ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ สี่

ความรู้ทิพย์

โศลก 1

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
อิมัม วิวัสวะเท โยกัม
โพรคทะวาน อฮัม อัพยะยัมฺ

วิวัสวาน มะนะเว พราฮะ
มะนุร อิคชวาคะเว บฺระวีทฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, อิมัมฺ  -  นี้, วิวัสวะเทฺ  -  แด่สุริยเทพ, โยกัมฺ  -  ศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างเรากับองค์ภควาน, โพรคทะวานฺ  -  สอน, อฮัมฺ  -  ข้า, อัพยะยัมฺ  -  อมตะ, วิวัสวานฺ  -  วิวัสวาน (พระนามของสุริยเทพ), มะนะเวฺ  -  แด่พระบิดาของมนุษยชาติ (มีพระนามว่า ไววัสวะทา), พราฮะฺ  -  บอก, มะนุฮฺ  -  พระบิดาแห่งมนุษยชาติ, อิคชวาคะเวฺ  -  แด่กษัตริย์อิคชวาคุ, อับฺราวีทฺ  -  ตรัส

คำแปลฺ

บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์ชรีคริชณะตรัสว่า  ข้าได้สอนศาสตร์อมตะแห่งโยคะนี้แด่พระอาทิตย์  วิวัสวาน  และวิวัสวานได้สอนแด่มะนุ  พระบิดาแห่งมนุษยชาติ  และมะนุได้สอนให้แด่อิคชวาคุ

คำอธิบายฺ

ณ  ที่นี้เราพบประวัติศาสตร์แห่ง  ภควัต-คีตาฺ  ย้อนอดีตถึงกาลเวลาที่ได้ถ่ายทอดผ่านราชวงศ์กษัตริย์ของดาวเคราะห์ทั้งหลายเริ่มต้นจากดวงอาทิตย์  เจตนาโดยเฉพาะของกษัตริย์แห่งดาวเคราะห์ทั้งหลายก็เพื่อปกป้องคุ้มครองผู้อยู่อาศัย  ฉะนั้นราชวงศ์กษัตริย์ควรเข้าใจศาสตร์แห่ง  ภควัต-คีตาฺ  เพื่อสามารถปกครองและคุ้มครองป้องกันประชากรจากราคะซึ่งเป็นพันธนาการทางวัตถุ  จุดมุ่งหมายของชีวิตมนุษย์เพื่อพัฒนาความรู้ทิพย์ในความสัมพันธ์นิรันดรกับองค์ภควาน  และมวลผู้นำรัฐแห่งดาวเคราะห์ทั้งหลายมีพันธกรณีในการถ่ายทอดบทเรียนนี้แด่ประชากรด้วยการศึกษาวัฒนธรรม  และการอุทิศตนเสียสละ  อีกนัยหนึ่ง  เจตนาของมวลผู้นำรัฐคือเผยแพร่ศาสตร์แห่งคริชณะจิตสำนึกเพื่อประชากรอาจได้รับประโยชน์จากศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้และมุ่งหน้าอยู่บนหนทางแห่งความสำเร็จ  ใช้ประโยชน์ที่ได้มีโอกาสมาอยู่ในร่างมนุษย์

ในกัปนี้  เจ้าแห่งดวงอาทิตย์ทรงมีพระนามว่าวิวัสวาน  ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมวลดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ  ได้กล่าวไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.52)  ว่า

ยัช-ชัคชุร เอชะ สะวิทา สะคะละ-กระฮาณามฺ
ราจา สะมัสทะ-สุระ-มูรทิร อะเชชะ-เทจาฮฺ
ยัสยากยะยา บฺระมะทิ สัมบฺริทะ-คาละ-ชัคโครฺ
โกวินดัม อาดิ-พุรุชัม ทัม อะฮัม บฺะจามิฺ

พระพรหมตรัสว่า  “ข้าพเจ้าขอบูชาบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  โกวินดะ  (คริชณะ)ผู้ทรงเป็นบุคคลแรก  จากคำสั่งของพระองค์  พระอาทิตย์ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งมวลดาวเคราะห์ได้รับพลังและความร้อนอย่างมหาศาล  ดวงอาทิตย์เสมือนดุจดังพระเนตรขององค์ภควานและโคจรไปโดยรอบด้วยความเคารพในพระราชดำริของพระองค์”

พระอาทิตย์ทรงเป็นเจ้าแห่งมวลดาวเคราะห์  สุริยเทพ  (องค์ปัจจุบันทรงพระนามว่าวิวัสวาน)  ทรงเป็นผู้ปกครองดวงอาทิตย์  และควบคุมมวลดาวเคราะห์โดยการแจกจ่ายความร้อนและแสง  พระองค์ทรงโคจรไปรอบ  ๆ  ภายใต้คำสั่งของคริชณะ  เดิมทีองค์ชรีคริชณะทรงให้วิวัสวานเป็นสาวกองค์แรกที่เข้าใจศาสตร์แห่ง  ภควัต-คีตาฺ  ดังนั้น  คีตาฺ  จึงไม่ใช่ตำราคาดคะเนสำหรับนักวิชาการทางวัตถุผู้ไม่มีความสำคัญอันใด  แต่เป็นหนังสือมาตรฐานที่ถ่ายทอดลงมาจากโบราณกาล

ในมหาภารตะ  (ชานทิ-พารวะฺ  348.51-52)  เราสามารถย้อนรอยประวัติศาสตร์ของ  คีตาฺ  ได้ดังนี้

เทรทา-ยุกาโด ชะ ทะโท
วิวัสวาน มะนะเว ดะโดฺ

มะนุช ชะ โลคะ-บฺริทิ-อารทฺัม
สุทาเยคชวาคะเว ดะโดฺ

อิชวาคุณา ชะ คะทฺิโท
วิยาพยะ โลคาน อวัสทฺิทะฮฺ

“ในตอนต้นของกัปที่มีชื่อว่า  เทรทา-ยุกะฺ  ศาสตร์แห่งความสัมพันธ์กับองค์ภควานนี้ได้ถ่ายทอดจากองค์วิวัสวานแด่มะนุ  มะนุผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งมนุษยชาติทรงประทานศาสตร์นี้แด่โอรสมีนามว่า  มะฮาราจะ  อิคชวาคุ  ผู้ทรงเป็นกษัตริย์แห่งโลกนี้  และทรงเป็นบรรพบุรุษแห่งราชวงศ์ระกํุ  ซึ่งพระรามชันดระทรงปรากฏพระวรกาย”  ฉะนั้น  ภควัต-  คีตาฺ  มีอยู่ในสังคมมนุษย์ตั้งแต่สมัย  มะฮาราจะ  อิคชวาคุ

ปัจจุบันเพิ่งผ่าน  คะลิ-ยุกะฺ  มาห้าพันปี  คะลิ-ยุกะฺ  นี้จะมีเวลายาวนานถึง  432,000  ปี  ก่อนหน้านี้เป็น  ดวาพะระ-ยุกะฺ  (800,000  ปี)  และก่อนหน้านั้นเป็น  เทรทา-ยุกะฺ  (1,200,000  ปี)  ดังนั้น  ประมาณ  2,005,000  ปีก่อนหน้านี้  มะนุตรัส  ภควัต-  คีตาฺ  แด่สาวกและโอรสทรงพระนามว่า  มะฮาราจะ  อิคชวาคุ  ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งโลกนี้อายุขัยของมะนุองค์ปัจจุบันคำนวณได้ประมาณ  305,300,000  ปี  ปัจจุบันได้ผ่านไปแล้ว120,400,000  ปี  เรายอมรับว่าก่อนมะนุประสูติ  องค์ภควานได้ตรัส  คีตาฺ  แด่สาวกสุริยเทพวิวัสวาน  เราคำนวณอย่างคร่าว  ๆ  ได้ว่า  คีตาฺ  ได้ถูกตรัสขึ้นอย่างน้อย  120,400,000ปีก่อนและได้มีอยู่ในสังคมมนุษย์เป็นเวลาสองล้านปี  ภควัต-คีตาฺ  ได้ถูกตรัสขึ้นอีกครั้งแด่อารจุนะประมาณห้าพันปีก่อน  ทั้งหมดนี้คือการประมาณประวัติของ  คีตาอย่างคร่าวๆ  ตามที่  คีตาฺ  กล่าวและตามคำบอกเล่าของผู้ตรัสคือองค์ชรีคริชณะ  คีตาฺ  ได้ถูกตรัสแด่สุริยเทพวิวัสวาน  เนื่องจากทรงเป็นกษัตริย์และทรงเป็นพระบิดาของกษัตริย์ทั้งหลายที่สืบราชวงศ์มาจากพระอาทิตย์หรือ  สูรยะ-วัมชะ  คชัทริยะฺ  เพราะว่า  ภควัต-คีตาฺ  ดีเท่ากับพระเวทเนื่องจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงเป็นผู้ตรัส  ความรู้นี้เป็นความรู้เหนือมนุษย์  อโพรุเชยะฺ  และเนื่องจากคำสอนพระเวทเป็นที่ยอมรับตามที่ปรากฏโดยไม่มีการตีความตามโลกียวัตร  นักถกเถียงทางโลกอาจคาดคะเน  คีตาฺ  ตามแนวความคิดของตน  แต่นั่นมิใช่  ภควัต-คีตา  ฉบับเดิมฺ  ฉะนั้น  ภควัต-คีตาฺ  จะต้องยอมรับไว้ให้เหมือนต้นฉบับเดิมจากสาย  พะรัมพะราฺ  และได้อธิบาย  ณ  ที่นี้ว่าองค์ภควาน  ตรัสแด่สุริยเทพและสุริยเทพตรัสแด่พระโอรสของพระองค์ทรงพระนามว่ามะนุ  และมะนุตรัสแด่พระโอรสของพระองค์  ทรงพระนามว่าอิคชวาคุ

โศลก 2

เอวัม พะรัมพะรา-พราพทัม
อิมัม ราจารชะโย วิดุฮฺ

สะ คาเลเนฮะ มะฮะทา
โยโก นัชทะฮ พะรันทะพะฺ

เอวัมฺ  -  ดังนั้น, พะรัมพะราฺ  -  โดยพะระมพะราฺ, พราพทัมฺ  -  ได้รับ, อิมัมฺ  -  ศาสตร์นี้, ราจะฺ  -  ริชะยะฮฺ  -  กษัตริย์ผู้ทรงธรรม, วิดุฮฺ  -  เข้าใจ, สะฮฺ  -  ความรู้นั้น, คาเลนะฺ  -  กาลเวลาผ่านไป, อิฮะฺ  -  ในโลกนี้, มะฮะทาฺ  -  ยิ่งใหญ่, โยกะฮฺ  -  ศาสตร์แห่งความสัมพันธ์ระหว่างเรากับองค์ภควาน, นัชทะฮฺ  -  กระจัดกระจาย, พะรันทะพะฺ  -  โอ้ อารจุนะผู้กำราบศัตรู

คำแปลฺ

ฉะนั้น  ศาสตร์สูงสุดนี้ได้รับสืบทอดผ่านทางสาย  พะรัมพะรา  และกษัตริย์ผู้ทรงธรรมทรงเข้าใจตามสายนี้  แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสาย  พะรัมพะรา  ได้ขาดตอนลง  จึงดูเหมือนว่าศาสตร์นี้สูญหายไป

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  คีตาฺ  มีไว้เฉพาะสำหรับกษัตริย์ผู้ทรงธรรม  เพราะว่ากษัตริย์ผู้ทรงธรรมเหล่านี้จะนำเจตนารมณ์ของ  คีตาฺ  ไปบริหารปกครองประชากรแน่นอนว่าภควัต-คีตาฺ  มิได้มีไว้สำหรับหมู่มารผู้ตัดทอนคุณค่าของ  คีตาฺ  เพื่อไม่ให้ผู้ใดได้รับประโยชน์  และจะออกอุบายต่างๆ  นานาเพื่อตีความหมายตามอำเภอใจของตนเองทันทีที่จุดมุ่งหมายเดิมเลือนหายไปอันเนื่องมาจากเจตนาของนักวิจารณ์ผู้ไร้คุณธรรมจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสถาปนาสาย  พะรัมพะราฺ  ขึ้นมาใหม่  โดยองค์ภควานทรงตรวจพบเมื่อห้าพันปีก่อนนี้ว่าสาย  พะรัมพะราฺ  ได้ขาดตอนลง  ฉะนั้น  พระองค์ทรงประกาศว่าจุดมุ่งหมายของ  คีตาฺ  ดูเหมือนจะสูญหายไป  ในทำนองเดียวกัน  ปัจจุบันมีหนังสือ  คีตาฺ  หลายเล่ม  (โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ)  แต่เกือบทั้งหมดไม่ใช่ตามสาย  พะรัมพะราฺ  ที่เชื่อถือได้  มีการแปลอย่างมากมายโดยนักวิชาการทางโลก  แต่เกือบทั้งหมดบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคริชณะทรงไม่ยอมรับ  ถึงแม้ว่าพวกนักวิชาการทางโลกจะทำธุรกิจได้ดีจากคำดำรัสขององค์ชรีคริชณะ  จิตวิญญาณเช่นนี้เป็นมาร  เพราะมารไม่เชื่อในองค์ภควานแต่ชอบหาความสุขกับทรัพย์สมบัติของพระองค์เนื่องจากมีความต้องการหนังสือ  คีตาฺ  ที่เป็นภาษาอังกฤษเป็นอย่างมากในระบบพะรัม-  พะราฺ  จึงได้เกิดมีความพยายาม  ณ  ที่นี้เพื่อสนองความต้องการอันใหญ่หลวงนี้  ภควัต-  คีตาฺ  ที่ได้รับการยอมรับเหมือนต้นฉบับเดิมเป็นสิ่งที่มีคุณประโยชน์อย่างมหาศาลต่อมนุษยชาติ  แต่ถ้าหากว่าเรายอมรับ  คีตาฺ  ว่าเป็นเพียงหนังสือตำราแห่งการคาดคะเนทางปรัชญา  จะทำให้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

โศลก 3

สะ เอวายัม มะยา เท ดยะ
โยกะฮ โพรคทะฮ พุราทะนะฮฺ

บฺัคโท สิ เม สัคฮา เชทิ
ระฮัสยัม ฮิ เอทัด อุททะมัมฺ

สะฮฺ  -  เหมือนกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, อะยัมฺ  -  นี้, มะยาฺ  -  โดยข้า, เทฺ  -  แก่เธอ, อัดยะฺ  -  วันนี้, โยกะฮฺ  -  ศาสตร์แห่งโยคะ, โพรคทะฮฺ  -  ตรัส, พุราทะนะฮฺ  -  โบราณมาก, บฺัคธะฮฺ  -  สาวก, อะสิฺ  -  เธอเป็น, เมฺ  -  ของข้า, สัคฮาฺ  -  สหาย, ชะฺ  -  เช่นกัน, อิทิฺ  -  ฉะนั้น, ระฮัสยัมฺ  -  ลึกลับ, ฮิฺ  -  แน่นอน, เอทัทฺ  -  นี้, อุททะมัมฺ  -  ทิพย์

คำแปลฺ

ศาสตร์แห่งความสัมพันธ์กับองค์ภควานที่โบราณมากนั้น  บัดนี้  ข้าตรัสแก่เธอเพราะว่าเธอเป็นทั้งสาวกและสหายของข้า  ฉะนั้น  เธอจึงสามารถเข้าใจความเร้นลับแห่งศาสตร์ทิพย์นี้

คำอธิบายฺ

มีบุคคลอยู่สองประเภทคือสาวกและมาร  องค์ภควานทรงเลือกอารจุนะให้เป็นผู้รับศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้เนื่องจากอารจุนะทรงเป็นสาวกของพระองค์  แต่สำหรับมารเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจศาสตร์อันเร้นลับที่ยิ่งใหญ่นี้  มีหนังสือแห่งความรู้ยิ่งใหญ่นี้หลายเล่ม  บางเล่มเป็นคำอธิบายของสาวกและบางเล่มเป็นคำอธิบายของมาร  คำวิจารณ์ของสาวกเป็นความจริง  ขณะที่คำวิจารณ์ของมารไร้ประโยชน์  อารจุนะทรงยอมรับองค์ชรีคริชณะว่าทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  และคำอธิบายใดๆ  เกี่ยวกับ  คีตาฺตามรอยพระบาทของอารจุนะเป็นการรับใช้อุทิศตนเสียสละต่อแหล่งกำเนิดของศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้  อย่างไรก็ดี  มารไม่ยอมรับองค์ชรีคริชณะตามความเป็นจริง  และกุเรื่องบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับคริชณะอันจะนำพาผู้อ่านโดยทั่วไปให้ห่างจากวิถีทางที่คริชณะทรงสั่งสอน  ณ  ที่นี้ได้เตือนเกี่ยวกับวิถีทางที่ผิดเช่นนี้  เราควรพยายามปฏิบัติตามสาย  พะรัมพะราฺ  จากอารจุนะ  และได้รับประโยชน์จากศาสตร์อันยิ่งใหญ่แห่ง  ชรีมัด  ภควัต-  คีตาฺ  นี้

โศลก 4

อารจุนะ อุวาชะฺ
อะพะรัม บฺะวะโท จันมะ
พะรัม จันมะ วิวัสวะทะฮฺ

คะทฺัม เอทัด วิจานียาม
ทวัม อาโด โพรคทะวาน อิทิฺ

อารจุนะฮ อุวาชะฺ  -  อารจุนะตรัส, อพะรัมฺ  -  อ่อนวัยกว่า, บฺะวะทะฮฺ  -  ของท่าน, จันมะฺ  -  เกิด, พะรัมฺ  -  อาวุโสกว่า, จันมะฺ  -  เกิด, วิวัสวะทะฮฺ  -  แห่งองค์สุริยเทพ, คะทฺัมฺ  -  อย่างไร, เอทัทฺ  -  นี้, วิจานียามฺ  -  ข้าพเจ้าจะเข้าใจ, ทวัมฺ  -  ท่าน, อาโดฺ  -  ในตอนต้น, โพรคทะวานฺ  -  สอน, อิทิฺ  -  ดังนั้น

คำแปลฺ

อารจุนะตรัสว่า  สุริยเทพวิวัสวานทรงเป็นผู้อาวุโสกว่าและประสูติก่อนพระองค์ข้าพเจ้าจะทราบได้อย่างไรว่าในตอนแรกพระองค์ทรงสอนศาสตร์นี้แก่สุริยเทพ

คำอธิบายฺ

อารจุนะทรงได้รับการยอมรับว่าเป็นสาวกขององค์ภควาน  ฉะนั้น  จะทรงไม่เชื่อในคำดำรัสของคริชณะได้อย่างไร?  อันที่จริงอารจุนะทรงมิได้ถามคำถามนี้เพื่อพระองค์เอง  แต่ทรงถามเพื่อผู้ที่ไม่เชื่อในบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าหรือเพื่อหมู่มารผู้ไม่ชอบความคิดที่ว่าคริชณะควรได้รับการยอมรับว่าทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าอารจุนะทรงถามคำถามนี้เพื่อพวกมารเท่านั้น  ประหนึ่งว่าไม่ทราบเกี่ยวกับบุคลิกภาพแห่งพระเจ้าหรือคริชณะ  ดังจะมีหลักฐานในบทที่สิบ  อารจุนะทรงทราบเป็นอย่างดีว่าคริชณะทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างและทรงเป็นคำสุดท้ายในความเป็นทิพย์  แน่นอนว่าคริชณะทรงปรากฏพระวรกายเป็นโอรสของพระนางเดวะคีบนโลกนี้  แล้วคริชณะจะทรงรักษาความเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  บุคคลแรกผู้ทรงความเป็นอมตะได้อย่างไร  เป็นสิ่งที่สามัญชนทั่วไปเข้าใจได้ยากมาก  ดังนั้น  เพื่อทำให้จุดนี้กระจ่างขึ้น  อารจุนะทรงตั้งคำถามต่อหน้าพระพักตร์ของคริชณะ  เพื่อให้พระองค์ตรัสเยี่ยงผู้ที่เชื่อถือได้และเป็นที่ยอมรับกันทั่วสากลโลกว่าคริชณะทรงเป็นผู้มีอำนาจเชื่อถือได้สูงสุด  ไม่เพียงแต่ปัจจุบันนี้เท่านั้น  แต่เป็นที่ยอมรับมาตั้งแต่โบราณกาล  มีแต่พวกมารเท่านั้นที่ปฏิเสธพระองค์  อย่างไรก็ดีเนื่องจากคริชณะทรงเป็นผู้มีอำนาจเชื่อถือได้ที่ยอมรับกันโดยทั่วไป  อารจุนะทรงตั้งคำถามนี้ต่อหน้าพระองค์เพื่อให้คริชณะทรงอธิบายถึงตัวพระองค์เองโดยไม่ต้องให้พวกมารมาพรรณนาแล้วพยายามบิดเบือนคริชณะไปในทางที่พวกมารและสาวกของตนต้องการเข้าใจ  มีความจำเป็นที่ทุกคนควรทราบศาสตร์แห่งคริชณะเพื่อประโยชน์แห่งตน  ดังนั้น  เมื่อคริชณะตรัสเกี่ยวกับตัวพระองค์เองจึงเป็นสิริมงคลแด่โลกทั้งหลายสำหรับพวกมารคำอธิบายของคริชณะเช่นนี้อาจดูแปลก  เพราะว่ามารชอบศึกษาเกี่ยวกับคริชณะจากมุมมองของตนเอง  แต่สาวกยินดีต้อนรับพระดำรัสของคริชณะด้วยหัวใจ  เมื่อคริชณะทรงเป็นผู้ตรัสเอง  สาวกจะเคารพบูชาพระดำรัสที่เชื่อถือได้ของพระองค์เสมอ  เพราะสาวกมีความกระตือรือร้นที่จะทราบเกี่ยวกับคริชณะให้มากยิ่งขึ้น  ผู้ไม่เชื่อในองค์ภควานคิดว่าคริชณะทรงเป็นมนุษย์ธรรมดา  ด้วยวิธีนี้อาจรู้ว่าพระองค์ทรงเหนือมนุษย์เป็น  สัช-  ชิด-อานันดะ-วิกระฮะฺ  รูปลักษณ์อมตะแห่งความสุขเกษมสำราญและความรู้  ทรงเป็นทิพย์อยู่เหนือการครอบงำของสามลักษณะแห่งธรรมชาติวัตถุ  และทรงอยู่เหนืออิทธิพลของเวลาและอวกาศ  สาวกของคริชณะเช่นอารจุนะทรงอยู่เหนือความเข้าใจผิดทั้งปวงอย่างไร้ข้อกังขาเกี่ยวกับสภาวะความเป็นทิพย์ของคริชณะ  อารจุนะทรงตั้งคำถามนี้ต่อหน้าพระพักตร์ขององค์ภควาน  เป็นเพียงความพยายามของสาวกเพื่อท้าทายท่าทีของผู้ไม่เชื่อในองค์ภควาน  ที่คิดว่าคริชณะทรงเป็นมนุษย์ธรรมดาผู้อยู่ภายใต้อำนาจของสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ

โศลก 5

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
บะฮูนิ เม วิยะทีทานิ
จันมานิ ทะวะ ชารจุนะฺ

ทานิ อะฮัม เวดะ สารวาณิ
นะ ทวัม เวททฺะ พะรันทะพะฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  บุคลิกภาพแห่งพระเจ้าตรัส, บะฮูนิฺ  -  หลาย, เมฺ  -  ของข้า, วิยะทีทานิ-ได้ผ่านมา, จันมานิฺ  -  เกิด, ทะวะฺ  -  ของเธอ, ชะฺ  -  และเช่นกัน, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ,ทานิ-เหล่านั้น, อะฮัมฺ  -  ข้า, เวดะฺ  -  ทราบ, สารวาณิฺ  -  ทั้งหมด, นะฺ  -  ไม่, ทวัมฺ -เธอ, เวททฺะฺ  -  ทราบ, พะรันทะพะฺ  -  โอ้ ผู้กำราบศัตรู

คำแปลฺ

บุคลิกภาพแห่งพระเจ้าตรัสว่า  หลายต่อหลายชาติทั้งเธอและข้าได้ผ่านมา  ข้าสามารถระลึกได้ทุก  ๆ  ชาติ  แต่เธอจำไม่ได้  โอ้  ผู้กำราบศัตรู

คำอธิบายฺ

ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.33)  เรามีข้อมูลเกี่ยวกับอวตารต่าง  ๆ  ขององค์ภควานมากมาย  ได้กล่าวไว้ดังนี้

อดไวทัม อัชยุทัม อนาดิม อนันทะ-รูพัม
อาดยัม พุราณะ-พุรุชัม นะวะ-โยวะนัม ชะฺ

เวเดชุ ดุรลาบฺัม อดุรละบฺัม อาทมะ-บฺัคโท
โกวินดัม อาดิ-พุรุชัม ทัม อฮัม บฺะจามิฺ

“ข้าขอบูชาบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  โกวินดะ  (คริชณะ)  ผู้ทรงเป็นบุคคลแรกที่มีความสมบูรณ์บริบูรณ์  ไม่มีข้อผิดพลาด  ไม่มีจุดเริ่มต้น  แม้ว่าทรงอวตารมาในรูปลักษณ์ไม่มีที่สิ้นสุด  พระองค์ยังทรงเป็นภควานองค์แรกเหมือนเดิม  อาวุโสที่สุด  และทรงปรากฏอยู่ในรูปของชายหนุ่มผู้สดใสอยู่เสมอ  รูปลักษณ์ที่เป็นอมตะ  เปี่ยมไปด้วยความสุขเกษมสำราญ  และสัพพัญญูของพระองค์นี้  โดยทั่วไปแม้นักวิชาการพระเวทที่ดีที่สุดยังไม่เข้าใจ  แต่รูปลักษณ์เหล่านี้จะปรากฏอยู่เสมอกับสาวกบริสุทธิ์ผู้ไร้มลทินเจือปน”

