บทที่ สิบเจ็ด
ระดับแห่งความศรัทธา
อารจุนะ อุวาชะฺ
เย ชาสทระ-วิดิฺม อุทสริจยะ
ยะจันเท ชรัดดฺะยานวิทาฮฺ
เทชาม นิชทฺา ทุ คา คริชณะ
สัททวัม อาโฮ ระจัส ทะมะฮฺ
อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, เยฺ - พวกซึ่ง, ชาสทระ-วิดิฺมฺ - กฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์, อุทสริจยะฺ - ยกเลิก, ยะจันเทฺ - บูชา, ชรัดดฺะยาฺ - เต็มศรัทธา, อันวิทาฮฺ - เป็นเจ้าของ, เทชามฺ - ของพวกเขา, นิชทฺาฺ - ศรัทธา, ทฺุ - แต่, คาฺ - อะไร, คริชณะฺ - โอ้ คริชณะ, สัททวัมฺ - ในความดี, อาโฮฺ - หรืออย่างอื่น, ระจะฮฺ - ในตัณหา, ทะมะฮฺ - ในอวิชชา
คำแปลฺ
อารจุนะทรงถามว่า โอ้ คริชณะ สถานการณ์ของพวกที่ไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมของพระคัมภีร์ แต่บูชาตามจินตนาการของตนเองเป็นอย่างไร? พวกเขาอยู่ในความดี ในตัณหา หรือในอวิชชา?
คำอธิบายฺ
ในบทที่สี่ โศลกสามสิบเก้า ได้กล่าวไว้ว่า ผู้มีความศรัทธาในการบูชาบางสิ่งบางอย่างจะค่อย ๆ พัฒนามาถึงระดับแห่งความรู้ และบรรลุถึงระดับความสมบูรณ์สูงสุดแห่งความสงบและความเจริญรุ่งเรือง ในบทที่สิบหกสรุปว่าผู้ไม่ปฏิบัติตามหลักธรรมที่วางไว้ในพระคัมภีร์เรียกว่ามารหรือ อสุระฺ และผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ด้วยความศรัทธาเรียกว่าเทพหรือ เดวะฺ หากบุคคลปฏิบัติตามกฎต่าง ๆ ด้วยความศรัทธาซึ่งไม่ได้สอนไว้ในพระคัมภีร์ สถานภาพของเขาจะเป็นเช่นไร? คริชณะจะทรงทำให้ข้อสงสัยของอารจุนะกระจ่างขึ้น พวกที่สร้างพระเจ้าบางองค์ขึ้นมาด้วยการคัดเลือกมนุษย์และให้ความศรัทธาต่อผู้นั้น บุคคลเหล่านี้บูชาในความดี ในตัณหา หรือในอวิชชา? และจะบรรลุถึงระดับแห่งความสมบูรณ์ในชีวิตหรือไม่? เป็นไปได้หรือไม่ที่พวกนี้สถิตในความรู้ที่แท้จริงและพัฒนาตนเองไปถึงระดับแห่งความสมบูรณ์สูงสุด? พวกที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์ แต่มีความศรัทธาต่อบางสิ่งบางอย่าง บูชาเทพเจ้า เทวดา และมนุษย์จะบรรลุถึงความสำเร็จในความพยายามของพวกตนหรือไม่? อารจุนะทรงตั้งคำถามเหล่านี้ต่อคริชณะ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
ทริ-วิดฺา บฺะวะทิ ชรัดดฺา
เดฮินาม สา สวะบฺาวะ-จาฺ
สาททวิคี ราจะสี ไชวะ
ทามะสิ เชทิ ทาม ชริณฺุ
ชรี-บฺะกะวานอุวาชะฺ - บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, ทริ-วิดฺาฺ - สามชนิด, บฺะวะทิฺ - มาเป็น, ชรัดดฺาฺ - ความศรัทธา, เดฮินามฺ - ของร่างกาย, สาฺ - นั้น, สวะ-บฺาวะฺ - จาฺ - ตามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุของตน, สาททวิคีฺ - ในระดับความดี, ราจะสีฺ - ในระดับตัณหา, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, ทามะสีฺ - ในระดับอวิชชา, ชะฺ - และ, อิทิ-ดังนั้น, ทามฺ - นั้น, ชริณฺุ - สดับฟังจากข้า
คำแปลฺ
บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า ตามระดับแห่งธรรมชาติที่ดวงวิญญาณในร่างได้รับมา ความศรัทธาของเขามีสามระดับ คือ ในความดี ในตัณหา หรือในอวิชชา บัดนี้ จงสดับฟัง
คำอธิบายฺ
พวกที่รู้กฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์ แต่ด้วยความเกียจคร้านหรือชอบอยู่นิ่งเฉยยกเลิกการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้ ถูกระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติวัตถุควบคุมตามกรรมของตนในอดีตซึ่งอาจอยู่ในระดับความดี ตัณหา หรืออวิชชา พวกเขาได้รับธรรมชาติซึ่งมีคุณลักษณะโดยเฉพาะ สิ่งมีชีวิตมาคบหาสมาคมกับระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติ และจะดำเนินไปชั่วกัลปวสานเนื่องจากสิ่งมีชีวิตมาสัมผัสกับธรรมชาติวัตถุจึงได้รับความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ตามที่มาใกล้ชิดกับระดับต่าง ๆ ของวัตถุ แต่ธรรมชาตินี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้หากมาคบหาสมาคมกับพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ เชื่อฟังกฎระเบียบของท่านและกฎของพระคัมภีร์แล้วจะค่อย ๆ เปลี่ยนสถานภาพจากอวิชชามาเป็นความดี หรือจากตัณหามาเป็นความดี ข้อสรุปคือ การเชื่ออย่างงมงายในระดับของธรรมชาติโดยเฉพาะ จะไม่ช่วยให้พัฒนามาสู่ระดับแห่งความสมบูรณ์ได้ เราต้องพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ด้วยความระมัดระวัง ด้วยสติปัญญา ด้วยการมาคบหาสมาคมกับพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ จากนั้น เราจะสามารถเปลี่ยนสถานภาพของตนเองมาสู่ระดับแห่งธรรมชาติที่สูงกว่า
สัททวานุรูพา สารวัสยะ
ชรัดดฺา บฺะวะทิ บฺาระทะฺ
ชรัดดฺา-มะโย ่ยัม พุรุโช
โย ยัช-ชฺรัดดฺะฮ สะ เอวะ สะฮฺ
สัททวะ-อนุรูพาฺ - ตามความเป็นอยู่, สารวัสยะฺ - ของทุกคน, ชรัดฺดาฺ - ความศรัทธา, บฺะวะทิฺ - มาเป็น, บฺาระทะฺ - โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะ, ชรัดดฺาฺ - ความศรัทธา, มะยะฮฺ - เต็มไปด้วย, อยัม-นี้, พุรุชะฮฺ - สิ่งมีชีวิต, ยะฮฺ - ผู้ซึ่ง, ยัทฺ - ซึ่งมี, ชรัดดฺะฮฺ - ความศรัทธา, สะฮฺ - ดังนั้น, เอวะฺ - แน่นอน, สะฮฺ - เขา
คำแปลฺ
โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะ ตามความเป็นอยู่ภายใต้ระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติ เขาวนเวียนอยู่กับความศรัทธาบางชนิด กล่าวว่าสิ่งมีชีวิตอยู่ในความศรัทธาบางชนิดตามระดับที่เขาได้รับมา
คำอธิบายฺ
ทุกคนมีความศรัทธาบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ความศรัทธาพิจารณาว่าอยู่ในความดี ตัณหา หรืออวิชชา ตามธรรมชาติที่ตนได้รับมา ดังนั้น ตามความศรัทธาโดยเฉพาะนี้เราจึงมาคบหากับบุคคลบางประเภท ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทที่สิบห้า ความจริงคือ ทุก ๆ ชีวิตเดิมทีเป็นละอองอณูขององค์ภควาน ฉะนั้น เดิมทีตัวเราเป็นทิพย์อยู่เหนือระดับแห่งธรรมชาติวัตถุทั้งหลาย แต่เมื่อลืมความสัมพันธ์กับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าและมาสัมผัสกับธรรมชาติวัตถุในพันธชีวิต ก่อให้เกิดสถานภาพของตัวเองด้วยการมาคบหาสมาคมกับธรรมชาติวัตถุระดับต่าง ๆ ผลแห่งความศรัทธาและความเป็นอยู่ที่ผิดธรรมชาติเป็นเพียงวัตถุเท่านั้น ถึงแม้อาจปฏิบัติตามความรู้สึกว่าประทับใจบางอย่าง หรือตามแนวคิดชีวิตบางอย่าง เดิมทีตัวเราเป็น นิรกุณะฺ หรือเป็นทิพย์ ดังนั้น ต้องชะล้างมลทินทางวัตถุที่ครอบงำตัวเราเพื่อจะได้รับความสัมพันธ์ที่มีต่อองค์ภควานกลับคืนมา ซึ่งเป็นวิถีทางเดียวที่จะกลับคืนไปโดยไม่มีความกลัว และนั่นคือคริชณะจิตสำนึก หากสถิตในคริชณะจิตสำนึกวิถีทางนี้รับประกันได้ในการพัฒนาไปสู่ระดับแห่งความสมบูรณ์ หากไม่ปฏิบัติตามวิธีเพื่อการรู้แจ้งแห่งตนนี้ แน่นอนว่าเราจะต้องประพฤติตนภายใต้อิทธิพลของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติ
คำว่า ชรัดฺดาฺ หรือ “ศรัทธา” มีความสำคัญมากในโศลกนี้ ชรัดฺดาฺ หรือความศรัทธาเดิมทีออกมาจากระดับความดี ความศรัทธาของเราอาจมีอยู่ในเทวดาในพระเจ้าบางองค์ที่สร้างขึ้นมา หรือในการคาดคะเนทางจิตบางอย่าง ความศรัทธาอันแน่วแน่ถือว่าเป็นผลผลิตของระดับความดีทางวัตถุ แต่ในสภาวะชีวิตวัตถุไม่มีงานใดที่มีความบริสุทธิ์โดยสมบูรณ์ มันจะเป็นการผสมผสานซึ่งไม่ใช่ความดีบริสุทธิ์ความดีบริสุทธิ์เป็นทิพย์ ในความดีบริสุทธิ์เราสามารถเข้าใจธรรมชาติอันแท้จริงของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ตราบใดที่ความศรัทธาไม่อยู่ในความดีบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ความศรัทธาอยู่ภายใต้มลทินจากหนึ่งในระดับของธรรมชาติวัตถุ ระดับอันเป็นมลทินของธรรมชาติวัตถุแผ่ขยายไปถึงหัวใจ ฉะนั้น ตามสถานภาพของหัวใจในการที่มาสัมผัสกับระดับแห่งธรรมชาติวัตถุโดยเฉพาะของตน ความศรัทธาจึงมั่นคง ควรเข้าใจว่าหากหัวใจอยู่ในระดับความดีความศรัทธาของเราก็อยู่ในระดับความดีเช่นกัน หากหัวใจอยู่ในระดับตัณหาความศรัทธาของเราก็อยู่ในระดับตัณหาเช่นกัน และหากหัวใจอยู่ในระดับความมืด ความหลง ความศรัทธาของเราก็เป็นมลทินเช่นเดียวกัน ดังนั้น เราพบความศรัทธาต่าง ๆ ในโลกนี้ และมีศาสนาต่าง ๆ เนื่องมาจากความศรัทธาที่แตกต่างกัน หลักธรรมอันแท้จริงของความศรัทธาแห่งศาสนาสถิตในระดับความดีบริสุทธิ์ แต่เนื่องจากหัวใจที่แปดเปื้อนเราจึงพบหลักธรรมศาสนาที่แตกต่างกัน ดังนั้น ตามความศรัทธาในระดับต่าง ๆ จึงมีการบูชาที่แตกต่างกัน
ยะจันเท สาททวิคา เดวาน
ยัคชะ-รัคชามสิ ราจะสาฮฺ
เพรทาน บํูทะ-กะณามช ชานเย
ยะจันเท ทามะสา จะนาฮฺ
ยะจันเทฺ - บูชา, สาททวิคาฮฺ - พวกที่อยู่ในระดับความดี, เดวานฺ - เหล่าเทวดา, ยัคชะ- รัคชามสิฺ - เหล่ามาร, ราจะสาฮฺ - พวกที่อยู่ในระดับตัณหา, เพรทานฺ - ดวงวิญญาณของผู้ตาย, บํูทะ-กะณานฺ - ภูตผี, ชะฺ - และ, อันเยฺ - สิ่งอื่น ๆ, ยะจันเทฺ - บูชา, ทามะสาฮฺ - ในระดับอวิชชา, จะนาฮฺ - ผู้คน
คำแปลฺ
มนุษย์ในระดับความดีบูชาเทวดา พวกที่อยู่ในระดับตัณหาบูชามาร และพวกที่อยู่ในระดับอวิชชาบูชาภูตผีและดวงวิญญาณ
คำอธิบายฺ
โศลกนี้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงอธิบายผู้บูชาต่าง ๆ ตามกิจกรรมภายนอก ตามคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้นที่ควรได้รับการบูชา แต่พวกที่ไม่ศรัทธาหรือไม่รอบรู้คำสั่งสอนของพระคัมภีร์มากนักจะบูชาสิ่งต่าง ๆ ตามสถานภาพโดยเฉพาะของตนในระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติวัตถุ พวกที่สถิตในความดีโดยทั่วไปบูชาเทวดา รวมทั้งพระพรหม พระศิวะ และองค์อื่น ๆ เช่นพระอินทร์ พระจันทร์ และพระอาทิตย์ มีเทวดามากมาย พวกที่อยู่ในความดีบูชาเทวดาเฉพาะองค์เพื่อจุดมุ่งหมายโดยเฉพาะ พวกที่อยู่ในระดับตัณหาบูชามาร เราจำได้ว่าระหว่างสงครามโลกครั้งที่สองชายผู้หนึ่งที่กัลกัตตาบูชาฮิตเล่อร์ ด้วยขอบคุณสงครามที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลกับการทำธุรกิจในตลาดมืด ในทำนองเดียวกัน พวกที่อยู่ในระดับตัณหาและอวิชชาโดยทั่วไปจะเลือกมนุษย์ผู้มีอำนาจเป็นพระเจ้า โดยคิดว่าบูชาผู้ใดในฐานะที่เป็นพระเจ้าก็ได้ แล้วจะบรรลุผลเช่นเดียวกัน
ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่า พวกที่อยู่ในระดับตัณหาบูชาและสร้างเทพเหล่านี้ พวกที่อยู่ในระดับอวิชชา ในความมืด บูชาดวงวิญญาณที่ตายไปแล้ว บางครั้งผู้คนบูชาสุสานของคนตาย การบริการทางเพศพิจารณาว่าอยู่ในระดับความมืดเช่นเดียวกัน ในทำนองเดียวกัน หมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลในประเทศอินเดียมีคนบูชาภูตผี เราพบว่าในประเทศอินเดียชนชั้นที่ต่ำบางครั้งไปในป่า และหากรู้ว่ามีผีอยู่ในต้นไม้ ก็จะบูชาต้นไม้และถวายเครื่องสังเวย การบูชาต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ใช่เป็นการบูชาองค์ภควานที่แท้จริง การบูชาองค์ภควานมีไว้สำหรับบุคคลที่สถิตในระดับทิพย์อยู่ในความดีบริสุทธิ์ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ (4.3.23) กล่าวไว้ว่า สัททวัม วิชุดดัฺม วะสุเดวะ-ชับดิทัมฺ “เมื่อมนุษย์สถิตในความดีบริสุทธิ์ เขาจะบูชาวาสุเดวะ” คำแปลคือ พวกที่บริสุทธิ์จากระดับแห่งธรรมชาติวัตถุโดยสมบูรณ์ และสถิตในระดับทิพย์จะบูชาองค์ภควาน
พวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ถือว่าสถิตในระดับความดี และบูชาเทวดาห้าประเภทคือบูชาองค์วิชณุที่ไร้รูปลักษณ์ในรูปของโลกวัตถุซึ่งรู้กันในชื่อปรัชญาวิชณุ พระวิชณุทรงเป็นภาคแบ่งแยกขององค์ภควาน แต่พวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ เนื่องจากในที่สุดไม่เชื่อในบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า และจินตนาการว่ารูปลักษณ์ของพระวิชณุเหมือนอีกแง่มุมหนึ่งของ บระฮมันฺ ที่ไร้รูปลักษณ์ ในทำนองเดียวกัน พวกนี้จะจินตนาการว่าพระพรหมก็ไร้รูปลักษณ์และอยู่ในระดับตัณหาทางวัตถุ บางครั้งพวกเขาอธิบายถึงเทพห้าประเภทที่บูชาได้ แต่เนื่องจากคิดว่าสัจธรรมคือ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ จึงกำจัดรูปบูชาออกทั้งหมดในตอนจบ ข้อสรุปคือ คุณลักษณะต่าง ๆ ของระดับแห่งธรรมชาติวัตถุสามารถทำให้บริสุทธิ์ได้จากการมาคบหาสมาคมกับบุคคลผู้อยู่ในธรรมชาติทิพย์
อชาสทระ-วิฮิทัม โกฺรัม
ทัพยันเท เย ทะโพ จะนาฮฺ
ดัมบฺาฮังคาระ-สัมยุคทาฮ
คามะ-รากะ-บะลานวิทาฮฺ
คารชะยันทะฮ ชะรีระ-สทัฺม
บํูทะ-กรามัม อเชทะสะฮฺ
มาม ไชวานทะฮ ชะรีระ-สทัฺม
ทาน วิดดิฺ อาสุระ-นิชชะยานฺ
