรือน้ำทิพย์ คำพรรณนาใด ๆ หรือข้อความใด ๆ ที่เกี่ยวกับคริชณะเหมือนกับน้ำทิพย์ และน้ำทิพย์นี้สำเหนียกได้ด้วยประสบการณ์จากการปฏิบัติ เรื่องราวสมัยปัจจุบัน นวนิยาย และประวัติศาสตร์ ไม่เหมือนกับลีลาทิพย์ของคริชณะ เพราะว่าเราจะรู้สึกเบื่อในการฟังเรื่องราวทางโลก แต่เราไม่มีวันเบื่อที่จะสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะ ด้วยเหตุนี้เท่านั้นที่ประวัติศาสตร์ทั่วทั้งจักรวาลพรั่งพร้อมไปด้วยเรื่องอ้างอิงต่าง ๆ เกี่ยวกับลีลาแห่งอวตารขององค์ภควาน พุราณะฺ เป็นประวัติศาสตร์ในยุคอดีตที่สัมพันธ์กับลีลาของอวตารอันหลากหลายขององค์ภควาน ดังนั้น เรื่องราวที่อ่านยังคงความสดใหม่อยู่เสมอแม้จะอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
ฮันทะ เท คะทฺะยิชยามิ
ดิพยา ฮิ อาทมะ-วิบํูทะยะฮฺ
พราดฺานยะทะฮ คุรุ-ชเรชทฺะ
นาสทิ อันโท วิสทะรัสยะ เมฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, ฮันทะฺ - ใช่, เทฺ - แด่เธอ, คะทฺะยิชยามิฺ - ข้าจะพูด, ดิพยาฮฺ - ทิพย์, ฮิฺ - แน่นอน, อาทมะ-วิบํูทะยะฮฺ - ความมั่งคั่งส่วนตัว, พราดฺานยะทะฮฺ - ที่สำคัญ ๆ, คุรุ-ชเรชทฺะฺ - โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมแห่งราชวงศ์คุรุ, นะ อัสทิฺ - ไม่มี, อันทะฮฺ - จำกัด, วิสทะรัสยะฺ - จนกระทั่ง, เมฺ - ของข้า
คำแปลฺ
บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า ตกลงข้าจะบอกเธอเกี่ยวกับปรากฎการณ์อันวิจิตรพิสดารของข้า แต่เฉพาะที่สำคัญ ๆ เท่านั้น โอ้ อารจุนะ เพราะว่าความมั่งคั่งของข้านั้นไม่มีที่สิ้นสุด
คำอธิบายฺ
เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งของคริชณะ ประสาทสัมผัสของปัจเจกวิญญาณมีขีดจำกัดจึงไม่เปิดโอกาสให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดของพระองค์ ถึงกระนั้น เหล่าสาวกพยายามเข้าใจคริชณะ ไม่ใช่บนหลักการที่ว่าจะสามารถเข้าใจคริชณะอย่างสมบูรณ์ในช่วงเวลาหนึ่งหรือในระดับหนึ่งของชีวิต แต่เรื่องราวของคริชณะเป็นที่น่าชื่นชอบมาก ดูเหมือนจะเป็นน้ำทิพย์สำหรับสาวก ดังนั้น สาวกจึงรื่นเริงกับเรื่องราวของคริชณะ ในการสนทนาเกี่ยวกับความมั่งคั่งและพลังงานอันหลากหลายของคริชณะ สาวกผู้บริสุทธิ์จะได้รับความสุขทิพย์ ดังนั้น จึงปรารถนาสดับฟังและสนทนาเกี่ยวกับพระองค์ คริชณะทรงรู้ว่าสิ่งมีชีวิตไม่เข้าใจความมั่งคั่งของพระองค์เท่าที่มีอยู่ ดังนั้น พระองค์ทรงตกลงจะกล่าวเฉพาะปรากฏการณ์ที่สำคัญ ๆ เกี่ยวกับพลังงานต่าง ๆ ของพระองค์ คำว่า พราดฺานยะทะฮฺ (“สำคัญ”) มีความสำคัญเพราะว่า เราสามารถเข้าใจรายละเอียดที่สำคัญไม่กี่อย่างขององค์ภควานเท่านั้น เพราะคุณลักษณะของพระองค์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจทั้งหมด และคำว่า วิบํูทิฺ ใช้ในโศลกนี้กล่าวถึงความมั่งคั่งที่พระองค์ทรงควบคุมปรากฏการณ์ทั้งหมด ในพจนานุกรม อมะระ- โคชะฺ กล่าวไว้ว่า วิบํูทิฺ หมายความว่าความมั่งคั่งพิเศษ
ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์หรือผู้นับถือผีสางเทวดาไม่สามารถเข้าใจความมั่งคั่งพิเศษขององค์ภควาน และไม่เข้าใจปรากฏการณ์แห่งพลังงานทิพย์ของพระองค์ทั้งในโลกวัตถุและในโลกทิพย์ พลังงานต่าง ๆ ของพระองค์แผ่กระจายไปในปรากฏการณ์อันหลากหลายทุกแห่ง ณ ที่นี้ คริชณะทรงอธิบายว่ามีอะไรบ้างที่บุคคลธรรมดาสามารถสำเหนียกได้โดยตรง ดังนั้น ส่วนหนึ่งของพลังงานอันหลากหลายของพระองค์จึงได้อธิบายไว้เช่นนี้
อฮัม อาทมา กุดาเคชะฺ
สารวะ-บํูทาชะยะ-สทิฺทะฮฺ
อฮัม อาดิช ชะ มัดฺยัม ชะ
บํูทานาม อันทะ เอวะ ชะฺ
อฮัมฺ - ข้า, อาทมาฺ - ดวงวิญญาณ, กุดาเคชะฺ - โอ้ อารจุนะ, สารวะ-บํูทะฺ - ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมด, อาชะยะ-สทิฺทะฮฺ - สถิตภายในหัวใจ, อฮัมฺ - ข้าเป็น, อาดิฮฺ - แหล่งกำเนิด, ชะฺ - เช่นกัน, มัดฺยัมฺ - ช่วงกลาง, ชะฺ - เช่นกัน, บํูทานามฺ - ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, อันทะฮฺ - ตอนจบ, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - และ
คำแปลฺ
ข้าคืออภิวิญญาณ โอ้ อารจุนะ ประทับอยู่ภายในหัวใจของมวลชีวิต ข้าคือจุดเริ่มต้น ช่วงกลาง และจุดจบของมวลชีวิต
คำอธิบายฺ
โศลกนี้อารจุนะทรงถูกเรียกว่า กุดาเคชะฺ ซึ่งหมายความว่า “ผู้ที่เอาชนะความมืดแห่งการนอน” สำหรับพวกที่นอนหลับอยู่ในความมืดแห่งอวิชชา เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจว่าองค์ภควานทรงปรากฏพระวรกายหลากหลายวิธีทั้งในโลกทิพย์และโลกวัตถุได้อย่างไร คริชณะทรงเรียกอารจุนะเช่นนี้มีความสำคัญ เพราะอารจุนะทรงอยู่เหนือความมืดนี้ คริชณะทรงตกลงที่จะอธิบายถึงความมั่งคั่งอันหลากหลายของพระองค์
ก่อนอื่นคริชณะทรงให้ข้อมูลกับอารจุนะว่า พระองค์ทรงเป็นดวงวิญญาณของปรากฏการณ์ในจักรวาลทั้งหมดโดยผ่านทางภาคที่แบ่งแยกเบื้องต้นของพระองค์ ก่อนการสร้างโลกวัตถุ ภาคที่แบ่งแยกอันสมบูรณ์ขององค์ภควานทรงรับเอาอวตาร พุรุชะฺและจากองค์นี้ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเริ่มขึ้น ดังนั้น พระองค์ทรงเป็น อาทมาฺ ดวงวิญญาณของ มะฮัทฺ-ทัททวะฺ ธาตุต่าง ๆ ของจักรวาล พลังงานวัตถุทั้งหมดไม่ใช่แหล่งกำเนิดของการสร้าง อันที่จริง มะฮา-วิชณฺุ ทรงเข้าไปใน มะฮัท-ทัททวะฺ พลังงานวัตถุทั้งหมดพระองค์ทรงเป็นดวงวิญญาณ เมื่อ มะฮา-วิชณฺุ ทรงเข้าไปในจักรวาลต่าง ๆ ที่ปรากฏจากนั้นทรงปรากฏเป็นอภิวิญญาณประทับอยู่ในทุก ๆ ชีวิต เรามีประสบการณ์ว่าร่างกายส่วนตัวของสิ่งมีชีวิตเป็นอยู่ได้ก็เนื่องมาจากประกายวิญญาณที่ปรากฏอยู่ หากประกายวิญญาณไม่อยู่ ร่างกายจะไม่สามารถพัฒนาขึ้นมาได้นอกจากดวงวิญญาณสูงสุดองค์คริชณะเสด็จเข้าไป ดังที่ได้กล่าวไว้ใน สุบะละ อุพะนิชัด ว่า พระคริทิ-อาดิ- สารวะ-บํูทานทาร-ยามีสารวะ-เชชี ชะนารายะณะฮฺ “บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงปรากฏในฐานะอภิวิญญาณในจักรวาลทั้งหลายที่ปรากฏ”
