บทที่ สิบแปด
บทสรุปความสมบูรณ์
แห่งการเสียสละ
อารจุนะ อุวาชะฺ
สันนยาสัสยะ มะฮา-บาโฮ
ทัททวัม อิชชฺามิ เวดิทุมฺ
ทยากัสยะ ชะ ฮริชีเคชะ
พริทัฺค เคชิ-นิชูดะนะฺ
อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, สันนยาสัสยะฺ - ของการเสียสละ, มะฮา-บาโฮฺ - โอ้นักรบผู้ยอดเยี่ยม, ทัททวัมฺ - ความจริง, อิชชฺามิฺ - ข้าปรารถนา, เวดิทุมฺ - เข้าใจ, ทยากัส ยะฺ - การเสีย สละ, ชะฺ - เช่นกัน, ฮริชีเคชะฺ - โอ้ เจ้าแห่งประสาทสัมผัส, พริทัฺคฺ - แตกต่าง, เคชิ-นิชูดะนะฺ - โอ้ ผู้สังหารมารเคชี
คำแปลฺ
อารจุนะตรัสว่า โอ้ ยอดนักรบ ข้าปรารถนาที่จะเข้าใจจุดมุ่งหมายแห่งการเสียสละ (ทยากะ) และชีวิตสละโลก (สันนยาสะ) โอ้ ผู้สังหารมารเคชี โอ้ เจ้าแห่งประสาทสัมผัส
คำอธิบายฺ
อันที่จริง ภควัต-คีตาฺ จบลงในบทที่สิบเจ็ด บทที่สิบแปดเป็นบทสรุปเสริมประเด็นต่าง ๆ ที่ได้กล่าวมาแล้ว ทุกบทของ ภควัต-คีตาฺ องค์ชรีคริชณะทรงเน้นการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อบุคลิกภาพสูงสุดว่าเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต ประเด็นเดียวกันนี้ได้สรุปไว้ในบทที่สิบแปดว่าเป็นวิถีทางแห่งความรู้ที่ลับที่สุด หกบทแรกเน้นถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ โยกินาม อพิ สารเวชามฺ “ในบรรดาโยคีหรือนักทิพย์นิยมทั้งหลาย ผู้ที่ระลึกถึงข้าอยู่ภายในใจเสมอ ดีที่สุด” หกบทต่อมาได้กล่าวถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์พร้อมทั้งธรรมชาติและกิจกรรม และหกบทสุดท้ายอธิบายถึงความรู้ การเสียสละ กิจกรรมของธรรมชาติวัตถุและธรรมชาติทิพย์ และการอุทิศตนเสียสละรับใช้ สรุปได้ว่า การปฏิบัติทั้งหมดควรทำไปในความสัมพันธ์กับองค์ภควานที่มีคำว่า โอม ทัท สัทฺ เป็นผู้แทน ซึ่งแสดงถึงพระวิชณุบุคลิกภาพสูงสุด ส่วนที่สามของ ภควัต-คีตาฺ ได้แสดงว่า การอุทิศตนเสียสละรับใช้คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต มิใช่สิ่งอื่นใด ได้สถาปนาเช่นนี้โดยอ้างถึง อาชารยะฺ ในอดีต และ บระฮมะ-สูทระฺ, เวดาน ธะ-สูทระฺ พวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์บางกลุ่มพิจารณาว่าพวกตนมีความรู้ใน เวดานธะ- สูทระฺ แต่เพียงผู้เดียว อันที่จริง เวดานธะ-สูทระฺ หมายไว้เพื่อให้เข้าใจการอุทิศตนเสียสละรับใช้เพราะว่าพระองค์ทรงเป็นผู้รวบรวมและทรงเป็นผู้รู้ เวดานธะ-สูทระฺ ซึ่งได้อธิบายไว้ในบทที่สิบห้า ในทุกคัมภีร์และในพระเวททุกเล่ม การอุทิศตนเสียสละรับใช้คือวัตถุประสงค์ ประเด็นนี้ได้อธิบายไว้ใน ภควัต-คีตาฺ
ดังที่บทที่สองได้ประมวลเรื่องราวทั้งหมดที่กล่าวมา บทที่สิบแปดก็เช่นกันได้สรุปถึงคำสั่งสอนทั้งหมดที่ให้ไว้ แสดงให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายของชีวิตคือการเสียสละและบรรลุถึงสถานภาพทิพย์เหนือสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ อารจุนะทรงปรารถนาที่จะทำให้ทั้งสองประเด็นของ ภควัต-คีตาฺ คือการเสียสละ (ทยากะ )ฺ และชีวิตสละโลก (สันนยาสะ )ฺ กระจ่างขึ้น ดังนั้น ท่านจึงถามถึงความหมายของสองคำนี้
สองคำที่ใช้ในโศลกนี้แสดงถึงองค์ภควาน คือคำ ฮริชีเคชะฺ และ เคชิ-นิชู ดะนะฺ มีความสำคัญ ฮริชีเคชะฺ คือคริชณะ เจ้าแห่งประสาทสัมผัสทั้งหมด ผู้ที่สามารถช่วยเราให้มีความสงบภายในใจเสมอ อารจุนะทรงขอร้องให้พระองค์ทรงสรุปทุกสิ่งทุกอย่างที่จะทำให้เกิดความมั่นใจ เนื่องจากอารจุนะทรงมีข้อสงสัยบางประการและข้อสงสัยเปรียบเสมือนมาร ดังนั้น ท่านจึงเรียกคริชณะว่า เคชิ-นิชูดะนะ, เคชีฺ เป็นมารที่น่ารังเกียจที่สุดซึ่งพระองค์ทรงสังหาร บัดนี้ อารจุนะทรงคาดหวังให้คริชณะสังหารมารแห่งความสงสัย
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
คามยานาม คารมะณาม นยาสัม
สันนยาสัม คะวะโย วิดุฮฺ
สารวะ-คารมะ-พฺะละ-ทยากัม
พราฮุส ทยากัม วิชัคชะณาฮฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, คามยานามฺ - ด้วยความปรารถนา, คารมะณามฺ - ของกิจกรรม, นยาสัมฺ - การเสียสละ, สันนยาสัมฺ - ชีวิตสละโลก, คะวะยะฮฺ - ผู้รู้, วิดุฮฺ - รู้, สารวะฺ - ทั้งหมด, คารมะฺ - กิจกรรม, พฺะละฺ - ผล, ทยากัมฺ - การเสียสละ, พราฮุฮฺ - เรียก, ทยากัมฺ - การเสียสละ, วิชัคชะณาฮฺ - ประสบการณ์
คำแปลฺ
บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า การยกเลิกกิจกรรมที่มีพื้นฐานอยู่ที่ความต้องการทางวัตถุ นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่เรียกว่าชีวิตสละโลก (สันนยาสะ ) และการยกเลิกผลของกิจกรรมทั้งหลายผู้มีปัญญาเรียกว่าการเสียสละ (ทยากะ )
คำอธิบายฺ
การปฏิบัติกิจกรรมเพื่อผลประโยชน์ต้องยกเลิก นี่คือคำสั่งสอนของ ภควัต- คีตาฺ แต่กิจกรรมที่นำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าแห่งความรู้ทิพย์ไม่ควรยกเลิก สิ่งเหล่านี้จะทำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในโศลกต่อ ๆ ไป ในวรรณกรรมพระเวทมีวิธีกรรมมากมายในการปฏิบัติพิธีบูชาเพื่อจุดมุ่งหมายบางประการ มีพิธีบูชาบางอย่างทำไปเพื่อให้ได้บุตรที่ดี หรือเพื่อพัฒนาให้ไปยังดาวเคราะห์ที่สูงกว่า แต่พิธีบูชาที่ถูกกระตุ้นด้วยความปรารถนาควรหยุด อย่างไรก็ดี พิธีบูชาเพื่อความบริสุทธิ์แห่งจิตใจของตนเองหรือเพื่อความเจริญก้าวหน้าในศาสตร์ทิพย์ไม่ควรยกเลิก
ทยาจยัม โดชะ-วัด อิทิ เอเค
คารมะ พราฮุร มะนีชิณะฮฺ
ยะกยะ-ดานะ-ทะพะฮ-คารมะ
นะ ทยาจยัม อิทิ ชาพะเรฺ
ทยาจยัมฺ - ต้องยกเลิก, โดชะ-วัทฺ - ว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย, อิทิฺ - ดังนั้น, เอเคฺ - กลุ่มหนึ่ง, คารมะฺ - งาน, พราฮุฮฺ - พวกเขากล่าวว่า, มะนีชิณะฮฺ - นักคิดผู้ยิ่งใหญ่, ยะกยะฺ - ของการบูชา, ดานะฺ - การให้ทาน, ทะพะฮฺ - และการบำเพ็ญเพียร, คารมะฺ - งาน, นะฺ - ไม่เคย, ทยาจยัมฺ - ยกเลิก, อิทิฺ - ดังนั้น, ชะฺ - และ, อพะเรฺ - ผู้อื่น
คำแปลฺ
ผู้รู้บางท่านประกาศว่ากิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุทั้งหมดควรยกเลิกเพราะเป็นสิ่งที่ผิด แต่นักปราชญ์อื่น ๆ กล่าวว่า การปฏิบัติพิธีบูชา การให้ทาน และการบำเพ็ญเพียรไม่ควรยกเลิก
คำอธิบายฺ
มีกิจกรรมมากมายในวรรณกรรมพระเวทซึ่งเป็นเรื่องราวต้องถกเถียงกันตัวอย่างเช่น ได้กล่าวไว้ว่าสัตว์ถูกฆ่าได้ในพิธีบูชา แต่บางคนยืนยันว่าการฆ่าสัตว์เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุด ถึงแม้ว่าการฆ่าสัตว์ในพิธีบูชาได้แนะนำไว้ในวรรณกรรมพระเวท แต่ไม่พิจารณาว่าสัตว์ถูกฆ่าเพราะพิธีบูชาจะให้ชีวิตใหม่แก่สัตว์ บางครั้งสัตว์ได้รับชีวิตในร่างสัตว์ตัวใหม่หลังจากถูกฆ่าในพิธีบูชา และบางครั้งได้รับการส่งเสริมให้ไปมีร่างชีวิตมนุษย์ทันที แต่มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันในหมู่นักปราชญ์ บ้างกล่าวว่าการฆ่าสัตว์ควรหลีกเลี่ยงเสมอ และบ้างก็กล่าวว่าเป็นสิ่งดีหากทำไปเพื่อพิธีบูชา ความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับกิจกรรมพิธีบูชาทั้งหมดนี้ บัดนี้ องค์ภควานเองจะทรงทำให้กระจ่างขึ้น
นิชชะยัม ชริณุ เม ทะทระ
ทยาเก บฺะระทะ-สัททะมะฺ
ทยาโก ฮิ พุรุชะ-วิยากฮระ
ทริ-วิดฺะฮ สัมพระคีรทิทะฮฺ
นิชชะยัมฺ - แน่นอน, ชริณฺุ - สดับฟัง, เมฺ - จากข้า, ทะทระฺ - ณ ที่นี้, ทยาเกฺ - ในเรื่องของการเสียสละ, บฺะระทะ-สัท-ทะมะฺ - โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมแห่งราชวงศ์บฺาระทะ, ทยากะฮฺ - การเสียสละ, ฮิฺ - แน่นอน, พุรุชะ-วิยากฺระฺ - โอ้ เสือในหมู่มนุษย์, ทริ-วิดฺะฮฺ - ของสามประเภท, สัมพระคีรทิทะฮฺ - ประกาศ
คำแปลฺ
โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่บฺาระทะ บัดนี้จงฟังคำตัดสินของข้าเกี่ยวกับการเสียสละ โอ้ เสือในหมู่มนุษย์ ในพระคัมภีร์ได้กล่าวว่าการเสียสละมีอยู่สามประเภท
คำอธิบายฺ
ถึงแม้มีความคิดเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการเสียสละ ณ ที่นี้ ชรี คริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงให้คำตัดสินซึ่งควรถือว่าเป็นคำตัดสินสุดท้าย อันที่จริงคัมภีร์พระเวทเป็นกฎหมายที่องค์ภควานทรงเป็นผู้ให้ บัดนี้ทรงปรากฏด้วยพระองค์เองและคำดำรัสขององค์ชรีคริชณะถือว่าเป็นข้อยุติ พระองค์ตรัสว่าวิธีการเสียสละควรพิจารณาในความสัมพันธ์กับสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุที่ปฏิบัติกันอยู่
ยะกยะ-ดานะ-ทะพะฮ-คารมะ
นะ ทยาจยัม คารยัม เอวะ ทัทฺ
ยะกโย ดานัม ทะพัช ไชวะ
พาวะนานิ มะนีชิณามฺ
ยะกยะฺ - ของการบูชา, ดานะฺ - การทำงาน, ทะพะฮฺ - และการบำเพ็ญเพียร, คารมะฺ - กิจกรรม, นะฺ - ไม่เคย, ทยาจยัมฺ - ยกเลิก, คารยัมฺ - ต้องการทำ, เอวะฺ - แน่นอน, ทัทฺ - นั้น, ยะกยะฮฺ - การบูชา, ดานัมฺ - การให้ทาน, ทะพะฮฺ - การบำเพ็ญเพียร, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, พวะนานิฺ - บริสุทธิ์, มะนีชิณามฺ - แม้แต่ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่
คำแปลฺ
การปฏิบัติพิธีบูชา การให้ทาน และการบำเพ็ญเพียร ไม่ควรยกเลิก ต้องปฏิบัติต่อไป แน่นอนว่าพิธีบูชา การให้ทาน และการบำเพ็ญเพียรทำให้บริสุทธิ์ขึ้นแม้แต่ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่
คำอธิบายฺ
โยคีควรปฏิบัติตนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองของสังคมมนุษย์ มีวิธีการเพื่อความบริสุทธิ์มากมายที่ทำให้มนุษย์เจริญรุ่งเรืองในชีวิตทิพย์ ตัวอย่างเช่น พิธีแต่งงานพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในพิธีบูชา เรียกว่า วิวาฮะ-ยะกยะ, สันนยาสีฺ ผู้มีชีวิตสละโลกซึ่งยกเลิกความสัมพันธ์กับทางครอบครัวแล้ว ควรสนับสนุนพิธีแต่งงานนี้หรือไม่? องค์ภควานตรัส ณ ที่นี้ว่า พิธีบูชาใด ๆ ที่หมายไว้เพื่อสวัสดิการแห่งมนุษยชาติไม่ควรยกเลิก วิวาฮะ-ยะกยะฺ เป็นพิธีแต่งงานหมายไว้เพื่อประมาณจิตใจทำให้มนุษย์มีความสงบเพื่อความเจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์ สำหรับผู้ชายส่วนใหญ่ได้รับการสนับสนุนพิธี วิวาฮะ- ยะกยะฺ แม้ผู้สละโลกแล้วก็ควรให้การสนับสนุน สันนยาสีฺ ไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกับผู้หญิงแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้ที่อยู่ในระดับชีวิตที่ต่ำกว่า เช่น ชายหนุ่มควรถูกห้ามไม่ให้เข้าพิธีแต่งงานเพื่อมีภรรยา พิธีบูชาที่กำหนดไว้ทั้งหมดหมายไว้เพื่อบรรลุถึงองค์ภควานดังนั้น ในระดับที่ต่ำกว่าเราไม่ควรยกเลิกพิธีบูชา ในทำนองเดียวกัน การให้ทานก็เพื่อความบริสุทธิ์ของจิตใจ หากทำทานให้แก่บุคคลที่เหมาะสม จะทำให้เราก้าวหน้าในชีวิตทิพย์ ดังที่ได้อธิบายไว้แล้ว
เอทานิ อพิ ทุ คารมาณิ
สังกัม ทยัคทวา พฺะลานิ ชะฺ
คารทัพยานีทิ เม พารทฺะ
นิชชิทัม มะทัม อุททะมัมฺ
เอทานิฺ - ทั้งหมดนี้, อพิฺ - แน่นอน, ทฺุ - แต่, คารมาณิฺ - กิจกรรม, สังกัมฺ - คบหา, ทยัคทวาฺ - เสียสละ, พฺะลานิฺ - ผล, ชะฺ - เช่นกัน, คารทัพยานิฺ - ควรทำไปตามหน้าที่, อิทิฺ - ดังนั้น, เมฺ - ของข้า, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, นิชชิทัมฺ - แน่นอน, มะทัมฺ - ความเห็น, อุททะ มัมฺ - ดีที่สุด
คำแปลฺ
กิจกรรมทั้งหลายเหล่านี้ควรปฏิบัติโดยปราศจากความยึดติดหรือหวังผลประโยชน์ใด ๆ และควรปฏิบัติไปในฐานะที่เป็นหน้าที่ โอ้ โอรสพระนางพริทฺา นั่นคือความเห็นสุดท้ายของข้า
คำอธิบายฺ
ถึงแม้ว่าพิธีบูชาทั้งหลายจะทำให้บริสุทธิ์ เราไม่ควรคาดหวังผลประโยชน์ใด ๆจากการกระทำพิธีเหล่านี้ อีกนัยหนึ่ง พิธีบูชาทั้งหมดที่หมายไว้เพื่อความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทางวัตถุควรยกเลิก แต่พิธีบูชาที่ทำให้ความเป็นอยู่ของตนบริสุทธิ์ขึ้นและพัฒนาไปสู่ระดับทิพย์ไม่ควรยกเลิก ทุกสิ่งทุกอย่างที่นำมาสู่คริชณะจิตสำนึกต้องสนับสนุน ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ กล่าวไว้เช่นกันว่า กิจกรรมใดที่นำมาสู่การอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานควรรับไว้ นั่นคือบรรทัดฐานแห่งศาสนาที่สูงสุด สาวกขององค์ภควานควรยอมรับงาน พิธีบูชา หรือการให้ทาน ทุกชนิดที่จะช่วยตนเองในการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์
นิยะทัสยะ ทุ สันนยาสะฮ
คารมะโณ โนพะพัดยะเทฺ
โมฮาท ทัสยะ พะริทยากัส
ทามะสะฮ พะริคีรทิทะฮฺ
นิยะทัสยะฺ - กำหนดไว้, ทฺุ - แต่, สันนยาสะฮฺ - การเสียสละ, คารมะณะฮฺ - ของกิจกรรม, นะฺ - ไม่เคย, อุพะพัดยะเทฺ - ควรได้, โมฮาทฺ - ด้วยความหลง, ทัสยะฺ - ของพวกเขา, พะริ ทยากะฮฺ - เสียสละ, ทามะสะฮฺ - ในระดับอวิชชา, พะริคีรทิทะฮฺ - ประกาศ
คำแปลฺ
หน้าที่ที่กำหนดไว้ไม่ควรยกเลิก หากยกเลิกหน้าที่ที่กำหนดไว้เนื่องจากความหลง การเสียสละเช่นนี้กล่าวว่าอยู่ในระดับอวิชชา
คำอธิบายฺ
งานเพื่อความพึงพอใจทางวัตถุต้องยกเลิก แต่กิจกรรมที่ส่งเสริมให้ไปสู่กิจกรรมทิพย์ เช่น การปรุงอาหารเพื่อถวายแด่องค์ภควานและการรับประทานอาหารเหล่านี้ได้แนะนำให้ปฏิบัติ ได้กล่าวไว้ว่า บุคคลในระดับชีวิตสละโลกไม่ควรปรุงอาหารเพื่อตนเอง การปรุงอาหารเพื่อตนเองต้องห้าม แต่การปรุงอาหารเพื่อองค์ภควานมิได้ห้าม ในทำนองเดียวกัน สันนยาสีฺ อาจปฏิบัติพิธีแต่งงานเพื่อช่วยให้สาวกของตนเจริญก้าวหน้าในคริชณะจิตสำนึก หากยกเลิกกิจกรรมเหล่านี้เข้าใจได้ว่าเขาปฏิบัติในระดับแห่งความมืด
ดุฮคัฺม อิทิ เอวะ ยัท คารมะ
คายะ-เคลชะ-บฺะยาท ทยะเจทฺ
สะ คริทวา ราจะสัม ทยากัม
ไนวะ ทยากะ-พฺะลัม ละเบฺทฺ
ดุฮคัฺมฺ - ไม่มีความสุข, อิทิฺ - ดังนั้น, เอวะฺ - แน่นอน, ยัทฺ - ซึ่ง, คารมะฺ - งาน, คายะฺ - สำหรับร่างกาย, เคลชะฺ - ปัญหา, บฺะยาทฺ - เนื่องจากความกลัว, ทยะเจทฺ - ยกเลิก, สะฮฺ - เขา, คริทวาฺ - หลังจากกระทำ, ราจะสัมฺ - ในระดับตัณหา, ทยากัมฺ - ความเสียสละ, นะฺ - ไม่, เอวะฺ - แน่นอน, ทยากะฺ - แห่งการเสียสละ, พฺะลัมฺ - ผล, ละเบฺทฺ - อีกครั้ง
คำแปลฺ
ผู้ใดยกเลิกหน้าที่ที่กำหนดไว้ว่าเป็นปัญหา หรือเนื่องจากกลัวความไม่สะดวกทางร่างกาย กล่าวว่าผู้นั้นเสียสละในระดับตัณหา การเสียสละเช่นนี้จะไม่ทำให้เขาพัฒนาขึ้น
คำอธิบายฺ
ผู้อยู่ในคริชณะจิตสำนึกไม่ควรยกเลิกการหาเงิน เนื่องจากกลัวว่าตนเองปฏิบัติกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ การทำงานและใช้เงินในคริชณะจิตสำนึก หรือการตื่นนอนแต่เช้าและเจริญก้าวหน้าในคริชณะจิตสำนึกทิพย์ ไม่ควรยกเลิกอันเนื่องมาจากความกลัว หรือเนื่องจากพิจารณาว่ากิจกรรมเหล่านี้เป็นปัญหา การเสียสละเช่นนี้อยู่ในระดับตัณหา ผลแห่งงานในระดับตัณหาจะเป็นความเศร้าเสมอ หากบุคคลสละงานด้วยความรู้สึกเช่นนั้นจะไม่ได้รับผลแห่งการเสียสละ
คารยัม อิทิ เอวะ ยัท คารมะ
นิยะทัม คริยะเท ่รจุนะฺ
สังกัม ทยัคทวา พฺะลัม ไชวะ
สะ ทยากะฮ สาททวิโค มะทะฮฺ
คารยัมฺ - ต้องกระทำ, อิทิฺ - ดังนั้น, เอวะฺ - แน่นอน, ยัทฺ - ซึ่ง, คารมะฺ - งาน, นิยะทัมฺ - กำหนด, คริยะเทฺ - ปฏิบัติ, อารจุนะฺ - โอ้ อารจุนะ, สังกัมฺ - คบหา, ทยัคทวาฺ - ยกเลิก, พฺะลัมฺ - ผล, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, สะฮฺ - นั้น, ทยากะฮฺ - การเสียสละ, สาททวิคะฮฺ - ในระดับความดี, มะทะฮฺ - ในความเห็นของข้า
คำแปลฺ
โอ้ อารจุนะ เมื่อเขาปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้เนื่องจากเพียงเห็นว่าควรจะทำเท่านั้น โดยสละการคบหาสมาคมทางวัตถุและการยึดติดต่อผลทั้งหมด การเสียสละเช่นนี้อยู่ในระดับความดี
คำอธิบายฺ
หน้าที่ที่กำหนดไว้ต้องกระทำด้วยแนวคิดเช่นนี้ เราควรปฏิบัติโดยไม่ยึดติดต่อผลของงาน และไม่ควรสัมพันธ์กับระดับต่าง ๆ ของงาน บุคคลที่ทำงานด้วยคริชณะจิตสำนึกในโรงงานมิได้สัมพันธ์ตนเองกับงานที่โรงงาน หรือกับพนักงานอื่น ๆ ในโรงงานเขาเพียงแต่ทำงานเพื่อคริชณะ และเมื่อยกผลงานให้คริชณะการปฏิบัติเช่นนี้เป็นทิพย์
นะ ดเวชทิ อคุชะลัม คารมะ
คุชะเล นานุชัจจะเทฺ
ทยากี สัททวะ-สะมาวิชโท
เมดฺาวี ชิฺนนะ-สัมชะยะฮฺ
นะฺ - ไม่เคย, ดเวชทิฺ - เกลียด, อคุชะลัมฺ - ไม่เป็นมงคล, คารมะฺ - งาน, คุชะเลฺ - มงคล, นะฺ - ไม่, อนุชัจจะเทฺ - ยึดติด, ทยากีฺ - ผู้เสียสละ, สัททวะฺ - ในความดี, สะมาวิชทะฮฺ - ซึมซาบ, เมดฺาวีฺ - ปัญญา, ชิฺนนะฺ - ตัดออก, สัมชะยะฮฺ - ความสงสัยทั้งหมด
คำแปลฺ
ผู้เสียสละที่มีปัญญาสถิตในระดับความดี จะไม่เกลียดงานอัปมงคล หรือยึดติดกับงานมงคล และจะไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับงาน
คำอธิบายฺ
บุคคลในคริชณะจิตสำนึกหรือในระดับความดี ไม่เกลียดผู้ใดหรือสิ่งใดที่สร้างปัญหาให้ร่างกายของตน เขาทำงานในสถานที่และเวลาที่เหมาะสมโดยไม่กลัวต่อปัญหาที่จะมากระทบต่อหน้าที่ บุคคลผู้สถิตในระดับทิพย์เช่นนี้ควรเข้าใจว่ามีปัญญาสูงสุดอยู่เหนือความสงสัยในกิจกรรมทั้งปวง
นะ ฮิ เดฮะ-บฺริทา ชัคยัม
ทยัคทุม คารมานิ อเชชะทะฮฺ
ยัส ทุ คารมะ-พะละ-ทยากี
สะ ทยากีทิ อบิฺดีฺยะเทฺ