อชาสทระฺ - ไม่อยู่ในพระคัมภีร์, วิฮิทัมฺ - ชี้นำ, โกฺรัมฺ - เป็นภัยต่อผู้อื่น, ทัพยันเทฺ - ปฏิบัติ, เยฺ - เขาเหล่านั้น, ทะพะฮฺ - สมถะ, จะนาฮฺ - บุคคล, ดัมบฺะฺ - ด้วยความยโส, อฮังคาระฺ - และอหังการ, สัมยุคทาฮฺ - ปฏิบัติ, คามะฺ - ราคะ, รากะฺ - และยึดติด, บะละฺ - ด้วยพลัง. อันวิทาฮฺ - มนต์สะกด, คารชะยันทะฮฺ - ทรมาน, ชะรีระ-สทัฺมฺ - สถิตภายในร่างกาย, บํูทะ-กรามัมฺ - การรวมตัวกันของธาตุวัตถุ, อเชทะสะฮฺ - มีความคิดที่นำไปในทางที่ผิด, มามฺ - ข้า, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, อันทะฮฺ - ภายใน, ชะรีระ-สทัฺมฺ - สถิตในร่างกาย, ทานฺ - พวกเขา, วิดดิฺฺ - เข้าใจ, อาสุระฺ - นิชชะยานฺ - เหล่ามาร
คำแปลฺ
พวกที่ปฏิบัติสมถะและบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดโดยที่ไม่ได้แนะนำไว้ในพระคัมภีร์ ปฏิบัติด้วยความยโสและมีอหังการ ผู้อยู่ภายใต้มนต์สะกดของราคะและการยึดติด ผู้ที่โง่เขลาและทรมานธาตุวัตถุของร่างกาย พร้อมทั้งทรมานองค์อภิวิญญาณผู้ทรงประทับอยู่ภายใน จงรู้ว่าพวกนี้เป็นมาร
คำอธิบายฺ
มีบุคคลผู้ผลิตวิธีปฏิบัติสมถะและบำเพ็ญเพียรซึ่งไม่ได้กล่าวไว้ในคำสอนของพระคัมภีร์ตัวอย่างคือการอดอาหารเพื่อจุดมุ่งหมายอย่างอื่น เพื่อให้ได้ตำแหน่งทางการเมืองซึ่งไม่แนะนำไว้ในคำสอนของพระคัมภีร์ แต่แนะนำให้อดอาหารเพื่อความเจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองหรือจุดมุ่งหมายทางสังคมบุคคลผู้ปฏิบัติสมถะเช่นนี้ ตาม ภควัต-คีตาฺ ถือว่าเป็นมารอย่างแน่นอน การกระทำของเขาฝ่าฝืนคำสั่งสอนของพระคัมภีร์และจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับผู้คนโดยทั่วไป อันที่จริง พวกนี้ปฏิบัติด้วยความยโส มีอหังการ มีราคะและยึดติดกับความรื่นเริงทางวัตถุจากกิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่การรวมตัวกันของธาตุวัตถุซึ่งได้สร้างร่างกายนี้ขึ้นมาถูกรบกวน แต่องค์ภควานเองผู้ทรงประทับอยู่ภายในร่างกายก็ถูกรบกวนเช่นกัน การอดอาหารหรือการปฏิบัติสมถะที่ไม่น่าเชื่อถือเช่นนี้ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แน่นอนว่าทำให้ผู้อื่นเดือนร้อนเป็นอย่างมากซึ่งไม่ได้แนะนำไว้ในวรรณกรรมพระเวท คนมารอาจคิดว่าสามารถบังคับศัตรูของตนหรือพรรคอื่นให้ทำตามความปรารถนาของตนด้วยวิธีนี้ แต่บางครั้งตัวเองตายจากการอดอาหาร การกระทำเช่นนี้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าไม่ทรงอนุญาต พระองค์ตรัสว่าพวกที่กระทำเช่นนี้เป็นมาร การแสดงเช่นนี้เป็นการดูหมิ่นองค์ภควาน เพราะเกี่ยวเนื่องกับการไม่เชื่อฟังตามคำสั่งสอนของคัมภีร์พระเวท คำว่า อเชทะสะฮฺ มีความสำคัญในประเด็นนี้ บุคคลผู้มีสภาวะทางจิตปกติต้องเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ พวกที่ไม่อยู่ในสภาวะเช่นนี้ปฏิเสธและไม่เชื่อฟังพระคัมภีร์ ผลิตวิธีสมถะและบำเพ็ญเพียรของตนเองขึ้นมา เราควรจำจุดมุ่งหมายสูงสุดของพวกมารไว้เสมอ ดังที่ได้อธิบายในบทก่อนหน้านี้ องค์ภควานทรงบังคับพวกเขาให้เกิดในครรภ์ของมาร ดังนั้นจึงใช้ชีวิตตามหลักมารชาติแล้วชาติเล่าโดยไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า อย่างไรก็ดี ถ้าหากบุคคลเหล่านี้โชคดีพอที่ได้รับคำชี้นำจากพระอาจารย์ทิพย์ผู้สามารถนำพาให้ไปสู่วิถีทางแห่งปัญญาพระเวท พวกเขาสามารถออกจากพันธนาการนี้และในที่สุดบรรลุถึงจุดมุ่งหมายสูงสุด
อาฮารัส ทุ อพิ สารวัสยะ
ทริ-วิโดฺ บฺะวะทิ พริยะฮฺ
ยะกยัส ทะพัส ทะทฺา ดานัม
เทชาม เบฺดัม อิมัม ชริณฺุ
อาฮาระฮฺ - การกิน, ทฺุ - แน่นอน, อพิฺ - เช่นกัน, สารวัสยะฺ - ของทุกคน, ทริ-วิดฺะฮฺ - ของสามประเภท, บฺะวะทิฺ - มี, พริยะฮฺ - ชอบ, ยะกยะฮฺ - การบูชา, ทะพะฮฺ - สมถะ, ทะทฺาฺ - เช่นกัน, ดานัมฺ - การให้ทาน, เทชามฺ - ของพวกเขา, เบฺดัมฺ - ข้อแตกต่าง, เบฺดัมฺ - ข้อแตกต่าง, อิมัมฺ - นี้, ชริณฺุ - สดับฟัง
คำแปลฺ
แม้แต่อาหารที่แต่ละคนชอบก็มีอยู่สามประเภท ตามสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ และเป็นจริงเช่นเดียวกับการบูชา ความสมถะ และการให้ทาน บัดนี้ จงสดับฟังข้อแตกต่างเหล่านี้
คำอธิบายฺ
เกี่ยวกับสถานการณ์ที่แตกต่างกันในระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติวัตถุ มีข้อแตกต่างในลักษณะการรับประทานและการปฏิบัติพิธีบูชา ความสมถะ และการให้ทาน ผู้คนไม่ได้ปฏิบัติในระดับเดียวกัน บุคคลผู้เข้าใจในเชิงวิเคราะห์ว่า การปฏิบัติเช่นไรจะอยู่ในระดับไหนของธรรมชาติวัตถุ เป็นผู้ที่มีปัญญาโดยแท้จริง พวกที่พิจารณาว่าพิธีบูชา อาหาร หรือการให้ทานทั้งหมดเหมือนกัน โดยไม่สามารถแยกแยะบุคคลเหล่านี้โง่เขลา มีพวกนักสอนศาสนาที่ประกาศว่า เราสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบแล้วจะบรรลุถึงความสมบูรณ์ การแนะนำโง่ ๆ เช่นนี้มิได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระคัมภีร์พวกนี้ผลิตวิธีการขึ้นมาเองและนำผู้คนโดยทั่วไปไปในทางที่ผิด
อายุฮ-สัททวะ-บะลาโรกยะ-
สุคฺะ-พรีทิ-วิวารดฺะนาฮฺ
รัสยาฮ สนิกดฺาฮ สทิฺรา ฮริดยา
อาฮาราฮ สาททวิคะ-พริยาฮฺ
อายุฮฺ - อายุของชีวิต, สัททวะฺ - เป็นอยู่, บะละฺ - พลัง, อาโรกยะฺ - สุขภาพ, สุคฺะฺ - ความสุข, พรีทิฺ - และความพึงพอใจ, วิวารดฺะนาฮฺ - เพิ่มพูน, รัสยาฮฺ - ชุ่มฉ่ำ, สนิกดฺาฮฺ - อุดมสมบูรณ์ (มีไขมัน), สทิฺราฮฺ - ทนทาน, ฮริดยาฮฺ - เป็นที่ชื่นชอบของหัวใจ, อาฮาราฮฺ - อาหาร, สาททวิคะฺ - ของผู้ที่อยู่ในความดี, พริยาฮฺ - เอร็ดอร่อย
คำแปลฺ
อาหารซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของผู้อยู่ในระดับความดี ทำให้อายุยืน ความเป็นอยู่บริสุทธิ์ขึ้น ให้พลัง ทำให้สุขภาพดี มีความสุข และมีความพึงพอใจ อาหารประเภทนี้ชุ่มฉ่ำ อุดมสมบูรณ์ (มีไขมัน) บริสุทธิ์ และเป็นที่ชื่นชอบของหัวใจ
คะทุ-อัมละ-ละวะณาทิ-อุชณะ-
ทีคชณะ-รูคชะ-วิดาฮินะฮฺ
อาฮารา ราจะสัสเยชทา
ดุฮคฺะ-โชคามะยะ-พระดาฮฺ
คะทฺุ - ขม, อัมละฺ - เปรี้ยว, ละวะณะฺ - เค็ม, อทิ-อุชณะฺ - เผ็ดมาก, ทีคชณะฺ - ฉุน, รูคชะฺ - แห้ง, วิดาฮินะฮฺ - เผาไหม้, อาฮาราฮฺ - อาหาร, ราจะสัสยะฺ - ของผู้อยู่ในระดับตัณหา, อิชทาฮฺ - เอร็ดอร่อย, ดุฮคฺะฺ - ความทุกข์, โชคะฺ - ความโศก, อามะยะฺ - เชื้อโรค, พระดาฮฺ - ก่อให้เกิด