ได้กล่าวไว้ใน  บระฮมะ-สะมฮิทาฺ  (5.39)  อีกเช่นกันว่า

รามาดิ-มูรทิชุ คะลา-นิยะเมนะ ทิชทฺัน
นานาวะทารัม อคะโรด บํุวะเนชู คินทฺุ

คริชณะฮ สวะยัม สะมะบฺะวัท พะระมะฮ พุมาน โย
โกวินดัม อาดิ-พุรุชัม ทัม อฮัม บฺะจะมฺ

“ข้าขอบูชาบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  โกวินดะ  (คริชณะ)  ผู้สถิตในอวตารต่าง  ๆเสมอ  เช่น  รามะ  นริสิมฮะ  และในอนุอวตารอีกมากมายเช่นกัน  แต่ทรงเป็นภควานองค์เดิมผู้ทรงพระนามว่าคริชณะ  และทรงอวตารด้วยพระองค์เองเช่นกัน”

ในคัมภีร์พระเวทได้กล่าวไว้เช่นกันว่า  องค์ภควานแม้ทรงเป็นหนึ่งไม่มีสอง  ยังทรงปรากฏพระวรกายในรูปลักษณ์ต่าง  ๆ  มากมาย  เหมือนกับมณี  ไวดุรยะฺ  ซึ่งเปลี่ยนสีแต่ยังคงเป็นหนึ่ง  รูปลักษณ์อันหลากหลายทั้งหมดขององค์ภควาน  สาวกบริสุทธิ์ผู้ไร้มลทินจึงจะเข้าใจ  มิใช่เพียงแต่ศึกษาคัมภีร์พระเวท  (เวเดชุ  ดุรละบฺัม  อดุรละบัม  อาทมะ-บฺัคโทฺ)  สาวกเช่นอารจุนะทรงเป็นสหายสนิทขององค์ภควานเสมอ  เมื่อใดที่องค์ภควานทรงอวตารเหล่าสาวกจะอวตารมาร่วมด้วยเช่นเดียวกันเพื่อรับใช้พระองค์ในขีดความสามารถของตนที่แตกต่างกันไป  อารจุนะทรงเป็นหนึ่งในจำนวนสาวกเหล่านี้  ในโศลกนี้เราเข้าใจได้ว่าหลายล้านปีมาแล้วเมื่อองค์ชรีคริชณะตรัส  ภควัต-คีตาฺ  แก่สุริยเทพวิวัสวาน  อารจุนะในขีดความสามารถที่แตกต่างกันก็ทรงปรากฏเช่นเดียวกันข้อแตกต่างระหว่างองค์ภควานและอารจุนะคือ  องค์ภควานทรงจำเหตุการณ์ได้ในขณะที่อารจุนะทรงจำไม่ได้  นี่คือข้อแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตผู้เป็นละอองอณูและองค์ภควาน  แม้อารจุนะจะทรงได้รับการยกย่อง  ณ  ที่นี้ว่าเป็นวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่สามารถกำราบศัตรู  แต่ไม่สามารถเรียกความจำกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชาติก่อนให้กลับคืนมาได้ฉะนั้น  สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนในการประเมินค่าทางวัตถุจะไม่มีวันเทียบเท่าองค์ภควานได้  ผู้ใดเป็นสหายสนิทขององค์ภควานแน่นอนว่าเป็นบุคคลผู้หลุดพ้นแล้วแต่ถึงอย่างไรก็ไม่สามารถเทียบเท่ากับองค์ภควานได้  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ได้อธิบายถึงองค์ภควานว่าทรงเป็นผู้ที่ไม่มีความผิดพลาด  (อัชยุทะฺ)  หมายความว่าทรงไม่เคยลืมพระองค์เองแม้จะมาสัมผัสกับวัตถุ  ดังนั้น  องค์ภควานและสิ่งมีชีวิตจะไม่มีวันเทียบเท่ากันได้ไม่ว่าในกรณีใด  แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่หลุดพ้นแล้วเหมือนกับอารจุนะ  แม้อารจุนะทรงเป็นสาวกขององค์ภควาน  บางครั้งทรงลืมธรรมชาติขององค์ภควาน  แต่ด้วยพระกรุณาธิคุณของพระองค์  สาวกสามารถเข้าใจสภาวะที่ไม่มีข้อผิดพลาดขององค์ภควานได้ทันที  ในขณะที่ผู้ไม่ใช่สาวกหรือมารไม่สามารถเข้าใจธรรมชาติทิพย์นี้  ฉะนั้นคำอธิบายใน  คีตาฺ  เหล่านี้สมองมารไม่สามารถเข้าใจได้  องค์ชรีคริชณะทรงจำสิ่งที่กระทำเมื่อล้าน  ๆ  ปีก่อนหน้านี้  แต่อารจุนะทรงไม่สามารถจำได้  ถึงแม้ว่าทั้งคริชณะและอารจุนะทรงเป็นอมตะโดยธรรมชาติ  เราอาจพิจารณา  ณ  ที่นี้ว่า  สิ่งมีชีวิตลืมทุกสิ่งทุกอย่างเนื่องมาจากการเปลี่ยนร่างกาย  แต่องค์ภควานทรงจำได้เพราะทรงมิได้เปลี่ยนร่าง  สัช-ชิด-อานันดะฺ  ของพระองค์  ทรงเป็น  อดไวทะฺ  หมายความว่าไม่มีข้อแตกต่างระหว่างพระวรกายและวิญญาณของพระองค์  ทุกสิ่งทุกอย่างที่สัมพันธ์กับพระองค์เป็นทิพย์  ในขณะที่พันธวิญญาณแตกต่างจากร่างวัตถุของตน  และเนื่องจากร่างขององค์ภควานและดวงวิญญาณเหมือนกัน  สภาวะขององค์ภควานจึงทรงแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปเสมอ  แม้ในขณะที่พระองค์เสด็จมาในระดับวัตถุ  พวกมารไม่สามารถปรับตนเองให้เข้ากับธรรมชาติทิพย์ขององค์ภควานได้  ซึ่งพระองค์จะทรงอธิบายในโศลกต่อไป

โศลก 6

อโจ 'พิ สันน อัพยะยาทมา
บํูทานาม อีชวะโร 'พิ สันฺ

พระคริทิม สวาม อดฺิชทฺายะ
สัมบฺะวามิ อาทมะ-มายะยาฺ

อจะฮฺ  -  ไม่มีการเกิด, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, สันฺ  -  เป็นเช่นนั้น, อัพยะยะฺ  -  ไม่มีการเสื่อมสลาย, อาทมาฺ  -  ร่างกาย, บํูทานามฺ  -  ของผู้ที่เกิดทั้งหมด, อีชวะระฮฺ  -  องค์ภควาน, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, สันฺ  -  เป็นเช่นนั้น, พระคริทิมฺ  -  ในรูปทิพย์, สวามฺ  -  ของตัวข้า, อดฺิชทฺายะฺ  -  สถิตเช่นนั้น, สัมบฺะวามิฺ  -  ข้าอวตาร, อาทมะมายะยาฺ  -  ด้วยพลังเบื้องสูงของข้า

คำแปลฺ

แม้ไม่มีการเกิด  ร่างทิพย์ของข้าไม่เคยเสื่อมสลาย  และแม้เป็นเจ้าแห่งมวลชีวิตข้าก็ยังปรากฏในร่างทิพย์เดิมของข้าทุก  ๆ  กัป

คำอธิบายฺ

องค์ภควานตรัสเกี่ยวกับลักษณะพิเศษแห่งการเกิดของพระองค์  แม้ทรงอาจปรากฏพระวรกายคล้ายบุคคลธรรมดา  แต่ทรงจำทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับ  “การเสด็จมา”  หลายต่อหลายชาติของพระองค์ในอดีตได้  ขณะที่มนุษย์ธรรมดาไม่สามารถจำได้ว่าได้ทำอะไรไปเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้  หากมีใครมาถามว่าท่านได้ทำอะไรเมื่อวานนี้ในเวลาเดียวกัน  สำหรับคนทั่วไปจะให้ตอบโดยทันทีได้ยากมาก  แน่นอนว่าต้องเค้นความจำว่าเมื่อวานนี้และเวลาเดียวกันนี้ได้ทำอะไรอยู่  ถึงกระนั้น  ยังมีบ่อยครั้งที่มนุษย์กล้าอ้างว่าตนเป็นองค์ภควานหรือคริชณะ  เราไม่ควรหลงผิดกับคำกล่าวอ้างที่ไร้สาระเช่นนี้  จากนั้นองค์ภควานทรงอธิบายถึง  พระคริทิฺ  หรือพระวรกายของพระองค์  คำว่า  พระคริทิฺ  มีความหมายเช่นเดียวกับคำว่า  สวะรูพะฺ  “ธรรมชาติ”  หรือ  “รูปลักษณ์ของตนเอง”  องค์ภควานตรัสว่าพระองค์ทรงปรากฏมาในพระวรกายของพระองค์เอง  ทรงมิได้เปลี่ยนพระวรกายของพระองค์เยี่ยงสิ่งมีชีวิตทั่วไปที่เปลี่ยนจากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง  พันธวิญญาณอาจมีร่างหนึ่งในชาตินี้แต่จะมีร่างอื่นในชาติหน้า  ในโลกวัตถุสิ่งมีชีวิตไม่มีร่างกายที่ถาวร  แต่จะเปลี่ยนจากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง  อย่างไรก็ดี  องค์ภควานทรงมิได้เป็นเช่นนั้น  เมื่อใดที่ทรงปรากฏ  จะทรงปรากฏในร่างเดิมด้วยพลังเบื้องสูงของพระองค์  อีกนัยหนึ่ง  คริชณะทรงปรากฏพระวรกายในโลกวัตถุนี้ในร่างอมตะเดิมแท้ของพระองค์ที่มีสองกร  ทรงขลุ่ย  ทรงปรากฏมาในร่างอมตะของพระองค์เหมือนเดิมโดยปราศจากมลทินของโลกวัตถุนี้  แม้ทรงปรากฏในร่างทิพย์เดิมและทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าแห่งจักรวาล  แต่ยังปรากฏว่าทรงประสูติเหมือนกับสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป  และแม้ว่าพระวรกายของพระองค์ทรงไม่เสื่อมสลายเหมือนร่างวัตถุ  ยังปรากฏว่าองค์ชรีคริชณะทรงเจริญเติบโตจากวัยทารกมาเป็นวัยเด็ก  และจากวัยเด็กมาเป็นวัยหนุ่ม  แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ว่าพระองค์ทรงไม่แก่ไปกว่าวัยหนุ่ม  ขณะที่อยู่ในสมรภูมิคุรุคเชทระ  ทรงมีพระราชนัดดาหลายองค์อยู่ที่พระราชวัง  อีกนัยหนึ่ง  พระองค์ทรงมีพระชนมายุค่อนข้างมากจากการคำนวณทางวัตถุ  แต่ทรงดูเหมือนเด็กหนุ่มที่มีอายุประมาณยี่สิบถึงยี่สิบห้าพรรษา  เราไม่เคยเห็นภาพของคริชณะในร่างของผู้สูงอายุ  เพราะพระองค์ทรงไม่ชราเหมือนพวกเราถึงแม้ทรงเป็นบุคคลผู้อาวุโสที่สุดในขบวนการสร้างทั้งหมด  ไม่ว่าในอดีตปัจจุบัน  และอนาคต  ทั้งพระวรกายและสติปัญญาของพระองค์ทรงไม่เคยเสื่อมสลายหรือเปลี่ยนแปลง  ฉะนั้น  จึงปรากฏชัดเจนว่าถึงแม้จะทรงประทับอยู่ในโลกวัตถุ  แต่ทรงอยู่ในร่างอมตะที่ไม่มีการเกิด  เปี่ยมไปด้วยความสุขเกษมสำราญและความรู้  พระวรกายทิพย์และสติปัญญาของพระองค์ทรงไม่มีการเปลี่ยนแปลง  อันที่จริงการปรากฏและไม่ปรากฏของพระองค์ทรงเปรียบเสมือนกับดวงอาทิตย์ขึ้น  ที่ค่อย  ๆ  เคลื่อนผ่านหน้าเราและหายลับจากสายตาของเราไป  เมื่อดวงอาทิตย์ลับตาเราคิดว่าดวงอาทิตย์ตกและเมื่อดวงอาทิตย์อยู่ในสายตาของเรา  เราคิดว่าดวงอาทิตย์อยู่บนขอบฟ้า  อันที่จริงดวงอาทิตย์อยู่ในตำแหน่งถาวรเสมอ  แต่เนื่องมาจากข้อบกพร่องของเราเอง  ประสาทสัมผัสที่สมบูรณ์ไม่เพียงพอของเราคำนวณการปรากฏและไม่ปรากฏของดวงอาทิตย์ในท้องฟ้า  และเพราะว่าการปรากฏและไม่ปรากฏของคริชณะทรงแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตสามัญธรรมดาทั่วไปโดยสิ้นเชิง  จึงเป็นหลักฐานว่าพระองค์ทรงเป็นอมตะ  เปี่ยมไปด้วยความสุขเกษมสำราญและความรู้  อันเนื่องมาจากพลังอำนาจเบื้องสูงของพระองค์และปราศจากมลทินจากธรรมชาติวัตถุ  คัมภีร์พระเวทได้ยืนยันไว้เช่นกันว่า  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงไม่มีการเกิด  แต่ยังปรากฏว่าพระองค์ทรงเกิดมาในอวตารหลากหลายมากมาย  ภาคผนวกของวรรณกรรมพระเวทยืนยันไว้เช่นกันว่า  แม้ดูเหมือนว่าจะมีการเกิด  แต่พระองค์ทรงไม่มีการเปลี่ยนแปลงพระวรกาย  ใน  บฺากะวะธัมฺ  พระองค์ทรงปรากฏต่อหน้าพระพักตร์ของพระมารดาในรูปของพระนารายะณะสี่กร  พร้อมทั้งเครื่องประดับหกชนิดด้วยความมั่งคั่งสมบูรณ์  การปรากฏมาในพระวรกายอมตะเดิมแท้ของพระองค์ทรงเป็นพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ทรงประทานแก่สิ่งมีชีวิต  เพื่อให้พวกเราสามารถทำสมาธิอยู่ที่องค์ภควานได้ตามความเป็นจริง  มิใช่เป็นการกุขึ้นหรือเป็นจินตนาการจากจิตใจของเรา  ดังเช่นพวกมายาวาดีคิดผิด  ๆ  ว่าพระวรกายขององค์ภควานทรงควรเป็นเช่นนั้นหรือเช่นนี้  คำว่า  มายาฺ  หรือ  อาทมะ-มายาฺ  หมายถึงพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ขององค์ภควาน  ตามพจนานุกรม  วิชวะ-โคชะฺ  องค์ภควานทรงมีจิตสำนึกถึงการปรากฏและไม่ปรากฏของพระองค์ในอดีต  แต่สิ่งมีชีวิตจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับอดีตชาติทันทีที่ได้รับร่างใหม่  พระองค์ทรงเป็นองค์ภควานของมวลชีวิต  เพราะทรงปฏิบัติกิจกรรมอันมหัศจรรย์เหนือมนุษย์ขณะที่ทรงประทับอยู่บนโลกนี้  ดังนั้น  องค์ภควานทรงเป็นสัจธรรมเหมือนเดิมอยู่เสมอ  และทรงเป็นสัจธรรมที่ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างพระวรกายและดวงวิญญาณของพระองค์  หรือระหว่างคุณสมบัติและพระวรกายของพระองค์  อาจมีคำถามว่าแล้วทำไมองค์ภควานจึงทรงปรากฏและไม่ปรากฏบนโลกนี้  คำถามนี้จะอธิบายในโศลกต่อไป

โศลก 7

ยะดา ยะดา ฮิ ดฺารมัสยะ
กลานิร บฺะวะทิ บฺาระทะฺ

อับฺยุททฺานัม อดฺารมัสยะ
ทะดาทมานัม สริจามิ อฮัมฺ

ยะดา ยะดาฺ  -  เมื่อใดและที่ไหน, ฮิฺ  -  แน่นอน, ดฺารมัสยะฺ  -  ของศาสนา, กลานิฮฺ  -  ขัดแย้ง, บฺะ วะทิฺ  -  ปรากฏออกมา, บฺาระทะฺ  -  โอ้ ผู้สืบราชวงศ์บฺาระทะ, อับฺยุททฺานัมฺ  -  มีอำนาจเหนือ, อดฺารมัสยะฺ  -  ไร้ศาสนา, ทะดาฺ  -  เวลานั้น, อาทมานัมฺ  -  ตัวข้า. สริจามิฺ  -  ปรากฏ, อฮัมฺ  -  ข้า

คำแปลฺ

เมื่อใดและที่ไหนที่การปฏิบัติตามหลักศาสนา  (ธรรมะ)  เสื่อมลง  โอ้  ผู้สืบราชวงศ์บฺะระทะ  และการปฏิบัติที่ผิดหลักศาสนา  (อธรรม)  มีอำนาจเหนือในขณะนั้นตัวข้าจะเสด็จลงมา

คำอธิบายฺ

คำว่า  สริจามิฺ  มีความสำคัญ  ณ  ที่นี้  สริจามิฺ  มิใช่แปลว่าการสร้าง  เพราะว่าโศลกก่อนหน้านี้ได้กล่าวไว้ว่า  ไม่มีการสร้างรูปร่างหรือพระวรกายขององค์ภควาน  เนื่องจากรูปลักษณ์ของพระองค์นั้นทรงมีอยู่ชั่วกัลปวสาน  ฉะนั้นคำว่า  สริจามิฺ  หมายความว่าองค์ภควานทรงปรากฏมาตามความเป็นจริง  แม้จะทรงปรากฏตามกำหนดเวลา  เช่น  ในปลาย  ดวาพะระ-ยุกะฺ  ของกัปที่ยี่สิบแปดแห่ง  มะนฺุ  องค์ที่เจ็ดในหนึ่งวันของพระพรหมพระองค์ทรงไม่มีพันธกรณีที่จะต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้  เพราะทรงมีอิสระเสรีอย่างสมบูรณ์ในการปฏิบัตอย่างไรก็ได้ตามพระราชอัธยาศัย  ฉะนั้น  ทรงปรากฏด้วยความปรารถนาของพระองค์เอง  เมื่ออธรรมเฟื่องฟูมีอำนาจเหนือ  และศาสนาที่แท้จริงสูญหายไป  หลักธรรมแห่งศาสนานี้ได้วางไว้ในคัมภีร์พระเวท  การปฏิบัติใด  ๆ  ที่ขัดแย้งต่อกฎเกณฑ์อันถูกต้องของคัมภีร์พระเวทจะทำให้เราเป็นผู้ไร้คุณธรรม  ใน  บฺากะวะธัมฺได้กล่าวไว้ว่าหลักธรรมนี้คือกฎขององค์ภควาน  พระองค์เท่านั้นที่ทรงสามารถสร้างระบบศาสนา  เป็นที่ยอมรับกันว่าองค์ภควานทรงเป็นผู้ตรัสคัมภีร์พระเวทเข้าสู่หัวใจของพระพรหม  ฉะนั้น  หลัก  ดฺารมะฺ  หรือหลักศาสนาคือคำสั่งโดยตรงของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  (ดฺารมัม  ทุ  สาคชาด  บฺะกะวัท-พระณีทัมฺ)  หลักธรรมต่าง  ๆ  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนตลอดทั้งเล่มใน  ภควัต-คีตาฺ  จุดมุ่งหมายของคัมภีรพระเวทคือสถาปนาหลักธรรมเช่นนี้ภายใต้คำสั่งขององค์ภควาน  และพระองค์ทรงสั่งโดยตรงในตอนท้ายของ  คีตาฺ  ว่าหลักธรรมสูงสุดของศาสนาคือศิโรราบต่อองค์ภควานเท่านั้น  ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้  หลักธรรมของพระเวทจะส่งเสริมเราไปสู่การศิโรราบอย่างสมบูรณ์ต่อพระองค์และเมื่อใดที่มีมารมารังควานหลักธรรมนี้  องค์ภควานจะทรงปรากฏ  จาก  บฺากะวะธัมฺเราเข้าใจว่าคริชณะทรงอวตารลงมาเป็นองค์บุดดฺะขณะที่ลัทธิวัตถุนิยมแพร่หลาย  และนักวัตถุนิยมได้ใช้ข้ออ้างจากอำนาจแห่งคัมภีร์พระเวท  ถึงแม้ว่าจะมีกฎเกณฑ์ข้อบังคับเกี่ยวกับการบูชายัญสัตว์เพื่อจุดมุ่งหมายบางประการในคัมภีร์พระเวท  แต่บุคคลผู้มีแนวโน้มไปในทางมารก็ยังทำการบูชายัญสัตว์โดยไม่มีการอ้างอิงถึงหลักธรรมของพระเวทองค์บุดดฺะทรงปรากฏเพื่อหยุดความเหลวไหลเช่นนี้  และทรงสถาปนาหลักอหิงสาแห่งพระเวท  ดังนั้นทุก  ๆ  อวะทาระฺ  หรืออวตารขององค์ภควานจะทรงมีพระภารกิจโดยเฉพาะ  และทั้งหมดได้อธิบายไว้ในพระคัมภีร์อย่างเปิดเผย  เราไม่ควรยอมรับผู้ใดว่าเป็นอวตารนอกจากพระคัมภีร์ได้อ้างอิงไว้  ไม่เป็นความจริงที่ว่าองค์ภควานทรงปรากฏบนแผ่นดินของประเทศอินเดียเท่านั้น  พระองค์ทรงสามารถปรากฏพระวรกายได้ทุกหนทุกแห่งตามที่ทรงปรารถนา  องค์ภควานในรูปของอวตารทุกพระองค์จะตรัสเกี่ยวกับศาสนามากเท่าที่ประชาชนในยุคและสถานการณ์นั้น  ๆ  จะเข้าใจได้  แต่พระภารกิจของทุกพระองค์ทรงเหมือนกัน  คือทรงนำประชาชนมาสู่ภควานจิตสำนึก  และเชื่อฟังปฏิบัติตามหลักธรรมแห่งศาสนา  บางครั้งพระองค์เสด็จลงมาเอง  บางครั้งทรงส่งผู้แทนที่เชื่อถือได้มาในรูปของสาวกหรือผู้รับใช้  หรือทรงแปลงพระวรกายมา

หลักธรรมแห่ง  ภควัต-คีตาฺ  ได้ตรัสแก่อารจุนะ  ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการตรัสแก่บุคคลอื่น  ๆ  ผู้ที่เจริญแล้ว  เนื่องจากอารจุนะทรงมีความเจริญก้าวหน้ามากเมื่อเปรียบเทียบกับคนธรรมดาทั่วไป  ในส่วนอื่น  ๆ  ของโลก  สองบวกสองเป็นสี่คือหลักคณิตศาสตร์ที่เป็นความจริงไม่ว่าในชั้นคณิตศาสตร์เบื้องต้นหรือชั้นสูง  ถึงกระนั้นก็ยังมีการคำนวณที่สูงกว่าและต่ำกว่า  ดังนั้น  อวตารทั้งหมดขององค์ภควานจะสอนหลักธรรมเดียวกัน  แต่จะปรากฏว่าสูงกว่าหรือต่ำกว่าขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป  หลักศาสนาที่สูงกว่าเริ่มจากการยอมรับสี่ระดับและสี่อาชีพแห่งชีวิตสังคม  ดังจะอธิบายต่อไป  จุดมุ่งหมายทั้งหมดแห่งพระภารกิจขององค์อวตารคือการรณรงค์คริชณะจิตสำนึกทั่วทุกหนทุกแห่ง  จิตสำนึกเช่นนี้ปรากฏหรือไม่ปรากฏจะอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกันเท่านั้น

โศลก 8

พะริทราณายะ สาดํูนาม
วินาชายะ ชะ ดุชคริทามฺ

ดฺารมะ-สัมสทฺาพะนารทฺายะ
สัมบฺะวามิ ยุเก ยุเกฺ

พะรีทราณายะฺ  -  เพื่อการจัดส่ง, สาดํูนามฺ  -  สาวก, วินาชายะฺ  -  เพื่อการทำลาย, ชะฺ  -  และ, ดุชคริทามฺ  -  คนสารเลว, ดฺารมะฺ  -  หลักธรรมของศาสนา, สัมสทฺาพะนะ-อาทฺายะฺ  -  สถาปนาขึ้นใหม่, สัมบฺะวามิฺ  -  ข้าปรากฏตัว, ยุเกฺ  -  กัปแล้ว, ยุเกฺ  -  กัปเล่า

คำแปลฺ

เพื่อจัดส่งคนดีมีธรรมะและทำลายคนชั่ว  พร้อมกับสถาปนาหลักธรรมแห่งศาสนาขึ้นมาใหม่  ตัวข้าจึงปรากฏกัปแล้วกัปเล่า