นะฺ - ไม่เคย, ฮิฺ - แน่นอน, เดฮะ-บฺริทาฺ - โดยร่างกาย, ชัคยัมฺ - เป็นไปได้, ทยัคทุมฺ - เสียสละ, คารมาณิฺ - กิจกรรม, อเชชะทะฮฺ - ทั้งหมด, ยะฮฺ - ผู้ใดซึ่ง, ทฺุ - แต่, คารมะฺ - ของงาน, พฺะละฺ - ของผล, ทยากีฺ - ผู้เสียสละ, สะฮฺ - เขา, ทยากีฺ - ผู้เสียสละ, อิทิฺ - ดังนั้น, อบิฺดีฺยะเทฺ - กล่าวว่า
คำแปลฺ
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับสิ่งมีชีวิตผู้อยู่ในร่างกายที่จะยกเลิกกิจกรรมทั้งหมด แต่ผู้สละผลของกิจกรรมได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียสละที่แท้จริง
คำอธิบายฺ
ได้กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตาฺ ว่าเราไม่สามารถยกเลิกงานไม่ว่าในขณะใด ดังนั้นผู้ทำงานให้คริชณะและไม่รื่นเริงกับผลทางวัตถุ ถวายทุกสิ่งทุกอย่างแด่คริชณะเป็นผู้เสียสละที่แท้จริง มีสมาชิกของสมาคมนานาชาติเพื่อคริชณะจิตสำนึกมากมายที่ทำงานหนักมากในสำนักงาน ในโรงงาน หรือในสถานที่อื่น ๆ เงินที่ได้มาพวกนี้ถวายแก่สมาคมดวงวิญญาณผู้เจริญเหล่านี้เป็น สันนยาสีฺ และสถิตในชีวิตสละโลกที่แท้จริง ได้กล่าวโดยย่ออย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่า เราควรจะสละผลของงานอย่างไร และสละผลเพื่อจุดมุ่งหมายอันใด
อนิชทัม อีชทัม มิชรัม ชะ
ทริ-วิดัฺม คารมะณะฮ พฺะลัมฺ
บฺะวะทิ อัทยากินาม เพรทยะ
นะ ทุ สันนยาสินาม ควะชิทฺ
อนิชทัมฺ - นำไปสู่นรก, อิชทัมฺ - นำไปสู่สวรรค์, มิชรัมฺ - ผสม, ชะฺ - และ, ทริ-วิดัฺมฺ - ของสามประเภท, คารมะณะฮฺ - ของงาน, พฺะลัมฺ - ผล, บฺะวะทิฺ - มา, อัทยากินามฺ - ของพวกที่ไม่เสียสละ, เพรทยะฺ - หลังจากตายไป, นะฺ - ไม่, ทฺุ - แต่, สันนยาสินามฺ - สำหรับพวกสละโลก, ควะชิทฺ - ทุกขณะ
คำแปลฺ
สำหรับผู้ไม่เสียสละผลทั้งสามแห่งกิจกรรม เช่น สิ่งที่ปรารถนา สิ่งที่ไม่ปรารถนาและที่ผสมกัน ผลจะเพิ่มพูนขึ้นหลังจากตายไป แต่พวกที่อยู่ในชีวิตสละโลกไม่มีผลที่จะเศร้าโศกหรือรื่นเริงเช่นนี้
คำอธิบายฺ
บุคคลในคริชณะจิตสำนึกปฏิบัติในความรู้แห่งความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับคริชณะเป็นผู้หลุดพ้นเสมอ ดังนั้น เขาไม่ต้องรื่นเริงหรือเศร้าโศกกับผลจากการกระทำของตนเองหลังจากตายไป
พันไชทานิ มะฮา-บาโฮ
คาระณานิ นิโบดฺะ เมฺ
สางคฺเย คริทานเท โพรคทานิ
สิดดฺะเย สารวะ-คารมะณามฺ
พานชะฺ - ห้า, เอทานิฺ - เหล่านี้, มะฮา-บาโฮฺ - โอ้ นักรบผู้ยอดเยี่ยม, คาระณานิฺ - สาเหตุ, นิโบดฺะฺ - เพียงเข้าใจ, เมฺ - จากข้า, สางคฺเยฺ - ในเวดานธะ, คริทะฺ - อันเทฺ - ในบทสรุป, โพร คทานิฺ - กล่าว, สิดดฺะเยฺ - เพื่อความสมบูรณ์, สารวะฺ - ของทั้งหมด, คารมะณามฺ - กิจกรรม
คำแปลฺ
โอ้ อารจุนะนักรบผู้ยอดเยี่ยม ตามเวดานธะ มีเหตุห้าประการเพื่อความสำเร็จในการกระทำทั้งหมด บัดนี้จงเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากข้า
คำอธิบายฺ
อาจมีคำถามว่า เนื่องจากไม่ว่ากิจกรรมใดที่กระทำไปต้องมีผลกรรมบางอย่างแล้วบุคคลในคริชณะจิตสำนึกจะไม่รับทุกข์หรือรื่นเริงกับผลของงานได้อย่างไร? องค์ภควานทรงอ้างปรัชญาเวดานธะเพื่อแสดงให้เห็นว่ามันเป็นไปได้อย่างไร พระองค์ตรัสว่ามีสาเหตุห้าประการสำหรับกิจกรรมทั้งหลาย และเพื่อความสำเร็จในกิจกรรมทั้งปวงเราควรพิจารณาสาเหตุทั้งห้านี้ สางคฺยะฺ หมายถึงแกนแห่งความรู้ และ เวดานธะฺ คือแกนสุดท้ายแห่งความรู้ที่ อาชารยะฺ ผู้นำทั้งหลายยอมรับ แม้แต่ ชังคะระฺ ยังยอมรับ เวดานธะ-สูทระฺ เช่นเดียวกันนี้ ฉะนั้น เราควรปรึกษาผู้น่าเชื่อถือได้ประเภทนี้
การควบคุมขั้นสุดท้ายอยู่ที่องค์อภิวิญญาณ ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตาฺว่า สารวัสยะ ชาฮัม ฮริดิ สันนิวิชทะฮฺ พระองค์ทรงให้ทุกคนทำกิจกรรมบางอย่างด้วยการเตือนถึงกรรมในอดีต การปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกกระทำไปภายใต้การชี้นำขององค์ภควานจากภายใน และจะไม่มีผลกรรม ไม่ว่าในชาตินี้หรือในชาติต่อ ๆ ไป
อดิฺชทฺานัม ทะทฺา คารทา
คะระณัม ชะ พริทัฺก-วิดัฺมฺ
วิวิดาช ชะ พริท้ค เชชทา
ไดวัม ไชวาทระ พันชะมัมฺ
อดิฺชทฺานัมฺ - สถานที่, ทะทฺาฺ - เช่นกัน, คารทาฺ - ผู้ทำงาน, คะระณัมฺ - เครื่องมือ, ชะฺ - และ, พริทัฺคฺ - วิดัฺมฺ - ของสิ่งต่าง ๆ, วิวิดฺาฮฺ - ต่าง ๆ, ชะฺ - และ, พริทัฺคฺ - แยกออก, เชชทาฮฺ - ความพยายาม, ไดวัมฺ - องค์ภควาน, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, อทระฺ - ที่นี่, พันชะมัมฺ - ที่ห้า
คำแปลฺ
สถานที่แห่งกิจกรรม (ร่างกาย) ผู้กระทำ ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ความพยายามอันมากมาย และในที่สุดองค์อภิวิญญาณ เหล่านี้คือปัจจัยทั้งห้าของกิจกรรม
คำอธิบายฺ
คำว่าอดิฺชทฺานัมฺ หมายถึงร่างกาย ดวงวิญญาณภายในร่างกายปฏิบัติเพื่อนำผลแห่งกิจกรรมมา ดังนั้น จึงเรียกว่า คารทาฺ “ผู้กระทำ” ดวงวิญญาณเป็นผู้รู้และผู้กระทำได้กล่าวไว้ใน ชรุทิฺ ว่า เอชะ ฮิ ดรัชทา สรัชทาฺ (พรัชนะ อุพะนิชัด 4.9ฺ ) ได้ยืนยันไว้ใน เวดานธะ-สูทระฺ เช่นกัน ด้วยโศลก กโย ่ทะ เอวะฺ (2.3.18 ) และ คารทา ชาสทราทฺะวัททวาทฺ (2.3.33 ) เครื่องมือของกิจกรรมคือประสาทสัมผัสต่าง ๆ และจากประสาทสัมผัสดวงวิญญาณปฏิบัติในวิธีต่าง ๆ นานา แต่ละกิจกรรมมีความพยายามที่แตกต่างกัน แต่กิจกรรมทั้งหมดขึ้นอยู่กับความปรารถนาขององค์อภิวิญญาณผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจในฐานะที่เป็นสหาย องค์ภควานทรงเป็นสาเหตุสูงสุดภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ ผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกภายใต้การชี้นำขององค์อภิวิญญาณผู้ทรงสถิตภายในหัวใจ โดยธรรมชาติจะไม่ถูกพันธนาการด้วยกิจกรรมใด ๆ พวกที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ ในที่สุดจะไม่รับผิดชอบต่อกิจกรรมของตนเอง ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับความปรารถนาสูงสุดขององค์อภิวิญญาณบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า
ชะรีระ-วาง-มะโนบิฺร ยัท
คารมะ พราระบฺะเท นะระฮฺ
นยายยัม วา วิพะรีทัม วา
พันไชเท ทัสยะ เฮทะวะฮฺ
ชะรีระฺ - โดยร่างกาย, วาคฺ - การพูด, มะโนบิฺฮฺ - และจิตใจ, ยัทฺ - ซึ่ง, คารมะฺ - งาน, พราระบฺะเทฺ - เริ่ม, นะระฮฺ - บุคคล, นยายยัมฺ - ถูกต้อง, วาฺ - หรือ, วิพะรีทัมฺ - ตรงกันข้าม, วาฺ - หรือ, พันชะฺ - ห้า, เอเทฺ - ทั้งหมดนี้, ทัสยะฺ - ของมัน, เฮทะวะฮฺ - สาเหตุ
คำแปลฺ
กิจกรรมไม่ว่าถูกหรือผิดที่มนุษย์ปฏิบัติด้วยร่างกาย จิตใจ หรือคำพูด ปัจจัยทั้งห้านี้เป็นต้นเหตุ
คำอธิบายฺ
คำว่า “ถูก” และ “ผิด” มีความสำคัญมากในโศลกนี้ งานที่ถูกต้องคืองานที่กระทำไปตามคำชี้นำที่กำหนดไว้ในพระคัมภีร์ และงานที่ผิดคืองานที่กระทำโดยละเมิดหลักธรรมคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ แต่สิ่งใดที่กระทำไปจำเป็นต้องมีปัจจัยทั้งห้านี้เพื่อการปฏิบัติที่สมบูรณ์
ทะไทรวัม สะทิ คารทารัม
อาทมานัม เควะลัม ทุ ยะฮฺ
พัชยะทิ อคริทะ-บุดดิฺทวาน
นะ สะ พัชยะทิ ดุรมะทิฮฺ
ทะทระฺ - ที่นั่น, เอวัมฺ - ดังนั้น, สะทิฺ - เป็น, คารทารัมฺ - ผู้ปฏิบัติงาน, อาทมานัมฺ - ตัวเขา, เควะลัมฺ - เท่านั้น, ทฺุ - แต่, ยะฮฺ - ผู้ใดซึ่ง, พัชยะทิฺ - เห็น, อคริทะ-บุดดิฺทวาทฺ - เนื่องจากไม่มีปัญญา, นะฺ - ไม่เคย, สะฮฺ - เขา, พัชยะทิฺ - เห็น, ดุรมะทิฮฺ - โง่
คำแปลฺ
ดังนั้น ผู้ที่คิดว่าตนเองเท่านั้นเป็นผู้กระทำ โดยไม่พิจารณาถึงปัจจัยทั้งห้าแน่นอนว่าไม่มีปัญญา และไม่สามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง
คำอธิบายฺ
คนโง่ไม่สามารถเข้าใจว่าองค์อภิวิญญาณทรงประทับในฐานะเป็นสหายอยู่ภายในและทรงดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ของเขา ถึงแม้จะมีสาเหตุทางวัตถุ เช่น สถานที่ ผู้ปฏิบัติ ความพยายาม และประสาทสัมผัส แต่สาเหตุสุดท้ายคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ฉะนั้น เราไม่ควรเพียงแต่เห็นสาเหตุสี่ประการทางวัตถุเท่านั้น แต่ควรเห็นสาเหตุที่มีศักยภาพสูงสุดด้วย ผู้ที่ไม่เห็นองค์ภควานคิดว่าตนเองเป็นผู้กระทำ
ยัสยะ นาฮังคริโท บฺาโว
บุดดิฺร ยัสยะ นะ ลิพยะเทฺ
ฮัทวาพิ สะ อิมาล โลคาน
นะ ฮันทิ นะ นิบัดฮยะเทฺ
ยัสยะฺ - ผู้ซึ่ง, นะฺ - ไม่เคย, อฮังคริทะฮฺ - ของอหังการ, บฺาวะฮฺ - ธรรมชาติ, บุดดิฺฮฺ - ปัญญา, ยัสยะฺ - ผู้ซึ่ง, นะฺ - ไม่เคย, ลิพยะเทฺ - ยึดติด, ฮัทวาฺ - สังหาร, อพิฺ - แม้, สะฮฺ - เขา, อิมานฺ - นี้, โลคานฺ - โลก, นะฺ - ไม่เคย, ฮันทิฺ - สังหาร, นะฺ - ไม่เคย, นิบัดฮยะเทฺ - ถูกพันธนาการ
คำแปลฺ
ผู้ที่ไม่ถูกกระตุ้นด้วยอหังการ ผู้ที่ปัญญาไม่ถูกพันธนาการ ถึงแม้สังหารมนุษย์ในโลกนี้ เขามิได้สังหาร และจะไม่ถูกพันธนาการด้วยกิจกรรมของตนเอง
คำอธิบายฺ
โศลกนี้องค์ภควานทรงให้ข้อมูลแก่อารจุนะว่าความปรารถนาที่จะไม่สู้รบเกิดจากอหังการ อารจุนะทรงคิดว่าตนเองเป็นผู้กระทำกิจกรรม แต่มิได้พิจารณาถึงการอนุมัติสูงสุดทั้งภายในและภายนอก หากไม่รู้ว่ามีการอนุมัติสูงสุดแล้วอารจุนะจะทรงปฏิบัติไปทำไม? แต่ผู้ที่รู้เครื่องมือของงาน ตัวเขาเป็นผู้ทำงาน และองค์ภควานทรงเป็นผู้อนุมัติสูงสุด เป็นผู้ที่สมบูรณ์ในการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง บุคคลเช่นนี้ไม่อยู่ในความหลง กิจกรรมส่วนตัวและความรับผิดชอบเกิดขึ้นจากอหังการและความไม่มีธรรมะหรือขาดคริชณะจิตสำนึก ผู้ใดที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกภายใต้การชี้นำขององค์อภิวิญญาณหรือองค์ภควาน ถึงแม้ว่ากำลังสังหารเขามิได้สังหารและจะไม่ได้รับผลกรรมจากการสังหารเช่นนี้ เมื่อทหารปฏิบัติการภายใต้คำสั่งของผู้บังคับบัญชาจะไม่ถูกจับขึ้นศาล หากทหารสังหารด้วยเหตุผลส่วนตัว แน่นอนว่าจะต้องถูกศาลตัดสินลงโทษ
กยานัม กเยยัม พะริกยาทา
ทริ-วิดฺา คารมะ-โชดะนาฺ
คะระณัม คารมะ คารเททิ
ทริ-วิดฺะฮ คารมะ-สังกระฮะฮฺ
กยานัมฺ - ความรู้, กเยยัมฺ - จุดมุ่งหมายของความรู้, พะริกยาทาฺ - ผู้รู้, ทริ-วิดฺาฺ - สามประเภท, คารมะฺ - ของงาน, โชดะนาฺ - แรงกระตุ้น, คะระณัมฺ - ประสาทสัมผัสต่าง ๆ, คารมะฺ - งาน, คารทาฺ - ผู้กระทำ, อิทิฺ - ดังนั้น, ทริ-วิดฺะฮฺ - สามประเภท, คารมะฺ - ของงาน, สังกระฮะฮฺ - การสะสม
คำแปลฺ
ความรู้ จุดมุ่งหมายของความรู้ และผู้รู้ คือสามปัจจัยที่กระตุ้นการกระทำประสาทสัมผัสต่าง ๆ งาน และผู้กระทำ คือส่วนประกอบทั้งสามของการกระทำ
คำอธิบายฺ
มีแรงกระตุ้นสามอย่างสำหรับงานประจำวันคือ ความรู้ จุดมุ่งหมายของความรู้ และผู้รู้ เครื่องมือของงาน ตัวงานเอง และผู้ทำงาน เรียกว่าส่วนประกอบของงาน งานใด ๆ ที่มนุษย์กระทำจะมีส่วนประกอบเหล่านี้ ก่อนลงมือกระทำจะมีแรงกระตุ้นบางอย่าง เรียกว่าแรงดลใจ ผลลัพธ์ใด ๆ ที่ได้รับก่อนที่งานจะสำเร็จเสร็จสิ้นเป็นรูปแบบที่ละเอียดอ่อนของงาน จากนั้นงานดำเนินไปในรูปของการลงมือทำ ก่อนอื่นเขาต้องผ่านวิธีการทางจิตวิทยาเช่น ความคิด ความรู้สึก ความยินดีเต็มใจ เช่นนี้เรียกว่าแรงกระตุ้น แรงดลใจในการทำงานนั้นเหมือนกันหากมาจากคัมภีร์หรือจากคำสั่งสอนของพระอาจารย์ทิพย์ เมื่อมีแรงดลใจและมีผู้ปฏิบัติงานกิจกรรมจริงจะเกิดขึ้นด้วยการช่วยเหลือของประสาทสัมผัสต่าง ๆ รวมทั้งจิตใจซึ่งเป็นศูนย์กลางของประสาทสัมผัสทั้งหมด เมื่อส่วนประกอบของกิจกรรมทั้งหมดรวมกันเข้าเรียกว่าการสะสมของงาน
กยานัม คารมะ ชะ คารทา ชะ
ทริไดฺวะ กุณะ-เบฺดะทะฮฺ
โพรชยะเท กุณะ-สังคฺยาเน
ยะทฺาวัช ชฺริณุ ทานิ อพิฺ
กยานัมฺ - ความรู้, คารมะฺ - งาน, ชะฺ - เช่นกัน, คารทาฺ - ผู้ปฏิบัติงาน, ชะฺ - เช่นกัน, ทริดฺาฺ - สามประเภท, เอวะฺ - แน่นอน, กุณะ-เบฺดะทะฮฺ - ตามระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติวัตถุ, โพรชยะเทฺ - กล่าวว่า, กุณะ-สังคฺยาเนฺ - ตามระดับต่าง ๆ, ยะทฺา-วัทฺ - ตามที่พวกเขาเป็น, ชริณฺุ - สดับฟัง, ทานิฺ - ทั้งหมด, อพิฺ - เช่นกัน
คำแปลฺ
ตามสามระดับที่แตกต่างกันของธรรมชาติวัตถุ มีความรู้ การกระทำ และผู้ปฏิบัติการสามประเภท บัดนี้จงฟังสิ่งเหล่านี้จากข้า
คำอธิบายฺ
บทที่สิบสี่ กล่าวถึงการแบ่งระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติวัตถุ ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดว่า ระดับความดีส่องแสงสว่าง ระดับตัณหาเป็นวัตถุนิยม และระดับอวิชชานำมาซึ่งความเกียจคร้านและอยู่นิ่งเฉย ระดับทั้งหมดของธรรมชาติวัตถุผูกมัดเรา ไม่ใช่แหล่งกำเนิดแห่งความหลุดพ้น แม้ในระดับความดีก็ยังอยู่ในพันธสภาวะ บทที่สิบเจ็ดได้อธิบายถึงการบูชาต่าง ๆ ของมนุษย์ที่ไม่เหมือนกัน ตามระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติวัตถุ โศลกนี้องค์ภควานตรัสว่า พระองค์ทรงปรารถนาจะตรัสเกี่ยวกับความรู้ต่าง ๆ ผู้ปฏิบัติงาน และตัวของงานเอง ตามสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ
สารวะ-บํูเทชุ เยไนคัม
บฺาวัม อัพยะยัม อีคชะเทฺ
อวิบัฺคทัม วิบัฺคเทชุ
ทัจ กยานัม วิดดิฺ สาททวิคัมฺ
สารวะ-บํูเทชฺุ - ในมวลชีวิต, เยนะฺ - ซึ่ง, เอคัมฺ - หนึ่ง, บาวัมฺ - สถิต, อัพยะยัมฺ - ไม่สูญสิ้น, อีคชะเทฺ - เขาเห็น, อวิบัฺคทัมฺ - ไม่แบ่งแยก, วิบัฺคเทชฺุ - แบ่งออกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน, ทัทฺ - นั้น, กยานัมฺ - ความรู้, วิดดิฺฺ - รู้, สาททวิคัมฺ - ในระดับความดี
คำแปลฺ
ความรู้ที่ทำให้เห็นธรรมชาติทิพย์ซึ่งไม่มีการแบ่งแยกในมวลชีวิต ถึงแม้ว่าพวกเขาแบ่งออกเป็นรูปลักษณ์นับจำนวนไม่ถ้วน เธอควรเข้าใจว่าอยู่ในระดับความดี
คำอธิบายฺ
บุคคลที่เห็นดวงวิญญาณในทุก ๆ ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเทวดา มนุษย์ สัตว์ นกสัตว์เดรัจฉาน สัตว์น้ำ หรือต้นไม้ เป็นผู้ที่มีความรู้ในระดับความดี ในมวลชีวิตมีหนึ่งดวงวิญญาณ ถึงแม้ว่ามีร่างกายที่แตกต่างกันตามกรรมในอดีต ดังที่ได้อธิบายไว้ในบทที่สิบเจ็ด ปรากฏการณ์ของพลังชีวิตในทุกร่างเนื่องมาจากธรรมชาติที่สูงกว่าของภควานดังนั้น จึงเห็นธรรมชาติที่สูงกว่า การเห็นพลังชีวิตในทุกร่างคือการเห็นในระดับความดี พลังชีวิตไม่มีวันสูญสลาย ถึงแม้ว่าร่างกายแตกสลาย ข้อแตกต่างสำเหนียกเห็นทางร่างกาย เพราะว่ามีรูปลักษณ์มากมายในความเป็นอยู่ทางวัตถุของพันธชีวิต พลังชีวิตดูเหมือนแบ่งแยก ความรู้ที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์เช่นนี้เป็นส่วนหนึ่งของความรู้แจ้งแห่งตน
พริทัฺคทเวนะ ทุ ยัจ กยานัม
นานา-บฺาวาน พริทัฺก-วิดฺานฺ
เวททิ สารเวชุ บํูเทชุ
ทัจ กยานัม วิดดิฺ ราจะสัมฺ
พริทัฺคทเวนะฺ - เนื่องจากการแบ่งแยก, ทฺุ - แต่, ยัทฺ - ซึ่ง, กยานัมฺ - ความรู้, นานา-บฺาวานฺ - สภาวะอันหลากหลาย, พริทัฺค-วิดฺานฺ - แตกต่าง, เวททิฺ - รู้, สารเวชฺุ - ในทั้งหมด, บํูเทชฺุ - สิ่งมีชีวิต, ทัทฺ - นั้น, กยานัมฺ - ความรู้, วิดดิฺฺ - ต้องรู้, ราจะสัมฺ - ในระดับตัณหา
คำแปลฺ
ความรู้ที่ทำให้เห็นว่า ในทุก ๆ ร่างกายที่แตกต่างกัน มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนกันเธอควรเข้าใจว่าอยู่ในระดับตัณหา
คำอธิบายฺ
แนวคิดที่ว่าร่างวัตถุคือสิ่งมีชีวิต และเมื่อร่างกายแตกสลายจิตสำนึกก็ถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน เช่นนี้ เป็นความรู้ในระดับตัณหา ตามความรู้นี้ร่างกายต่าง ๆ ไม่เหมือนกันก็เนื่องมาจากการพัฒนาจิตสำนึกที่แตกต่างกัน มิฉะนั้น จะไม่มีดวงวิญญาณที่แยกออกไปซึ่งปรากฏมาเป็นจิตสำนึก ร่างกายเป็นดวงวิญญาณในตัวเอง ไม่มีดวงวิญญาณที่แยกออกไปนอกเหนือจากร่างกาย ตามความรู้นี้จิตสำนึกไม่ถาวร หรือมิฉะนั้นก็ไม่มีปัจเจกวิญญาณ แต่มีหนึ่งดวงวิญญาณที่แผ่กระจายไปทั่ว เปี่ยมไปด้วยความรู้ และร่างกายนี้เป็นปรากฏการณ์ของอวิชชาชั่วคราว หรือนอกเหนือไปจากร่างกายนี้จะไม่มีปัจเจกวิญญาณพิเศษหรือดวงวิญญาณสูงสุด แนวความคิดทั้งหลายเหล่านี้ พิจารณาว่าเป็นผลผลิตของระดับตัณหา
ยัท ทุ คริสนะ-วัด-เอคัสมิน
คารเย สัคทัม อไฮทุคัมฺ
อทัททวารทฺะ-วัด อัลพัม ชะ
ทัท ทามะสัม อุดาฮริทัมฺ
ยัทฺ - นั้น ซึ่ง, ทฺุ - แต่, คริทสนะ-วัทฺ - ประหนึ่งเป็นทั้งหมด, เอคัสมินฺ - ในหนึ่ง, คารเยฺ - งาน, สัคทัมฺ - ยึดติด, อไฮทุคัมฺ - ไม่มีสาเหตุ, อทัททวะ-อารทฺะ-วัทฺ - ปราศจากความรู้แห่งความเป็นจริง, อัลพัมฺ - ขาดแคลนมาก, ชะฺ - และ, ทัทฺ - นั้น, ทามะสัมฺ - ในระดับแห่งความมืด, อุดาฮริทัมฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
และความรู้ที่ทำให้เขายึดติดอยู่กับงานชนิดเดียวว่าเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง ปราศจากความรู้แห่งสัจธรรมซึ่งขาดแคลนมาก กล่าวว่าอยู่ในระดับแห่งความมืด
คำอธิบายฺ