คำแปลฺ
อาหารที่มีรสชาติเหล่านี้มากเกินไป เช่น ขม เปรี้ยว เค็ม เผ็ด ฉุน แห้ง และเผาไหม้ เป็นที่ชื่นชอบของพวกที่อยู่ในระดับตัณหา อาหารเช่นนี้ก่อให้เกิดความทุกข์ ความโศก และโรคภัยไข้เจ็บ
ยาทะ-ยามัม กะทะ-ระสัม
พูทิ พารยุชิทัม ชะ ยัทฺ
อุชชิฺชทัม อพิ ชาเมดฺยัม
โบฺจะนัม ทามะสะ-พริยัมฺ
ยาทะ-ยามัมฺ - อาหารที่ปรุงสามชั่วโมงก่อนรับประทาน, กะทะ-ระสัมฺ - ไม่มีรสชาติ, พูทิฺ - กลิ่นเหม็น, พารยุชิทัมฺ - เน่า, ชะฺ - เช่นกัน, ยัทฺ - ที่ซึ่ง, อุชชิฺชทัมฺ - อาหารที่ผู้อื่นกินเหลือ, อพิฺ - เช่นกัน, ชะฺ - และ, อเมดฺยัมฺ - ไม่น่าแตะต้อง, โบฺจะนัมฺ - การกิน, ทามะสะฺ - ของผู้ที่อยู่ในระดับความมืด, พริยัมฺ - ชื่นชอบ
คำแปลฺ
อาหารที่ปรุงเกินกว่าสามชั่วโมงก่อนรับประทาน อาหารที่ไม่มีรสชาติ เน่า และบูด อาหารที่ประกอบไปด้วยของเหลือ และสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง เป็นที่ชื่นชอบของพวกที่อยู่ในระดับแห่งความมืด
คำอธิบายฺ
จุดมุ่งหมายของอาหารคือทำให้อายุยืน จิตใจบริสุทธิ์ขึ้น และช่วยให้ร่างกายมีพลังเหล่านี้คือจุดมุ่งหมายหลัก ในอดีต บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่เชื่อถือได้ ได้คัดเลือกอาหารว่าดีที่สุดในการช่วยให้สุขภาพดีและทำให้อายุยืน นั่นคือ ผลิตภัณฑ์นม น้ำตาล ข้าวข้าวสาลีแท้ ผลไม้ และผักต่าง ๆ อาหารเหล่านี้เป็นที่ชื่นชอบมากของพวกที่อยู่ในระดับความดี อาหารอื่น ๆ เช่น ข้าวโพดอบ และน้ำตาล ไม่อร่อยมากนักในตัวมันเอง แต่สามารถทำให้เป็นที่ชื่นชอบได้เมื่อผสมกับนมหรืออาหารอื่น ๆ ก็อยู่ในระดับความดีเช่นกัน ทั้งหมดนี้บริสุทธิ์โดยธรรมชาติแตกต่างจากสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง เช่น เนื้อสัตว์และสุรา อาหารที่มีไขมัน ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกแปด ไม่เกี่ยวข้องกับไขมันสัตว์ที่ได้มาจากการฆ่าสัตว์ ไขมันสัตว์หาได้ในรูปของนมซึ่งเป็นอาหารที่อัศจรรย์ที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหลาย นม เนย ชีส และผลิตภัณฑ์ในประเภทเดียวกันนี้ให้ไขมันสัตว์ ในรูปที่ไม่จำเป็นต้องไปฆ่าสิ่งมีชีวิตผู้บริสุทธิ์ ด้วยจิตใจที่เหี้ยมโหดแท้ ๆ ที่ทำให้การเข่นฆ่าเช่นนี้ดำเนินต่อไป วิธีที่ศิวิไลในการได้มาซึ่งไขมันที่จำเป็นคือจากนม การฆ่าสัตว์เป็นวิธีของพวกที่ต่ำกว่ามนุษย์ โปรตีนมีอยู่มากมายในถั่วกะเทาะ ดาล ข้าวสาลีแท้ (โฮลวีท) ฯลฯ
อาหารในระดับตัณหาซึ่งขมจัด เค็มจัด เผ็ดจัด หรือผสมกับพริกแดงมากเกินไป ทำให้เกิดความทุกข์เนื่องจากลดน้ำย่อยในกระเพาะ และนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บอาหารในระดับอวิชชาหรือความมืดส่วนใหญ่เป็นจำพวกที่ไม่สด อาหารที่ปรุงนานกว่าสามชั่วโมงก่อนรับประทาน (ยกเว้นพระสาดัมอาหารที่ถวายให้คริชณะแล้ว) พิจารณาว่าอยู่ในระดับความมืด เพราะว่าเน่า บูด อาหารเหล่านี้ส่งกลิ่นเหม็นซึ่งผู้คนในระดับนี้ชอบ แต่เป็นที่น่ารังเกียจของผู้ที่อยู่ในระดับความดี
อาหารเหลือที่ถวายให้คริชณะแล้ว หรือถวายให้นักบุญโดยเฉพาะพระอาจารย์ทิพย์รับประทานได้ นอกนั้นอาหารเหลือถือว่าอยู่ในระดับความมืด จะทำให้ป่วยเป็นโรค อาหารเหล่านี้ถึงแม้เป็นที่ชื่นชอบมากสำหรับบุคคลในระดับความมืด พวกที่อยู่ในระดับความดีจะไม่ชอบและไม่แตะต้อง อาหารที่ดีที่สุดคืออาหารที่เหลือหลังจากถวายให้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ใน ภควัต-คีตาฺ องค์ภควานตรัสว่า พระองค์จะทรงรับอาหารที่ปรุงมาจาก ผัก แป้ง และนม เมื่อถวายด้วยการอุทิศตนเสียสละ พัท รัม พุชพัม พฺะลัม โทยัมฺ แน่นอนว่าการอุทิศตนเสียสละและความรักเป็นสิ่งสำคัญที่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงยอมรับ แต่ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า พระสาดัมฺ มีวิธีปรุงโดยเฉพาะ อาหารที่ปรุงตามคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ และถวายให้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า รับประทานได้แม้จะปรุงไว้นานแล้วเพราะเป็นอาหารทิพย์ ฉะนั้น การทำให้อาหารปลอดเชื้อโรคและเป็นที่เอร็ดอร่อยสำหรับทุก ๆ คน เราควรถวายอาหารนั้นแด่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าก่อนที่เราจะรับประทาน
อพฺะลาคางคชิบิฺร ยะกโย
วิดิฺ-ดิชโท ยะ อิจยะเทฺ
ยัชทัพยัม เอเวทิ มะนะฮ
สะมาดฺายะ สะ สาททวิคะฮฺ
อพฺะละ-อาคางคชิบิฺฮฺ - โดยพวกที่ปราศจากความปรารถนาผล, ยะกยะฮฺ - การบูชา, วิดิฺ-ดิชทะฮฺ - ตามคำแนะนำของพระคัมภีร์, ยะฮฺ - ซึ่ง, อิจยะเทฺ - ปฏิบัติ, ยัชทัพยัมฺ - ต้องปฏิบัติ, เอวะฺ - แน่นอน, อิทิฺ - ดังนั้น, มะนะฮฺ - จิตใจ, สะมาดฺายะฺ - ตั้งมั่น, สะฮฺ - มัน, สาททวิคะฮฺ - ในระดับความดี
คำแปลฺ
เกี่ยวกับการบูชา การบูชาที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของพระคัมภีร์ ทำไปตามหน้าที่โดยไม่ปรารถนารางวัล อยู่ในธรรมชาติแห่งความดี
คำอธิบายฺ
แนวโน้มโดยทั่วไปจะถวายการบูชาด้วยมีจุดมุ่งหมายบางอย่างอยู่ในใจ แต่ ณที่นี้ได้กล่าวไว้ว่า การบูชาควรปฏิบัติโดยไม่มีความปรารถนาเช่นนี้ การบูชาควรปฏิบัติไปตามหน้าที่ ตัวอย่างเช่น การปฏิบัติพิธีต่าง ๆ ในวัดหรือในโบสถ์ โดยทั่วไปปฏิบัติด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุ นั่นไม่ใช่ระดับความดี เราควรไปวัดหรือไปโบสถ์ตามหน้าที่เพื่อถวายความเคารพแด่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ถวายดอกไม้ และภัตตาหาร ทุกคนจะคิดว่าไม่มีประโยชน์ในการไปวัดเพียงเพื่อบูชาองค์ภควาน แต่การบูชาเพื่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจไม่ได้แนะนำไว้ในคำสอนของพระคัมภีร์ เราควรไปวัดหรือไปโบสถ์เพียงเพื่อถวายความเคารพแด่พระปฏิมา เช่นนี้จะสถิตเราให้อยู่ในระดับความดี เป็นหน้าที่ของมนุษย์ผู้มีความศิวิไลทุกคนที่ต้องเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระคัมภีร์และถวายความเคารพแด่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า
อบิฺสันดฺายะ ทะ พฺะลัม
ดัมบฺารทัฺม อพิ ไชวะ ยัทฺ
อิจยะเท บฺะระทะ-ชเรชทฺะ
ทัม ยะกยัม วิดดิฺ ราจะสัมฺ