คำอธิบายฺ

ตาม  ภควัต-คีตาฺ  คำว่า  สาดํฺุ  (ผู้บริสุทธิ์)  คือบุคคลในคริชณะจิตสำนึก  บุคคลที่ดูเหมือนว่าทำผิดหลักศาสนาแต่หากว่ามีคุณสมบัติของคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์  ผู้นี้คือสาดํฺุ  และ  ดุชคริทามฺ  คือพวกที่ไม่สนใจใยดีกับคริชณะจิตสำนึก  ดุชคริทามฺ  หรือคนเลวเหล่านี้อธิบายไว้ว่าเป็นผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญา  ต่ำสุดในหมู่มนุษย์  ถึงแม้จะประดับไปด้วยการศึกษาทางโลกที่สูงส่ง  แต่บุคคลผู้ปฏิบัติตนในคริชณะจิตสำนึกร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นที่ยอมรับกันว่าคือ  สาดํฺุ  แม้ว่าบุคคลนี้อาจไม่ได้รับการศึกษาหรือมีวัฒนธรรมสูง  สำหรับพวกที่ไม่เชื่อในองค์ภควาน  ไม่จำเป็นที่พระองค์ทรงต้องปรากฏพระวรกายมาทำลายพวกเขาดังที่ทรงปรากฏมาเพื่อทำลายมารเช่นราวะณะ  (ทศกัณฑ์)  และคัมสะ  องค์ภควานทรงมีผู้แทนมากมายที่มีขีดความสามารถเพียงพอในการทำลายมาร  แต่ทรงเสด็จลงมาโดยเฉพาะเพื่อปลอบใจสาวกผู้ไร้มลทินที่ถูกมารข่มเหงอยู่เสมอ  มารชอบข่มเหงสาวกแม้เป็นญาติเกี่ยวดองกัน  แม้  พระฮลาดะมะฮาราจะ  ทรงเป็นโอรสของ  หิรัณยะคะชิพุ  ก็ยังถูกพระบิดาสั่งประหาร  และแม้ว่าพระนางเดวะคี  พระมารดาของคริชณะ  ทรงเป็นพระขนิษฐภคินีของคัมสะ  พระนางและพระสวามีวะสุเดวะยังถูกตามประหารเนื่องจากคริชณะจะทรงมาประสูติ  ฉะนั้น  คริชณะทรงปรากฏเพื่อจัดส่งพระนางเดวะคีมากกว่าที่จะมาสังหารคัมสะ  แต่ทั้งสองสิ่งทรงกระทำควบคู่กันไป  ดังนั้น  จึงได้กล่าว  ณ  ที่นี้ว่าเพื่อจัดส่งสาวกและทำลายมารชั่ว  องค์ภควานจึงทรงปรากฏในอวตารต่าง  ๆ

ใน  เชธันญะ-ชะริทามริทะฺ  ของ  คริชณะดาสะ  ดาวิราจะ  โศลกต่อไปนี้  (มัดฺยะฺ20.263-264)  จะสรุปหลักธรรมขององค์อวตาร

สริชทิ-เฮทุ เย มูรทิ พระพันเช อวะทะเร
เส อีชวะระ-มูรทิ อวะทาระ  นามะ ดฺะเรฺ
มายาทีทะ พะรัพโยเม สะบาระ อวัสทฺานะ
วิชเว อวะทะริ  ดฺะเร อวะทาระ  นามะฺ

อวะทาระฺ  หรืออวตารขององค์ภควานเสด็จลงมาจากอาณาจักรของพระองค์เพื่อมาปรากฏที่โลกวัตถุ  และรูปลักษณ์โดยเฉพาะของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้เสด็จลงมา  เรียกว่าอวตารหรือ  อวะทาระฺ  อวตารเหล่านี้ทรงสถิตอยู่ในโลกทิพย์  อาณาจักรแห่งองค์ภควาน  เมื่อเสด็จลงมาในจักรวาลวัตถุทรงพระนามว่า  อวะทาระฺ

มีอวตารหลายรูปแบบ  เช่น  พุรุชาวะทาระ,  กุณาวะทาระ,  ลีลาวะทาระ,  ชัคที-อาเวชะ  อวะทาระ,  มันวันทะระ-อวะทาระฺ  และ  ยุกาวะทาระฺ  ทั้งหมดทรงปรากฏตามตารางเวลาในจักรวาลทั้งหลาย  แต่องค์ชรีคริชณะทรงเป็นภควานองค์แรก  ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของ  อวะทาระฺ  ทั้งมวล  องค์ชรีคริชณะเสด็จลงมาเพื่อจุดประสงค์โดยเฉพาะ  คือทรงขจัดความวิตกกังวลของสาวกผู้บริสุทธิ์ที่มีความกระตือรือร้นอยากพบพระองค์ในลีลาเดิมแห่งวรินดาวะนะ  ดังนั้น  จุดมุ่งหมายแรกของคริชณะอวตารคือทรงตอบสนองความปราถนาของสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์

องค์ภควานตรัสว่า  พระองค์ทรงอวตารลงมาในทุก  ๆ  กัป  เช่นนี้แสดงให้เห็นว่าทรงอวตารลงมาใน  คะลิฺ  ยุคเช่นกัน  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ว่าอวตารใน  คะลิฺ  ยุคคือ  องค์เชธันญะ  มะฮาพระบํุ  ผู้ทรงเผยแพร่การบูชาคริชณะด้วยขบวนการ  สังคีร-  ทะนะฺ  (การชุมนุมร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน)  และเผยแพร่คริชณะจิตสำนึกไปทั่วประเทศอินเดีย  องค์เชธันญะทรงทำนายไว้ว่าวัฒนธรรมแห่ง  สังคีรทะนะฺ  จะขจรขจายไปทั่วโลก  จากเมืองสู่เมือง  และจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน  องค์เชธันญะทรงเป็นอวตารของคริชณะ  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ได้อธิบายไว้ในส่วนลับเฉพาะของพระคัมภีร์ที่เปิดเผย  เช่น  อุปนิษัท,  มหาภารตะ.ฺ  และ  บฺากะวะธัมฺ  ว่า  สาวกของคริชณะรักขบวนการ  สังคีรทะนะฺ  ขององค์เชธันญะมาก  อวตารของภควานองค์นี้ไม่สังหารคนเลว  แต่จะจัดส่งพวกคนเลวให้หลุดพ้น  ด้วยพระเมตตาธิคุณอันหาที่สุดมิได้

โศลก 9

จันมะ คารมะ ชะ เม ดิพยัม
เอวัม โย เวททิ ทัททวะทะฮฺ

ทยัคทวา เดฮัม พุนาร จันมะ
ไนทิ มาม เอทิ โส รจุนะฺ

จันมะฺ  -  เกิด, คารมะฺ  -  งาน, ชะฺ  -  เช่นกัน, เมฺ  -  ของข้า, ดิพยัมฺ  -  ทิพย์, เอวัมฺ  -  เหมือนนี้, ยะฮฺ  -  ผู้ใดซึ่ง, เวททิฺ  -  ทราบ, ทัททวะทะฮฺ  -  ในความเป็นจริง, ทยัคควาฺ  -  ปล่อยวาง, เดฮัมฺ  -  ร่างนี้, พุนะฮฺ  -  อีกครั้ง, จันมะฺ  -  เกิด, นะฺ  -  ไม่เคย, เอทิฺ  -  บรรลุ, มามฺ  -  แด่ข้า, เอทิฺ  -  บรรลุ, สะฮฺ  -  เขา, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ

คำแปลฺ

ผู้ที่รู้ธรรมชาติทิพย์แห่งการปรากฏและกิจกรรมของข้า  เมื่อออกจากร่างไปแล้วจะไม่กลับมาเกิดในโลกวัตถุนี้อีก  แต่บรรลุถึงอาณาจักรอมตะของข้า  โอ้อารจุนะ

คำอธิบายฺ

การเสด็จลงมาขององค์ภควานจากอาณาจักรทิพย์ได้อธิบายไว้แล้วในโศลกที่หก  ผู้ที่สามารถเข้าใจสัจธรรมแห่งการปรากฏของพระองค์เป็นผู้หลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุ  ฉะนั้น  เขาจะกลับคืนสู่อาณาจักรแห่งองค์ภควานทันทีหลังจากออกจากร่างวัตถุปัจจุบันนี้ไป  การหลุดพ้นของสิ่งมีชีวิตจากพันธนาการทางวัตถุเช่นนี้มิใช่ของง่าย  มายาวดีฺ  และ  โยคีฺ  ได้รับความหลุดพ้นหลังจากความยากลำบากมากมายหลายต่อหลายชาติ  ถึงกระนั้น  ความหลุดพ้นที่พวกเขาได้รับคือ  การกลืนเข้าไปใน  บระฮมะจโยทิฺ  อันไร้รูปลักษณ์ขององค์ภควานซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพระองค์เท่านั้นและยังเสี่ยงที่จะต้องกลับมาในโลกวัตถุนี้อีก  แต่สาวกเพียงแต่เข้าใจธรรมชาติทิพย์แห่งพระวรกายและกิจกรรมของพระองค์ก็จะบรรลุถึงอาณาจักรแห่งองค์ภควานหลังจากจบสิ้นร่างกายนี้  และไม่ต้องเสี่ยงในการกลับมาโลกวัตถุนี้อีก  ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ(5.33)  ได้กล่าวไว้ว่า  องค์ภควานทรงมีรูปลักษณ์และอวตารมากมาย  อดไวทัม  อัชยุทัม  อนาดิม  อนันทะ-รูพัมฺ  แม้ทรงมีรูปลักษณ์ทิพย์มากมายทั้งหมดยังทรงเป็นหนึ่งเดียวกันคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  เราต้องเข้าใจความจริงอันนี้ด้วยความมั่นใจแม้ว่าอาจจะเข้าใจยากสำหรับนักวิชาการและนักปราชญ์ช่างสังเกตทางโลก  ดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวท  (พุรุชะ-โบดฺินี  อุพะนิชัดฺ)  ว่า

เอโค เดโว นิทยะ-ลีลานุรัคโท
บฺัคธะ-วิยาพี ฮริดิ อันทาร-อาทมาฺ

“บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์เดียวกันนี้ทรงมีกิจกรรมในรูปลักษณ์ทิพย์มากมายในความสัมพันธ์กับสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์”  คำแปลของคัมภีร์พระเวทได้ยืนยันในโศลกนี้ของ  คีตาฺ  โดยองค์ภควานเอง  ผู้ที่ยอมรับสัจธรรมนี้ภายใต้อำนาจที่เชื่อถือได้ของคัมภีร์พระเวทและบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  และไม่เสียเวลาไปในการคาดคะเนทางปรัชญา  จะบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดแห่งอิสรภาพ  เพียงแต่ยอมรับสัจธรรมนี้ด้วยความศรัทธา  เราสามารถบรรลุถึงความหลุดพ้นได้โดยไม่ต้องสงสัย  คำแปลของพระเวท  ทัท  ทวัม  อสิฺ  อันที่จริงใช้ในกรณีนี้ได้  ผู้ใดเข้าใจองค์ชรีคริชณะว่าสูงสุดหรือกล่าวต่อพระองค์ว่า  “พระองค์ทรงเป็นองค์เดียวกับ  บระฮมันฺ  สูงสุด  บุคลิกภาพแห่งพระเจ้า”  เป็นผู้หลุดพ้นโดยทันทีอย่างแน่นอน  จากนั้น  การเข้าสู่การคบหาสมาคมทิพย์กับพระองค์เป็นที่รับประกันหรืออีกนัยหนึ่ง  สาวกขององค์ภควานผู้มีความศรัทธาเช่นนี้จะบรรลุความสมบูรณ์  ได้รับการยืนยันโดยคำอ้างอิงของพระเวทดังต่อไปนี้

ทัม เอวะ วิดิทวาทิ มริทยุม เอทิ
นานยะฮ พันทฺา วิดยะเท ‘ยะนายะฺ

“เราสามารถบรรลุถึงระดับสมบูรณ์แห่งอิสรภาพจากการเกิดและการตาย  เพียงแต่รู้ถึงองค์ภควาน  บุคลิกภาพสูงสุดแห้งพระเจ้า  และไม่มีทางอื่นในการบรรลุถึงความสมบูรณ์นี้”  (ชเวทาชะวะทะระ  อุพะนิชัดฺ  3.8)  ไม่มีทางเลือกอื่นหมายความว่าผู้ใดไม่เข้าใจองค์ชรีคริชณะว่าทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  แน่นอนว่าเขาอยู่ในรระดับแห่งอวิชชาและจะไม่บรรลุถึงความหลุดพ้น  จากการพยายามที่จะลิ้มรสภายนอกของขวดน้ำผึ้งหรือจากการตีความ  ภควัต-คีตาฺ  ตามหลักวิชาการทางโลก  นักปราชญ์ผู้คาดคะเนเช่นนี้อาจเล่นบทที่มีความสำคัญมากในโลกวัตถุ  แต่ไม่มีสิทธิ์เพื่อความหลุดพ้นนักวิชาการทางโลกผู้ผยองเช่นนี้จะต้องรอพระเมตตาจากสาวกขององค์ภควาน  ฉะนั้นเราควรปลูกฝังคริชณะจิตสำนึกด้วยความศรัทธาและความรู้  เช่นนี้จะทำให้เราบรรลุถึงความสมบูรณ์

โศลก 10

วีทะ-รากะ-บฺะยะ-โครดฺา
มัน-มะยา มาม อุพาชริทาฮฺ

บะฮะโว กยานะ-ทะพะสา
พูทา มัด-บฺาวัม อากะทาฮฺ

วีทะฺ  -  อิสระจาก, รากะฺ  -  การยึดติด, บฺะยะฺ  -  ความกลัว, โครดฺาฮฺ  -  และความโกรธ, มัทฺ  -  มะยาฺ  -  ในข้าอย่างสมูรณ์, มามฺ  -  ในข้า, อุพาชริทาฮฺ  -  สถิตอย่างสมบูรณ์, บะฮะวะฮฺ  -  มากมาย, กยานะฺ  -  แห่งความรู้, ทะพะสาฺ  -  ด้วยการบำเพ็ญเพียร, พูทาฮฺ  -  บริสุทธิ์, มัด-บฺาวัมฺ  -  ความรักทิพย์ต่อข้า, อากะทาฮฺ  -  บรรลุถึง

คำแปลฺ

มีอิสรเสรีจากการยึดติด  ความกลัว  และความโกรธ  ซึมซาบอย่างเต็มเปี่ยมในข้า  และยึดข้าเป็นที่พึ่ง  บุคคลมากมายในอดีตได้รับความบริสุทธิ์ด้วยความรู้แห่งข้า  และบรรลุถึงความรักทิพย์ต่อข้า

คำอธิบายฺ

ดังที่ได้อธิบายก่อนหน้านี้ว่าเป็นการยากมากสำหรับผู้มีความเสน่หามากทางวัตถุที่จะเข้าใจธรรมชาติของบุคลิกภาพแห่งสัจธรรมสูงสุด  โดยทั่วไปผู้ยึดติดกับแนวคิดชีวิตทางร่างกายจะซึมซาบอยู่ในลัทธิวัตถุนิยม  เกือบเป็นไปไม่ได้สำหรับคนพวกนี้ที่จะเข้าใจว่าองค์ภควานทรงเป็นบุคคลได้อย่างไร  นักวัตถุนิยมเช่นนี้ไม่สามารถแม้แต่จะจินตนาการว่ามีร่างทิพย์ที่ไม่มีวันเสื่อมสลาย  เต็มไปด้วยความรู้  และมีความปลื้มปิติสุขชั่วกัลปวสาน  ในแนวคิดทางวัตถุ  ร่างกายเสื่อมสลาย  เต็มไปด้วยอวิชชาและความทุกข์  ฉะนั้น  ผู้คนโดยทั่วไปจะรักษาแนวคิดเช่นเดียวกับร่างกายนี้อยู่ภายในใจเมื่อได้รับข้อมูลเกี่ยวกับรูปลักษณ์ส่วนพระองค์ขององค์ภควาน  สำหรับนักวัตถุนิยมประเภทนี้  ปรากฏการณ์ทางวัตถุที่ยิ่งใหญ่มโหฬารคือสิ่งสูงสุด  ดังนั้น  จึงพิจารณาว่าองค์ภควานไร้รูปลักษณ์  และเนื่องจากซึมซาบอยู่ในวัตถุมาก  แนวคิดว่าจะมีบุคลิกภาพหลังหลุดพ้นจากโลกวัตถุแล้วทำให้เกิดความกลัว  เมื่อได้รับข้อมูลว่าชีวิตทิพย์ยังเป็นปัจเจกบุคคลและมีบุคลิกภาพเช่นเดียวกัน  รู้สึกกลัวที่จะมาเป็นบุคคลอีกครั้งหนึ่ง  ดังนั้นโดยธรรมชาติพวกเขาชอบกลืนหายเข้าไปในความว่างเปล่าที่ไร้รูปลักษณ์มากกว่าโดยเปรียบเทียบสิ่งมีชีวิตเหมือนกับฟองน้ำในมหาสมุทรที่กลืนหายเข้าไปในมหาสมุทรนี่คือความสมบูรณ์สูงสุดแห่งชีวิตทิพย์ที่บรรลุโดยไร้ปัจเจกบุคลิกภาพ  เช่นนี้  เป็นระดับชีวิตที่น่ากลัวแบบหนึ่ง  ซึ่งขาดความรู้อย่างสมบูรณ์แห่งชีวิตทิพย์  นอกจากนั้นยังมีหลายคนที่ไม่สามารถเข้าใจชีวิตทิพย์ได้เลย  พวกนี้รู้สึกอึดอัดจากหลายทฤษฎีและข้อขัดแย้งต่าง  ๆ  นานาในการคาดคะเนทางปรัชญา  ในที่สุดก็รู้สึกเบื่อหน่าย  โมโห  และสรุปอย่างโง่  ๆ  ว่าไม่มีแหล่งกำเนิดสูงสุด  ทุกสิ่งทุกอย่างว่างเปล่า  บุคคลเช่นนี้อยู่ในสภาวะชีวิตที่ป่วยเป็นโรค  บางคนยึดติดทางวัตถุมาก  ดังนั้น  จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับชีวิตทิพย์  บางคนต้องการกลืนหายเข้าไปในแหล่งกำเนิดทิพย์สูงสุด  และบางคนไม่เชื่อในทุกสิ่งทุกอย่าง  ด้วยความหมดหวังจึงโมโหต่อการคาดคะเนในวิถีทิพย์ทั้งหมด  คนกลุ่มสุดท้ายจะไปพึ่งยาเสพติดบางชนิด  และบางครั้งเกิดภาพหลอนแต่กลับคิดว่าเป็นจักษุทิพย์  เราต้องขจัดการยึดติดในโลกวัตถุทั้งสามระดับ  คือ  ละเลยต่อชีวิตทิพย์กลัวต่อปัจเจกบุคลิกภาพทิพย์  และแนวคิดในความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นจากความผิดหวังในชีวิต  การที่จะได้รับอิสรภาพจากสามระดับของแนวคิดชีวิตทางวัตถุ  เราต้องยึดองค์ภควานเป็นที่พึ่งโดยสมบูรณ์ด้วยการนำทางของพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้  และปฏิบัติตามระเบียบวินัยและหลักธรรมแห่งชีวิตอุทิศตนเสียสละ  ระดับสุดท้ายของชีวิตอุทิศตนเสียสละเรียกว่า  บฺาวะฺ  หรือความรักทิพย์ต่อองค์ภควาน

บฺัคธิ-ระสัมริทะ-สินดํฺุ  (1.4.15-16)  ศาสตร์แห่งกาอุทิศตนเสียสละรับใช้กล่าวว่า

อาโด ชรัดดฺา ทะทะฮ สาดํุ-
สังโก ทฺะ บฺะจะนะ-คริยาฺ

ทะโท นารทฺะ-นิวริททิฮ สยาท
ทะโท นิชทฺา รุชิส ทะทะฮฺ
อทฺาสัคทิส ทะโท บฺาวัส
ทะทะฮ เพรมาบฺยุดันชะทิฺ

สาดฺะคานาม อยัม เพรมณะฮ
พราดูรบฺาเว บฺะเวท คระมะฮฺ

“ในตอนต้นเราต้องมีความปรารถนาพื้นฐานเพื่อความรู้แจ้งแห่งตนจึงจะนำเรามาถึงจุดที่จะพยายามคบหาสมาคมกับบุคคลผู้มีความเจริญในวิถีทิพย์  ระดับต่อไปเราจะต้องอุปสมบทโดยพระอาจารย์ทิพย์ผู้เจริญแล้ว  และภายใต้คำสั่งสอนของท่าน  สาวกนวกะจึงเริ่มปฏิบัติตามขบวนการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ด้วยการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ภายใต้คำแนะนำของพระอาจารย์ทิพย์  ทำให้เราเป็นอิสระจากการยึดติดทางวัตถุทั้งมวล  บรรลุถึงความมั่นคงในการรู้แจ้งแห่งตน  และได้รับรสแห่งการสดับฟังเกี่ยวกับองค์ภควานผู้สมบูรณ์ชรีคริชณะ  รสนี้จะนำเราก้าวต่อไปถึงความยึดมั่นในคริชณะจิตสำนึก  ซึ่งจะเจริญงอกงามจนถึง  บฺาวะฺ  หรือระดับพื้นฐานของความรักทิพย์แห่งองค์ภควาน  ความรักที่แท้จริงต่อองค์ภควานเรียกว่า  เพรมะฺ  ซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์สูงสุดแห่งชีวิต”  ในระดับ  เพรมะฺ  จะมีการปฏิบัติรับใช้ด้วยความรักทิพย์ต่อองค์ภควานเสมอ  ดังนั้น  ด้วยขบวนการแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป  ภายใต้คำแนะนำของพระอาจารย์ทิพย์ที่เชื่อถือได้  ทำให้เราสามารถบรรลุถึงระดับสูงสุดซึ่งมีอิสระจากการยึดติดทางวัตถุทั้งปวง  และเสรีภาพจากความกลัวปัจเจกบุคลิกภาพทิพย์ของตนเอง  รวมทั้งเสรีภาพจากความผิดหวังอันสืบเนื่องมาจากปรัชญาที่สูญเปล่า  ในที่สุดเราจะสามารถบรรลุถึงอาณาจักรแห่งองค์ภควาน

โศลก 11

เย ยะทฺา มาม พระพัดยันเท
ทามส ทะไทวะ บฺะจามิ อฮัมฺ

มะมะ วารทมานุวารทันเท
มะนุชยาฮ พารทฺะ สารวะชะฮฺ

เยฺ  -  ทั้งหมดผู้ซึ่ง, ยะทฺาฺ  -  ดังที่, มามฺ  -  แด่ข้า, พระพัดยันเทฺ  -  ศิโรราบ, ทานฺ  -  พวกเขา, ทะทาฺ  -  ดังนั้น, เอวะฺ  -  แน่นอน, บฺะจามิฺ  -  ได้รับรางวัล, อฮัมฺ  -  ข้า, มะมะฺ  -  ของข้า, วารทมะฺ  -  หนทาง, อนุวารทันเทฺ  -  ปฏิบัติตาม, มะนุชยาฮฺ  -  มวลมนุษย์, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, สารวะชะฮฺ  -  ด้วยประการทั้งปวง

คำแปลฺ

ดังที่ทั้งหมดศิโรราบต่อข้า  ข้าให้รางวัลไปตามระดับแห่งการศิโรราบ  ทุก  ๆ  คนปฏิบัติตามวิถีทางของข้าด้วยประการทั้งปวง  โอ้  โอรสพระนางพริทฺา

คำอธิบายฺ

ทุกคนกำลังเสาะแสวงหาคริชณะในมุมมองต่าง  ๆ  แห่งปรากฏการณ์ของพระองค์  คริชณะบุลคิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงรู้แจ้งได้เพียงบางส่วนในรัศมี  บระฮ-  มะจโยทิฺ  อันไร้รูปลักษณ์ของพระองค์  และทรงเป็นอภิวิญญาณที่แผ่กระจายไปทั่วและทรงประทับอยู่ภายในทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งภายในละอองปรมาณู  แต่สาวกผู้บริสุทธิ์ของคริชณะเท่านั้นที่จะรู้แจ้งถึงพระองค์อย่างสมบูรณ์บริบูรณ์  ดังนั้น  คริชณะจึงทรงเป็นจุดมุ่งหมายสำหรับทุกคนเพื่อความรู้แจ้ง  และทุก  ๆ  คนจะได้รับความพึงพอใจตามที่ตนปรารถนาในองค์คริชณะ  ในโลกทิพย์ก็เช่นเดียวกัน  คริชณะทรงตอบสนองต่อสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์ในท่าทีทิพย์ตามที่สาวกปรารถนาพระองค์  สาวกรูปหนึ่งอาจปรารถนาคริชณะมาเป็นพระอาจารย์สูงสุด  สาวกอีกรูปหนึ่งอาจปรารถนาคริชณะมาเป็นเพื่อนสนิทของตน  สาวกอีกรูปหนึ่งอาจปรารถนาคริชณะมาเป็นบุตร  และสาวกอีกรูปหนึ่งอาจปรารถนาคริชณะมาเป็นคู่รัก  คริชณะทรงประทานรางวัลแก่สาวกทั้งหลายอย่างเสมอภาคตามความแรงกล้าแห่งความรักที่แตกต่างกันของสาวกที่มีต่อพระองค์ในโลกวัตถุความรู้สึกในการสนองตอบเช่นเดียวกันนี้ก็มีอยู่  และการสนองตอบเช่นนี้องค์ภควานทรงแลกเปลี่ยนกับผู้บูชาที่แตกต่างกันอย่างเสมอภาค  สาวกผู้บริสุทธิ์ทั้งในโลกนี้และในโลกทิพย์คบหาสมาคมกับคริชณะเป็นการส่วนตัว  และสามารถปฏิบัติตนรับใช้พระองค์เป็นการส่วนตัว  จึงได้รับความปลื้มปีติสุขทิพย์ในการรับใช้ด้วยความรักต่อพระองค์  สำหรับ  มายาวาดีฺ  และผู้ที่ต้องการฆ่าชีวิตทิพย์ของตนเองด้วยการทำลายปัจเจกบุคคลของสิ่งมีชีวิต  คริชณะก็ทรงช่วยเช่นกันด้วยการดูดพวกเขาให้ไปอยู่ในรัศมีของพระองค์  พวก  มายาวาดีฺ  ไม่ยอมรับองค์ภควานผู้เป็นอมตะและมีแต่ความสุขเกษมสำราญ  ดังนั้น  จึงไม่สามารถรับรสแห่งความปลื้มปีติในการรับใช้ทิพย์ต่อพระองค์เป็นการส่วนตัว  หลังจากที่ได้ดับขันธ์ปัจเจกบุคลิกภาพของตนเองบางคนที่ยังไม่สถิตใน  มายาวาดีฺ  อย่างมั่นคง  จะกลับมาในสนามวัตถุนี้ทำกิจกรรมต่าง  ๆ  เพื่อแสดงออกถึงความปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน  พวกนี้ไม่ได้รับการยอมรับให้ไปอยู่ในโลกทิพย์แต่จะได้รับโอกาสให้มาปฏิบัติอยู่ในโลกวัตถุอีกครั้งหนึ่ง  สำหรับผู้ทำงานเพื่อหวังผลทางวัตถุ  องค์ภควานทรงประทานผลที่พวกเขาปรารถนาตามหน้าที่ที่กำหนดไว้  ในฐานะยะกเยชวะระฺ  และพวกโยคีผู้ปรารถนาอิทธิฤทธิ์องค์ภควานทรงประทานอิทธิฤทธิ์นั้นให้  อีกนัยหนึ่ง  ความสำเร็จของทุกคนขึ้นอยู่กับพระเมตตาขององค์ภควานเท่านั้นขบวนการในวิถีทิพย์ทั้งหมดคือระดับแห่งความสำเร็จที่แตกต่างกันบนเส้นทางเดียวกันดังนั้น  นอกเสียจากว่าเรามาถึงจุดสมบูรณ์สูงสุดแห่งคริชณะจิตสำนึก  ความพยายามอื่น  ๆ  ทั้งหมดถือว่าไม่สมบูรณ์  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (2.3.10)  ว่า

