ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ เก้า

ความรู้ที่ลับสุดยอด

โศลก 1

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
อิดัม ทุ เท กุฮยะทะมัม
พระวัคชยามิ อนะสูยะเวฺ

กยานัม วิกยานะ-สะฮิทัม
ยัจ กยาทวา โมคชยะเส ‘ชุบฺาทฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, อิดัมฺ  -  นี้, ทฺุ  -  แต่, เทฺ  -  แด่เธอ,กุฮยะ-ทะมัมฺ  -  ลับสุดยอด, พระวัคชยามิฺ  -  ข้าพูด, อนะสูยะเวฺ  -  กับผู้ที่ไม่อิจฉาริษยา, กยานัมฺ  -  ความรู้, วิกยานะฺ  -  ความรู้แจ้ง, สะฮิทัมฺ  -  กับ, ยัทฺ  -  ซึ่ง, กยาทวาฺ  -  ทราบ, โมค- ชยะเสฺ  -  เธอจะได้รับการปลดเปลื้อง, อชุบฺาทฺ  -  จากความเป็นอยู่ทางวัตถุที่เป็นทุกข์นี้

คำแปลฺ

บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า  อารจุนะที่รัก  เนื่องจากเธอไม่เคยอิจฉาริษยาข้า  ข้าจะถ่ายทอดความรู้อันลับสุดยอดและความรู้แจ้งนี้แด่เธอ  เมื่อรู้แล้วเธอจะได้รับการปลดเปลื้องจากความทุกข์แห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุ

คำอธิบายฺ

เมื่อสาวกสดับฟังเกี่ยวกับองค์ภควานมากขึ้นก็จะได้รับแสงสว่างมากขึ้น  วิธีการสดับฟังนี้ได้แนะนำไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ดังนี้  “สาส์นจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าเปี่ยมไปด้วยพลัง  และพลังเหล่านี้รู้แจ้งได้  หากประเด็นต่าง  ๆ  เกี่ยวกับองค์ภควานสนทนากันในหมู่สาวก  การคบหาสมาคมกับนักคาดคะเนทางจิตหรือนักวิชาการทางโลกจะไม่ทำให้ประสบผลสำเร็จเนื่องจากเป็นความรู้แจ้ง”

สาวกปฏิบัติในการรับใช้องค์ภควานอยู่เสมอ  พระองค์ทรงเข้าใจความรู้สึกนึกคิดและความจริงใจของแต่ละคนที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  และพระองค์ทรงให้ปัญญาในการเข้าใจศาสตร์แห่งคริชณะ  ในการคบหาสมาคมกับเหล่าสาวกการสนทนาเกี่ยวกับคริชณะมีพลังมาก  หากผู้ใดโชคดีมีโอกาสได้คบหาสมาคมเช่นนี้และพยายามรับความรู้นี้เข้าไว้  แน่นอนว่าจะเจริญก้าวหน้าไปสู่ความรู้แจ้งทิพย์  เพื่อส่งเสริมอารจุนะให้เจริญมากยิ่งขึ้นในการรับใช้อันมีพลังของพระองค์  ในบทที่เก้านี้  คริชณะทรงอธิบายเนื้อหาสาระที่ลับมากยิ่งขึ้นกว่าบทอื่น  ๆ  ที่ทรงเปิดเผยไว้แล้ว

ในตอนต้นของ  ภควัต-คีตาฺ  บทที่หนึ่งเป็นการแนะนำเกี่ยวกับหนังสือทั้งเล่มบทที่สองและบทที่สามอธิบายความรู้ทิพย์เรียกว่าเป็นความลับ  ประเด็นที่สนทนากันในบทที่เจ็ดและบทที่แปดสัมพันธ์กับการอุทิศตนเสียสละรับใช้โดยเฉพาะ  เนื่องจากจะนำแสงสว่างแห่งคริชณะจิตสำนึกมาให้จึงเรียกว่าเป็นความลับยิ่งขึ้น  แต่เรื่องราวที่อธิบายในบทที่เก้าเกี่ยวกับการอุทิศตนเสียสละที่บริสุทธิ์โดยไม่มีสิ่งใดเจือปน  จึงเรียกว่าเป็นความลับสุดยอด  ผู้สถิตในความรู้ขั้นลับสุดยอดของคริชณะเป็นทิพย์โดยธรรมชาติ  ดังนั้น  จึงไม่มีความเจ็บปวดทางวัตถุใด  ๆ  ถึงแม้ว่าจะอยู่ในโลกวัตถุ  ใน  บัฺคธิ-ราสามริทะ-สินดํฺุ  ได้กล่าวไว้ว่า  แม้ผู้ที่มีความปรารถนาอย่างจริงใจในการถวายการรับใช้ด้วยความรักต่อองค์ภควานจะสถิตอยู่ในระดับสภาวะทางวัตถุ  ถือว่าเขาผู้นี้หลุดพ้น  ในทำนองเดียวกันใน  ภควัต-คีตาฺ  บทที่สิบ  เราจะพบว่าผู้ใดที่ปฏิบัติเช่นนี้เป็นบุคคลที่หลุดพ้นแล้ว

โศลกแรกมีความสำคัญโดยเฉพาะคำว่า  อิดัม  กยานัมฺ  (“ความรู้นี้”)  หมายถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมต่าง  ๆ  เก้าอย่างคือ  สดับฟัง  ภาวนา  จำ  รับใช้  บูชา  สวดมนต์  ปฏิบัติตาม  รักษามิตรภาพ  และศิโรราบทุกสิ่งทุกอย่าง  จากการฝึกปฏิบัติเก้าวิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เราจะพัฒนาไปสู่จิตสำนึกทิพย์คือคริชณะจิตสำนึก  เมื่อหัวใจของเราใสสะอาดจากมลทินทางวัตถุ  เราจะสามารถเข้าใจศาสตร์แห่งคริชณะนี้ได้  เพียงเข้าใจว่าสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เป็นวัตถุนั้นไม่เพียงพอ  เพราะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นแห่งความรู้แจ้งทิพย์เท่านั้น  เราควรรู้ถึงข้อแตกต่างระหว่างกิจกรรมของร่างกาย  และกิจกรรมทิพย์นอกเหนือไปจากที่เข้าใจว่าตัวเราไม่ใช่ร่างกาย

ในบทที่เจ็ด  ได้กล่าวถึงพลังอันมั่งคั่งของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  พลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์  เช่น  ธรรมชาติเบื้องต่ำ  ธรรมชาติเบื้องสูง  และปรากฏการณ์ทางวัตถุนี้ทั้งหมด  ในบทที่เก้าจะได้วิเคราะห์ถึงพระบารมีขององค์ภควาน

คำสันสกฤต  อนะสูยะเวฺ  ในโศลกนี้  มีความสำคัญมากเช่นกัน  โดยทั่วไปถึงแม้ว่านักวิจารณ์มีการศึกษาสูงมาก  แต่ทั้งหมดมีความอิจฉาริษยาองค์ภควานคริชณะแม้แต่นักวิชาการผู้คงแก่เรียนที่สุดยังเขียน  ภควัต-คีตาฺ  ผิดพลาดเป็นอย่างมากเนื่องจากมีความอิจฉาริษยาคริชณะ  คำวิจารณ์ของพวกนี้จึงไร้ประโยชน์  คำวิจารณ์ของสาวกเป็นที่เชื่อถือได้  ไม่มีผู้ใดสามารถอธิบาย  ภควัต-คีตาฺ  หรือให้ความรู้ของคริชณะโดยสมบูรณ์ได้  หากเขามีความอิจฉา  ผู้ที่วิจารณ์บุคลิกของคริชณะโดยไม่รู้จักพระองค์เป็นคนโง  ดังนั้น  คำวิจารณ์เช่นนี้ควรหลีกเลี่ยงด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง  สำหรับผู้ที่เข้าใจว่าคริชณะคือองค์ภควาน  ผู้ทรงมีบุคลิกภาพทิพย์และบริสุทธิ์  คำอธิบายจากบทเหล่านี้จะมีประโยชน์มาก

โศลก 2

ราจะ-วิดยา ราจะ-กุฮยัม
พะวิทรัม อิดัม อุททะมัมฺ

พรัทยัคชาวะกะมัม ดฺารมยัม
สุ-สุคัฺม คารทุม อัพยะยัมฺ

ราจะ-วิดยาฺ  -  ราชาแห่งการศึกษา, ราจะ-กุฮยัมฺ  -  เจ้าแห่งความรู้ที่ลับเฉพาะ, พะวิทรัมฺ  -  บริสุทธิ์ที่สุด, อิดัมฺ  -  นี้, อุททะมัมฺ  -  ทิพย์, พรัทยัคชะฺ  -  ด้วยประสบการณ์โดยตรง, อวะกะมัมฺ  -  เข้าใจ, ดารมยัมฺ  -  หลักศาสนา, สุ-สุคัฺมฺ  -  มีความสุขมาก, คารทุมฺ  -  ปฏิบัติ, อัพยะยัมฺ  -  เป็นอมตะ

คำแปลฺ

ความรู้นี้เป็นราชาแห่งการศึกษา  เป็นความลับสุดยอดในความลับทั้งหลาย  เป็นความรู้ที่บริสุทธิ์ที่สุด  เนื่องจากสำเหนียกได้โดยตรงเกี่ยวกับตนเองด้วยการรู้แจ้งจึงเป็นความสมบูรณ์แห่งศาสนา  เป็นสิ่งนิรันดร  และปฏิบัติได้ด้วยความรื่นเริง

คำอธิบายฺ

ภควัต-คีตาฺ  บทนี้เรียกว่าราชาแห่งการศึกษา  เนื่องจากเป็นเนื้อหาสาระของหลักคำสอนและปรัชญาทั้งหมดที่อธิบายไว้ก่อนหน้านี้  ในหมู่นักปราชญ์คนสำคัญๆของประเทศอินเดียมี  โกทะมะ  คะณาดะ  คะพิละ,ยากยะวัลคยะ  ชาณดิลยะ  และไวชวานะระ  และในที่สุดมี  วิยาสะเดวะ  ผู้เขียน  เวดานธะ-สูทระฺ  ดังนั้น  จึงไม่ขาดแคลนความรู้ทางด้านปรัชญาหรือความรู้ทิพย์  บัดนี้  องค์ภควานตรัสว่าบทที่เก้านี้เป็นราชาแห่งความรู้ทั้งหลายเหล่านี้  เนื้อหาสาระของความรู้ทั้งหลายที่ได้รับจากการศึกษาคัมภีร์พระเวทและปรัชญาอื่น  ๆ  เป็นความลับสุด  เพราะว่าความรู้ที่เป็นความลับหรือความรู้ทิพย์เกี่ยวเนื่องกับการเข้าใจข้อแตกต่างระหว่างดวงวิญญาณและร่างกาย  ราชาแห่งความรู้ที่ลับทั้งหลายมาจบลงที่การอุทิศตนเสียสละรับใช้

โดยทั่วไปผู้คนไม่ได้รับการศึกษาในความรู้ที่ลับเฉพาะเช่นนี้  เนื่องจากศึกษาความรู้จากภายนอก  สำหรับการศึกษาทั่วไปผู้คนไปสัมผัสกับความรู้มากมายหลายสาขา  เช่น  การเมือง  การสังคม  ฟิสิกซ์  เคมี  คณิตศาสตร์  ดาราศาสตร์  วิศวกรรมศาสตร์ฯลฯ  มีความรู้หลายสาขามากมายทั่วโลก  และมีมหาวิทยาลัยใหญ่  ๆ  มากมาย  แต่ด้วยความอับโชค  ไม่มีมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาใดที่สอนศาสตร์แห่งดวงวิญญาณถึงแม้ว่าดวงวิญญาณเป็นส่วนสำคัญที่สุดของร่างกาย  หากไม่มีดวงวิญญาณ  ร่างกายจะไม่มีคุณค่าอันใดเลย  ถึงกระนั้นผู้คนก็ยังเน้นมากเกี่ยวกับความจำเป็นของชีวิตทางร่างกาย  โดยไม่สนใจต่อดวงวิญญาณซึ่งมีความสำคัญกว่า

หนังสือ  ภควัต-คีตาฺ  โดยเฉพาะจากบทที่สองเป็นต้นมาได้เน้นถึงความสำคัญของดวงวิญญาณ  ตอนต้นองค์ภควานตรัสว่าร่างกายนี้เสื่อมสลายและวิญญาณไม่เสื่อมสลาย  (อันทะวันทะ  อิเม  เดฮา  นิทยัสโยคทาฮ  ชะรีริณะฮฺ)  นี่คือส่วนลับแห่งความรู้หากเพียงแต่รู้ว่าดวงวิญญาณแตกต่างจากร่างกาย  โดยธรรมชาติดวงวิญญาณจะไม่มีการเปลี่ยนรูป  ไม่มีวันถูกทำลาย  และเป็นอมตะ  เช่นนี้มิได้ให้ข้อมูลในเชิงบวก  บางครั้งบุคคลลืมความรู้สึกว่าดวงวิญญาณแตกต่างจากร่างกายเมื่อร่างกายจบสิ้นลง  หรือเมื่อหลุดพ้นจากร่างกายไปแล้วดวงวิญญาณจะอยู่ในความว่างเปล่าและกลายมาเป็นผู้ไม่มีบุคลิกภาพ  แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่  เป็นไปได้อย่างไรที่ดวงวิญญาณซึ่งมีความตื่นตัวมากภายในร่างกายนี้  จะไม่มีความตื่นตัวหลังจากหลุดพ้นไปจากร่างกายนี้แล้วหากดวงวิญญาณเป็นอมตะจะต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา  ตื่นตัวนิรันดร  กิจกรรมต่าง  ๆของเขาในอาณาจักรทิพย์เป็นความรู้ทิพย์ที่ลับที่สุด  กิจกรรมต่าง  ๆ  เหล่านี้ของดวงวิญญาณแสดงไว้  ณ  ที่นี้ว่ารวมมาเป็นราชาแห่งความรู้ทั้งหลาย  เป็นส่วนลับที่สุดของวิชาความรู้ทั้งหมด

ความรู้นี้เป็นรูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุด  กิจกรรมทั้งหลายดังที่ได้อธิบายไว้ในวรรณกรรมพระเวท  พัดมะ  พุราณะฺ  ว่า  กิจกรรมบาปของมนุษย์ได้ถูกวิเคราะห์ไว้  และปรากฏออกมาเป็นผลแห่งความบาปซ้ำซาก  พวกที่ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุจะถูกพันธนาการอยู่ในระดับต่าง  ๆ  กัน  และก่อร่างมาเป็นผลบาปต่าง  ๆตัวอย่างเช่น  เมื่อเราหว่านเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ชนิดหนึ่ง  ต้นไม้จะไม่เจริญเติบโตขึ้นมาในทันทีทันใดแต่จะต้องใช้เวลา  ก่อนอื่นเป็นต้นเล็ก  ๆ  เป็นหน่อ  จากนั้นก็มาในรูปของต้นไม้มีดอก  มีผล  และเมื่อสมบูรณ์บุคคลผู้หว่านเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้ก็จะได้รับความสุขจากดอกไม้และผลไม้เหล่านั้น  ในทำนองเดียวกัน  มนุษย์ทำบาปก็เหมือนกับการหว่านเมล็ดพันธุ์ที่ต้องใช้เวลากว่าจะบังเกิดผล  หรือปรากฏออกมา  ความบาปมีอยู่หลายระดับการทำบาปอาจยุติลงภายในปัจเจกบุคคล  แต่ผลบาปนั้นยังจะต้องได้รับ  มีความบาปต่าง  ๆ  ซึ่งอยู่ในรูปของเมล็ดพันธุ์  มีความบาปที่ปรากฏออกมาและให้ผลแก่เรา  ซึ่งมาในรูปของความทุกข์และความเจ็บปวด

ดังที่ได้อธิบายไว้ในโศลกที่ยี่สิบแปดของบทที่เจ็ด  บุคคลที่จบสิ้นกับผลบาปทั้งปวง  และทำแต่กิจกรรมบุญอย่างสมบูรณ์  เป็นอิสระจากสิ่งคู่ในโลกวัตถุนี้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน  คริชณะ  อีกนัยหนึ่ง  พวกที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่องค์ภควานจริง  ๆ  เป็นผู้ที่ได้รับอิสรภาพจากผลบาปทั้งปวงเรียบร้อยแล้ว  คำกล่าวเช่นนี้ได้ยืนยันไว้ใน  พัดมะ  พุราณะฺ  ดังนี้

อัพรารับดฺะ-พฺะลัม พาพัม
คูทัม บีจัม พฺะโลนมุคัฺมฺ

คระเม ไณวะ พระลีเยทะ
วิชณุ-บัฺคธิ-ระทาทมะนามฺ

สำหรับพวกที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่องค์ภควานผลบาปทั้งหลายไม่ว่าจะปรากฏออกมาแล้ว  ที่เก็บอยู่ในคลัง  หรือในรูปของเมล็ดพันธุ์จะค่อย  ๆ  สลายไป  ดังนั้นอำนาจที่ทำให้บริสุทธิ์จากการอุทิศตนเสียสละรับใช้นั้นมีพลังมาก  เรียกว่า  พะวิทรัม  อุททะมัมฺ  บริสุทธิ์ที่สุด  อุททะมะฺ  หมายถึงทิพย์  ทะมัสฺ  หมายถึงโลกวัตถุนี้หรือความมืดและ  อุททะมะฺ  หมายถึงสิ่งที่เป็นทิพย์เหนือกิจกรรมต่าง  ๆ  ทางวัตถุ  กิจกรรมในการอุทิศตนเสียสละไม่ถือว่าเป็นวัตถุ  ถึงแม้ว่าบางครั้งจะปรากฏว่าสาวกปฏิบัติตนเหมือนกับคนธรรมดาทั่วไป  ผู้ที่สามารถเห็นและคุ้นเคยกับการอุทิศตนเสียสละรับใช้จะทราบว่ากิจกรรมเหล่านี้มิใช่เป็นวัตถุ  กิจกรรมเหล่านี้ทั้งหมดเป็นทิพย์  เป็นการอุทิศตนเสียสละซึ่งไม่มีมลทินจากระดับต่าง  ๆ  ของธรรมชาติวัตถุ