พุรุชะ-อวะทาระฺ ทั้งสามอธิบายไว้ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ และได้อธิบายไว้ใน สารทวะทะ-ทันทระฺ เช่นกัน วิชโณส ทุ ทรีณิ รูพาณิ พุรุชาคฺยานิ อโทฺ วิดุฮฺ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงปรากฏในสามลักษณะ คาระโณดะคะชายี วิชณุ, การโบฺดะคะชายี วิชณฺุ และ คชีโรดะคะชายี วิชณฺุ ในปรากฏการณ์ทางวัตถุนี้ มะฮา-วิชณฺุ หรือคาระโณ ดะคะชายี วิชณุ, บระฮมะ-สัมฮิทาฺ (5.47) อธิบายว่า ยะฮ คาระณารณะวะ-จะเร บฺะ จะทิ สมะ โยกะ-นิดรามฺ องค์ภควานคริชณะแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวงทรงบรรทมอยู่ในมหาสมุทรจักรวาลในรูป มะฮา-วิชณฺุ ฉะนั้น บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงเป็นจุดเริ่มต้นของจักรวาลนี้ ทรงเป็นผู้ดำรงรักษาปรากฏการณ์แห่งจักรวาล และทรงเป็นจุดจบของพลังงานทั้งหมด
อาดิทยานาม อฮัม วิชณุร
จโยทิชาม ระวิร อัมชุมานฺ
มะรีชิร มะรุทาม อัสมิ
นัคชะทราณาม อฮัม ชะชีฺ
อดิทยานามฺ - ของอาดิทยะ, อฮัมฺ - ข้าเป็น, วิชณุฮฺ - องค์ภควาน, จโยทิชามฺ - ของดวงประทีปทั้งหลาย, ระวิฮฺ - ดวงอาทิตย์, อัมชฺุ - มานฺ - รัศมี, มะรีชิฮฺ - มะรีชิ, มะรุทามฺ - ของมะรุท, อัสมิฺ - ข้าเป็น, นัคชะทราณามฺ - ของหมู่ดวงดาว, อฮัมฺ - ข้าเป็น, ชะชีฺ - ดวงจันทร์
คำแปลฺ
ในหมู่อาดิทยะข้าคือวิชณุ ในหมู่ดวงประทีปข้าคือดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงเจิดจรัสในหมู่มะรุทข้าคือมะรีชิ และในหมู่ดวงดาวข้าคือดวงจันทร์
คำอธิบายฺ
มีอยู่สิบสอง อาดิทยะฺ ซึ่งคริชณะทรงเป็นประธาน ในหมู่ดวงประทีปทั้งหลายที่ระยิบระยับอยู่ในท้องฟ้าดวงอาทิตย์เป็นประธาน และ บระฮมะ-สัมฮิทาฺ ยอมรับว่าดวงอาทิตย์เป็นพระเนตรขององค์ภควานที่ส่องรัศมี มีลมห้าสิบชนิดที่พัดอยู่ในอวกาศ และในหมู่ลมเหล่านี้ มะรีชิฺ พระปฏิมาผู้ควบคุมเป็นผู้แทนของคริชณะ
ในหมู่ดวงดาวดวงจันทร์โดดเด่นที่สุดในตอนกลางคืน ดังนั้น ดวงจันทร์เป็นผู้แทนของคริชณะ ปรากฏจากโศลกนี้ว่า ดวงจันทร์เป็นหนึ่งในหมู่ดวงดาว ดังนั้น หมู่ดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่ในท้องฟ้าก็ได้รับแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์เช่นกันทฤษฎีที่ว่ามีดวงอาทิตย์อยู่หลายดวงในจักรวาล วรรณกรรมพระเวทไม่ยอมรับ ดวงอาทิตย์เป็นหนึ่ง และด้วยแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ทำให้ดวงจันทร์และดวงดาวต่าง ๆส่องแสงสว่าง ภควัต-คีตาฺ แสดงให้เห็น ณ ที่นี้ว่าดวงจันทร์เป็นหนึ่งในหมู่ดวงดาว แสงระยิบระยับจากดวงดาวต่าง ๆ ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ แต่คล้ายกับดวงจันทร์
เวดานาม สามะ-เวโด ่สมิ
เดวานาม อัสมิ วาสะวะฮฺ
อินดริยาณาม มะนัช ชาสมิ
บํูทานาม อัสมิ เชทะนาฺ
เวดานามฺ - ของคัมภีร์พระเวททั้งหมด, สามะ-เวดะฮฺ - สามะเวท, อัสมิฺ - ข้าเป็น, เดวานามฺ - ของเหล่าเทวดาทั้งหลาย, อัสมิฺ - ข้าเป็น, วาสะวะฮฺ - เจ้าแห่งสวรรค์, อินดริยาณามฺ - ของประสาทสัมผัสทั้งหมด, มะนะฮฺ - จิตใจ, ชะฺ - เช่นกัน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, บํูทานามฺ - สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, อัสมิฺ - ข้าเป็น, เชทะนาฺ - พลังชีวิต
คำแปลฺ
ในบรรดาคัมภีร์พระเวทข้าคือสามะเวท ในเหล่าเทวดาข้าคือพระอินทร์เจ้าแห่งสวรรค์ ในบรรดาประสาทสัมผัสข้าคือจิตใจ และในบรรดาสิ่งมีชีวิตข้าคือพลังชีวิต (จิตสำนึก)
คำอธิบายฺ
ข้อแตกต่างระหว่างวัตถุและวิญญาณคือ วัตถุไม่มีจิตสำนึกเหมือนกับสิ่งมีชีวิตฉะนั้น จิตสำนึกนี้คือสิ่งสูงสุดและเป็นอมตะ การผสมผสานของวัตถุจะไม่สามารถผลิตจิตสำนึกขึ้นมาได้
รุดราณาม ชังคะรัช ชาสมิฺ
วิทเทโช ยัคชะ-รัคชะสามฺ
วะสูนาม พาวะคัช ชาสมิ
เมรุฮ ชิคฺะริณาม อฮัมฺ
รุดราณามฺ - ของรุดระทั้งหมด, ชังคะระฮฺ - พระศิวะ, ชะฺ - เช่นกัน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, วิททะ- อีชะฮฺ - ขุนคลังของเหล่าเทวดา, ยัคชะ-รัคชะสามฺ - ของยัคชะและราคชะสะ, วะสูนามฺ - ของวะสุ, พาวะคะฮฺ - ไฟ, ชะฺ - เช่นกัน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, เมรุฮฺ - เมรุ, ชิคฺะริณามฺ - ของภูเขาทั้งหลาย, อฮัมฺ - ข้าเป็น
คำแปลฺ
ในบรรดารุดระทั้งหลายข้าคือพระศิวะ ในบรรดายัคชะและราคชะสะข้าคือเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติ (คุเวระ) ในบรรดาวะสุข้าคือไฟ (อักนิ) และในบรรดาภูเขาข้าคือเมรุ
คำอธิบายฺ
มี รุดระฺ สิบเอ็ดองค์ทั้งหมด ชังคะระฺ หรือพระศิวะโดดเด่นที่สุดจึงเป็นอวตารองค์ภควานซึ่งเป็นผู้ดูแลระดับแห่งอวิชชาในจักรวาล ผู้นำของ ยัคชะฺ และ ราคชะสะฺ คือ คุเวระฺเจ้าแห่งทรัพย์สมบัติของเหล่าเทวดา เป็นผู้แทนขององค์ภควาน เมรฺุ เป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงในความมั่งคั่งทางทรัพยากรธรรมชาติ
พุโรดฺะสาม ชะ มุคฺยัม มาม
วิดดิฺ พารทฺะ บริฮัสพะทิมฺ
เสนานีนาม อฮัม สคันดะฮ
สะระสาม อัสมิ สากะระฮฺ