อคามะฮ สารวะ-คาโม วา
โมคชะ-คามะ อุดาระ-ดฺีฮฺ

ทีพเรณะ บฺัคธิ-โยเกนะ
ยะเจทะ พุรุชัม พะรัมฺ

“ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ที่ไม่มีความปรารถนา  (สภาวะของสาวก)  หรือปรารถนาผลทางวัตถุทั้งหมด  หรือปรารถนาความหลุดพ้น  ด้วยความพยายามทั้งปวงเราควรบูชาองค์ภควาน  เพื่อความบริบูรณ์และมาถึงซึ่งจุดสมบูรณ์สูงสุดที่คริชณะจิตสำนึก”

โศลก 12

คางคชันทะฮ คารมะณาม สิดดฺิม
ยะจันทะ อิฮะ เดวะทาฮฺ

คชิพรัม ฮิ มานุเช โลเค
สิดดฺิร บฺะวะทิ คารมะ-จาฺ

คางคชันทะฮฺ  -  ปรารถนา, คารมะณามฺ  -  กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, สิดดฺิมฺ  -  ความสมบูรณ์, ยะจันเทฺ  -  พวกเขาบูชาด้วยการเสียสละ, อิฮะฺ  -  ในโลกวัตถุ, เดวะทาฺ  -  เทวดา, คชิพรัมฺ  -  โดยเร็ว, ฮิ-แน่นอน, มานุเชฺ  -  ในสังคมมนุษย์, โลเคฺ  -  ภายในโลกนี้, สิดดฺิฮฺ  -  สำเร็จ, บฺะวะทิฺ  -  มา, คารมะ-จาฺ  -  จากงานเพื่อผลทางวัตถุ

คำแปลฺ

มนุษย์ในโลกนี้ปรารถนาความสำเร็จในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ  ดังนั้น  จึงบูชาเทวดา  แน่นอนว่ามนุษย์จะได้รับผลโดยเร็วจากงานทางวัตถุในโลกนี้

คำอธิบายฺ

มีความคิดที่ผิดอย่างใหญ่หลวงเกี่ยวกับเหล่าเทวดาของโลกวัตถุนี้  มนุษย์ผู้ด้อยปัญญาแม้จะได้ชื่อว่าเป็นนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่  แต่ยังคิดว่าเทวดาเหล่านี้คือภาพลักษณ์ต่าง  ๆ  ขององค์ภควาน  อันที่จริงเทวดามิใช่ภาพลักษณ์ขององค์ภควาน  แต่เป็นส่วนต่าง  ๆ  ของพระองค์  องค์ภควานทรงเป็นหนึ่งและทรงมีส่วนต่าง  ๆ  มากมายคัมภีร์พระเวทกล่าวว่า  นิทโย  นิทยานามฺ  องค์ภควานทรงเป็นหนึ่ง  อีชวะระฮ  พะระ-  มะฮ  คริชณะฮฺ  องค์ภควานทรงเป็นหนึ่งคือคริชณะ  และเทวดาทรงเป็นผู้ได้รับพลังอำนาจให้ไปบริหารโลกวัตถุนี้  เทวดาเหล่านี้คือสิ่งมีชีวิตทั้งหมด  (นิทยานามฺ)  พร้อมด้วยพลังอำนาจทางวัตถุในระดับต่าง  ๆ  กัน  เทวดาไม่สามารถเทียบเท่ากับองค์ภควานพระนารายณ์  พระวิชณุ  หรือคริชณะได้  ผู้ใดที่คิดว่าองค์ภควานและเทวดาอยู่ในระดับเดียวกันได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่ไม่เชื่อในองค์ภควานหรือ  พาชัณดีฺ  แม้เทวดาผู้ยิ่งใหญ่เช่น  พระพรหม  และพระศิวะ  ก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับองค์ภควานได้  อันที่จริงเทวดาเช่นพระพรหม  และพระศิวะ  จะบูชาองค์ภควาน  (ชิวะ-วิรินชิ-นุทัมฺ)  แต่เป็นเรื่องน่าแปลกที่มนุษย์โง่เขาเบาปัญญาไปบูชาผู้นำมนุษย์ด้วยกันหลายคน  ภายใต้ความเข้าใจผิดแห่งลัทธิการเปรียบเทียบรูปร่างลักษณะคนหรือลัทธิการดูรูปพรรณลักษณะของสัตว์  คำว่า  อิฮะ  เดวะทาฮฺ  หมายความว่ามนุษย์ผู้มีอำนาจมากหรือเทวดาของโลกวัตถุนี้  แต่องค์นารายะณะ  องค์วิชณุ  หรือองค์คริชณะทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ทรงมิใช่เป็นของโลกวัตถุนี้  พระองค์ทรงอยู่เหนือการสร้างทางวัตถุ  แม้  ชรีพาดะ  ชังคะราชารยะผู้นำของพวก  มายาวาดีฺ  ยังยืนยันว่า  องค์นารายะณะ  หรือองค์คริชณะทรงอยู่เหนือการสร้างของโลกวัตถุนี้  อย่างไรก็ดี  คนโง่  (ฮริทะ-กยานะฺ)  จะบูชาเทวดาเพราะต้องการผลตอบแทนในทันที  พวกเขาได้รับผลตอบแทน  แต่ไม่รู้ว่าผลตอบแทนที่ตนเองได้รับนั้นเป็นสิ่งชั่วคราวและมีไว้สำหรับมนุษย์ผู้ด้อยปัญญา  บุคคลผู้มีปัญญาอยู่ในคริชณะจิตสำนึกไม่จำเป็นต้องบูชาเทวดาที่ไม่สำคัญเพื่อผลประโยชน์อันรวดเร็วชั่วคราวบางประการเทวดาแห่งโลกวัตถุพร้อมทั้งเหล่าสาวกของตนจะถูกทำลายไปพร้อมกับโลกวัตถุนี้  ผลประโยชน์ที่เทวดาให้จะเป็นวัตถุและไม่ถาวร  ทั้งโลกวัตถุและผู้อยู่อาศัยทั้งหมดรวมทั้งเทวดาและผู้บูชาเทวดาทั้งหลายเปรียบเสมือนฟองน้ำในมหาสมุทรแห่งจักรวาล  อย่างไรก็ดี  ในโลกสังคมมนุษย์คลั่งใคล้ในสิ่งที่ไม่ถาวร  เช่น  ความมั่งคั่งทางวัตถุด้วยการเป็นเจ้าของที่ดิน  ครอบครัว  และส่วนประกอบต่าง  ๆ  ที่อำนวยความสุข  เพื่อจะได้รับสิ่งของชั่วคราวเหล่านี้  มนุษย์บูชาเทวดาหรือบูชามนุษย์ผู้มีอำนาจในสังคมมนุษย์ด้วยกัน  หากใครได้ตำแหน่งในรัฐบาลด้วยการบูชาผู้นำนักการเมือง  เขาคิดว่าได้รับผลตอบแทนอย่างใหญ่หลวง  ดังนั้น  พวกเขาจึงก้มลงกราบพวกผู้นำเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ชั่วคราว  และได้รับผลประโยชน์เช่นนั้นจริง  ๆ  บุคคลผู้ด้อยปัญญาเช่นนี้ไม่สนใจในคริชณะจิตสำนึกเพื่อแก้ปัญหาอย่างถาวรกับการที่ต้องลำบากอยู่ในโลกวัตถุ  พวกเขาเสาะแสวงหาความสุขทางประสาทสัมผัส  และได้รับสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงเล็กน้อยเพื่อความสุขทางประสาทสัมผัส  จึงหลงใหลไปในการบูชาสิ่งมีชีวิตผู้มีอำนาจหรือเทวดา  โศลกนี้แสดงให้เห็นว่ามีอยู่น้อยคนนักที่จะสนใจในคริชณะจิตสำนึก  เพระส่วนใหญ่แล้วจะสนใจอยู่กับความสุขทางวัตถุ  ดังนั้น  จึงบูชาสิ่งมีชีวิตผู้มีอำนาจ

โศลก 13

ชาทุร-วารณยัม มะยา สริชทัม
กุณะ-คารมะ-วิบฺากะชะฮฺ

ทัสยะ ดารทารัม อพิ มาม
วิดดฺิ อคารทารัม อัพยะยัมฺ

ชาทฺุ  -  วารณยัมฺ  -  การแบ่งสังคมมนุษย์ออกเป็นสี่ส่วน, มะยาฺ  -  โดยข้า, สริชทัมฺ  -  ได้สร้าง, กุณะฺ  -  คุณสมบัติ, คารมะฺ  -  และงาน, วิบฺากะชะฮฺ  -  ในการแบ่งส่วน, ทัสยะฺ  -  ในนั้น, ดาร- ทารัมฺ  -  พระบิดา, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, มามฺ  -  ข้า, วิดดฺิฺ  -  เธออาจทราบ, อคารทารัมฺ  -  มิใช่ผู้ทำ, อัพยะยัมฺ  -  ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

คำแปลฺ

ตามสามระดับของธรรมชาติวัตถุและงานที่สัมพันธ์กับระดับต่าง  ๆ  นั้น  ข้าเป็นผู้สร้างสี่ส่วนของสังคมมนุษย์  ถึงแม้ว่าข้าเป็นผู้สร้างระบบนี้  เธอควรรู้ว่าข้ามิใช่ผู้กระทำและข้าไม่เปลี่ยนแปลง

คำอธิบายฺ

องค์ภควานทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่าง  ทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมาจากพระองค์พระองค์ทรงค้ำจุนทุกสิ่งทุกอย่าง  และหลังจากการทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างจะพำนักอยู่ในพระองค์  ฉะนั้น  องค์ภควานทรงเป็นผู้สร้างสี่ส่วนของสังคมมนุษย์  เริ่มจากระดับมนุษย์ผู้มีปัญญาเรียกทางเทคนิคว่าพราหมณ์หรือ  บราฮมะณะฺ  เนื่องจากสถิตในระดับแห่งความดี  ถัดไปเป็นระดับบริหารเรียกทางเทคนิคว่ากษัตริย์หรือ  คชัทริยะฺ  เนื่องจากสถิตในระดับแห่งตัณหา  พ่อค้าวาณิชหรือ  ไวชยะฺ  สถิตในระดับผสมผสานระหว่างตัณหาและอวิชชา  และ  ชูดระฺ  หรือระดับใช้แรงงาน  สถิตในระดับอวิชชาของธรรมชาติวัตถุ  ถึงแม้ว่าองค์ชรีคริชณะทรงเป็นผู้สร้างสี่ส่วนของสังคมมนุษย์แต่พระองค์ทรงมิได้อยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่ง  เนื่องจากพระองค์ทรงมิได้เป็นพันธวิญญาณที่อยู่ในส่วนใดส่วนหนึ่งของสังคมมนุษย์  สังคมมนุษย์นั้นคล้ายกับสังคมสัตว์ทั่วไป  แต่เพื่อยกระดับสภาพความเป็นสัตว์  พระองค์จึงทรงสร้างการแบ่งส่วนเพื่อพัฒนาคริชณะจิตสำนึกอย่างเป็นระบบ  นิสัยชอบหรือถนัดในเรื่องการทำงานขึ้นอยู่กับระดับของธรรมชาติวัตถุที่ตนได้รับลักษณะอาการของชีวิตตามระดับต่าง  ๆ  ของธรรมชาติวัตถุจะอธิบายในบทที่สิบแปดของหนังสือเล่มนี้  อย่างไรก็ดี  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกอยู่เหนือแม้แต่พราหมณ์  แม้โดยคุณสมบัติพราหมณ์ควรทราบเกี่ยวกับ  บระฮมันฺ  หรือสัจธรรมสูงสุด  แต่ส่วนใหญ่พวกพราหมณ์จะเข้าหา  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์ขององค์คริชณะเท่านั้น  แต่ผู้ที่ข้ามพ้นขีดจำกัดแห่งความรู้ของพราหมณ์  และบรรลุถึงความรู้แห่งบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  องค์ชรีคริชณะ  จะมาเป็นบุคคลในคริชณะจิตสำนึกหรือไวชณะวะ  คริชณะจิตสำนึกจะรวมถึงความรู้แห่งองค์อวตารทั้งหลายของคริชณะ  เช่น  พระราม  นริสิมฮะ  วะราฮะ  ฯลฯในฐานะที่คริชณะทรงเป็นทิพย์อยู่เหนือระบบสี่ส่วนแห่งสังคมมนุษย์นี้  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกก็อยู่เหนือการแบ่งส่วนทั้งหลายในสังคมมนุษย์  ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งส่วนในระดับกลุ่มชน  ระดับชาติ  หรือระดับเผ่าพันธุ์

โศลก 14

นะ มาม คารมาณิ ลิมพันทิฺ
นะ เม คารมะ-พฺะเล สพริฮาฺ
อิทิ มาม โย บฺิจานาทิ
คารมะบฺีร นะ สะ บัดฺยะเทฺ

นะฺ  -  ไม่เคย, มามฺ  -  ข้า, คารมาณิฺ  -  งานทุกชนิด, ลิมพันทิฺ  -  มีผล, นะฺ  -  ไม่, เมฺ  -  ของข้า, คารมะ-พฺะเลฺ  -  ในการกระทำเพื่อผลทางวัตถุ, สพริฮาฺ  -  ปรารถนา, อิทิฺ  -  ดังนั้น, มามฺ  -  ข้า, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, อบฺิจานาทิฺ  -  ทราบ, คารมะบฺีฮฺ  -  ด้วยผลแห่งกรรมนี้, นะฺ  -  ไม่เคย, สะฮฺ  -  เขา, บัดฺยะเทฺ  -  ถูกพันธนาการ

คำแปลฺ

ไม่มีงานใดที่มีผลกระทบต่อข้า  หรือว่าข้าปรารถนาผลแห่งการกระทำใด  ๆ  ผู้ที่เข้าใจสัจธรรมเกี่ยวกับตัวข้าเช่นนี้  จะไม่ถูกพันธนาการอยู่ในผลกรรมทางวัตถุ

คำอธิบายฺ

ดังเช่นมีกฎหมายธรรมนูญในโลกวัตถุกล่าวว่ากษัตริย์ทรงไม่ทำผิด  หรือว่ากษัตริย์ทรงอยู่เหนือกฎหมายรัฐธรรมนูญ  ในลักษณะเดียวกัน  ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงเป็นผู้สร้างโลกวัตถุนี้  แต่พระองค์ทรงไม่ได้รับผลกระทบใด  ๆ  จากกิจกรรมในโลกวัตถุนี้เลย  พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างและทรงอยู่นอกเหนือจากการสร้าง  ในขณะที่สิ่งมีชีวิตถูกพันธนาการอยู่กับผลตอบแทนของกิจกรรมทางวัตถุเพราะมีนิสัยชอบเป็นเจ้าครองทรัพยากรวัตถุ  เปรียบเทียบได้กับเจ้าของกิจการที่ไม่รับผิดชอบต่อกิจกรรมของคนงานไม่ว่าจะถูกหรือผิด  แต่ตัวคนงานเองเป็นผู้รับผิดชอบ  สิ่งมีชีวิตปฏิบัติในแต่ละกิจกรรมเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตน  กิจกรรมเหล่านี้องค์ภควานทรงมิได้เป็นผู้บัญญัติ  เพื่อความเจริญก้าวหน้าในการสนองประสาทสัมผัสสิ่งมีชีวิตจึงปฏิบัติงานในโลกนี้  และใฝ่ฝันที่จะได้รับความสุขบนสวรรค์หลังจากตายไป  องค์ภควานทรงเป็นผู้มีความเต็มเปี่ยมอยู่ในพระองค์เอง  ไม่ทรงหลงใหลอยู่กับสิ่งที่เรียกว่าความสุขบนสวรรค์เทวดาบนสรวงสวรรค์ทรงเป็นเพียงผู้ปฏิบัติรับใช้ของพระองค์  เจ้าของกิจการไม่เคยปรารถนาความสุขชั้นต่ำเหมือนเช่นพวกคนงานปรารถนา  พระองค์ทรงปลีกตัวให้ห่างจากกิจกรรมและผลกรรมทางวัตถุ  ตัวอย่างเช่น  ฝนไม่ต้องรับผิดชอบต่อพืชพันธุ์ต่าง  ๆที่ปรากฏบนโลก  ถึงแม้ว่าหากไม่มีฝนพืชพันธุ์ต่าง  ๆ  ก็ไม่สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาได้พระเวท  สมริทิฺ  ได้ยืนยันความจริงนี้  ดังต่อไปนี้

นิมิททะ-มาทรัม เอวาโส
สริจยานาม สารกะ-คารมะณิฺ

พระดฺานะ-คาระณี-บํูทา
ยะโท ไว สริจยะ-ชัคทะยะฮฺ

“ในการสร้างวัตถุ  องค์ภควานทรงเป็นเพียงแหล่งกำเนิดสูงสุด  แหล่งกำเนิดโดยตรงคือธรรมชาติวัตถุซึ่งทำให้เกิดปรากฏการณ์แห่งจักรวาล”  สิ่งมีชีวิตที่สร้างขึ้นมามีมากมายเช่น  เทวดา  มนุษย์  และสัตว์ที่ต่ำกว่า  ทั้งหมดขึ้นอยู่กับผลกรรมในอดีตไม่ว่าดีหรือชั่วองค์ภควานทรงเพียงแต่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกอันเหมาะสมสำหรับกิจกรรมเหล่านี้  และทรงให้กฎข้อบังคับตามระดับของธรรมชาติ  แต่พระองค์ทรงไม่รับผิดชอบต่อกิจกรรมทั้งในอดีตและปัจจุบันของพวกเขา  ใน  เวดานธะ-สูทระฺ  (2.1.34)  ได้ยืนยันไว้ว่า  ไวชัมยะ-ไนรกฺริณเย  นะ  สาเพคชัทวาทฺ  องค์ภควานทรงไม่เคยลำเอียงต่อสิ่งมีชีวิตใด  ๆสิ่งมีชีวิตรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง  พระองค์ทรงเพียงแต่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกโดยผ่านผู้แทนทางธรรมชาติวัตถุหรือพลังงานเบื้องต่ำ  ผู้ใดที่รอบรู้ความละเอียดอ่อนทั้งหลายของกฎแห่งกรรม  หรือกิจกรรมเพื่อหวังผลนี้จะไม่ได้รับผลกระทบจากผลกรรม  หรืออีกนัยหนึ่ง  บุคคลผู้เข้าใจธรรมชาติทิพย์ขององค์ภควานเป็นผู้มีความชำนาญในคริชณะจิตสำนึก  ดังนั้น  เขาไม่อยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม  ผู้ที่ไม่ทราบธรรมชาติทิพย์ของพระองค์  และคิดว่ากิจกรรมขององค์ภควานทรงมุ่งไปที่ผลทางวัตถุเหมือนดังเช่นกิจกรรมของสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป  แน่นอนว่าเขาจะถูกพันธนาการอยู่ในผลกรรมทางวัตถุ  แต่ผู้ที่รู้สัจธรรมสูงสุดเป็นดวงวิญญาณที่หลุดพ้นและมั่นคงอยู่ในคริชณะจิตสำนึก

โศลก 15

เอวัม กยาทวา คริทัม คารมะ
พูรไวร อพิ มุมุคชุบฺิฮฺ

คุรุ คารไมวะ ทัสมาท ทวัม
พูรไวฮ พูรวะทะรัม คริทัมฺ

เอวัมฺ  -  ดังนั้น, กยาทวาฺ  -  ทราบดี, คริทัมฺ  -  ปฏิบัติ, คารมะฺ  -  งาน, พูรไวฮฺ  -  โดยผู้ที่เชื่อถือได้ในอดีต, อพิฺ  -  ที่จริง, มุมุคชุบฺิฮฺ  -  ผู้บรรลุความหลุดพ้น, คุรฺุ  -  เพียงปฏิบัติ, คารมะฺ  -  งานที่กำหนดไว้, เอวะฺ  -  แน่นอน, ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, ทวัมฺ  -  เธอ, พูรไวฮฺ  -  โดยบรรพบุรุษ, พูรวะ- ทะรัมฺ  -  ในโบราณกาล, คริทัมฺ  -  ได้ปฎิบัติ

คำแปลฺ

ดวงวิญญาณผู้หลุดพ้นทั้งหลายในอดีตกาลปฏิบัติด้วยความเข้าใจในธรรมชาติทิพย์ของข้า  ดังนั้น  เธอควรปฏิบัติหน้าที่ของเธอ  เจริญตามรอยพระบาทบรรพบุรุษ

คำอธิบายฺ

มีมนุษย์อยู่สองประเภท  บางคนเต็มไปด้วยมลพิษทางวัตถุปกคลุมอยู่ในหัวใจและบางคนมีเสรีทางวัตถุ  คริชณะจิตสำนึกจะมีคุณประโยชน์เท่ากันต่อบุคคลทั้งสองประเภทนี้  ผู้ที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกสามารถเข้ามาในสายของคริชณะจิตสำนึกเพื่อเข้าขบวนการชะล้างทีละน้อย  โดยการปฏิบัติตามหลักธรรมแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ผู้ที่มีความสะอาดจากมลทินต่าง  ๆ  แล้วอาจปฏิบัติอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกันในคริชณะจิตสำนึก  เพื่อผู้อื่นอาจปฏิบัติกิจกรรมตามเป็นตัวอย่างและได้รับประโยชน์  คนโง่หรือนวกะในคริชณะจิตสำนึกชอบเกษียณตัวเองจากกิจกรรมต่าง  ๆ  โดยยังไม่มีความรู้ในคริชณะจิตสำนึก  อารจุนะทรงปรารถนาที่จะเกษียณจากกิจกรรมในสมรภูมิ  แต่องค์ภควานทรงไม่อนุมัติ  เราควรรู้ว่าควรจะปฏิบัติตนอย่างไร  สำหรับการเกษียณจากกิจกรรมในคริชณะจิตสำนึก  และไปนั่งอยู่ห่าง  ๆ  แสดงท่าว่าตนเองมีคริชณะจิตสำนึก  เช่นนี้ไม่สำคัญเท่ากับการปฏิบัติจริงในสนามกิจกรรมเพื่อคริชณะ  ณ  ที่นี้อารจุนะทรงได้รับการแนะนำให้ปฏิบัติตนในคริชณะจิตสำนึกตามรอยพระบาทสาวกของคริชณะ  ในอดีต  เช่น  สุริยเทพองค์วิวัสวาน  ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า  องค์ภควานทรงทราบกิจกรรมทั้งหลายในอดีตของพระองค์  รวมทั้งบุคคลต่าง  ๆ  ผู้ปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกในอดีต  ดังนั้น  พระองค์ทรงแนะนำการปฏิบัติของสุริยเทพผู้ทรงเรียนศิลปะนี้จากพระองค์เมื่อหลายล้านปีก่อน  นักศึกษาเช่นนี้ของคริชณะได้ถูกกล่าวไว้  ณ  ที่นี้ว่า  ทรงเป็นผู้หลุดพ้นและปฏิบัติตนตามหน้าที่ที่คริชณะทรงกำหนดให้

โศลก 16

คิม คารมะ คิม อคารเมทิ
คะวะโย พิ อัทระ โมฮิทาฮฺ

ทัท เท คารมะ พระวัคชยามิ
ยัจ กยาทวา โมคชยะเส ชุบฺาทฺ

คิมฺ  -  คืออะไร, คารมะฺ  -  การกระทำ, คิมฺ  -  คืออะไร, อคารมะฺ  -  การไม่ทำอะไร, อิทิฺ  -  ดังนั้น, คะวะยะฮฺ  -  ผู้มีปัญญา, อพิฺ  -  เช่นกัน, อัทระฺ  -  ในเรื่องนี้, โมฮิทาฮฺ  -  สับสน, ทัทฺ  -  นั้น, เทฺ  -  แก่เธอ, คารมะฺ  -  งาน, พระวัคชยามิฺ  -  ข้าจะอธิบาย, ยัทฺ  -  ซึ่ง, กยาทวาฺ  -  รู้, โมคชยะเสฺ  -  เธอจะหลุดพ้น, อชุบฺาทฺ  -  จากโชคร้าย