ได้กล่าวไว้ว่าการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละรับใช้มีความสมบูรณ์จนกระทั่งเราสามารถสำเหนียกถึงผลลัพธ์โดยตรง  ผลลัพธ์โดยตรงนี้สำเหนียกได้อย่างแท้จริงและพวกเราได้รับประสบการณ์จากการปฏิบัติว่า  ผู้ใดที่สวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของคริชณะ  (ฮเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  คริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเรรามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร)  โดยปราศจากอาบัติ  จะรู้สึกว่ามีความสุขทิพย์  และมีความบริสุทธิ์ขึ้นอย่างรวดเร็วจากมลทินทางวัตถุทั้งปวง  เราเห็นเช่นนี้จริง  นอกเหนือไปจากนั้น  หากผู้ใดปฏิบัติไม่เพียงแค่สดับฟัง  แต่ยังพยายามเผยแพร่สาส์นแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้ด้วย  หรือหากตัวเราเองช่วยในกิจกรรมเพื่อเผยแพร่คริชณะจิตสำนึก  จะรู้สึกว่าเราค่อย  ๆ  เจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์  ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์นี้มิได้ขึ้นอยู่กับการศึกษาหรือคุณสมบัติใด  ๆ  ในอดีต  เนื่องจากเป็นวิธีการที่มีความบริสุทธิ์ในตัวเองเพียงแต่ได้ปฏิบัติเท่านั้นเราจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์

ใน  เวดานธะ-สูทระฺ  (3.2.26)  ได้อธิบายไว้เช่นกันดังนี้  พระคาชัช  ชะ  คารมะณิอับฺ  ยาสาทฺ  “การอุทิศตนเสียสละรับใช้มีพลังอำนาจมาก  เพียงแต่ปฏิบัติในกิจกรรมแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เราจะได้รับแสงสว่างโดยไม่ต้องสงสัย”  ตัวอย่างในเชิงปฏิบัติเช่นนี้พบได้ในอดีตชาติของนาระดะ  ในชาตินั้นเป็นบุตรของคนรับใช้  ท่านไม่มีการศึกษา  ไม่ได้เกิดในตระกูลสูง  แต่เมื่อมารดาของท่านปฏิบัติรับใช้สาวกผู้ยิ่งใหญ่  นาระดะร่วมรับใช้ด้วยบางครั้งเมื่อมารดาไม่อยู่ท่านก็รับใช้สาวกผู้ยิ่งใหญ่ด้วยตนเอง  นาระดะกล่าวว่า

อุชชิฺชทะ-เลพาน อนุโมดิโท ดวิไจฮ
สะคริท สมะ บํุนเจ ทัด-อพาสทะ-คิลบิชะฮฺ

เอวัม พระวริททัสยะ วิชุดดฺะ-เชทะสัส
ทัด-ดฺารมะ เอวาทมะ-รุชิฮ พระจายะเทฺ

โศลกนี้จาก  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (1.5.25)  นาระดะอธิบายถึงชาติอดีตให้ศิษย์  วิยาสะเดวะฟังโดยกล่าวว่า  ระหว่างที่ปฏิบัติตนเป็นเด็กรับใช้สาวกผู้บริสุทธิ์เป็นเวลาสี่เดือน  ขณะที่มาพักอาศัยอยู่  นาระดะได้คบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์อย่างใกล้ชิด  บางครั้งนักปราชญ์เหล่านั้นเหลืออาหารไว้ในจานและเด็กน้อยที่เป็นผู้ล้างจานปรารถนาจะลิ้มรสอาหารที่เหลือ  จึงขออนุญาตจากสาวกผู้ยิ่งใหญ่  เมื่อได้รับอนุญาต  นาระดะก็รับประทานอาหารนั้น  ต่อมานาระดะได้หลุดพ้นจากผลบาปทั้งปวง  ขณะที่รับประทานไปเรื่อย  ๆ  หัวใจค่อย  ๆ  บริสุทธิ์ขึ้นเหมือนกับนักปราชญ์เหล่านั้น  สาวกผู้ยิ่งใหญ่ดื่มด่ำอยู่กับรสแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานด้วยการสดับฟังและสวดภาวนาอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน  นาระดะค่อยๆพัฒนารสชาติเช่นนี้  และกล่าวดังนี้

ทะทรานวะฮัม คริชณะ-คะทฺาฮ พระกายะทาม
อนุกระเฮณาชริณะวัม มะโนฮะราฮฺ

ทาฮ ชรัดดฺะยา เม นุพะดัม วิชริณวะทะฮ
พริยัชระวะสิ อังกะ มะมาบฺะวัด รุชิฮฺ

จากการคบหาสมาคมกับเหล่านักปราชญ์  นาระดะได้รับรสในการสดับฟังและสวดภาวนาพระบารมีขององค์ภควาน  และได้พัฒนาความปรารถนาอย่างยิ่งใหญ่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ดังที่ได้อธิบายไว้ใน  เวดานธะ-สูทระฺ  ว่า  พระคาชัช  ชะ  คารมะณิ  อับฺยาสาทฺ  หากผู้ใดเพียงแต่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเปิดเผยขึ้นโดยปริยายและเขาจะสามารถเข้าใจ  เช่นนี้เรียกว่า  พรัทยัคชะฺ  หรือสำเหนียกโดยตรง

คำว่า  ดฺรัมยัมฺ  หมายความว่า  “วิถีทางแห่งศาสนา”  อันที่จริงนาระดะเป็นบุตรของคนรับใช้  ไม่มีโอกาสไปโรงเรียน  ท่านเพียงแต่ช่วยมารดา  ด้วยความโชคดีที่มารดาถวายการรับใช้ต่อเหล่าสาวก  เด็กน้อยนาระดะจึงได้รับโอกาสนี้  จาการคบสมาคมนี้ทำให้บรรลุถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนาทั้งหลาย  จุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนาทั้งหมดคือการอุทิศเสียสละรับใช้ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัม  (สะ  ไว  พุมสาม  พะโร  ดฺารโม  ยะโท  บัฺคธิร  อโดฺคชะเจ)ฺ  ผู้มีศาสนาโดยทั่วไปไม่รู้ว่าความสมบูรณ์สูงสุดของศาสนาคือบรรลุถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกสุดท้ายของบทที่แปดว่า  (เวเดชุ  ยะกเยชุ  ทะพะฮสุ  ไชวะ)ฺ  ความรู้พระเวทโดยทั่วไปจำเป็นต้องรู้แจ้งตนเอง  แต่  ณ  ที่นี้ถึงแม้ว่านาระดะไม่เคยไปโรงเรียนของพระอาจารย์ทิพย์  และไม่ได้รับการศึกษาในหลักธรรมพระเวท  ท่านได้รับผลประโยชน์สูงสุดในการศึกษาคัมภีร์พระเวทวิธีการนี้มีพลังอำนาจมากแม้จะไม่ได้ปฏิบัติตามวิธีการทางศาสนาอย่างสม่ำเสมอ  ท่านยังสามารถเจริญก้าวหน้าไปสู่ความสมบูรณ์สูงสุด  เช่นนี้เป็นไปได้อย่างไร?  วรรณกรรมพระเวทได้ยืนยันไว้เช่นกันว่า  อาชารยะวาน  พุรุโช  เวดะฺ  ผู้ที่คบหาสมาคมกับ  อาชารยะฺผู้ยิ่งใหญ่ถึงแม้จะไม่ได้รับการศึกษาหรือไม่เคยศึกษาคัมภีร์พระเวท  เขาก็สามารถคุ้นเคยกับความรู้ทั้งหมดเท่าที่จำเป็นเพื่อความรู้แจ้ง

วิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้เป็นวิธีที่มีความสุขมาก  (สุ-สุคัฺม)ฺ  เพราะเหตุใด?  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ประกอบด้วย  ชระวะณัม  คีรทะณัม  วิชโณฮฺ  ดังนั้น  เราเพียงแต่สดับฟังและสวดภาวนาพระบารมีขององค์ภควาน  หรือว่าไปสดับฟังปรัชญาเกี่ยวกับความรู้ทิพย์ที่  อาชารยะฺ  ผู้เชื่อถือได้เป็นผู้ให้  เพียงแต่นั่งลงเราสามารถเรียนรู้จากนั้นก็รับประทานอาหารอันเอร็ดอร่อยที่เหลือจากการถวายให้องค์ภควานแล้ว  ในทุก  ๆ  ระดับแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้เป็นที่น่ารื่นรมย์  เราสามารถปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้แม้อยู่ในสภาวะที่ยากจนที่สุด  องค์ภควานตรัสว่า  พัทรัม  พุชพัม  พฺะลัม  โทยัมฺ  พระองค์ทรงพร้อมที่จะรับการถวายทุกสิ่งทุกอย่างจากสาวกไม่ว่าจะเป็นอะไรแม้แต่ใบไม้  ดอกไม้  ผลไม้เพียงเล็กน้อย  หรือน้ำเพียงนิดเดียวซึ่งมีอยู่ดาษดื่นทั่วไปในส่วนต่าง  ๆ  ของโลก  สิ่งเหล่านี้ใครก็สามารถถวายให้ได้ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะสังคมเช่นไร  พระองค์จะทรงรับไว้หากถวายด้วยใจรัก  มีตัวอย่างมากมายในประวัติศาสตร์ว่าเพียงแต่ลิ้มรสใบทุละสีที่ถวายให้พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควานแล้ว  นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่  เช่น  สะนัท-คุมาระ  ได้กลายมาเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่  ฉะนั้น  วิธีการอุทิศตนเสียสละเป็นสิ่งที่ดีมาก  และปฏิบัติได้ด้วยอารมณ์ที่มีความสุข  องค์ภควานจะรับเฉพาะความรักที่ถวายให้พระองค์พร้อมกับเครื่องถวาย

ได้กล่าวไว้  ณ  ที่นี้ว่า  การอุทิศตนเสียสละรับใช้เช่นนี้มีอยู่ชั่วกัลปวสานซึ่งไม่เหมือนกับที่นักปราชญ์มายาวาดีอ้าง  แม้ว่าบางครั้งพวกนี้รับเอาสิ่งที่สมมติว่าเป็นการอุทิศตนเสียสละรับใช้มาปฏิบัติ  แต่แนวความคิดคือตราบเท่าที่ยังไม่หลุดพ้นต้องอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อไป  เมื่อในที่สุดหลุดพ้นแล้วพวกเขา  “จะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน”  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ชั่วครั้งชั่วคราวเช่นนี้ไม่ถือว่าเป็นการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่แท้จริงจะทำอย่างต่อเนื่องแม้หลังจากได้รับความหลุดพ้นแล้ว  เมื่อสาวกไปยังดาวเคราะห์ทิพย์ในอาณาจักรขององค์ภควาน  ก็ยังปฏิบัติการรับใช้พระองค์อยู่ที่นั่น  โดยมิบังอาจที่จะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน

ดังจะได้เห็นใน  ภควัต-คีตาฺ  ว่า  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่แท้จริงเริ่มต้นหลังจากหลุดพ้นแล้ว  หลังจากหลุดพ้นและสถิตในตำแหน่ง  บระฮมันฺ  แล้ว  (บระฮ-  มะ-บํูทะ)ฺ  การอุทิศตนเสียสละรับใช้จึงเริ่มต้นขึ้น  (สะมะฮ  สาระเวชุ  บํูเทชุ  มัด-บัฺคธิม  ละบฺะเท  พะราม)ฺ  ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจองค์ภควานได้ด้วยการปฏิบัติ  คารมะ-  โยกะ.  กยานะ-โยกะ,  อัชทางกะ-โยกะฺ  หรือปฏิบัตโยคะอื่น  ๆ  โดยเอกเทศ  จากวิธีโยคะต่างๆ  เหล่านี้  อาจเจริญขึ้นเล็กน้อยไปสู่  บัฺคธิ-โยกะฺ  หากมาไม่ถึงระดับแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เขาจะไม่สามารถเข้าใจว่าบุคลิกภาพแห่งองค์ภควานคืออะไรใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ได้ยืนยันไว้ว่า  เมื่อได้รับความบริสุทธิ์จากการปฏิบัติตามวิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  โดยเฉพาะจากการสดับฟัง  ชรีมัด-บากะวะธัมฺ  หรือ  ภควัต-คีตาฺ  จากดวงวิญญาณผู้รู้แจ้ง  จึงสามารถเข้าใจศาสตร์แห่ง  คริชณะหรือศาสตร์แห่งองค์ภควาน  เอวัม  พระสันนะ-มะนะโส  บฺะกะวัด-บัฺคธิ-โยกะทะฮฺ  เมื่อหัวใจบริสุทธิ์ขึ้นจากสิ่งไร้สาระทั้งหลาย  ผู้นั้นจึงสามารถเข้าใจว่าองค์ภควานคืออะไรดังนั้น  วิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นราชาหรือเจ้าแห่งการศึกษาทั้งปวง  เป็นราชาแห่งความรู้ที่เป็นความลับทั้งหมด  เป็นรูปแบบของศาสนาที่บริสุทธิ์ที่สุด  และสามารถปฏิบัติได้ด้วยความรื่นเริงโดยไม่ยากลำบาก  ดังนั้น  เราจึงควรรับมาปฏิบัติ

โศลก 3

อัชรัดดะดฺานาฮ พุระชา
ดฺารมัสยาสยะ พะรันทะพะฺ

อัพราพยะ มาม นิวารทันเท
มริทยุ-สัมสาระ-วารทมะนิฺ

อัชรัดดะดฺานาฮฺ  -  พวกที่ไม่มีศรัทธา, พุรุชาฮฺ  -  บุคคลเหล่านี้, ดฺารมัสยะฺ  -  ไปสู่วิธีแห่งศาสนา, อัสยะฺ  -  นี้, พะรันทะพะฺ  -  โอ้ ผู้สังหารศัตรู, อัพราพยะฺ  -  ไม่ได้รับ, มามฺ  -  ข้า, นิวารทันเทฺ  -  กลับมา, มริทยฺุ  -  ของความตาย, สัมสาระฺ  -  ในความเป็นอยู่ทางวัตถุ, วารทมะนิฺ  -  บนวิธีทาง

คำแปลฺ

พวกที่ไม่ศรัทธาในการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้  ไม่สามารถบรรลุถึงข้า  โอ้  ผู้กำราบศัตรู  ดังนั้น  พวกเขาจะกลับมาอยู่บนหนทางแห่งการเกิดและการตายในโลกวัตถุนี้อีก

คำอธิบายฺ

ผู้ไม่ศรัทธาจะไม่สามารถประสบผลสำเร็จกับวิธีการอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้  นี่คือคำอธิบายของโศลกนี้  ความศรัทธาเกิดขึ้นจากการมาคบหาสมาคมกับสาวก  คนอับโชคแม้หลังจากสดับฟังตามหลักฐานต่าง  ๆ  จากบุคลิกภาพผู้ยิ่งใหญ่ในวรรณกรรมพระเวท  ก็ยังไม่มีความศรัทธาในองค์ภควาน  ยังลังเลใจ  และไม่สามารถตั้งจิตมั่นอยู่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์  ดังนั้น  ความศรัทธาเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดเพื่อเจริญก้าวหน้าในคริชณะจิตสำนึก  ใน  เชธันญะ-ชะริทามริทะฺ  ได้กล่าวไว้ว่า  ความศรัทธาคือความมั่นใจอย่างสมบูรณ์ว่า  จากการรับใช้องค์ภควานชรีคริชณะ  เราสามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์ทั้งหลายทั้งปวง  เช่นนี้เรียกว่าความศรัทธาที่แท้จริง  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (4.31.14)

ยะทฺา ทะโรร มูละ-นิเชชะเนนะ
ทริพยันทิ ทัท-สคันดฺะ-บํูโจพะชาคาฮฺ

พราโณพะฮาราช ชะ ยะเทฺนดริยาณาม
ทะไทฺวะ สารวารฮะณัม อัชยุเทจยาฺ

“จากการรดน้ำที่รากของต้นไม้  จะทำให้กิ่งก้านสาขาและใบต่าง  ๆ  ทั้งหมดได้รับความพึงพอใจ  และจากการส่งอาหารไปที่ท้อง  จะทำให้ประสาทสัมผัสต่าง  ๆ  ทั้งหลายของร่างกายได้รับความพึงพอใจ  ในทำนองเดียวกัน  จากการปฏิบัติรับใช้ทิพย์ต่อองค์ภควานนี้จะทำให้เทวดาและสิ่งมีชีวิตอื่น  ๆ  ทั้งหลายได้รับความพึงพอใจโดยปริยาย”  ดังนั้น  หลังจากอ่าน  ภควัต-คีตาฺ  แล้ว  เราควรมาถึงจุดสรุปของ  ภควัต-คีตาฺ  ได้ในทันที  เราควรยกเลิกการปฏิบัติอื่น  ๆ  ทั้งหมด  และรับเอาวิธีการรับใช้ต่อองค์ภควานคริชณะมาปฏิบัติ  หากมั่นใจเกี่ยวกับปรัชญาชีวิตเช่นนี้  นี่คือความศรัทธา