พุโรดฺะสามฺ - ของพระทั้งหมด, ชะฺ - เช่นกัน, มุคฺยัมฺ - หัวหน้า, มามฺ - ข้า, วิดดิฺฺ - เข้าใจ, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, บริฮัสพะทิมฺ - บริฮัสพะทิ, เสนานีนามฺ - ของขุนพลทั้งหลาย, อฮัมฺ - ข้าเป็น, สคันดะฮฺ - คารทิเคยะ, สะระสามฺ - ของแหล่งกำเนิดของน้ำทั้งหลาย, อัสมิฺ - ข้าเป็น, สากะระฮฺ - มหาสมุทร
คำแปลฺ
ในบรรดาพระ โอ้ อารจุนะจงรู้ว่าข้าคือผู้นำ บริฮัสพะทิ ในบรรดาขุนพลข้าคือคารทิเคยะ และในบรรดาแผ่นน้ำข้าคือมหาสมุทร
คำอธิบายฺ
พระอินทร์หรือ อินดระฺ ทรงเป็นเทวดาแห่งสรวงสวรรค์ จึงได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งสวรรค์ ดาวเคราะห์ที่พระองค์ทรงเป็นใหญ่เรียกว่า อินดระโลคะ บริฮัสพะทิฺ เป็นพระของพระอินทร์ เนื่องจากพระอินทร์ทรงเป็นผู้นำของกษัตริย์ บริฮัพะทิฺ จึงเป็นประธานของพระทั้งหมด ขณะที่พระอินทร์ทรงเป็นผู้นำของกษัตริย์ทั้งหมด ในทำนองเดียวกัน สคันดะฺ หรือ คารทิเคยะฺ โอรสของพาระวะทีและพระศิวะก็เป็นหัวหน้าของขุนพลในกองทัพทั้งหมด และในบรรดาแผ่นน้ำมหาสมุทรยิ่งใหญ่ที่สุด จึงเป็นผู้แทนของคริชณะเหล่านี้เพียงแต่เปรยให้พอเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์เท่านั้น
มะฮารชีนาม บฺริกุร อฮัม
กิราม อัสมิ เอคัม อัคชะรัมฺ
ยะกยานาม จะพะ-ยะกโย ่สมิ
สทฺาวะราณาม ฮิมาละยะฮฺ
มะฮา-ริชีณามฺ - ในหมู่นักบวชผู้ยิ่งใหญ่, บฺริกุฮฺ - บริกุ, อฮัมฺ - ข้าเป็น, กิรามฺ - ของคลื่นเสียง, อัสมิฺ - ข้าเป็น, เอคัม อัคชะรัม-พระณะวะฺ, ยะกยานามฺ - ของพิธีบูชาต่าง ๆ, จะพะ-ยะกยะฮฺ - การสวดภาวนา, อัสมิฺ - ข้าเป็น, สทฺาวะราณามฺ - ของสิ่งที่ไม่เคลื่อนที่, ฮิมาละยะฮฺ - เทือกเขาหิมาลัย
คำแปลฺ
ในบรรดานักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ข้าคือบฺริกุ ในบรรดาคลื่นเสียงข้าคือเสียงทิพย์โอมในบรรดาพิธีบูชาต่าง ๆ ข้าคือการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ (จะพะ) และในบรรดาสิ่งที่ไม่เคลื่อนที่ข้าคือหิมาลัย
คำอธิบายฺ
พระพรหมทรงเป็นชีวิตแรกภายในจักรวาลได้ให้กำเนิดบุตรหลายคนเพื่อแพร่พันธ์ในเผ่าพันธุ์อันหลากหลาย ในบรรดาบุตรเหล่านี้ บริฺกฺุ เป็นนักปราชญ์ผู้มีพลังอำนาจมากที่สุด ในบรรดาคลื่นเสียงทิพย์ทั้งหลาย โอม (โอมคาระ)ฺ เป็นผู้แทนของคริชณะ ในบรรดาพิธีบูชาทั้งหลาย การสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะคริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร เป็นผู้แทนที่บริสุทธิ์ที่สุดของคริชณะ บางครั้งได้มีการแนะนำพิธีบูชาสัตว์ แต่ในพิธีบูชาของ ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะ จะไม่มีการเบียดเบียน เป็นวิธีที่ง่ายและบริสุทธิ์ที่สุด สิ่งใดที่ประเสริฐในโลกคือผู้แทนของคริชณะ ฉะนั้น หิมาลัยเทือกเขาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็เป็นผู้แทนของพระองค์ ได้กล่าวถึงภูเขาชื่อเมรุในโศลกก่อนหน้านี้ แต่บางครั้งภูเขาเมรุเคลื่อนที่ในขณะที่ภูเขาหิมาลัยไม่เคลื่อนที่ ดังนั้น หิมาลัยจึงยิ่งใหญ่กว่าเมรุ
อัชวัททฺะฮ สารวะ-วริคชานามฺ
เดวารชีณาม ชะ นาระดะฮฺ
กันดฺารวาณาม ชิทระระทฺะ
สิดดฺานาม คะพิโล มุนิฮฺ
อัชวัททฺะฮฺ - ต้นไทร, สารวะ-วริคชาณามฺ - ของต้นไม้ทั้งหลาย, เดวะ-ริชีณามฺ - ของนักปราชญ์ทั้งหลายในหมู่เทวดา, ชะฺ - และ, นาระดะฮฺ - นาระดะ, กันดฺารวาณามฺ - ของประชากรแห่งดาวเคราะห์กันดฺารวะ, ชิทระระทฺะฺ - ชิทระระทฺะ, สิดดฺานามฺ - ของพวกที่มีความสมบูรณ์ทั้งหลาย, คะพิละฮ มุนิฮฺ - คะพิละ มุนิ
คำแปลฺ
ในบรรดาต้นไม้ทั้งหลายข้าคือต้นไทร และบรรดานักปราชญ์ในหมู่เทวดาข้าคือนาระดะ ในบรรดากันดฺารวะข้าคือชิทระระทฺะ และในบรรดามนุษย์ผู้สมบูรณ์ข้าคือนักปราชญ์คะพิละ
คำอธิบายฺ
ต้นไทร (อัชวัททฺะ)ฺ เป็นหนึ่งในจำนวนต้นไม้ที่สูงที่สุดและสวยงามมากที่สุดผู้คนในประเทศอินเดียบ่อยครั้งที่บูชาต้นไทร เสมือนหนึ่งในพิธีทำวัตรประจำวันตอนเช้าในหมู่เทวดา นาระดะพิจารณาว่าเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลและได้รับการบูชา ดังนั้น ท่านจึงเป็นผู้แทนของคริชณะในฐานะที่เป็นสาวก โลก กันดฺารวะฺ เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ร้องเพลงได้ไพเราะมาก นักร้องที่ยอดเยี่ยมที่สุดในบรรดานักร้องเหล่านี้คือ ชิทระระทฺะฺ ในหมู่สิ่งมีชีวิตที่สมบูรณ์ คะพิละฺ บุตรของ เดวะฮูทิฺ เป็นผู้แทนของคริชณะพิจารณาว่าเป็นอวตารของคริชณะ ปรัชญาของท่านได้กล่าวไว้ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺต่อมามี คะพิละฺ อีกรูปหนึ่งที่มีชื่อเสียง แต่ปรัชญาของคะพิละฺ รูปนี้ไม่เชื่อในองค์ภควานดังนั้น จึงมีข้อแตกต่างอย่างมหาศาลระหว่าง คะพิละฺ ทั้งสองรูปนี้
อุชไชฺชระวะสัม อัชวานาม
วิดดิฺ มาม อมริโทดบฺะวัมฺ
ไอราวะทัม กะเจนดราณาม
นะรามณาม ชะ นะราดิฺพัมฺ
อุชไชฺชระวะสัมฺ - อุชไชฺชระวา, อัชวานามฺ - ในบรรดาม้า, วิดดิฺฺ - รู้, มามฺ - ข้า, อมริทะฺ - อุดบฺะวัมฺ - ผลิตจากการกวนมหาสมุทร, ไอราวะทัมฺ - ไอราวะทะ, กะจะฺ - อินดราณามฺ - เจ้าแห่งพญาช้างสาร, นะราณามฺ - ในหมู่มนุษย์, ชะ-และ, นะระ-อดิฺพัมฺ - พระราชา
คำแปลฺ
ในบรรดาม้ารู้ว่าข้าคืออุชไชฺชระวา กำเนิดออกมาในขณะที่มีการกวนนำทิพย์จาก้มหาสมุทร ในบรรดาพญาช้างสารข้าคือไอราวะทะ และในหมู่มนุษย์ข้าคือพระราชา
คำอธิบายฺ
เหล่าเทวดา (สาวก) และเหล่ามาร (อสุระ)ฺ ครั้งหนึ่งได้มีการกวนทะเล ผลจากการกวนครั้งนี้ได้ผลิตทั้งน้ำทิพย์และยาพิษ พระศิวะทรงดื่มยาพิษ จากน้ำทิพย์นี้ได้ผลิตหลายชีวิตขึ้นมา ในจำนวนนี้มีม้า อุชไชฺชระวาฺ และมีสัตว์อีกตัวหนึ่งที่ผลิตมาจากน้ำทิพย์นี้คือ พญาช้างชื่อ ไอราวะทะฺ เนื่องจากสัตว์สองตัวนี้ผลิตมาจากน้ำทิพย์ จึงมีความสำคัญเป็นพิเศษ และทั้งคู่ก็เป็นผู้แทนของคริชณะ