คำแปลฺ

แม้แต่ผู้มีปัญญายังสับสนในการพิจารณาว่า  อะไรคือการกระทำ  และอะไรคือการไม่กระทำ  บัดนี้  ข้าจะอธิบายแก่เธอว่ากรรมหรือการกระทำคืออะไร  เมื่อรู้แล้วเธอจะหลุดพ้นจากโชคร้ายทั้งปวง

คำอธิบายฺ

งานในคริชณะจิตสำนึกต้องปฏิบัติตามตัวอย่างจากสาวกที่แท้จริงในอดีต  ซึ่งได้แนะนำไว้แล้วในโศลกที่สิบห้า  เหตุใดงานนี้ไม่ควรปล่อยให้เป็นอิสระเสรีจะได้อธิบายในโศลกต่อไป

การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  เราต้องปฏิบัติตามการนำทางของบุคคลผู้เชื่อถือได้ที่อยู่ในสาย  พะรัมพะราฺ  ดังที่ได้อธิบายไว้แล้วในตอนต้นของบทนี้  ระบบคริชณะจิตสำนึกครั้งแรกได้บรรยายให้สุริยเทพ  และสุริยเทพทรงอธิบายให้พระโอรสมะนุมะนุทรงอธิบายให้พระโอรสอิคชวาคุ  และจากโบราณกาลระบบนี้ได้อยู่บนโลกมาจนถึงปัจจุบันนี้  ฉะนั้น  เราต้องปฏิบัติตามรอยพระบาทของบุคคลผู้เชื่อถือได้ในสาย  พะรัม-  พะราฺ  มิฉะนั้น  แม้แต่บุคคลผู้มีสติปัญญาสูงสุดจะสับสนเกี่ยวกับมาตรฐานการปฏิบัติใน  คริชณะจิตสำนึก  ด้วยเหตุนี้องค์ภควานทรงตัดสินพระทัยสอนคริชณะจิตสำนึกแก่อารจุนะโดยตรง  จากการตรัสสอนแก่อารจุนะโดยตรงเช่นนี้  หากผู้ใดปฏิบัติตามรอยพระบาทของอารจุนะแน่นอนว่าจะไม่สับสน

ได้กล่าวไว้ว่า  เพียงความรู้จากการทดลองที่ไม่สมบูรณ์เราไม่สามารถค้นคว้าหาวิธีทางศาสนาได้  อันที่จริง  องค์ภควานเท่านั้นที่ทรงสามารถวางหลักแห่งศาสนาได้  ดฺารมัม  ทุ  สาคชาด  บฺะกะวัท-พระณีทัมฺ  (บฺากะวะธัมฺ  6.3.19)  ไม่มีผู้ใดสามารถสร้างหลักศาสนาจากการคาดคะเนที่ไม่สมบูรณ์ได้  เราต้องปฏิบัติตามรอยพระบาทของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่เชื่อถือได้  เช่น  พระพรหม,  พระศิวะ,  นาระดะ,  มะนุ,  สี่กุมาร,  คะ-พิละ,  พระฮลาดะ,  บฺีชมะ,  ชุคะเดวะ  โกสวามี,  ยมราช,  จะนะคะ,  และบะลิ  มะฮาราจะจากการคาดคะเนทางจิตเราไม่สามารถค้นคว้าว่าศาสนาหรือการรู้แจ้งแห่งตนนั้นคืออะไร  ดังนั้น  ด้วยพระเมตตาแก่สาวก  องค์ภควานทรงอธิบายโดยตรงแก่อารจุนะว่าอะไรคือการปฏิบัติ  และอะไรคือการไม่ปฏิบัติ  การปฏิบัติตนในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้นที่สามารถนำพาเราให้ออกจากพันธนาการแห่งชีวิตทางวัตถุ

โศลก 17

คารมะโณ ฮิ อพิ โบดดฺัพยัม
โบดดฺัพยัม ชะ วิคารมะณะฮฺ

อคารมะนัช ชะ โบดดฺัพยัม
กะฮะนา คารมะโน กะทิฮฺ

คารมะณะฮฺ  -  ของงาน, ฮิฺ  -  แน่นอน, อพิฺ  -  เช่นกัน, โบดดฺัพยัมฺ  -  ควรเข้าใจ, โบดดฺัพยัมฺ  -  ควรเข้าใจ, ชะฺ  -  เช่นกัน, วิคารมะณะฮฺ  -  ของงานต้องห้าม, อคารมะณะฮฺ  -  ของการไม่ทำ, ชะฺ  -  เช่นกัน, โบดดฺัพยัมฺ  -  ควรเข้าใจ, กะฮะนาฺ  -  ยากมาก, คารมะณะฮฺ  -  ของงาน, กะทิฮฺ  -  เข้า

คำแปลฺ

ความละเอียดอ่อนของการปฏิบัติเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ยากมาก  ดังนั้น  เราควรรู้อย่างถูกต้องว่ากรรมคืออะไร  วิกรรมคืออะไร  และอกรรมคืออะไร

คำอธิบายฺ

หากเรามีความจริงจังเกี่ยวกับความหลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุ  เราต้องเข้าใจข้อแตกต่างระหว่าง  การกระทำ  การไม่กระทำ  และสิ่งที่ไม่ได้รับอนุญาตให้กระทำ  เราต้องใช้สติปัญญาของเราเองในการวิเคราะห์เรื่อง  กรรม  ผลแห่งกรรม  และกรรมที่ต้องห้าม  เพราะว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยากมาก  ในการเข้าใจคริชณะจิตสำนึกและการปฏิบัติตามระดับของตัวเอง  เราต้องเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับองค์ภควานตัวอย่างเช่นผู้ที่ได้ฝึกฝนเล่าเรียนจนรอบรู้  ทราบดีว่าทุก  ๆ  ชีวิตคือผู้รับใช้นิรันดรของพระองค์  และผลที่ตามมาคือเราต้องปฏิบัติตนในคริชณะจิตสำนึก  ตลอดเล่ม  ภควัต-  คีตาฺ  จะนำเรามาถึงจุดสรุปนี้  จุดสรุปใด  ๆ  ที่ขัดต่อจิตสำนึกนี้และมีการปฏิบัติที่ตามมาเรียกว่า  วิคารมะฺ  หรือการปฏิบัติที่ต้องห้าม  เพื่อให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดอย่างถ่องแท้เราต้องคบหาสมาคมกับบุคคลผู้เชื่อถือได้ในคริชณะจิตสำนึก  และศึกษาความลับจากท่านเหล่านี้  การกระทำเช่นนี้  ดีเท่า  ๆ  กับการเรียนจากองค์ภควานโดยตรง  มิฉะนั้นแม้บุคคลผู้มีปัญญาสูงสุดก็จะยังสับสน

โศลก 18

คารมะณิ อคารมะ ยะฮ พัชเยด
อคารมะณิ ชะ คารมะ ยะฮฺ

สะ บุดดฺิมาน มะนุชเยชุ
สะ ยุคทะฮ คริทสนะ-คารมะ-คริทฺ

คารมะณิฺ  -  ในกรรม, อคารมะ-อกรรม, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, พัชเยทฺ  -  สังเกต, อคารมะณิฺ  -  ในอกรรม, ชะฺ  -  เช่นกัน, คารมะฺ  -  การกระทำเพื่อหวังผลทางวัตถุ, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, สะฮฺ  -  เขา, บุดดฺิ-มานฺ  -  มีปัญญา, มะนุชเยชฺุ  -  ในสังคมมนุษย์, สะฮฺ  -  เขา, ยุคทะฮฺ  -  อยู่ในสถานภาพทิพย์, คริทสนะฺ  -  คารมะ-คริทฺ  -  แม้ปฏิบัติอยู่ในกิจกรรมทั้งหลาย

คำแปลฺ

ผู้ที่เห็นอกรรมในกรรม  และกรรมในอกรรม  เป็นผู้มีปัญญาในหมู่มนุษย์  และอยู่ในสถานภาพทิพย์แม้จะปฏิบัติอยู่ในกิจกรรมทั้งหลาย

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้ปฏิบัติอยู่ในคริชณะจิตสำนึก  โดยธรรมชาติจะหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งกรรม  กิจกรรมของเขาทั้งหมดปฏิบัติไปเพื่อคริชณะ  ดังนั้น  จะไม่ได้รับความสุขหรือความทุกข์จากผลของงาน  จึงเป็นผู้มีปัญญาในสังคมมนุษย์แม้ขณะปฏิบัติกิจกรรมอยู่มากมายเพื่อคริชณะ  อกรรมหมายถึงไม่มีผลกรรมจากการทำงาน  มายา  วาดีฺ  หยุดกิจกรรมเพื่อหวังผลทางวัตถุ  อันเนื่องมาจากความกลัวและเพื่อผลกรรมจะไม่มากีดขวางทางเพื่อความรู้แจ้งตนเอง  แต่  บฺัคธะฺ  จะทราบดีถึงสถานภาพของตนเองว่าเป็นผู้รับใช้นิรันดรของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ฉะนั้น  จึงปฏิบัติอยู่ในกิจกรรมของคริชณะจิตสำนึก  เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างกระทำไปเพื่อคริชณะเขาจึงได้รับรสแห่งความสุขทิพย์อยู่กับการปฏิบัติรับใช้เช่นนี้เท่านั้น  ผู้ที่ปฏิบัติอยู่ในขบวนการนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ไม่มีความปรารถนาเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตนเอง  ความรู้สึกที่ว่าตนเองเป็นผู้รับใช้นิรันดรของคริชณะทำให้เขาปลอดภัยจากผลกรรมทั้งปวง

โศลก 19

ยัสยะ สารเว สะมารัมบฺาฮ
คามะ-สังคัลพะ-วารจิทาฮฺ

กยานากนิ-ดักดฺะ-คารมาณัม
ทัม อาฮุฮ พัณดิทัม บุดฺาฮฺ

ยัสยะ-ผู้ซึ่ง, สารเว-ทั้งหมด, สะมารัมบฺาฮฺ  -  พยายาม, คามะฺ  -  บนฐานแห่งความปรารถนาเพื่อสนองประสาทสัมผัส, สังคัลพะฺ  -  ตั้งใจแน่วแน่, วารจิทาฮฺ  -  ปราศจาก, กยานะฺ  -  ความรู้อันสมบูรณ์, อักนิฺ  -  โดยไฟ, ดักดฺะฺ  -  เผาไหม้, คารมาณัมฺ  -  งานของเขา, ทัมฺ  -  เขา, อาฮุฮฺ  -  ประกาศ, พัณดิทัมฺ  -  บัณฑิต, บุดฺาฮฺ  -  หมู่ผู้รู้

คำแปลฺ

ผู้ที่มีความรู้ถ่องแท้  ผู้ที่ความพยายามทั้งหมดปราศจากความปรารถนาเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตนเอง  เหล่านักปราชญ์กล่าวไว้ว่าเป็นผู้ทำงานที่ผลกรรมได้ถูกเผาไหม้ไปจนหมดด้วยไฟแห่งความรู้อันสมบูรณ์

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้มีความรู้ถ่องแท้เท่านั้นที่สามารถเข้าใจกิจกรรมของบุคคลในคริชณะจิตสำนึก  เพราะว่าบุคคลในคริชณะจิตสำนึกปราศจากนิสัยที่ชอบสนองประสาทสัมผัสของตนเองทุกชนิด  เป็นที่เข้าใจว่าเขาได้เผาไหม้ผลกรรมจากการทำงานด้วยความรู้อันสมบูรณ์และรู้ซึ้งถึงสถานภาพพื้นฐานของตนว่าเป็นผู้รับใช้นิรันดรของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ผู้ที่มีความรู้อย่างถ่องแท้จึงจะสามารถบรรลุถึงความรู้อันสมบูรณ์เช่นนี้การพัฒนาความรู้แห่งการเป็นผู้รับใช้นิรันดรขององค์ภควานเปรียบเสมือนไฟ  และไฟนี้เมื่อถูกจุดขึ้นมาแล้วจะสามารถเผาผลาญผลกรรมทั้งปวงได้

โศลก 20

ทยัคทวา คารมะ-พฺะลาสังกัม
นิทยะ-ทริพโท นิราชระยะฮฺ

คารมะณิ อบฺิพระวริทโท พิ
ไนวะ คินชิท คะโรทิ สะฮฺ

ทยัคทวาฺ  -  ได้ยกเลิก, คารมะ-พฺะละ-อสังกัมฺ  -  การยึดติดต่อผลทางวัตถุ, นิทยะฺ  -  เสมอ, ทริพทะฮฺ  -  มีความพึงพอใจ, นิราชระยะฮฺ  -  ไม่มีที่พึ่ง, คารมะณิฺ  -  ในกิจกรรม, อบฺิพระ- วริททะฮฺ  -  ปฏิบัติอย่างเต็มที่, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, นะฺ  -  ไม่, เอวะฺ  -  แน่นอน, คินชิทฺ  -  ทุกสิ่ง, คะโรทิฺ  -  ทำ, สะฮฺ  -  เขา

คำแปลฺ

ปล่อยวางการยึดติดต่อผลของกิจกรรมทั้งปวง  มีความพึงพอใจและมีอิสระเสรีอยู่เสมอ  เขาไม่กระทำสิ่งใด  ๆ  เพื่อผลทางวัตถุ  ถึงแม้จะปฏิบัติงานนานัปการ

คำอธิบายฺ

ความหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งกรรมเป็นไปได้ในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้นเมื่อเราทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคริชณะ  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกจะปฏิบัติตนด้วยความรักอันบริสุทธิ์ที่มีต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ดังนั้น  เขาไม่มีความเสน่หาต่อผลของการกระทำ  และไม่ยึดติดแม้แต่การดำรงชีวิตส่วนตัวของเขาเอง  เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างจะขึ้นอยู่กับคริชณะเสมอ  เขาจึงไม่กระตือรือร้นที่จะสะสมสิ่งของหรือปกป้องสิ่งที่มีอยู่  แต่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีที่สุดตามความสามารถของตนเอง  นอกจากนั้นจะปล่อยให้ขึ้นอยู่กับคริชณะ  ผู้ที่ไม่ยึดติดเช่นนี้มีความหลุดพ้นจากผลกรรมไม่ว่าดีหรือชั่ว  ประหนึ่งว่าตัวเขามิได้ทำอะไรเลย  นี่คือเครื่องหมายของอกรรม  หรือการกระทำที่ปราศจากผลกรรมทางวัตถุ  ดังนั้น  การกระทำใด  ๆ  ที่ปราศจากคริชณะจิตสำนึกจะพันธนาการผู้กระทำ  และนี่คือความหมายที่แท้จริงของคำว่า  วิคารมะฺ  หรือวิกรรม  ดังที่ได้อธิบายไปแล้ว

โศลก 21

นิราชีร ยะทะ-ชิททาทมา
ทยัคทะ-สารวะ-พะริกระฮะฮฺ

ชารีรัม เควะลัม คารมะ
คุรวัน นาพโนทิ คิลบิชัมฺ

นิราชีฮฺ  -  ไม่ปรารถนาผล, ยะทะฺ  -  ควบคุม, ชิททะ-อาทมาฺ  -  จิตใจและปัญญา, ทยัคทะฺ  -  ยกเลิก, สารวะฺ  -  ทั้งหมด, พะริกระฮะฮฺ  -  ความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของสิ่งต่าง ๆ, ชารีรัมฺ  -  ในการรักษาร่างกายและวิญญาณให้อยู่ด้วยกัน, เควะลัมฺ  -  เท่านั้น, คารมะฺ  -  งาน, คุรวันฺ  -  ทำ, นะฺ  -  ไม่เคย, อาพโนทิฺ  -  ได้รับ, คิลบิชัมฺ  -  ผลบาป

คำแปลฺ

ผู้ที่มีความเข้าใจเช่นนี้  จะทำงานด้วยจิตใจและปัญญาที่ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ยกเลิกความรู้สึกที่ว่าเป็นเจ้าของสิ่งต่าง  ๆ  ทั้งมวล  และทำงานเท่าที่จำเป็นจริง  ๆเพื่อดำรงชีวิตเท่านั้น  ด้วยการทำงานเช่นนี้เขาจะไม่ได้รับผลบาป

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกไม่คาดหวังผลดีหรือผลชั่วในกิจกรรมของตนเองจิตใจและปัญญาอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์  ตระหนักดีว่าส่วนที่เขากระทำเป็นเพียงเศษย่อย  ๆ  ของส่วนทั้งหมด  เนื่องจากเป็นละอองอณูขององค์ภควาน  มันจึงไม่ใช่กิจกรรมของเขาเองแต่ถูกกระทำผ่านตัวเขาโดยพระองค์  เมื่อมือเคลื่อนไหวมันไม่ได้เคลื่อนด้วยตัวมันเอง  แต่ด้วยความพยายามของทั่วทั้งเรือนร่าง  ผู้มีคริชณะจิตสำนึกจะประสานตนเองกับความปรารถนาของพระองค์เสมอ  เพราะไม่มีความปรารถนาเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตนเอง  เขาเคลื่อนไหวไปเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องยนต์เฉกเช่นส่วนของเครื่องยนต์จำเป็นต้องมีการหล่อลื่นและทำความสะอาดเพื่อให้ดำรงอยู่ได้  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกก็เช่นเดียวกัน  จะดำรงรักษาตนเองไว้ด้วยการทำงานเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีไว้คอยทำงานรับใช้ด้วยความรักทิพย์ต่อพระองค์  ฉะนั้น  จึงปลอดภัยจากผลกรรมทั้งมวลในความพยายามของตน  เช่นเดียวกับสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้เป็นเจ้าของแม้แต่ร่างกายของตัวมันเอง  เจ้าของสัตว์ผู้โหดร้ายบางครั้งฆ่าสัตว์เลี้ยงของตนเอง  ถึงกระนั้น  มันก็ไม่เคยต่อต้านหรือว่ามีเสรีภาพอย่างแท้จริง  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกปฏิบัติตนอย่างสมบูรณ์เพื่อความรู้แจ้งแห่งตน  จึงมีเวลาน้อยมากที่จะมาคิดอย่างผิด  ๆว่าตนเองเป็นเจ้าของวัตถุใด  ๆ  ในการดำรงรักษาให้ร่างกายและดวงวิญญาณให้อยู่ด้วยกัน  เขาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีที่ไม่เป็นธรรมเพื่อสะสมเงินทอง  ดังนั้น  จึงไม่มีมลทินอันเนื่องมาจากความบาปทางวัตถุนี้  เขาเป็นอิสระจากผลกรรมทั้งปวงอันเนื่องมาจากการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก

โศลก 22

ยัดริชชฺา-ลาบฺะ-สันทุชโท
ดวันดวาทีโท วิมาทสะระฮฺ

สะมะฮ สิดดฺาพ อสิดโดฺ ชะ
คริทวาพิ นะ นิบัดฺยะเทฺ

ยะดริชชฺาฺ  -  จากครรลองของตัวมันเอง, ลาบฺะฺ  -  กับผลกำไร, สันทุชทะฮฺ  -  พึงพอใจ, ดวัน ดวะฺ  -  สิ่งคู่, อทีทะฮฺ  -  ข้ามพ้น, วิมัทสะระฮฺ  -  ปราศจากความอิจฉาริษยา, สะมะฮฺ  -  มั่นคง, สิดโดฺฺ  -  ในความสำเร็จ, อสิดโดฺฺ  -  ความล้มเหลว, ชะฺ  -  เช่นกัน. คริทวาฺ  -  ทำ, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, นะฺ  -  ไม่เคย, นิบัดฺยะเทฺ  -  มีผลกระทบ

คำแปลฺ

ผู้มีความพึงพอใจกับผลกำไรที่ได้มาตามครรลองของตัวมันเอง  ผู้เป็นอิสระจากสิ่งคู่และไม่อิจฉาริษยา  ผู้มีความมั่นคงทั้งในความสำเร็จและล้มเหลว  ถึงแม้ปฏิบัติงานแต่จะไม่มีวันถูกพันธนาการ

คำอธิบายฺ

บุคคลในคริชณะจิตสำนึกจะไม่พยายามมากแม้ในการดำรงรักษาร่างกายพึงพอใจกับผลกำไรที่ได้รับตามครรลองของตัวมันเอง  เขาไม่ขอหรือว่าขอยืม  แต่จะทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตามกำลังความสามารถของตน  และมีความพึงพอใจกับสิ่งที่ตนได้รับจากการทำงานด้วยความซื่อสัตย์  ฉะนั้น  จึงเป็นอิสระในการหาเลี้ยงชีพ  เขาไม่ปล่อยให้สิ่งใดมากีดขวางการรับใช้ในคริชณะจิตสำนึก  อย่างไรก็ดี  สำหรับการรับใช้องค์ภควานเขาสามารถร่วมขบวนด้วยไม่ว่างานใด  ๆ  โดยไม่ให้สิ่งคู่ในโลกวัตถุมารบกวน  สิ่งคู่ในโลกวัตถุรู้สึกได้เช่น  ความร้อนและความเย็น  ความทุกข์และความสุข  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกอยู่เหนือสิ่งคู่  เพราะไม่เคยลังเลที่จะปฏิบัติสิ่งใดก็ได้เพื่อความพึงพอพระทัยขององค์ชรีคริชณะ  ฉะนั้น  เขาจึงมีความมั่นคงทั้งในความสำเร็จและล้มเหลว  ลักษณะเหล่านี้ปรากฏให้เห็นเมื่อเรามีความรู้ทิพย์อย่างถ่องแท้

โศลก 23

กะทะ-สังกัสยะ มุคทัสยะ
กยานาวัสทฺิทะ-เชทะสะฮฺ

ยะกยายาชะระทะฮ คารมะ
สะมะกรัม พระวิลียะเทฺ

กะทะ-สังกัสยะฺ  -  ของผู้ที่ไม่ยึดติดกับสามระดับของธรรมชาติวัตถุ, มุคทัสยะฺ  -  ของผู้หลุดพ้น, กยานะ-อวัสทฺิทะฺ  -  สถิตในความเป็นทิพย์, เชทะสะฮฺ  -  ปัญญาของเขา, ยะกยายะฺ  -  เพื่อ ยะกยะฺ (คริชณะ), อาชะระทะฮฺ  -  กระทำ, คารมะฺ  -  งาน, สะมะกรัมฺ  -  รวมทั้งหมด, พระวิลียะเทฺ  -  กลืนไปทั้งหมด

คำแปลฺ

งานของผู้ที่ไม่ยึดติดอยู่กับสามระดับของธรรมชาติวัตถุ  และเป็นผู้สถิตในความรู้ทิพย์อย่างสมบูรณ์  ทั้งหมดจะรวมเข้าไปในความเป็นทิพย์

คำอธิบายฺ

การอยู่ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ทำให้เป็นอิสระจากสิ่งคู่ทั้งมวล  ดังนั้น  จึงเป็อิสระจากมลทินของระดับต่าง  ๆ  ทางวัตถุและสามารถหลุดพ้นได้  เพราะว่าเขาทราบถึงสถานภาพพื้นฐานของตนในความสัมพันธ์กับคริชณะ  ดังนั้น  จิตใจของเขาจึงไม่หันเหไปจากคริชณะจิตสำนึก  หลังจากนั้นไม่ว่าสิ่งใดที่ทำเขาจะทำเพื่อคริชณะผู้ทรงเป็นพระวิชณองค์แรก  ฉะนั้น  งานทั้งหมดโดยเทคนิคแล้วจะเป็นการบูชา  เพราะว่าการบูชามีจุดมุ่งหมายเพื่อให้องค์ภควาน  วิชณุ  หรือ  คริชณะทรงพอพระทัย  ผลกรรมทั้งหมดจากการทำงานเช่นนี้แน่นอนว่าจะรวมเข้าไปในความเป็นทิพย์  และเขาไม่ต้องรับทุกข์จากผลกระทบทางวัตถุ

โศลก 24

บระฮมารพะณัม บระฮมะ ฮะวิร
บระฮมากโน บระฮมะณา ฮุทัมฺ

บระฮไมวะ เทนะ กันทัพยัม
บระฮมะ-คารมะ-สะมาดฺินาฺ

บระฮมะฺ  -  เป็นทิพย์โดยธรรมชาติ, อารพะณัมฺ  -  ช่วยเหลือสนับสนุน, บระฮมะฺ  -  องค์ภควาน, ฮะวิฮฺ  -  เนย, บระฮมะฺ  -  ทิพย์, อักโนฺ  -  ในไฟแห่งจุดมุ่งหมายที่บริบูรณ์, บระฮมะณาฺ  -  โดยดวงวิญญาณ, ฮุทัมฺ  -  ถวาย, บระฮมะฺ  -  อาณาจักรทิพย์, เอวะฺ  -  แน่นอน, เทนะฺ  -  โดยเขา, กันทัพยัมฺ  -  บรรลุถึง, บระฮมะฺ  -  ทิพย์, คารมะฺ  -  ในกิจกรรม, สะมาดฺินาฺ  -  ในสมาธิที่สมบูรณ์

คำแปลฺ

บุคคลผู้ซึมซาบอยู่ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์แน่นอนว่าจะบรรลุถึงอาณาจักรทิพย์  เพราะการช่วยเหลือสนับสนุนในกิจกรรมทิพย์อย่างสมบูรณ์ซึ่งจุดมุ่งหมายคือสัจธรรม  และสิ่งที่ถวายก็เป็นธรรมชาติทิพย์เช่นเดียวกัน