อบิฺสันดฺายะฺ - ความปรารถนา, ทฺุ - แต่, พฺะลัมฺ - ผล, ดัมบฺะฺ - ความยโส, อารทัฺมฺ - เพื่อประโยชน์ของ, อพิฺ - เช่นกัน, ชะฺ - และ, เอวะฺ - แน่นอน, ยัทฺ - นั้นซึ่ง, อิจยะเทฺ - ปฏิบัติ, บฺะระทะ-ชเรชทฺะฺ - โอ้ ผู้นำแห่งบฺาระทะ, ทัมฺ - นั้น, ยะกยัมฺ - การบูชา, วิดดิฺฺ - รู้, ราจะสัมฺ - ในระดับตัณหา
คำแปลฺ
การบูชาทำไปเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุบางประการ หรือทำไปด้วยความยโส โอ้ผู้นำแห่งบฺาระทะ เธอควรรู้ว่าอยู่ในระดับตัณหา
คำอธิบายฺ
บางครั้งการบูชาและพิธีบวงสรวงปฏิบัติเพื่อพัฒนาไปสู่อาณาจักรสวรรค์หรือเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุบางอย่างในโลกนี้ การปฏิบัติพิธีบูชาหรือบวงสรวงเช่นนี้พิจารณาว่าอยู่ในระดับตัณหา
วิดิฺ-ฮีนัม อัสริชทานนัม
มันทระ-ฮีนัม อดัคชิณัมฺ
ชรัดดฺา-วิระฮิทัม ยะกยัม
ทามะสัม พะริชัคชะเทฺ
วิดิฺ-ฮีนัมฺ - ปราศจากการชี้นำจากพระคัมภีร์, อัสริชทะ-อันนัมฺ - ไม่มีการแจกจ่ายพระ- สาดัมฺ, มันทระ-ฮีนัมฺ - ไม่มีการสวดบทมนต์พระเวท, อดัคชิณัมฺ - ไม่มีการทำบุญให้นักบวช, ชรัดดฺาฺ - ความศรัทธา, วิระฮิทัมฺ - ปราศจาก, ยะกยัมฺ - การบูชา, ทามะสัมฺ - ในระดับอวิชชา, พะริชัดชะเทฺ - พิจารณาว่า
คำแปลฺ
การบูชาใด ๆ ทำไปโดยไม่คำนึงถึงคำแนะนำจากพระคัมภีร์ ไม่มีการแจกพระ-สาดัม (อาหารทิพย์) ไม่มีการสวดบทมนต์พระเวท ไม่ทำบุญให้นักบวช และไม่มีความศรัทธา พิจารณาว่าอยู่ในระดับอวิชชา
คำอธิบายฺ
ศรัทธาในระดับความมืดหรืออวิชชา อันที่จริงไม่มีศรัทธา บางครั้งผู้คนบูชาเทวดาบางองค์เพียงเพื่อหาเงิน และใช้เงินนั้นไปเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่สนใจกับคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ พิธีกรรมทางศาสนาที่แสดงออกมาเช่นนี้ไม่ยอมรับว่ามีความจริงใจ พวกเขาทั้งหมดอยู่ในระดับความมืด ผลิตแนวคิดมารออกมา และไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมมนุษย์
เดวะ-ดวิจะ-กุรุ-พรากยะ-
พูจะนัม โชชัม อารจะวัมฺ
บระฮมะชารยัม อฮิมสา ชะ
ชารีรัม ทะพะ อุชยะเทฺ
เดวะฺ - ขององค์ภควาน, ดวิจะฺ - พราหมณ์, กุรฺุ - พระอาจารย์ทิพย์, พรากยะฺ - และบุคคลผู้ควรบูชา, พูจะนัมฺ - บูชา, โชชัมฺ - ความสะอาด, อารจะวัมฺ - ความเรียบง่าย, บระฮมะ ชารยัมฺ - พรหมจรรย์, อฮิมสาฺ - ไม่เบียดเบียน, ชะฺ - เช่นกัน, ชารีรัมฺ - เกี่ยวกับร่างกาย, ทะพะฮ-สมถะฺ, อุชยะเทฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
ความสมถะของร่างกายประกอบด้วยการบูชาองค์ภควาน บูชาพราหมณ์ บูชาพระอาจารย์ทิพย์ และบูชาบุพการี เช่น บิดา มารดา มีความสะอาด เรียบง่ายถือพรหมจรรย์ และไม่เบียดเบียน
คำอธิบายฺ
ณ ที่นี้ องค์ภควานทรงอธิบายถึงความสมถะและการบำเพ็ญเพียรต่าง ๆ ข้อแรกทรงอธิบายถึงการปฏิบัติสมถะและการบำเพ็ญเพียรของร่างกายว่า เราควรถวายหรือเรียนรู้ในการถวายความเคารพต่อองค์ภควาน หรือต่อเทวดา พราหมณ์ผู้ทรงคุณวุฒิที่สมบูรณ์ และพระอาจารย์ทิพย์ พร้อมทั้งบุพการี เช่น บิดา มารดา หรือบุคคลผู้เชี่ยวชาญในความรู้พระเวท บุคคลเหล่านี้ควรได้รับความเคารพอย่างเหมาะสม เราควรปฏิบัติทำความสะอาดตนเองทั้งภายนอกและภายใน และควรเรียนรู้ให้เป็นคนที่มีความประพฤติเรียบง่าย ไม่ควรทำในสิ่งที่คำสอนของพระคัมภีร์ไม่อนุญาต และไม่ควรปล่อยอารมณ์ไปในเพศสัมพันธ์ที่นอกเหนือไปจากชีวิตสมรส เนื่องจากพระคัมภีร์อนุญาตเพศสัมพันธ์ให้เฉพาะคู่สมรสเท่านั้น เช่นนี้เรียกว่าถือพรหมจรรย์ สิ่งเหล่านี้คือการบำเพ็ญเพียรและความสมถะสำหรับร่างกาย
อนุดเวกะ-คะรัม วาคยัม
สัทยัม พริยะ-ฮิทัม ชะ ยัทฺ
สวาดฺยายาบฺยะสะนัม ไชวะ
วาง-มะยัม ทะพะ อุชยะเทฺ
อนุดเวกะ-คะรัมฺ - ไม่เร่าร้อน, วาคยัมฺ - คำพูด, สัทยัมฺ - สัจจะ, พริยะฺ - รัก, ฮิทัมฺ - เป็นประโยชน์, ชะฺ - เช่นกัน, ยัทฺ - ซึ่ง, สวาดฺยายะฺ - ของการศึกษาพระเวท, อับฺยะสะนัมฺ - ปฏิบัติ, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, วาค-มะยัมฺ - ของเสียง, ทะพะฮฺ - ความสมถะ, อุชยะ เทฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
ความสมถะในการพูดประกอบด้วยคำพูดที่เป็นสัจจะ รื่นหู เป็นประโยชน์ ไม่ทำให้ผู้อื่นเร่าร้อน และท่องวรรณกรรมพระเวทสม่ำเสมอ
คำอธิบายฺ
เราไม่ควรพูดสิ่งที่จะทำให้จิตใจของผู้อื่นเร่าร้อน แน่นอนว่าเมื่อครูพูด ท่านสามารถพูดความจริงเพื่อสั่งสอนศิษย์ แต่ครูไม่ควรพูดกับผู้ที่ไม่ใช่ศิษย์ของตน หากจะทำให้จิตใจของพวกเขาเร่าร้อน นี่คือการบำเพ็ญเพียรในการพูด นอกจากนั้นเราไม่ควรพูดสิ่งที่ไร้สาระ วิธีการพูดในสังคมทิพย์คือพูดสิ่งที่พระคัมภีร์สนับสนุน เราควรอ้างอิงพระคัมภีร์ที่เชื่อถือได้ในทันทีเพื่อสนับสนุนสิ่งที่ได้พูดไปในขณะเดียวกัน การสนทนาควรให้เป็นที่รื่นหู จากการสนทนากันเช่นนี้ เราอาจได้รับผลประโยชน์สูงสุด และจะช่วยพัฒนาสังคมมนุษย์ มีวรรณกรรมพระเวทมากมายมหาศาลที่ควรศึกษา เช่นนี้ เรียกว่าการบำเพ็ญเพียรในการพูด
มะนะฮ-พระสาดะฮ สะอุมยัทวัม
โมนัม อาทมะ-วินิกระฮะฮฺ
บฺาวะ-สัมชุดดิฺร อิทิ เอทัท
ทะโพ มานะสัม อุชยะเทฺ
มะนะฮ-พระสาดะฮฺ - ความพึงพอใจของจิต, สะอุมยัทวัมฺ - ไม่ตีสองหน้ากับผู้อื่น, โมนัมฺ - ความจริงจัง, อาทมะฺ - ของตัวเขา, วินิกระฮะฮฺ - ควบคุม, บฺาวะฺ - ธรรมชาติของตน, สัม- ชุดดิฺฮฺ - ความบริสุทธิ์, อิทิฺ - ดังนั้น, เอทัทฺ - นี้, ทะพะฮฺ - ความสมถะ, มานะสัมฺ - ของจิต, อุชยะเทฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
มีความพึงพอใจ เรียบง่าย จริงจัง ควบคุมตนเองได้ และมีความบริสุทธิ์ในชีวิตความเป็นอยู่ เป็นความสมถะของจิตใจ
คำอธิบายฺ