ในบรรดามนุษย์ กษัตริย์คือผู้แทนของคริชณะ เพราะว่าคริชณะทรงเป็นผู้บำรุงรักษาจักรวาล กษัตริย์ผู้ได้รับการแต่งตั้งจากคุณสมบัติเทพทรงเป็นผู้บำรุงรักษาราชอาณาจักร กษัตริย์ เช่น มะฮารราจะ ยุดิฺชทิฺระ, มะฮาราจะ พะรีคชิทฺ, และพระราม ทั้งหมดทรงเป็นกษัตริย์ผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ทรงคิดถึงแต่ความอยู่เย็นเป็นสุขของประชากรเสมอ ในวรรณกรรมพระเวทพิจารณาว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นผู้แทนขององค์ภควาน อย่างไรก็ดี ในยุคนี้จากการทุจริตในหลักธรรมแห่งศาสนา ราชาธิปไตยจึงเสื่อมลงและในที่สุดก็ยกเลิกไป ถึงกระนั้นควรเข้าใจไว้ว่าในอดีต ภายใต้การปกครองของบรรดากษัตริย์ผู้ทรงธรรมประชาชนจะมีความสงบสุขมากกว่า
อายุดฺานาม อฮัม วัจรัมฺ
เดฺนูนาม อัสมิ คามะดํุคฺ
พระจะนัช ชาสมิ คันดารพะฮ
สารพาณาม อัสมิ วาสุคิฮฺ
อายุดฺานามฺ - ของอาวุธทั้งหลาย, อฮัมฺ - ข้าเป็น, วัจรัมฺ - สายฟ้า, เดฺนูนามฺ - ของฝูงวัว, อัสมิฺ - ข้าเป็น, คามะ-ดํุคฺ - วัว สุรบิฺ, พระจะนะฮฺ - ต้นเหตุที่ก่อให้เกิดบุตรธิดา, ชะฺ - และ, อัสมิฺ - ข้าเป็น, คันดารพะฮฺ - กามเทพ, สารพาณามฺ - ของพวกงู, อัสมิฺ - ข้าเป็น, วาสุคิฮฺ - วาสุคิ
คำแปลฺ
ในบรรดาอาวุธข้าคือสายฟ้า ในหมู่ฝูงโคข้าคือสุระบิฺ ในบรรดาต้นเหตุแห่งการสืบพันธุ์ข้าคือ คันดารพะ เทพเจ้าแห่งความรัก และในบรรดางูข้าคือวาสุคิ
คำอธิบายฺ
แน่นอนว่าสายฟ้าเป็นอาวุธสุดยอดจึงเป็นผู้แทนพลังอำนาจของคริชณะ ในท้องฟ้าทิพย์คริชณะโลคะมีฝูงโคซึ่งรีดนมได้ทุกเวลา โคเหล่านี้ให้นมมากมายตามที่เราปรารถนา แน่นอนว่าไม่มีโคเช่นนี้ในโลกวัตถุ ได้กล่าวถึงโคเหล่านี้ในคริชณะโลคะ องค์ภควานทรงเลี้ยงโคเหล่านี้ไว้มากมายชื่อว่า สุระบิฺฺ พระองค์ทรงเป็นผู้พาฝูงโค สุระบิฺ ไปเลี้ยง คันดารพะฺ คือความต้องการทางเพศเพื่อให้กำเนิดบุตรธิดาที่ดี ฉะนั้น คันดารพะฺจึงเป็นผู้แทนของคริชณะ บางครั้งเพศสัมพันธ์กระทำไปเพื่อสนองประสาทสัมผัสเท่านั้นเช่นนี้ไม่ใช่ผู้แทนของคริชณะ แต่เพศสัมพันธ์เพื่อให้กำเนิดบุตรธิดาที่ดีเรียกว่า คันดารพะฺจึงเป็นผู้แทนของคริชณะ
อนันทัช ชาสมิ นากานามฺ
วะรุโณ ยาดะสาม อฮัมฺ
พิทรีณาม อารยะมา ชาสมิ
ยะมะฮ สัมยะมะทาม อฮัมฺ
อนันทะฮฺ - อนันทะ, ชะฺ - เช่นกัน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, นากานามฺ - ของงูหลายหัว, วะรุณะฮฺ - เทพผู้ควบคุมน้ำ, ยาดะสามฺ - ของผู้อาศัยในน้ำทั้งหมด, อฮัมฺ - ข้าเป็น, พิทรีณามฺ - ของบรรพบุรุษ,อารยะมาฺ - อารยะมา, ชะฺ - เช่นกัน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, ยะมะฮฺ - ผู้ควบคุมความตาย, สัมยะมะทามฺ - ของผู้บริหารทั้งหลาย, อฮัมฺ - ข้าเป็น
คำแปลฺ
ในบรรดานากะหลายหัวข้าคืออนันทะ ในบรรดาผู้อาศัยในน้ำข้าคือเทพวะรุณะ ในบรรดาบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปแล้วข้าคืออารยะมา และในบรรดาผู้รักษากฎหมายข้าคือยะมะ เทพเจ้าแห่งความตาย
คำอธิบายฺ
ในจำพวกงู นากะฺ หลายหัว อนันทะฺ ยิ่งใหญ่ที่สุด เหมือนกับเทพ วะรุณะฺ ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้อาศัยอยู่ในน้ำ ทั้งคู่เป็นผู้แทนของคริชณะ บรรพบุรุษมีดาวเคราะห์เช่นกันชื่อ พิทาฺ ซึ่งควบคุมโดย อารยะมาฺ ผู้แทนของคริชณะ มีสิ่งมีชีวิตมากมายที่ลงโทษคนสารเลวในบรรดาสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ยะมะฺ เป็นหัวหน้า ยะมะฺ ประทับอยู่ที่ดาวเคราะห์ใกล้ ๆ กับโลกใบนี้ หลังจากตายไปพวกที่มีบาปมากจะถูกส่งไปที่นั่นและ ยะมะฺจะจัดการลงโทษพวกเขาแตกต่างกันไป
พระฮลาดัช ชาสมิ ไดทยานาม
คาละฮ คะละยะทาม อฮัมฺ
มริกาณาม ชะ มริเกนโร
่ฮัม ไวนะเทยัช ชะ พัคชิณามฺ
พระฮลาดะฮฺ - พระฮลาดะ, ชะฺ - เช่นกัน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, ไดทยานามฺ - ของเหล่ามาร, คาละฮฺ - เวลา, คะละยะทามฺ - ของผู้ปราม, อฮัมฺ - ข้าเป็น, มริกาณามฺ - ของหมู่สัตว์, ชะฺ - และ, มริกะ-อินดระฮฺ - สิงโต, อฮัมฺ - ข้าเป็น, ไวนะเทยะฮฺ - กะรุดะ, ชะฺ - เช่นกัน, พัคชิณามฺ - ของหมู่นก
คำแปลฺ
ในหมู่มารไดทยะข้าคือพระฮลาดะผู้อุทิศตนเสียสละ ในหมู่ผู้ปรามให้เชื่องช้าคือกาลเวลา ในหมู่สัตว์ข้าคือพญาราชสีห์ และในหมู่นกข้าคือกะรุดะ (พญาครุฑ)
คำอธิบายฺ
ดิทิฺ และ อดิทิฺ เป็นพี่สาวและน้องสาว ลูก ๆ ของ อดิทิฺ เรียกว่า อาดิทยัสฺและลูก ๆ ของ ดิทิฺ เรียกว่า ไดทยะ, อาดิทยะฺ ทั้งหมดเป็นสาวกขององค์ภควาน และ ไดทยะฺ ทั้งหมดเป็นผู้ไม่เชื่อในองค์ภควาน ถึงแม้ พระฮลาดะฺ เกิดในครอบครัว ไดทยะฺแต่เป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ตั้งแต่ในวัยเด็ก เนื่องจากการอุทิศตนเสียสละรับใช้และธรรมชาติที่บริสุทธิ์ จึงพิจารณาว่าเป็นผู้แทนของคริชณะ
มีหลักในการปรามมากมาย แต่กาลเวลาจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างสึกหรอหรือเสื่อมลงในจักรวาลวัตถุ ดังนั้น จึงเป็นผู้แทนของคริชณะ ในบรรดาสัตว์จำนวนมากมายสิงโตมีอำนาจและดุร้ายที่สุด และในบรรดานกเป็นล้าน ๆ จำพวก กะรุดะฺ หรือ พญาครุฑ ผู้เป็นพาหนะของพระวิชณุยิ่งใหญ่ที่สุด
พะวะนะฮ พะวะทาม อัสมิฺ
รามะฮ ชัสทระ-บฺริทาม อฮัมฺ
จฺะชาณาม มะคะรัช ชาสมิ
สโรทะสาม อัสมิ จาฮนะวีฺ
พะนะวะฮฺ - ลม, พะวะทามฺ - ของสิ่งที่ทำให้บริสุทธิ์ทั้งหลาย, อัสมิฺ - ข้าเป็น, รามะฮฺ - พระราม, ชัสทระ-บฺริทามฺ - ของบรรดาผู้ถืออาวุธ, อฮัมฺ - ข้าเป็น, จฺะชาณามฺ - ของปลาทั้งหลาย, มะคะระฮฺ - ปลาฉลาม, ชะฺ - เช่นกัน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, สโรทะสามฺ - ของบรรดาแม่น้ำที่ไหลผ่าน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, จาฮนะวีฺ - แม่น้ำคงคา