“ความรู้” ของคนธรรมดาสามัญอยู่ในระดับแห่งความมืดหรืออวิชชาเสมอเพราะว่าทุก ๆ ชีวิตอยู่ในพันธสภาวะซึ่งเกิดมาในระดับอวิชชา ผู้ที่ไม่พัฒนาความรู้จากผู้ที่เชื่อถือได้หรือจากคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ มีความรู้ที่จำกัดอยู่กับร่างกาย เขาไม่สนใจเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำแนะนำของพระคัมภีร์ สำหรับบุคคลนี้เงินตราคือพระเจ้า และความรู้หมายถึงความพึงพอใจกับอุปสงค์ทางร่างกาย ความรู้เช่นนี้ไม่มีความสัมพันธ์กับสัจธรรมซึ่งเหมือนกับความรู้ของสัตว์เดรัจฉานธรรมดา เช่น ความรู้ในการกิน การนอน การป้องกันตัว และเพศสัมพันธ์ อธิบาย ณ ที่นี้ว่าความรู้เช่นนี้เป็นผลผลิตของระดับแห่งความมืด อีกนัยหนึ่ง ความรู้เกี่ยวกับจิตวิญญาณเหนือร่างกายนี้เรียกว่าความรู้ในระดับความดี ความรู้ที่ผลิตทฤษฎีและลัทธิมากมายตามตรรกวิทยาทางโลกและการคาดคะเนทางจิตเป็นผลผลิตของระดับตัณหา และความรู้ที่เกี่ยวเนื่องกับการรักษาร่างกายให้สะดวกสบายเท่านั้นกล่าวว่าอยู่ในระดับอวิชชา
นิยะทัม สังกะ-ระฮิทัม
อรากะ-ดเวชะทะฮ คริทัมฺ
อพฺะละ-เพรพสุนา คารมะ
ยัท ทัท สาททวิคัม อุชยะเทฺ
นิยะทัมฺ - ประมาณ, สังกะ-ระฮิทัมฺ - ไม่ยึดติด, อรากะ-ดเวชะทะฮฺ - ไม่รักหรือไม่เกลียด, คริทัมฺ - ทำไป, อพฺะละ-เพรพสุนาฺ - โดยผู้ที่ไม่ปรารถนาผลทางวัตถุ, คารมะฺ - การกระทำ, ยัทฺ - ซึ่ง, ทัทฺ - นั้น, สาททวิคัมฺ - ในระดับความดี, อุชยะเทฺ - เรียกว่า
คำแปลฺ
การกระทำที่มีการประมาณและทำไปโดยไม่ยึดติด ไม่มีความรักหรือความเกลียดชัง และไม่มีความปรารถนาเพื่อผลทางวัตถุ กล่าวว่าอยู่ในระดับความดี
คำอธิบายฺ
หน้าที่ตามอาชีพโดยประมาณ ดังที่กำหนดไว้ในพระคัมภีร์ตามวรรณะและระดับของสังคม ปฏิบัติไปโดยไม่ยึดติดหรือไม่ถือสิทธิ์เป็นเจ้าของ ดังนั้น จึงไม่มีทั้งความรักหรือความเกลียดชัง และปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเพื่อความพึงพอพระทัยขององค์ภควาน โดยปราศจากความพึงพอใจของตนเองหรือสนองความต้องการของตนเอง เช่นนี้เรียกว่าการกระทำในระดับความดี
ยัท ทุ คาเมพสุนา คารมะ
สาฮังคาเรณะ วา พุนะฮฺ
คริยะเท บะฮุลายาสัม
ทัด ราจะสัม อุดาฮริทัมฺ
ยัทฺ - นั้นซึ่ง, ทฺุ - แต่, คามะ-อีพสุนาฺ - โดยผู้ปรารถนาผลทางวัตถุ, คารมะฺ - งาน, สะ- อฮังคาเรณะฺ - ด้วยอหังการ, วาฺ - หรือ, พุนะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง, คริยะเทฺ - ปฏิบัติ, บะฮุละ- อายาสัมฺ - ด้วยการทำงานอย่างหนัก, ทัทฺ - นั้น, ราจะสัมฺ - ในระดับตัณหา, อุดาฮริทัมฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
แต่การกระทำที่ทำไปด้วยความพยายามอันใหญ่หลวงของผู้ปรารถนาที่จะสนองความต้องการของตนเอง และมีอหังการเป็นตัวบงการ เรียกว่าการกระทำในระดับตัณหา
อนุบันดัฺม คชะยัม ฮิมสาม
อนะเพคชยะ ชะ โพรุชัมฺ
โมฮาด อารับฺยะเท คารมะ
ยัท ทัท ทามะสัม อุชยะเทฺ
อนุบันดัฺมฺ - พันธนาการในอนาคต, คชะยัมฺ - การทำลาย, ฮิมสามฺ - และความทุกข์ของผู้อื่น, อนะเพคชยะฺ - โดยไม่พิจารณาถึงผลที่ตามมา, ชะฺ - เช่นกัน, โพรุชัมฺ - ลงโทษตัวเอง, โมฮาทฺ - ด้วยความหลง, อารับฺยะเทฺ - เริ่มต้น, คารมะฺ - งาน, ยัทฺ - ซึ่ง, ทัทฺ - นั้น, ทามะสัมฺ - ในระดับอวิชชา, อุชยะเทฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
การกระทำที่ทำไปในความหลง โดยไม่คำนึงถึงคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ และไม่คำนึงถึงพันธกรณีในอนาคต หรือเป็นการเบียดเบียน หรือสร้างความทุกข์ให้แก่ผู้อื่น กล่าวว่าอยู่ในระดับอวิชชา
คำอธิบายฺ
เราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเราต่อรัฐ หรือต่อผู้แทนขององค์ภควานที่เรียกว่ายมทูต หรือ ยะมะดูทะฺ งานที่ไม่รับผิดชอบเป็นการทำลาย เนื่องจากทำลายหลักธรรมคำสอนของพระคัมภีร์ส่วนมากอยู่บนฐานแห่งการเบียดเบียนและทำให้ชีวิตอื่นต้องได้รับทุกข์ งานที่ไม่รับผิดชอบเช่นนี้ดำเนินไปในแสงแห่งประสบการณ์ส่วนตัวเช่นนี้เรียกว่าความหลง งานในความหลงทั้งหลายเหล่านี้เป็นผลผลิตของระดับอวิชชา
มุคทะ-สังโก ่นะฮัม-วาดี
ดฺริทิ-อุทสาฮะ-สะมันวิทะฮฺ
สิดดิฺ-อสิดดฺโยร นิรวิคาระฮ
คารทา สาททวิคะ อุชยะเทฺ
มุคทะ-สังกะฮฺ - เป็นอิสระจากการคบหาสมาคมทางวัตถุทั้งหมด, อนะฮัม-วาดีฺ - ปราศจากอหังการ, ดฺริทิฺ - ด้วยความมุ่งมั่น, อุทสาฮะฺ - และความกระตือรือร้นอย่างยิ่ง, สะมันวิทะฮฺ - มีคุณสมบัติ, สิดดิฺฺ - ในความสมบูรณ์, อสิดดฺโยฮฺ - และความล้มเหลว, นิรวิคาระฮฺ - ไม่เปลี่ยนแปลง, คารทาฺ - ผู้ทำงาน, สาททวิคะฮฺ - ในระดับความดี, อุชยะเทฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
ผู้ปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ ปราศจากอหังการ ปฏิบัติด้วยความมุ่งมั่นและกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง และไม่หวั่นไหวทั้งในความสำเร็จหรือความล้มเหลว กล่าวว่าเป็นผู้ทำงานในระดับความดี
คำอธิบายฺ
บุคคลในคริชณะจิตสำนึกเป็นทิพย์เหนือระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุเสมอ เขาไม่คาดหวังต่อผลลัพธ์ของงานที่ได้รับมอบหมายให้กระทำ เนื่องจากอยู่เหนืออหังการและความยโส ถึงกระนั้น เขากระตือรือร้นเสมอจนกว่างานนั้นจะเสร็จสมบูรณ์โดยไม่วิตกกังวลต่อความทุกข์ที่ต้องเผชิญ เขายังคงความกระตือรือร้นเสมอ ไม่สนใจกับความสำเร็จหรือล้มเหลว และมีความเสมอภาคทั้งในความทุกข์และความสุข คนทำงานเช่นนี้สถิตในระดับความดี
รากี คารมะ-พฺะละ-เพรพสุร
ลุบโดฺ ฮิมสาทมะโค ่ชุชิฮฺ
ฮารชะ-โชคาวิทะฮ คารทา
ราจะสะฮ พะริคีรทิทะฮฺ
รากีฺ - ยึดติดมาก, คารมะ-พฺะละฺ - ผลของงาน, เพรพสุฮฺ - ความปรารถนา, ลุบดฺะฮฺ - ความโลภ, ฮิมสา-อาทมะคะฮฺ - อิจฉาริษยาเสมอ, อชุชิฮฺ - สกปรก, ฮารชะ-โชคะ-อันวิ ทะฮฺ - อยู่ภายใต้ความรื่นเริงและความเศร้าโศก, คารทาฺ - ผู้ปฏิบัติงานเช่นนี้, ราจะสะฮฺ - ในระดับตัณหา, พะริคีรทิทะฮฺ - ประกาศว่า
คำแปลฺ
ผู้ทำงานที่ยึดติดกับงานและผลของงาน ปรารถนาจะรื่นเริงกับผล มีความโลภอิจฉาริษยาเสมอ ไม่บริสุทธิ์ มีความดีใจและเสียใจเป็นตัวผลักดัน กล่าวว่าอยู่ในระดับตัณหา
คำอธิบายฺ
บุคคลผู้ยึดติดมากต่องานบางชนิดหรือผลของงาน เนื่องจากมีความยึดติดมากกับวัตถุนิยม หรือว่าบ้าน ภรรยา และบุตรธิดา เช่นนี้ไม่มีความปรารถนาจะพัฒนาชีวิตให้สูงขึ้น เขาเพียงแต่สนใจอยู่กับการกระทำให้โลกนี้สะดวกสบายทางวัตถุเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยทั่วไปจะเป็นคนโลภมาก และคิดว่าสิ่งใดที่ได้มาจะอยู่กับตนอย่างถาวรโดยไม่มีวันสูญสลายไป บุคคลเช่นนี้อิจฉาริษยาผู้อื่น และเตรียมพร้อมที่จะทำสิ่งที่ผิดเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตนเอง ดังนั้น จะเป็นคนที่ไม่สะอาด และไม่สนใจว่าเงินที่ได้มานั้นบริสุทธิ์หรือไม่บริสุทธิ์ เขาจะมีความสุขมากหากงานของตนประสบความสำเร็จและจะมีความทุกข์มากหากงานของตนล้มเหลว ผู้ทำงานเช่นนี้อยู่ในระดับตัณหา
อยุคทะฮ พราคริทะฮ สทับดฺะฮ
ชะโทฺ ไนชคริทิโค ่ละสะฮฺ
วิชาดี ดีรกฺะ-สูทรี ชะ
คารทา ทามะสะ อุชยะเทฺ
อยุคทะฮฺ - ไม่อ้างถึงคำสั่งสอนของพระคัมภีร์, พราคริทะฮฺ - นักวัตถุนิยม, สทับดฺะฮฺ - ดื้อรั้น, ชะทฺะฮฺ - หลอกลวง, ไนชคริทิคะฮฺ - ชำนาญในการดูถูกผู้อื่น, อละสะฮฺ - เกียจคร้าน, วิชาดีฺ - อารมณ์เสีย, ดิรกฺะฺ - สูทรีฺ - ผลัดวันประกันพรุ่ง, ชะฺ - เช่นกัน, คารทาฺ - ผู้ทำงาน, ทามะสะฮฺ - ในระดับอวิชชา, อุชยะเทฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
ผู้ทำงานที่ละเมิดคำสั่งสอนของพระคัมภีร์เสมอ เป็นนักวัตถุนิยม ดื้อรั้น ขี้โกงชำนาญในการดูถูกผู้อื่น เกียจคร้าน อารมณ์เสียเสมอ และผัดวันประกันพรุ่งกล่าวว่าเป็นผู้ทำงานในระดับอวิชชา
คำอธิบายฺ
ในคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ เราพบว่างานชนิดใดควรปฏิบัติและงานชนิดใดไม่ควรปฏิบัติ พวกที่ไม่สนใจต่อคำสั่งสอนเหล่านี้ปฏิบัติในงานที่ไม่ควรทำ โดยทั่วไปเป็นนักวัตถุนิยม ทำงานตามระดับแห่งธรรมชาติ ไม่ทำตามคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ ผู้ปฏิบัติงานเหล่านี้ไม่สุภาพและโดยทั่วไปฉลาดแกมโกง และชำนาญในการดูถูกผู้อื่นเสมอ เกียจคร้านมาก ถึงแม้มีงานบางอย่างต้องทำ แต่ทำไม่ดีและจะผัดไว้ทำภายหลังดังนั้น ดูเหมือนว่าจะมีอารมณ์เสียอยู่เสมอ ชอบผัดวันประกันพรุ่ง สิ่งใดสามารถทำให้เสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงก็จะลากทำไปเป็นปี ผู้ปฏิบัติงานเช่นนี้สถิตในระดับอวิชชา
บุดเดฺร เบฺดัม ดฺริเทช ไชวะ
กุณะทัส ทริ-วิดัฺม ชริณฺุ
โพรชยะมานัม อเชเชณะ
พริทัฺคทเวนะ ดฺะนันจะยะฺ
บุดเดฺฮฺ - ของปัญญา, เบฺดัมฺ - แตกต่าง, ดฺริเทฮฺ - ของความสม่ำเสมอ, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, กุณะทะฮฺ - โดยระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุ, ทริ-วิดัฺมฺ - สามประเภท, ชริณฺุ - จงฟัง, โพรชยะมานัมฺ - ข้าจะอธิบาย, อเชเชณะฺ - ในรายละเอียด, พริทัฺคทเวนะฺ - แตกต่าง, ดฺะนันจะยะฺ - โอ้ ผู้ชนะความร่ำรวย
คำแปลฺ
โอ้ ผู้ชนะความร่ำรวย บัดนี้จงฟัง ข้าจะบอกรายละเอียดแก่เธอเกี่ยวกับความเข้าใจและความมุ่งมั่นที่แตกต่างกันตามสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ
คำอธิบายฺ
บัดนี้หลังจากอธิบายเรื่องความรู้ จุดมุ่งหมายของความรู้ และผู้รู้ ในสามระดับตามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ องค์ภควานทรงอธิบายถึงปัญญาและความมุ่งมั่นของผู้ปฏิบัติงานในลักษณะเดียวกัน
พระวริททิม ชะ นิวริททิม ชะ
คารยาคารเย บฺะยาบฺะเยฺ
บันดัฺม โมคชัม ชะ ยา เวททิ
บุดดิฺฮ สา พารทฺะ สารททวิคีฺ
พระวริททิมฺ - กระทำ, ชะฺ - เช่นกัน, นิวริททิมฺ - ไม่ทำ, ชะฺ - และ, คารยะฺ - อะไรควรทำ, อคารเยฺ - และอะไรไม่ควรทำ, บฺะยะฺ - ความกลัว, อบฺะเยฺ - และความไม่กลัว, บันดัฺมฺ - พันธะ, โมคชัมฺ - ความอิสระ, ชะฺ - และ, ยาฺ - นั้นซึ่ง, เวททิฺ - รู้, บุดดิฺฮฺ - เข้าใจ, สาฺ - นั้น, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, สาททวิคีฺ - ในระดับความดี
คำแปลฺ
โอ้ โอรสพระนางพริทฺา ความเข้าใจที่รู้ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ อะไรควรกลัวและอะไรไม่ควรกลัว อะไรที่ผูกมัดและอะไรที่เป็นอิสระ อยู่ในระดับความดี
คำอธิบายฺ
การกระทำตามคำชี้นำของพระคัมภีร์เรียกว่าพระวริททิฺ หรือทำในสิ่งที่ควรและไม่ทำในสิ่งที่ไม่ได้แนะนำไว้ ผู้ที่ไม่รู้คำสั่งสอนของพระคัมภีร์ถูกพันธนาการอยู่ในกรรมและผลแห่งกรรม ความเข้าใจที่สามารถแยกแยะด้วยปัญญาสถิตอยู่ในระดับความดี
ยะยา ดฺารมัม อดฺารมัม ชะ
คารยัม ชาคารยัม เอวะ ชะฺ
อยะทฺาวัท พระจานาทิ
บุดดิฺฮ สา พารทฺะ ราจะสีฺ
ยะยาฺ - ซึ่ง, ดฺารมัมฺ - หลักธรรมแห่งศาสนา, อดฺารมัมฺ - ไร้ศาสนา, ชะฺ - และ, คารยัมฺ - อะไรควรทำ, ชะฺ - เช่นกัน, อคารยัมฺ - อะไรไม่ควรทำ, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - เช่นกัน, อยะทฺา-วัทฺ - ไม่สมบูรณ์, พระจานาทิฺ - รู้, บุดดิฺฮฺ - ปัญญา, สาฺ - และ, พารทฺะฺ - โอ้โอรสพระนางพริทฺา, ราจะสีฺ - ในระดับตัณหา
คำแปลฺ
โอ้ โอรสพระนางพริทฺา ความเข้าใจที่ไม่สามารถแยกแยะระหว่างศาสนา และที่ไม่ใช่ศาสนา ระหว่างสิ่งที่ควรทำและสิ่งที่ไม่ควรทำ อยู่ในระดับตัณหา
อดฺารมัม ดฺารมัม อิทิ ยา
มันยะเท ทะมะสาวริทาฺ
สารวารทฺาน วิพะรีทามช ชะ
บุดดิฺฮ สา พารทฺะ ทามะสีฺ
อดฺารมัมฺ - ไม่มีศาสนา, ดฺารมัมฺ - ศาสนา, อิทิฺ - ดังนั้น, ยาฺ - ซึ่ง, มันยะเทฺ - คิด, ทะมะสาฺ - ด้วยความหลง, อาวริทาฺ - ปกคลุม, สารวะ-อารทฺานฺ - สิ่งทั้งหมด, วิพะรีทานฺ - ในทิศทางที่ผิด, ชะฺ - เช่นกัน, บุดดิฺฮฺ - ปัญญา, สาฺ - นั้น, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนาพริทฺา, ทามะสีฺ - ในระดับอวิชชา
คำแปลฺ
ความเข้าใจซึ่งพิจารณาว่า ที่ไม่ใช่ศาสนาว่าเป็นศาสนา และที่เป็นศาสนาว่าไม่ใช่ศาสนา ภายใต้มนต์สะกดแห่งความหลงและความมืด พยายามไปในทิศทางที่ผิดเสมอ โอ้ พารทฺะ อยู่ในระดับอวิชชา
คำอธิบายฺ
ปัญญาในระดับอวิชชาทำงานไปในทางตรงกันข้ามกับที่ควรจะเป็นเสมอยอมรับศาสนาซึ่งอันที่จริงไม่ใช่ศาสนา และปฏิเสธศาสนาที่แท้จริง มนุษย์ในอวิชชาเข้าใจดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ว่าเป็นบุคคลธรรมดาสามัญ และยอมรับบุคคลสามัญว่าเป็นดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขาคิดว่าสัจธรรมคือความไม่จริงและยอมรับสิ่งที่ไม่จริงว่าเป็นสัจธรรม และดำเนินกิจกรรมทั้งหมดไปในวิถีทางที่ผิด ดังนั้น ปัญญาของพวกนี้จึงอยู่ในระดับอวิชชา
ดฺริทยา ยะยา ดฺาระยะเท
มะนะฮ-พราเณนดริยะ-คริยาฮฺ
โยเกนาพยะบิฺชาริณยา
ดฺริทิฮ สา พารทฺะ สาททวิคีฺ
ดฺริทยาฺ - ความมุ่งมั่น, ยะยาฺ - ซึ่ง, ดฺาระยะเทฺ - ค้ำจุน, มะนะฮฺ - ของจิตใจ, พราณะฺ - ชีวิต, อินดริยะฺ - และประสาทสัมผัส, คริยาฮฺ - กิจกรรม, โยเกนะฺ - ด้วยการปฏิบัติโยคะ, อัพยะ บิฺชาริณยาฺ - โดยไม่ขาดตอน, ดฺริทิฮฺ - ความมุ่งมั่น, สาฺ - นั้น, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทา, สาททวิคีฺ - ในระดับความดี
คำแปลฺ
โอ้ โอรสพระนางพริทฺา ความมุ่งมั่นที่ไม่ขาดตอน สนับสนุนด้วยความมั่นคงจากการปฏิบัติโยคะ ทำให้ควบคุมกิจกรรมของจิตใจ ชีวิต และประสาทสัมผัสได้เป็นความมุ่งมั่นในระดับความดี
คำอธิบายฺ
โยคะหมายไว้เพื่อให้เข้าใจดวงวิญญาณสูงสุด ผู้ที่ตั้งมั่นอย่างแน่วแน่ในดวงวิญญาณสูงสุดด้วยความมุ่งมั่น ตั้งสมาธิจิต ชีวิต และกิจกรรมทางประสาทสัมผัสของตนอยู่ที่องค์ภควาน ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก ความมุ่งมั่นเช่นนี้อยู่ในระดับความดี คำว่า อัพยะบิชาริณยาฺ สำคัญมาก เพราะแสดงว่าบุคคลปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกจะไม่ถูกเบี่ยงเบนด้วยกิจกรรมอื่น ๆ
ยะยา ทุ ดฺารมะ-คามารทฺาน
ดฺริทยา ดฺาระยะเท ่รจุนะฺ
พระสังเกนะ พฺะลาคางคชี
ดฺริทิฮ สา พารทฺะ ราจะสีฺ
ยะยาฺ - ซึ่ง, ทฺุ - แต่, ดฺารมะฺ - ศาสนา, คามะฺ - การสนองประสาทสัมผัส, อารทฺานฺ - และการพัฒนาเศรษฐกิจ, ดฺริทยาฺ - ด้วยความมุ่งมั่น, ดฺาระยะเทฺ - เขาสนับสนุน, อารจุนะฺ - โอ้อารจุนะ, พระสังเกนะฺ - เนื่องจากความยึดติด, พฺะละ-อาคางคชีฺ - ปรารถนาผลทางวัตถุ, ดฺริทิฮฺ - ความมุ่งมั่น, สาฺ - นั้น, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, ราจะสีฺ - ในระดับตัณหา
คำแปลฺ
แต่ความมุ่งมั่นที่ทำให้ยึดติดอยู่ในผลประโยชน์ทางวัตถุ ในศาสนา ในการพัฒนาเศรษฐกิจ ในการสนองประสาทสัมผัส เป็นธรรมชาติแห่งตัณหา โอ้ อารจุนะ
คำอธิบายฺ
บุคคลใดที่ปรารถนาผลประโยชน์ทางวัตถุในกิจกรรมทางศาสนาหรือกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่เสมอ มีความปรารถนาอยู่สิ่งเดียวคือการสนองประสาทสัมผัส เมื่อจิตใจ ชีวิต และประสาทสัมผัสใช้ไปในทางนั้น ผู้นี้อยู่ในระดับตัณหา
ยะยา สวัพนัม บฺะยัม โชคัม
วิชาดัม มะดัม เอวะ ชะฺ
นะ วิมุนชะทิ ดุรเมดฺา
ดฺริทิฮ สา พารทฺะ ทามะสีฺ
ยะยาฺ - ซึ่ง, สวัพนัมฺ - ฝัน, บฺะยัมฺ - ความกลัว, โชคัมฺ - ความเศร้าโศก, วิชาดัมฺ - อารมณ์เสีย, มะดัมฺ - ความหลง, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - เช่นกัน, นะฺ - ไม่เคย, วิมุนชะทิฺ - เขายกเลิก, ดุรเมดฺาฺ - ไม่มีปัญญา, ดฺริทิฮฺ - ความมุ่งมั่น, สาฺ - นั้น, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, ทามะสีฺ - ในระดับอวิชชา
คำแปลฺ
และความมุ่งมั่นที่ไม่สามารถอยู่เหนือความฝัน ความกลัว ความเศร้าโศกอารมณ์เสีย และความหลง ความมุ่งมั่นที่ไร้สติปัญญาเช่นนี้ โอ้ โอรสพระนางพริทฺา อยู่ในระดับแห่งความมืด
คำอธิบายฺ
เราไม่ควรสรุปว่าบุคคลในระดับความดีจะไม่ฝัน ณ ที่นี้ “ความฝัน”หมายความว่านอนมากเกินไป ความฝันเกิดขึ้นเสมอไม่ว่าในระดับความดี ตัณหา หรืออวิชชา ความฝันเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ แต่พวกที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนอนมากเกินไป ผู้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงความยโสในการรื่นเริงกับสิ่งของทางวัตถุ ผู้ที่ฝันว่าเป็นเจ้าเหนือโลกวัตถุเสมอ และผู้ที่ชีวิต จิตใจ และประสาทสัมผัสที่ใช้ไปในทางนี้พิจารณาว่ามีความมุ่งมั่นอยู่ในระดับอวิชชา
สุคัฺม ทุ อิดานีม ทริ-วิดัม
ชริณุ เม บฺะระทารชะบฺะฺ
อับฺยาสาด ระมะเท ยะทระ
ดุฮคฺานทัม ชะ นิกัชชฺะทิฺ
สุคัฺมฺ - ความสุข, ทฺุ - แต่, อิดานีมฺ - บัดนี้, ทริ-วิดัฺมฺ - ของสามประเภท, ชริณฺุ - สดับฟัง, เมฺ - จากข้า, บฺะระทา-ริชะบฺะฺ - โอ้ผู้ยอดเยี่ยมในหมู่บฺาระทะ, อับฺยาสาทฺ - จากการฝึกฝน, ระมะเทฺ - เขารื่นเริง, ยะทระฺ - ที่, ดุฮคฺะฺ - ของความทุกข์, อันทัมฺ - จบ, ชะฺ - เช่นกัน, นิกัชชะทิฺ - ได้รับ
คำแปลฺ
โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมแห่งบฺาระทะ บัดนี้ โปรดสดับฟังจากข้าเกี่ยวกับความสุขสามประเภทที่พันธวิญญาณรื่นเริง และบางครั้งทำให้เขาจบสิ้นความทุกข์ทั้งปวง
คำอธิบายฺ