การพัฒนาความศรัทธานี้เป็นวิธีการของคริชณะจิตสำนึก  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกแบ่งออกเป็นสามระดับ  ในระดับที่สามคือพวกไม่มีความศรัทธา  ถึงแม้ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างเป็นทางการ  พวกนี้ไม่สามารถบรรลุถึงระดับแห่งความสมบูรณ์สูงสุด  เป็นไปได้อย่างมากว่าหลังระยะเวลาหนึ่งก็จะลื่นไถลตกลงไป  พวกเขาอาจปฏิบัติรับใช้  แต่เนื่องจากไม่มีความมั่นใจและความศรัทธาอย่างสมบูรณ์  จึงเป็นสิ่งยากมากที่จะปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกอย่างต่อเนื่อง  เรามีประสบการณ์ภาคปฏิบัติว่า  จากกิจกรรมเพื่อเผยแพร่คริชณะจิตสำนึก  บางคนเข้ามาและปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกด้วยแรงกระตุ้นบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในใจ  ทันทีที่ฐานะดีขึ้นจะยกเลิกวิธีการปฏิบัตินี้  และไปปฏิบัติตามวิถีทางเดิมอีกครั้งหนึ่ง  ความศรัทธาเท่านั้นที่จะทำให้บุคคลเจริญก้าวหน้าในคริชณะจิตสำนึก  เกี่ยวกับการพัฒนาความศรัทธา  ผู้รอบรู้ในวรรณกรรมแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  และบรรลุถึงระดับแห่งความศรัทธาที่มั่นคงเรียกว่าบุคคลชั้นหนึ่งในคริชณะจิตสำนึก  บุคคลชั้นสองคือพวกที่ไม่ค่อยเจริญก้าวหน้าเท่าใดนักในการเข้าใจพระคัมภีร์แห่งการอุทิศตนเสียสละ  แต่มีความศรัทธาอย่างมั่นคงโดยปริยายว่า  คริชณะ-บัฺคธิฺ  หรือการรับใช้คริชณะเป็นวิถีทางที่ดีที่สุด  และด้วยความศรัทธาอันแรงกล้าจึงนำมาปฏิบัติ  ดังนั้น  พวกนี้ดีกว่าบุคคลชั้นสามที่ไม่มีทั้งความรู้ในพระคัมภีร์อย่างสมบูรณ์  และไม่มีความศรัทธา  แต่เนื่องจากได้มาคบหาสมาคมและจากความเรียบง่ายจึงพยายามปฏิบัติตาม  บุคคลชั้นสามในคริชณะจิตสำนึกอาจตกลงต่ำ  แต่บุคคลชั้นสองจะไม่ตกลงต่ำ  สำหรับบุคคลชั้นหนึ่งในคริชณะจิตสำนึกไม่มีโอกาสที่จะตกลงต่ำได้เลย  และแน่นอนว่าจะเจริญก้าวหน้าจนบรรลุผลสำเร็จในที่สุด  สำหรับบุคคลชั้นสามในคริชณะจิตสำนึก  ถึงแม้ว่าจะมีความศรัทธาและมั่นใจว่าการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อคริชณะเป็นสิ่งที่ดีมาก  แต่ยังไม่ได้รับความรู้เกี่ยวกับคริชณะจากพระคัมภีร์  เช่น  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  และ  ภควัต-คีตาฺ  อย่างเพียงพอ  บางครั้งบุคคลชั้นสามในคริชณะจิตสำนึกมีแนวโน้มไปสู่  คารมะ-โยกะฺ  และ  กยานะ-โยกะฺ  บางครั้งพวกนี้รู้สึกหวั่นไหว  แต่ทันทีที่โรคร้ายแห่ง  คารมะ-โยกะฺ  หรือ  กยานะ-โยกะฺ  ถูกขจัดไป  จะกลายมาเป็นบุคคลชั้นสองหรือบุคคลชั้นหนึ่งในคริชณะจิตสำนึก  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  อธิบายว่าความศรัทธาในคริชณะแบ่งออกเป็นสามระดับ  ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ภาคสิบเอ็ดได้อธิบายถึงความเชื่อมั่นชั้นหนึ่ง  ความเชื่อมั่นชั้นสอง  และความเชื่อมั่นชั้นสาม  ไว้เช่นกันบุคคลผู้ไม่มีศรัทธาแม้หลังจากสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะ  และความดีเลิศแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  คิดว่าเป็นเพียงถ้อยคำสรรเสริญเท่านั้น  จะพบว่าวิถีทางนี้ยากมาก  ถึงแม้ดูเหมือนว่าปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  สำหรับบุคคลเช่นนี้มีความหวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่จะบรรลุถึงความสมบูรณ์  ดังนั้นความศรัทธาจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้

โศลก 4

มะยา ทะทัม อิดัม สารวัม
จะกัด อัพยัคทะ-มูรทินาฺ

มัท-สทฺานิ สารวะ-บํูทานิ
นะ ชาฮัม เทชุ อวัสทิฺทะฮฺ

มะยาฺ  -  โดยข้า, ทะทัมฺ  -  แผ่กระจาย, อิดัมฺ  -  นี้, สารวัมฺ  -  ทั้งหมด, จะกัทฺ  -  ปรากฏการณ์ในจักรวาล, อัพยัคทะ-มูรทินาฺ  -  ด้วยรูปที่ไม่ปรากฏ, มัทฺ  -  สทฺานิฺ  -  ในข้า, สารวะฺ  -  บํูทานิฺ  -  มวลสิ่งมีชีวิต, นะฺ  -  ไม่, ชะฺ  -  เช่นกัน, อฮัมฺ  -  ข้า, เทชฺุ  -  ในพวกเขา, อวัสทิฺทะฮฺ  -  สถิต

คำแปลฺ

ตัวข้าในรูปลักษณ์ที่ไม่ปรากฏทำให้จักรวาลทั้งหมดนี้แผ่กระจายออกไป  สิ่งมีชีวิตทั้งหมดอยู่ในข้า  แต่ข้าไม่ได้อยู่ในพวกเขา

คำอธิบายฺ

เราไม่สามารถมองเห็นองค์ภควานด้วยประสาทสัมผัสวัตถุที่หยาบ  กล่าวไว้ว่า

อทะฮ ชรี-คริชณะ-นามาดิ
นะ บฺะเวด กราฮยัม อินดริไยฮฺ

เสโวนมุคเฮ ฮิ จิฮวาโด
สวะยัม เอวะ สพุำระทิ อดะฮฺ

(Bhakti-rasāmṛta-sindhuฺ 1.2.234)

ประสาทสัมผัสวัตถุของเราไม่สามารถเข้าใจพระนาม  ชื่อเสียง  ลีลา  ฯลฯ  ขององค์ชรีคริชณะได้  ผู้ที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างบริสุทธิ์ภายใต้การแนะนำที่ถูกต้องเท่านั้นที่พระองค์จะทรงเปิดเผย  ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.38)  กล่าวไว้ว่า  เพรมานจะนะ-  ชชํุริทะ-บัฺคธิ-วิโลชะเนนะ  สันทะฮ  สะไดวะ  ฮริดะเยชุ  วิโลคะยันทิฺ  เราสามารถเห็นองค์ภควาน  โกวินดะ  อยู่เสมอทั้งภายในและภายนอกตัวเรา  หากเราพัฒนาท่าทีแห่งความรักทิพย์ต่อพระองค์  ดังนั้น  สำหรับบุคคลโดยทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นพระองค์  ได้กล่าวไว้  ณ  ที่นี้ว่า  ถึงแม้ทรงแผ่กระจายไปทั่ว  ปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง  ประสาทสัมผัสวัตถุไม่สามารถเห็นพระองค์ได้  ได้แสดงไว้  ณ  ที่นี้ด้วยคำพูด  อัพยัคทะ-มูรทินาฺ  แต่อันที่จริง  ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถเห็นพระองค์  ทุกสิ่งทุกอย่างพำนักอยู่ในพระองค์  ดังที่ได้อธิบายไว้ในบทที่เจ็ด  ปรากฏการณ์ในจักรวาลวัตถุทั้งหมดเป็นเพียงการผสมผสานของพลังงานทั้งสองของพระองค์คือ  พลังงานเบื้องสูงหรือพลังงานทิพย์  และพลังงานเบื้องต่ำหรือพลังงานวัตถุ  ดังเช่น  แสงอาทิตย์แผ่กระจายไปทั่วจักรวาล  พลังงานขององค์ภควานทรงแผ่กระจายไปทั่วทั้งการสร้าง  และทุกสิ่งทุกอย่างพำนักอยู่ในพลังงานนั้น

ถึงกระนั้นเราไม่ควรสรุปว่า  เนื่องจากทรงแผ่กระจายไปทั่ว  พระองค์ทรงสูญเสียความเป็นอยู่ส่วนพระองค์  เพื่อลบล้างข้อถกเถียงนี้องค์ภควานตรัสว่า  “ข้าอยู่ทุกหนทุกแห่งและทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในข้า  แต่ข้าก็ยังปลีกตัวออกห่าง”  ตัวอย่างเช่นพระเจ้าแผ่นดินทรงเป็นผู้นำรัฐบาล  รัฐบาลเป็นเพียงปรากฏการณ์แห่งพลังงานของพระเจ้าแผ่นดิน  กระทรวงต่าง  ๆ  ของรัฐบาลเป็นพลังงานของพระเจ้าแผ่นดิน  แต่ละกระทรวงอิงอยู่กับอำนาจของพระเจ้าแผ่นดิน  แต่เราก็ไม่คาดหวังว่าพระเจ้าแผ่นดินจะทรงปรากฏอยู่ที่ทุก  ๆ  กระทรวงด้วยพระองค์เอง  นี่คือตัวอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรม  ในทำนองเดียวกัน  ปรากฏการณ์ทั้งหลายที่เราเห็นและทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งในโลกวัตถุนี้และในโลกทิพย์พำนักอยู่บนพลังงานของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  การสร้างเกิดขึ้นด้วยการแพร่กระจายพลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์  ดังที่  ภควัต-คีตาฺ  ได้กล่าวไว้  วิชทับฺยาฮัม  อิดัม  คริทสนัมฺ  พระองค์ทรงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งด้วยตัวแทนส่วนพระองค์  นั่นคือพลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์ที่แพร่กระจายไปทั่ว

โศลก 5

นะ ชะ มัท-สทฺานิ บํูทานิ
พัสยะ เม โยกัม ไอชวะรัมฺ

บํูทะ-บฺริน นะ ชะ บํูทะ-สโทฺ
มะมาทมา บํูทะ-บฺาวะนะฮฺ

นะฺ  -  ไม่เคย, ชะฺ  -  เช่นกัน, มัท-สทฺานิฺ  -  สถิตในข้า, บํูทานิฺ  -  การสร้างทั้งหมด, พัสยะฺ  -  จงดู, เมฺ  -  ของข้า, โยกัม ไอชวะรัมฺ  -  อิทธิฤทธิ์ที่ไม่สามารถมองเห็น, บํูทะ-บฺริทฺ  -  ผู้บำรุงรักษาสิ่งมีชีวิตทั้งมวล, นะฺ  -  ไม่เคย, ชะฺ  -  เช่นกัน, บํูทะ-สทฺะฮฺ  -  ในปรากฏการณ์จักรวาล, มะมะฺ  -  ของข้า, อาทมาฺ  -  ตัวข้า, บํูทะ-บฺาวะนะฮฺ  -  แหล่งกำเนิดของปรากฏการณ์ทั้งหลาย

คำแปลฺ

ถึงกระนั้นทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกสร้างขึ้นมามิได้พำนักอยู่ในข้า  จงดูอิทธิฤทธิ์ความมั่งคั่งของข้า!  ถึงแม้ว่าข้าคือผู้บำรุงรักษามวลชีวิต  และถึงแม้ว่าข้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง  ข้าไม่ใช่ส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ทางจักรวาลนี้  เพราะตัวข้าคือแหล่งกำเนิดของการสร้าง

คำอธิบายฺ

องค์ภควานตรัสว่าทุกสิ่งทุกอย่างพำนักอยู่ที่พระองค์  (มัท-สทฺานิ-สารวะ-  บํูทานิ)ฺ  เช่นนี้ควรทำความเข้าใจให้ถูกต้อง  องค์ภควานทรงมิได้เข้ามายุ่งเกี่ยวโดยตรงกับการดำรงรักษาและค้ำจุนปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้  บางครั้งเราเห็นภาพแอทลาสหรือเทพเจ้ากรีกแบกโลกใบนี้อยู่บนบ่า  ดูเหมือนว่าท่านเหนื่อยมากที่แบกโลกทั้งโลกอันยิ่งใหญ่นี้  ภาพเช่นนี้ไม่ควรนำมาแสดงในความสัมพันธ์กับคริชณะเกี่ยวกับการค้ำจุนจักรวาลที่สร้างขึ้นมานี้  พระองค์ตรัสว่า  ถึงแม้ทุกสิ่งทุกอย่างพำนักพักพิงอยู่ที่พระองค์ตัวพระองค์เองก็ยังอยู่ห่างออกไป  ระบบดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  ลอยอยู่ในนภากาศ  และนภากาศนี้เป็นพลังงานขององค์ภควาน  แต่พระองค์ทรงแตกต่างไปจากนภากาศ  และประทับอยู่ที่อื่น  ฉะนั้น  ทรงตรัสว่า  “ถึงแม้ว่าสิ่งเหล่านี้สถิตอยู่ที่พลังงานอันไม่สามารถมองเห็นได้ของข้า  ในฐานะที่เป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ข้าก็อยู่ห่างจากสิ่งเหล่านี้”  นี่คือความมั่งคั่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ขององค์ภควาน

ในพจนานุกรม  พระเวท  นิรุคทิฺ  กล่าวว่า  ยุจยะเท  เนนะ  ดุรกฺะเทชุ  คารเยชุ  ”องค์ฺภควานทรงแสดงลีลาอันน่าอัศจรรย์ที่ไม่สามารถสำเหนียกได้เพื่อทรงแสดงพลังอำนาจของพระองค์”  บุคลิกของพระองค์ทรงเปี่ยมไปด้วยพลังงานนานัปการ  และความมุ่งมั่นของพระองค์เป็นสัจจะที่แท้จริงอยู่ในตัว  เช่นนี้จึงเข้าใจบุคลิกภาพแห่งองค์ภควานได้  เราอาจคิดจะทำบางสิ่งบางอย่างแต่ก็มีอุปสรรคมากมาย  บางครั้งเราไม่สามารถทำสิ่งที่เราชอบได้  แต่เมื่อคริชณะทรงปรารถนาจะทำสิ่งใด  พระองค์ทรงเพียงแต่ปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างสมบูรณ์จนเราไม่สามารถจินตนาการว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรองค์ภควานทรงอธิบายสัจธรรมนี้  ถึงแม้ว่าทรงเป็นผู้ดำรงรักษาและค้ำจุนปรากฏการณ์ทางธรรมชาติทั้งหมด  พระองค์ทรงมิได้แตะต้องปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้  เพียงแต่ทรงปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกสร้างขึ้นมา  ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการค้ำจุน  ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการดำรงรักษา  และทุกสิ่งทุกอย่างก็ถูกทำลายลง  ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างจิตใจและพระวรกายของพระองค์  (เหมือนกับที่มีข้อแตกต่างระหว่างตัวเราและจิตวัตถุปัจจุบันของเรา)  เพราะทรงเป็นจิตวิญญาณที่สมบูรณ์  พระองค์ทรงปรากฏอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม  ๆ  กัน  เช่นนี้  คนธรรมดาสามัญทั่วไปไม่สามารถเข้าใจว่าทรงปรากฏด้วยพระวรกายของพระองค์เองได้อย่างไร  พระองค์ทรงแตกต่างจากปรากฏการณ์ทางวัตถุนี้  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็พำนักพักพิงอยู่ที่พระองค์  ได้อธิบายไว้  ณ  ที่นี้ว่าเป็น  โยกัม  ไอชวะรัมฺ  หรือพลังอิทธิฤทธิ์ขององค์ภควาน

โศลก 6

ยะทฺาคาชะ-สทิฺโท นิทยัม
วายุฮ สารวะทระ-โก มะฮานฺ

ทะทฺา สารวาณิ บูทานิ
มัท-สทฺานีทิ อุพะดฺาระยะฺ

ยะทฺาฺ  -  เหมือนกับ, อาคารชะ-สทิฺทะฮฺ  -  สถิตในท้องฟ้า, นิทยัมฺ  -  เสมอ, วายุฮ-ลม,สารวะทระ-กะฮ-พัดไปทุกแห่ง, มะฮานฺ  -  ยิ่งใหญ่, ทะทฺาฺ  -  ในทำนองเดียวกัน, สารวาณิ บํูทานิฺ  -  สิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่ถูกสร้างขึ้นมา, มัท-สทฺานิฺ  -  สถิตในข้า, อิทิฺ  -  ดังนั้น, อุพะดฺาระยะฺ  -  พยายามเข้าใจ

คำแปลฺ

จงเข้าใจว่า  เสมือนดั่งพลังของลมที่พัดไปทุกหนทุกแห่ง  แต่ยังพักพิงอยู่ในท้องฟ้าเสมอ  มวลชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาก็พักพิงอยูในข้า