คำแปลฺ
ในบรรดาสิ่งที่ทำให้บริสุทธิ์ข้าคือลม ในบรรดาผู้ปล่อยอาวุธข้าคือพระราม ในบรรดาปลาข้าคือปลาฉลาม และในบรรดาแม่น้ำที่ไหลผ่านข้าคือแม่น้ำคงคา
คำอธิบายฺ
ในบรรดาสัตว์น้ำทั้งหลายปลาฉลามเป็นหนึ่งในสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุด และแน่นอนว่าเป็นอันตรายที่สุดสำหรับมนุษย์ ดังนั้น ปลาฉลามจึงเป็นผู้แทนของคริชณะ
สารกาณาม อาดิร อันทัช ชะฺ
มัดฺยัม ไชวาฮัม อารจุนะฺ
อัดฺยาทมะ-วิดยา วิดยานาม
วาดะฮ พระวะดะทาม อฮัมฺ
สารกาณามฺ - ของการสร้างทั้งหลาย, อาดิฮฺ - เริ่มต้น, อันทะฮฺ - จบ, ชะฺ - และ, มัดฺยัมฺ - ตรงกลาง, ชะ-เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, อฮัมฺ - ข้าเป็น, อารจุนะฺ - โอ้ อารจุนะ, อัดฺยาทมะ-วิดยาฺ - ความรู้ทิพย์, วิดยานามฺ - ของการศึกษาทั้งหลาย, วาดะฮฺ - บทสรุปโดยธรรมชาติ, พระวะ ดะทามฺ - ของข้อถกเถียง, อฮัมฺ - ข้าเป็น
คำแปลฺ
ในการสร้างทั้งหมดข้าคือจุดเริ่มต้น ช่วงกลาง และจุดจบ โอ้ อารจุนะ ในบรรดาศาสตร์ทั้งหลายข้าคือศาสตร์ทิพย์แห่งชีวิต และในหมู่นักตรรกวิทยาข้าคือข้อสรุปแห่งความจริง
คำอธิบายฺ
ในปรากฏการณ์แห่งการสร้าง การสร้างครั้งแรกคือการสร้างธาตุวัตถุทั้งหมดดังที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านี้ ปรากฏการณ์ในจักรวาล มะฮา-วิชณุ, การโบดะคะชายี วิชณฺุ และ คชีโรดะคะชายี วิชณฺุ ทรงเป็นผู้สร้างและควบคุม จากนั้นพระศิวะทรงเป็นผู้ทำลาย พระพรหมทรงเป็นผู้สร้างระดับที่สอง ผู้แทนในการสร้าง การอนุรักษ์ และการทำลายทั้งหลายเหล่านี้เป็นอวตารในคุณสมบัติทางวัตถุขององค์ภควาน ดังนั้น พระองค์ทรงเป็นจุดเริ่มต้น ช่วงกลาง และจุดจบของการสร้างทั้งหมด
สำหรับการศึกษาชั้นสูงมีหนังสือแห่งความรู้มากมายเช่น พระเวททั้งสี่เล่มและภาคผนวกอีกหกเล่ม เวดานธะ- สูทระฺ หนังสือตรรกวิทยา หนังสือศาสนา และ พุราณะฺ ดังนั้น ทั้งหมดรวมกันเป็นสิบสี่ส่วนของหนังสือแห่งการศึกษา ในบรรดาหนังสือเหล่านี้หนังสือที่เสนอ อัดฺยาทมะ- วิดยาฺ หรือความรู้ทิพย์โดยเฉพาะคือ เวดานธะ-สูทระฺ เป็นผู้แทนของคริชณะ
ในหมู่นักตรรกวิทยามีการถกเถียงกันต่าง ๆ นานา มีการสนับสนุนข้อโต้เถียงของตนเองด้วยพยานหลักฐาน และยังมีการสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามด้วย เรียกว่า จัลพะฺหากพยายามเอาชนะคู่ต่อสู้เรียกว่า วิทัณดาฺ แต่ข้อสรุปที่แท้จริงเรียก วาดะฺ ข้อสรุปแห่งความจริงนี้เป็นผู้แทนของคริชณะ
อัคชะราณาม อะ-คาโร ่สมิฺ
ดวันดวะฮ สามาสิคัสยะ ชะฺ
อฮัม เอวาคชะยะฮ คาโล
ดฺาทาฮัม วิชวะโท-มุคฺะฮฺ
อัคชะราณามฺ - ของตัวอักษร, อะ-คาระฮฺ - ตัวอักษรแรก, อัสมิฺ - ข้าเป็น, ดวันดวะฮฺ - คู่, สามาสิคัสยะฺ - ของผสม, ชะฺ - และ, อฮัมฺ - ข้าเป็น, เอวะฺ - แน่นอน, อัคชะยะฮฺ - อมตะ, คาละฮฺ - กาลเวลา, ดฺาทาฺ - ผู้สร้าง, อฮัมฺ - ข้าเป็น, วิชวะทะฮ-มุคฺะฮฺ - พระพรหม
คำแปลฺ
ในบรรดาตัวอักษรข้าคืออักษร อ ในบรรดาคำผสมข้าคือคำผสมคู่ ข้าคือกาลเวลาที่ไม่มีวันสิ้นสุดด้วยเช่นกัน และในบรรดาผู้สร้างข้าคือพระพรหม
คำอธิบายฺ
อะ-คาระฺ อักษรตัวแรกในภาษาสันสกฤตเป็นจุดเริ่มต้นของวรรณกรรมพระเวท ปราศจาก อะ-คาระฺ ไม่มีอะไรทำเสียงขึ้นมาได้ ฉะนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นของเสียงในภาษาสันสกฤตมีคำผสมมากมายเช่นกันซึ่งคำผสมคู่ เช่น รามะ-คริชณะฺ เรียกว่า ดวันดวะฺ ในคำผสมนี้คำว่า รามะฺ และ คริชณะฺ มีรูปเดียวกัน ดังนั้น คำผสมจึงเรียกว่าคู่
ในบรรดานักสังหารทั้งหลาย กาลเวลานั้นสูงสุด เพราะว่ากาลเวลาจะสังหารทุกสิ่งทุกอย่าง กาลเวลาเป็นผู้แทนขององค์คริชณะ เพราะว่าตามกาลเวลาจะมีไฟบัลลัยกัลป์และทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกทำลายลง
ในบรรดาสิ่งมีชีวิตที่เป็นผู้สร้าง พระพรหมสี่เศียรทรงเป็นผู้นำ ฉะนั้น พระพรหมจึงทรงเป็นผู้แทนขององค์ภควาน คริชณะ
มริทยุฮ สารวะ-ฮะรัช ชาฮัม
อุดบฺะวัช ชะ บฺะวิชยะทามฺ
คีรทิฮ ชรีร วาค ชะ นารีณาม
สมริทิร เมดฺา ดฺริทิฮ คชะมาฺ
มริทยุฮฺ - ความตาย, สารวะ-ฮะระฮฺ - เผาผลาญทั้งหมด, ชะฺ - เช่นกัน, อฮัมฺ - ข้าเป็น, อุด บฺะวะฮฺ - การให้กำเนิด, ชะฺ - เช่นกัน, บฺะวิชยะทามฺ - ของปรากฏการณ์ในอนาคต, คีรทิฮฺ - ชื่อเสียง, ชรีฮฺ - ความมั่งคั่งหรือความสวยงาม, วาคฺ - การพูดดี, ชะฺ - เช่นกัน, นารีณามฺ - ของสตรี, สมริทิฮฺ - ความจำ, เมดฺาฺ - ปัญญา, ดฺริทิฮฺ - ความมั่งคง, คชะมาฺ - ความอดทน
คำแปลฺ
ข้าคือความตายที่สังหารทุกสิ่งทุกอย่าง ข้าคือหลักแห่งการให้กำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไป ในบรรดาสตรีข้าคือชื่อเสียง โชคลาภ คำพูดที่ดี ความจำปัญญา ความมั่นคงและความอดทน
คำอธิบายฺ
ทันทีที่มนุษย์เกิดมา เขากำลังตายไปทุก ๆ นาที ฉะนั้น ความตายกำลังกลืนกินทุกชีวิตอยู่ทุกขณะ จุดสุดท้ายจึงเรียกว่าความตาย และความตายนั้นคือคริชณะสำหรับการพัฒนาในอนาคต สิ่งมีชีวิตทั้งหมดต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานหกขั้นตอน คือ มีการเกิด เจริญเติบโต คงอยู่สักพักหนึ่ง สืบพันธุ์ หดตัวลง และในที่สุดก็สูญสลายไป ในบรรดาการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สิ่งแรกคือการคลอดออกมาจากครรภ์และนั่นคือคริชณะ รุ่นแรกคือจุดเริ่มต้นของกิจกรรมในอนาคตทั้งหมด