พันธวิญญาณพยายามรื่นเริงกับความสุขทางวัตถุครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้น เขาจึงได้แต่เคี้ยวกากเดน แต่บางครั้งในระหว่างความรื่นเริงเช่นนี้ เขาได้รับการปลดเปลื้องจากพันธนาการทางวัตถุ ด้วยการมาคบหาสมาคมกับดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ อีกนัยหนึ่งพันธวิญญาณหมกมุ่นอยู่กับการสนองประสาทสัมผัสเสมอ แต่เมื่อได้มาคบหาสมาคมกับกัลยาณมิตรและเข้าใจว่าความรื่นเริงทางวัตถุเป็นเพียงการกระทำที่ซ้ำซากอยู่ในสิ่งเดียวกัน และได้ตื่นขึ้นในคริชณะจิตสำนึกที่แท้จริง บางครั้งเขาได้รับการปลดเปลื้องจากสิ่งที่สมมติว่าเป็นความสุขซ้ำซากเช่นนี้
ยัท ทัด อเกร วิชัม อิวะ
พะริณาเม ่มริโทพะมัมฺ
ทัท สุคัฺม สาททวิคัม โพรคทัม
อาทมะ-บุดดิฺ-พระสาดะ-จัมฺ
ยัทฺ - ซึ่ง, ทัทฺ - นั้น, อเกรฺ - ในตอนต้น, วิชัม อิวะฺ - เหมือนยาพิษ, พะริณาเมฺ - ในบั้นปลาย, อมริทะฺ - น้ำทิพย์, อุพะมัมฺ - เปรียบเทียบกับ, ทัทฺ - นั้น, สุคัฺมฺ - ความสุข, สาททวิคัมฺ - ในระดับความดี, โพรคทัมฺ - กล่าวว่า, อาทมะฺ - ในตัว, บุดดิฺฺ - ของปัญญา, พระสาดะ-จัมฺ - เกิดจากความพึงพอใจ
คำแปลฺ
สิ่งที่ในตอนแรกอาจเหมือนกับยาพิษ แต่ในบั้นปลายกลายเป็นน้ำทิพย์ ซึ่งปลุกเขาให้ตื่นอยู่ในความรู้แจ้งแห่งตน กล่าวว่าเป็นความสุขในระดับความดี
คำอธิบายฺ
ในการแสวงหาความรู้แจ้งแห่งตน เราต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์มากมายเพื่อควบคุมจิตใจและประสาทสัมผัส และตั้งสมาธิจิตอยู่ที่ดวงชีวิต ขั้นตอนนี้ยากมากและขมขื่นเหมือนกับยาพิษ แต่ถ้าหากประสบความสำเร็จในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ และมาถึงสถานภาพทิพย์ เราจะเริ่มดื่มน้ำทิพย์ที่แท้จริงและรื่นเริงอยู่กับชีวิต
วิชะเยนดริยะ-สัมโยกาด
ยัท ทัด อเกร ่มริโทพะมัมฺ
พะริณาเม วิชัม อิวะ
ทัท สุคัฺม ราจะสัม สมริทัมฺ
วิชะยะฺ - ของอายตนะภายนอก, อินดริยะฺ - และประสาทสัมผัส, สัมโยกาทฺ - จากการรวมกัน, ยัทฺ - ซึ่ง, ทัทฺ - นั้น, อเกรฺ - ในตอนต้น, อมริทะ-อุพะมัมฺ - เหมือนกับน้ำทิพย์, พะริณา เมฺ - ในบั้นปลาย, วิชัม อิวะฺ - เหมือนยาพิษ, ทัทฺ - นั้น, สุคัฺมฺ - ความสุข, ราจะสัมฺ - ในระดับตัณหา, สมริทัมฺ - พิจารณาว่า
คำแปลฺ
ความสุขที่ได้รับจากการมาสัมผัสระหว่างอายตนะภายในกับอายตนะภายนอกซึ่งดูเหมือนกับน้ำทิพย์ในตอนต้น แต่ในบั้นปลายกลายเป็นยาพิษ กล่าวว่าเป็นธรรมชาติแห่งตัณหา
คำอธิบายฺ
ชายหนุ่มและหญิงสาวพบกัน ประสาทสัมผัสจะฉุดชายหนุ่มให้ไปหาหญิงสาวสัมผัสกับนางและมีเพศสัมพันธ์กัน ในตอนต้นสิ่งนี้อาจเป็นที่รื่นรมย์มากของประสาทสัมผัส แต่ในบั้นปลายหรือหลังจากระยะเวลาหนึ่งจะกลายมาเป็นยาพิษ เมื่อทั้งคู่แยกทางหรือหย่าร้างจากกันจะมีความเศร้าโศกเสียใจ ฯลฯ ความสุขเช่นนี้อยู่ในระดับตัณหาเสมอ ความสุขที่ได้รับจากการสัมผัสกันระหว่างอายตนะภายใน (ตา หู จมูก ลิ้นกาย) และอายตนะภายนอก (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส) เป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์เสมอจึงควรหลีกเลี่ยงด้วยประการทั้งปวง
ยัด อเกร ชานุบันเดฺ ชะ
สุคัฺม โมฮะนัม อาทมะนะฮฺ
นิดราลัสยะ-พระมาโดททัฺม
ทัท ทามะสัม อุดาฮริทัมฺ
ยัทฺ - ซึ่ง, อเกรฺ - ในตอนต้น, ชะฺ - เช่นกัน, อนุบันเดฺฺ - ในบั้นปลาย, ชะฺ - เช่นกัน, สุคัฺมฺ - ความสุข, โมฮะนัมฺ - ความหลง, อาทมะนะฮฺ - ของตน, นิดราฺ - การนอน, อาสัสยะฺ - เกียจคร้าน, พระมาดะฺ - และความหลง, อุททัฺมฺ - ผลิตจาก, ทัทฺ - นั้น, ทามะสัมฺ - ในระดับอวิชชา, อุดาฮ ริทัมฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
และความสุขที่ทำให้มองไม่เห็นความรู้แจ้งแห่งตน เป็นความหลงผิดตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งเกิดจากการนอน ความเกียจคร้าน และความหลง กล่าวว่าเป็นธรรมชาติแห่งอวิชชา
คำอธิบายฺ
ผู้ที่มีความสุขอยู่กับความเกียจคร้านและการนอน แน่นอนว่าอยู่ในระดับของความมืดแห่งอวิชชา ผู้ที่ไม่รู้ว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำก็อยู่ในระดับอวิชชาเช่นกัน บุคคลที่อยู่ในระดับนี้ทุกสิ่งทุกอย่างคือความหลง ไม่มีความสุขทั้งในตอนต้นหรือตอนจบ บุคคลที่อยู่ในระดับตัณหาอาจมีความสุขอยู่บ้างในตอนต้นแต่ไม่ยั่งยืนและจะเป็นความทุกข์ในตอนจบ แต่สำหรับบุคคลในระดับอวิชชาจะมีแต่ความทุกข์เพียงอย่างเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ
นะ ทัด อัสทิ พริทิฺพยาม วา
ดิวิ เดเวชุ วา พุนะฮฺ
สัททวัม พระคริทิ-ไจร มุคทัม
ยัด เอบิฺฮ สยาท ทริบิฺร กุไณฮฺ
นะฺ - ไม่, ทัทฺ - นั้น, อัสทิฺ - มี, พริทิฺพยามฺ - บนโลก, วาฺ - หรือ, ดิวิฺ - ในระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่า, เดเวชฺุ - ในหมู่เทวดา, วาฺ - หรือ, พุนะฮฺ - อีกครั้ง, สัททวัมฺ - เป็นอยู่, พระคริทิ-ไจฮฺ - เกิดจากธรรมชาติวัตถุ, มุคทัมฺ - อิสรภาพ, ยัทฺ - นั้น, เอบิฺฮฺ - จากอิทธิพลของสิ่งเหล่านี้, สยาทฺ - เป็น, ทริบิฺฮฺ - สาม, กุไณฮฺ - ระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ
คำแปลฺ
ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ไม่ว่าจะอยู่ที่นี่หรืออยู่ในหมู่เทวดาในระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่าจะเป็นอิสระจากสามระดับที่เกิดจากธรรมชาติวัตถุนี้
คำอธิบายฺ
ณ ที่นี้ องค์ภควานทรงสรุปถึงอิทธิพลทั้งหมดของสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุที่มีอยู่ทั่วทั้งจักรวาล
บราฮมะณะ-คชัทริยะ-วิชาม
ชูดราณาม ชะ พะรันทะพะฺ
คารมาณิ พระวิบัฺคทานิ
สวะบฺาวะ-พระบฺะไวร กุไณฮฺ
บราฮมะณะฺ - ของบราฮมะณะ, คชัทริยะฺ - คชัทริยะ, วิชามฺ - และไวชยะ, ชูดราณามฺ - ของชูดระ, ชะฺ - และ, พะรันทะพะฺ - โอ้ ผู้ปราบศัตรู, คารมาณิฺ - กิจกรรม, พระวิบัฺคทานิฺ - แบ่งออก, สวะบฺาวะฺ - ตามธรรมชาติของพวกเขา, พระบฺะไวฮฺ - เกิดจาก, กุไณฮฺ - โดยระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุ
คำแปลฺ
บราฮมะณะ คชัทริยะ ไวชยะ และ ชูดระ แบ่งออกตามคุณสมบัติที่เกิดจากธรรมชาติของตนเองตามระดับต่าง ๆ ทางวัตถุ โอ้ ผู้กำราบศัตรู
ชะโม ดะมัส ทะพะฮ โชชัม
คชานทิร อารจะวัม เอวะ ชะฺ
กยานัม วิกยานัม อาสทิคยัม
บระฮมะ-คารมะ สวะบฺาวะ-จัมฺ
ชะมะฮฺ - ความสงบ, ดะมะฮฺ - ควบคุมตนเอง, ทะพะฮฺ - ความสมถะ, โชชัมฺ - ความบริสุทธิ์, คชานทิฮฺ - ความอดทน, อารจะวัมฺ - ความซื่อสัตย์, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - และ, กยานัมฺ - ความรู้, วิกยานัมฺ - ปัญญา, อาสทิคยัมฺ - ศาสนา, บระฮมะฺ - ของบราฮมะณะ, คารมะฺ - หน้าที่, สวะบฺาวะ-จัมฺ - เกิดจากธรรมชาติของตัวเขา
คำแปลฺ
ความสงบ ควบคุมตนเองได้ สมถะ บริสุทธิ์ อดทน ซื่อสัตย์ ความรู้ ปัญญาและปฏิบัติตามหลักศาสนา สิ่งเหล่านี้คือคุณลักษณะตามธรรมชาติที่บรรดาบราฮมะณะ (พราหมณ์) ถือปฏิบัติ
โชรยัม เทโจ ดฺริทิร ดาคชยัม
ยุดเดฺ ชาพิ อพะลายะนัมฺ
ดานัม อีชวะระ-บฺาวัช ชะ
คชาทรัม คารมะ สวะบฺาวะ-จัมฺ
โชรยัมฺ - ความกล้าหาญ, เทจะฮฺ - อำนาจ, ดฺริทิฮฺ - ความมุ่งมั่น, ดาคชยัมฺ - หาหนทาง, ยุดเดฺฺ - ในสนามรบ, ชะฺ - และ, อพิฺ - เช่นกัน, อพะลายะนัมฺ - ไม่หลบหนี, ดานัมฺ - ใจกว้าง, อีชวะระฺ - ของผู้นำ, บฺาวะฮฺ - ธรรมชาติ, ชะฺ - และ, คชาทรัมฺ - ของคชัทริยะ, คารมะฺ - หน้าที่, สวะบฺาวะ-จัมฺ - เกิดจากธรรมชาติของตัวเขาเอง
คำแปลฺ
ความกล้าหาญ อำนาจ มุ่งมั่น คิดหาหนทาง ใจสู้ในสนามรบ ใจกว้าง และความเป็นผู้นำ เป็นคุณลักษณะตามธรรมชาติของงานสำหรับคชัทริยะ (กษัตริย์ )
คริชิ-โก-รัคชยะ-วาณิจยัม
ไวชยะ-คารมะ-สวะบฺาวะ-จัมฺ
พะริชารยาทมะคัม คารมะ
ชูดรัสยาพิ สวะบฺาวะ-จัมฺ
คริชิฺ - ไถนา, โกฺ - ของโค, รัคชยะฺ - ปกป้อง, วาณิจยัมฺ - ค้าขาย, ไวชยะฺ - ของไวชยะ, คารมะฺ - หน้าที่, สวะบฺาวะ-จัมฺ - เกิดจากธรรมชาติของตัวเขา, พะริชารยาฺ - รับใช้บริการ, อาทมะคัมฺ - ประกอบด้วย, คารมะฺ - หน้าที่, ชูดรัสยะฺ - ของชูดระ, อพิฺ - เช่นกัน, สวะบฺาวะ-จัมฺ - เกิดจากธรรมชาติของตัวเขา
คำแปลฺ
การทำฟาร์ม ปกป้องโค และธุรกิจ เป็นธรรมชาติการทำงานของไวชยะสำหรับชูดระจะใช้แรงงานและบริการรับใช้ผู้อื่น
สเว สเว คารมะณิ อบิฺระทะฮ
สัมสิดดิฺม ละบฺะเท นะระฮฺ
สวะ-คารมะ-นิระทะฮ สิดดิฺม
ยะทฺา วินดะทิ ทัช ชฺริณฺุ
สเว สเวฺ - แต่ละคน, คารมะณิฺ - งาน, อบิฺระทะฮฺ - ปฏิบัติตาม, สัมสิดดิฺมฺ - สมบูรณ์, ละบฺะ เทฺ - บรรลุ, นะระฮฺ - มนุษย์, สวะ-คารมะฺ - ในหน้าที่ของตน, นิระทะฮฺ - ปฏิบัติ, สิดดิฺมฺ - สมบูรณ์, ยะทฺาฺ - ประหนึ่ง, วินดะทิฺ - ได้รับ, ทัทฺ - นั้น, ชริณฺุ - ฟัง
คำแปลฺ
จากการปฏิบัติตามคุณลักษณะแห่งงานของตนเอง ทุกคนสามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์ได้ บัดนี้ โปรดฟังจากข้าว่าเช่นนี้เป็นไปได้อย่างไร
ยะทะฮ พระวริททิร บํูทานาม
เยนะ สารวัม อิดัม ทะทัมฺ
สวะ-คารมะณา ทัม อับฺยารชยะ
สิดดิฺม วินดะทิ มานะวะฮฺ
ยะทะฮฺ - จากผู้ใด, พระวริททิฮฺ - ออกมา, บํูทานามฺ - ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, เยนะฺ - จากใคร, สารวัมฺ - ทั้งหมด, อิดัมฺ - นี้, ทะทัมฺ - แผ่กระจาย, สวะ-คารมะณาฺ - จากหน้าที่ของเขา, ทัมฺ - องค์ภควาน, อับฺยารชยะฺ - จากการบูชา, สิดดิฺมฺ - ความสมบูรณ์, วินดะทิฺ - บรรลุ, มานะวะฮฺ - มนุษย์
คำแปลฺ
จากการบูชาองค์ภควานผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของมวลชีวิต และทรงแผ่กระจายไปทั่ว มนุษย์สามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์ด้วยการปฏิบัติงานของตนเอง
คำอธิบายฺ
ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทที่สิบห้าว่ามวลชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควาน ดังนั้นพระองค์ทรงเป็นจุดเริ่มต้นของมวลชีวิต ได้ยืนยันไว้ใน เวดานธะ-สูทระฺ ว่า จันมาดิ อัสยะ ยะทะฮฺ องค์ภควานทรงเป็นจุดเริ่มต้นชีวิตของทุก ๆ ชีวิต ดังที่กล่าวไว้ในบทที่เจ็ดของ ภควัต-คีตาฺ ว่า ด้วยพลังงานทั้งสองของพระองค์คือพลังงานเบื้องต่ำและพลังงานเบื้องสูง พระองค์ทรงแผ่กระจายไปทั่ว ฉะนั้น เราควรบูชาองค์ภควานพร้อมทั้งพลังงานของพระองค์ โดยทั่วไปเหล่าสาวก ไวชณะวะฺ จะบูชาองค์ภควานและพลังงานเบื้องสูงของพระองค์ พลังงานเบื้องต่ำของพระองค์เป็นภาพสะท้อนที่กลับตาลปัตรของพลังงานเบื้องสูง พลังงานเบื้องต่ำอยู่เบื้องหลัง แต่องค์ภควานโดยภาคแบ่งแยกของส่วนสมบูรณ์ของพระองค์ในรูป พะระมาทมาฺ ทรงสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทรงเป็นอภิวิญญาณของมวลเทวดา มวลมนุษย์ มวลสัตว์ ทุกหนทุกแห่ง ดังนั้น เราควรรู้ว่าในฐานะที่เป็นละอองอณูขององค์ภควาน จึงมีหน้าที่ต้องถวายการรับใช้แด่พระองค์ ทุกคนควรปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ นี่คือคำแนะนำของโศลกนี้
ทุกคนควรคิดว่า ฮริชีเคชะฺ ผู้เป็นเจ้านายของประสาทสัมผัสทรงให้มีอาชีพบางอย่าง และจากผลงานที่เรากระทำ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าชรีคริชณะควรได้รับการบูชา หากคิดเช่นนี้เสมอในคริชณะจิตสำนึกที่สมบูรณ์ ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน เรากลายมาเป็นผู้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยสมบูรณ์ นั่นคือความสมบูรณ์แห่งชีวิตพระองค์ตรัสใน ภควัต-คีตาฺ (12.7) ว่า เทชาม อฮัม สะมุดดฺารทาฺ องค์ภควานเองจะทรงดูแลการจัดส่งสาวกเช่นนี้ นั่นคือความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิต ไม่ว่าอาชีพการงานใดที่เราทำอยู่ หากทำไปเพื่อรับใช้องค์ภควานเราจะบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุด
ชเรยาน-สวะ-ดฺารโม วิกุณะฮ
พะระ-ดฺารมาท สุ-อนุชาทิฺทาทฺ
สวะบฺาวะ-นิยะทัม คารมะ
คุรวัน นาพโนทิ คิลบิชัมฺ
ชเรยานฺ - ดีกว่า, สวะ-ดฺารมะฮฺ - อาชีพของเขาเอง, วิกุณะฮฺ - ปฏิบัติโดยไม่สมบูรณ์, พะระ-ดฺารมาทฺ - กว่าอาชีพของผู้อื่น, สุ-อนุชทิฺทาทฺ - ทำอย่างสมบูรณ์, สวะบฺาวะ- นิยะทัมฺ - กำหนดตามธรรมชาติของตน, คารมะฺ - งาน, คุรวันฺ - ปฏิบัติ, นะฺ - ไม่เคย, อาพโนทิฺ - บรรลุ, คิลบิชัมฺ - ผลบาป
คำแปลฺ
การปฏิบัติตามอาชีพของตนแม้อาจทำได้ไม่สมบูรณ์ทีเดียว ยังดีกว่าไปรับเอาอาชีพของคนอื่นและมาทำได้อย่างสมบูรณ์ หน้าที่ที่กำหนดไว้ตามธรรมชาติของตนเองจะไม่มีวันได้รับผลบาป
คำอธิบายฺ
อาชีพการงานของเรากำหนดไว้ใน ภควัต-คีตาฺ ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกก่อน ๆหน้าที่ของ บราฮมะณะ คชัทริยะ ไวชยะฺ และ ชูดระฺ กำหนดไว้ตามระดับแห่งธรรมชาติโดยเฉพาะของตนเอง เราไม่ควรเลียนแบบหน้าที่ของผู้อื่น บุคคลที่โดยธรรมชาติชอบทำงานของ ชูดระฺ ไม่ควรอ้างว่าเป็น บราฮมะณะฺ อย่างผิดธรรมชาติถึงแม้อาจเกิดในตระกูล บราฮมะณะฺ เขาควรทำงานตามธรรมชาติของตน ไม่มีงานใดน่ารังเกียจหากปฏิบัติเพื่อรับใช้องค์ภควาน อาชีพการงานของ บราฮมะณะฺ แน่นอนว่าอยู่ในระดับความดี แต่หากว่าบุคคลไม่อยู่ในระดับความดีโดยธรรมชาติ ก็ไม่ควรเลียนแบบอาชีพการงานของ บราฮมะณะฺ สำหรับ คชัทริยะฺ หรือผู้บริหาร มีสิ่งที่น่ารังเกียจมากมายเช่น คชัทริยะฺ ต้องเบียดเบียนผู้อื่นเพื่อสังหารศัตรู บางครั้ง คชัทริยะฺ ต้องพูดเท็จเพื่อผลประโยชน์ทางการทูต การเบียดเบียนและการตีสองหน้าเช่นนี้มาพร้อมกับภารกิจทางการเมือง แต่ คชัทริยะฺ ไม่ควรยกเลิกอาชีพการงานของตน และพยายามไปปฏิบัติหน้าที่ของ บราฮมะณะฺ
เราควรปฏิบัติเพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย ตัวอย่างเช่น อารจุนะทรงเป็น คชัทริยะฺ ผู้ลังเลใจในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม แต่ถ้าหากการสู้รบเช่นนี้กระทำไปเพื่อประโยชน์ของคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าก็ไม่จำเป็นจะต้องกลัวตกต่ำลง ในสนามธุรกิจก็เช่นกัน บางครั้งพ่อค้าต้องพูดเท็จบ่อย ๆ เพื่อผลกำไร หากไม่ทำเช่นนี้จะไม่มีผลกำไร บางครั้งพ่อค้ากล่าวว่า “โอ้ ลูกค้าที่รัก สำหรับคุณฉันไม่มีกำไรอะไรเลย”แต่ควรรู้ว่าปราศจากผลกำไรพ่อค้าอยู่ไม่ได้ ดังนั้น เราควรยอมรับว่าเป็นการพูดเท็จแน่เมื่อพ่อค้ากล่าวว่าไม่ได้กำไร แต่พ่อค้าไม่ควรคิดว่าเนื่องจากมีอาชีพที่การพูดเท็จเป็นสิ่งจำเป็น ควรยกเลิกอาชีพของตนและมามีอาชีพเป็น บราฮมะณะฺ เช่นนี้ไม่แนะนำ ไม่ว่าจะเป็น คชัทริยะ ไวชยะฺ หรือ ชูดระฺ ไม่สำคัญ หากเรารับใช้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าด้วยผลงานของตน แม้ บราฮมะณะฺ ผู้ทำพิธีบูชาต่าง ๆ บางครั้งต้องฆ่าสัตว์ เนื่องจากบางครั้งต้อใช้สัตว์ในพิธีบูชา ในทำนองเดียวกันหาก คชัทริยะฺ ทำตามอาชีพของตนในการสังหารศัตรูจะไม่มีผลบาป ในบทที่สามได้อธิบายเรื่องนี้อย่างละเอียดและชัดเจนว่าทุกคนควรทำงานเพื่อจุดมุ่งหมายแห่ง ยะกยะฺ หรือเพื่อองค์วิชณุบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า สิ่งใดที่กระทำไปเพื่อสนองประสาทสัมผัสส่วนตัวเป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการข้อสรุปคือทุกคนควรปฏิบัติตามระดับแห่งธรรมชาติโดยเฉพาะที่ตนได้รับมา และควรตัดสินใจทำงานเพื่อรับใช้อย่างสูงสุดแด่องค์ภควานเท่านั้น
สะฮะ-จัม คารมะ คะอุนเทยะ
สะ-โดชัม อพิ นะ ทยะเจทฺ
สารวารัมบา ฮิ โดชณะ
ดํูเมนากนิร อิวาวริทาฮฺ
สะฮะ-จัมฺ - เกิดขึ้นพร้อมกัน, คารมะฺ - งาน, คะอุนเทยะฺ - โอ้ โอรสพระนางคุนที, สะ- โดชัมฺ - ด้วยความผิดพลาด, อพิฺ - ถึงแม้ว่า, นะฺ - ไม่เคย, ทยะเจทฺ - เขาควรยกเลิก, สารวะ-อารัมบฺาฮฺ - การเสี่ยงภัยทั้งหมด, ฮิฺ - แน่นอน, โดเชณะฺ - ด้วยความผิด, ดํูเมนะฺ - กับควัน, อักนิฮฺ - ไฟ, อิวะฺ - เหมือน, อาวริทาฮฺ - ปกคลุม
คำแปลฺ
ความพยายามทุกครั้งจะถูกปกคลุมด้วยความผิดพลาดบางอย่าง เหมือนกับไฟที่ถูกควันปกคลุม ดังนั้น จึงไม่ควรยกเลิกงานที่เกิดจากธรรมชาติของตนเอง โอ้โอรสพระนางคุนที ถึงแม้งานนี้จะเต็มไปด้วยความผิดพลาด
คำอธิบายฺ
ในพันธชีวิต งานทั้งหมดเป็นมลทินโดยระดับวัตถุแห่งธรรมชาติ แม้จะเป็น บราฮมะณะฺ ต้องทำพิธีบูชาซึ่งการฆ่าสัตว์เป็นสิ่งจำเป็น ในทำนองเดียวกัน คชัทริยะฺ ไม่ว่าจะใจบุญเพียงใด ต้องต่อสู้กับศัตรูซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นเดียวกัน พ่อค้าไม่ว่าจะใจบุญแค่ไหน บางครั้งต้องซ่อนผลกำไรเพื่อให้ธุรกิจอยู่ได้ หรือบางครั้งต้องทำธุรกิจในตลาดมืด เหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่นเดียวกันถึงแม้ว่าบุคคลเป็น ชูดระฺ รับใช้เจ้านายเลว เขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านาย แม้ไม่ควรทำ แม้จะมีข้อผิดพลาดเหล่านี้ เขาควรปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ เพราะเกิดจากธรรมชาติของตนเอง