คำอธิบายฺ

กิจกรรมในคริชณะจิตสำนึก  ในที่สุดสามารถนำพาเราไปสู่จุดหมายปลายทางทิพย์ได้อย่างไรนั้น  ได้อธิบายไว้  ณ  ที่นี้  มีกิจกรรมมากมายในคริชณะจิตสำนึกซึ่งทั้งหมดจะอธิบายในโศลกต่อ  ๆ  ไป  แต่ในปัจจุบันจะอธิบายเพียงหลักของคริชณะจิตสำนึก  พันธวิญญาณถูกพันธนาการอยู่ในมลทินทางวัตถุ  แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องปฏิบัติกิจกรรมต่าง  ๆ  อยู่ในบรรยากาศวัตถุ  ถึงกระนั้น  ก็ยังต้องการอิสรภาพจากสิ่งแวดล้อมนี้  วิธีการที่พันธวิญญาณสามารถออกจากบรรยากาศวัตถุได้คือคริชณะจิตสำนึก  ตัวอย่างเช่น  คนไข้ได้รับความทุกข์จากโรคท้องเดินอันเนื่องมาจากดื่มผลิตภัณฑ์นมมากเกินไป  วิธีรักษาคือต้องใช้ผลิตภัณฑ์นมอีกชนิดหนึ่งคือนมที่ข้นแข็ง  (CURDS)  พันธวิญญาณผู้ซึมซาบอยู่ในวัตถุสามารถรักษาได้ด้วยคริชณะจิตสำนึกดังที่ได้วางหลักการไว้ในหนังสือ  ภควัตฺ-คีตาฺ  เล่มนี้  วิธีการนี้โดยทั่วไปเรียกว่า  ยะกยะฺหรือกิจกรรม  (การบูชา)  เพียงเพื่อให้วิชณุหรือคริชณะทรงพอพระทัยเท่านั้น  กิจกรรมในโลกวัตถุที่ทำถวายให้พระวิชณุ  หรือในคริชณะจิตสำนึกด้วยการซึมซาบมากเพียงใดก็จะเปลี่ยนบรรยากาศให้กลายมาเป็นทิพย์มากเพียงนั้น  คำว่า  บระฮมะฺ  มีความหมายว่า  “ทิพย์”  องค์ภควาน  ทรงเป็นทิพย์และรัศมีจากพระวรกายทิพย์ของพระองค์เรียกว่า  บระฮมะจโยทิฺ  รัศมีทิพย์ของพระองค์  ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่สถิตใน  บระฮมะ-  จโยทินั้นฺ  แต่เมื่อ  จโยทิฺ  นั้น  ถูกปกคลุมไปด้วยความหลงแห่ง  มายาฺ  หรือการสนองประสาทสัมผัสจึงเรียกว่าวัตถุ  ม่านแห่งวัตถุนี้สามารถถูกรูดออกไปได้ทันทีด้วยคริชณะจิตสำนึก  ฉะนั้น  การถวายเพื่อคริชณะจิตสำนึก  กรรมวิธีในการถวาย  ผู้ถวาย  และผลทั้งหมดเมื่อรวมกันคือ  บระฮมันฺ  หรือสัจธรรมที่สมบูรณ์  สัจธรรมที่สมบูรณ์ถูกปกคลุมด้วย  มายาฺ  เรียกว่าวัตถุ  เมื่อวัตถุมาประสานกับสัจธรรมที่สมบูรณ์จะได้รับคุณสมบัติทิพย์ของตนเองกลับคืนมา  คริชณะจิตสำนึกจึงเป็นวิธีเปลี่ยนสภาพจิตสำนึกที่หลงผิดมาเป็น  บระฮมันฺ  หรือองค์ภควาน  เมื่อจิตใจซึมซาบอยู่ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์บริบูรณ์เรียกว่าอยู่ในสมาธิหรือ  สะมาดฺิฺ  ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปด้วยจิตสำนึกทิพย์เช่นนี้เรียกว่า  ยะกยะฺ  หรือการบูชาเพื่อสัจธรรมที่สมบูรณ์  ในสภาวะจิตสำนึกทิพย์นี้  ผู้ช่วยเหลือสนับสนุน  การช่วยเหลือสนับสนุน  การบริโภค  ผู้ปฏิบัติ  หรือผู้นำการปฏิบัติ  และผล  หรือผลที่ได้รับสูงสุดคือ-ทุกสิ่งทุกอย่าง-กลายมาเป็นหนึ่งในสัจธรรมที่สมบูรณ์  บระฮมันฺ  สูงสุด  นั่นคือวิธีการของคริชณะจิตสำนึก

โศลก 25

ไดวัม เอวาทพะเร ยะกยัม
โยกินะฮ พารยุพาสะเทฺ

บระฮมากนาพ อพะเร ยะกยัม
ยะกเยไนโวพะจุฮวะทิฺ

ไดวัมฺ  -  ในการบูชาเทวดา, เอวะฺ  -  เช่นนี้, อพะเรฺ  -  บุคคลอื่นๆ, ยะกยัมฺ  -  การบูชา, โยกินะฮฺ-โยคี, พารยุพาสะเทฺ  -  บูชาอย่างสมบูรณ์, บระฮมะฺ  -  ของสัจธรรมสูงสุด, อักโนฺ  -  ในไฟ, อพะเรฺ  -  ผู้อื่น, ยะกยัมฺ  -  บูชา, ยะกเยนะฺ  -  ด้วยการบูชา เอวะฺ  -  ดังนั้น, อุพะจุฮวะทิฺ  -  ถวาย

คำแปลฺ

โยคีบางท่านบูชาเทวดาอย่างสมบูรณ์ด้วยการถวายเครื่องบูชาต่าง  ๆ  ให้เทวดาและโยคีบางท่านถวายการบูชาในไฟแห่ง  บระฮมัน  สูงสุด

คำอธิบายฺ

ดังที่ได้อธิบายไว้ข้างต้น  บุคคลผู้ปฏิบัติหน้าที่ในคริชณะจิตสำนึกเรียกว่าโยคีผู้สมบูรณ์หรือนักทิพย์นิยมชั้นหนึ่ง  มีผู้อื่นที่ปฏิบัติการบูชาคล้ายคลึงกันนี้แต่บูชาเทวดาและยังมีผู้อื่นอีกที่บูชา  บระฮมันฺ  สูงสุดหรือลักษณะที่ไร้รูปลักษณ์ขององค์ภควานดังนั้น  จึงมีการบูชาประเภทต่าง  ๆ  กัน  ประเภทของการบูชาที่ต่างกันโดยผู้ปฏิบัติที่ต่างกันแสดงให้เห็นว่าการบูชาที่หลากหลาย  แตกต่างกันโดยผิวเผินเท่านั้น  อันที่จริงการบูชาหมายถึงการทำให้องค์ภควาน  พระวิชณุผู้ทรงมีอีกพระนามหนึ่งว่า  ยะกยะฺทรงพอพระทัย  การบูชาที่หลากหลายทั้งหมดนี้จัดเข้าอยู่ในสองประเภทหลักคือ  การบูชาด้วยสิ่งของวัตถุทางโลก  และการบูชาเพื่อผลแห่งความรู้ทิพย์  ผู้ที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกสละความเป็นเจ้าของวัตถุทั้งหลาย  เป็นการบูชาเพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย  ในขณะที่ผู้อื่นต้องการความสุขชั่วคราวทางวัตถุ  บูชาสิ่งของวัตถุเพื่อให้เทวดาเช่นพระอินทร์  พระอาทิตย์  ฯลฯ  ทรงพอพระทัย  และยังมี  มายาวาดีฺ  บูชารูปลักษณ์ของตนเองให้กลืนเข้าไปในความเป็นอยู่แห่ง  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  เทวดาคือสิ่งมีชีวิตผู้มีพลังอำนาจที่องค์ภควานทรงแต่งตั้งให้ดำรงรักษาและบริหารหน้าที่ทั้งหลายในโลกวัตถุ  เช่น  ความร้อน  น้ำ  และแสงของจักรวาล  ผู้ที่สนใจในผลประโยชน์ทางวัตถุจะบูชาเทวดาด้วยพิธีบูชาต่าง  ๆ  ตามพิธีกรรมพระเวท  พวกนี้เรียกว่า  บะฮุ-อีชวะระ-  วาดีฺ  หรือผู้เชื่อในเทวดาหลายองค์  แต่พวกที่บูชาสัจธรรมสูงสุดที่ไร้รูปลักษณ์  และคิดว่ารูปลักษณ์ของเทวดาไม่ถาวรจะบูชาปัจเจกชีวิตของตนเองไปในไฟสูงสุด  ดังนั้น  จึงจบปัจเจกชีวิตของตนด้วยการกลืนหายเข้าไปในความเป็นอยู่ขององค์ภควาน  มายาวา  ดีพวกนี้บูชาเวลาของพวกตนไปกับการคาดคะเนทางปรัชญาเพื่อที่จะเข้าใจธรรมชาติฺทิพย์ของพระองค์  หรืออีกนัยหนึ่ง  ผู้ทำงานเพื่อหวังผลบูชาวัตถุสิ่งของของตนเพื่อความสุขทางวัตถุ  ขณะที่  มายาวาดีฺ  ถวายบูชาชื่อระบุต่าง  ๆ  ทางวัตถุด้วยแนวคิดที่จะกลืนเข้าไปในความเป็นอยู่ขององค์ภควาน  สำหรับ  มายาวาดีฺ  แท่นบูชาแห่งการบูชาไฟคือ  บระฮมันฺ  สูงสุด  และสิ่งของบูชาคือชีวิตของตนเองที่ถูกเผาผลาญไปในไฟแห่ง  บระฮมันฺ  อย่างไรก็ดี  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกเช่นอารจุนะทรงบูชาทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้คริชณะทรงพอพระทัย  ดังนั้น  ความเป็นเจ้าของวัตถุทั้งหลายรวมทั้งชีวิตของตนเอง  ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเครื่องบูชาสำหรับคริชณะ  ดังนั้น  จึงเป็นโยคีชั้นหนึ่ง  แต่ท่านมิได้สูญเสียความเป็นปัจเจกบุคคล

โศลก 26

ชโรทราดีนีนดริยาณิ อันเย
สัมยะมากนิชุ จุฮวะทิฺ

ชับดาดีน วิชะยาน อันยะ
อินดริยากนิชุ จุฮวะทิฺ

ชโรทระ-อาดีนิฺ  -  เช่นวิธีการฟัง,อินดริยาณิฺ  -  ประสาทสัมผัส, อันเยฺ  -  ผู้อื่น, สัมยะมะฺ  -  หน่วงเหนี่ยว, อักนิชฺุ  -  ในไฟ, จุฮวะทิฺ  -  ถวาย, ชับดะฺ  -  อาดีนฺ  -  คลื่นเสียง ฯลฯ, วิชะยานฺ  -  อายตนะภายนอกเพื่อสนองประสาทสัมผัส, อันเยฺ  -  ผู้อื่น, อินดริยะฺ  -  ประสาทสัมผัส, อักนิชฺุ -ในไฟ, จุฮวะทิฺ  -  พวกเขาบูชา

คำแปลฺ

บางคน  (บระฮมะชารี  ผู้บริสุทธิ์)  บูชาวิธีการสดับฟังและประสาทสัมผัสไปในเพลิงแห่งการควบคุมจิตใจ  และบางคน  (คฤหัสถ์ผู้มีวินัย)  ถวายอายตนะภายนอกไปในเพลิงแห่งประสาทสัมผัส

คำอธิบายฺ

สมาชิกของสี่ระดับแห่งชีวิตมนุษย์  เช่น  บระฮมะชารี,  กริฮัสทฺะ.  วานะพรัสทฺะฺและ  สันนยาสีฺ  ทั้งหมดมีจุดมุ่งหมายเพื่อมาเป็นโยคีหรือนักทิพย์นิยมที่สมบูรณ์  เพราะว่าชีวิตมนุษย์มิได้มีไว้เพื่อหาความสุขด้วยการสนองประสาทสัมผัสเหมือนพวกสัตว์  ชีวิตมนุษย์จึงถูกจัดแบ่งไว้สี่ระดับ  เพื่อเราอาจบรรลุถึงความสมบูรณ์ในชีวิตทิพย์  บระฮ-  มะชารีฺ  หรือนักศึกษาภายใต้การดูแลของพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้  ควบคุมจิตใจของตนเองด้วยการละเว้นการสนองประสาทสัมผัส  บระฮมะชารีฺ  สดับฟังเฉพาะคำพูดที่เกี่ยวกับคริชณะจิตสำนึก  การสดับฟังคือหลักปฏิบัติพื้นฐานเพื่อความเข้าใจ  ดังนั้น  บระฮมะชารีฺ  ผู้บริสุทธิ์จะต้องปฏิบัติตนอย่างเต็มที่ใน  ฮะเรร  นามานุคีรทะนัมฺ  หรือการสวดมนต์ภาวนาและการสดับฟังคำสรรเสริญพระบารมีขององค์ภควาน  โดยจะหลีกเลี่ยงคลื่นเสียงวัตถุ  และสดับฟังเฉพาะคลื่นเสียงทิพย์ของ  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเรคริชณะ  ในลักษณะเดียวกันคฤหัสถ์ผู้ได้รับอนุญาตในการสนองประสาทสัมผัสปฏิบัติตนด้วยความอดกลั้นเป็นอย่างมาก  โดยทั่วไปสังคมมนุษย์มีนิสัยชอบชีวิตเพศสัมพันธ์ยาเสพติด  และรับประทานเนื้อสัตว์แต่คฤหัสถ์ผู้มีวินัยจะไม่ปล่อยตัวตามใจไปกับชีวิตเพศสัมพันธ์  และการสนองประสาทสัมผัสที่ไร้วินัย  ฉะนั้น  การสมรสตามหลักของชีวิตทางศาสนาจึงปฏิบัติกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ในสังคมที่มีอารยธรรม  เพราะว่านั่นคือชีวิตเพศสัมพันธ์ที่มีระเบียบวินัย  ชีวิตเพศสัมพันธ์ที่มีวินัยและไม่ยึดติดเช่นนี้ก็เป็น  ยะกยะฺชนิดหนึ่ง  เพราะว่าคฤหัสถ์ผู้มีระเบียบวินัยจะถวายนิสัยชอบสนองประสาทสัมผัสของตนเองโดยทั่วไป  เพื่อชีวิตทิพย์ที่สูงกว่า

โศลก 27

สารวาณินดริยะ-คารมาณิ
พราณะ-คารมาณิ ชาพะเรฺ

อาทมะ-สัมยะมะ-โยกากโน
จุฮวะทิ กยานะ-ดีพิเทฺ

สารวาณิฺ  -  ของทั้งหมด, อินดริยะฺ  -  ประสาทสัมผัส, คารมาณิฺ  -  หน้าที่, พราณะ- คารมาณิฺ  -  หน้าที่ของลมหายใจแห่งชีวิต, ชะฺ  -  เช่นกัน, อพะเรฺ  -  คนอื่นๆ, อาทมะ-สัม ยะมะฺ  -  ของการควบคุมจิตใจ, โยกะฺ  -  วิธีการเชื่อม, อักโนฺ  -  ในไฟแห่ง, จุฮวะทิฺ  -  ถวาย, กยานะ-ดีพิเทฺ  -  เพราะแรงกระตุ้นเพื่อความรู้แจ้งแห่งตน

คำแปลฺ

คนอื่นผู้สนใจการบรรลุความรู้แจ้งแห่งตนด้วยการควบคุมจิตใจและประสาทสัมผัส  ถวายหน้าที่ของประสาทสัมผัสทั้งหมดและลมปราณแห่งชีวิต  เพื่อเป็นการบวงสรวงไปในไฟแห่งการควบคุมจิตใจ

คำอธิบายฺ

ระบบโยคะที่เริ่มโดย  พะทันจะลิ  ได้กล่าวไว้  ณ  ที่นี้  ใน  โยกะ-สูทระฺ  ของพะทันจะลิ  เรียกดวงวิญญาณว่า  พรัทยัก-อาทมาฺ  และ  พะราก-อาทมาฺ  ตราบใดที่ดวงวิญญาณยึดติดอยู่กับความสุขทางประสาทสัมผัส  เรียกว่า  พะราก-อาทมาฺ  แต่ในทันทีที่วิญญาณดวงเดียวกันนี้ไม่ยึดติดกับความสุขทางประสาทสัมผัสเรียกว่า  พรัทยัก-อาทมาฺ  ดวงวิญญาณอยู่ภายใต้อำนาจหน้าที่ของลมสิบชนิดที่ทำงานอยู่ภายในร่างกาย  สำเหนียกได้โดยผ่านทางระบบการหายใจ  ระบบโยคะ  พะทันจะลิสอนเราให้ควบคุมหน้าที่ของลมภายในร่างกาย  แบบใช้เทคนิคเพื่อในที่สุดหน้าที่ทั้งหมดของลมภายในจะเอื้ออำนวยให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นจากการยึดติดกับวัตถุ  ตามระบบโยคะนี้  พรัทยัก-อาทมาฺ  คือจุดมุ่งหมายสูงสุด  พรัทยัก-อาทมาฺ  นี้ถอนตัวจากกิจกรรมทางวัตถุ  การกระทบกันระหว่างอายตนะภายในและอายตนะภายนอกเช่น  หูกับการฟังจมูกกับกลิ่น  ลิ้นกับรส  มือกับสัมผัส  ทั้งหมดเป็นการปฏิบัติกิจกรรมนอกตัวเรา  เรียกว่าหน้าที่ของ  พราณะ-วายฺุ  ลม  อพานะ-วายฺุ  ลงข้างล่าง  วยานะ-วายฺุ  หดตัวและขยายตัว  สะมานะ-วายฺุ  ปรับสมดุล  อุดานะ-วายฺุ  ขึ้นข้างบน  และเมื่อได้รับแสงสว่างเราจะทำทั้งหมดนี้เพื่อค้นหาความรู้แจ้งแห่งตน

โศลก 28

ดรัพยะ-ยะกยาส ทะโพ-ยะกยา
โยกะ-ยะกยาส ทะทฺาพะเรฺ

สวาดฮยายะ-กยานะ-ยะกยาช ชะ
ยะทะยะฮ สัมชิทะ-วระทาฮฺ

ดรัพยะ-ยะกยาฮฺ  -  บูชาสิ่งของของตน, ทะพะฮ-ยะกยาฮฺ  -  บูชาในความสมถะ, โยกะ- ยะกยาฮฺ  -  บูชาในระบบเข้าฌานทั้งแปด, ทะทฺาฺ  -  ดังนั้น, อพะเรฺ  -  ผู้อื่น, สวาดฺยายะฺ  -  บูชาในการศึกษาคัมภีร์พระเวท, กยานะ-ยะกยาชฮฺ  -  ถวายในการพัฒนาความรู้ทิพย์, ชะฺ  -  เช่นกัน, ยะทะยะฮฺ  -  ผู้ได้รับแสงสว่าง, สัมชิทะ-วระทาฮฺ  -  ปฏิญาณตนโดยเคร่งครัด

คำแปลฺ

จากการถือคำปฏิญาณโดยเคร่งครัด  บางคนรู้แจ้งด้วยการบูชาสิ่งของของตนและบางคนปฏิบัติสมถะความเพียรอย่างเคร่งครัด  ด้วยการฝึกโยคะอิทธิฤทธิ์แปดวิธี  หรือด้วยการศึกษาคัมภีรพระเวทเพื่อพัฒนาความรู้ทิพย์

คำอธิบายฺ

การบูชาทั้งหมดนี้อาจจัดอยู่ในประเภทต่าง  ๆ  กัน  มีบุคคลผู้บูชาสิ่งของของตนในรูปของการบริจาคทานต่าง  ๆ  ในประเทศอินเดีย  กลุ่มนักธุรกิจคนรวยหรือกลุ่มผู้มียศเป็นเจ้าจะเปิดสถาบันการกุศลต่าง  ๆ  เช่น  ดฺารมะ-ชาลา,  อันนะ-คเชทระ,  อทิทฺิ-  ชาลา,  อนา  ทฺาละยะฺ  และ  วิดยา-พีทฺะฺ  ในประเทศต่าง  ๆ  ก็เช่นเดียวกันมีโรงพยาบาลบ้านผู้สูงอายุ  และมูลนิธิการกุศลในทำนองนี้มากมายที่แจกจ่ายอาหาร  การศึกษาและรักษาโรคฟรีสำหรับคนจน  กิจกรรมการกุศลทั้งหมดนี้เรียกว่า  ดรัพยยะมะยะ-  ยะกยะฺ  มีบางคน  เพื่อความเจริญสูงขึ้นในชีวิต  หรือเพื่อส่งเสริมให้ไปสู่โลกที่สูงกว่าภายในจักรวาล  อาสาปฏิบัติสมถะมากมาย  เช่น  ชันดรายะณะฺ  และ  ชาทุรมาสยะฺ  วิธีการเหล่านี้มีเงื่อนไขคำอธิฐานที่เคร่งครัดในการใช้ชีวิตภายใต้กฎเกณฑ์ที่เข้มงวดกวดขัน  ตัวอย่างเช่น  ภายใต้คำปฏิญาณ  ชาทุรมาสยะฺ  ผู้อาสาจะไม่โกนหนวดเป็นเวลาสี่เดือนในหนึ่งปี  (กรกฎาคม  ถึง  ตุลาคม)  ไม่รับประทานอาหารบางชนิด  ไม่รับประทานวันละสองมื้อ  และไม่ออกไปจากบ้าน  การถวายบูชาความสะดวกสบายของชีวิตเช่นนี้เรียกว่า  ทะโพมะยะ-ยะกยะฺ  ยังมีบางคนปฏิบัติโยคะการเข้าฌานต่าง  ๆ  เช่น  ระบบ  พะทันจะลิฺ  (เพื่อกลืนเข้าไปในความเป็นอยู่แห่งสัจธรรม)  หรือ  ฮะทฺะ-โยกะฺ  หรือ  อัชทังกะ-โยกะฺ  (เพื่อความสมบูรณ์บางอย่างโดยเฉพาะ)  และบางคนเดินทางไปตามสถานที่ทางศักดิ์สิทธิ์ต่าง  ๆ  ของนักบุญ  การปฏิบัติทั้งหมดนี้เรียกว่า  โยกะ-ยะกยะฺถวายการบูชาเพื่อความสมบูรณ์บางประการในโลกวัตถุ  มีบางคนศึกษาวรรณกรรมพระเวทต่าง  ๆ  โดยเฉพาะ  เช่น  อุพะนิชัดฺ  และ  เวดานธะ-สูทระฺ  หรือปรัชญา  สางคยฺะฺทั้งหมดนี้เรียกว่า  สวาดฺยายะ-ยะกยะฺ  หรือปฏิบัติตนถวายบูชาด้วยการศึกษา  โยคีทั้งหมดนี้ปฏิบัติด้วยความศรัทธาในการถวายการบูชาต่างๆ  นานา  และค้นหาสภาวะชีวิตที่สูงกว่า  อย่างไรก็ดี  คริชณะจิตสำนึกแตกต่างจากสิ่งเหล่านี้  เพราะว่าเป็นการรับใช้องค์ภควานโดยตรงเราไม่สามารถบรรลุถึงคริชณะจิตสำนึกได้ด้วยการถวายบูชาวิธีหนึ่งวิธีใดดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้  แต่เราสามารถบรรลุได้โดยพระเมตตาธิคุณขององค์ภควานและสาวกผู้เชื่อถือได้ของพระองค์เท่านั้น  ดังนั้น  คริชณะจิตสำนึกจึงเป็นทิพย์

โศลก 29

อพาเน จุฮวะทิ พราณัม
พราเณ พานัม ทะทฺาพะเรฺ

พราณาพานะ-กะที รุดดฺวา
พราณายามะ-พะรายะณาฮฺ

อพะเร นิยะทาฮาราฮ
พราณาน พราเณชุ จุฮวะทิฺ

อพาเนฺ  -  ในลมซึ่งเดินลงข้างล่าง, จุฮวะทิฺ  -  ถวาย, พราณัมฺ  -  ลมเดินออกข้างนอก, พราเณฺ  -  ในลมที่เดินออก, อพานัมฺ  -  ลมเดินลงข้างล่าง, ทะทฺาฺ  -  เป็นเช่นเดียวกัน, อพะเรฺ  -  คนอื่น, พราณะฺ  -  ของลมเดินออก, อพานะฺ  -  และลมเดินลงข้างล่าง, กะทีฺ  -  การเคลื่อนไหว, รุดดฺวาฺ  -  ตรวจสอบ, พราณะ-อายามะฺ  -  ฌานอันเกิดจากการกลั้นลมหายใจทั้งหมด, พะรายะณาฮฺ  -  เอนเอียง, อพะเรฺ  -  คนอื่น, นิยะทะฺ  -  ควบคุม, อาฮาราฮฺ  -  การรับประทาน, พราณานฺ  -  ลมที่เดินออก, พราเณชฺุ -ในลมที่เดินออก, จุฮวะทิฺ  -  บูชา

คำแปลฺ

ยังมีผู้อื่นที่ชอบวิธีการกลั้นลมหายใจให้อยู่ในฌาน  ปฏิบัติด้วยการถวายการเคลื่อนไหวของลมหายใจออกไปในลมหายใจเข้า  และถวายลมหายใจเข้าไปในลมหายใจออก  เช่นนี้ในที่สุดจะอยู่ในฌาน  หยุดการหายใจทั้งหมด  และยังมีผู้อื่นตัดทอนวิธีการรับประทานอาหาร  ถวายลมหายใจออกไปในตัวมันเองเป็นการบูชา