การทำให้จิตใจมีความสมถะ คือ ไม่ให้จิตใจไปยึดติดกับการสนองประสาทสัมผัส จิตใจควรได้รับการฝึกฝนจนสามารถคิดถึงการทำดีต่อผู้อื่นอยู่เสมอ วิธีการฝึกฝนจิตใจที่ดีที่สุดคือ มีความจริงจังในความคิด ไม่ควรเบี่ยงเบนจากคริชณะจิตสำนึกและต้องหลีกเลี่ยงการสนองประสาทสัมผัสอยู่เสมอ การทำให้ธรรมชาติของตนเองบริสุทธิ์คือมีคริชณะจิตสำนึก ความพึงพอใจของจิตบรรลุได้ด้วยเพียงแต่นำจิตใจออกห่างจากความคิดเพื่อรื่นรมย์ทางประสาทสัมผัส หากเราคิดถึงแต่ความรื่นรมย์ทางประสาทสัมผัสมากเท่าไร จิตใจก็จะไม่มีความพึงพอใจมากเท่านั้น ในยุคปัจจุบัน เราใช้จิตใจไปในหลาย ๆ ทางเพื่อสนองประสาทสัมผัสโดยไม่จำเป็น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จิตใจจะมีความพึงพอใจ วิธีที่ดีที่สุดคือหันเหจิตใจมาที่คัมภีร์พระเวทซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าพึงพอใจ ใน พุราณะฺ และ มะฮาบฺาระทะฺ เราจะได้รับประโยชน์จากความรู้นี้และกลายมาเป็นผู้บริสุทธิ์ จิตใจควรหลีกเลี่ยงการตีสองหน้า และควรคิดถึงประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ ความนิ่งเงียบหมายความว่าเราคิดถึงความรู้แจ้งแห่งตนเสมอ บุคคลในคริชณะจิตสำนึกถือปฏิบัติความนิ่งเงียบอย่างสมบูรณ์ด้วยเหตุผลนี้ การควบคุมจิตใจหมายถึงไม่ให้จิตใจยึดติดอยู่กับความรื่นเริงทางประสาทสัมผัส เราควรเป็นคนตรงไปตรงมาในการสัมพันธ์กับผู้อื่น และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่บริสุทธิ์ คุณสมบัติทั้งหลายเหล่านี้รวมกันเป็นองค์ประกอบแห่งความสมถะทางจิตใจ
ชรัดดฺะยา พะระยา ทัพทัม
ทะพัส ทัท ทริ-วิดัฺม นะไรฮฺ
อพฺะลาคางคชิบิฺร ยุคไทฮ
สาททวิคัม พะริชัคชะเทฺ
ชรัดดฺะยาฺ - ด้วยความศรัทธา, พะระยาฺ - ทิพย์, ทัพทัมฺ - ปฏิบัติ, ทะพะฮฺ - ความสมถะ, ทัทฺ - นั้น, ทริฺ - วิดัฺมฺ - ของสามประเภท, นะไรฮฺ - โดยมนุษย์, อพฺะละ-อาคางคชิบิฺฮฺ - ผู้ไม่ปรารถนาผลประโยชน์, ยุคไทฮฺ - ปฏิบัติ, สาททวิคัมฺ - ในระดับความดี, พะริชัคชะเทฺ - เรียกว่า
คำแปลฺ
ความสมถะทั้งสามส่วนนี้ มนุษย์ผู้ไม่หวังผลประโยชน์ทางวัตถุ ปฏิบัติด้วยความศรัทธาในวิถีทิพย์ และปฏิบัติไปเพื่อองค์ภควานเท่านั้น เช่นนี้เรียกว่าความสมถะในระดับความดี
สัทคาระ-มานะ-พูจารทัฺม
ทะโพ ดัมเบฺนะ ไชวะ ยัทฺ
คริยะเท ทัด อิฮะ โพรคทัม
ราจะสัม ชะลัม อัดฺรุวัมฺ
สัท-คาระฺ - เคารพ, มานะฺ - เกียรติยศ, พูจาฺ - และบูชา, อารทัฺมฺ - เพื่อ, ทะพะฮฺ - ความสมถะ, ดัมเบฺนะฺ - ด้วยความยโส, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, ยัทฺ - ซึ่ง, คริยะเทฺ - ปฏิบัติ, ทัทฺ - นั้น, อิฮะฺ - ในโลกนี้, โพรคทัมฺ - กล่าวว่า, ราจะสัมฺ - ในระดับตัณหา, ชะลัมฺ - ชั่ววูบเดียว, อัดฺรุวัมฺ - ไม่ถาวร
คำแปลฺ
การบำเพ็ญเพียรที่ทำด้วยความยโส ทำไปเพื่อให้ได้รับการเคารพบูชา และเกียรติยศชื่อเสียง กล่าวว่าอยู่ในระดับตัณหาจึงไม่ยั่งยืนถาวร
คำอธิบายฺ
บางครั้งการบำเพ็ญเพียรและความสมถะปฏิบัติไปเพื่อเรียกความสนใจจากผู้อื่นทำให้ตนเองได้รับเกียรติยศ ความเคารพ และบูชา บุคคลในระดับตัณหาจะตระเตรียมเพื่อให้บริวารมากราบไหว้บูชา ถวายทรัพย์สินเงินทองพร้อมทั้งล้างเท้าให้ ผู้บำเพ็ญเพียรที่เตรียมการอันผิดธรรมชาติเช่นนี้ พิจารณาว่าอยู่ในระดับตัณหา ผลที่ได้รับจะไม่ถาวร อาจทำต่อเนื่องได้ช่วงเวลาหนึ่ง แต่จะไม่ยั่งยืน
มูดฺะ-กราเฮณาทมะโน ยัท
พีดะยา คริยะเท ทะพะฮฺ
พะรัสโยทสาดะนารทัฺม วา
ทัท ทามะสัม อุดาฮริทัมฺ
มูดฺะฺ - โง่, กราเฮณะฺ - ด้วยความพยายาม, อาทมะนะฮฺ - ของตัวเขา, ยัทฺ - ซึ่ง, พีดะยาฺ - ด้วยการทรมาน, คริยะเทฺ - ปฏิบัติ, ทะพะฮฺ - การบำเพ็ญเพียร, พะรัสยะฺ - ผู้อื่น, อุทสา ดะนะ-อารทัฺมฺ - เพื่อสร้างความหายนะ, วาฺ - หรือ, ทัทฺ - นั้น, ทามะสัมฺ - ในระดับความมืด, อุดาฮริทัมฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
การบำเพ็ญเพียรทำไปด้วยความโง่ ด้วยการทรมานตนเอง มุ่งเพื่อทำลาย หรือทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ กล่าวว่าอยู่ในระดับอวิชชา
คำอธิบายฺ
มีตัวอย่างของการบำเพ็ญเพียรอย่างโง่เขลาที่เหล่ามารปฏิบัติ เช่น ฮิรัณยะ คะชิพฺุ ผู้บำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดเพื่อให้กลายมาเป็นผู้อยู่ยงคงกระพัน และสามารถสังหารเทวดา เขาสวดภาวนาต่อพระพรหมเพื่อสิ่งเหล่านี้ แต่ในที่สุดตนเองได้ถูกองค์ภควานสังหาร การบำเพ็ญเพียรเพื่อบางสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แน่นอนว่าอยู่ในระดับอวิชชา
ดาทัพยัม อิทิ ยัด ดานัม
ดียะเท ่นุพะคาริเณฺ
เดเช คาเล ชะ พาเทร ชะ
ทัด ดานัม สาททวิคัม สมริทัมฺ
ดาทัพยัมฺ - มีคุณค่าในการให้, อิทิฺ - ดังนั้น, ยัทฺ - ซึ่ง, ดานัมฺ - การให้ทาน, ดียะเทฺ - ให้, อนุพะคาริเณฺ - ไม่คำนึงถึงสิ่งตอบแทน, เดเชฺ - ในสถานที่เหมาะสม, คาเลฺ - เวลาที่เหมาะสม, ชะฺ - เช่นกัน, พาเทรฺ - แก่บุคคลผู้เหมาะสม, ชะฺ - และ, ทัทฺ - นั้น, ดานัมฺ - การให้ทาน, สาททวิคัมฺ - ในระดับความดี, สมริทัมฺ - พิจารณา
คำแปลฺ
การให้ทานที่ทำไปตามหน้าที่ โดยไม่หวังผลตอบแทน ถูกกาลเทสะ และให้แก่บุคคลผู้ควรค่า พิจารณาว่าอยู่ในระดับความดี
คำอธิบายฺ
ในวรรณกรรมพระเวท แนะนำให้บริจาคทานแก่บุคคลที่ปฏิบัติกิจกรรมทิพย์ ไม่แนะนำให้บริจาคทานโดยขาดวิจารณญาณ ความสมบูรณ์ในวิถีทิพย์ต้องใช้วิจารณญาณเสมอ ดังนั้น ได้แนะนำให้บริจาคทาน ณ สถานที่เคารพทางศาสนา และในช่วงจันทรคราส สุริยคราส ตอนปลายเดือน ให้แก่พราหมณ์หรือ ไวชณะวะฺ (สาวก)ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือในวัด การให้ทานเช่นนี้ควรให้โดยไม่หวังผลตอบแทน การให้ทานแก่คนจนบางครั้งให้ไปด้วยความเมตตา แต่หากคนจนไม่ควรค่าให้ทานไปก็ไม่ทำให้เจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์ อีกนัยหนึ่ง การให้ทานโดยขาดวิจารณญาณไม่แนะนำไว้ในวรรณกรรมพระเวท
ยัท ทุ พรัทยุพะคารารทัฺม
พฺะลัม อุดดิชยะ วา พุนะฮฺ
ดียะเท ชะ พะริคลิชทัม
ทัด ดานัม ราจะสัม สมริทัมฺ
ยัทฺ - ซึ่ง, ทฺุ - แต่, พระทิฺ - อุพะคาระ-อารทัฺมฺ - เพื่อได้รับสิ่งตอบแทน, พฺะลัมฺ - ผล, อุดดิ ชยะฺ - ปรารถนา, วาฺ - หรือ, พุนะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง, ดียะเทฺ - ให้, ชะฺ - เช่นกัน, พะริคลิชทัมฺ - ไม่เต็มใจ, ทัทฺ - นั้น, ดานัมฺ - การให้ทาน, ราจะสัมฺ - ในระดับตัณหา, สมริทัมฺ - เข้าใจว่าเป็น
คำแปลฺ
แต่การให้ทานที่ให้ไปเพื่อหวังผลตอบแทนบางอย่าง หรือปรารถนาผลประโยชน์ทางวัตถุ หรือให้ด้วยอารมณ์ที่ไม่เต็มใจ กล่าวว่าเป็นการให้ทานในระดับตัณหา
คำอธิบายฺ
การให้ทานบางครั้งทำไปเพื่อพัฒนาไปสู่อาณาจักรสวรรค์ บางครั้งมีปัญหามากมายและรู้สึกเสียใจภายหลังว่า “ทำไมฉันต้องจ่ายเงินมากมายเพียงนี้?” การให้ทานบางครั้งให้ไปภายใต้พันธกรณีที่ผู้บังคับบัญชาหรือผู้อาวุโสขอร้อง การให้ทานเช่นนี้กล่าวว่าอยู่ในระดับตัณหา