ได้ให้ตัวอย่างที่ดีไว้ ณ ที่นี้ว่า แม้ว่าไฟบริสุทธิ์แต่ยังมีควัน แต่ควันไม่ได้ทำให้ไฟไม่บริสุทธิ์ ถึงแม้จะมีควันในไฟ ไฟก็ยังพิจารณาว่าเป็นธาตุบริสุทธิ์ที่สุดในบรรดาธาตุทั้งหมด หากยกเลิกงานของ คชัทริยะฺ และไปรับเอาอาชีพของ บราฮมะณะฺ มาทำ ก็ไม่แน่ใจว่างานในอาชีพ บราฮมะณะฺ จะราบรื่นเสมอไป อาจสรุปได้ว่าในโลกวัตถุไม่มีผู้ใดสามารถเป็นอิสระโดยสมบูรณ์จากมลทินแห่งธรรมชาติวัตถุ ตัวอย่างของไฟและควันเหมาะสมมากในประเด็นนี้ ในฤดูหนาวเราเอาหินมาจากไฟ บางครั้งควันรบกวนดวงตาและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย แต่เราต้องใช้ไฟถึงแม้จะมีสภาวะรบกวน ในทำนองเดียวกันเราไม่ควรยกเลิกอาชีพตามธรรมชาติของตนเอง อันเนื่องจากมีปัจจัยรบกวนบางอย่างแต่ควรมุ่งมั่นที่จะรับใช้องค์ภควานด้วยอาชีพการงานของตนในคริชณะจิตสำนึก นั่นคือจุดแห่งความสมบูรณ์ เมื่ออาชีพบางอย่างปฏิบัติไปเพื่อความพึงพอพระทัยขององค์ภควาน ข้อบกพร่องทั้งหลายในอาชีพนั้นก็ถูกทำให้บริสุทธิ์ขึ้น เมื่อผลของงานบริสุทธิ์ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์กับการอุทิศตนเสียสละรับใช้เราจะกลายมาเป็นผู้สมบูรณ์ในการเห็นตนเองภายใน และนั่นคือความรู้แจ้งแห่งตน
อสัคทะ-บุดดิฺฮ สารวะทระ
จิทาทมา วิกะทะ-สพริฮะฮฺ
ไนชคารมยะ-สิดดิฺม พะระมาม
สันนยาเสนาดิฺกัชชฺะทิฺ
อสัคทะ-บุดดิฺฮฺ - มีปัญญาที่ไม่ยึดติด, สารวะทระฺ - ทุกหนทุกแห่ง, จิทะ-อาทมาฺ - มีจิตใจที่ควบคุมได้, วิกะทะ-สพริฮะฮฺ - ปราศจากความต้องการทางวัตถุ, ไนชคารมยะ- สิดดิฺมฺ - ความสมบูรณ์แห่งการไม่มีผลกรรม, พะระมามฺ - สูงสุด, สันนยาเสนะฺ - ด้วยชีวิตสละโลก, อดิฺกัชชฺะทิฺ - เขาบรรลุ
คำแปลฺ
ผู้ที่ควบคุมตนเองได้ ไม่ยึดติด และไม่สนใจต่อความรื่นเริงทางวัตถุทั้งปวง จากการฝึกปฏิบัติการเสียสละ เขาสามารถบรรลุถึงระดับสมบูรณ์สูงสุดแห่งความเป็นอิสระจากผลกรรม
คำอธิบายฺ
การเสียสละที่แท้จริงหมายความว่า เราควรคิดอยู่เสมอว่าตนเองเป็นละอองอณูขององค์ภควาน ดังนั้น จึงคิดว่าไม่มีสิทธิ์จะรื่นเริงกับผลงานของตน เนื่องจากเป็นละอองอณูขององค์ภควาน ผลงานของเราต้องถวายให้พระองค์รื่นเริง นี่คือคริชณะจิตสำนึกที่แท้จริง บุคคลปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเป็น สันนยาสีฺ หรือผู้มีชีวิตสละโลกที่แท้จริง ด้วยความคิดเช่นนี้เราจึงมีความพึงพอใจ เพราะว่าเราปฏิบัติเพื่อองค์ภควานโดยแท้จริง ดังนั้น จึงไม่ยึดติดกับสิ่งใด ๆ ที่เป็นวัตถุ เราจะเคยชินกับการไม่หาความสุขกับสิ่งใดที่นอกเหนือจากความสุขทิพย์ซึ่งได้รับจากการรับใช้พระองค์ สันนยาสีฺ ควรเป็นอิสระจากผลกรรม จากกรรมในอดีตของตน แต่บุคคลในคริชณะจิตสำนึกบรรลุถึงความสมบูรณ์โดยปริยาย โดยไม่ต้องอุปสมบทในระดับที่สมมติว่าเป็นชีวิตสละโลกระดับจิตเช่นนี้เรียกว่า โยการูดฺะฺ หรือระดับสมบูรณ์แห่งโยคะ ดังที่ได้ยืนยันไว้ในบทที่สามว่า ยัส ทุ อาทมะ-ระทิร เอวะ สยาทฺ เป็นผู้ที่มีความพึงพอใจในตนเองและไม่มีความกลัวต่อผลกรรมใด ๆ จากการกระทำของตนเอง
สิดดิฺม พราพโท ยะทฺา บระฮมะ
ทะทฺาพโนทิ นิโบดฺะ เมฺ
สะมาเสไนวะ คะอุนเทยะ
นิชทฺา กยานัสยะ ยา พะราฺ
สิดดิฺมฺ - ความสมบูรณ์, พราพทะฮฺ - บรรลุ, ยะทฺาฺ - เหมือน, บระฮมะฺ - สูงสุด, ทะทฺาฺ - ดังนั้น, อาพโนทิฺ - เขาบรรลุ, นิโบดฺะฺ - พยายามเข้าใจ, เมฺ - จากข้า, สะมาเสนะฺ - โดยสรุป, เอวะฺ - แน่นอน, คะอุนเทยะฺ - โอ้ โอรสพระนางคุนที, นิชทฺาฺ - ระดับ, กยานัสยะฺ - ของความรู้, ยาฺ - ซึ่ง, พะราฺ - ทิพย์
คำแปลฺ
โอ้ โอรสพระนางคุนที จงเรียนรู้จากข้าว่า ผู้บรรลุถึงความสมบูรณ์เช่นนี้สามารถจะบรรลุถึงระดับสมบูรณ์สูงสุด บระฮมัน ซึ่งเป็นระดับแห่งความรู้ที่สมบูรณ์สูงสุด ด้วยการปฏิบัติเช่นนี้ได้อย่างไร บัดนี้ข้าจะสรุปให้ฟัง
คำอธิบายฺ
องค์ภควานทรงอธิบายแด่อารจุนะว่า บุคคลจะสามารถบรรลุถึงระดับแห่งความสมบูรณ์สูงสุดจากการปฏิบัติหน้าที่การงานของตนได้อย่างไร ด้วยการปฏิบัติหน้าที่เพื่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าเขาจะบรรลุถึงระดับสูงสุดแห่ง บระฮมันฺ เพียงแต่ต้องสละผลงานของตนเพื่อความพึงพอพระทัยขององค์ภควาน นั่นคือวิธีแห่งความรู้แจ้งแห่งตน ความสมบูรณ์แห่งความรู้ที่แท้จริงอยู่ที่การบรรลุถึงคริชณะจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ ดังจะอธิบายในโศลกต่อ ๆ ไป
บุดดฺยา วิชุดดฺะยา ยุคโท
ดฺริทยาทมานัม นิยัมยะ ชะฺ
ชับดาดีน วิชะยามส ทยัคทวา
รากะ-ดเวโช วิยุดัสยะ ชะฺ
วิวิคทะ-เสวี ลักฮุ-อาชีฺ
ยะทะ-วาค-คายะ-มานัสสะฮฺ
ดฺยานะ-โยกะ-พะโร นิทยัม
ไวรากยัม สะมุพาชริทะฮฺ
อฮังคารัม บะลัม ดารพัม
คามัม โครดัฺม พะริกระฮัมฺ
วิมุชยะ นิรมะมะฮ ชานโท
บระฮมะ-บํูยายะ คัลพะเทฺ
บุดดฺยาฺ - ด้วยปัญญา, วิชุดดฺะยาฺ - บริสุทธิ์โดยสมบูรณ์, ยุคทะฮฺ - ปฏิบัติ, ดฺริทยาฺ - ด้วยความมุ่งมั่น, อาทมานัมฺ - ตนเอง, นิยัมยะฺ - ประมาณ, ชะฺ - เช่นกัน, ชับดะ-อาดีนฺ - เช่นเสียง, วิชะยานฺ - อาตยนะภายนอก, ทยัคทวาฺ - ยกเลิก, รากะฺ - การยึดติด, ดเวโชฺ - และความเกลียดชัง, วิยุดัสยะฺ - วางไว้ข้าง ๆ, ชะฺ - เช่นกัน, วิวิคทะฺ - เสวีฺ - อยู่ในที่สันโดษ, ลักฮุ-อาชีฺ - รับประทานปริมาณน้อย, ยะทะฺ - ความคุม, วาคฺ - การพูด, คายะฺ - ร่างกาย, มานะสะฮฺ - และจิตใจ, ดฺยานะ-โยกะ-พะระฮฺ - ซึมซาบในสมาธิ, นัทยัมฺ - วันละยี่สิบสี่ชั่วโมง, ไวรากยัมฺ - ไม่ยึดติด, สะมุพาชริทะฮฺ - เข้าพึ่ง, อฮังคารรัมฺ - อหังการ, บะลัมฺ - กำลังที่ผิด, ดารพัมฺ - ความยโสที่ผิด, คามัมฺ - ราคะ, โครดัฺมฺ - ความโกรธ, พะริกรา ฮัมฺ -และยอมรัมสิ่งของวัตถุ, วิมุชยะฺ - ถูกส่งจาก, นิรมะมะฮฺ - ไม่รู้สึกว่าเป็นเจ้าของ, ชานทะฮฺ - ความสงบ, บระฮมะ-บํูยายะฺ - เพื่อความรู้แจ้งแห่งตน, คัลพะเทฺ - มีคุณสมบัติ
คำแปลฺ
ได้รับความบริสุทธิ์จากปัญญาและควบคุมจิตใจด้วยความมุ่งมั่น ไม่ยุ่งกับอายตนะภายนอกเพื่อสนองประสาทสัมผัส เป็นอิสระจากการยึดติดและความเกลียดชัง เป็นผู้อยู่ในสถานที่สันโดษ รับประทานน้อย ควบคุมร่างกาย จิตใจและพลังในการพูด อยู่ในสมาธิเสมอ และไม่ยึดติด เป็นผู้ปราศจากอหังการอำนาจที่ผิด ความยโสที่ผิด ราคะ ความโกรธ และการยอมรับสิ่งของวัตถุปราศจากความเป็นเจ้าของที่ผิด และมีความสงบ บุคคลเช่นนี้แน่นอนว่าจะพัฒนาไปสู่สถานภาพการรู้แจ้งแห่งตน
คำอธิบายฺ
เมื่อบริสุทธิ์ขึ้นด้วยปัญญาเขาจะรักษาตัวให้อยู่ในระดับความดี ดังนั้น จึงเป็นผู้ควบคุมจิตใจได้และตั้งอยู่ในสมาธิเสมอ โดยไม่ยึดติดกับอายตนะภายนอกเพื่อสนองประสาทสัมผัส จึงเป็นอิสระจากการยึดติดและความเกลียดชังในกิจกรรมของตนเอง บุคคลที่ไม่ยึดติดเช่นนี้ โดยธรรมชาติชอบอยู่ในที่สันโดษไม่รับประทานอาหารมากเกินความจำเป็น ควบคุมกิจกรรมของร่างกายและจิตใจของตนเองได้ ไม่มีอหังการเพราะไม่ยอมรับว่าร่างกายเป็นตัวเขาเอง และไม่ปรารถนาที่จะทำให้ร่างกายอ้วนท้วนแข็งแรงจากการยอมรับเอาสิ่งของวัตถุต่าง ๆ มากมาย เนื่องจากไม่มีแนวคิดแห่งชีวิตทางร่างกายจึงไม่มีความยโสอย่างผิด ๆ มีความพึงพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้มาด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน ไม่มีความโกรธที่ไม่ได้สนองประสาทสัมผัสและไม่พยายามได้มาซึ่งอายตนะภายนอก เมื่อเป็นอิสระจากอหังการโดยสมบูรณ์และไม่ยึดติดกับสิ่งของวัตถุทั้งหลาย นั่นคือระดับความรู้แจ้งแห่งตนของ บระฮมันฺ ระดับนี้เรียกว่า บระฮมะ-บํูทะฺ เมื่อเป็นอิสระจากแนวคิดแห่งชีวิตทางวัตถุเขาจะไม่มีความเร่าร้อน ได้อธิบายไว้ใน ภควัต-คีตาฺ (2.70 ) ว่า
อาพูรยะมานัม อชะละ-พระทิชทัฺม
สะมุดรัม อาพะฮ พระวิชันทิ ยัดวัทฺ
ทัดวัท คามา ยัม พระวิชันทิ สารเว
สะ ชานทิม อาพโนทิ นะ คามะ-คามีฺ
“บุคคลผู้ไม่ถูกรบกวนจากความต้องการที่ไหลมาอย่างไม่หยุดยั้ง เหมือนกับแม่น้ำที่ไหลลงสู่มหาสมุทรซึ่งเต็มเปี่ยมแต่นิ่งสงบอยู่ตลอดเวลา เขาผู้นี้เท่านั้นที่ได้รับความสงบ ไม่ใช่บุคคลผู้ดิ้นรนเพื่อสนองความต้องการเหล่านี้”
บระฮมะ-บํูทะฮ พระสันนาทมา
นะ โชชะทิ นะ คางชะทิฺ
สะมะฮ สารเวชุ บํูเทชุ
มัด-บัฺคธิม ละบฺะเท พะรามฺ
บระฮมะ-บํูทะฮฺ - เป็นหนึ่งเดียวกับสัจธรรม, พระสันนะ-อาทมาฺ - มีความรื่นเริงเต็มที่, นะฺ - ไม่เคย, โชชะทิฺ - เศร้าโศก, นะฺ - ไม่เคย, คางคชะทิฺ - ปรารถนา, สะมะฮฺ - เสมอภาค, สารเวชฺุ - ทั้งหมด, บํูเทชฺุ - สิ่งมีชีวิต, มัท-บัฺคธิมฺ - การอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อข้า, ละบะ เทฺ - ได้รับ, พะรามฺ - ทิพย์
คำแปลฺ
ผู้ที่สถิตในระดับทิพย์จะรู้แจ้งบระฮมันสูงสุดในทันทีและจะมีความรื่นเริงอย่างเต็มเปี่ยม เขาจะไม่เศร้าโศกหรือปรารถนาจะได้สิ่งใด และเสมอภาคกับทุกชีวิตในระดับนั้น เขาบรรลุถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อข้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ
คำอธิบายฺ
สำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ การบรรลุถึงระดับ บระฮมะ-บํูทะฺ หรือกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับสัจธรรมจะเป็นคำสุดท้าย แต่สำหรับผู้ที่เชื่อในรูปลักษณ์ หรือสาวกผู้บริสุทธิ์จะก้าวไปไกลกว่านั้น โดยปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความบริสุทธิ์ เช่นนี้หมายความว่า ผู้ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อองค์ภควานอยู่ในระดับหลุดพ้นแล้วเรียกว่า บระฮมะ-บํูทะฺ หรือเป็นหนึ่งเดียวกับสัจธรรมเรียบร้อยแล้ว ปราศจากการมาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควานหรือสัจธรรมเราไม่สามารถถวายการรับใช้ต่อพระองค์ได้ ในแนวคิดที่สมบูรณ์จะไม่มีข้อแตกต่างระหว่างผู้รับ การรับใช้และผู้รับใช้ แต่ในระดับทิพย์ที่สูงกว่าจะมีข้อแตกต่าง
ในแนวคิดชีวิตทางวัตถุ เมื่อทำงานเพื่อสนองประสาทสัมผัสจะมีความทุกข์ยากลำบาก แต่ในโลกที่สมบูรณ์เมื่อปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความบริสุทธิ์ใจจะไม่มีความทุกข์ยาก สาวกในคริชณะจิตสำนึกไม่มีอะไรที่ต้องเศร้าโศกหรือต้องปรารถนาเนื่องจากองค์ภควานทรงมีความสมบูรณ์ สิ่งมีชีวิตผู้ปฏิบัติรับใช้พระองค์ในคริชณะจิตสำนึกกลายมาเป็นผู้มีความสมบูรณ์อยู่ในตัวเช่นกัน เขาเหมือนกับแม่น้ำที่ชะล้างน้ำสกปรกออกไปหมดแล้ว เนื่องจากสาวกผู้บริสุทธิ์ไม่มีความนึกคิดถึงสิ่งอื่นใดนอกจากคริชณะ จึงมีความรื่นเริงอยู่เสมอโดยธรรมชาติ จะไม่เศร้าโศกกับการสูญเสียทางวัตถุใด ๆ หรือปรารถนาจะได้กำไรสิ่งใด เนื่องจากอิ่มเอิบอยู่ในการรับใช้พระองค์เขาไม่มีความปรารถนาจะรื่นเริงทางวัตถุ เพราะรู้ว่าทุก ๆ ชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควาน ดังนั้น ทุก ๆ ชีวิตจึงเป็นผู้รับใช้นิรันดร เขาจะไม่มองตามแนวคิดทางวัตถุว่าบางคนสูงกว่าหรือบางคนต่ำกว่า สภาวะที่สูงกว่าและต่ำกว่านั้นไม่ถาวรสาวกไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับการปรากฏหรือการไม่ปรากฏที่ไม่ยั่งยืน สำหรับบุคคลเช่นนี้ทั้งก้อนหินหรือทองคำมีค่าเท่ากัน นี่คือระดับ บระฮมะ-บํูทะฺ และระดับนี้ สาวกผู้บริสุทธิ์บรรลุได้โดยง่ายดายในระดับแห่งความเป็นอยู่เช่นนี้ ความคิดที่จะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับ บระฮ มันฺ สูงสุดและทำลายความเป็นปัจเจกของตนเองเหมือนกับตกนรก ความคิดที่จะบรรลุถึงอาณาจักรสวรรค์กลายมาเป็นสิ่งหลอกลวง และประสาทสัมผัสนั้นเหมือนกับเขี้ยวของงูพิษที่หักไปแล้ว เฉกเช่นเราไม่กลัวงูพิษที่เขี้ยวหักเราก็จะไม่กลัวประสาทสัมผัสที่ควบคุมได้โดยปริยาย โลกนี้มีความทุกข์ยากสำหรับบุคคลที่ติดเชื้อโรคทางวัตถุ แต่สำหรับสาวกโลกทั้งโลกนั้นดีเท่า ๆ กับ ไวคุณธฺะฺ หรือท้องฟ้าทิพย์ บุคลสูงสุดในจักรวาลวัตถุนี้ไม่มีความสำคัญยิ่งไปกว่ามดตัวหนึ่งสำหรับสาวก ระดับจิตสำนึกเช่นนี้บรรลุได้ด้วยพระเมตตา ขององค์เชธันญะผู้ทรงสอนการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ในยุคนี้
บัฺคธยา มาม อบิฺจานาทิ
ยาวาน ยัช ชาสมิ ทัททวะทะฮฺ
ทะโท มาม ทัททวะโท กยาทวา
วิชะเท ทัด-อนันนทะรัมฺ
บัฺคธยาฺ - ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์, มามฺ - ข้า, อบิจานาทิฺ - เขาสามารถรู้, ยาวานฺ - มากเท่า ๆ กับ, ยะฮ ชะ อัสมิฺ - เหมือนข้าเป็น, ทัททวะทะฮฺ - ในความจริง, ทะทะฮฺ - หลังจากนั้น, มามฺ - ข้า, ทัททวะทะฮฺ - ในความจริง, กยาทวาฺ - รู้, วิชะเทฺ - เขาเข้าไป, ทัท-อนันทะรัมฺ - หลังจากนั้น
คำแปลฺ
บุคคลสามารถเข้าใจตามความเป็นจริงว่าข้าคือองค์ภควาน ก็ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้เท่านั้น และเมื่อมาอยู่ในจิตสำนึกแห่งข้าโดยสมบูรณ์ด้วยการอุทิศตนเสียสละเช่นนี้ เขาจะสามารถเข้าไปในอาณาจักรแห่งองค์ภควาน
คำอธิบายฺ
คริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าและส่วนที่สมบูรณ์ของพระองค์ ไม่สามารถเข้าใจได้ด้วยการคาดคะเนทางจิตหรือโดยผู้ไม่ใช่สาวก หากผู้ใดปรารถนาจะเข้าใจองค์ภควาน เขาต้องปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ภายใต้การชี้นำของสาวกผู้บริสุทธิ์ มิฉะนั้น ความจริงเกี่ยวกับองค์ภควานจะถูกซ่อนเร้นอยู่เสมอ ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตาฺ (7.25 ) ว่า นาฮัม พระคาชะฮ สารวัสยะฺ พระองค์ทรงไม่เปิดเผยกับทุก ๆ คน ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจองค์ภควานด้วยการมาเป็นนักวิชาการผู้คงแก่เรียนหรือเป็นนักคาดคะเนทางจิต ผู้ที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกและอุทิศตนเสียสละรับใช้จริง ๆ เท่านั้นจึงสามารถเข้าใจว่าคริชณะคือใคร แม้ปริญญาบัตรจากมหาวิทยาลัยอะไรก็ช่วยไม่ได้
ผู้มีความชำนาญมากในศาสตร์แห่งคริชณะมีสิทธิ์ที่จะเข้าไปในอาณาจักรทิพย์หรือพระตำหนักของพระองค์ การกลายมาเป็น บระฮมันฺ มิได้หมายความว่าสูญเสียบุคลิกลักษณะของตนเอง ตราบใดที่การอุทิศตนเสียสละรับใช้มีอยู่ จะต้องมีองค์ภควานมีสาวก และมีวิธีการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ความรู้เช่นนี้ไม่สูญหายแม้หลังจากหลุดพ้นไปแล้ว การหลุดพ้นหมายถึงเป็นอิสระจากแนวคิดชีวิตทางวัตถุ ในชีวิตทิพย์มีข้อแตกต่างเช่นเดียวกันและมีความเป็นปัจเจกบุคคลเช่นเดียวกันแต่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ เราไม่ควรคิดผิด ๆ กับคำว่า วิชะเทฺ หรือ “เข้ามาในข้า” ว่าไปสนับสนุนทฤษฏีของผู้ที่เชื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน ว่าเราจะกลายมาเป็นเนื้อเดียวกันกับ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ มันไม่ใช่ คำว่า วิชะเทฺ หมายความว่าเขาสามารถเข้าไปในพระตำหนักขององค์ภควานในความเป็นปัจเจกของตนเอง เพื่อปฏิบัติอย่างใกล้ชิดและถวายการรับใช้แด่พระองค์ ตัวอย่างเช่น นกสีเขียวไปอยู่บนต้นไม้สีเขียว ไม่ใช่เพื่อกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับต้นไม้แต่เพื่อรื่นเริงกับผลไม้บนต้น พวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์โดยทั่วไปให้ตัวอย่างว่าแม่น้ำไหลลงไปในมหาสมุทรและกลืนหายไป เช่นนี้อาจเป็นเหตุแห่งความสุขสำหรับผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ แต่ผู้เชื่อในรูปลักษณ์จะรักษาความเป็นปัจเจกบุคคลของตนเองเหมือนกับสัตว์น้ำในมหาสมุทร เราจะพบสิ่งมีชีวิตมากมายภายใต้มหาสมุทรหากเราดำลึกลงไป ความคุ้นเคยกับผิวน้ำของมหาสมุทรไม่เพียงพอ เราจะต้องมีความรู้เกี่ยวกับชีวิตสัตว์น้ำในส่วนลึกของมหาสมุทรอย่างสมบูรณ์ด้วย
ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ สาวกจึงสามารถเข้าใจคุณลักษณะทิพย์และความมั่งคั่งขององค์ภควานตามความเป็นจริง ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทที่สิบเอ็ดว่าด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้เท่านั้นที่เราสามารถเข้าใจ ได้ยืนยันไว้ ณ ที่นี้เช่นเดียวกันว่าเราสามารถเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าได้ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้ แล้วจึงเข้าไปในอาณาจักรของพระองค์
หลังจากบรรลุถึงระดับ บระฮมะ-บํูทะฺ ที่เป็นอิสระจากแนวคิดทางวัตถุ การอุทิศตนเสียสละรับใช้เริ่มต้นจากการสดับฟังเกี่ยวกับองค์ภควาน เมื่อสดับฟังเกี่ยวกับพระองค์ ระดับ บระฮมะ-บํูทะฺ ก็จะพัฒนาโดยปริยาย และมลทินทางวัตถุเช่น ความโลภ และ ราคะ เพื่อรื่นเริงทางประสาทสัมผัสจะเลือนหายไป ขณะที่ราคะและความปรารถนาเลือนหายไปจากหัวใจของสาวก ท่านจะยึดมั่นกับการรับใช้พระองค์มากยิ่งขึ้น และจากการยึดมั่นเช่นนี้ทำให้เป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุ ชีวิตในระดับนั้นจึงสามารถเข้าใจองค์ภควาน นี่คือข้อความจาก ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ หลังจากหลุดพ้นแล้ววิธีแห่ง บัฺคธิฺ หรือการอุทิศตนเสียสละรับใช้ทิพย์จะดำเนินต่อไป เวดานธะ-สูทระฺ(4.1.12 ) ยืนยันดังนี้ อา-พรายะณาท ทะทราพิ ฮิ ดริชทัมฺ หมายความว่า หลังจากหลุดพ้นแล้ววิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้จะดำเนินต่อไป ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ ความหลุดพ้นแห่งการอุทิศตนเสียสละที่แท้จริง นิยามว่าสิ่งมีชีวิตกลับคืนมาสู่บุคลิกลักษณะของตนเองเหมือนดังเดิม สถานภาพเดิมแท้ได้อธิบายไว้แล้วว่าทุก ๆ ชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควาน ดังนั้น สถานภาพเดิมแท้คือการรับใช้ หลังจากหลุดพ้นไปแล้วการรับใช้เช่นนี้ไม่มีวันหยุดลง อันที่จริงการหลุดพ้นคือเป็นอิสระจากแนวคิดชีวิตที่ผิด