คำอธิบายฺ

สำหรับคนธรรมดาทั่วไปเกือบมองไม่เห็นว่าการสร้างทางวัตถุอันมหึมานี้พักพิงอยู่ในองค์ภควานได้อย่างไร  แต่พระองค์ทรงให้ตัวอย่างซึ่งอาจช่วยให้พวกเราเข้าใจได้  ท้องฟ้าอาจเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ที่สุดที่พวกเราสำเหนียกได้  และในท้องฟ้าลมหรืออากาศเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ที่สุดในโลกจักรวาล  การเคลื่อนไหวของลมมีอิทธิพลต่อการเคลื่อนไหวของทุกสิ่งทุกอย่าง  ถึงแม้ว่าลมนั้นยิ่งใหญ่ก็ยังสถิตภายในท้องฟ้า  ลมมิได้อยู่นอกเหนือไปจากท้องฟ้า  ในทำนองเดียวกัน  ปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ในจักรวาลเกิดขึ้นได้ด้วยความปรารถนาสูงสุดขององค์ภควาน  และทั้งหมดอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาแห่งความปรารถนาสูงสุดของพระองค์  ดังที่พวกเราทั่วไปจะกล่าวว่า  แม้แต่ใบหญ้าไม่อาจเคลื่อนไหวได้หากปราศจากซึ่งความปรารถนาขององค์ภควาน  ดังนั้น  จากความปรารถนาของพระองค์ทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการดำรงรักษาไว้และทุกสิ่งทุกอย่างถูกทำลายลง  ถึงกระนั้น  พระองค์ยังทรงอยู่ห่างจากทุกสิ่งทุกอย่างดังเช่นท้องฟ้าอยู่ห่างจากกระแสของลมฉันใด

ได้กล่าวไว้ใน  อุพะนิชัดฺ  ว่า  ยัด-บีฺชา  วาทะฮ  พะวะเทฺ  “ลมที่พัดไปก็เนื่องมาจากความกลัวองค์ภควาน”  (ไทททิรียะ  อุพะนิชัด  2.8.1)ฺ  ใน  บริฮัด-อารัณยะคะ  อุพะ-  นิชัดฺ  (3.8.9)  กล่าวไว้ว่า  เอทัสยะ  วา  อัคชะรัสยะ  พระชาสะเน  การกิ  สูรยะ-ชันดระมะโส  วิดฮริโท  ทิชทฺะทะ  เอทัสยะ  วา  อัคชะรัสยะ  พระชาสะเน  การกิ  ดยาพ-อาพริทิพโย  วิด  ฮริโท  ทิชทฺะทะฮฺ  “โดยคำสั่งสูงสุด  ภายใต้การควบคุมขององค์ภควาน  ดวงจันทร์  ดวงอาทิตย์  และดาวเคราะห์ยิ่งใหญ่อื่น  ๆ  จึงเคลื่อนไหว”  ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.52)  กล่าวไว้เช่นกันว่า

ยัช-ชัคชุร เอชะ สะวิทา สะคะละ-กระฮาณามฺ
ราจา สะมัสทะ-สุระ-มูรทิร อเชชะ-เทจาฮฺ
ยัสยากยะยา บฺระมะทิ สัมบฺริทะ-คาละ-ชัคโรฺ
โกวินดัม อาดิ-พุรุชัม ทัม อฮัม บฺะจามิฺ

นี่คือคำอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์  กล่าวไว้ว่า  ดวงอาทิตย์ถือว่าเป็นพระเนตรข้างหนึ่งขององค์ภควาน  และมีพลังอำนาจมหาศาลในการกระจายความร้อนและแสง  ถึงกระนั้น  ดวงอาทิตย์ก็โคจรไปตามหน้าที่ด้วยคำสั่งและความปรารถนาสูงสุดขององค์โกวินดะ  ฉะนั้น  จากวรรณกรรมพระเวทเราพบหลักฐานว่า  ปรากฏการณ์ทางวัตถุที่เราเห็นว่าเป็นสิ่งอัศจรรย์และยิ่งใหญ่มากนี้  อยู่ภายใต้การควบคุมอันสมบูรณ์ของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  จะอธิบายในโศลกต่อ  ๆ  ไปของบทนี้

โศลก 7

สารวะ-บํูทานิ คะอุนเทยะ
พระคริทิม ยานทิ มามิคามฺ

คัลพะ-คชะเย พุนัส ทานิ
คัลพาโด วิสริจามิ อฮัมฺ

สารวะ-บํูทานิฺ  -  สิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่ถูกสร้างขึ้นมา, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, พระคริทิมฺ  -  ธรรมชาติ, ยานทิฺ  -  เข้า, มามิคามฺ  -  ของข้า, คัลพะ-คชะเยฺ  -  ตอนสิ้นกัป, พุนะฮฺ  -  อีกครั้งหนึ่ง, ทานิฺ  -  พวกเขาทั้งหมด, คัลพะ-อาโดฺ  -  ในตอนต้นของกัป, วิสริจามิฺ  -  สร้าง, อฮัมฺ  -  ข้า

คำแปลฺ

โอ้  โอรสพระนางคุนที  ในตอนสิ้นกัปปรากฏการณ์ทางวัตถุทั้งหมดเข้าไปในธรรมชาติของข้า  และในตอนเริ่มต้นของอีกกัปหนึ่ง  ข้าสร้างทั้งหมดอีกครั้งด้วยพลังอำนาจของข้า

คำอธิบายฺ

การสร้าง  การบำรุงรักษา  และการทำลาย  ปรากฏการณ์ในจักรวาลวัตถุนี้ขึ้นอยู่กับความปรารถนาสูงสุดขององค์ภควานโดยสมบูรณ์  “ตอนสิ้นกัป”  หมายถึงตอนที่พระพรหมสิ้นชีวิต  พระพรหมมีชีวิตอยู่หนึ่งร้อยปี  หนึ่งวันของพระพรหมคำนวณได้4,300,000,000  ปีของโลกเรา  คืนหนึ่งของพรพรหมก็มีระยะเวลายาวเท่ากันนี้  เดือนหนึ่งของพระพรหมประกอบไปด้วยสามสิบวันและสามสิบคืนเช่นนี้  และปีหนึ่งของพระพรหมมีสิบสองเดือนเช่นนี้  หลังจากหนึ่งร้อยปี  เมื่อพระพรหมสวรรคตการทำลายล้างก็เกิดขึ้น  เช่นนี้หมายความว่าพลังงานที่ปรากฏขึ้นโดยองค์ภควานจะม้วนกลับเข้าไปในพระวรกายของพระองค์อีกครั้งหนึ่ง  จากนั้นเมื่อมีความจำเป็นที่จะให้โลกจักรวาลปรากฏออกมา  ความปรารถนาของพระองค์ทรงทำให้บังเกิดขึ้น  บะฮุ  สยามฺ  “ถึงแม้ข้าเป็นหนึ่ง  ข้าจะกลายมาเป็นหลากหลาย”  นี่คือคำพังเพยพระเวท  (ชฺานโดกยะ  อุพะนิชัดฺ  6.2.3)  พระองค์ทรงแบ่งแยกพระวรกายของพระองค์ไปในพลังงานวัตถุนี้และปรากฏการณ์ในจักรวาลทั้งหมดจะปรากฏขึ้นอีกครั้งหนึ่ง

โศลก 8

พระคริทิม สวาม อวัชทัฺบยะ
วิสริจามิ พุนะฮ พุนะฮฺ

บํูทะ-กรามัม อิมัม คริทสนัม
อวะชัม พระคริเทร วะชาทฺ

พระคริทิมฺ  -  ธรรมชาติวัตถุ, สวามฺ  -  ของตัวข้าเอง, อวัชทัฺบยะฺ  -  เข้าไปข้างใน, วิสริจามิฺ  -  ข้าสร้าง, พุนะฮ พุนะฮฺ  -  ครั้งแล้วครั้งเล่า, บํูทะ-กรามัมฺ  -  ปรากฏการณ์ทางจักรวาลทั้งหมด, อิมัมฺ  -  เหล่านี้, คริทสนัมฺ  -  ในทั้งหมด, อวะชัมฺ  -  โดยปริยาย, พระคริเทฮฺ  -  ด้วยพลังของธรรมชาติ, วะชาทฺ  -  ภายใต้หน้าที่

คำแปลฺ

ปรากฏการณ์ในจักรวาลทั้งหมดอยู่ภายใต้ข้า  ด้วยความปรารถนาของข้าปรากฏการณ์จึงเกิดขึ้นโดยปริยายครั้งแล้วครั้งเล่า  และด้วยความปรารถนาของข้ามันก็ถูกทำลายลงในตอนจบ

คำอธิบายฺ

โลกวัตถุนี้เป็นปรากฏการณ์ของพลังงานเบื้องต่ำขององค์ภควาน  ได้อธิบายไว้แล้วหลายครั้ง  ตอนสร้าง  พลังงานวัตถุถูกปล่อยออกมาเป็น  มะฮัท-ทัททวะฺ  ซึ่งองค์ภควานในอวตาร  พุรุชะฺ  องค์แรกเป็น  มะฮา-วิชณฺุ  เสด็จเข้าไป  พระองค์ทรงประทับอยู่ในมหาสมุทรแหล่งกำเนิด  และทรงหายใจออกมาเป็นจักรวาลจำนวนนับไม่ถ้วน  ภายในแต่ละจักรวาลองค์ภควานเสด็จเข้าไปเป็น  การโบฺดะคะชายี  วิชณฺุ  แต่ละจักรวาลถูกสร้างขึ้นมาเช่นนี้  จากนั้นพระองค์ยังทรงปรากฏในรูปของ  คชีโรดะคะชายี  วิชณฺุ  และเสด็จเข้าไปในทุกสิ่งทุกอย่าง  แม้ในละอองอณูที่เล็กที่สุด  ความจริงนี้ได้อธิบายไว้  ณ  ที่นี้  พระองค์ทรงเสด็จเข้าไปในสรรพสิ่ง

จากนั้น  สิ่งมีชีวิตต่าง  ๆ  ปฏิสนธิภายในธรรมชาติวัตถุนี้  ตามผลกรรมในอดีตแต่ละชีวิตจึงมาอยู่ในสภาวะที่ไม่เหมือนกัน  เช่นนี้  กิจกรรมของโลกวัตถุจึงเริ่มขึ้นกิจกรรมต่าง  ๆ  ของเผ่าพันธุ์ชีวิตอันหลากหลายเริ่มต้นจากจุดแรกแห่งการสร้าง  มิใช่ว่าทั้งหมดเป็นวิวัฒนาการ  เผ่าพันธุ์ต่าง  ๆ  ของชีวิตถูกสร้างขึ้นมาทันทีพร้อมกับจักรวาลมนุษย์  สัตว์เดรัจฉาน  นก  ทุกสิ่งทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาพร้อม  ๆ  กัน  ทุกสิ่งที่สิ่งมีชีวิตปรารถนาในตอนทำลายล้างครั้งสุดท้าย  จะปรากฏออกมาอีกครั้งหนึ่ง  ได้แสดงไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ด้วยคำว่า  อวะชัมฺ  ว่าสิ่งมีชีวิตไม่เกี่ยวข้องกับกรรมวิธีนี้  ความเป็นอยู่ในชาติก่อนจากการสร้างในครั้งก่อนจะปรากฏออกมาอีกครั้งหนึ่ง  และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นด้วยความปรารถนาขององค์ภควาน  นี่คือพลังงานที่ไม่สามารถมองเห็นได้ของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  และหลังจากสร้างเผ่าพันธุ์ชีวิตต่าง  ๆ  พระองค์ทรงไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขา  การสร้างเกิดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกต่อแนวโน้มต่าง  ๆ  ที่สิ่งมีชีวิตปรารถนา  ดังนั้น  องค์ภควานทรงมิได้มายุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้

โศลก 9

นะ ชะ มาม ทานิ คารมาณิ
นิบัดฺนันทิ ดฺะนันจะยะฺ

อุดาสีนะ-วัด อาสีนัม
อสัคทัม เทชุ คารมะสฺุ

นะฺ  -  ไม่เคย, ชะฺ  -  เช่นกัน, มามฺ  -  ข้า, ทานิฺ  -  เหล่านี้ทั้งหมด, คารมาณิฺ  -  กิจกรรมต่าง ๆ, นิบัดฺนันทิฺ  -  ผูกมัด, ดฺะนันจะยะฺ  -  โอ้ ผู้ชนะความร่ำรวย, อุดาสีนะ-วัทฺ  -  เป็นกลาง, อาสีนัมฺ  -  สถิต, อสัคทัมฺ  -  ไม่ยึดติด, เทชฺุ  -  สำหรับสิ่งเหล่านั้น, คารมะสฺุ  -  กิจกรรม

คำแปลฺ

โอ้  ดฺะนันจะยะ  งานทั้งหลายเหล่านี้ไม่สามารถผูกมัดข้า  ข้าไม่ยึดติดกับกิจกรรมทางวัตถุทั้งหลายเหล่านี้  สถิตประหนึ่งเป็นกลาง

คำอธิบายฺ

เกี่ยวกับประเด็นนี้  เราไม่ควรคิดว่าองค์ภควานทรงไม่มีอะไรทำ  ในโลกทิพย์ของพระองค์ทรงมีกิจกรรมเสมอ  ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.6)  กล่าวไว้ว่า  อาทมา  รามัสยะ  ทัสยาสทิ  พระคริทยา  นะ  สะมากะมะฮฺ  “องค์ภควานทรงเพลิดเพลินอยู่กับกิจกรรมทิพย์อันเป็นอมตะและสุขเกษมสำราญอยู่เสมอ  แต่พระองค์ทรงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางวัตถุเหล่านี้”  กิจกรรมทางวัตถุดำเนินไปด้วยพลังงานต่าง  ๆของพระองค์  องค์ภควานทรงเป็นกลางในกิจกรรมทางวัตถุของโลกที่ถูกสร้างขึ้นมานี้ความเป็นกลางที่กล่าวไว้  ณ  ที่นี้ด้วยคำ  อุดาสีนะ-วัทฺ  ถึงแม้ว่าทรงควบคุมรายละเอียดต่าง  ๆ  ของกิจกรรมทางวัตถุ  แต่พระองค์ยังทรงประทับอยู่ประหนึ่งเป็นกลาง  ตัวอย่างเช่น  ผู้พิพากษาศาลสูงสุดประทับอยู่ที่บัลลังก์  ด้วยคำสั่งของท่านหลายสิ่งหลายอย่างบังเกิดขึ้น  บางคนถูกแขวนคอ  บางคนถูกจับเข้าคุก  บางคนได้รับรางวัลมูลค่ามหาศาลแต่ถึงกระนั้นท่านก็ยังเป็นกลาง  โดยมิได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดลักษณะเดียวกัน  องค์ภควานทรงเป็นกลางอยู่เสมอ  ถึงแม้ว่าพระหัตถ์ของพระองค์ทรงอยู่ในทุก  ๆ  อาณาบริเวณของกิจกรรม  ใน  เวดานธะ-สูทระฺ  (2.1.34)  กล่าวว่า  ไวชัมยะ  -ไนรกฺริณเย  นะฺ  พระองค์ทรงมิได้สถิตในสิ่งคู่ของโลกวัตถุนี้  ทรงเป็นทิพย์เหนือสิ่งคู่เหล่านี้  และทรงไม่ยึดติดกับการสร้างและการทำลายของโลกวัตถุนี้  สิ่งมีชีวิตได้รับร่างต่างๆในเผ่าพันธุ์ชีวิตมากมายตามกรรมเก่า  และองค์ภควานทรงมิได้ไปรบกวนพวกเขา

โศลก 10

มะยาดฺยัคเชณะ พระคริทิฮ
สูยะเท สะ-ชะราชะรัมฺ

เฮทุนาเนนะ คะอุนเทยะ
จะกัด วิพะริวารทะเทฺ

มะยาฺ  -  โดยข้า, อัดฺยัคเชณะฺ  -  โดยผู้อำนวยการ, พระคริทิฮฺ  -  ธรรมชาติวัตถุ, สูยะเทฺ  -  ปรากฏ, สะฺ  -  ทั้งสอง, ชะระ-อชะรัมฺ  -  เคลื่อนไหวและไม่เคลื่อนไหว, เฮทุนาฺ  -  เพื่อเหตุผล, อเนนะฺ  -  นี้, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, จะกัดฺ  -  ปรากฏการณ์ทางจักรวาล, วิพะ ริวารทะเทฺ  -  ทำงาน