ความมั่งคั่งทั้งเจ็ดประการที่กล่าวไว้คือ ชื่อเสียง โชคลาภ พูดดี ความจำปัญญา ความมั่นคง และความอดทน พิจารณาว่าเป็นสตรี หากผู้ใดเป็นเจ้าของทั้งหมดนี้หรือเป็นเจ้าของบางส่วน ผู้นั้นจะได้รับการสรรเสริญ หากผู้ใดมีชื่อเสียงว่าเป็นผู้มีคุณธรรมจะทำให้เขาได้รับการสรรเสริญ สันสกฤตเป็นภาษาที่สมบูรณ์ ดังนั้นจึงได้รับการสรรเสริญเป็นอย่างมาก หากหลังจากการศึกษาแล้ว และสามารถจำเรื่องราวได้เขาได้รับพรสวรรค์ที่มีความจำดี หรือสมริทิฺ ไม่ใช่เพียงแต่สามารถอ่านหนังสือหลายๆ เล่มและหลาย ๆ เรื่องเท่านั้น แต่ยังสามารถเข้าใจและนำไปใช้ได้เมื่อถึงคราวจำเป็นเรียกว่าปัญญา (เมดฺา)ฺ ซึ่งเป็นความมั่งคั่งอีกประการหนึ่งความสามารถในการเอาชนะความไม่แน่นอนเรียกว่าความมั่นคงหรือความแน่วแน่ (ดฺริทิ)ฺ เมื่อผู้ใดมีคุณสมบัติโดยสมบูรณ์แต่ยังถ่อมตนและสุภาพ และเมื่อสามารถรักษาดุลยภาพของตนเองทั้งในความโศกเศร้าและความปลื้มปีติสุขเขามีความมั่งคั่งที่เรียกว่าความอดทน (คชะมา)ฺ
บริฮัท-สามะ ทะทฺา สามนาม
กายะทรี ชัฺนดะสาม อฮัมฺ
มาสานาม มารกะ-ชีรโช
่ฮัม ริทูนาม คุสุมาคะระฮฺ
บริฮัท-สามะฺ - บริฮัท-สามะ, ทะทฺาฺ - เช่นกัน, สามนามฺ - ของบทเพลงสามะเวท, กายะ- ทรีฺ - บทมนต์กายะทรี, ชัฺนดะสามฺ - ของบทกวีทั้งหลาย, อฮัมฺ - ข้าเป็น, มาสานามฺ - ของเดือน, มารกะ-ชีรชะฮฺ - เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม, อฮัมฺ - ข้าเป็น, ริทูนามฺ - ของฤดูทั้งหลาย, คุสุมะ-อาคะระฮฺ - ฤดูใบไม้ผลิ
คำแปลฺ
ในบรรดาบทมนต์ในสามะเวทข้าคือบริฮัท-สามะ และในบรรดาบทกวีข้าคือกายะทรี ในบรรดาเดือนข้าคือมารกะชีรชะ (พฤศจิกายน-ธันวาคม) และในบรรดาฤดูข้าคือฤดูใบไม้ผลิ
คำอธิบายฺ
องค์ภควานทรงอธิบายแล้วว่าในบรรดาพระเวททั้งหมดพระองค์คือ สามะเวท สามะเวทฺ มีความมั่งคั่งในบทเพลงอันไพเราะเพราะพริ้งที่เทวดาต่างบรรเลง หนึ่งในบทเพลงเหล่านี้คือ บริฮัท-สามะฺ ซึ่งมีทำนองไพเราะมากและจะร้องในเวลาเที่ยงคืน
ในภาษาสันสกฤตมีลักษณะบังคับแน่นอนที่บัญญัติบทกวี สัมผัส และวรรคตอน ไม่ใช่เขียนตามอำเภอใจเหมือนกับบทกวีสมัยปัจจุบันส่วนมาก ในบรรดาบัญญัติบทกวี กายะทรี มันทระฺ ซึ่งพราหมณ์ผู้มีคุณสมบัติสวดภาวนาโดดเด่นที่สุด กายะทรี มันทระฺ ได้กล่าวไว้ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ เพราะว่า กายะทรี มันทระฺ หมายไว้เพื่อความรู้แจ้งแห่งองค์ภควานโดยเฉพาะจึงเป็นผู้แทนขององค์ภควาน มันทระฺ นี้มีไว้สำหรับพวกที่มีความเจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์ เมื่อประสบความสำเร็จในการสวดภาวนา กายะทรี มันทระ จะสามารถบรรลุถึงสถานภาพทิพย์แห่งองค์ภควานฺ ก่อนอื่นเขาต้องมีคุณสมบัติของบุคคลผู้สถิตอยู่อย่างสมบูรณ์ คืออยู่ในคุณสมบัติแห่งความดีตามกฎแห่งธรรมชาติวัตถุเพื่อสวดภาวนา กายะทรี มันทระ, กายะทรี มันทระฺ มีความสำคัญมากในวัฒนธรรมพระเวท และพิจารณาว่าเป็นเสียงอวตารของ บระฮมันฺ พระพรหมทรงเป็นอุปัชฌาย์ และ กายะทรี มันทระฺ ถูกส่งลงมาจากพระพรหมในสาย พะรัมพะราฺ
เดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมพิจารณาว่าเป็นเดือนที่ดีที่สุด เพราะว่าในประเทศอินเดียเป็นฤดูเก็บเกี่ยว ทุกคนมีความสุขมาก แน่นอนว่าฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่คนชอบกันมากเพราะว่าไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป ทั้งดอกไม้และต้นไม้ก็เบ่งบานอย่างสมบูรณ์ในฤดูใบไม้ผลิมีพิธีหลายพิธีที่ระลึกถึงลีลาของคริชณะ ดังนั้นจึงพิจารณาว่าฤดูนี้เป็นฤดูที่รื่นเริงที่สุดและเป็นผู้แทนขององค์ภควานชรีคริชณะ
ดยูทัม ชฺะละยะทาม อัสมิ
เทจัส เทจัสวินาม อฮัมฺ
จะโย ่สมิ วิยะวะสาโย ่สมิ
สัททวัม สัททวะวะทาม อฮัมฺ
ดยูทัมฺ - การพนัน, ชฺะละยะทามฺ - ในบรรดากลโกงทั้งหมด, อัสมิฺ - ข้าเป็น, เทจะฮฺ - วิเศษงดงาม, เทจัสวินามฺ - ของทุกสิ่งที่งดงาม, อฮัมฺ - ข้าเป็น, จะยะฮฺ - ชัยชนะ, อัสมิฺ - ข้าเป็น, วิยะวะสายะฮฺ - เสี่ยงโชคหรือผจญภัย, อัสมิฺ - ข้าเป็น, สัททวัมฺ - พลัง, สัททวะฺ - วะทามฺ - ของผู้แข็งแรง, อฮัมฺ - ข้าเป็น
คำแปลฺ
ข้าคือการพนันแห่งกลโกงด้วยเช่นกัน และในบรรดาความสวยงามข้าคือความวิเศษงดงาม ข้าคือชัยชนะ ข้าคือการผจญภัย และข้าคือพลังของคนแข็งแรง
คำอธิบายฺ
มีคนโกงมากมายหลายประเภททั่วจักรวาลทั้งหมด ในบรรดาวิธีการโกงทั้งหลายการพนันถือว่าสุดยอด ดังนั้น จึงเป็นผู้แทนของคริชณะ ในฐานะที่เป็นองค์ภควานคริชณะทรงสามารถหลอกลวงได้เก่งกว่าคนธรรมดาสามัญ หากคริชณะทรงเลือกที่จะหลอกลวงใคร ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องการหลอกลวง ความยิ่งใหญ่ของพระองค์ไม่เพียงด้านเดียวเท่านั้นแต่เป็นไปทุก ๆ ด้าน
ในบรรดาชัยชนะทั้งหลายพระองค์คือผู้มีชัยชนะ พระองค์คือความวิเศษงดงามของสิ่งที่วิเศษงดงาม ในเรื่องของธุรกิจและอุตสาหกรรมพระองค์ทรงยอดเยี่ยมที่สุดทั้งในธุรกิจและอุตสาหกรรม ในบรรดาการผจญภัยพระองค์ทรงเป็นสุดยอดของนักผจญภัย และในหมู่ผู้แข็งแรงพระองค์คือผู้ที่มีพลังสูงสุด เมื่อคริชณะทรงปรากฏอยู่บนโลกไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องของพละกำลัง แม้ในขณะที่เป็นเด็กพระองค์ทรงยกภูเขาโกวารดฺะนะ ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องการโกง ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องของความสง่างาม ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องของชัยชนะ ไม่มีผู้ใดเกินพระองค์ในเรื่องของธุรกิจ และไม่มีผู้ใดสามารถเกินพระองค์ในเรื่องพละกำลัง
วริชณีนาม วาสุเดโว ่สมิ