สารวะ-คารมานิ อพิ สะดา
คุรวาโณ มัด-วิยะพาชระยะฮฺ
มัท-พระสาดาด อวาพโนทิ
ชาชวะทัม พะดัม อัพยะยัมฺ
สารวะฺ - ทั้งหมด, คารมาณิฺ - กิจกรรม, อพิฺ - ถึงแม้ว่า, สะดาฺ - เสมอ, คุรวาณะฮฺ - ปฏิบัติ, มัทฺ - วิยะพาชระยะฮฺ - ภายใต้การปกป้องของข้า, มัท-พระสาดาทฺ - ด้วยความเมตตาของข้า, อวาพโนทิฺ - เขาบรรลุ, ชาชวะทัมฺ - ความเป็นอมตะ, พะดัมฺ - พระตำหนัก, อัพยะยัมฺ - ไม่มีวันสูญสลาย
คำแปลฺ
แม้ปฏิบัติในกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งหลาย สาวกผู้บริสุทธิ์ ภายใต้การปกป้องของข้าบรรลุถึงพระตำหนักอมตะและไม่มีวันสูญสลาย ด้วยพระกรุณาธิคุณของข้า
คำอธิบายฺ
คำว่า มัด-วิยะพาชระยะฮฺ หมายถึงภายใต้การปกป้องขององค์ภควาน การเป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุ สาวกผู้บริสุทธิ์ปฏิบัติภายใต้การกำกับของภควานหรือพระอาจารย์ทิพย์ซึ่งเป็นผู้แทนของพระองค์ ไม่มีการจำกัดเวลาสำหรับสาวกผู้บริสุทธิ์ ท่านปฏิบัติในกิจกรรมภายใต้การกำกับขององค์ภควาน วันละยี่สิบสี่ชั่วโมงร้อยเปอร์เซ็นต์ สำหรับสาวกผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเช่นนี้พระองค์ทรงมีพระเมตตามาก ถึงแม้จะมีความยากลำบากนานัปการ ท่านจะถูกนำพาไปยังพระตำหนักทิพย์หรือคริชณะโลคะในอนาคตซึ่งรับประกันได้โดยไม่ต้องสงสัย ณ พระตำหนักสูงสุดนี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอมตะ ไม่มีการสูญสลาย และเปี่ยมไปด้วยความรู้
เชทะสา สารวะ-คารมาณิ
มะยิ สันนยัสยะ มัท-พะระฮฺ
บุดดิฺ-โยกัม อุพาชริทยะ
มัช-ชิททะฮ สะทะทัม บฺะวะฺ
เชทะสาฺ - ด้วยปัญญา, สารวะ-คารมาณิฺ - กิจกรรมต่าง ๆ ทั้งหลาย, มะยิฺ - แด่ข้า, สันนยัสยะฺ - ยกเลิก, มัท-พะระฮฺ - ภายใต้การปกป้องของข้า, บุดดิฺ-โยกัมฺ - กิจกรรมการอุทิศตนเสียสละ, อุพาชริทยะฺ - เป็นที่พึ่ง, มัท-ชิททะฮฺ - ในจิตสำนึกแห่งข้า, สะทะทัมฺ - วันละยี่สิบสี่ชั่วโมง, บฺะวะฺ - จงมาเป็น
คำแปลฺ
ในกิจกรรมทั้งหลาย จงขึ้นอยู่กับข้าและทำงานภายใต้การปกป้องของข้าเสมอด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้เช่นนี้ จงมีจิตสำนึกอยู่ที่ข้าโดยสมบูรณ์
คำอธิบายฺ
เมื่อปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก เราไม่ทำตัวว่าเป็นเจ้าโลก เฉกเช่นผู้รับใช้ควรปฏิบัติภายใต้การชี้นำขององค์ภควานอย่างสมบูรณ์ ผู้รับใช้ไม่มีปัจเจกอิสรภาพแต่จะปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายเท่านั้น ผู้รับใช้ปฏิบัติเพื่อเจ้านายสูงสุดโดยไม่ได้รับผลกระทบจากกำไรหรือขาดทุน เพียงแต่ปฏิบัติหน้าที่ของตนด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามคำสั่งขององค์ภควาน บัดนี้อาจมีคนเถียงว่าอารจุนะทรงปฏิบัติภายใต้การชี้นำโดยตรงของคริชณะ แต่เมื่อคริชณะทรงไม่ปรากฏเราควรจะปฏิบัติอย่างไร? หากเราปฏิบัติตามคำแนะนำของคริชณะจากหนังสือเล่มนี้ พร้อมทั้งอยู่ภายใต้การนำทางของผู้แทนของคริชณะผลจะเหมือนกัน คำสันสกฤต มัท-พะระฮฺ สำคัญมากในโศลกนี้ แสดงว่าไม่มีจุดมุ่งหมายอื่นใดในชีวิต นอกจากปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเพื่อให้คริชณะทรงพอพระทัยขณะทำงานเช่นนี้ควรระลึกถึงคริชณะเท่านั้น โดยคิดว่า “คริชณะทรงเลือกข้าให้มาทำหน้าที่นี้โดยเฉพาะ” ขณะปฏิบัติเช่นนี้เราควรระลึกถึงคริชณะ โดยธรรมชาตินี่คือความสมบูรณ์แห่งคริชณะจิตสำนึก อย่างไรก็ดี ควรสังเกตว่าหลังจากกระทำบางสิ่งบางอย่างตามอำเภอใจเราไม่ควรถวายผลนั้นต่อพระองค์ หน้าที่เช่นนี้ไม่อยู่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ของคริชณะจิตสำนึก เราควรจะปฏิบัติตามคำสั่งของคริชณะ นี่คือประเด็นที่สำคัญมาก คำสั่งของคริชณะผ่านทางระบบพะรัมพะรา จากพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ ดังนั้น คำสั่งของพระอาจารย์ทิพย์ควรถือว่าเป็นหน้าที่ที่สำคัญที่สุดในชีวิต หากเรามีพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้และปฏิบัติตามการชี้แนะของท่าน ความสมบูรณ์แห่งชีวิตในคริชณะจิตสำนึกจะเป็นที่รับประกัน
มัช-ชิททะฮ สารวะ-ดุรกาณิ
มัท-พระสาดาท ทะริชยะสิฺ
อทฺะ เชท ทวัม อฮังคาราน
นะ ชโรชยะสิ วินังคชยะสิฺ
มัทฺ - ของข้า, ชิทะฮฺ - อยู่ในจิตสำนึก, สารวะฺ - ทั้งหมด, ดุรกาณิฺ - อุปสรรค, มัท-พระสา ดาทฺ - ด้วยพระเมตตาของข้า, ทะริชยะสิฺ - เธอจะข้ามพ้น, อทฺะฺ - แต่, เชทฺ - หาก, ทวัมฺ - เธอ, อฮังคาราทฺ - ด้วยอหังการ, นะ ชโรชยะสิฺ - ไม่ฟัง, วินังคชยะสิฺ - เธอจะสูญเสีย
คำแปลฺ
หากมีจิตสำนึกอยู่ที่ข้า เธอจะข้ามพ้นอุปสรรคแห่งพันธชีวิตทั้งหมดด้วยพระกรุณาธิคุณของข้า อย่างไรก็ดี หากเธอไม่ทำงานในจิตสำนึกเช่นนี้ แต่ทำตามอหังการ ไม่เชื่อฟังข้า เธอจะสูญเสีย
คำอธิบายฺ
บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่กระตือรือร้นเกินควรเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่เพื่อความเป็นอยู่ของตน คนโง่เขลาไม่สามารถเข้าใจความเป็นอิสระเสรีจากความวิตกกังวลทั้งหมดนี้ สำหรับผู้ที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก องค์ชรีคริชณะทรงกลายมาเป็นสหายสนิทที่สุด พระองค์ทรงดูแลความสะดวกสบายของสหายเสมอ และทรงให้ตัวพระองค์เองแก่สหายผู้ปฏิบัติวันละยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยการอุทิศตนเสียสละเพื่อให้พระองค์พอพระทัย ดังนั้น ไม่ควรมีผู้ใดถูกอหังการแห่งแนวคิดชีวิตทางวัตถุนำพาไป เราไม่ควรคิดผิด ๆ ว่าตนเองเป็นอิสระจากกฎแห่งธรรมชาติหรือเป็นอิสระในการกระทำ เราอยู่ภายใต้กฎอันเข้มงวดแห่งวัตถุ แต่ทันทีที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเราจะหลุดพ้นเป็นอิสระจากความสับสนทางวัตถุ ควรสังเกตอย่างรอบคอบว่าผู้ที่ไม่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกกำลังสูญเสียตนเองไปในวังวนแห่งวัตถุ ในมหาสมุทรแห่งการเกิดและการตาย ไม่มีพันธวิญญาณดวงไหนรู้อย่างแท้จริงว่าอะไรควรทำและอะไรไม่ควรทำ แต่บุคคลผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเป็นอิสระในการกระทำ เพราะว่าคริชณะทรงเป็นผู้กระตุ้นทุกสิ่งทุกอย่างจากภายใน และพระอาจารย์ทิพย์จะยืนยันเพื่อให้ความมั่นใจ
ยัค อฮังคารัม อาชริทยะ
นะ โยทสยะ อิทิ มันยะเสฺ
มิทฺไยชะ วิยะวะสายัส เท
พระคริทิส ทวาม นิโยคชยะทิฺ
ยัทฺ - หาก, อฮังคารัมฺ - ของอหังการ, อาชริทยะฺ - ไปพึ่ง, นะ โยทสเยฺ - ข้าจะไม่สู้รบ, อิทิฺ - ดังนั้น, มันยะเสฺ - เธอคิด, มิทฺยา เอชะฮฺ - เช่นนี้ผิดทั้งหมด, วิยะวะสายะฮฺ - ความมุ่งมั่น, เทฺ - ของเธอ, พระคริทิฮฺ - ธรรมชาติวัตถุ, ทวามฺ - เธอ, นิโยคชยะทิฺ - จะปฏิบัติ
คำแปลฺ
หากไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของข้า และไม่ต่อสู้ เธอจะถูกนำไปในทางที่ผิด ตามธรรมชาติของเธอ เธอจะต้องต่อสู้ในสงคราม
คำอธิบายฺ
อารจุนะทรงเป็นทหารซึ่งเกิดจากธรรมชาติแห่งความเป็น คชัทริยะฺ ดังนั้นหน้าที่โดยธรรมชาติคือการต่อสู้ แต่เนื่องจากอหังการจึงกลัวว่าเมื่อสังหารครูบาอาจารย์ เสด็จปู่ และบรรดาสหาย จะได้รับผลบาป อันที่จริงอารจุนะทรงพิจารณาว่าตนเองเป็นเจ้านายแห่งการกระทำของตน ประหนึ่งว่าตนเองเป็นผู้กำกับผลดีและผลเสียของงานนี้ โดยลืมไปว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่เคียงข้างและทรงสอนให้อารจุนะต่อสู้นั่นคือการลืมของพันธวิญญาณ องค์ภควานทรงให้คำชี้นำว่าอะไรดีและอะไรไม่ดี เราเพียงแต่ต้องปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกเพื่อบรรลุถึงความสมบูรณ์แห่งชีวิต ไม่มีผู้ใดมีความมั่นใจในชะตากรรมของตนเองเท่ากับพระองค์ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือรับเอาคำสั่งจากพระองค์และปฏิบัติตาม ไม่มีผู้ใดควรปฏิเสธคำสั่งขององค์ภควาน หรือคำสั่งของพระอาจารย์ทิพย์ซึ่งเป็นผู้แทนของพระองค์ เราควรกระทำโดยไม่ลังเลในการปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ภควาน เช่นนี้จะรักษาตัวเราให้ปลอดภัยภายใต้สถานการณ์ทั้งปวง
สวะบฺาวะ-เจนะ คะอุนเทยะ
นิบัดดฺะฮ สเวนะ คารมะณาฺ
คารทุม เนชชฺะสิ ยัน โมฮาท
คะริชยะสิ เอวะโช ่พิ ทัทฺ
สวะบฺาวะ-เจนะฺ - เกิดจากธรรมชาติของตัวเธอเอง, คะอุนเทยะฺ - โอ้ โอรสพระนางคุนที, นิบัดดฺะฮฺ - พันธสภาวะ, สเวนะฺ - จากตัวเธอ, คารมะณาฺ - กิจกรรม, คารทุมฺ - กระทำ, นะฺ - ไม่, อิช ชฺะสิฺ - เธอชอบ, ยัทฺ - นั้นซึ่ง, โมฮาทฺ - ด้วยความหลง, คะริชยะสิฺ - เธอจะทำ, อวะชะฮฺ - ไม่อาสา, อพิฺ - แม้, ทัทฺ - นั้น
คำแปลฺ
ภายใต้ความหลง บัดนี้เธอปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำของข้า แต่ถูกบังคับด้วยงานที่เกิดจากธรรมชาติของตัวเธอเอง เธอจะต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน โอ้โอรสพระนางคุนที
คำอธิบายฺ
หากปฏิเสธในการปฏิบัติภายใต้คำแนะนำขององค์ภควาน เราจะถูกบังคับให้ปฏิบัติภายใต้ระดับต่าง ๆ ที่ตนเองสถิต ทุกคนอยู่ภายใต้มนต์สะกดของการผสมผสานโดยเฉพาะของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติ และปฏิบัติไปตามแนวทางนั้น แต่หากผู้ใดอาสามาปฏิบัติภายใต้คำแนะนำขององค์ภควาน ผู้นั้นจะได้รับการสรรเสริญ
อีชวะระฮ สารวะ-บํูทานาม
ฮริด-เดเช ่รจุนะ ทิชทฺะทิฺ
บฺรามะยัน สารวะ-บํูทานิ
ยันทรารูดฺานิ มายะยาฺ
อีชวะระฮฺ - องค์ภควาน, สารวะ-บํูทานามฺ - ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, ฮริท-เดเชฺ - อยู่ในหัวใจ, อารจุนะฺ - โอ้ อารจุนะ, ทิชทฺะทิฺ - อาศัย, บฺรามะยันฺ - เป็นเหตุให้เดินทาง, สารวะ- บํูทานิฺ - มวลชีวิต, ยันทระฺ - บนเครื่องจักร, อารูดฺะนิฺ - ถูกวาง, มายะยาฺ - ภายใต้มนต์สะกดของพลังงานวัตถุ
คำแปลฺ
องค์ภควานทรงสถิตภายในหัวใจของทุก ๆ คน โอ้ อารจุนะ และทรงชี้นำการเดินทางของมวลชีวิตผู้เสมือนกับนั่งอยู่บนเครื่องจักรที่ผลิตจากพลังงานวัตถุ
คำอธิบายฺ
อารจุนะทรงไม่ใช่ผู้รู้สูงสุดและการตัดสินใจในการสู้หรือไม่สู้อยู่ในขอบเขตของดุลยพินิจที่จำกัดของตนเอง องค์คริชณะทรงสั่งสอนว่าปัจเจกชีวิตมิใช่ทุกสิ่งทุกอย่างบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าหรือคริชณะเองในฐานะที่เป็นอภิวิญญาณทรงประทับอยู่ภายในหัวใจและทรงชี้แนะสิ่งมีชีวิต หลังจากเปลี่ยนร่างกายแล้วสิ่งมีชีวิตลืมกรรมเก่าในอดีตของตน แต่อภิวิญญาณในฐานะที่เป็นผู้รู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ยังทรงเป็นพยานในกิจกรรมของเขาทั้งหมด ดังนั้น กิจกรรมทั้งหลายของสิ่งมีชีวิต อภิวิญญาณทรงเป็นผู้ชี้นำ สิ่งมีชีวิตได้รับสิ่งที่ตนควรได้ และร่างวัตถุซึ่งสร้างขึ้นมาจากพลังงานวัตถุนำพาไปภายใต้การชี้นำของอภิวิญญาณ ทันทีที่สิ่งมีชีวิตถูกวางให้อยู่ในร่างอะไรก็แล้วแต่ เขาต้องทำงานภายใต้มนต์สะกดของสถานการณ์ทางร่างกายนั้น บุคคลนั่งอยู่ในรถที่มีความเร็วสูงจะไปได้เร็วกว่าผู้ที่นั่งในรถที่ช้ากว่า ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตหรือคนขับอาจจะเหมือนกัน ในทำนองเดียวกัน จากคำสั่งของดวงวิญญาณสูงสุด ธรรมชาติวัตถุออกแบบร่างกายที่เหมาะสมสำหรับสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะเพื่อเขาอาจทำงานตามความปรารถนาของตนในอดีต ซึ่งสิ่งมีชีวิตไม่เป็นอิสระ เราไม่ควรคิดว่าตนเองเป็นอิสระจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ปัจเจกชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์ภควานเสมอฉะนั้น หน้าที่ของเขาคือศิโรราบ และนั่นคือคำสอนของโศลกต่อไป
ทัม เอวะ ชะระณัม กัชชฺะ
สารวะ-บฺาเวนะ บฺาระทะฺ
ทัท-พระสาดาท พะราม ชานทิม
สทฺานัม พราพสยะสิ ชาชวะทัมฺ
ทัมฺ - แด่พระองค์, เอวะฺ - แน่นอน, ชะระณัม กัชชฺะฺ - ศิโรราบ, สารวะ-บฺาเวนะฺ - ในทุก ๆด้าน, บฺาระทะฺ - โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะฺ, ทัท-พระสาดาทฺ - ด้วยพระกรุณาของพระองค์, พะรามฺ - ทิพย์, ชานทิมฺ - ความสงบ, สทฺานัมฺ - พระตำหนัก, พราพสยะสิฺ - เธอจะได้รับ, ชาชวะทัมฺ - อมตะ
คำแปลฺ
โอ้ ผู้สืบราชวงศ์แห่งบฺาระทะ จงเปล่งคำศิโรราบต่อองค์ภควาน ด้วยพระกรุณาธิคุณของพระองค์ เธอจะบรรลุถึงความสงบทิพย์ และบรรลุถึงพระตำหนักสูงสุดนิรันดร
คำอธิบายฺ
ดังนั้น สิ่งมีชีวิตควรศิโรราบต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้ทรงสถิตภายในหัวใจของทุก ๆ คน และนั่นจะปลดเปลื้องตัวเขาให้ออกจากความทุกข์แห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุทั้งปวง จากการศิโรราบนี้ ไม่เพียงแต่จะได้รับการปลดเปลื้องจากความทุกข์ทั้งหลายในชาตินี้ แต่ในบั้นปลายเขาจะบรรลุถึงองค์ภควาน ในวรรณกรรมพระเวท(ริก เวดะฺ 1.22.20 ) ได้อธิบายถึงโลกทิพย์ว่า ทัด วิชโณฮ พะระมัม พะดัมฺ เนื่องจากการสร้างทั้งหมดเป็นอาณาจักรของพระองค์ ทุกสิ่งทางวัตถุอันที่จริงก็เป็นทิพย์ แต่พะระมัม พะดัมฺ หมายถึงเฉพาะพระตำหนักนิรันดร ซึ่งเรียกว่าท้องฟ้าทิพย์ หรือ ไวคุณธฺะฺ
บทที่สิบห้าของ ภควัต-คีตาฺ กล่าวไว้ว่า สารวัสยะ ชาฮัม ฮริดิ สันนิวิชทะฮฺองค์ภควานทรงสถิตภายในหัวใจของทุก ๆ คน ดังนั้น การแนะนำที่ว่าควรศิโรราบต่ออภิวิญญาณผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจหมายความว่าควรศิโรราบต่อภควานคริชณะอารจุนะทรงยอมรับว่าคริชณะทรงเป็นบุคคลสูงสุด ในบทที่สิบทรงได้รับการยอมรับว่าเป็น พะรัม บระฮมะ พะรัม ดฺามะฺ อารจุนะยอมรับคริชณะว่าทรงเป็นองค์ภควาน และทรงเป็นพระตำหนักสูงสุดของมวลชีวิต ไม่เฉพาะแต่ประสบการณ์ส่วนตัวของอารจุนะเท่านั้น แต่จากหลักฐานของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่เชื่อถือได้ เช่น นาระดะ อสิทะเดวะละ และวิยาสะ
อิทิ เท กยานัม อาคฺยาทัม
กุฮยาด กุฮยะทะรัม มะยาฺ
วิมริชไยทัด อเชเชณะ
ยะเทฺชชฺะสิ ทะทฺา คุรฺุ
อิทิฺ - ดังนั้น, เทฺ - แด่เธอ, กยานัมฺ - ความรู้, อาคฺยาทัมฺ - อธิบาย, กุฮยาทฺ - ลับกว่า, กุฮยะ-ทะรัมฺ - ยิ่งลับขึ้นไปอีก, มะยาฺ - โดยข้า, วิมริชยะฺ - พิจารณา, เอทัทฺ - เกี่ยวกับเรื่องนี้, อเชเชณะฺ - อย่างรอบคอบ, ยะทฺาฺ - ประหนึ่ง, อิชชฺะสิฺ - เธอชอบ, ทะทฺาฺ - นั้น, คุรฺุ - ปฏิบัติ
คำแปลฺ
ข้าได้อธิบายแก่เธอถึงความรู้ที่ลับขึ้นไปอีก จงพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบจากนั้นก็ทำตามที่เธอปรารถนา
คำอธิบายฺ
องค์ภควานทรงอธิบายแก่อารจุนะถึงความรู้แห่ง บระฮมะ-บํูทะฺ บุคคลที่อยู่ในสภาวะ บระฮมะ-บํูทะฺ มีความรื่นเริง ไม่เคยเศร้าโศก หรือต้องการสิ่งใด เช่นนี้เนื่องมาจากรู้ความลับนี้ คริชณะทรงเปิดเผยความรู้แห่งองค์อภิวิญญาณให้ ซึ่งเป็นความรู้ บระฮมันฺ เช่นกัน แต่เป็นความรู้ บระฮมันฺ ที่สูงกว่า
ณ ที่นี้ คำว่า ยะเทฺชชฺะสิ ทะทฺา คุรฺุ -“ตามที่เธอชอบ เธออาจปฏิบัติได้”- เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าองค์ภควานทรงไม่ก้าวก่ายกับเสรีภาพเล็กน้อยที่สิ่งมีชีวิตมี ใน ภควัต- คีตาฺ พระองค์ทรงอธิบายถึงทุกแง่ทุกมุมว่าเราสามารถพัฒนาสภาวะความเป็นอยู่ของเราได้อย่างไร คำแนะนำที่ดีที่สุดได้ให้แก่อารจุนะว่า จงศิโรราบต่อองค์อภิวิญญาณผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจของตนเอง จากการแยกแยะอย่างถูกต้อง เราควรตกลงปลงใจที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของอภิวิญญาณ เช่นนี้จะช่วยให้เราสถิตในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ ซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์สูงสุดของชีวิตมนุษย์ อารจุนะได้รับคำสั่งโดยตรงจากบุคลิกภาพแห่งพระเจ้าให้ต่อสู้ การศิโรราบต่อพระองค์จะเป็นผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของสิ่งมีชีวิต ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ขององค์ภควาน ก่อนการศิโรราบเรามีอิสระเสรีในการพิจารณาเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าที่สติปัญญาจะอำนวยให้ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการที่จะยอมรับคำสั่งสอนขององค์ภควาน คำสั่งสอนเช่นนี้จะถูกถ่ายทอดผ่านมาทางพระอาจารย์ทิพย์ซึ่งเป็นผู้แทนที่เชื่อถือได้ของคริชณะเช่นกัน
สารวะ-กุฮยะทะมัม บํูยะฮ
ชริณุ เม พะระมัม วะชะฮฺ
อิชโท ่สิ เม ดริดัฺม อิทิ
ทะโท วัคชยามิ เท ฮิทัมฺ
สารวะ-กุฮยะ-ทะมัมฺ - ลับที่สุด, บํูยะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง, ชริณฺุ - จงฟัง, เมฺ - จากข้า, พะระ มัมฺ - สูงสุด, วะชะฮฺ - คำสั่งสอน, อิชทะฮ อสิฺ - เธอเป็นที่รัก, เมฺ - ของข้า, ดริดัฺมฺ - มาก, อิทิฺ - ดังนั้น, ทะทะฮฺ - ดังนั้น, วัคชยามิฺ - ข้าตรัส, เทฺ - เพื่อเธอ, ฮิทัมฺ - ประโยชน์