คำแปลฺ

ธรรมชาติวัตถุซึ่งเป็นหนึ่งในพลังงานอันหลากหลายของข้านี้  ทำงานภายใต้คำสั่งของข้า  โอ้  โอรสพระนางคุนที  ได้ผลิตมวลชีวิตทั้งเคลื่อนไหวได้และเคลื่อนไหวไม่ได้  ภายใต้กฎของตัวมันเอง  ปรากฏการณ์แห่งการสร้างและการทำลายนี้เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่า  องค์ภควานถึงแม้ทรงอยู่ห่างจากกิจกรรมของโลกวัตถุทั้งหลายเหล่านี้  ยังทรงเป็นผู้กำกับสูงสุด  ทรงเป็นผู้ปรารถนาสูงสุด  และทรงเป็นเบื้องหลังของปรากฏการณ์ทางวัตถุนี้  แต่การบริหารดำเนินไปโดยธรรมชาติวัตถุ  คริชณะตรัสใน  ภควัต-คีตาฺ  เช่นกันว่า  บรรดามวลชีวิตในรูปร่างและเผ่าพันธุ์ต่างๆ“ข้าคือพระบิดา”  พระบิดาให้เมล็ดพันธุ์ไปในครรภ์ของมารดาเพื่อกำเนิดลูกน้อย  ในทำนองเดียวกัน  องค์ภควานทรงเพียงแต่ชำเลืองมองก็ทรงส่งสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเข้าไปในครรภ์ของธรรมชาติวัตถุ  และพวกเขาออกมาในรูปร่างและเผ่าพันธุ์ต่าง  ๆ  กันตามความปรารถนาและกิจกรรมในชาติก่อน  สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเหล่านี้  ถึงแม้เกิดภายใต้การชำเลืองมองขององค์ภควาน  ได้รับร่างกายต่าง  ๆ  ตามกรรมและความปรารถนาของตนในอดีต  ดังนั้น  พระองค์ทรงมิได้ยึดติดกับการสร้างทางวัตถุนี้โดยตรง  ทรงเพียงแต่ชำเลืองมองไปที่ธรรมชาติวัตถุ  จากนั้น  ธรรมชาติวัตถุก็ได้รับการกระตุ้นและทุกสิ่งทุกอย่างได้ถูกสร้างขึ้นมาทันที  เนื่องจากที่พระองค์ทรงชำเลืองมองไปที่ธรรมชาติวัตถุจึงมีกิจกรรมในส่วนขององค์ภควานอย่างไม่ต้องสงสัย  แต่ทรงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการสร้างโลกวัตถุโดยตรง  ตัวอย่างนี้ได้ให้ไว้ใน  สมริทิฺ  เมื่อมีดอกไม้หอมต่อหน้าผู้ใด  กลิ่นหอมได้ถูกสัมผัสโดยพลังในการดมกลิ่นของบุคคล  ถึงกระนั้น  ทั้งกลิ่นและดอกไม้ไม่ได้ติดกัน  มีความสัมพันธ์ในทำนองเดียวกันนี้ระหว่างโลกวัตถุและองค์ภควาน  อันที่จริงพระองค์ทรงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโลกวัตถุนี้  แต่ทรงสร้างด้วยการชำเลืองมอง  และการดลบันดาล  โดยสรุปคือ  ปราศจากการดูแลขององค์ภควานธรรมชาติวัตถุจะทำอะไรไม่ได้เลย  ถึงกระนั้น  องค์ภควานทรงอยู่ห่างจากกิจกรรมทางวัตถุทั้งหลายทั้งปวง

โศลก 11

อวะจานันทิ มาม มูดฺา
มานุชีม ทะนุม อาชริทัมฺ

พะรัม บฺาวัม อจานันโท
มะมะ บํํูทะ-มะเฮชวะรัมฺ

อวะจานันทิฺ  -  เย้ยหยัน, มามฺ  -  ข้า, มูดฺาฮฺ  -  คนโง่, มานุชีมฺ  -  ในร่างมนุษย์, ทะนุมฺ  -  ร่างกาย, อาชริทัมฺ  -  ลงมา, พะรัมฺ  -  ทิพย์, บฺาวัมฺ  -  ธรรมชาติ, อจานันทะฮฺ  -  ไม่รู้, มะมะฺ  -  ของข้า, บํูทะฺ  -  ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็น, มะฮา-อีชวะรัมฺ  -  เจ้าของสูงสุด

คำแปลฺ

คนโง่เขลาเย้ยหยันข้าเมื่อข้าลงมาในร่างมนุษย์  พวกเขาไม่รู้ธรรมชาติทิพย์ของข้าในฐานะที่เป็นองค์ภควานของสรรพสิ่ง

คำอธิบายฺ

จากคำอธิบายของโศลกก่อน  ๆ  ในบทนี้  เป็นที่กระจ่างชัดว่าองค์ภควานถึงแม้ทรงปรากฏเหมือนกับมนุษย์  แต่ทรงมิใช่มนุษย์ธรรมดา  พระองค์ทรงเป็นผู้กำกับการสร้าง  การดำรงรักษา  และการทำลายล้างปรากฏการณ์ในจักรวาลโดยสมบูรณ์จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นมนุษย์ธรรมดา  ถึงกระนั้น  ยังมีคนโง่เขลาหลายคนที่พิจารณาว่าคริชณะทรงเป็นเพียงมนุษย์ผู้มีอำนาจคนหนึ่งเท่านั้น  ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้  อันที่จริงพระองค์ทรงเป็นภควานองค์เดิม  ดังที่ได้ยืนยันไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทา  (อีชวะระฮ  พะระมะฮ  คริชณะฮ)ฺ  ว่า  พระองค์ทรงเป็นองค์ภควาน

มี  อีชวะระฺ  หรือผู้ควบคุมมากมาย  บางคนดูเหมือนยิ่งใหญ่กว่าคนอื่น  ในการบริหารธรรมดาทั่วไปในโลกวัตถุ  เราพบว่ามีเจ้าหน้าที่หรือผู้กำกับ  เหนือกว่าเขามีเลขานุการ  เหนือกว่าเลขานุการมีรัฐมนตรี  และเหนือกว่ารัฐมนตรีมีนายกรัฐมนตรีแต่ละท่านเป็นผู้ควบคุม  แต่คนหนึ่งจะถูกอีกคนหนึ่งควบคุม  ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  กล่าวว่า  คริชณะทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุด  มีผู้ควบคุมมากมายทั้งในโลกวัตถุและโลกทิพย์โดยไม่ต้องสงสัย  แต่คริชณะทรงเป็นผู้ควบคุมสูงสุด  (อีชวะระฮ  พะระมะฮ  คริชณะฮ)ฺและพระวรกายของพระองค์ทรงเป็น  สัช-ชิด-อานันดะฺ  ไม่ใช่วัตถุ

ร่างวัตถุไม่สามารถแสดงกิจกรรมอันน่าอัศจรรย์  ดังที่ได้อธิบายไว้ในโศลกก่อนหน้านี้  พระวรกายของพระองค์ทรงเป็นอมตะ  มีความสุขเกษมสำราญ  และเปี่ยมไปด้วยความรู้  ถึงแม้ทรงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา  คนโง่เขลายังเยาะเย้ยพระองค์และพิจารณาว่าพระองค์ทรงเป็นมนุษย์  พระวรกายของพระองค์เรียก  ณ  ที่นี้ว่า  มานุชีมฺ  เพราะทรงแสดงเหมือนกับมนุษย์  เป็นเพื่อนของอารจุนะ  เป็นนักการเมืองที่เกี่ยวข้องในสมรภูมิคุรุคเชทระ  ในหลาย  ๆ  ด้านทรงกระทำตัวเหมือนกับมนุษย์สามัญธรรมดา  แต่อันที่จริงพระวรกายของพระองค์ทรงเป็น  สัช-ชิด-อานันดะ-วิกระฮะฺ  สุขเกษมสำราญนิรันดรและมีความรู้ที่สมบูรณ์บริบูรณ์  เช่นนี้ได้ยืนยันไว้ในภาษาพระเวทเช่นกันว่า  สัช-ชิด-  อานันดะ-รูพายะ  คริชณายะฺ  “ข้าขอถวายความเคารพอย่างสูงแด่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์คริชณะผู้ทรงมีรูปลักษณ์ที่สุขเกษมสำราญนิรันดรแห่งความรู้”  (โกพาละ-  ทาพะนี  อุพะนิชัดฺ  1.1)  มีคำพรรณนาอื่น  ๆ  ในภาษาพระเวทเช่นกันว่า  ทัม  เอคัม  โกวินดัมฺ“พระองค์ทรงเป็นโกวินดะ  ผู้ให้ความสุขแก่ประสาทสัมผัสและฝูงวัว”  สัช-ชิด-อานันดะ  -วิกระฮัมฺ  “และรูปลักษณ์ของพระองค์ทรงเป็นทิพย์เปี่ยมไปด้วยความรู้  ความสุขเกษมสำราญ  และเป็นนิรันดร”  (โกพาละ-ทาพะนี  อุพะนิชัดฺ  1.35)

ถึงแม้ว่าคุณสมบัติทิพย์ต่าง  ๆ  แห่งพระวรกายของคริชณะทรงเปี่ยมไปด้วยความสุขเกษมสำราญและความรู้  ยังมีผู้ที่สมมติว่าเป็นนักวิชาการและนักวิจารณ์  ภควัต-คีตาฺ  มากมายที่เย้ยหยันว่าคริชณะทรงเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา  นักวิชาการอาจเกิดมาเป็นมนุษย์พิเศษ  เนื่องมาจากกรรมดีของตนในอดีต  แต่แนวคิดเกี่ยวกับชรีคริชณะเช่นนี้อันเนื่องมาจากด้อยความรู้  ดังนั้น  จึงถูกเรียกว่า  มูดฺะฺ  เพราะคนโง่เขลาเท่านั้นที่พิจารณาว่าคริชณะทรงเป็นมนุษย์ปุถุชนธรรมดา  คนโง่เขลาพิจารณาว่าคริชณะเป็นคนธรรมดา  เพราะไม่รู้กิจกรรมส่วนพระองค์  และพลังงานอันหลากหลายของพระองค์  พวกเขาไม่รู้ว่าพระวรกายของคริชณะทรงเป็นเครื่องหมายแห่งความรู้และความสุขเกษมสำราญอย่างสมบูรณ์  พระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่และพระองค์ทรงสามารถให้อิสรภาพแด่ทุกคน  เนื่องจากไม่รู้ว่าคริชณะทรงมีคุณสมบัติทิพย์มากมาย  พวกนี้จึงเย้ยหยันพระองค์

พวกเขาไม่รู้ว่าการปรากฏขององค์ภควานในโลกวัตถุนี้เป็นปรากฏการณ์ของพลังงานเบื้องสูงของพระองค์  พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งพลังงานวัตถุ  ดังที่ได้อธิบายไว้แล้วหลายแห่ง  (มะมะ  มายา  ดุรัทยะยาฺ)  ทรงอ้างว่าพลังงานวัตถุแม้มีพลังอำนาจมากก็อยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์  ผู้ใดที่ศิโรราบต่อองค์ภควานจะสามารถหลุดออกไปจากการควบคุมของพลังงานวัตถุนี้ได้  หากดวงวิญญาณศิโรราบต่อคริชณะสามารถหลุดออกไปจากอิทธิพลของธรรมชาติวัตถุแล้ว  องค์ภควานผู้ทรงเป็นผู้กำกับการสร้างการดำรงรักษา  และการทำลายล้างธรรมชาติจักรวาลทั้งหมดจะมีร่างกายวัตถุเหมือนพวกเราได้อย่างไร?  ฉะนั้น  แนวความคิดเกี่ยวกับคริชณะเช่นนี้โง่เขลาเบาปัญญาที่สุดอย่างไรก็ดี  คนโง่  ๆ  ไม่สามารถสำเหนียกว่าองค์ภควานคริชณะผู้ทรงปรากฏเหมือนมนุษย์ธรรมดา  สามารถเป็นผู้ควบคุมละอองอณูทั้งหมดและปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่แห่งรูปลักษณ์จักรวาลได้อย่างไร  ความยิ่งใหญ่ที่สุดและเล็กที่สุดอยู่เหนือแนวความคิดของพวกเขา  ดังนั้น  จึงไม่สามารถจินตนาการว่ารูปลักษณ์ของมนุษย์เช่นนี้สามารถควบคุมสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดและสิ่งที่เล็กที่สุดในขณะเดียวกันได้อย่างไร  อันที่จริงถึงแม้ทรงควบคุมสิ่งที่ไม่มีที่สิ้นสุดและสิ่งที่เล็กสุด  พระองค์ทรงอยู่ห่างจากปรากฏการณ์เหล่านี้ทั้งหมด  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับ  โยกัม  ไอชวะรัมฺ  ซึ่งเป็นพลังงานทิพย์ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ของพระองค์ว่า  ทรงสามารถควบคุมสิ่งที่ไม่จำกัด  และสิ่งที่เล็กที่สุดพร้อม  ๆ  กัน  และทรงสามารถอยู่ห่างจากสิ่งเหล่านี้  ถึงแม้ว่าคนโง่เขลาไม่สามารถจินตนาการว่าคริชณะผู้ทรงปรากฏเหมือนมนุษย์ธรรมดาสามารถควบคุมสิ่งที่ไม่มีขอบเขตจำกัดและสิ่งที่เล็กที่สุด  สาวกผู้บริสุทธิ์ยอมรับเช่นนี้  เพราะทราบดีว่าคริชณะคือองค์ภควาน  ฉะนั้น  สาวกศิโรราบต่อพระองค์โดยดุษฎี  และปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้

มีข้อขัดแย้งระหว่างพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์และพวกที่เชื่อในรูปลักษณ์เกี่ยวกับการปรากฏขององค์ภควานในรูปร่างมนุษย์  แต่หากเรามาปรึกษากับ  ภควัต-คีตาฺและ  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  คัมภีร์ที่เชื่อถือได้  เพื่อให้เข้าใจศาสตร์แห่งองค์คริชณะ  เช่นนี้เราจะสามารถเข้าใจว่า  คริชณะคือองค์ภควาน  พระองค์ทรงมิใช่มนุษย์ธรรมดา  แม้ทรงปรากฏบนโลกนี้เหมือนมนุษย์ธรรมดา  ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ภาคหนึ่งบทที่หนึ่ง  เมื่อเหล่านักปราชญ์ที่นำโดยโชนะคะถามเกี่ยวกับกิจกรรมต่าง  ๆ  ของคริชณะ  โดยกล่าวว่า

คริทะวาน คิละ คารมาณิ
สะฮะ ราเมณะ เคชะวะฮฺ

อทิ-มารทยานิ บฺะกะวาน
กูดฺะฮ คะพะทะ-มาณุชะฮฺ

“องค์ภควานชรีคริชณะพร้อมทั้งบะละรามะทรงเล่นเหมือนมนุษย์  ในบทบาทนี้พระองค์ทรงแสดงกิจกรรมเหนือมนุษย์มากมาย”  (ช.บ.ฺ  1.1.20)  การปรากฏขององค์ภควานในฐานะที่เป็นมนุษย์ทำให้คนโง่เขลาสับสน  ไม่มีมนุษย์ผู้ใดสามารถกระทำสิ่งอันน่าอัศจรรย์ที่คริชณะทรงแสดงขณะที่ปรากฏอยู่บนโลกนี้  เมื่อคริชณะทรงปรากฏต่อหน้าพระบิดาและพระมารดา  วะสุเดวะและเดวะคี  พระองค์ทรงปรากฏในรูปสี่กร  แต่หลังจากที่พระบิดาและพระมารดาถวายบทมนต์  พระองค์ทรงเปลี่ยนร่างมาเป็นเด็กน้อยธรรมดา  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  บฺากะวะธัมฺ  (10.3.46)  บะบํูวะ  พราคริทะฮ  ชิชุฮฺ  พระองค์ทรงกลายมาเป็นเหมือนกับเด็กน้อยธรรมดา  มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง  อีกครั้งหนึ่งที่  แสดงให้เห็นว่าการปรากฏขององค์ภควานในรูปลักษณ์มนุษย์ธรรมดาเป็นลักษณะหนึ่งแห่งร่างทิพย์ของพระองค์  ในบทที่สิบเอ็ดของ  ภควัต-คีตาฺ  เช่นกัน  ได้กล่าวไว้ว่าอารจุนะทรงภาวนาเพื่อให้เห็นรูปลักษณ์สี่กรของคริชณะ  (เทไนวะ  รูเพณะ  ชะทุร-  บํุเจนะฺ)  หลังจากที่ได้รับคำขอร้องจากอารจุนะ  คริชณะทรงเปิดเผยรูปลักษณ์นี้และแล้วทรงกลับคืนมาสู่ร่างเดิมของพระองค์ที่คล้ายมนุษย์  (มานุชัม  รูพัมฺ)  ลักษณะต่าง  ๆ  ขององค์ภควานเหล่านี้แน่นนอนว่าไม่เหมือนกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไป

พวกที่เยาะเย้ยคริชณะและพวกที่ติดเชื้อโรคจากปรัชญามายาวดี  อ้างโศลกนี้จาก  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (3.29.21)  เพื่อพิสูจน์ว่าคริชณะทรงเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาสามัญ  อฮัม  สารเวชุ  บํูเทชุ  บํูทาทมาวัสทิฺทะฮ  สะดาฺ  “องค์ภควานทรงปรากฏอยู่ในทุกๆชีวิต”  เราควรสังเกตโศลกนี้โดยเฉพาะจาก  ไวชณะวะ  อาชารยะฺ  เช่น  จีวะ  โก-สวามี  และ  วิชวะนาทฺะ  ชัคระวารที  ทฺาคุระ  แทนที่จะไปตามการตีความของบุคคลผู้ไม่น่าเชื่อถือที่เย้นหยันคริชณะ  จีวะ  โกสวามี  อธิบายโศลกนี้ด้วยการกล่าวว่า  คริชณะในภาคแบ่งแยกที่สมบูรณ์ของพระองค์ในรูป  พะระมาทมาฺ  สถิตในสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนไหวและไม่เคลื่อนไหวในฐานะที่เป็นอภิวิญญาณ  ดังนั้น  สาวกนวกะรูปใดที่ให้ความสนใจกับ  อารชา-มูรทิฺ  รูปลักษณ์ขององค์ภควานในวัด  และไม่เคารพสิ่งมีชีวิตอื่น  ๆ  บูชารูปลักษณ์ของพระองค์ในวัดอย่างไร้ประโยชน์  มีสาวกขององค์ภควานอยู่สามระดับ  นวกะอยู่ในระดับต่ำสุด  สาวกนวกะให้ความสนใจกับพระปฏิมาในวัดมากกว่าสาวกรูปอื่น  ๆ  ดังนั้นวิชวะนาทฺะ  ชัคระวารที  ทฺาคุระ  เตือนว่า  ความรู้สึกนึกคิดเช่นนี้ควรแก้ไขปรับปรุง  สาวกควรเห็นว่าเนื่องจากคริชณะทรงปรากฏอยู่ในหัวใจของทุกคนในรูป  พะระมาทมาฺ  ทุกคนจึงเป็นรูปร่างหรือวัดของพระองค์  ดังนั้น  เมื่อแสดงความเคารพต่อวัดของพระองค์  ก็ควรให้ความเคารพต่อทุกคนอย่างเหมาะสม  เพราะ  พะระมาทมาฺ  ทรงประทับอยู่ภายในทุกร่าง  ดังนั้น  ทุกคนควรได้รับความเคารพอย่างเหมาะสมโดยไม่ควรถูกละเลย

มีผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์มากมายเช่นกันที่เยาะเย้ยการบูชาในวัด  โดยกล่าวว่าเนื่องจากพระผู้เป็นเจ้าทรงประทับอยู่ทุกหนทุกแห่งแล้วทำไมจึงต้องจำกัดตัวเองกับการบูชาอยู่ในวัดเท่านั้น?  แต่เมื่อทรงอยู่ทุกหนทุกแห่งแล้วพระองค์ทรงมิได้อยู่ในวัดหรือในพระปฏิมาด้วยหรือ?  ถึงแม้ว่าผู้เชื่อในรูปลักษณ์และผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์จะถกเถียงกันตลอดเวลา  สาวกผู้สมบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึกทราบว่า  ถึงแม้คริชณะทรงเป็นองค์ภควาน  พระองค์ทรงแผ่กระจายไปทั่ว  ดังที่ได้ยืนยันไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  แม้ว่าพระตำหนักส่วนพระองค์คือ  โกโลคะ  วรินดาวะนะ  และประทับอยู่ที่นั่นตลอดเวลาด้วยปรากฏการณ์ของพลังงานอันหลากหลายและด้วยภาคที่แบ่งแยกอันสมบูรณ์  องค์ภควานทรงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งในทุกส่วนของการสร้างทั้งวัตถุและทิพย์

โศลก 12

โมกฺาชา โมกฺะ-คารมาโณ
โมกฺะ-กยานา วิเชทะสะฮฺ

ราคชะสีม อาสุรีม ไชวะ
พระคริทิม โมฮินีม ชริทาฮฺ

โมกฺะ-อาชาฮฺ  -  ล้มเหลวในความหวังของพวกเขา, โมกฺะฺ  -  คารมาณะฮฺ  -  ล้มเหลวในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, โมกฺะ-กยานาฺ  -  ล้มเหลวในความรู้, วิเชทะสะฮฺ  -  สับสน, ราคชะสีมฺ  -  มาร, อาสุรีมฺ  -  ผู้ไม่เชื่อในองค์ภควาน, ชะฺ  -  และ, เอวะฺ  -  แน่นอน, พระคริทิมฺ  -  ธรรมชาติ, โมฮินีมฺ  -  สับสน, ชริทาฮฺ  -  ไปพึ่ง

คำแปลฺ

พวกที่สับสนจะชอบทัศนะคติของมารและทัศนะคติที่ไม่เชื่อในองค์ภควาน  ในสภาวะแห่งความหลงนั้น  ความหวังเพื่อความหลุดพ้น  กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุและการพัฒนาความรู้ของพวกเขาทั้งหมดล้มเหลว

คำอธิบายฺ

มีสาวกมากมายที่อ้างตนเองว่าอยู่ในคริชณะจิตสำนึก  และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  แต่ในหัวใจไม่ยอมรับคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าว่าเป็นสัจธรรมที่สมบูรณ์  สำหรับพวกนี้ผลแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  และการกลับคืนสู่องค์ภควานจะไม่มีวันได้รับรส  ทำนองเดียวกัน  พวกที่ปฏิบัติตนในกิจกรรมเพื่อผลบุญและในที่สุดหวังจะหลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุนี้  ก็ไม่มีวันประสบผลสำเร็จเช่นกัน  เพราะเยาะเย้ยองค์ภควานชรีคริชณะ  อีกนัยหนึ่ง  บุคคลผู้หัวเราะเยาะคริชณะ  เข้าใจได้ว่าเป็นมารหรือผู้ไม่เชื่อในองค์ภควาน  ดังที่ได้อธิบายไว้ในบทที่เจ็ดของ  ภควัต-คีตาฺ  คนมารสารเลวเช่นนี้ไม่มีวันศิโรราบต่อคริชณะ  ดังนั้น  การคาดคะเนทางจิตเพื่อหวังที่จะมาถึงซึ่งสัจธรรมจะนำพวกเขาไปถึงจุดสรุปที่ผิด  ๆ  ว่าสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปและคริชณะเป็นหนึ่งเดียวกันและเหมือนกัน  ด้วยความเชื่อมั่นที่ผิดเช่นนี้  พวกเขาคิดว่าร่างกายของมนุษย์ปัจจุบันนี้ถูกปกคลุมด้วยธรรมชาติวัตถุ  และทันทีที่หลุดพ้นจากร่างวัตถุนี้  จะไม่มีข้อแตกต่างระหว่างองค์ภควานและตัวเขา  ความพยายามในการที่จะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับคริชณะเช่นนี้จะพบกับความล้มเหลว  อันเนื่องมาจากความหลงผิด  การพัฒนาความรู้ทิพย์ของผู้ไม่เชื่อในองค์ภควานและหมู่มารเช่นนี้จะหาประโยชน์อันใดมิได้เลยนี่คือจุดที่โศลกนี้แสดงให้เห็น  สำหรับบุคคลเหล่านี้การพัฒนาความรู้ในวรรณกรรมพระเวท  เช่น  เวดานธะ-สูทระ  และ  อุพะนิชัดฺ  จะพบแต่ความล้มเหลวอยู่เสมอ

ฉะนั้น  จึงเป็นข้อผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงที่พิจารณาว่าองค์ภควานคริชณะทรงเป็นบุคคลธรรมดาสามัญ  ผู้ที่คิดเช่นนี้แน่นอนว่าอยู่ในความหลงเพราะไม่สามารถเข้าใจรูปลักษณ์อมตะของคริชณะ  บริฮัด-วิชณุ-สมริทิฺ  กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า

โย เวททิ โบฺทิคัม เดฮัม
คริชณัสยะ พะระมาทมะนะฮฺ

สะ สารวัสมาด บะฮิช-คารยะฮ
ชโรทะ-สมารทะ-วิดฺานะทะฮฺ

มุคัฺม ทัสยาวะโลคยาพิ
สะ-เชลัม สนานัม อาชะเรทฺ

“ผู้ใดพิจารณาว่าร่างกายของคริชณะเป็นวัตถุควรถูกขับไล่ให้ออกไปจากพิธีกรรมและกิจกรรมแห่ง  ชรุทิฺ  และ  สมริทิฺ  ทั้งหมด  และเมื่อใดหากใครเห็นหน้าคนนี้อีก  ควรอาบน้ำในแม่น้ำคงคาทันทีเพื่อชะล้างโรคร้ายนี้ให้ออกไป”  คนที่เย้ยหยันคริชณะอันเนื่องมาจากความอิจฉาริษยาพระองค์  จุดหมายปลายทางคือต้องเกิดในเผ่าพันธุ์ชีวิตของพวกที่ไม่เชื่อถือในองค์ภควานและพวกมารอีกชาติแล้วชาติเล่าอย่างแน่นอน  ความรู้อันแท้จริงของพวกนี้จะยังคงอยู่ภายใต้ความหลงชั่วกัลปวสาน  และจะค่อย  ๆ  ตกลงต่ำไปสู่แหล่งที่มืดมิดที่สุดแห่งการสร้าง

โศลก 13

มะฮาทมานัส ทุมาม พารทฺะ
ไดวีม พระคริทิม อาชริทาฮฺ

บฺะจันทิ อนันยะ-มะนะโส
กยาทวา บํูทาดิม อัพยะยัมฺ

มะฮา-อาทมานะฮฺ  -  เหล่าดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่, ทฺุ  -  แต่, มาม-แด่ข้า, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, ไดวีมฺ  -  ทิพย์, พระคริทิมฺ  -  ธรรมชาติ, อาชริทาฮฺ  -  ได้รับเอาเป็นที่พึ่ง, บฺะจันทิฺ  -  ถวายการรับใช้, อนันยะฺ  -  มะนะสะฮฺ  -  ปราศจากการเบี่ยงเบนของจิตใจ, กยาทวาฺ  -  รู้, บํูทะฺ  -  ของการสร้าง, อาดีมฺ  -  เดิม, อัพยะยัม-ไม่มีที่สิ้นสุด

คำแปลฺ

โอ้  โอรสพระนางพริทฺา  เหล่าดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่อยู่ในความหลงอยู่ภายใต้การปกป้องของธรรมชาติทิพย์  และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างเต็มที่เพราะพวกเขาทราบว่าข้าคือภควานองค์เดิม  และไม่มีที่สิ้นสุด

คำอธิบายฺ

ในโศลกนี้อธิบายถึงคำว่า  มะฮาทมาฺ  อย่างชัดเจน  ลักษณะอาการแรกของ  มะฮาทมาฺ  คือ  เขาสถิตในธรรมชาติทิพย์เรียบร้อยแล้ว  และมิได้อยู่ภายใต้การควบคุมของธรรมชาติวัตถุ  เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?  ได้อธิบายไว้ในบทที่เจ็ดว่า  ผู้ใดที่ศิโรราบต่อชรีคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าจะได้รับอิสรภาพจากการควบคุมของธรรมชาติวัตถุ  นี่คือคุณสมบัติ  ทันทีที่ดวงวิญญาณศิโรราบต่อองค์ภควาน  นั่นคือสูตรพื้นฐานในฐานะที่เป็นพลังงานพรมแดน  ทันทีที่สิ่งมีชีวิตได้รับอิสรภาพจากการควบคุมของธรรมชาติวัตถุ  เขาจะอยู่ภายใต้การนำทางของธรรมชาติทิพย์  การนำทางของธรรมชาติทิพย์เรียกว่า  ไดวี  พระคริทิฺ  ดังนั้น  เมื่อได้รับการส่งเสริมเช่นนี้  ด้วยการศิโรราบต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  เขาบรรลุถึงระดับของดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่  มะฮาทมาฺ

มะฮาทมาฺ  จะไม่เบี่ยงเบนสมาธิของตนเองไปกับสิ่งอื่นใดนอกจากคริชณะ  เพราะทราบดีว่าคริชณะคือบุคคลสูงสุดองค์เดิม  แหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวงโดยไม่มีข้อสงสัย  มะฮาทมาฺ  หรือดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่นี้พัฒนาจากการมาคบหาสมาคมกับ  มะฮาทมาฺหรือสาวกผู้บริสุทธิ์  เหล่าสาวกผู้บริสุทธิ์จะไม่ยึดติดแม้แต่กับรูปลักษณ์อื่นของคริชณะ  เช่น  มะฮา-วิชณฺุ  สี่กร  แต่จะยึดมั่นอยู่กับรูปลักษณ์สองกรของคริชณะเท่านั้น  โดยไม่ยึดติดกับรูปลักษณ์อื่นใดของพระองค์  และไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับรูปลักษณ์ใด  ๆ  ของเทวดาหรือมนุษย์  ท่านเพียงแต่ทำสมาธิอยู่ที่คริชณะในคริชณะจิตสำนึก  และปฏิบัติรับใช้โดยตรงต่อพระองค์ในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอเท่านั้น

โศลก 14

สะทะทัม คีรทะยันโท มาม
ยะทันทัช ชะดริดฺะ-วระทาฮฺ

นะมัสยันทัช ชะ มาม บัฺคธยา
นิทยะ-ยุคทา อุพาสะเทฺ

สะทะทัมฺ  -  เสมอ, คีรทะยันทะฮฺ  -  สวดภาวนา, มามฺ  -  เกี่ยวกับข้า, ยะทันทะฮฺ  -  พยายามอย่างเต็มที่, ชะฺ  -  เช่นกัน, ดริดฺะ-วระทาฮฺ  -  ด้วยความมั่นใจ, นะมัสยันทะฮฺ  -  ถวายความเคารพ, ชะฺ  -  และ, มามฺ  -  ข้า, บัฺคธยาฺ  -  ในการอุทิศตนเสียสละ, นิทยะ-ยุคทาฮฺ  -  ปฏิบัติชั่วกัลปวสาน, อุพาสะเทฺ  -  บูชา

คำแปลฺ

สวดภาวนาพระบารมีของข้าเสมอ  พยายามด้วยความมั่นใจอย่างแน่วแน่  ก้มลงกราบต่อหน้าข้า  ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้บูชาข้านิรันดรด้วยการอุทิศตนเสียสละ

คำอธิบายฺ

มะฮาทมาฺ  ไม่ใช่ผลิตขึ้นมาด้วยการตีแสตมป์ไปที่คนธรรมดา  ลักษณะอาการของ  มะฮาทมาฺ  ได้อธิบายไว้ดังนี้  มะฮาทมาฺ  ปฏิบัติในการสวดภาวนาพระบารมีขององค์ภควานคริชณะอยู่ตลอดเวลา  และไม่มีภาระกิจอื่นใดนอกจากปฏิบัติในการสรรเสริญพระองค์  อีกนัยหนึ่ง  เขาไม่ใช่ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์  เมื่อมีคำถามเกี่ยวกับองค์ภควาน  เขาต้องสรรเสริญ  สรรเสริญพระนามอันศักดิ์สิทธิ์  รูปลักษณ์อมตะ  คุณสมบัติทิพย์  และลีลาอันไม่ธรรมดาของพระองค์  เขาต้องสรรเสริญทั้งหมดนี้  ดังนั้น  มะฮาทมาฺ  จึงยึดมั่นอยู่กับองค์ภควาน

ผู้ที่ยึดติดอยู่กับลักษณะอันไร้รูปลักษณ์ขององค์ภควาน  บระฮมะจโยทิฺ  มิได้อธิบายว่าเป็น  มะฮาทมา  ภควัต-คีตาฺ  โศลกต่อไปจะอธิบายถึงความแตกต่าง  มะฮาทมาฺปฏิบัติในกิจกรรมแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่าง  ๆ  นานาตลอดเวลา  ดังที่ได้อธิบายไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  เช่นการสดับฟังและการสวดภาวนาเกี่ยวกับพระวิชณุ  ไม่ใช่เกี่ยวกับเทวดาหรือมนุษย์  นั่นคือการอุทิศตนเสียสละ  ชระวะณัม  คีรทะนัม  วิชโณฮ  และ  สมะระฌัมฺระลึกถึงพระองค์  มะฮาทมาฺ  ผู้นี้มีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่เพื่อบรรลุถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดในการคบหาสมาคมกับองค์ภควานหนึ่งในห้าระสะทิพย์ฺ  เพื่อบรรลุถึงผลสำเร็จนั้น  เขาปฏิบัติกิจกรรมทั้งหลายไม่ว่าจะด้วยจิตใจ  ร่างกาย  และคำพูด  ทุกสิ่งทุกอย่างปฏิบัติในการรับใช้องค์ภควานชรีคริชณะ  เช่นนี้เรียกว่าคริชณะจิตสำนึกโดยสมบูรณ์

ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้มีกิจกรรมบางอย่างที่เรียกว่ามุ่งมั่น  เช่นการอดอาหารบางวัน  เช่นวันขึ้นสิบเอ็ดค่ำและวันแรมสิบเอ็ดค่ำซึ่งเรียกว่าวัน  เอคาดะชีฺ  และวันเสด็จลงมาขององค์ภควาน  กฎเกณฑ์ทั้งหลายนี้  อาชารยะฺ  ผู้ยิ่งใหญ่ได้ให้ไว้สำหรับพวกที่สนใจที่จะได้รับอนุญาตให้มาอยู่ใกล้ชิดกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าในโลกทิพย์อย่างแท้จริง  มะฮาทมาดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ถือปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ทั้งหมดอย่างฺเคร่งครัด  และจะบรรลุถึงผลดังใจปรารถนาอย่างแน่นอน

ดังที่ได้อธิบายไว้ในโศลกสองของบทนี้ว่า  การอุทิศตนเสียสละรับใช้นี้ไม่เพียงง่ายเท่านั้น  แต่ยังสามารถปฏิบัติได้ด้วยอารมณ์ที่มีความสุข  ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติการบำเพ็ญเพียรและสมถะอย่างเคร่งเครียด  เราสามารถใช้ชีวิตนี้ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ซึ่งพระอาจารย์ทิพย์ผู้ชำนาญเป็นผู้นำทาง  เราอาจเป็น  คฤหัสถ์  สันนยาสีฺ  หรือ  บระฮมะชารีฺ  ไม่ว่าจะอยู่ในสถานภาพเช่นไรและสถานที่แห่งใดในโลก  เราสามารถปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าได้  และกลายมาเป็น  มะฮาทมาฺดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง

โศลก 15

กยานะ-ยะกเยนะ ชาพิ อันเย
ยะจันโท มาม อุพาสะเทฺ

เอคัทเวนะ พริทัฺคทเวนะ
บะฮุดฺา วิชวะโท-มุคัฺมฺ

กยานะ-ยะกเยนะฺ  -  ด้วยการพัฒนาความรู้, ชะ-เช่นกัน, อพิฺ  -  แน่นอน, อันเยฺ  -  ผู้อื่น, ยะจันทะฮฺ  -  บูชา, มามฺ  -  ข้า, อุพาสะเทฺ  -  บูชา, เอคัทเวนะฺ  -  ในความเป็นหนึ่ง, พริทัฺคทเวนะฺ  -  ในสิ่งคู่, บะฮุดฺาฺ  -  ในพหุภาค, วิชวะทะฮ-มุคัฺมฺ  -  และในรูปลักษณ์จักรวาล

คำแปลฺ

บุคคลอื่นๆ  ปฏิบัติการบูชาด้วยการพัฒนาความรู้  บูชาองค์ภควานในฐานะที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง  ในฐานะที่เป็นพหุภาค  และในรูปลักษณ์จักรวาล