พาณดะวานาม ดฺะนันจะยะฮฺ
มุนีนาม อพิ อฮัม วิยาสะฮ
คะวีนาม อุชะนา คะวิฮฺ
วริชณีนามฺ - ของผู้สืบสกุลวริชณิ, วาสุเดวะฮฺ - คริชณะที่ดวาระคา, อัสมิฺ - ข้าเป็น, พาณ- ดะวานามฺ - ของพาณดะวะ, ดฺะนันจะยะฮฺ - อารจุนะ, มุนีนามฺ - ของเหล่านักปราชญ์, อพิฺ - เช่นกัน, อฮัมฺ - ข้าเป็น, วิยาสะฮฺ - วิยาสะผู้รวบรวมวรรณกรรมพระเวททั้งหมด, คะวีนามฺ - ของนักคิดผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย, อุชะนาฺ - อุชะนา, คะวิฮฺ - นักคิด
คำแปลฺ
ในบรรดาผู้สืบราชวงศ์วริชณิข้าคือวาสุเดวะ และในหมู่พาณดะวะข้าคืออารจุนะในบรรดานักปราชญ์ข้าคือวิยาสะ และในหมู่นักคิดผู้ยิ่งใหญ่ข้าคืออุชะนา
คำอธิบายฺ
คริชณะทรงเป็นภควานองค์แรก และบะละเดวะทรงเป็นภาคที่แบ่งแยกจากคริชณะโดยตรง ทั้งคริชณะและบะละเดวะทรงปรากฏเป็นบุตรของวะสุเดวะ ดังนั้นทั้งคู่อาจถูกเรียกว่าวาสุเดวะจากอีกมุมมองหนึ่ง เนื่องจากคริชณะทรงไม่เคยออกจากวรินดาวะนะ รูปลักษณ์ทั้งหลายของคริชณะที่ทรงปรากฏที่อื่นเป็นภาคแบ่งแยกของพระองค์ วาสุเดวะทรงเป็นภาคที่แบ่งแยกจากคริชณะโดยตรง ดังนั้น วาสุเดวะไม่แตกต่างไปจากคริชณะ เข้าใจว่าวาสุเดวะที่กล่าวถึงใน ภควัต-คีตาฺ โศลกนี้ คือ บะละเดวะหรือบะละรามะ เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดเดิมแท้ของอวตารทั้งหลาย ดังนั้นพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของวาสุเดวะแต่ผู้เดียว ภาคที่แบ่งแยกจากองค์ภควานโดยตรงเรียกว่า สวามชะฺ (ภาคที่แบ่งแยกส่วนพระองค์) และยังมีภาคที่แบ่งแยกเรียกว่า วิบิฺนนามชะฺ (ภาคแบ่งแยกที่แยกออกไป)
ในบรรดาโอรสของพาณดุ อารจุนะทรงมีชื่อเสียงในนาม ดฺะนันจะยะ และเป็นผู้ที่ดีที่สุดในหมู่มนุษย์ ดังนั้น จึงเป็นผู้แทนของคริชณะ ในหมู่ มุนิฺ หรือผู้คงแก่เรียนเชี่ยวชาญในความรู้พระเวทวิยาสะยิ่งใหญ่ที่สุดเนื่องจากทรงอธิบายความรู้พระเวทในหลายวิธีเพื่อให้คนธรรมดาสามัญส่วนใหญ่ในคะลิยุคนี้สามารถเข้าใจได้ และเป็นที่ทราบกันว่าวิยาสะเป็นอวตารของคริชณะ ดังนั้น วิยาสะเป็นผู้แทนคริชณะ คะวิฺ คือพวกที่สามารถคิดได้ทะลุปรุโปร่งในทุก ๆ เรื่อง ในบรรดา คะวิ, อุชะนา, ชุคราชารยะฺ เป็นพระอาจารย์ทิพย์ของเหล่ามาร ท่านเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดมาก และเป็นนักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ชุคราชาระยะ จึงเป็นผู้แทนอีกท่านหนึ่งแห่งความมั่งคั่งของคริชณะฺ
ดัณโด ดะมะยะทาม อัสมิ
นีทิร อัสมิ จิกีชะทามฺ
โมนัม ไชวาสมิ กุฮยานาม
กยานัม กยานะวะทาม อฮัมฺ
ดัณดะฮฺ - การลงโทษ, ดะมะยะทามฺ - ในวิธีการปราบทั้งหลาย, อัสมิฺ - ข้าเป็น, นีทิฮฺ - ศีลธรรม, อัสมิฺ - ข้าเป็น, จิกีชะทามฺ - ของพวกที่แสวงหาชัยชนะ, โมนัมฺ - เงียบ, ชะฺ - และ, เอวะฺ - เช่นกัน, อัสมิฺ - ข้าเป็น, กุฮยานามฺ - ของบรรดาความลับ, กยานัมฺ - ความรู้, กยานะฺ - วะทามฺ - ของคนมีปัญญา, อฮัมฺ - ข้าเป็น
คำแปลฺ
ในบรรดาวิธีการปราบผู้ทำผิดกฎหมายทั้งหลายข้าคือการลงโทษ และในบรรดาผู้แสวงหาชัยชนะข้าคือหลักศีลธรรม ในบรรดาสิ่งที่เป็นความลับข้าคือความเงียบสงบ และในบรรดาคนฉลาดข้าคือปัญญา
คำอธิบายฺ
มีผู้แทนในการปราบมากมาย สิ่งสำคัญคือตัดจำนวนคนสารเลว เมื่อพวกคนสารเลวถูกลงโทษ ผู้แทนในการลงโทษเป็นผู้แทนของคริชณะ ในบรรดาผู้ที่พยายามได้รับชัยชนะจากกิจกรรมบางอย่าง สิ่งที่เป็นพื้นฐานที่สุดแห่งชัยชนะคือหลักศีลธรรม ในบรรดากิจกรรมแห่งความลับในการฟัง การคิด และการทำสมาธิ ความเงียบสงบสำคัญที่สุดเพราะว่าจากความเงียบสงบ เราจึงสามารถเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว คนมีปัญญาคือผู้ที่สามารถแยกแยะระหว่างวัตถุและวิญญาณ ระหว่างธรรมชาติเบื้องสูงและธรรมชาติเบื้องต่ำขององค์ภควาน ความรู้เช่นนี้คือองค์ชรีคริชณะเอง
ยัช ชาพิ สารวะ-บํูทานาม
บีจัม ทัด อฮัม อารจุนะฺ
นะ ทัด อัสทิ วินา ยัท สยาน
มะยา บํูทัม ชะราชะรัมฺ
ยัชฺ - อะไรก็แล้วแต่, ชะฺ - เช่นกัน, อพิฺ - อาจ, สารวะ-บํูทานามฺ - ของการสร้างทั้งหลาย, บีจัมฺ - เมล็ดพันธุ์, ทัทฺ - นั้น, อฮัมฺ - ข้าเป็น, อารจุนะฺ - โอ้ อารจุนะ, นะฺ - ไม่, ทัทฺ - นั้น, อัสทิฺ - มี, วินาฺ - ปราศจาก, ยัทฺ - ซึ่ง, สยาทฺ - มีอยู่, มะยาฺ - ข้า, บํูทัมฺ - สิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมา, ชะระ- อชะรัมฺ - เคลื่อนที่และไม่เคลื่อนที่
คำแปลฺ
ยิ่งไปกว่านั้น โอ้ อารจุนะ ข้าคือเมล็ดพันธุ์ที่ให้กำเนิดทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ ไม่มีชีวิตใดไม่ว่าเคลื่อนที่หรือไม่เคลื่อนที่สามารถดำรงอยู่ได้โดยปราศจากข้า
คำอธิบายฺ
ทุกสิ่งทุกอย่างมีต้นกำเนิด และต้นกำเนิดหรือเมล็ดพันธุ์แห่งปรากฏการณ์นั้น ๆ คือคริชณะ ปราศจากซึ่งพลังงานของคริชณะไม่มีสิ่งใดมีอยู่ได้ ดังนั้น องค์ภควานทรงได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอำนาจทั้งปวง ปราศจากพลังอำนาจของพระองค์ ทั้งสิ่งที่เคลื่อนที่และไม่เคลื่อนที่ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ สิ่งใดที่มีอยู่และไม่พบอยู่ในพลังงานของคริชณะเรียกว่า มายาฺ หรือ “สิ่งที่ไม่ใช่”
นานโท ่สทิ มะมะ ดิพยานาม
วิบํูทีนาม พะรันทะพะฺ
เอชะ ทูดเดชะทะฮ โพรคโท
วิบํูเทร วิสทะโร มะยาฺ
นะฺ - ไม่, อันทะฮฺ - จำกัด, อัสทิฺ - มี, มะมะฺ - ของข้า, ดิพยานามฺ - ของความเป็นทิพย์, วิบํูทีนามฺ - ความมั่งคั่ง, พะรันทะพะฺ - โอ้ ผู้ชนะศัตรู, เอชะฮฺ - ทั้งหมดนี้, ทฺุ - แต่, อุดเดชะทะฮฺ - เป็นตัวอย่าง, โพรคทะฮฺ - พูด, วิบํูเทฮฺ - ของความมั่งคั่ง, วิชทะระฮฺ - อันกว้างใหญ่, มะยาฺ - โดยข้า