คำแปลฺ
เนื่องจากเธอเป็นสหายที่ข้ารักมาก ข้าจึงตรัสคำสั่งสอนสูงสุดนี้แก่เธอ ซึ่งเป็นความรู้ที่ลับสุดยอด จงฟังจากข้าเพื่อประโยชน์ของเธอ
คำอธิบายฺ
ความรู้ที่เป็นความลับที่องค์ภควานทรงให้แก่อารจุนะคือ“ความรู้บระฮมันฺ”ความรู้ที่ลับยิ่งไปกว่านี้คือ “ความรู้องค์อภิวิญญาณภายในหัวใจของทุกคน” และมาบัดนี้พระองค์ทรงให้ส่วนที่เป็นความลับที่สุดของความรู้คือ เพียงแต่ศิโรราบต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ในตอนท้ายของบทที่เก้าพระองค์ตรัสว่า มัน-มะนาฮฺ“เพียงแต่ระลึกถึงข้าเสมอ” คำสอนเดียวกันนี้ได้ตรัสซ้ำ ณ ที่นี้เพื่อเน้นถึงแก่นสารสาระสำคัญแห่งคำสั่งสอนของ ภควัต-คีตาฺ แก่นสารสาระสำคัญนี้บุคคลธรรมดาทั่วไปจะไม่เข้าใจ แต่ผู้เป็นที่รักยิ่งอันแท้จริงของคริชณะหรือสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์จึงจะเข้าใจ นี่คือคำสั่งสอนที่สำคัญที่สุดในวรรณกรรมพระเวททั้งหมด สิ่งที่คริชณะตรัสเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุดแห่งความรู้ และไม่เพียงอารจุนะเท่านั้นที่ทรงควรปฏิบัติแต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดควรปฏิบัติตาม
มัน-มะนา บฺะวะ มัด-บัฺคโธ
มัด-ยาจี มาม นะมัสคุรฺุ
มาม เอไวชยะสิ สัทยัม เท
พระทิจาเน พริโย ่สิ เมฺ
มัท-มะนาฮฺ - ระลึกถึงข้า, บฺะวะฺ - เพียงมาเป็น, มัท-บัฺคธะฮฺ - สาวกของข้า, มัทยาจีฺ - เป็นผู้บูชาข้า, มามฺ - แด่ข้า, นะมัสคุรฺุ - ถวายความเคารพ, มามฺ - แด่ข้า, เอวะฺ - แน่นอน, เอชยะสิฺ - เธอจะมา, สัทยัมฺ - อย่างแท้จริง, เทฺ - แก่เธอ, พระทิจาเนฺ - ข้าสัญญา, พริยะฮฺ - ที่รัก, อสิฺ - เธอเป็น, เมฺ - ของข้า
คำแปลฺ
ระลึกถึงข้าเสมอ มาเป็นสาวกของข้า บูชาข้า และถวายความเคารพแด่ข้า ดังนี้เธอจะมาหาข้าอย่างแน่นอน ข้าสัญญาเช่นนี้เพราะเธอเป็นสหายที่รักยิ่งของข้า
คำอธิบายฺ
ส่วนลับที่สุดของความรู้คือมาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ของคริชณะ ระลึกถึงพระองค์เสมอ และปฏิบัติเพื่อพระองค์ เราไม่ควรมาเป็นนักปฏิบัติสมาธิแค่เป็นเพียงพิธีกรรมแต่ควรหล่อหลอมชีวิตให้มีโอกาสระลึกถึงคริชณะเสมอ เราควรปฏิบัติในวิธีที่กิจกรรมประจำวันของเราทั้งหมดเชื่อมสัมพันธ์กับคริชณะและควรตระเตรียมชีวิตให้เป็นเช่นนี้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนไม่สามารถคิดถึงอย่างอื่นนอกจากคริชณะ และคำสัญญาขององค์ภควานก็คือผู้ใดที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกที่บริสุทธิ์เช่นนี้จะกลับคืนสู่พระตำหนักของพระองค์ สถานที่ที่เราจะปฏิบัติอย่างใกล้ชิดและอยู่กับคริชณะซึ่ง ๆ หน้า ส่วนลับที่สุดของความรู้นี้ได้ตรัสแก่อารจุนะเพราะว่าอารจุนะทรงเป็นสหายรักของ คริชณะ ทุกๆ คนที่ปฏิบัติตามวิถีทางของอารจุนะจะกลายมาเป็นสหายรักของคริชณะและจะบรรลุถึงความสมบูรณ์เหมือนกับอารจุนะ
คำพูดเหล่านี้เน้นว่า เราควรตั้งสมาธิจิตอยู่ที่คริชณะ รูปลักษณ์สองกร ทรงขลุ่ย เด็กน้อยที่มีผิวสีน้ำเงิน มีดวงหน้าอันงดงาม และมีหางนกยูงประดับอยู่ที่พระเกศามีคำพรรณนาถึงคริชณะที่พบใน บระฮมะ-สัมฮิทาฺ และวรรณกรรมอื่น ๆ เราควรตั้งจิตมั่นอยู่ที่รูปลักษณ์เดิมแท้ขององค์ภควานชรีคริชณะโดยไม่เบี่ยงเบนความสนใจไปที่รูปลักษณ์อื่นใดของพระองค์ องค์ภควานทรงมีรูปลักษณ์มากมายเช่น พระวิชณุ พระนารายณ์ พระราม พระวะราฮะ ฯลฯ แต่สาวกควรตั้งสมาธิจิตอยู่ที่รูปลักษณ์ที่ทรงปรากฏอยู่ต่อหน้าอารจุนะ การตั้งสมาธิจิตอยู่ที่คริชณะเป็นส่วนลับที่สุดของความรู้และได้เปิดเผยต่ออารจุนะเช่นนี้ เพราะว่าอารจุนะทรงเป็นสหายที่รักยิ่งของคริชณะ
สารวะ-ดฺารมาน พะริยัจยะ
มาม เอคัม ชะระณัม วระจะฺ
อฮัม ทวาม สารวะ-พาเพบฺโย
โมคชะยิชยามิ มา ชุชะฮฺ
สารวะ-ดฺารมานฺ - ศาสนาทั้งหลาย, พะริทยัจยะฺ - ยกเลิก, มามฺ - แด่ข้า, เอคัมฺ - เท่านั้น, ชะระณัมฺ - เพื่อศิโรราบ, วระจะฺ - ไป, อฮัมฺ - ข้า, ทวามฺ - เธอ, สารวะฺ - ทั้งหมด, พาเพบฺ- ยะฮฺ - จากผลบาป, โมคชะยิชยามิฺ - จะส่ง, มาฺ - ไม่, ชุชะฮฺ - วิตก
คำแปลฺ
ยกเลิกศาสนาทั้งหมด และเพียงแต่ศิโรราบต่อข้า ข้าจะส่งเธอให้ออกจากผลบาปทั้งปวง จงอย่ากลัว
คำอธิบายฺ
องค์ภควานทรงอธิบายความรู้ต่าง ๆ และวิธีต่าง ๆ ของศาสนา เช่น ความรู้ของ บระฮมันฺ สูงสุด ความรู้ของอภิวิญญาณ ความรู้ระดับชีวิตและวรรณะต่าง ๆ ทางสังคม ความรู้ชีวิตสละโลก ความรู้แห่งการไม่ยึดติด การควบคุมประสาทสัมผัสและจิตใจ การทำสมาธิ ฯลฯ พระองค์ทรงอธิบายหลายวิธีเกี่ยวกับศาสนาต่าง ๆ บัดนี้ ในการสรุป ภควัต-คีตาฺ พระองค์ตรัสว่า อารจุนะควรยกเลิกวิธีต่าง ๆ ทั้งหมดที่ได้ทรงอธิบายมาแล้ว เพียงแต่ศิโรราบต่อคริชณะ การศิโรราบนี้จะช่วยให้ออกจากผลบาปทั้งปวง เพราะว่าองค์ภควานทรงให้สัญญาด้วยพระองค์เองว่าจะปกป้องอารจุนะ
ในบทที่เจ็ด กล่าวไว้ว่าบุคคลผู้เป็นอิสระจากผลบาปทั้งหมดเท่านั้นจึงสามารถปฏิบัติบูชาองค์ชรีคริชณะได้ ดังนั้น เราอาจคิดว่านอกจากจะเป็นอิสระจากผลบาปทั้งหมด มิฉะนั้น เราจะไม่สามารถปฏิบัติวิธีการศิโรราบ สำหรับข้อสงสัยนี้ได้กล่าวไว้ ณ ที่นี้ว่า แม้หากเราไม่เป็นอิสระจากผลบาปทั้งหมด เพียงด้วยวิธีการศิโรราบต่อชรีคริชณะ เราก็จะเป็นอิสระโดยปริยาย ไม่มีความจำเป็นต้องพยายามเป็นพิเศษเพื่อให้ตนเองเป็นอิสระจากผลบาป เราควรยอมรับคริชณะโดยไม่มีข้อสงสัยว่าพระองค์ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือสูงสุดของมวลชีวิต ด้วยความศรัทธาและความรัก เราจึงควรศิโรราบต่อพระองค์
วิธีแห่งการศิโรราบต่อคริชณะ ได้อธิบายไว้ใน ฮะริ-บัฺคธิ-วิลาสะฺ (11.676 )
อนุคูลยัสยะ สังคัลพะฮ
พราทิคูลยัสยะ วารจะนัมฺ
รัคชิชยะทีทิ วิชวาโส
โกพทริทเว วะระนัม ทะทฺาฺ
อาทมะ-นิคเชพะ-คารพัณเย
ชัด-วิดฺา ชะระณากะทิฮฺ
ตามวิธีการอุทิศตนเสียสละเราเพียงแต่ยอมรับหลักธรรมทางศาสนา เช่นนี้ จะนำมาสู่การอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานในที่สุด เราอาจปฏิบัติอาชีพการงานโดยเฉพาะตามสถานภาพชีวิตในสังคม แต่ถ้าหากปฏิบัติตามหน้าที่แล้วมาไม่ถึงจุดแห่งคริชณะจิตสำนึก กิจกรรมของเราทั้งหมดจะไร้ประโยชน์ สิ่งใดที่ไม่นำมาให้ถึงระดับสมบูรณ์แห่งคริชณะจิตสำนึกควรหลีกเลี่ยง เราควรมั่นใจว่าในทุก ๆ สถานการณ์ว่าคริชณะจะทรงปกป้องเราจากความยากลำบากทั้งปวง ไม่จำเป็นต้องคิดว่าควรดำรงรักษาร่างกายและดวงวิญญาณให้อยู่ด้วยกันอย่างไร คริชณะจะทรงดูแลเอง ควรคิดเสมอว่าตนเองช่วยไม่ได้ และควรพิจารณาว่าคริชณะทรงเป็นพื้นฐานแห่งความเจริญก้าวหน้าในชีวิตของเราเท่านั้น ทันทีที่ปฏิบัติอย่างจริงจังในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานในคริชณะจิตสำนึกที่สมบูรณ์ เราจะเป็นอิสระจากมลทินทั้งปวงแห่งธรรมชาติวัตถุทันที มีวิธีทางศาสนาต่าง ๆ และวิธีการที่ทำให้บริสุทธิ์ด้วยการพัฒนาความรู้ การทำสมาธิในระบบโยคะอิทธิฤทธิ์ ฯลฯ แต่ผู้ที่ศิโรราบต่อคริชณะไม่ต้องปฏิบัติตามวิธีการมากมายการศิโรราบอย่างง่าย ๆ ต่อคริชณะจะช่วยให้เราไม่ต้องสูญเสียเวลาไปโดยไม่จำเป็นเราสามารถทำความเจริญก้าวหน้าทั้งหมดโดยทันที และเป็นอิสระจากผลบาปทั้งปวง
เราควรชื่นชอบกับรูปลักษณ์อันสง่างามของคริชณะ พระนามของพระองค์คือคริชณะ เนื่องจากพระองค์ทรงมีเสน่ห์สูงสุดทั้งหมด ผู้ที่ชื่นชอบกับภาพลักษณ์ของคริชณะที่มีความสง่างาม มีพลังอำนาจทั้งหมด และมีพระเดชทั้งหมดเป็นผู้ที่โชคดี มีนักทิพย์นิยมต่าง ๆ บ้างชื่นชอบกับ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ บ้างชื่นชอบกับลักษณะของอภิวิญญาณ ฯลฯ แต่ผู้ที่ชื่นชอบกับลักษณะส่วนพระองค์ของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า และเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด ผู้ที่ชื่นชอบกับองค์ภควานในรูปลักษณ์ของคริชณะเป็นนักทิพย์นิยมที่สมบูรณ์ที่สุด อีกนัยหนึ่ง การอุทิศตนเสียสละต่อคริชณะในจิตสำนึกที่สมบูรณ์เป็นส่วนลับที่สุดของความรู้ และนี่คือเนื้อหาสาระของ ภควัต-คีตาฺ ทั้งหมด คารมะ-โยกีฺ หรือนักปราชญ์ช่างสังเกต โยคีหรือผู้มีฤทธิ์ และสาวก ทั้งหมดเรียกว่านักทิพย์นิยม แต่ผู้เป็นสาวกที่บริสุทธิ์ดีที่สุด คำที่ใช้โดยเฉพาะ ณ ที่นี้คือ มา ชุชะฮฺ “จงอย่ากลัว จงอย่าลังเล จงอย่าวิตก” มีความสำคัญมาก เราอาจสับสนว่าจะสามารถยกเลิกรูปแบบของศาสนาต่าง ๆ ทั้งหมดและเพียงแต่ศิโรราบต่อคริชณะได้อย่างไร แต่ความวิตกกังวลเช่นนี้ไร้ประโยชน์
อิดัม เท นาทะพัสคายะ
นาบัฺคธายะ คะดาชะนะฺ
นะ ชาชุชรูชะเว วาชยัม
นะ ชะ มาม โย ่บฺยะสูยะทิฺ
อิดัมฺ - นี้, เทฺ - โดยเธอ, นะฺ - ไม่เคย, อทะพัสคายะฺ - แก่ผู้ที่ไม่สมถะ, นะฺ - ไม่เคย, อบัฺคธา ยะฺ - แก่ผู้ที่ไม่ใช่สาวก, คะดาชะนะฺ - ทุกเวลา, นะฺ - ไม่เคย, ชะฺ - เช่นกัน, อชุชรูชะเวฺ - แก่ผู้ที่ไม่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้, วาชยัมฺ - พูด, นะฺ - ไม่เคย, ชะฺ - เช่นกัน, มามฺ - แก่ข้า, ยะฮฺ - ผู้ใดซึ่ง, อับฺยะสูยะทิฺ - อิจฉาริษยา
คำแปลฺ
ความรู้ที่ลับเฉพาะนี้ไม่อาจอธิบายแก่พวกที่ไม่สมถะ ไม่เสียสละ หรือไม่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ และผู้ที่อิจฉาริษยาข้า
คำอธิบายฺ
พวกที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนความสมถะของวิธีทางศาสนา ไม่เคยพยายามอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึก ผู้ไม่เคยรับใช้สาวกผู้บริสุทธิ์ และโดยเฉพาะพวกที่มีจิตสำนึกว่าคริชณะทรงเป็นเพียงบุคคลทางประวัติศาสตร์ หรือผู้อิจฉาริษยาความยิ่งใหญ่ของคริชณะ ไม่ควรได้รับการบอกเล่าส่วนลับที่สุดแห่งความรู้นี้ อย่างไรก็ดี บางครั้งเราพบว่าแม้เหล่ามารผู้อิจฉาริษยาคริชณะจะบูชาคริชณะในวิธีต่าง ๆ กัน มีอาชีพเป็นผู้อธิบาย ภควัต-คีตาฺ ในวิธีต่าง ๆ เพื่อทำธุรกิจ แต่ผู้ใดปรารถนาที่จะเข้าใจคริชณะโดยแท้จริงต้องหลีกเลี่ยงการบรรยาย ภควัต-คีตาฺ เช่นนี้ อันที่จริงจุดมุ่งหมายของ ภควัต-คีตาฺ พวกอยู่ในระดับประสาทสัมผัสไม่สามารถเข้าใจได้ แม้ผู้ที่ไม่อยู่ในระดับประสาทสัมผัส แต่ปฏิบัติตามหลักธรรมอย่างเคร่งครัดที่กำหนดไว้ในวรรณกรรมพระเวท หากไม่ใช่สาวกก็ไม่สามารถเข้าใจคริชณะ แม้หากอ้างตนเองว่าเป็นสาวกของคริชณะ แต่ไม่ปฏิบัติในกิจกรรมของคริชณะจิตสำนึก ก็จะไม่สามารถเข้าใจคริชณะ มีหลายคนที่อิจฉาริษยาคริชณะ เพราะว่าพระองค์ทรงอธิบายใน ภควัต-คีตาฺ ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้สูงสุดและไม่มีผู้ใดเหนือไปกว่าหรือเทียบเท่าพระองค์ได้ มีหลายคนที่อิจฉาริษยาคริชณะ บุคคลเหล่านี้ไม่ควรได้รับการบอกเล่าเกี่ยวกับ ภควัต-คีตาฺ เพราะว่าจะไม่สามารถเข้าใจ เป็นไปไม่ได้ที่พวกไม่ศรัทธาจะเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ และ คริชณะปราศจากการเข้าใจคริชณะโดยผ่านทางสาวกผู้บริสุทธิ์ที่เชื่อถือได้ เราไม่ควรพยายามวิจารณ์ ภควัต-คีตาฺ
ยะ อิดัม พะระมัม กุฮยัม
มัด-บัฺคเธชุ อบิฺดฺาสยะทิฺ
บัฺคธิม มะยิ พะราม คริทวา
มาม เอไวชยะทิ อสัมาชะยะฮฺ
ยะฮฺ - ผู้ใดซึ่ง, อิดัมฺ - นี้, พะระมัมฺ - มากที่สุด, กุฮยัมฺ - ความลับมาก, มัทฺ - ของข้า, บัฺคเธชฺุ - ในหมู่สาวก, อบิฺดฺาสยะทิฺ - อธิบาย, บัฺคธิมฺ - การอุทิศตนเสียสละรับใช้, มะยิฺ - แด่ข้า, พะรามฺ - ทิพย์, คริทวาฺ - กระทำ, มามฺ - แด่ข้า, เอวะฺ - แน่นอน, เอชยะทิฺ - มา, อสัมชะ ยะฮฺ - โดยไม่ต้องสงสัย
คำแปลฺ
สำหรับผู้ที่อธิบายความลับสุดยอดนี้แด่เหล่าสาวก การอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างบริสุทธิ์เป็นที่รับประกัน และในที่สุดเขาจะกลับมาหาข้า
คำอธิบายฺ
โดยทั่วไปแนะนำว่า ภควัต-คีตาฺ ควรสนทนากันในหมู่สาวกเท่านั้น สำหรับพวกที่ไม่ใช่สาวกจะไม่เข้าใจทั้งคริชณะหรือ ภควัต-คีตาฺ พวกที่ไม่ยอมรับคริชณะตามความเป็นจริง และไม่ยอมรับ ภควัต-คีตาฺ ฉบับเดิม ไม่ควรพยายามอธิบาย ภควัต- คีตาฺ ตามอำเภอใจ และมาเป็นผู้กระทำผิด ภควัต-คีตาฺ ควรอธิบายแด่บุคคลผู้ยอมรับคริชณะว่าทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า จึงเป็นเรื่องราวสำหรับบรรดาสาวกเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับนักปราชญ์ผู้คาดคะเน อย่างไรก็ดี ผู้ใดที่พยายามเสนอ ภควัต-คีตาฺฉบับเดิมด้วยความจริงใจจะเจริญก้าวหน้าในกิจกรรมการอุทิศตนเสียสละ และบรรลุถึงระดับแห่งการอุทิศตนเสียสละที่บริสุทธิ์ของชีวิต จากผลแห่งการอุทิศตนเสียสละที่บริสุทธิ์เช่นนี้ แน่นอนว่าเขาจะกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน
นะ ชะ ทัสมาน มะนุชเยชุ
คัชชิน เม พริยะ-คริททะมะฮฺ
บฺะวิทา นะ ชะ เม ทัสมาด
อันยะฮ พริยะทะโร บํุวิฺ
นะฺ - ไม่เคย, ชะฺ - และ, ทัสมาทฺ - กว่าเขา, มะนุชเยชฺุ - ในหมู่มนุษย์, คัชชิทฺ - ผู้ใด, เมฺ - ต่อข้า, พริยะฺ - คริท-ทะมะฮฺ - รักมากกว่า, บฺะวิทาฺ - จะมาเป็น, นะฺ - ไม่, ชะฺ - และ, เมฺ - แก่ข้า, ทัสมาทฺ - กว่าเขา, อันยะฮฺ - อีกคนหนึ่ง, พริยะ-ทะระฮฺ - รักมากกว่า, บํุวิฺ - ในโลกนี้
คำแปลฺ
ไม่มีคนรับใช้ใดในโลกนี้ที่ข้ารักมากกว่าเขา และจะไม่มีผู้ใดที่ข้าจะรักมากไปกว่า
อัดฺเยชยะเท ชะ ยะ อิมัม
ดฺารมยัม สัมวาดัม อาวะโยฮฺ
กยานะ-ยะกเยนะ เทนาฮัม
อิชทะฮ สยาม อิทิ เม มะทิฮฺ
อัดฺเยชยะเทฺ - จะศึกษา, ชะฺ - เช่นกัน, ยะฮฺ - เขาซึ่ง, อิมัมฺ - นี้, ดฺารมยัมฺ - น่าเลื่อมใส, สัม วาดัมฺ - การสนทนา, อาวะโยฮฺ - ของพวกเรา, กยานะฺ - แห่งความรู้, ยะกเยนะฺ - ด้วยการบูชา, เทนะฺ - โดยเขา, อฮัมฺ - ข้า, อีชทะฮฺ - บูชา, สยามฺ - จะเป็น, อิทิฺ - ดังนั้น, เมฺ - ของข้า, มะทิฮฺ - ความเห็น
คำแปลฺ
และข้าประกาศว่า ผู้ใดที่ศึกษาการสนทนาอันน่าเลื่อมใสของเรานี้ จะบูชาข้าด้วยสติปัญญาของเขา
ชรัดดฺาวาน อนะสูยัช ชะ
ชริณุยาด อพิ โย นะระฮฺ
โส ่พิ มุคทะฮ ชูบฺาล โลคาน
พราพนุยาท พุณยะ-คารมะณามฺ
ชรัดดฺาฺ - วานฺ - ศรัทธา, อนะสูยะฮฺ - ไม่อิจฉาริษยา, ชะฺ - และ, ชริณุยาทฺ - สดับฟัง, อพิฺ - แน่นอน, ยะฮฺ - เขา, นะระฮฺ - มนุษย์, สะฮฺ - เขา, อพิฺ - เช่นกัน, มุคทะฮฺ - หลุดพ้น, ชุบฺานฺ - เป็นมงคล, โลคานฺ - โลก, พราพนุยาทฺ - เขาบรรลุ, พุณยะ-คารมะณามฺ - แห่งบุญ
คำแปลฺ
และผู้ที่สดับฟังด้วยความศรัทธา โดยปราศจากความอิจฉาริษยา จะเป็นอิสระจากผลบาป และบรรลุถึงโลกอันเป็นสิริมงคลที่คนมีบุญบารมีพำนักอาศัยอยู่
คำอธิบายฺ
โศลกที่หกสิบเจ็ดของบทนี้ องค์ภควานทรงห้ามไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ควรสอน คีตาฺ แก่พวกที่อิจฉาริษยาพระองค์ อีกนัยหนึ่ง ภควัต-คีตาฺ มีไว้สำหรับสาวกเท่านั้น แต่บางครั้งสาวกขององค์ภควานเปิดชั้นเรียน และในชั้นเรียนไม่ใช่ว่านักศึกษาทุกคนเป็นสาวก คำถามคือแล้วทำไมจึงเปิดชั้นเรียน? อธิบาย ณ ที่นี้ว่าถึงแม้ว่าไม่ใช่ทุกคนเป็นสาวก แต่มีหลายคนที่ไม่อิจฉาริษยาคริชณะ และมีความศรัทธาพระองค์ในฐานะที่เป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า หากบุคคลเหล่านี้สดับฟังเกี่ยวกับองค์ภควานจากสาวกผู้ที่เชื่อถือได้ ผลก็คือพวกเขาจะเป็นอิสระจากผลบาปทั้งปวงทันที และหลังจากนั้นจะบรรลุถึงระบบดาวเคราะห์ที่คนมีคุณธรรมทั้งหลายอาศัยอยู่ ดังนั้น เพียงแต่สดับฟัง ภควัต-คีตาฺ แม้บุคคลผู้ไม่พยายามเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์จะบรรลุถึงผลแห่งกิจกรรมที่มีคุณธรรม ดังนั้นสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์เปิดโอกาสให้ทุก ๆ คนเป็นอิสระจากผลบาปทั้งหมดและมาเป็นสาวกขององค์ภควาน
โดยทั่วไปผู้ที่เป็นอิสระจากผลบาป พวกที่มีคุณธรรมจะปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกได้โดยง่ายดาย คำว่า พุณยะ-คารมะณามฺ มีความสำคัญมาก ณ ที่นี้ ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติพิธีบูชาที่ยิ่งใหญ่เช่น อัชวะเมดฺะ-ยะกยะฺ ที่ได้กล่าวไว้ในวรรณกรรมพระเวทพวกที่มีคุณธรรมปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ แต่ยังไม่บริสุทธิ์ทีเดียวสามารถบรรลุถึงระบบดาวเคราะห์ของดาวเหนือหรือ ดฺรุวะโลคะฺ ที่ ดฺรุวะ มะฮาราจะฺ สาวกผู้ยิ่งใหญ่ขององค์ภควานทรงประทับอยู่ และทรงมีดาวเคราะห์พิเศษเรียกว่าดาวเหนือ
คัชชิด เอทัช ชฺรุทัม พารทฺะ
ทวะไยคาเกรณะ เชทะสาฺ
คัชชิด อกยานะ-สัมโมฮะฮ
พระณัชทัส เท ดฺะนันจะยะฺ
คัชชิทฺ - หรือไม่, เอทัทฺ - นี้, ชรุทัมฺ - ได้ยิน, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, ทวะยาฺ - โดยเธอ, เอคะ-อเกรณะฺ - ด้วยความตั้งใจอย่างดี, เชทะสาฺ - ด้วยจิตใจ, คัชชิทฺ - หรือไม่, อกยานะฺ - แห่งอวิชชา, สัมโมฮะฮฺ - ความหลง, พระณัชทะฮฺ - ปัดเป่า, เทฺ - ของเธอ, ดฺะนัน จะยะฺ - โอ้ ผู้ชนะความร่ำรวย (อารจุนะ )
คำแปลฺ
โอ้ โอรสพระนางพริทฺา โอ้ ผู้ชนะความร่ำรวย เธอสดับฟังด้วยความตั้งใจหรือเปล่า? บัดนี้ ทั้งอวิชชาและความหลงของเธอถูกกำจัดออกไปหรือยัง?