คำอธิบายฺ

ระบบโยคะแห่งการควบคุมขบวนการหายใจนี้เรียกว่า  พราณายามะฺ  ในตอนต้นฝึกปฏิบัติในระบบ  ฮะทฺะ-โยกะฺ  ด้วยท่านั่งต่าง  ๆ  วิธีการทั้งหมดนี้แนะนำเพื่อให้ควบคุมประสาทสัมผัสและพัฒนาในความรู้แจ้งทิพย์  การปฏิบัติเช่นนี้เกี่ยวกับการควบคุมลมต่าง  ๆ  ภายในร่างกายเพื่อให้มันเดินไปในทางตรงกันข้าม  ลม  อพานะฺ  เดินลงข้างล่าง  และลม  พราณะฺ  เดินขึ้นข้างบน  พราณายามะ-โยกีฺ  ฝึกปฏิบัติการหายใจไปในทางตรงกันข้ามจนกว่ากระแสลมจะเป็นกลางอยู่ใน  พูระคะฺ  หรือดุลยภาพสงบนิ่ง  การถวายลมหายใจออกไปในลมหายใจเข้าเรียกว่า  เรชะคะฺ  เมื่อลมทั้งสองกระแสหยุดแน่นิ่งกล่าวได้ว่าผู้นั้นอยู่ใน  คุมบฺะคะ-โยกะฺ  ด้วยการฝึกปฏิบัติ  คุมบฺะคะ-โยกะฺเราสามารถเพิ่มเวลาให้แก่ชีวิตเพื่อความสมบูรณ์แห่งความรู้แจ้งทิพย์  โยคีผู้มีปัญญาสนใจในการบรรลุความสมบูรณ์ในชาติเดียวโดยไม่ต้องรอชาติหน้า  ด้วยการฝึกปฏิบัติ  คุมบฺะคะ-โยกะฺ  พวกโยคีสามารถเพิ่มเวลาให้แก่ชีวิตได้หลายต่อหลายปี  อย่างไรก็ดีบุคคลในคริชณะจิตสำนึกสถิตในการปฏิบัติรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควาน  และเป็นผู้ควบคุมประสาทสัมผัสได้โดยปริยาย  ประสาทสัมผัสของท่านปฏิบัติรับใช้คริชณะเสมอ  โดยไม่เปิดโอกาสให้ไปทำอย่างอื่น  ดังนั้น  ในบั้นปลายของชีวิตจะถูกย้ายไปสู่ระดับทิพย์แห่งองค์คริชณะโดยธรรมชาติ  ด้วยเหตุนี้จึงไม่พยายามต่ออายุ  ท่านได้ยกระดับมาถึงจุดหลุดพ้นทันที  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  (14.26  )

มาม ชะ โย วยะบฺิชาเรณะ
บฺัคธิ-โยเกนะ เสวะเทฺ

สะ กุณาน สะมะทีทไยทาน
บระฮมะ-บํูยายะ คัลพะเทฺ

“ผู้ที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควานด้วยความบริสุทธิ์ใจได้ข้ามพ้นระดับต่าง  ๆ  ของธรรมชาติวัตถุ  และพัฒนามาสู่ระดับทิพย์โดยทันที”  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกเริ่มต้นจากระดับทิพย์  และจะอยู่ในจิตสำนึกเช่นนี้เสมอ  ดังนั้นจึงไม่มีการตกต่ำลง  และในที่สุดจะบรรลุถึงอาณาจักรขององค์ภควานโดยไม่ล่าช้า  การฝึกปฏิบัติตัดทอนการรับประทานอาหารทำไปโดยปริยายเมื่อเรารับประทาน  คริชณะ-พระสาดัมฺหรืออาหารที่ถวายให้องค์ภควานก่อนเท่านั้น  วิธีการลดอาหารช่วยได้มากในเรื่องของการควบคุมประสาทสัมผัส  ปราศจากการควบคุมประสาทสัมผัสเป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดออกจากพันธนาการทางวัตถุ

โศลก 30

สารเว พิ เอเท ยะกยะ-วิโด
ยะกยะ-คชะพิทะ-คัลมะชาฮฺ

ยะกยะ-ชิชทามริทะ-บํุโจ
ยานทิ บระฮมะ สะนาทะนัมฺ

สารเวฺ  -  ทั้งหมด, อพิฺ  -  แม้ว่าดูเหมือนแตกต่างกัน, เอเทฺ  -  เหล่านี้, ยะกยะ-วิดะฮฺ  -  รอบรู้กับจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติพิธีบวงสรวง, ยะกยะ-คชะพิทะฺ  -  บริสุทธิ์ขึ้นจากผลของการปฏิบัติเช่นนี้, คัลมะชาฮฺ  -  ของผลบาป, ยะกยะ-ชิชทะฺ  -  ของผลแห่งการปฏิบัติ ยะกยะฺเช่นนี้, อมริทะ-บํุจะฮฺ  -  ผู้ที่ได้รับรสน้ำทิพย์นี้, ยานทิฺ  -  เข้าพบ, บระฮมะฺ  -  สูงสุด, สะนา- ทะนัมฺ  -  บรรยากาศนิรันดร

คำแปลฺ

ผู้ปฏิบัติทั้งหลายที่ทราบความหมายของการถวายบูชาทำให้บริสุทธิ์จากผลบาปและได้รับรสน้ำทิพย์จากผลแห่งการถวายบูชา  พวกเขาพัฒนาไปสู่บรรยากาศสูงสุดนิรันดร

คำอธิบายฺ

การอธิบายวิธีการถวายบูชาต่าง  ๆ  ข้างบนนี้  (เช่น  การถวายบูชาสิ่งของของตน  การศึกษาคัมภีร์พระเวทหรือคำสอนปรัชญา  และการปฏิบัติตามระบบโยคะ)  เราได้พบว่าจุดมุ่งหมายทั้งหมดนี้เพื่อควบคุมประสาทสัมผัส  การสนองประสาทสัมผัสคือสาเหตุแห่งการเป็นอยู่ทางวัตถุ  ฉะนั้น  นอกจากเราจะสถิตในระดับที่ปลีกตัวออกห่างจากการสนองประสาทสัมผัส  มิฉะนั้น  จะไม่มีโอกาสพัฒนามาถึงระดับอมตะแห่งความรู้อันสมบูรณ์  เต็มไปด้วยความปลื้มปีติสุข  และเต็มไปด้วยชีวิตทิพย์  ระดับนี้อยู่ในบรรยากาศนิรันดร  หรือบรรยากาศแห่ง  บระฮมันฺ  การถวายบูชาที่กล่าวมาทั้งหมดช่วยให้เราบริสุทธิ์จากผลบาปแห่งการเป็นอยู่ทางวัตถุ  ด้วยการพัฒนาชีวิตเช่นนี้  ไม่เพียงแต่จะทำให้เรามีความสุขและมั่งคั่งในชีวิตนี้  แต่ในที่สุดเราจะบรรลุถึงอาณาจักรนิรันดรแห่งองค์ภควานด้วย  ไม่ว่าจะกลืนเข้าไปใน  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์หรือไปคบหาสมาคมกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  องค์ชรีคริชณะ

โศลก 31

นายัม โลโค สทิ อยะกยัสยะ
อุโท นยะฮ คุรุ-สัททะมะฺ

นะฺ  -  ไม่เคย, อยัมฺ  -  นี้, โลคะฮฺ  -  โลก, อัสทิฺ  -  มี, อยะกยัสยะฺ  -  สำหรับผู้ที่ไม่เคยปฏิบัติการถวายบูชา, คุทะฮฺ  -  มีที่ไหน, อันยะฮฺ  -  ผู้อื่น, คุรุ-สัท-ทะมะฺ  -  โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมในหมู่คุรุ

คำแปลฺ

โอ้  ผู้ยอดเยี่ยมแห่งราชวงศ์คุรุ  ปราศจากการถวายบูชาเราจะไม่มีความสุขอยู่บนโลกนี้หรือในชีวิตนี้  แล้วอะไรจะเกิดขึ้นในชาติหน้า?

คำอธิบายฺ

ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่ทางวัตถุในรูปใด  แน่นอนว่าเราจะอยู่ในอวิชชาเกี่ยวกับสถานการณ์อันแท้จริงของเรา  หรืออีกนัยหนึ่ง  การมีชีวิตอยู่ในโลกวัตถุเนื่องมาจากผลกรรมมากมายจากความบาปหลาย  ๆ  ชาติของเรา  อวิชชาคือต้นเหตุของชีวิตบาปและชีวิตบาปคือต้นเหตุที่ฉุดให้เราอยู่ต่อไปในชีวิตทางวัตถุ  ชีวิตในร่างมนุษย์เป็นหนทางเดียวที่อาจจะออกไปจากพันธนาการเช่นนี้ได้  ฉะนั้น  คัมภีร์พระเวทเปิดโอกาสให้เราหลบหนีโดยการชี้วิถีทางแห่งศาสนา  ความสะดวกทางเศรษฐกิจ  การประมาณการสนองประสาทสัมผัส  และในที่สุด  วิถีทางที่จะออกจากสภาวะแห่งความทุกข์ทั้งหมดวิถีทางแห่งศาสนาหรือการถวายบูชาต่าง  ๆ  ที่ได้แนะนำมาแล้วข้างต้นจะแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจได้โดยปริยาย  ด้วยการปฏิบัติ  ยะกยะฺ  เราจะมีอาหาร  นม  ฯลฯ  เพียงพอแม้จะมีสิ่งที่เรียกว่าประชากรเพิ่มมากขึ้น  เมื่อร่างกายได้รับอาหารเพียงพอโดยธรรมชาติขั้นต่อไปจะสนองประสาทสัมผัส  ดังนั้น  คัมภีร์พระเวทจึงแนะนำพิธีสมรสอันศักดิ์สิทธิ์เพื่อประมาณการสนองประสาทสัมผัส  จากนั้นเราจะค่อย  ๆ  พัฒนามาถึงระดับที่ปล่อยวางจากพันธนาการทางวัตถุ  และความสมบูรณ์สูงสุดแห่งชีวิตอิสรเสรี  คือการมาคบหาสมาคมกับองค์ภควาน  ความสมบูรณ์บรรลุได้ด้วยการปฏิบัติ  ยะกยะฺ  (การถวายบูชา)ดังที่ได้อธิบายมาข้างต้น  หากเรายังไม่ชอบการปฏิบัติ  ยะกยะฺ  ตามคัมภีร์พระเวท  เราคาดหวังชีวิตที่มีความสุขแม้ในร่างนี้ยังไม่ได้  แล้วจะพูดถึงร่างหน้าในโลกหน้าได้อย่างไรมีระดับแห่งความสะดวกสบายทางวัตถุที่แตกต่างกันในโลกสวรรค์  และทั้งหมดมีความสุขอย่างมหาศาลสำหรับผู้ปฏิบัติ  ยะกยะฺ  ต่าง  ๆ  แต่ความสุขสูงสุดที่มนุษย์สามารถบรรลุได้คือได้รับการส่งเสริมให้ไปถึงโลกทิพย์ด้วยการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึก  ดังนั้นชีวิตของคริชณะจิตสำนึกคือผลสรุปในการแก้ปัญหาชีวิตทางวัตถุทั้งปวง

โศลก 32

เอวัม บะฮุ-วิดฺา ยะกยะ
วิทะทา บระฮมะโณ มุคเฮฺ

คารมะ-จาน วิดดฺิ ทาน สารวาน
เอวัม กยาทวา วิโมคชยะเสฺ

เอวัมฺ  -  ดังนั้น, บะฮุ-วิดฺาฮฺ  -  ชนิดต่าง ๆ ของ, ยะกยาฮฺ  -  การบูชา, วิทะทาฮฺ  -  เผยแพร่, บระฮมะณะฮฺ  -  ของคัมภีร์พระเวท, มุคเฮฺ  -  ผ่านทางพระโอษฐ์, คารมะ-จานฺ  -  เกิดจากงาน, วิดดฺิฺ  -  เธอควรรู้, ทานฺ  -  พวกเขา, สารวานฺ  -  ทั้งหมด, เอวัมฺ  -  ดังนั้น, กยาทวาฺ  -  รู้, วิมุคชยะเสฺ  -  เธอจะเป็นอิสระเสรี

คำแปลฺ

การบูชาต่าง  ๆ  ทั้งหมดนี้คัมภีร์พระเวทรับรอง  และทั้งหมดเกิดขึ้นจากงานที่แตกต่างกันไป  เมื่อทราบเช่นนี้เธอจะมีอิสรภาพ

คำอธิบายฺ

การถวายเพื่อเป็นการบูชาต่าง  ๆ  ดังที่ได้อธิบายข้างต้น  ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวทเพื่อให้เหมาะสมกับผู้ปฏิบัติที่ไม่เหมือนกัน  เพราะว่ามนุษย์ซึมซาบอย่างลึกซึ้งในแนวคิดทางร่างกาย  การถวายบูชาเหล่านี้จัดไว้เพื่อให้เราสามารถปฏิบัติได้ไม่ว่าในทางร่างกาย  ทางจิตใจ  หรือทางปัญญา  แต่ทั้งหมดแนะนำให้เราได้รับอิสรเสรีภาพจากร่างกายในที่สุด  ณ  ที่นี้  องค์ภควานทรงยืนยันด้วยพระโอษฐ์ของพระองค์เอง

โศลก 33

ชเรยาน ดรัพยะ-มะยาด ยะกยาจ
กยานะ-ยะกยะฮ พะรันทะพะฺ

สารวัม คารมาคฺิลัม พารทฺะ
กยาเน พะริสะมาพยะเทฺ

ชเรยานฺ  -  ยิ่งใหญ่กว่า, ดรัพยะ-มะยาทฺ  -  ของความเป็นเจ้าของวัตถุ, ยะกยาทฺ  -  กว่าการถวายการบูชา, กยานะ-ยะกยะฮฺ  -  ถวายในความรู้, พะรันทะพะฺ  -  โอ้ ผู้กำราบศัตรู, สารวัมฺ  -  ทั้งหมด, คารมะฺ  -  กิจกรรม, อคฺิลัมฺ  -  ในทั้งหมด, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสของพระนางพริทฺา, กยาเนฺ  -  ในความรู้, พะริสะมาพยะเทฺ  -  สุดท้าย

คำแปลฺ

โอ้  ผู้กำราบศัตรู  การบูชาปฏิบัติไปด้วยความรู้ดีกว่าถวายการบูชาด้วยเพียงสิ่งของวัตถุเท่านั้น  โอ้  โอรสพระนางพริทฺา  ในที่สุดการถวายการบูชาของงานทั้งหมดจะมาจบลงที่ความรู้ทิพย์

คำอธิบายฺ

จุดมุ่งหมายของการถวายบูชาทั้งหมดเพื่อให้มาถึงระดับแห่งความรู้อันสมบูรณ์  หลุดพ้นจากความทุกข์ทางวัตถุ  และในที่สุดจะมาปฏิบัติรับใช้ทิพย์ต่อองค์ภควาน  (คริชณะจิตสำนึก)  ด้วยความรัก  มีความเร้นลับเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง  ๆ  ในการถวายบูชาทั้งหมดนี้  และเราควรทราบความเร้นลับนี้  บางครั้งการถวายบูชามาในรูปแบบต่าง  ๆ  กันตามความศรัธทาโดยเฉพาะของผู้ปฏิบัติ  เมื่อความศรัทธาของเรามาถึงระดับแห่งความรู้ทิพย์  ผู้ปฏิบัติการถวายบูชาควรพิจารณาได้ว่าเป็นผู้ที่เจริญกว่าพวกที่เพียงแต่ถวายบูชาสิ่งของโดยไม่มีความรู้เช่นนี้  ปราศจากความรู้การถวายบูชายังคงอยู่ในระดับวัตถุ  และไม่ได้รับผลประโยชน์ทิพย์  ความรู้ที่แท้จริงคือการมาถึงจุดสุดยอดในคริชณะจิตสำนึก  ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของความรู้ทิพย์  ปราศจากการพัฒนาความรู้  การถวายบูชาเป็นเพียงกิจกรรมทางวัตถุ  อย่างไรก็ดี  เมื่อพัฒนามาถึงระดับความรู้ทิพย์  กิจกรรมทั้งหมดขึ้นไปสู่ระดับทิพย์  มันขึ้นอยู่กับจิตสำนึกที่แตกต่างกันกิจกรรมถวายการบูชาบางครั้งเรียกว่า  คารมะ-คาณดะฺ  (กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ)และบางครั้งเป็น  กยานะ-คาณดะฺ  (ความรู้เพื่อแสวงหาสัจธรรม)  เมื่อในที่สุดมาจบลงที่ความรู้จะดีกว่า

โศลก 34

ทัด วิดดฺิ พระณิพาเทนะ
พะริพรัชเนนะ เสวะยาฺ

อุพะเดคชยันทิ เท กยานัม
กยานินัส ทัททวะ-ดารชินะฮฺ

ทัทฺ  -  ความรู้แห่งการถวายบูชาต่าง ๆ, วิดดฺิฺ  -  พยายามเข้าใจ, พระณิพาเทนะฺ  -  ด้วยการเข้าพบพระอาจารย์ทิพย์. พะริพรัชเนนะฺ  -  ด้วยคำถามที่อ่อนน้อม, เสวะยาฺ  -  ด้วยการถวายการรับใช้, อุพะเดคชยันทิฺ  -  ท่านจะเริ่มสอน, เทฺ  -  เธอ, กยานัมฺ  -  ในความรู้, กยานินะฮฺ  -  ผู้รู้แจ้งแห่งตน, ทัททวะฺ  -  ของสัจธรรม, ดารชินะฮฺ  -  ผู้เห็น

คำแปลฺ

เพียงแต่พยายามเรียนรู้สัจธรรมด้วยการเข้าพบพระอาจารย์ทิพย์  ถามท่านด้วยความอ่อนน้อมยอมจำนน  และถวายการรับใช้แด่ท่าน  ดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งแห่งตนสามารถถ่ายทอดความรู้ให้แด่เธอ  เพราะท่านได้พบเห็นสัจธรรมแล้ว

คำอธิบายฺ

หนทางแห่งความรู้แจ้งทิพย์เป็นสิ่งที่ยากโดยไม่ต้องสงสัย  ฉะนั้น  ทรงแนะนำเราให้เข้าพบพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ที่อยู่ในสาย  พะรัมพะราฺ  เริ่มต้นจากองค์ภควานเอง  ไม่มีใครสามารถเป็นพระอาจารย์ทิพย์ที่เชื่อถือได้โดยปราศจากการปฏิบัติตามหลักธรรมแห่ง  พะรัมพะราฺ  นี้  องค์ภควานทรงเป็นพระอาจารย์ทิพย์องค์แรก  และบุคคลในสายพะรัมพะราสามารถถ่ายทอดสาสน์แห่งองค์ภควานที่เหมือนเดิมให้แกฺ่สาวก  ไม่มีผู้ใดสามารถรู้แจ้งทิพย์ได้ด้วยการผลิตวิธีการของตนเอง  เหมือนดังที่เป็นแฟชั่นของพวกจอมปลอมผู้ด้อยปัญญา  บฺากะวะธัมฺ  (6.3.19)  กล่าวว่า  ดฺารมัม  ทุสาด  ชาด  บฺะกะวัท-พระณีทัมฺ  องค์ภควานทรงเป็นผู้กำหนดวิถีทางแห่งศาสนาโดยตรง  ดังนั้น  การคาดคะเนทางจิตใจหรือการถกเถียงอย่างลม  ๆ  แล้ง  ๆ  ไม่สามารถช่วยนำเราไปสู่หนทางที่ถูกต้องได้  หรือด้วยการศึกษาหนังสือแห่งความรู้โดยเสรีก็ไม่สามารถทำให้เจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์ได้  เราต้องเข้าพบพระอาจารย์ผู้เชื่อถือได้และรับความรู้จากท่าน  พระอาจารย์ทิพย์เช่นนี้ควรได้รับการยอมรับด้วยการศิโรราบอย่างราบคาบ  และเราควรรับใช้พระอาจารย์ทิพย์เหมือนกับคนรับใช้โดยปราศจากการถือศักดิ์ศรีที่ผิด  ๆการทำให้พระอาจารย์ทิพย์ผู้รู้แจ้งแห่งตนพึงพอใจคือเคล็ดลับแห่งความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์  คำถามและความอ่อนน้อมยอมจำนนเป็นปัจจัยอย่างดีที่รวมกันเพื่อให้เราเข้าใจวิถีทิพย์  นอกจากมีการยอมจำนนและการรับใช้  เฉพาะคำถามอย่างเดียวจากพระอาจารย์ทิพย์ผู้ทรงคุณวุฒิจะไม่ได้รับผล  เราจะต้องผ่านการทดสอบของพระอาจารย์ทิพย์  และเมื่อเห็นความปรารถนาอันบริสุทธิ์ใจของสาวก  ท่านจะประทานพรแก่สาวกให้เข้าใจวิถีทิพย์อย่างถ่องแท้โดยปริยาย  โศลกนี้  การปฏิบัติตามเยี่ยงคนตาบอด  และคำถามที่เหลวไหลไร้สาระไม่เป็นที่ยอมรับ  ไม่เพียงแต่เราสดับฟังด้วยการยอมจำนนต่อพระอาจารย์ทิพย์เท่านั้น  แต่เรายังต้องมีความเข้าใจอย่างถ่องแท้จากท่านอีกด้วย  จากการยอมจำนน  การรับใช้  และคำถาม  โดยธรรมชาติ  พระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้จะมีความเมตตากรุณามากต่อสาวก  ฉะนั้น  เมื่อนักศึกษายอมจำนน  และพร้อมที่จะถวายการรับใช้อยู่เสมอ  การตอบสนองความรู้และคำถามก็จะสมบูรณ์

โศลก 35

ยัจ กยาทวา นะ พุนาร โมฮัม
เอวัม ยาสยะสิ พาณดะวะฺ

เยนะ บํูทานิ อเชชาณิ
ดรัคชยะสิ อาทมะนิ อโทฺ มะยิฺ

ยัทฺ  -  ซึ่ง, กยาทวาฺ  -  รู้, นะฺ  -  ไม่เคย, พุนะฮฺ  -  อีกครั้ง, โมฮัมฺ  -  ความหลง, เอวัมฺ  -  เหมือนนี้, ยาสยะสิฺ  -  เธอจะไป, พาณดะวะฺ  -  โอ้ โอรสของพาณดุ, เยนะฺ  -  โดยซึ่ง, บํูทานิฺ  -  สิ่งมีชีวิต, อเชชาณิฺ  -  ทั้งหมด, ดรัคชยะสิฺ  -  เธอจะเห็น, อาทมะนิฺ -ในดวงวิญญาณสูงสุด, อโทฺฺ  -  หรืออีกนัยหนึ่ง, มะยิฺ  -  ในข้า

คำแปลฺ

เมื่อได้รับความรู้ที่แท้จริงจากดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งตนเอง  เธอจะไม่ตกลงไปในความหลงนี้อีก  ด้วยความรู้นี้  เธอจะเห็นว่ามวลชีวิตเป็นส่วนขององค์ภควานหรืออีกนัยหนึ่ง  พวกเขาเป็นของข้า

คำอธิบายฺ

ผลของการได้รับความรู้จากดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งแห่งตน  หรือจากผู้รู้สิ่งต่าง  ๆตามความเป็นจริง  คือการเรียนรู้ว่าสิ่งมีชีวิตทั้งมวลเป็นละอองอณูของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์ชรีคริชณะ  ความรู้สึกที่ว่ามีชีวิตอยู่แยกจากคริชณะเรียกว่า  มายาฺ  (มาฺ-ไม่,  ยาฺ-นี้)  บางคนคิดว่าตัวเราไม่มีอะไรสัมพันธ์กับคริชณะ  คริชณะทรงเป็นเพียงบุคลิกภาพในประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ผู้หนึ่งเท่านั้น  และสัจธรรมคือ  บระฮมันฺที่ไร้รูปลักษณ์  อันที่จริง  ได้กล่าวไว้แล้วใน  ภควัต-คีตาฺ  ว่า  บระฮมันฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์นี้เป็นรัศมีส่วนพระองค์ของคริชณะ  องค์ภควาน  คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง  ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  คริชณะทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  แหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  แม้อวตารเป็นล้าน  ๆ  องค์ทรงเป็นเพียงภาคที่แบ่งแยกออกมาจากคริชณะเท่านั้น  ในทำนองเดียวกัน  สิ่งมีชีวิตก็เป็นส่วนที่แยกออกมาจากคริชณะเช่นเดียวกัน  นักปราชญ์  มายาวาดีฺ  คิดผิด  ๆ  ว่าคริชณะทรงสูญเสียความเป็นตัวของพระองค์เองไปในอวตารต่าง  ๆ  มากมาย  ความคิดเช่นนี้โดยธรรมชาติเป็นแนวคิดทางวัตถุ  เรามีประสบการณ์ในโลกวัตถุว่าสิ่งของสิ่งหนึ่งเมื่อถูกแบ่งแยกแจกจ่ายออกไป  จะสูญเสียบุคลิกภาพเดิมของตัวเองแต่นักปราชญ์  มายา  วาดีฺ  ไม่เข้าใจว่าความสมบูรณ์หมายความว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับหนึ่ง  และหนึ่งลบหนึ่งก็เท่ากับหนึ่ง  นี่คือกรณีในโลกแห่งความสมบูรณ์