คำแปลฺ
โอ้ ผู้ปราบศัตรูที่ยิ่งใหญ่ ไม่มีจุดจบสำหรับปรากฏการณ์ทิพย์ของข้า สิ่งที่ข้าได้พูดกับเธอนั้นเป็นเพียงการแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งอันหาที่สุดไม่ได้ของข้า
คำอธิบายฺ
ดังที่ได้กล่าวไว้ในวรรณกรรมพระเวท ถึงแม้ว่าความมั่งคั่งและพลังงานขององค์ภควานสามารถเข้าใจได้หลาย ๆ ทาง ไม่มีขีดจำกัดในความมั่งคั่งเหล่านี้ ฉะนั้นไม่ใช่ว่าความมั่งคั่งและพลังงานทั้งหมดของพระองค์สามารถอธิบายได้ เพียงไม่กี่ตัวอย่างเท่านั้นที่อธิบายให้อารจุนะเพื่อให้ความอยากรู้อยากเห็นสงบลง
ยัด ยัด วิบํูทิมัท สัททวัม
ชรีมัด อูรจิทัม เอวะ วาฺ
ทัท ทัด เอวาวะกัชชฺะ ทวัม
มะมะ เทโจ-่มชะ-สัมบฺะวัมฺ
ยัทยัทฺ - อะไรก็แล้วแต่, วิบํูทิฺ - ความมั่งคั่ง, มัทฺ - มี, สัททวัมฺ - มีอยู่, ชรี-มัทฺ - ความสวยงาม, อูรจิทัมฺ - น่าสรรเสริญ, เอวะฺ - แน่นอน, วาฺ - หรือ, ทัท ทัทฺ - ทั้งหมดนั้น, เอวะฺ - แน่นอน, อวะ กัชชฺะฺ - ต้องรู้, ทวัมฺ - เธอ, มะมะฺ - ของข้า, เทจะฮฺ - ของความวิเศษงดงาม, อัมชะฺ - ส่วนหนึ่ง, สัมบฺะวัมฺ - เกิดจาก
คำแปลฺ
จงรู้ด้วยว่าสิ่งที่สร้างขึ้นมาทั้งหมดที่มีความมั่งคั่ง ความสวยงาม และน่าสรรเสริญ กำเนิดมาจากประกายเพียงนิดเดียวแห่งความวิเศษงดงามของข้า
คำอธิบายฺ
สิ่งใดที่มีอยู่ซึ่งมีความสวยงามหรือน่าสรรเสริญ ควรเข้าใจว่าเป็นเพียงปรากฏการณ์เพียงเล็กน้อยแห่งความมั่งคั่งของคริชณะ ไม่ว่าในโลกทิพย์หรือโลกวัตถุความมั่งคั่งพิเศษใด ๆ ควรพิจารณาว่าเป็นผู้แทนแห่งความมั่งคั่งของคริชณะ
อทฺะ วา บะฮูไนเทนะฺ
คิม กยาเทนะ ทะวารจุนะฺ
วิชทับฺยาฮัม อิดัม คริทสนัม
เอคามเชนะ สทิฺโท จะกัทฺ
อทฺะ วาฺ - หรือ, บะฮูนาฺ - หลาย, เอเทนะฺ - ด้วยชนิดนี้, คิมฺ - อะไร, กยาเทนะฺ - ด้วยความรู้, ทะวะฺ - ของเธอ, อารจุนะฺ - โอ้ อารจุนะ, วิชทับฺยะฺ - แผ่กระจาย, อฮัมฺ - ข้า, อิดัมฺ - นี้, คริทสนัมฺ - ทั้งหมด, เอคะฺ - โดยหนึ่ง, อัมเชนะฺ - ส่วน, สทิฺทะฮฺ - สถิต, จะกัทฺ - จักรวาล
คำแปลฺ
แต่จะมีประโยชน์อันใด โอ้ อารจุนะ กับรายละเอียดความรู้ทั้งหมดนี้? ด้วยเพียงส่วนนิดเดียวของตัวข้า ข้าได้แผ่กระจายและค้ำจุนทั่วทั้งจักรวาลนี้
คำอธิบายฺ
องค์ภควานทรงมีผู้แทนทั่วทุกจักรวาลวัตถุ ด้วยการเสด็จเข้าไปทุกสิ่งทุกอย่างในรูปอภิวิญญาณ ณ ที่นี้พระองค์ตรัสแด่อารจุนะว่า ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะเข้าใจว่าสิ่งต่าง ๆ มีอยู่ได้อย่างไร ในความมั่งคั่งและความยิ่งใหญ่อลังการที่แบ่งแยกออกไป อาร-จุนะควรทราบว่าทุกสิ่งทุกย่างมีอยู่ได้เนื่องจากคริชณะเสด็จเข้าไปในฐานะอภิวิญญาณจากพระพรหมชีวิตที่ใหญ่โตมโหฬารที่สุดลงไปจนถึงมดตัวเล็กที่สุด ทั้งหมดดำรงอยู่ได้เพราะคริชณะทรงเสด็จเข้าไปในแต่ละชีวิตและทุกชีวิต พระองค์ทรงค้ำจุนทุกชีวิต
มีกลุ่มเผยแพร่ศาสนาที่แสดงอยู่เสมอว่า การบูชาเทวดาองค์ใดก็แล้วแต่ จะนำไปถึงองค์ภควาน หรือเป้าหมายสูงสุด แต่ ณ ที่นี้การบูชาเทวดาไม่สนับสนุนเพราะแม้แต่เทวดาผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด เช่น พระพรหมและพระศิวะทรงเป็นเพียงตัวแทนส่วนหนึ่งแห่งความมั่งคั่งขององค์ภควานเท่านั้น พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุก ๆ คนที่เกิดมา ไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์ พระองค์ทรงเป็น อสะโมรดฺวะฺ ซึ่งหมายความว่าไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าและไม่มีผู้ใดเทียบเท่าพระองค์ได้ ใน พัดมะ พุราณะฺ กล่าวไว้ว่า ผู้พิจารณาว่าองค์ภควานชรีคริชณะทรงอยู่ในระดับเดียวกันกับเทวดา เช่น พระพรหมหรือพระศิวะ ทันทีที่คิดเช่นนี้ ผู้นี้กลายมาเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในองค์ภควาน อย่างไรก็ดี หากผู้ใดศึกษารายละเอียดในความมั่งคั่งต่าง ๆ และภาคที่แบ่งแยกต่าง ๆ แห่งพลังงาน ของคริชณะจะเข้าใจสถานภาพของชรีคริชณะได้อย่างไม่ต้องสงสัย และสามารถตั้งมั่นจิตใจในการบูชาคริชณะโดยไม่เบี่ยงเบน องค์ภควานทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยภาคที่แบ่งแยกแห่งผู้แทนอันสมบูรณ์ของพระองค์ นั่นคืออภิวิญญาณผู้เสด็จเข้าไปในทุกสิ่งทุกอย่าง ฉะนั้น สาวกผู้บริสุทธิ์ตั้งสมาธิจิตในคริชณะจิตสำนึกด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างเต็มที่ ดังนั้น จึงสถิตในสถานภาพทิพย์เสมอ การอุทิศตนเสียสละรับใช้และการบูชาคริชณะได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนมากในโศลกแปดถึงโศลกสิบเอ็ดของบทนี้ นี่คือวิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ เราจะบรรลุถึงความสมบูรณ์แห่งการอุทิศตนเสียสละที่สูงสุดในการมาอยู่ใกล้ชิดกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าได้อย่างไรนั้น อธิบายไว้อย่างชัดเจนในบทนี้ ชรีละ บะละเดวะ วิดยาบํูชะณะ อาชารยะฺ ผู้ยิ่งใหญ่ในสาย พะรัมพะราฺ จากคริชณะ ได้สรุปคำบรรยายในบทนี้ด้วยการกล่าวว่า
ยัช-ชัฺคทิ-เลชาท สุรยาดยา
บฺะวันทิ อทิ-อุกระ-เทจะสะฮฺ
ยัด-อัมเชนะ ดฺริทัม วิชวัม
สะ คริชโณ ดะชะเม ่รชยะเทฺ
แม้แต่พระอาทิตย์ผู้ทรงพลังยังได้รับพลังจากพลังอันมหาศาลขององค์คริชณะ และจากภาคที่แบ่งแยกจากส่วนของคริชณะ โลกทั้งโลกจึงได้รับการค้ำจุน ดังนั้น องค์ชรีคริชณะทรงเป็นที่สักการะบูชา
ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดย บัฺคธิเวดันธะ บทที่สิบของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่องความมั่งคั่งแห่งสัจธรรมฺ