คำอธิบายฺ
องค์ภควานทรงทำตัวพระองค์ในฐานะที่เป็นพระอาจารย์ทิพย์ของอารจุนะ ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่์ที่ทรงถามอารจุนะว่า เข้าใจ ภควัต-คีตาฺ ทั้งหมดอย่างถูกต้องดีหรือเปล่า หากไม่เข้าใจพระองค์ทรงพร้อมที่จะอธิบายอีกครั้งหนึ่ง ประเด็นไหนก็ได้หรือทั้ง ภควัต-คีตาฺ ก็ได้หากจำเป็น อันที่จริงผู้ใดที่สดับฟัง ภควัต-คีตาฺ จากพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้เหมือนกับคริชณะ หรือผู้แทนของพระองค์ จะพบว่าอวิชชาทั้งหมดของตนถูกขจัดออกไป ภควัต-คีตาฺ ไม่ใช่หนังสือธรรมดาที่เขียนโดยนักเขียนกวีนิพนธ์หรือนักเขียนนวนิยาย บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงเป็นผู้ตรัส ผู้ใดโชคดีที่ได้สดับฟังคำสอนเหล่านี้จากคริชณะ หรือจากผู้แทนทิพย์ของพระองค์ที่เชื่อถือได้ แน่นอนว่าจะเป็นบุคคลที่หลุดพ้นและหลุดออกจากความมืดแห่งอวิชชา
อารจุนะ อุวาชะฺ
นัชโท โมฮะฮ สมริทิร ลับดา
ทวัท-พระสาดาน มะยาชยุทะฺ
สทิฺโท ่สมิ กะทะ-สันเดฮะฮ
คะริชเย วะชะนัม ทะวะฺ
อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, นัชทะฮฺ - ปัดเป่า, โมฮะฮฺ - ความหลง, สมริทิฮฺ - ความจำ, ลับดฺาฺ - กลับคืนมา, ทวัทฺ - พระสาดาทฺ - ด้วยพระเมตตาของพระองค์, มะยาฺ - โดยข้า, อัชยุทะฺ - โอ้ คริชณะผู้ไม่ผิดพลาด, สทิฺทะฮฺ - สถิต, อัสมิฺ - ข้าเป็น, กะทะฺ - ออกไป, สันเด ฮะฮฺ - ความสงสัยทั้งหมด, คะริชเยฺ - ข้าจะปฏิบัติ, วะชะนัมฺ - คำสั่ง, ทะวะฺ - ของพระองค์
คำแปลฺ
อารจุนะตรัสว่า โอ้ คริชณะที่รัก โอ้ ผู้ไร้ความผิดพลาด บัดนี้ความหลงของข้าพเจ้ามลายไปสิ้น ข้าได้รับความจำกลับคืนมาด้วยพระเมตตาของพระองค์บัดนี้ข้ามีความมั่นคง หมดความสงสัย และเตรียมพร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์
คำอธิบายฺ
สถานภาพพื้นฐานเดิมแท้ของสิ่งมีชีวิตซึ่งอารจุนะทรงเป็นตัวแทนคือ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ภควาน ตัวท่านทรงหมายไว้เพื่อฝึกฝนความมีระเบียบวินัยกับตนเอง ชรีเชธันญะ มะฮาพระบํุ ตรัสว่าสถานภาพอันแท้จริงของสิ่งมีชีวิตคือ เป็นผู้รับใช้นิรันดรขององค์ภควาน จากการลืมหลักธรรมนี้จึงเป็นพันธกรณีของสิ่งมีชีวิตกับธรรมชาติวัตถุ แต่จากการรับใช้องค์ภควานทำให้เรามาเป็นผู้รับใช้ที่หลุดพ้นของพระองค์ สถานภาพพื้นฐานเดิมแท้ของสิ่งมีชีวิตคือต้องเป็นผู้รับใช้ ต้องรับใช้ไม่ว่าต่อความหลงแห่งมายาหรือต่อองค์ภควาน หากรับใช้องค์ภควานเราจะอยู่ในสภาวะปกติแต่หากชอบรับใช้ความหลงหรือพลังงานเบื้องต่ำ แน่นอนว่าเราจะถูกพันธนาการอยู่ในความหลง สิ่งมีชีวิตรับใช้อยู่ในโลกวัตถุนี้ถูกพันธนาการด้วยราคะ และความต้องการถึงกระนั้น ยังคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าโลก เช่นนี้เรียกว่าความหลง เมื่อบุคคลหลุดพ้นแล้วและความหลงจบสิ้นลง จะอาสามาศิโรราบต่อองค์ภควาน และปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์ หลุมพรางสุดท้ายของมายาที่กักขังสิ่งมีชีวิตไว้คือการอ้างว่าตนเองเป็นพระเจ้า สิ่งมีชีวิตคิดว่าตัวเขาไม่ใช่พันธวิญญาณแต่เป็นองค์ภควาน ขาดสติปัญญามากจนไม่คิดว่าถ้าหากตนเองเป็นพระเจ้าแล้วจะอยู่ในความสงสัยได้อย่างไร? เช่นนี้เขามิได้พิจารณา นั่นคือหลุมพรางสุดท้ายแห่งความหลง อันที่จริง การเป็นอิสระจากพลังงานแห่งความหลงคือการเข้าใจคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า และตกลงปลงใจปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์
คำว่าโมฮะฺ มีความสำคัญมากในโศลกนี้ โมฮะฺ หมายถึงสิ่งตรงกันข้ามกับความรู้ อันที่จริง ความรู้ที่แท้จริงคือการเข้าใจว่าทุก ๆ ชีวิตเป็นผู้รับใช้นิรันดรขององค์ภควาน แต่แทนที่จะคิดว่าตนเองอยู่ในต่ำแหน่งนั้น สิ่งมีชีวิตกลับคิดว่าตนเองไม่ใช่ผู้รับใช้แต่เป็นเจ้าของโลกวัตถุนี้ เพราะต้องการเป็นเจ้าเหนือธรรมชาติวัตถุ นั่นคือความหลง ความหลงนี้ข้ามพ้นได้ด้วยพระเมตตาขององค์ภควาน หรือด้วยพระเมตตาของสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ เมื่อความหลงจบสิ้นลงเขาจึงตกลงปลงใจมาปฏิบัติคริชณะจิตสำนึก
คริชณะจิตสำนึกคือการปฏิบัติตามคำสั่งของคริชณะ พันธวิญญาณอยู่ในความหลงด้วยพลังงานเบื้องต่ำแห่งวัตถุ ไม่รู้ว่าองค์ภควานทรงเป็นเจ้านายผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรู้ และทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง อะไรที่พระองค์ปรารถนาทรงสามารถให้แก่สาวกได้ พระองค์ทรงเป็นสหายของทุกคนและทรงเอนเอียงต่อสาวกโดยเฉพาะ พระองค์ทรงเป็นผู้ควบคุมธรรมชาติวัตถุและมวลชีวิต พระองค์ยังทรงเป็นผู้ควบคุมกาลเวลาที่ไม่รู้จักจบสิ้น และทรงเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งและพลังอำนาจทั้งหลายทั้งปวง องค์ภควานทรงสามารถแม้แต่ให้ตัวพระองค์เองแก่สาวก ผู้ไม่รู้จักพระองค์จะอยู่ภายใต้มนต์สะกดแห่งความหลง ไม่มาเป็นสาวก แต่จะเป็นผู้รับใช้มายาอย่างไรก็ดี หลังจากสดับฟัง ภควัต-คีตาฺ จากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า อารจุนะทรงเป็นอิสระจากความหลงทั้งปวง และสามารถเข้าใจว่า คริชณะไม่ทรงเป็นเพียงสหายเท่านั้น แต่ยังทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า อารจุนะทรงเข้าใจคริชณะตามความเป็นจริง ดังนั้น การศึกษา ภควัต-คีตาฺ ก็เพื่อให้เข้าใจคริชณะตามความเป็นจริง เมื่อบุคคลเปี่ยมไปด้วยความรู้ เขาจะศิโรราบต่อคริชณะโดยธรรมชาติ เมื่ออารจุนะทรงเข้าใจว่าเป็นแผนของคริชณะที่จะลดจำนวนประชากรซึ่งมีเพิ่มมากขึ้นโดยไม่จำเป็น จึงทรงตกลงใจต่อสู้ตามพระประสงค์ของคริชณะ อารจุนะจึงทรงหยิบอาวุธคันธนูและลูกศรขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อต่อสู้ภายใต้คำสั่งขององค์ภควาน
สันจะยะ อุวาชะฺ
อิทิ อฮัม วาสุเดวัสยะ
พารทัฺสยะ ชะ มะฮาทมะนะฮฺ
สัมวาดัม อิมัม อัชโรชัม
อัดบํุทัม โรมะ-ฮารชะณัมฺ
สันจะยะฮ อุวาชะฺ - สันจะยะกล่าว, อิทิฺ - ดังนั้น, อฮัมฺ - ข้า, วาสุเดวัสยะฺ - โอ้ คริชณะ, พารทัฺสยะฺ - และอารจุนะ, ชะฺ - เช่นกัน, มะฮา-อาทมะนะฮฺ - แห่งวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่, สัมวาดัมฺ - ปรึกษา, อิมัมฺ - นี้, อัชโรชัมฺ - ได้ยิน, อัดบํุทัมฺ - อัศจรรย์, โรมะ-ฮารชะณัมฺ - ทำให้ขนลุก
คำแปลฺ
สันจะยะกล่าวว่า ดังนี้ ข้าได้สดับฟังการสนทนาระหว่างสองวิญญูชนผู้ยิ่งใหญ่คริชณะและอารจุนะ และสาส์นที่ถ่ายทอดมานั้นอัศจรรย์มากจนข้าพเจ้าขนลุก
คำอธิบายฺ
ในตอนต้นของ ภควัต-คีตาฺ ดฺริทะราชทระทรงถามสันจะยะราชเลขาของพระองค์ว่า “มีอะไรเกิดขึ้นที่สมรภูมิคุรุคเชทระ?” การศึกษาทั้งหมดสัมพันธ์กับหัวใจของสันจะยะด้วยพระเมตตาของวิยาสะผู้เป็นพระอาจารย์ทิพย์ ดังนั้น ท่านจึงอธิบายเหตุการณ์ที่สมรภูมิ การสนทนาที่สำคัญระหว่างสองวิญญูชนผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนและจะไม่เกิดขึ้นอีก เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าเพราะภควานตรัสเกี่ยวกับองค์เองและพลังงานต่าง ๆ ของพระองค์ต่อสิ่งมีชีวิตอารจุนะซึ่งเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ หากเราปฏิบัติตามรอยพระบาทของอารจุนะในการเข้าใจคริชณะ ชีวิตของพวกเราจะมีความสุขและประสบความสำเร็จ สันจะยะรู้แจ้งเช่นนี้ และขณะที่เริ่มเข้าใจท่านได้ถ่ายทอดการสนทนาแด่ดฺริทะราชทระ บัดนี้ สรุปได้ว่า ที่ใดที่มีคริชณะและอารจุนะ ที่นั่นจะมีชัยชนะ
วิยาสะ-พระสาดาช ชฺรุทะวาน
เอทัด กุฮยัม อฮัม พะรัมฺ
โยกัม โยเกชวะราท คริชณาท
สาคชาท คะทฺะยะทะฮ สวะยัมฺ
วิยาสะ-พระสาดาทฺ - ด้วยพระกรุณาของวิยาสะเดวะ, ชรุทะวานฺ - ได้สดับฟัง, เอทัทฺ - นี้, กุฮยัมฺ - ความลับ, อฮัมฺ - ข้า, พะรัมฺ - สูงสุด, โยกัมฺ - ลัทธิโยคะ, โยกะ-อีชวะราทฺ - จากเจ้านายของระบบโยคะทั้งหมด, คริชณาทฺ - จากคริชณะ, สาคชาทฺ - โดยตรง, คะทฺะยะทะฮฺ - ตรัส, สวะยัมฺ - ด้วยตัวพระองค์เอง
คำแปลฺ
ด้วยพระเมตตาของวิยาสะ ข้าได้สดับฟังการสนทนาที่ลับสุดยอดนี้โดยตรงจากชรีคริชณะปรมาจารย์แห่งระบบโยคะทั้งหลาย ผู้ตรัสต่ออารจุนะด้วยพระองค์เอง
คำอธิบายฺ
วิยาสะทรงเป็นพระอาจารย์ทิพย์ของสันจะยะ และสันจะยะยอมรับว่า ด้วยพระเมตตาของวิยาสะที่ทำให้ท่านสามารถเข้าใจองค์ภควาน เช่นนี้ หมายความว่าเราต้องเข้าใจคริชณะไม่ใช่โดยตรง แต่ผ่านการเชื่อมต่อจากพระอาจารย์ทิพย์ พระอาจารย์ทิพย์เป็นผู้เชื่อมโยงที่โปร่งใส ถึงแม้เป็นความจริงที่เราได้รับประสบการณ์โดยตรง นี่คือความเร้นลับของระบบ พะรัมพะราฺ เมื่อพระอาจารย์ทิพย์เป็นผู้ที่เชื่อถือได้เราสามารถสดับฟัง ภควัต-คีตาฺ โดยตรงเหมือนกับอารจุนะทรงได้สดับฟัง มีผู้มีฤทธิ์เดชและโยคีมากมายทั่วโลกแต่คริชณะทรงเป็นปรมาจารย์ของระบบโยคะทั้งหมด คำสั่งสอนของคริชณะกล่าวไว้อย่างชัดเจนใน ภควัต-คีตาฺ ว่า จงศิโรราบต่อคริชณะ ผู้ปฏิบัติเช่นนี้เป็นโยคีสูงสุด ได้ยืนยันไว้ในโศลกสุดท้ายของบทที่หกว่า โยกินาม อพิ สารเวชามฺ
นาระดะเป็นสาวกโดยตรงของคริชณะ และเป็นพระอาจารย์ทิพย์ของวิยาสะดังนั้น วิยาสะก็เป็นผู้ที่เชื่อถือได้เช่นเดียวกับอารจุนะเพราะมาในระบบ พะรัมพะราฺและสันจะยะเป็นสาวกโดยตรงของวิยาสะ ดังนั้น ด้วยพระกรุณาธิคุณของวิยาสะ ทำให้ประสาทสัมผัสของสันจะยะบริสุทธิ์ขึ้น ท่านจึงสามารถเห็นและได้ยินคริชณะโดยตรง ผู้ได้ยินคริชณะโดยตรงสามารถเข้าใจความรู้อันเร้นลับนี้ หากไม่มาในระบบ พะรัมพะราฺจะไม่สามารถได้ยินคริชณะ ดังนั้น ความรู้จะไม่สมบูรณ์อยู่เสมอ อย่างน้อยที่สุดเกี่ยวกับการเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ
ใน ภควัต-คีตาฺ ได้อธิบายระบบโยคะทั้งหมดเช่น คารมะ-โยกะ, กยานะ-โยกะฺและ บัฺคธิ-โยกะฺ คริชณะทรงเป็นปรมาจารย์ของระบบโยคะทั้งหลายเหล่านี้ อย่างไรก็ดี เข้าใจว่าอารจุนะทรงโชคดีพอที่เข้าใจคริชณะโดยตรง ดังนั้น ด้วยพระกรุณาธิคุณของวิยาสะ สันจะยะจึงสามารถได้ยินคริชณะโดยตรง อันที่จริง ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างการได้ยินโดยตรงจากคริชณะ และการได้ยินโดยตรงจากคริชณะโดยผ่านทางพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้เช่นวิยาสะ พระอาจารย์ทิพย์เป็นผู้แทนของวิยาสะเดวะเช่นเดียวกันดังนั้น ตามระบบพระเวท ในวันคล้ายวันเกิดของพระอาจารย์ทิพย์ สาวกจะทำพิธีบูชามีชื่อว่า วิยาสะ-พูจาฺ
ราจัน สัมสมริทยะ สัมสมริทยะ
สัมวาดัม อิมัม อัดบํุทัมฺ
เคชะวารจุนะโยฮ พุณยัม
ฮริชยามิ ชะ มุฮุร มุฮุฮฺ
ราจันฺ - โอ้ กษัตริย์, สัมสมริทยะฺ - การจำ, สัมสมริทยะฺ - การจำ, สัมวาดัมฺ - สาส์น, อิมัมฺ - นี้, อัดบํุทัมฺ - อัศจรรย์, เคชะวะฺ - โอ้ องค์คริชณะ, อารจุนะโยฮฺ - และอารจุนะ, พุณยัมฺ - บุญ, ฮริชยามิฺ - ข้าปลาบปลื้ม, ชะฺ - เช่นกัน, มุฮุฮ มุฮุฮฺ - ครั้งแล้วครั้งเล่า
คำแปลฺ
โอ้ พระราชา ขณะที่ข้าพเจ้าทบทวนความจำถึงการสนทนาอันบริสุทธิ์และน่าอัศจรรย์ระหว่างชรีคริชณะและอารจุนะนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าพเจ้ามีความปลาบปลื้มยินดีและซาบซึ้งอยู่ทุก ๆ นาที
คำอธิบายฺ
การเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ เป็นทิพย์ ผู้ใดรอบรู้ประเด็นต่าง ๆ ของอารจุนะและคริชณะจะกลายมาเป็นผู้มีคุณธรรม และจะไม่สามารถลืมการสนทนาเช่นนี้ได้ นี่คือสถานภาพที่เหนือโลกแห่งชีวิตทิพย์ อีกนัยหนึ่งผู้ได้ยิน ภควัต-คีตาฺ จากแหล่งที่ถูกต้องโดยตรงคือจากคริชณะ จะบรรลุถึงคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ ผลของคริชณะจิตสำนึกคือเราจะได้รับแสงสว่างเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และรื่นเริงกับชีวิตด้วยความซาบซึ้ง ไม่เฉพาะบางเวลาเท่านั้นแต่จะซาบซึ้งอยู่ตลอดเวลา
ทัช ชะ สัมสมริทยะ สัมสมริทยะ
รูพัม อะทิ-อัดบํุทัม ฮะเรฮฺ
วิสมะโย เม มะฮาน ราจัน
ฮริชยามิ ชะ พุนะฮ พุนะฮฺ
ทัทฺ - นั้น, ชะฺ - เช่นกัน, สัมสมริทยะฺ - ความจำ, สัมสมริทยะฺ - ความจำ, รูพัมฺ - รูปลักษณ์, อทิฺ - ยิ่งใหญ่, อัดบํุทัมฺ - อัศจรรย์, ฮะเรฮฺ - ขององค์คริชณะ, วิสมะยะฮฺ - อัศจรรย์ใจ, เมฺ - ของข้า, มะฮานฺ - ยิ่งใหญ่, ราจันฺ - โอ้ พระราชา, ฮริชยามิฺ - ข้ารื่นเริง, ชะฺ - เช่นกัน, พุนะฮ พุนะฮฺ - ครั้งแล้วครั้งเล่า
คำแปลฺ
โอ้ พระราชา ขณะที่ระลึกถึงรูปลักษณ์อันเลอเลิศขององค์คริชณะ ข้าพเจ้ารู้สึกอัศจรรย์ใจมากยิ่งขึ้น และร่าเริงครั้งแล้วครั้งเล่า
คำอธิบายฺ
ด้วยพระกรุณาธิคุณของวิยาสะปรากฏว่าสันจะยะสามารถเห็นรูปลักษณ์จักรวาลของคริชณะที่ทรงแสดงให้อารจุนะทรงเห็นเช่นกัน แน่นอนที่ได้กล่าวว่าองค์คริชณะทรงไม่เคยแสดงรูปลักษณ์นี้มาก่อน แต่ทรงแสดงให้แก่อารจุนะเท่านั้น ถึงกระนั้น สาวกผู้ยิ่งใหญ่บางท่านสามารถเห็นรูปลักษณ์จักรวาลของคริชณะด้วยเช่นกันขณะที่แสดงให้อารจุนะ วิยาสะก็เป็นหนึ่งในสาวกเหล่านั้น ท่านเป็นหนึ่งในสาวกผู้ยิ่งใหญ่ขององค์ภควาน และยังพิจารณาว่าท่านเป็นอวตารผู้ทรงพลังของคริชณะ วิยาสะทรงเปิดเผยประเด็นนี้แก่สันจะยะสาวกของท่านผู้ระลึกถึงรูปลักษณ์อันน่าอัศจรรย์ของคริชณะที่แสดงให้อารจุนะ และรื่นเริงครั้งแล้วครั้งเล่า
ยะทระ โยเกชวะระฮ คริชโณ
ยะทระ พารโทฺ ดฺะนุร-ดฺะระฮฺ
ทะทระ ชรีร วิจะโย บํูทิร
ดฺรุวา นีทิร มะทิร มะมะฺ
ยะทระฺ - ที่ซึ่ง, โยกะ-อีชวะระฮฺ - ปรมาจารย์แห่งระบบโยคะ, คริชณะฮฺ - องค์คริชณะ, ยะทระฺ - ที่ซึ่ง, พารทฺะฮฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, ดฺะนุฮ-ดฺะระฮฺ - ผู้ถือคันธนูและลูกศร, ทะทระฺ - ที่นั่น, ชรีฮฺ - ความมั่งคั่ง, วิจะยะฮฺ - ชัยชนะ, บํูทิฮฺ - พลังอำนาจพิเศษ, ดฺรุวาฺ - แน่นอน, นีทิฮฺ - ศีลธรรม, มะทิฮ มะมะฺ - ความเห็นของข้า
คำแปลฺ
ที่ใดที่มีคริชณะปรมาจารย์แห่งระบบโยคะทั้งหลาย และที่ใดที่มีอารจุนะนักยิงธนูผู้ยอดเยี่ยม แน่นอนว่าที่นั่นจะมีความมั่งคั่ง ชัยชนะ พลังอำนาจพิเศษพร้อมทั้งศีลธรรม นั่นคือความเห็นของข้า
คำอธิบายฺ
ภควัต-คีตาฺ เริ่มด้วยคำถามของดฺริทะราชทระ ผู้หวังให้โอรสของพระองค์ได้รับชัยชนะ ซึ่งมีนักรบผู้ยิ่งใหญ่ เช่น บีฺชมะ โดรณะ และคารณะช่วย ดฺริทะราชทระหวังว่าฝ่ายของพระองค์จะได้รับชัยชนะ หลังจากได้อธิบายถึงภาพที่สมรภูมิ สันจะยะกล่าวต่อพระราชาว่า “พระองค์ทรงคิดถึงชัยชนะ แต่ความเห็นของข้าพเจ้าคือ ที่ใดที่มีคริชณะและอารจุนะที่นั่นจะมีความโชคดีทั้งหมด” ดฺริทะราชทระไม่สามารถคาดหวังชัยชนะให้ฝ่ายพระองค์ แน่นอนว่าชัยชนะจะเป็นของฝ่ายอารจุนะเพราะว่าคริชณะทรงอยู่ที่นั่น การที่คริชณะทรงยอมรับตำแหน่งสารถีให้อารจุนะเป็นการแสดงถึงความมั่งคั่งอีกประการหนึ่ง คริชณะทรงเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งทั้งปวง และการเสียสละก็เป็นหนึ่งในนั้น มีตัวอย่างมากมายเกี่ยวกับการเสียสละเช่นนี้ เพราะคริชณะทรงเป็นปรมาจารย์แห่งการเสียสละ
อันที่จริงเป็นการต่อสู้ระหว่างดุรโยดฺะนะและยุดิฺชทิฺระ อารจุนะทรงต่อสู้เพื่อพระเชษฐา ยุดิฺชทิฺระ เนื่องจากคริชณะและอารจุนะทรงอยู่ฝ่ายยุดิฺชทิฺระ ชัยชนะของยุดิฺชทิฺระจึงเป็นที่แน่นอน การทำศึกสงครามก็เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ปกครองโลกสันจะยะทำนายว่าอำนาจจะย้ายไปอยู่ที่ยุดิฺชทิฺระ และยังทำนาย ณ ที่นี้ว่าหลังจากได้รับชัยชนะในสงครามนี้แล้ว ยุดิฺชทิฺระจะเจริญรุ่งเรื่องมากยิ่งขึ้น เพราะไม่เพียงเป็นผู้มีคุณธรรมและมีบุญเท่านั้น แต่ยุดิฺชทิฺระยังเป็นผู้มีศีลธรรมอย่างเคร่งครัดโดยไม่เคยตรัสคำโกหกเลยแม้แต่ครั้งเดียวในชีวิต
มีบุคคลผู้ด้อยปัญญามากมายที่คิดว่า ภควัต-คีตาฺ เป็นการสนทนาประเด็นต่าง ๆ ระหว่างเพื่อนสองคนที่สมรภูมิ และหนังสือเล่มนี้ไม่สามารถเป็นพระคัมภีร์ได้บางคนอาจต่อต้านว่าคริชณะทรงยุยงให้อารจุนะต่อสู้ซึ่งผิดศีลธรรม แต่ความจริงของสถานการณ์ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน ภควัต-คีตาฺ เป็นคำสั่งสอนศีลธรรมสูงสุด คำสั่งสอนศีลธรรมสูงสุดได้กล่าวไว้ในบทที่เก้า โศลกสามสิบสี่ว่า มัน-มะนา บฺะวะ มัด- บัฺคธะฮฺ เราต้องมาเป็นสาวกของคริชณะ และแก่นสารสาระของศาสนาทั้งหมดคือการศิโรราบต่อคริชณะ (สารวะ-ดฺารมาน พะรายัจยะ มาม เอคัม ชะระณัม วระจะฺ ) คำสั่งสอนต่าง ๆ ของ ภควัต-คีตาฺ รวมกันเป็นวิธีการสูงสุดแห่งศาสนาและศีลธรรม วิธีการอื่น ๆ ทั้งหมดอาจทำให้บริสุทธิ์และอาจนำมาสู่วิธีการนี้ แต่คำสั่งสุดท้ายของ ภควัต- คีตาฺ เป็นคำสุดท้ายในศีลธรรมและศาสนาทั้งหมด คือศิโรราบต่อคริชณะ นี่คือคำสรุปของบทที่สิบแปด
จาก ภควัต-คีตาฺ เราสามารถเข้าใจว่าการรู้แจ้งตนเองด้วยการคาดคะเนทางปรัชญา และด้วยการทำสมาธิเป็นวิธีการหนึ่ง แต่การศิโรราบต่อคริชณะโดยบริบูรณ์เป็นความสมบูรณ์สูงสุด นี่คือแก่นสารสาระแห่งคำสอนต่าง ๆ ของ ภควัต-คีตาฺ วิถีทางแห่งหลักปฏิบัติโดยประมาณตามระดับชีวิตทางสังคม และตามวิชาต่าง ๆ ทางศาสนาอาจเป็นวิธีลับแห่งความรู้ แต่ถึงแม้ว่าพิธีกรรมทางศาสนาเป็นความลับ การทำสมาธิและการพัฒนาความรู้เป็นความลับยิ่งขึ้นไปอีก และการศิโรราบต่อคริชณะในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์เป็นคำสั่งสอนที่ลับสุดยอด นั่นคือแก่นสารสาระของบทที่สิบแปด
อีกลักษณะหนึ่งของ ภควัต-คีตาฺ คือสัจธรรมที่แท้จริงคือคริชณะ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า สัจธรรมที่สมบูรณ์รู้แจ้งได้ในสามลักษณะคือ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ พะระมาทมาฺ ภายในหัวใจของทุกคน และในที่สุด คริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ความรู้อันสมบูรณ์แห่งสัจธรรมหมายถึงความรู้อันบริบูรณ์แห่งคริชณะ หากเราเข้าใจคริชณะ ความรู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งหมดก็เป็นส่วนหนึ่งแห่งการเข้าใจนั้นคริชณะทรงเป็นทิพย์เนื่องจากทรงสถิตในพลังงานเบื้องสูงนิรันดรของพระองค์เสมอ สิ่งมีชีวิตปรากฏออกมาจากพลังงานของพระองค์ และแบ่งออกเป็นสองประเภทคือพันธนิรันดรและอิสรนิรันดร สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีจำนวนนับไม่ถ้วน พิจารณาว่าเป็นละอองอณูของคริชณะ พลังงานวัตถุปรากฏเป็นยี่สิบสี่ธาตุ การสร้างมีผลกระทบมาจากกาลเวลาอมตะ พลังงานเบื้องต่ำเป็นผู้สร้างและทำลาย การปรากฏแห่งโลกจักรวาลนี้ปรากฏให้เห็นและไม่เห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก
ใน ภควัต-คีตาฺ ได้สนทนาหัวข้อหลักห้าประเด็นคือ องค์ภควานบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ธรรมชาติวัตถุ สิ่งมีชีวิต กาลเวลาอมตะ และกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งหลายทั้งหมดขึ้นอยู่กับ คริชณะ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า แนวคิดทั้งหมดแห่งสัจธรรมเช่น บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ พะระมาทมาฺ ภายในหัวใจของทุกคน และแนวคิดทิพย์อื่นๆ มีอยู่ภายในประเด็นแห่งการเข้าใจองค์ภควาน ถึงแม้ว่าโดยผิวเผิน องค์ภควาน สิ่งมีชีวิต ธรรมชาติวัตถุ และกาลเวลาดูเหมือนจะแตกต่างกัน ไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากองค์ภควาน แต่พระองค์ทรงแตกต่างจากทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ ปรัชญาขององค์เชธันญะคือ “เป็นหนึ่งเดียวกันและแตกต่างกันอย่างไม่สามารถมองเห็นได้” ระบบปรัชญานี้รวมกันเป็นความรู้อันสมบูรณ์แห่งสัจธรรม
สิ่งมีชีวิตในสถานภาพเดิมแท้เป็นดวงวิญญาณบริสุทธิ์ เหมือนกับละอองอณูของดวงวิญญาณสูงสุด ดังนั้น องค์คริชณะทรงอาจเปรียบเทียบได้กับดวงอาทิตย์ และสิ่งมีชีวิตเปรียบเทียบได้กับแสงอาทิตย์ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตเป็นพลังงานพรมแดนของคริชณะ จึงมีแนวโน้มที่จะสัมผัสกับไม่พลังงานวัตถุก็พลังงานทิพย์ อีกนัยหนึ่ง สิ่งมีชีวิตสถิตระหว่างสองพลังงานขององค์ภควาน และเนื่องจากอยู่ในพลังงานที่สูงกว่าของพระองค์จึงมีความเป็นอิสระอยู่เล็กน้อย เมื่อใช้อิสรภาพเล็กน้อยที่มีอยู่อย่างถูกต้องเขาจะมาอยู่ภายใต้คำสั่งโดยตรงของคริชณะ ดังนั้น จึงบรรลุถึงสภาวะปรกติธรรมดาในพลังอำนาจที่ให้ความสุข
ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดยบัฺคธิเวดันธะ บทที่สิบแปด ของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่อง บทสรุปความสมบูรณ์แห่งการเสียสละฺ