เนื่องจากมีความต้องการความรู้ให้เพียงพอในศาสตร์แห่งความสมบูรณ์  แต่บัดนี้เราถูกครอบคลุมไปด้วยความหลง  ดังนี้  จึงทำให้เราคิดว่าตัวเราไม่เกี่ยวข้องกับคริชณะถึงแม้ว่าเราจะเป็นส่วนที่แยกมาจากคริชณะ  แต่เรามิได้แตกต่างไปจากพระองค์ความแตกต่างทางร่างกายของสิ่งมีชีวิตคือ  มายาฺ  หรือไม่ใช่ความจริง  เราทั้งหมดมีชีวิตอยู่เพื่อทำให้คริชณะทรงพอพระทัย  มายาฺ  เท่านั้นที่ทำให้อารจุนะทรงคิดว่าความสัมพันธ์ทางร่างกายชั่วคราวกับวงศาคณาญาติของพระองค์มีความสำคัญมากกว่าความสัมพันธ์ทิพย์นิรันดรกับคริชณะ  คำสอนทั้งหมดของ  คีตาฺ  ตั้งเป้าอยู่ที่จุดหมายนี้ว่า  สิ่งมีชีวิตเป็นผู้รับใช้นิรันดรของคริชณะ  ไม่สามารถแยกไปจากคริชณะได้  และความรู้สึกที่ว่าตัวเขาไม่เกี่ยวข้องกับคริชณะเรียกว่า  มายาฺ  สิ่งมีชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควาน  มีจุดมุ่งหมายที่ต้องทำให้สำเร็จ  จากการลืมจุดมุ่งหมายเดิมตั้งแต่สมัยดึกคำบรรพ์  ทำให้สถิตในร่างต่าง  ๆ  เช่น  ร่างมนุษย์  ร่างสัตว์  ร่างเทวดา  ฯลฯ  ร่างกายที่แตกต่างกันเช่นนี้เกิดขึ้นจากการลืมการรับใช้ทิพย์ต่อพระองค์  แต่เมื่อปฏิบัติรับใช้ทิพย์ผ่านทางคริชณะจิตสำนึก  ทันใดนั้นจะเป็นอิสระเสรีจากความหลง  เขาสามารถได้รับความรู้อันบริสุทธิ์นี้จากพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้เท่านั้น  จากนั้นก็หลีกเลี่ยงความหลงที่ว่าสิ่งมีชีวิตนั้นเทียบเท่ากับคริชณะ  ความรู้อันสมบูรณ์คือดวงวิญญาณสูงสุดองค์ชรีคริชณะทรงเป็นที่พึ่งสูงสุดของมวลชีวิต  และการยกเลิกที่พึ่งนี้เนื่องจากสิ่งมีชีวิตถูกพลังงานวัตถุทำให้หลงผิดคิดว่าตนเองมีบุคลิกภาพที่แยกออกไป  ดังนั้น  ภายใต้มาตรฐานต่าง  ๆ  ของบุคลิกภาพทางวัตถุพวกเขาจึงลืมคริชณะ  อย่างไรก็ดี  เมื่อสิ่งมีชีวิตผู้อยู่ในความหลงนี้สถิตในคริชณะจิตสำนึก  เข้าใจได้ว่าพวกเขาอยู่บนหนทางเพื่อความหลุดพ้น  ดังที่ได้ยืนยันไว้ใน  บฺากะวะธัมฺ  (2.10.6)  มุคทิร  ฮิทวานยะทฺา-รูพัม  สวารูเพณะ  วิยะวัสทฺิทิฮฺ  ความหลุดพ้นหมายถึงสถิตในสถานภาพพื้นฐานเดิมของตนเองว่าเป็นผู้รับใช้นิรันดรของคริชณะ  (คริชณะจิตสำนึก)

โศลก 36

อพิ เชด อสิ พาเพบฺยะฮ
สารเวบฺยะฮ พาพะ-คริท-ทะมะฮฺ

สารวัม กยานะ-พลาเวไนวะ
วริจินัม สันทะริชยะสิฺ

อพิฺ  -  ถึงแม้, เชดฺ  -  ถ้า, อสิฺ  -  เธอเป็น, พาเพบฺยะฮฺ  -  ของคนบาป, สารเวบฺยะฮฺ  -  ทั้งหมด, พาพะ-คริท-ทะมะฮฺ  -  คนบาปที่สุด, สารวัมฺ  -  ผลบาปทั้งหมดนี้, กยานะ-พละเวนะฺ  -  ด้วยนาวาแห่งความรู้ทิพย์, เอวะฺ  -  แน่นอน. วริจินัมฺ  -  มหาสมุทรแห่งความทุกข์, สันทะริชยะ- สิฺ  -  เธอจะข้ามได้อย่างสมบูรณ์

คำแปลฺ

ถึงแม้ว่าจะได้รับการพิจารณาว่าเป็นคนบาปที่สุดในหมู่คนบาปทั้งหลาย  แต่เมื่อสถิตในนาวาแห่งความรู้ทิพย์  เธอจะสามารถข้ามพ้นมหาสมุทรแห่งความทุกข์ได้

คำอธิบายฺ

การเข้าใจสถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงของตนเองอย่างถูกต้องในความสัมพันธ์กับคริชณะเป็นสิ่งที่ดีมาก  เพราะความเข้าใจเช่นนี้สามารถนำเราให้ออกจากการดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดที่กำลังดำเนินอยู่ในมหาสมุทรแห่งอวิชชาได้โดยทันที  โลกวัตถุนี้บางครั้งถือว่าเป็นมหาสมุทรแห่งอวิชชา  บางครั้งถือว่าเป็นป่าที่กำลังถูกไฟเผาไหม้  เราอาจเป็นนักว่ายน้ำที่เก่งมาก  แต่ในมหาสมุทรการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดเป็นสิ่งที่ยากลำบากมาก  ถ้าหากว่ามีใครคนหนึ่งยื่นมือเข้ามาอุ้มนักว่ายน้ำที่กำลังดิ้นรนต่อสู้อยู่ให้ออกจากมหาสมุทร  ท่านผู้นี้เป็นผู้ช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  ความรู้อันสมบูรณ์ที่ได้รับจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคือวิถีทางแห่งความหลุดพ้น  นาวาแห่งคริชณะจิตสำนึกนั้นเรียบง่ายมาก  แต่ในขณะเดียวกันก็ประเสริฐที่สุด

โศลก 37

ยะไทฺดฺามสิ สะมิดโดฺ กนิร
บฺัสมะ-สาท คุรุเท รจุนะฺ

กยานากนิฮ สารวะ-คารมาณิ
บฺัสมะ-สาท คุรุเท ทะทฺาฺ

ยะทฺาฺ  -  ดังเช่น, เอดฺามสิฺ  -  ไม้ฟืน, สะมิดดฺะฮฺ  -  เผาไหม้, อักนิฮฺ  -  ไฟ, บฺัสมะ-สาทฺ  -  เถ้าถ่าน, คุรุเทฺ  -  เปลี่ยน, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, กยานะ-อักนิฮฺ  -  ไฟแห่งความรู้, สารวะ- คารมาณิฺ  -  ผลกรรมจากกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมด, บฺัสมะ-สาทฺ  -  เป็นเถ้าถ่าน, คุรุเทฺ  -  มันกลับกลาย, ทะทฺาฺ  -  ในทำนองเดียวกัน

คำแปลฺ

ดังเช่นเปลวไฟเปลี่ยนสภาพไม้ฟืนให้เป็นเถ้าถ่านได้ฉันใด  โอ้  อารจุนะ  ไฟแห่งความรู้ก็สามารถเผาผลาญผลกรรมทั้งมวลจากกิจกรรมทางวัตถุได้ฉันนั้น

คำอธิบายฺ

ความรู้อันสมบูรณ์แห่งตัวเราพร้อมทั้งองค์ภควาน  และความสัมพันธ์ของทั้งสองเปรียบเทียบได้กับไฟ  ณ  ที่นี้  ไฟไม่เพียงเผาผลาญผลกรรมจากกิจกรรมบาปทั้งมวล  แต่ยังเผาผลาญผลกรรมจากกิจกรรมบุญทั้งมวลด้วย  เผาผลาญทั้งหมดให้เป็นเถ้าถ่าน  มีผลกรรมอยู่หลายลักษณะ  เช่น  ผลกรรมที่กำลังก่ออยู่  ผลกรรมที่กำลังบังเกิดผล  ผลกรรมที่ได้รับเรียบร้อยแล้ว  และผลกรรมก่อนหน้านี้  แต่ความรู้สถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงของสิ่งมีชีวิตเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นจุณ  เมื่อเรามีความรู้อันสมบูรณ์  ผลกรรมทั้งหมดทั้งตั้งแต่ก่อนหน้านี้และหลังจากนี้  จะถูกเผาผลาญจนหมดสิ้น  ในคัมภีร์พระเวท  (บริฮัด-อารัณยะคะ  อุพะนิชัดฺ  4.4.22)  กล่าวไว้ว่า  อุเบฺ  อุไฮไวชะ  เอเท  ทะระทิ  อัมริทะฮ  สาดํุ-อสาดํูนีฺ  “เราได้รับชัยชนะจากผลกรรมทั้งสอง  คือจากผลบุญและผลบาป“

โศลก 38

นะ ฮิ กยาเนนะ สะดริชัม
พะวิทรัม อิฮะ วิดยะเทฺ

ทัท สวะยัม โยกะ-สัมสิดดฺะฮ
คาเลนาทมะนิ วินดะทิฺ

นะฺ  -  ไม่มีสิ่งใด, ฮิฺ  -  แน่นอน, กยาเนนะฺ  -  ด้วยความรู้, สะดริชัมฺ  -  ในการเปรียบเทียบ, พะวิทรัมฺ  -  ทำให้ถูกต้อง, อิฮะฺ  -  ในโลกนี้, วิดยะเทฺ  -  มีอยู่, ทัทฺ  -  นั้น, สวะยัมฺ  -  ตัวเขา, โยกะฺ  -  ในการอุทิศตนเสียสละ, สัมสิดดฺะฮฺ  -  ผู้ที่มีวุฒิภาวะ, คาเลนะฺ  -  ตามกาลเวลา, อาทมะนิฺ  -  ในตัวเขา, วินดะทิฺ  -  ได้รับความสุข

คำแปลฺ

ในโลกนี้ไม่มีอะไรประเสริฐและบริสุทธิ์เท่ากับความรู้ทิพย์  ความรู้เช่นนี้คือผลอันสมบูรณ์จากการเข้าฌานทั้งหลาย  และผู้ที่ได้รับผลสำเร็จในการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  จะได้รับความสุขกับความรู้นี้ภายในตัวเขาเองตามกาลเวลา

คำอธิบายฺ

เมื่อพูดถึงความรู้ทิพย์  เราพูดถึงความเข้าใจทางจิตวิญญาณ  ฉะนั้น  จึงไม่มีสิ่งใดประเสริฐและบริสุทธิ์ไปกว่าความรู้ทิพย์  อวิชชาคือต้นเหตุแห่งการพันธนาการและความรู้คือต้นเหตุแห่งความหลุดพ้น  ความรู้นี้คือผลอันสมบูรณ์แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  และเมื่อเราสถิตในความรู้ทิพย์  เราไม่จำเป็นต้องแสวงหาความสงบที่ไหนอีก  เพราะเราได้รับความสุขจากความสงบภายในตัวเรา  หรืออีกนัยหนึ่ง  ความรู้และความสงบนี้เกิดขึ้นในคริชณะจิตสำนึก  และนี่คือคำสุดท้ายใน  ภควัต-คีตาฺ

โศลก 39

ชรัดดฺาวาล ลาบฺะเท กยานัม
ทัท-พะระฮ สัมยะเทนดริยะฮฺ

กยานัม ลับดฺวา พะราม ชานทิม
อชิเรณาดฺิกัชชฺะทิฺ

ชรัดดฺา-วานฺ  -  ผู้ที่มีความศรัทธา, ลาบฺะเทฺ  -  ได้รับ, กยานัมฺ  -  ความรู้, ทัท-พะระฮฺ  -  ยึดติดมากกับมัน, สัมยะทะฺ  -  ควบคุม, อินดริยะฮฺ  -  ประสาทสัมผัส, กยานัมฺ  -  ความรู้, ลับดฺวาฺ  -  ได้รับแล้ว, พะรามฺ  -  ทิพย์, ชานทิมฺ  -  ความสงบ, อชิเรณะฺ  -  เร็ว ๆ นี้, อดฺิกัชชฺะทิฺ  -  ได้รับ

คำแปลฺ

ผู้มีความศรัทธาที่อุทิศตนให้กับความรู้ทิพย์  และเป็นผู้ปรามประสาทสัมผัสของตนเองได้  มีสิทธิ์ที่จะได้รับความรู้เช่นนี้  และเมื่อได้รับความรู้นี้แล้วเขาจะบรรลุถึงความสงบสูงสุดทางจิตวิญญาณโดยเร็ว

คำอธิบายฺ

ผู้มีความศรัทธาอย่างแน่วแน่ในคริชณะสามารถได้รับความรู้นี้ในคริชณะจิตสำนึก  บุคคลที่ได้ชื่อว่ามีความศรัทธาคือผู้ที่คิดว่าความเชื่อว่าเพียงแต่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  เขาจะบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุด  ความศรัทธานี้บรรลุได้ด้วยการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  และด้วยการสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะคริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร  ซึ่งทำให้หัวใจเขาบริสุทธิ์จากความสกปรกทางวัตถุทั้งมวล  นอกเหนือไปจากนี้เขาควรควบคุมประสาทสัมผัส  บุคคลผู้มีความศรัทธาต่อคริชณะและควบคุมประสาทสัมผัสได้  สามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์อย่างง่ายดายในความรู้แห่งคริชณะจิตสำนึกโดยไม่ล่าช้า

โศลก 40

อกยัช ชาชรัดดะดฺานัช ชะ
สัมชะยาทมา วินัชยะทิฺ

นายัม โลโค สทิ นะ พะโร
นะ สุคฺัม สัมชะยาทมะนะฮฺ

อกยะฮฺ  -  ผู้อยู่ในอวิชชาไม่มีความรู้ในพระคัมภีร์มาตรฐาน, ชะฺ  -  และ, อัชรัดดะดฺานะฮฺ  -  ไม่มีความศรัทธาในพระคัมภีร์ที่เปิดเผย, ชะฺ  -  เช่นกัน, สัมชะยะฺ  -  แห่งความสงสัย, อาท- มาฺ  -  บุคคล, วินัชยะทิฺ  -  ตกต่ำ, นะฺ  -  ไม่เคย, อยัมฺ  -  ในนี้, โลคะฮฺ  -  โลก, อัสทิฺ  -  มี, นะฺ  -  ไม่, พะระฮฺ  -  ในชาติหน้า, นะฺ  -  ไม่, สุคฺัมฺ -ความสุข, สัมชะยะฺ  -  สงสัย, อาทมะนะฮฺ  -  ของบุคคล

คำแปลฺ

แต่บุคคลผู้อยู่ในอวิชชา  ไม่มีความศรัทธา  และสงสัยในพระคัมภีร์ที่เปิดเผย  จะไม่บรรลุถึงจิตสำนึกแห่งองค์ภควาน  พวกเขาตกต่ำลง  สำหรับดวงวิญญาณผู้มีความสงสัยจะไม่มีความสุขทั้งโลกนี้และโลกหน้า

คำอธิบายฺ

จากพระคัมภีร์มาตรฐานและเชื่อถือได้ที่เปิดเผยมากมาย  ภควัต-คีตาฺ  ดีที่สุดบุคคลผู้ด้อยปัญญาที่เกือบเหมือนสัตว์ไม่มีทั้งความศรัทธาและความรู้ในพระคัมภีร์มาตรฐานที่เปิดเผยเหล่านี้  บางคนถึงแม้มีความรู้หรือสามารถท่องบทมนต์ต่าง  ๆ  จากพระคัมภีร์ที่เปิดเผยได้  แต่อันที่จริงไม่มีความศรัทธาในคำพูดเหล่านี้  และถึงแม้ว่าบางคนมีความศรัทธาในพระคัมภีร์เช่น  ภควัต-คีตาฺ  แต่ไม่เชื่อหรือไม่บูชาบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ชรีคริชณะ  บุคคลเช่นนี้ไม่มีจุดยืนในคริชณะจิตสำนึก  พวกเขาตกต่ำลง  จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้  พวกที่ไม่มีความศรัทธาและมีความสงสัยอยู่เสมอจะไม่พัฒนาเลย  มนุษย์ผู้ไม่มีความศรัทธาในองค์ภควานและพระราชดำรัสที่เปิดเผยของพระองค์จะไม่มีอะไรดีในโลกนี้หรือโลกหน้าและจะไม่มีความสุขอันใดเลย  ฉะนั้น  เราควรปฏิบัติตามหลักธรรมของพระคัมภีร์ที่เปิดเผยด้วยความศรัทธา  จากนั้นยกระดับขึ้นไปสู่ระดับแห่งความรู้  ความรู้นี้เท่านั้นจะช่วยส่งเสริมเราไปสู่ระดับทิพย์แห่งความเข้าใจจิตวิญญาณ  อีกนัยหนึ่ง  บุคคลผู้มีความสงสัยจะไม่มีจุดยืนในความหลุดพ้นของดวงวิญญาณ  ดังนั้น  เราควรปฏิบัติตามรอยพระบาทของ  อาชาระยะฺ  ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในสาย  พะรัมพะราฺ  และบรรลุถึงความสำเร็จ

โศลก 41

โยกะ-สันนยัสทะ-คารมาณัม
กยานะ-สันชฺินนะ-สัมชะยัมฺ

อาทมะวันทัม นะ คารมาณิ
นิบัดฺนันทิ ดฺะนันจะยะฺ

โยกะฺ  -  ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคารมะ-โยกะฺ, สันนยัสทะฺ  -  ผู้ที่สละทางโลก, คารมาณัมฺ  -  ผลของการกระทำ, กยานะฺ  -  ด้วยความรู้, สันชฺินนะฺ  -  ตัด, สัมชะยัมฺ  -  สงสัย, อาทมะ-วันทัมฺ  -  สถิตในตนเอง, นะฺ  -  ไม่เคย, คารมาณิฺ  -  ทำงาน, นิบัดฺนันทิฺ  -  พันธนาการ, ดฺะนันจะยะฺ  -  โอ้ ผู้ชนะความร่ำรวย

คำแปลฺ

ผู้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  สละผลการกระทำของตนเอง  และความสงสัยของเขาได้ถูกทำลายไปด้วยความรู้ทิพย์  สถิตอย่างแท้จริงในตัวเอง  ฉะนั้นเขาไม่ถูกพันธนาการด้วยผลกรรมจากงาน  โอ้  ผู้ชนะความร่ำรวย

คำอธิบายฺ

ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของ  ภควัต-คีตาฺ  ตามที่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงเป็นผู้ถ่ายทอดด้วยพระองค์เอง  จะได้รับอิสรภาพจากความสงสัยทั้งปวงด้วยพระกรุณาธิคุณแห่งความรู้ทิพย์  ในฐานะที่เป็นละอองอณูขององค์ภควานตัวเขาจะอยู่ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  สถิตในความรู้แห่งตนเรียบร้อยแล้ว  เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงอยู่เหนือพันธนาการแห่งกรรมโดยไม่ต้องสงสัย

โศลก 42

ทัสมาด อกยานะ-สัมบํูทัม
ฮริท-สทฺัม กยานาสินาทมะนะฮฺ

ชฺิทไวนัม สัมชะยัม โยกัม
อาทิชโทฺททิชทฺะ บฺาระทะฺ

ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, อกยานะ-สัมบํูทัมฺ  -  เกิดจากอวิชชา, ฮริท-สทฺัมฺ  -  สถิตในหัวใจ, กยา นะฺ  -  แห่งความรู้, อสินาฺ  -  ด้วยอาวุธ, อาทมะนะฮฺ  -  ของชีวิต, ชฺิทวาฺ  -  ตัดออก, เอนัมฺ  -  นี้, สัมชะยัมฺ  -  สงสัย, โยกัมฺ  -  ในโยคะ, อาทิชทฺะฺ  -  สถิต, อุททิชทฺะฺ  -  ลุกขึ้นมาสู้, บฺาระทะฺ  -  โอ้ ผู้สืบราชวงศ์บฺาระทะ

คำแปลฺ

ฉะนั้น  ความสงสัยที่เกิดขึ้นในหัวใจของเธออันเนื่องมาจากอวิชชาควรถูกตัดออกด้วยอาวุธแห่งความรู้  เตรียมพร้อมด้วยโยคะ  จงลุกขึ้นมาและสู้  โอ้  บฺาระทะ

คำอธิบายฺ

ระบบโยคะที่สอนในบทนี้เรียกว่า  สะนาทะนะ-โยกะฺ  หรือกิจกรรมอมตะที่สิ่งมีชีวิตปฏิบัติ  โยคะนี้แบ่งเป็นการปฏิบัติบูชาได้สองส่วน  ส่วนหนึ่งเรียกว่าการถวายบูชาสิ่งของวัตถุของตน  และอีกส่วนหนึ่งเรียกว่าความรู้แห่งชีวิต  ซึ่งเป็นกิจกรรมทิพย์ที่บริสุทธิ์  หากถวายบูชาสิ่งของวัตถุของตนโดยไม่ประสานกับความรู้แจ้งทิพย์การถวายเช่นนี้เป็นวัตถุ  แต่ผู้ที่ปฏิบัติการถวายบูชาเช่นนี้ด้วยจุดมุ่งหมายทิพย์หรือในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ทำให้การถวายบูชาสมบูรณ์  เมื่อเรามาถึงกิจกรรมทิพย์จะพบว่าแบ่งเป็นสองส่วนอีกเช่นกัน  คือ  การเข้าใจตัวเราเอง  (หรือเข้าใจสถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงของเรา)  และเข้าใจสัจธรรมเกี่ยวกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ผู้ปฏิบัติตามวิธีของ  ภควัต-คีตาฺ  ฉบับเดิม  สามารถเข้าใจสองส่วนสำคัญแห่งความรู้ทิพย์นี้  สำหรับบุคคลนี้ไม่เป็นการยากที่จะบรรลุถึงความรู้ที่สมบูรณ์แห่งตนว่าเป็นละอองอณูขององค์ภควาน  ดังนั้น  การเข้าใจเช่นนี้จึงเป็นประโยชน์  เพราะบุคคลนี้สามารถเข้าใจกิจกรรมทิพย์ของพระองค์ได้อย่างง่ายดาย  ในตอนต้นของบทนี้องค์ภควานทรงกล่าวถึงกิจกรรมทิพย์ของพระองค์ด้วยตัวพระองค์เอง  ผู้ที่ไม่เข้าใจคำสั่งสอนของ  คีตาฺ  คือผู้ไม่มีความศรัทธา  และถือว่าได้ใช้เสรีภาพส่วนน้อยนิดที่พระองค์ทรงประทานให้ไปในทางที่ผิดแม้มีคำสอนเหล่านี้เราก็ยังไม่เข้าใจธรรมชาติอันแท้จริงขององค์ภควานว่าทรงเป็นบุคลิกภาพที่มีความเป็นอมตะเต็มไปด้วยความสุขเกษมสำราญและความรู้  ผู้ไม่รู้เช่นนี้แน่นอนว่าเป็นคนโง่อันดับหนึ่ง  อวิชชาสามารถลบออกได้ด้วยการค่อย  ๆ  ยอมรับหลักธรรมของคริชณะจิตสำนึก  คริชณะจิตสำนึกฟื้นฟูขึ้นมาได้ด้วยวิธีการถวายบูชาต่างๆ  แด่เทวดา  ถวายบูชาแด่  บระฮมันฺ  ถวายบูชาในการถือเพศพรหมจรรย์  ถวายบูชาในชีวิตคฤหัสถ์  ถวายบูชาในการควบคุมประสาทสัมผัส  ถวายบูชาในการฝึกปฏิบัติโยคะเข้าฌานสมาธิ  ถวายบูชาด้วยการบำเพ็ญเพียร  ถวายบูชาด้วยการยอมสละสิ่งของวัตถุถวายบูชาด้วยการศึกษาคัมภีร์พระเวท  และถวายบูชาด้วยการมีส่วนร่วมในสถาบันสังคมที่เรียกว่า  วารณาชระมะ-ดฺารมะฺ  ทั้งหมดนี้เรียกว่าการถวายบูชา  และทั้งหมดมีพื้นฐานอยู่ที่การประมาณการปฏิบัติ  แต่ภายในกิจกรรมทั้งหลายเหล่านี้  ปัจจัยสำคัญคือการรู้แจ้งแห่งตน  ผู้แสวงหาจุดมุ่งหมายนี้คือนักศึกษาที่แท้จริงของ  ภควัต-  คีตาฺ  แต่ผู้ที่สงสัยความน่าเชื่อถือได้ของคริชณะจะถอยหลัง  ฉะนั้น  จึงแนะนำให้เราศึกษา  ภควัต-คีตาฺ  หรือพระคัมภีร์เล่มใดก็ได้  ภายใต้การแนะนำของพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ด้วยการรับใช้และศิโรราบ  พระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้อยู่ในสาย  พะรัม-  พะราฺ  ตั้งแต่โบราณกาล  ท่านจะไม่บิดเบือนจากคำสั่งสอนขององค์ภควานเลยแม้แต่น้อย  ดังที่ได้ถูกถ่ายทอดมาเป็นเวลาหลาย  ๆ  ล้านปีมาแล้วแด่สุริยเทพ  จากสุริยเทพคำสั่งสอนของ  ภควัต-คีตาฺ  ได้ถูกส่งลงมายังอาณาจักรโลก  ดังนั้น  เราควรปฏิบัติตามวิธีของ  ภควัต-คีตาฺ  ให้เหมือนเดิมดังที่ได้กล่าวไว้ใน  คีตาฺ  เอง  และโปรดจงระวังคนเห็นแก่ตัวที่พยายามคุยโวหาเสียงให้แก่ตนเอง  และหันเหผู้อื่นไปจากวิถีทางที่แท้จริง  องค์ภควานทรงเป็นบุคลิกภาพที่สูงสุดอย่างแน่นอน  และกิจกรรมของพระองค์ทรงเป็นทิพย์ผู้ใดที่เข้าใจเช่นนี้เป็นผู้ที่หลุดพ้นแล้วตั้งแต่เริ่มศึกษา  ภควัต-คีตาฺ

ฉะนั้น ได้จบคำอธิบายโดย บฺัคธิเวดันธะ บทที่สี่ของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่องความรู้ทิพย์ฺ