มีมูลนิธิการกุศลมากมายที่ให้ของขวัญแก่สถาบันซึ่งมีการสนองประสาทสัมผัสดำเนินอยู่ การให้ทานเช่นนี้คัมภีร์พระเวทไม่แนะนำ คัมภีร์พระเวทแนะนำการให้ทานเฉพาะในระดับความดีเท่านั้น
อเดชะ-คาเล ยัด ดานัม
อพเทรบฺยัช ชะ ดียะเทฺ
อสัท-คริทัม อวะกยาทัม
ทัท ทามะสัม อุดาฮริทัมฺ
อเดชะฺ - ณ สถานที่ไม่บริสุทธิ์, คาเลฺ - และเวลาที่ไม่บริสุทธิ์, ยัทฺ - นั้นซึ่ง, ดานัมฺ - การให้ทาน, อพาเทรบฺยะฮฺ - แก่บุคคลไม่ควรค่า, ชะฺ - เช่นกัน, ดียะเทฺ - ให้, อสัท-คริทัมฺ - ไม่มีความเคารพ, อวะกยาทัมฺ - ไม่เอาใจใส่อย่างเหมาะสม, ทัทฺ - นั้น, ทามะสัมฺ - ในระดับความมืด, อุดาฮริทัมฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
และการให้ทานแก่สถานที่ที่ไม่บริสุทธิ์ ในเวลาที่ไม่เหมาะสม ให้แก่บุคคลที่ไม่ควรค่า หรือไม่เอาใจใส่ และไม่แสดงความเคารพอย่างเหมาะสม กล่าวว่าอยู่ในระดับอวิชชา
คำอธิบายฺ
การบริจาคเพื่อจุดประสงค์ในสิ่งเสพติดและการพนันไม่ส่งเสริม ณ ที่นี้ การบริจาคเช่นนั้นอยู่ในระดับอวิชชา การให้ทานเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ แต่ไปส่งเสริมคนทำบาป ในทำนองเดียวกัน หากให้ทานแก่บุคคลที่เหมาะสม แต่ไม่มีความเคารพ และไม่เอาใจใส่ การให้ทานเช่นนั้นก็กล่าวไว้ว่าอยู่ในระดับแห่งความมืด
โอม ทัท สัด อิทิ นิรเดโช
บระฮมะณัส ทริ-วิดฺะฮ สมริทะฮฺ
บราฮมะณาส เทนะ เวดาช ชะ
ยะกยาช ชะ วิฮิทาฮ พุราฺ
โอมฺ - แสดงถึงองค์ภควาน, ทัทฺ - นั้น, สัทฺ - อมตะ, อิทิฺ - ดังนั้น, นิรเดชะฮฺ - แสดง, บระฮมะณะฮฺ - ขององค์ภควาน, ทริ-วิดฺะฮฺ - สามคำรพ, สมริทะฮฺ - พิจารณาว่า, บราฮมะณาฮฺ - พราหมณ์, เทนะฺ - ด้วยสิ่งนั้น, เวดาฮฺ - วรรณกรรมพระเวท, ชะฺ - เช่นกัน, ยะกยาฮฺ - การบูชา, ชะฺ - เช่นกัน, วิฮิทาฮฺ - ใช้, พุราฺ - ในอดีต
คำแปลฺ
จากจุดเริ่มต้นแห่งการสร้างได้ใช้คำสามคำ โอม ทัท สัท แสดงถึงสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุด สามคำนี้เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนที่พราหมณ์ใช้ขณะสวดภาวนาบทมนต์พระเวท และระหว่างพิธีบูชา เพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย
คำอธิบายฺ
ได้อธิบายว่าการบำเพ็ญเพียร พิธีบูชา การให้ทาน และอาหาร แบ่งออกเป็นสามระดับคือ ระดับความดี ตัณหา และอวิชชา ไม่ว่าจะเป็นชั้นหนึ่ง ชั้นสอง หรือชั้นสามทั้งหมดอยู่ในสภาวะที่มีมลทินด้วยระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ แต่เมื่อมีจุดมุ่งหมายอยู่ที่องค์ภควาน โอม ทัท สัทฺ หรือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ผู้ทรงเป็นอมตะ สิ่งเหล่านี้กลายมาเป็นหนทางเพื่อความเจริญในวิถีทิพย์ ในคำสั่งสอนของพระคัมภีร์ จุดมุ่งหมายนี้ได้แสดงไว้ โดยเฉพาะ โอม ทัท สัทฺ สามคำนี้ แสดงถึงสัจธรรมหรือองค์ภควาน เราจะพบคำว่า โอมฺ ในบทมนต์พระเวทเสมอ
ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์จะไม่บรรลุถึงสัจธรรม เขาจะได้รับผลชั่วคราวแต่ไม่ใช่จุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต ข้อสรุปคือ การให้ทาน พิธีบูชาและการบำเพ็ญเพียร ต้องกระทำในระดับความดี หากทำในระดับตัณหาหรืออวิชชาแน่นอนว่าคุณภาพจะต่ำกว่า คำสามคำ โอม ทัท สัทฺ เปล่งออกมาร่วมกับพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน ตัวอย่างเช่น โอม ทัท วิชโณฮฺ เมื่อใดที่บทมนต์พระเวทหรือพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ถูกเปล่งออกมาจะรวมคำว่า โอมฺ เข้าไปด้วย ซึ่งวรรณกรรมพระเวทได้แสดงไว้ สามคำนี้นำมาจากบทมนต์พระเวท โอม อิทิ เอทัด บระฮมะโณ เนดิชทัฺม นามะ (ริกเวดะ)ฺ แสดงถึงจุดมุ่งหมายแรก จากนั้น ทัท ทวัม อสิ (ชฺานโดกยะ อุพะนิชัดฺ 6.8.7)แสดงถึงจุดมุ่งหมายที่สอง และ สัด เอวะ สะอุมยะ (ชฺานโดกยะ อุพะนิชัดฺ 6.2.1) แสดงถึงจุดมุ่งหมายที่สาม เมื่อรวมกันกลายมาเป็น โอม ทัท สัทฺ ในอดีต เมื่อพระพรหมชีวิตแรกที่ถูกสร้างขึ้นมา ทรงทำพิธีบูชา และทรงแสดงถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าด้วยสามคำนี้ ฉะนั้นหลักการเดียวกันนี้ พะรัมพะราฺ ปฏิบัติตามเสมอมา ดังนั้น บทมนต์นี้มีความสำคัญอันยิ่งใหญ่ ภควัต-คีตาฺ แนะนำว่างานใดที่กระทำควรทำไปเพื่อ โอม ทัท สัทฺ หรือเพื่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า เมื่อบำเพ็ญเพียร ให้ทาน และประกอบพิธีบูชาด้วยสามคำนี้เท่ากับปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก คริชณะจิตสำนึกเป็นการปฏิบัติเชิงวิทยาศาสตร์ในกิจกรรมทิพย์ ซึ่งสามารถนำเราให้กลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน การปฏิบัติในวิถีทิพย์เช่นนี้จะไม่มีการสูญเสียพลังงานไป
ทัสมาด โอม อิทิ อุดาฮริทยะ
ยะกยะ-ดานะ-ทะพะฮ-คริยาฮฺ
พระวารทันเท วิดฺาโนคทาฮ
สะทะทัม บระฮมะ-วาดินามฺ
ทัสมาทฺ - ดังนั้น, โอมฺ - เริ่มต้นด้วย โอมฺ, อิทิฺ - ดังนั้น, อุดาฮริทยะฺ - แสดง, ยะกยะฺ - ของการบูชา, ดานะฺ - การให้ทาน, ทะพะฮฺ - การบำเพ็ญเพียร, คริยาฮฺ - ปฏิบัติ, พระวารทัน เทฺ - เริ่มต้น, วิดฺานะ-อุคทาฮฺ - ตามกฎเกณฑ์พระคัมภีร์, สะทะทัมฺ - เสมอ, บระฮมะ- วาดินามฺ - นักทิพย์นิยม
คำแปลฺ
ดังนั้นนักทิพย์นิยมปฏิบัติพิธีบู่ชา ให้ทาน และบำเพ็ญเพียรตามกฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์ซึ่งเริ่มต้นด้วยคำว่า “โอม” เสมอ เพื่อบรรลุถึงองค์ภควาน
คำอธิบายฺ
โอม ทัด วิชโนฮ พะระมัม พะดัม (ริก เวดะฺ 1.22.20) พระบาทรูปดอกบัวขององค์วิชณุทรงเป็นระดับแห่งการอุทิศตนเสียสละที่สูงสุด ผู้ที่ปฏิบัติทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าแน่นอนว่ากิจกรรมของเขาทั้งหมดสมบูรณ์
ทัด อิทิ อนะบิฺสันดฺายะ
พฺะลัม ยะกยะ-ทะพะฮ-คริยาฮฺ
ดานะ-คริยาช ชะ วิวิดฺาฮ
คริยันเท โมคชะ-คางคชิบิฺฮฺ
ทัทฺ - นั้น, อิทิฺ - ดังนั้น, อนะบิฺสันดฺายะฺ - ไม่ปรารถนา, พฺะลัมฺ - ผลทางวัตถุ, ยะกยะฺ - แห่งการบูชา, ทะพะฮฺ - และการบำเพ็ญเพียร, คริยาฮฺ - กิจกรรม, ดานะฺ - ของการให้ทาน, คริยาฮฺ - กิจกรรม, ชะฺ - เช่นกัน, วิวิดฺาฮฺ - ต่าง ๆ, คริยันเทฺ - ปฏิบัติไป, โมคชะฺ - คางคชิบิฺฮฺ - โดยพวกที่ปรารถนาความหลุดพ้นอย่างแท้จริง
คำแปลฺ