คำอธิบายฺ

โศลกนี้เป็นบทสรุปของโศลกก่อน  ๆ  องค์ภควานตรัสแด่อารจุนะว่าผู้ที่มีคริชณะจิตสำนึกอย่างบริสุทธิ์  ไม่รู้จักสิ่งใดนอกจากคริชณะเรียกว่า  มะฮาทมาฺ  ถึงกระนั้น  ยังมีบุคคลอื่น  ๆ  ผู้ไม่อยู่ในตำแหน่ง  มะฮาทมาฺ  โดยแท้จริง  แต่ยังบูชาคริชณะในวิธีต่าง  ๆ  ดังที่ได้อธิบายไว้แล้วว่าบางคนอยู่ในความทุกข์  บางคนขาดแคลนเงิน  บางคนชอบถาม  และบางคนปฏิบัติในการพัฒนาความรู้  แต่ยังมีพวกที่ต่ำกว่าซึ่งแบ่งออกเป็นสามพวกคือ  (1)  ผู้ที่บูชาตนเองว่าเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน  (2)  ผู้ที่อุปโลกคิดรูปลักษณ์ขององค์ภควานขึ้นมาและบูชารูปลักษณ์นั้น  และ  (3)  ผู้ที่ยอมรับรูปลักษณ์จักรวาล  วิชวะรูพะฺ  ขององค์ภควานและบูชารูปลักษณ์นั้น  จากที่กล่าวมาทั้งสามกลุ่ม  กลุ่มที่บูชาตนเองว่าเป็นองค์ภควานถือว่าต่ำสุดที่คิดว่าตนเองและพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกัน  กลุ่มนี้มีมากที่สุด  บุคคลเหล่านี้คิดว่าตนเองเป็นองค์ภควาน  และด้วยความคิดเช่นนี้จึงบูชาตนเองเช่นนี้  ก็เป็นการบูชาพระองค์อีกรูปแบบหนึ่ง  เพราะเข้าใจว่าตนเองไม่ใช่ร่างกายวัตถุ  แต่อันที่จริงเป็นดวงวิญญาณ  อย่างน้อยที่สุดความรู้สึกนึกคิดแบบนี้เด่นชัด  โดยทั่วไปพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์บูชาองค์ภควานแบบนี้  พวกที่สองรวมไปถึงกลุ่มที่บูชาเทวดา  โดยใช้จินตนาการพิจารณาว่ารูปลักษณ์ใด  ๆ  ก็เป็นรูปลักษณ์ขององค์ภควาน  พวกที่สามรวมไปถึงกลุ่มที่ไม่สามารถสำเหนียกสิ่งใดนอกเหนือไปจากปรากฏการณ์ของจักรวาลวัตถุนี้  โดยพิจารณาว่าจักรวาลคือสิ่งมีชีวิตที่สูงสุดและบูชาจักรวาลนี้  จักรวาลก็เป็นรูปลักษณ์ขององค์ภควานเช่นเดียวกัน

โศลก 16

อฮัม คระทุร อฮัม ยะกยะฮ
สวะดฺาฮัม อฮัม โอชะดัมฺ

มันโทร ฮัม อฮัม เอวาจยัม
อฮัม อักนิร อฮัม ฮุทัมฺ

อฮัมฺ  -  ข้า, คระทุฮฺ  -  พิธีกรรมพระเวท, อฮัม-ข้า, ยะกยะฮ-สมริทิฺ  -  การบูชา, สวะดฺาฺ  -  บวงสรวง, อฮัมฺ  -  ข้า, อฮัมฺ  -  ข้า, โอชะดัฺมฺ  -  สมุนไพรรักษาโรค, มันทระฮฺ  -  บทมนต์ทิพย์, อฮัมฺ  -  ข้า , อฮัมฺ  -  ข้า, เอวะฺ  -  แน่นอน, อาจยัมฺ  -  เนยที่ละลาย, อฮัมฺ  -  ข้า, อักนิฮฺ  -  ไฟ, อฮัมฺ  -  ข้า, ฮุทัมฺ  -  ถวาย

คำแปลฺ

แต่ข้าคือพิธีบูชา  ข้าคือการบูชา  ข้าคือเครื่องถวายให้แก่บรรพบุรุษ  ข้าคือสมุนไพรรักษาโรค  ข้าคือบทมนต์ทิพย์  ข้าคือเนย  ข้าคือไฟ  และข้าคือเครื่องถวาย

คำอธิบายฺ

พิธีบูชาพระเวทชื่อว่า  จโยทิชโทมะฺ  คือคริชณะเช่นเดียวกัน  พระองค์ทรงเป็น  มะฮา-ยะกยะฺ  ที่กล่าวไว้ใน  สมริทิฺ  การบวงสรวงที่ถวายให้  พิทริโลคะฺ  การปฏิบัติพิธีบูชาเพื่อให้  พิทริโลคะฺ  พึงพอใจ  พิจารณาว่าเป็นยาชนิดหนึ่งในรูปของเนยใสคือคริชณะเช่นเดียวกัน  บทมนต์ภาวนาสัมพันธ์กันนี้คือคริชณะเช่นกัน  และสิ่งของอื่น  ๆ  มากมายที่ทำมาจากผลิตภัณฑ์นมเพื่อถวายในพิธีบูชาคือคริชณะเช่นเดียวกัน  ไฟก็คือคริชณะเพราะว่าไฟเป็นหนึ่งในห้าวัตถุธาตุ  ดังนั้น  จึงอ้างได้ว่าเป็นพลังงานที่แบ่งแยกออกมาจากคริชณะ  พิธีบูชาพระเวทที่แนะนำไว้ในภาคของคารมะ-คาณดะฺ  ในคัมภีร์พระเวทรวมทั้งหมดคือคริชณะเช่นกัน  อีกนัยหนึ่งพวกที่ปฏิบัติถวายการอุทิศตนรับใช้แด่คริชณะเข้าใจว่าได้ปฏิบัติพิธีการบูชาทั้งหลายที่แนะนำไว้ในคัมภีร์พระเวทเสร็จสิ้นแล้ว

โศลก 17

พิทาฮัม อัสยะ จะกะโท
มาทา ดฺาทา พิทา มะฮะฮฺ

เวดยัม พะวิทรัม โอมคาระ
ริค สามะ ยะจุร เอวะ ชะฺ

พิทาฺ  -  บิดา, อฮัมฺ  -  ข้า, อัสยะฺ  -  ของสิ่งนี้, จะกะทะฮฺ  -  จักรวาล, มาทาฺ  -  มารดา, ดฺาทาฺ  -  ผู้สนับสนุน, พิทามะฮะฮฺ  -  ปู่ ตา, เวดยัมฺ  -  อะไรที่ควรรู้, พะวิทรัมฺ  -  สิ่งที่บริสุทธิ์, โอม-คาระฺ  -  พยางค์โอม, ริคฺ  -  ริกเวท,สามะฺ  -  สามะเวท, ยะจุฮฺ  -  ยะจุรเวท, เอวะฺ  -  แน่นอน, ชะฺ  -  และ

คำแปลฺ

ข้าคือบิดาของจักรวาลนี้  มารดา  ผู้ค้ำจุน  และบรรพบุรุษ  ข้าคือจุดมุ่งหมายแห่งความรู้  ผู้ทำให้บริสุทธิ์  และคำพยางค์โอม  ข้าคือริกเวท  สามะเวท  และยะจุรเวทเช่นเดียวกัน

คำอธิบายฺ

ปรากฏการณ์ในจักรวาลทั้งหมดทั้งที่เคลื่อนที่และไม่เคลื่อนที่ปรากฏออกมาด้วยกิจกรรมต่าง  ๆ  แห่งพลังงานของคริชณะ  ในความเป็นอยู่ทางวัตถุ  เราสร้างความสัมพันธ์ต่าง  ๆ  กับสิ่งมีชีวิต  ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นพลังงานพรมแดนของคริชณะ  ภายใต้การสร้างของ  พระคริทิฺ  บางคนปรากฏเป็นบิดา  มารดา  คุณปู่  คุณตา  ผู้สร้าง  ฯลฯ  ของเรา  แต่อันที่จริงพวกท่านเป็นละอองอณูของคริชณะ  ในโศลกนี้คำว่า  ดฺาทาฺ  หมายถึง  “ผู้สร้าง”  ไม่เพียงแต่บิดาและมารดาของเราเป็นละอองอณูของคริชณะเท่านั้น  แต่ผู้สร้างคุณย่า  คุณยายและคุณปู่  คุณตา  ฯลฯ  ก็คือคริชณะเช่นเดียวกัน  อันที่จริงสิ่งมีชีวิตใด  ๆ  ที่เป็นละอองอณูของคริชณะคือคริชณะ  ดังนั้น  คัมภีร์พระเวททั้งหมดตั้งเป้าไปสู่องค์ชรีคริชณะเท่านั้น  อะไรก็แล้วแต่ที่เราต้องการรู้ผ่านทางคัมภีร์พระเวทเป็นเพียงความเจริญก้าวหน้าไปสู่ความเข้าใจคริชณะ  ประเด็นที่ช่วยทำให้สถานภาพพื้นฐานของเราบริสุทธิ์ขึ้นคือคริชณะโดยเฉพาะในลักษณะเดียวกัน  สิ่งมีชีวิตผู้ชอบถามเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคัมภีร์พระเวททั้งหมดก็เป็นละอองอณูของคริชณะ  ดังนั้น  คือ  คริชณะเช่นกัน  ใน  มันทระฺ  พระเวททั้งหมดคำว่า  โอมฺ  เรียกว่า  พระณะวะฺ  เป็นคลื่นเสียงทิพย์คือคริชณะเช่นเดียวกัน  และเนื่องจากในบทมนต์ทั้งหมดของพระเวททั้งสี่เล่ม  เช่น  สามะ,  ยะจุร,  ริก,ฺ  และ  อทฺารวะ-พระณะวะ  หรือ  โอมคาระฺ  โดดเด่นมาก  เข้าใจกันว่าคือคริชณะ

โศลก 18

กะทิร บฺารทา พระบํุฮ สาคชี
นิวาสะฮ ชะระฌัม สุฮริทฺ

พระบฺะวะฮ พระละยะฮ สทฺานัม
นิดฺานัม บีจัม อัพยะยัมฺ

กะทิฮฺ  -  จุดมุ่งหมาย, บฺารทาฺ  -  ผู้ค้ำจุน, พระบํุฮฺ  -  ภควาน, สาคชีฺ  -  พยางค์, นิวาสะฮฺ  -  พระตำหนัก, ชะระฌัมฺ  -  ร่มโพธิ์ร่มไทร, สุ-ฮริทฺ  -  เพื่อนที่ใกล้ชิดที่สุด, พระบฺะวะฮฺ  -  การสร้าง, พระละยะฮฺ  -  การทำลาย, สทฺานัมฺ  -  ฟื้น, นิดฺานัมฺ  -  ที่พัก, บีจัมฺ  -  เมล็ดพันธุ์, อัพยะยัมฺ  -  ไม่มีวันสูญสลาย

คำแปลฺ

ข้าคือจุดมุ่งหมาย  ผู้ค้ำจุน  อาจารย์  พยาน  ตำหนัก  ร่มโพธิ์ร่มไทร  และเพื่อนที่รักที่สุด  ข้าคือการสร้างและการทำลาย  พื้นฐานของทุกสิ่งทุกอย่าง  ข้าคือที่พักและเมล็ดพันธุ์นิรันดร

คำอธิบายฺ

กะทิหมายถึงจุดมุ่งหมายที่เราต้องการไปฺ  แต่จุดมุ่งหมายสูงสุดคือคริชณะ  ถึงแม้ว่าผู้คนไม่รู้  ผู้ที่ไม่รู้คริชณะจะถูกนำไปในทางที่ผิด  และสิ่งที่สมมติว่าเป็นขบวนการในความเจริญก้าวหน้าเป็นเพียงส่วนหนึ่งหรือเป็นภาพหลอน  มีหลายคนที่มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่เทวดา  และจากการปฏิบัติตามวิธีการต่าง  ๆ  อย่างเคร่งครัดจะบรรลุถึงดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  เช่น  ชันดระโลคะ  สูรยะโลคะ  อินดระโลคะ  มะฮารโลคะ  ฯลฯ  แต่โลคะหรือดาวเคราะห์ทั้งหลายเหล่านี้เป็นการสร้างของคริชณะ  เป็นคริชณะและไม่เป็นคริชณะในขณะเดียวกัน  ดาวเคราะห์เหล่านี้เป็นปรากฏการณ์แห่งพลังงานของคริชณะ  ก็เป็นคริชณะเช่นเดียวกัน  แต่อันที่จริงดาวเคราะห์เหล่านี้ทำหน้าที่เป็นเพียงขั้นบันไดไปสู่ความรู้แจ้งคริชณะ  การเข้าหาพลังงานต่าง  ๆ  ของคริชณะเป็นการเข้าหาคริชณะทางอ้อม  เราควรเข้าหาคริชณะโดยตรง  เพราะจะประหยัดเวลาและพลังงาน  ตัวอย่างเช่น  หากเป็นไปได้ที่จะขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารโดยลิฟท์  แล้วทำไมต้องขึ้นไปทางบันไดทีละขั้น?  ทุกอย่างอิงอยู่ที่พลังงานของคริชณะ  ปราศจากที่พึ่งแห่งคริชณะจะไม่มีสิ่งใดสามารถอยู่ได้  คริชณะทรงเป็นผู้ปกครองสูงสุดเพราะว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของพระองค์  และทุกสิ่งทุกอย่างอยู่บนพลังงานของพระองค์  คริชณะทรงสถิตในหัวใจของทุกชีวิต  ทรงเป็นพยานสูงสุด  ประเทศต่าง  ๆ  หรือดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  ที่เราอาศัยอยู่ก็เป็นคริชณะเช่นเดียวกัน  คริชณะทรงเป็นจุดมุ่งหมายและที่พึ่งสูงสุด  ฉะนั้น  เราควรพึ่งองค์ชรีคริชณะเพื่อการปกป้องคุ้มครอง  หรือเพื่อทำลายล้างความทุกข์โศก  และเมื่อใดที่เราต้องการการปกป้องคุ้มครอง  เราควรรู้ว่าการปกป้องคุ้มครองของพวกเรานั้นจะต้องเป็นพลังงานชีวิต  คริชณะทรงเป็นชีวิตที่สูงสุดเนื่องจากคริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดของพวกเรา  หรือเป็นพระบิดาสูงสุด  ไม่มีผู้ใดจะเป็นเพื่อนที่ดีไปกว่าคริชณะ  หรือผู้ใดจะมาเป็นผู้ปรารถนาดีที่ดีไปกว่าคริชณะ  คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดเดิมแท้ของการสร้าง  และเป็นที่พักพิงขั้นสุดท้ายหลังการทำลายล้าง  ดังนั้น  องค์ชรีคริชณะจึงทรงเป็นแหล่งกำเนิดนิรันดรของแหล่งกำเนิดทั้งปวง

โศลก 19

ทะพามิ อฮัม อฮัม วารชัม
นิกริฮณามิ อุทสริจามิ ชะฺ

อัมริทัม ไชวะ มริทยุช ชะ
สัด อสัช ชาฮัม อารจะนะฺ

ทะพามิฺ  -  ให้ความร้อน, อฮัมฺ  -  ข้า, อฮัมฺ  -  ข้า, วารชัมฺ  -  ฝน, นิกริฮณามิฺ  -  ยับยั้ง, อุทสริจามิฺ  -  ส่งออกไป, ชะฺ  -  และ, อัมริทัมฺ  -  อมฤตยู, ชะฺ  -  และ, เอวะฺ  -  แน่นอน, มริทยุฮฺ  -  ความตาย, ชฺุ  -  เช่นกัน, สัทฺ  -  วิญญาณ, อสัทฺ  -  วัตถุ, ชะฺ  -  และ, อฮัมฺ  -  ข้า, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ

คำแปลฺ

โอ้  อารจุนะ  ข้าให้ความร้อน  และข้าเป็นผู้ยับยั้งและผู้ส่งฝน  ข้าคืออมฤตยู  และข้าคือมฤตยูด้วยเช่นกัน  ทั้งดวงวิญญาณและวัตถุอยู่ในข้า

คำอธิบายฺ

ด้วยพลังต่าง  ๆ  ของคริชณะที่แผ่กระจายความร้อนและแสงผ่านทางผู้แทนเช่นไฟฟ้าและดวงอาทิตย์  ในฤดูร้อนคริชณะทรงเป็นผู้ยับยั้งฝนไม่ให้ตกลงมาจากฟากฟ้าและในฤดูฝนคริชณะทรงให้ฝนตกลงมาอย่างมากมาย  พลังงานที่ค้ำจุนพวกเรา  ด้วยการให้ชีวิตของพวกเราอยู่ยืนยาวคือคริชณะ  และคริชณะทรงพบพวกเราตอนจบในรูปของความตาย  จากการวิเคราะห์พลังงานต่าง  ๆ  เหล่านี้ทั้งหมดของคริชณะ  ทำให้มั่นใจได้ว่าสำหรับคริชณะทรงไม่มีข้อแตกต่างระหว่างวัตถุและวิญญาณ  หรืออีกนัยหนึ่งพระองค์ทรงเป็นทั้งวัตถุและวิญญาณ  ดังนั้น  ในระดับสูงของคริชณะจิตสำนึกไม่มีการแบ่งแยก  จะเห็นแต่คริชณะในทุกสิ่งทุกอย่างเท่านั้น