โดยไม่ปรารถนาผลประโยชน์ทางวัตถุ เขาควรปฏิบัติพิธีบูชา บำเพ็ญเพียร และให้ทานต่าง ๆ ด้วยคำว่า ‘ทัท’ จุดมุ่งหมายของกิจกรรมทิพย์เหล่านี้ก็เพื่อให้เป็นอิสระจากพันธนาการทางวัตถุ
คำอธิบายฺ
เพื่อพัฒนาไปสู่สถานภาพทิพย์ เราไม่ควรปฏิบัติเพื่อผลกำไรทางวัตถุใด ๆแต่ควรทำไปเพื่อผลประโยชน์สูงสุดในการย้ายไปยังอาณาจักรทิพย์ คืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน
สัด-บฺาเว สาดํุ-บฺาเว ชะ
สัด อิทิ เอทัท พระยุจยะเทฺ
พระชัสเท คารมะณิ ทะทฺา
สัช-ชัฺบดะฮ พารทะ ยุจยะเทฺ
ยะกเย ทะพิสิ ดาเน ชะ
สทิฺทิฮ สัด อิทิ โชชยะเทฺ
คารมะ ไชวะ ทัด-อารทีฺยัม
สัด อิทิ เอวาบิฺดีฺยะเทฺ
สัท-บฺาเวฺ - ในความรู้สึกแห่งธรรมชาติขององค์ภควาน, สาดํุ-บฺาเวฺ - ในความรู้สึกแห่งธรรมชาติของสาวก, ชะฺ - เช่นกัน, สัทฺ - คำว่าสัท, อิทิฺ - ดังนั้น, เอทัทฺ - นี้, พระยุจยะเทฺ - ใช้ พระชัสเทฺ - ในความจริงใจ, คารมะณิฺ - กิจกรรม, ทะทฺาฺ - เช่นกัน, สัท-ชับดะฮฺ - เสียง สัท, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, ยุจยะเทฺ - ใช้, ยะกเยฺ - ในการบูชา, ทะพะสิฺ - ในการบำเพ็ญเพียร, ดาเนฺ - ในการให้ทาน, ชะฺ - เช่นกัน, สทิฺทิฮฺ - สถานการณ์, สัทฺ - องค์ภควาน, อิทิฺ - ดังนั้น, ชะฺ - และ, อุชยะเทฺ - ออกเสียง, คารมะฺ - งาน, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, ทัทฺ - เพื่อสิ่งนั้น, อารทีฺยัมฺ - หมายความว่า, สัทฺ - องค์ภควาน, อิทิฺ - ดังนั้น, เอวะฺ - แน่นอน อบิฺดีฺยะเทฺ - แสดง
คำแปลฺ
สัจธรรมที่สมบูรณ์คือจุดมุ่งหมายของพิธีบูชาด้วยการอุทิศตนเสียสละ และแสดงด้วยคำว่า สัท ผู้ปฏิบัติพิธีบูชาเช่นนี้เรียกว่า สัท เช่นกัน เหมือนกับงานทั้งหมดในพิธีบูชา การบำเพ็ญเพียร และการให้ทาน ซึ่งเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์โดยแท้จริง ปฏิบัติไปเพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย โอ้ โอรสพระนางพริทฺา
คำอธิบายฺ
คำว่า พระชัสเท คารมะณิฺ หรือ “หน้าที่ที่กำหนดไว้” แสดงว่ามีกิจกรรมหลายอย่างที่อธิบายไว้ในวรรณกรรมพระเวทซึ่งเป็นวิธีการเพื่อความบริสุทธิ์ เริ่มจากจุดปฏิสนธิจนถึงจุดจบของชีวิต วิธีการเพื่อความบริสุทธิ์เหล่านี้ได้แนะนำให้กล่าวคำว่า โอม ทัท สัทฺ คำว่า สัด-บฺาเวฺ และ สาดํุ-บฺาเวฺ แสดงถึงสถานภาพทิพย์ การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเรียกว่า สัททวะฺ ผู้ที่รู้สำนึกอย่างสมบูรณ์ในกิจกรรมแห่งคริชณะจิตสำนึกเรียกว่า สาดํฺุ ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ (3.25.25) กล่าวไว้ว่า เรื่องราวทิพย์จะกระจ่างขึ้นในการมาคบหาสมาคมกับสาวก คำที่ใช้คือ สะทาม พระสังกาทฺ ปราศจากการคบหากัลยาณมิตร เราไม่สามารถบรรลุถึงความรู้ทิพย์ได้ เมื่อบุคคลได้รับการอุปสมบทหรือได้รับสายมงคลจะเปล่งคำว่า โอม ทัท สัทฺ ในทำนองเดียวกันการปฏิบัติ ยะกยะฺ ทั้งหมด จุดมุ่งหมายคือองค์ภควาน โอม ทัท สัทฺ คำว่า ทัด-อารทีฺยัมฺ ยังหมายถึงถวายการรับใช้ต่อทุกสิ่งซึ่งเป็นผู้แทนขององค์ภควาน รวมทั้งการบริการรับใช้ เช่น การปรุงอาหาร ช่วยงานในวัดของพระองค์ หรืองานใด ๆ ที่เผยแพร่พระบารมีของพระองค์ ดังนั้น คำสูงสุด โอม ทัท สัทฺ ใช้ในหลาย ๆ ทางเพื่อให้กิจกรรมทั้งหลายสมบูรณ์ และทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างบริบูรณ์
อัชรัดดฺะยา ฮุทัม ดัททัม
ทะพัส ทัพทัม คริทัม ชะ ยัทฺ
อสัด อิทิ อุชยะเท พารทฺะ
นะ ชะ ทัท เพรทยะ โน อิฮะฺ
อชรัดดฺะยาฺ - ไม่มีศรัทธา, ฮุทัมฺ - ถวายในการบูชา, ดัททัมฺ - ให้, ทะพะฮฺ - การบำเพ็ญเพียร, ทัพทัมฺ - จัดการ, คริทัมฺ - ปฏิบัติ, ชะฺ - เช่นกัน, ยัทฺ - ซึ่ง, อสัทฺ - ผิด, อิทิฺ - ดังนั้น, อุชยะเทฺ - กล่าวว่าเป็น, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, นะฺ - ไม่เคย, ชะฺ - เช่นกัน, ทัทฺ - นั้น, เพรทยะฺ - หลังจากตายไป, นะฺ อุ-ไมฺ่, อิฮะฺ - ในชาตินี้
คำแปลฺ
สิ่งใดที่กระทำไปเพื่อบูชา ให้ทาน หรือบำเพ็ญเพียร โดยปราศจากความศรัทธาในองค์ภควาน โอ้ โอรสพระนางพริทฺา จะไม่ถาวร เรียกว่า ‘อสัท’ และไม่มีประโยชน์ทั้งในชาตินี้และชาติหน้า
คำอธิบายฺ
สิ่งใดที่กระทำไปโดยไม่มีจุดมุ่งหมายทิพย์ไม่ว่าจะเป็นการบูชา การให้ทานหรือการบำเพ็ญเพียร จะไร้ประโยชน์ ดังนั้น โศลกนี้กล่าวว่ากิจกรรมเหล่านี้น่ารังเกียจทุกสิ่งทุกอย่างควรทำเพื่อองค์ภควานในคริชณะจิตสำนึก ปราศจากความศรัทธาเช่นนี้และปราศจากคำแนะนำที่ถูกต้องจะไม่ได้รับผลประโยชน์อันใด คัมภีร์พระเวททั้งหมดแนะนำความศรัทธาแห่งองค์ภควาน ในการค้นหาคำสั่งสอนของพระเวททั้งหมด จุดมุ่งหมายสูงสุดคือการเข้าใจคริชณะ ไม่มีผู้ใดสามารถประสบความสำเร็จได้โดยไม่ปฏิบัติตามหลักการนี้ ฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดคือ ทำงานจากจุดเริ่มต้นในคริชณะจิตสำนึกภายใต้การนำของพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ นั่นคือวิธีการที่จะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างประสบความสำเร็จ
ในพันธสภาวะ ผู้คนหลงติดอยู่กับการบูชาเทวดา บูชาภูตผีหรือ ยัคชะฺ เช่น คุเวระฺ ระดับความดีดีกว่าระดับตัณหาและอวิชชา แต่ผู้ปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรงเป็นทิพย์ เหนือสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะมีวิธีการค่อย ๆ พัฒนาการคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์และปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรงเป็นวิธีที่ดีที่สุดซึ่งแนะนำไว้ในบทนี้ เพื่อให้ประสบความสำเร็จเช่นนี้ ก่อนอื่นเราต้องแสวงหาพระอาจารย์ทิพย์ที่ดีและได้รับการฝึกฝนภายใต้การแนะนำของท่าน เราจึงจะสามารถบรรลุถึงความศรัทธาในองค์ภควาน เมื่อความศรัทธานั้นแกร่งกล้าขึ้นตามกาลเวลา จนมาถึงจุดที่เรียกว่าความรักแห่งองค์ภควาน ความรักนี้คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของสิ่งมีชีวิต ดังนั้น เราควรปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรง นั่นคือสาส์นของบทที่สิบเจ็ดนี้
ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดยบัฺคธิเวดันธะ บทที่สิบเจ็ดของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่องระดับแห่งความศรัทธาฺ