เนื่องจากคริชณะทรงเป็นทั้งวัตถุและวิญญาณ  รูปลักษณ์จักรวาลอันมหึมาที่รวมปรากฏการณ์ทางวัตถุเข้าด้วยกันทั้งหมดคือคริชณะเช่นเดียวกัน  และลีลาของพระองค์ในรูปของ  ชยามะสุนดะระ  สองกร  ทรงขลุ่ย  อยู่ที่วรินดาวะนะก็เป็นลีลาของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า

โศลก 20

ไทร-วิฺดยา มาม โสมะ-พาฮ พูทะ-พาพา
ยะกไยร อิชทวา สวาร-กะทิม พรารทฺะยันเทฺ

เท พุณยัม อาสาดยะ สุเรนดระ-โลคัม
อัชนันทิ ดิพยาน ดิวิ เดวะ-โบฺกานฺ

ไทร-วิดยาฮฺ  -  ผู้รู้พระเวททั้งสาม, มามฺ  -  ข้า, โสมะ-พาฮฺ  -  พวกที่ดื่มน้ำ โสมะฺ, พูทะฺ  -  บริสุทธิ์ขึ้น, พาพาฮฺ  -  จากความบาป, ยะกไยฮฺ  -  ด้วยการบูชา, อิชทวาฺ  -  การบูชา, สวะฮ-กะทิมฺ  -  วิถีทางสู่สวรรค์, พรารทฺะยันเทฺ  -  สวดมนต์เพื่อ, เทฺ  -  พวกเขา, พุณยัมฺ  -  บุญ, อาสาดยะฺ  -  บรรลุ, สุระ-อินดระฺ  -  ของพระอินทร์, โลคัมฺ  -  โลก, อัชนันทิฺ  -  ความสุข, ดิพยานฺ  -  ชาวสวรรค์, ดิวิฺ  -  บนสวรรค์, เดวะ-โบฺกานฺ  -  ความสุขของชาวสวรรค์

คำแปลฺ

พวกที่ศึกษาคัมภีร์พระเวทและดื่มน้ำโสมะ  แสวงหาโลกสวรรค์  บูชาข้าทางอ้อมเมื่อบริสุทธิ์ขึ้นจากผลบาป  และมีบุญไปเกิดบนโลกสวรรค์ของพระอินทร์  ซึ่งจะได้รับความสุขสำราญแบบชาวสวรรค์

คำอธิบายฺ

คาว่า  ไทร-วิดยาฮฺ  หมายถึง  คัมภีร์พระเวททั้งสาม  สามะ  ยะจุรฺ  และ  ริก,  บระฮมะณะฺ  ผู้ศึกษาคัมภีร์พระเวททั้งสามเล่มนี้เรียกว่า  ทริ-เวดีฺ  ผู้ใดที่ยึดมั่นกับความรู้ที่มาจากคัมภีร์พระเวททั้งสามเล่มนี้เป็นอย่างมากจะเป็นที่เคารพนับถือในสังคม  ด้วยความอับโชคมีนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ของคัมภีร์พระเวทมากมายที่ไม่รู้จุดมุ่งหมายสูงสุดในการศึกษาพระคัมภีร์  ดังนั้น  ณ  ที่นี้คริชณะทรงประกาศว่า  ตัวพระองค์คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของ  ทริ-เวดี,  ทริ-เวดีฺ  ที่แท้จริงจะมาพึ่งพระบารมีอยู่ภายใต้พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ  และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความบริสุทธิ์เพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย  การอุทิศตนเสียสละรับใช้เริ่มจากการสวดภาวนาบทมนต์ฮะเร  คริชณะ  และพยายามเข้าใจคริชณะตามความเป็นจริงควบคู่กันไป  ด้วยความอับโชคที่พวกนักศึกษาคัมภีร์พระเวทอย่างเป็นทางการ  สนใจแค่พิธีบูชาที่ถวายให้เทวดาเช่นพระอินทร์และพระจันทร์เท่านั้น  จากความพยายามเช่นนี้ผู้บูชาเทวดาได้รับความบริสุทธิ์จากมลทินแห่งคุณสมบัติธรรมชาติวัตถุที่ต่ำกว่า  จากนั้นก็พัฒนาไปสู่ระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่าหรือโลกสวรรค์  เช่น  มะฮารโลคะ  จะนะโลคะ  ทะโพโลคะ  ฯลฯ  เมื่อสถิตในระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่าเหล่านี้  จะสามารถสนองประสาทสัมผัสของตนเองดีกว่าในโลกนี้เป็นร้อย  ๆ  พัน  ๆ  เท่า

โศลก 21

เท ทัม บํุคทวา สวารกะ-โลคัม วิชาลัม
คชีเณ พุณเย มารทยะ-โลคัม วิชันทิฺ

เอวัม ทระยี-ดฺารมัม อนุพระพันนา
กะทากะทัม คามะ-คามา ละบัฺนเทฺ

เทฺ  -  พวกเขา, ทัมฺ  -  นั้น, บํุคทวาฺ  -  ได้รับความสุข, สวารกะ-โลคัมฺ  -  สวรรค์, วิชาลัมฺ  -  กว้างใหญ่, คชีเนฺ  -  หมดลง, พุณเยฺ  -  ผลบุญ, มารทยะ-โลคัมฺ  -  โลกแห่งความตาย, วิชันทิฺ  -  ตกลงมา, เอวัมฺ  -  ดังนั้น, ทระยีฺ  -  จากพระเวททั้งสาม, ดฺารมัมฺ  -  คำสอน, อนุพระพันนาฮฺ  -  ปฏิบัติตาม, กะทะ-อากะทัมฺ  -  การตายและการเกิด, คามะ-คามาฮฺ  -  ปรารถนาหาความสุขทางประสาทสัมผัส, ละบัฺนเทฺ  -  ได้รับ

คำแปลฺ

หลังจากได้รับความสุขทางประสาทสัมผัสบนสรวงสวรรค์มากมาย  และเมื่อผลบุญหมดสิ้นลง  พวกเขาจะกลับมายังโลกแห่งความตายนี้อีกครั้งหนึ่ง  ดังนั้น  ผู้ที่แสวงหาความสุขทางประสาทสัมผัสด้วยการปฏิบัติตามหลักธรรมของพระเวททั้งสามเล่ม  จะได้รับแค่เพียงการเกิดและการตายซ้ำซากเท่านั้น

คำอธิบายฺ

ผู้ที่ได้รับการส่งเสริมไปถึงระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่า  ได้รับความสุขอยู่กับชีวิตอันยืนยาวพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีกว่าในการหาความสุขทางประสาทสัมผัส  ถึงกระนั้น  ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้อยู่ที่นั่นชั่วกัลปวสาน  แต่จะถูกส่งกลับมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่งเมื่อผลบุญหมดสิ้นลง  ผู้ที่ไม่บรรลุถึงความรู้ที่สมบูรณ์ดังที่แสดงไว้ใน  เวดานธะ-สูทระ  (จันมาดิ  อัสยะ  ยะทะฮฺ)  หรืออีกนัยหนึ่งผู้ที่ไม่เข้าใจว่าคริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  ล้มเหลวในการบรรลุถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต  ดังนั้น  จึงมาอยู่ภายใต้ระเบียบแบบแผนประจำที่ถูกส่งขึ้นไปยังโลกสวรรค์และตกลงมาใหม่  เหมือนกับนั่งอยู่บนชิงช้าสวรรค์ที่บางครั้งขึ้นและบางครั้งลง  คำอธิบายคือแทนที่จะเจริญขึ้นไปถึงโลกทิพย์ซึ่งไม่ต้องกลับมาอีก  ก็ได้แต่เพียงหมุนเวียนอยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดและการตายในระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่าและต่ำกว่าเท่านั้น  เราควรไปให้ถึงโลกทิพย์และรื่นเริงกับชีวิตอมตะ  เปี่ยมไปด้วยความปลี้มปีติสุขและความรู้และไม่ต้องกลับมาโลกวัตถุนี้ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์อีกต่อไป

โศลก 22

อนันยาช ชินทะยันโท มาม
เย จะนาฮ พารยุพาสะเทฺ

เทชาม นิทยาบิฺยุคทานาม
โยกะ-คเชมัม วะฮามิ อฮัมฺ

อนันยาฮฺ  -  ไม่มีเป้าหมายอื่นใด, ชินทะยันทะฮฺ  -  จิตตั้งมั่น, มามฺ  -  อยู่ที่ข้า, เยฺ  -  พวกที่, จะนาฮฺ  -  บุคคล, พารยุพาสะเทฺ  -  บูชาอย่างถูกต้อง, เทชามฺ  -  ของพวกเขา, นิทยะฺ  -  เสมอ, อบิฺยุคทา นามฺ  -  ตั้งมั่นในการอุทิศตนเสียสละ, โยกะฺ  -  จำเป็นต้องทำ, คเชมัมฺ  -  ปกป้อง, วะฮามิฺ  -  ส่ง, อฮัมฺ  -  ข้า

คำแปลฺ

แต่พวกที่บูชาข้าอยู่เสมอด้วยการอุทิศตนเสียสละ  โดยเฉพาะทำสมาธิอยู่ที่รูปลักษณ์ทิพย์ของข้า  คนเหล่านี้  ข้าจะส่งส่วนที่ขาดให้  และรักษาส่วนที่มีอยู่แล้ว

คำอธิบายฺ

ผู้ที่ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียวหากปราศจากซึ่งคริชณะจิตสำนึก  ได้แต่ระลึกถึงคริชณะวันละยี่สิบสี่ชั่วโมง  ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยการสดับฟัง  สวดภาวนา  ระลึกถึง  ถวายบทมนต์  บูชา  รับใช้พระบาทรูปดอกบัวของพระองค์  ถวายการรับใช้อื่น  ๆ  เพิ่มพูนมิตรภาพ  และศิโรราบโดยดุษฎีต่อองค์ภควานกิจกรรมทั้งหลายเหล่านี้เป็นสิริมงคลและเต็มไปด้วยพลังทิพย์ซึ่งจะทำให้สาวกสมบูรณ์ในความรู้แจ้งแห่งตน  ดังนั้น  สิ่งเดียวที่ปรารถนาคือมาอยู่ใกล้ชิดกับองค์ภควาน  สาวกเช่นนี้จะมาถึงองค์ภควานโดยไม่ยากลำบากอย่างไม่ต้องสงสัย  เช่นนี้เรียกว่าโยคะ  ด้วยพระเมตตาของพระองค์  สาวกเช่นนี้ไม่มีวันกลับมาสู่สภาวะชีวิตวัตถุอีก  คเชมะฺ  หมายถึงการปกป้องคุ้มครองด้วยพระเมตตาขององค์ภควาน  พระองค์ทรงช่วยสาวกให้บรรลุถึงคริชณะจิตสำนึกด้วยโยคะ  และเมื่อมีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  องค์ภควานจะทรงปกป้องคุ้มครองเราไม่ให้ตกลงไปสู่สภาวะชีวิตที่มีความทุกข์อีกต่อไป

โศลก 23

เย พิ อันยะ-เดวะทา-บัฺคธา
ยะจันเท ชรัดดฺะยานวิทาฮฺ

เท พิ มาม เอวะ คะอุนเทยะ
ยะจันทิ อวิดิฺ-พูรวะคัมฺ

เยฺ  -  พวกเขาเหล่านี้, อพิฺ  -  เช่นกัน, อันยะฺ  -  ของผู้อื่น, เดวะทาฺ  -  เหล่าเทวดา, บัฺคธาฮฺ  -  เหล่าสาวก, ยะจันเทฺ  -  บูชา, ชรัดดฺะยา-อันวิทาฮฺ  -  ด้วยความศรัทธา, เทฺ  -  พวกเขา, อพิฺ  -  เช่นกัน, มามฺ  -  ข้า, เอวะ-เท่านั้น, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, ยะจันทิฺ  -  พวกเขาบูชา, อวิดิฺ-พูรวะคัมฺ  -  ในวิธีที่ผิด

คำแปลฺ

พวกที่เป็นสาวกของเทวดาองค์อื่น  ๆ  และบูชาเทวดาด้วยความศรัทธา  อันที่จริงบูชาข้าเท่านั้น  โอ้  โอรสพระนางคุนที  แต่ทำไปในวิธีที่ผิด

คำอธิบายฺ

คริชณะตรัสว่า  “บุคคลผู้ปฏิบัติการบูชาเทวดาไม่มีปัญญาเท่าใดนัก  ถึงแม้ว่าการบูชาเช่นนี้เป็นการถวายให้ข้าทางอ้อม”  ตัวอย่างเช่น  เมื่อมนุษย์รดน้ำไปที่ใบไม้และกิ่งก้านสาขาของต้นไม้โดยไม่รดน้ำไปที่ราก  เขาทำไปโดยมีความรู้ไม่เพียงพอหรือไม่ปฏิบัติตามหลักการที่กำหนดไว้  ในทำนองเดียวกัน  วิธีการรับใช้ส่วนต่าง  ๆ  ของร่างกายคือส่งอาหารไปที่ท้อง  อันที่จริง  เทวดาเป็นเจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ต่าง  ๆ  ในรัฐบาลขององค์ภควาน  เราต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่รัฐบาลเป็นผู้ออก  ไม่ใช่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่เป็นผู้ออก  ทำนองเดียวกัน  ผู้ใดที่ถวายการบูชาต่อองค์ภควานเพียงผู้เดียว  จะทำให้เจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ต่าง  ๆ  ของพระองค์พึงพอใจโดยปริยาย  เจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตนในฐานะที่เป็นผู้แทนของรัฐบาล  การให้สินบนกับเจ้าหน้าที่และเจ้าพนักงานนั้นผิดกฎหมาย  ได้กล่าวไว้  ณ  ที่นี้ว่า  อวิดฺ-  พูรวะคัมฺ  อีกนัยหนึ่ง  คริชณะทรงไม่เห็นด้วยกับการบูชาเทวดาโดยไม่จำเป็น

โศลก 24

ออัม ฮิ สารวะ-ยะกยานนาม
โบฺคทา ชะ พระบํุร เอวะ ชะฺ

นะ ทุ มาม อบิฺจานันทิ
ทัททเวนาทัช ชยะวันทิ เทฺ

อฮัมฺ  -  ข้า, ฮิฺ  -  แน่นอน, สารวะฺ  -  ทั้งหมด, ยะกยานามฺ  -  การบูชา, โบคทาฺ  -  ผู้มีความสุข, ชะฺ  -  และ, พระบํุฮฺ  -  องค์ภควาน, เอวะฺ  -  เช่นกัน, ชะฺ  -  และ, นะฺ  -  ไม่, ทฺุ  -  แต่, มามฺ  -  ข้า, อบิฺจานันทิฺ  -  พวกเขารู้, ทัททเวนะฺ  -  ในความจริง, อทะฮฺ  -  ฉะนั้น, ชยะวันทิฺ  -  ตกลงต่ำ, เทฺ  -  พวกเขา

คำแปลฺ

ข้าคือผู้มีความสุขและเป็นเจ้าแห่งพิธีบูชาทั้งหลายแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น  ฉะนั้นพวกที่ไม่รู้ธรรมชาติทิพย์อันแท้จริงของข้าจะตกลงต่ำ

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่ามีวิธีการปฏิบัติ  ยะกยะฺ  มากมายที่แนะนำไว้ในวรรณกรรมพระเวท  แต่อันที่จริงทั้งหมดมีไว้เพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย  ยะกยะฺหมายถึงพระวิชณุ  ในบทที่สามของ  ภควัต-คีตาฺ  กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าเราควรทำงานเพื่อให้  ยะกยะฺ  หรือให้พระวิชณุทรงพอพระทัยเท่านั้น  รูปแบบอันสมบูรณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของมนุษย์ชื่อว่า  วารณาชระมะ-ดฺารมะฺ  หมายเฉพาะเพื่อให้พระวิชณุทรงพอพระทัย  ฉะนั้น  คริชณะตรัสในโศลกนี้ว่า  “ข้าคือผู้ได้รับความสุขจากพิธีบูชาทั้งปวงเพราะข้าคือเจ้านายสูงสุด”  อย่างไรก็ดี  ผู้ด้อยปัญญาไม่รู้ความจริงนี้บูชาเทวดาเพื่อผลประโยชน์ชั่วคราวบางประการ  ดังนั้น  พวกเขาตกลงไปในความเป็นอยู่ทางวัตถุ  และไม่บรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ปรารถนาของชีวิต  หากผู้ใดมีความปรารถนาทางวัตถุที่ต้องสนองตอบ  ควรสวดภาวนาแด่องค์ภควานจะดีกว่า  (ถึงแม้ว่าไม่ใช่เป็นการอุทิศตนเสียสละที่บริสุทธิ์)  และจะได้รับผลตามใจปรารถนา

โศลก 25

ยานทิ เดวะ-วระทา เดวาน
พิทรีน ยานทิ พิทริ-วระทาฮฺ

บํูทานิ ยานทิ บํูเทจยา
ยานทิ มัด-ยาจิโน พิ มามฺ

ยานทิฺ  -  ไป, เดวะ-วระทาฮฺ  -  พวกบูชาเทวดา, เดวานฺ  -  แด่เทวดา, พิทรีนฺ  -  แด่บรรพบุรุษ, ยานทิฺ  -  ไป, พิทริ-วระทาฮฺ  -  พวกบูชาบรรพบุรุษ, บํูทานิฺ  -  แด่พวกผีและดวงวิญญาณ, ยานทิฺ  -  ไป, บํูทะ-อิจยาฮฺ  -  พวกบูชาพวกผีและดวงวิญาณ, ยานทิฺ  -  ไป, มัทฺ  -  ของข้า, ยาจินะฮฺ  -  เหล่าสาวก, อพิฺ  -  แต่, มามฺ  -  แด่ข้า

คำแปลฺ

พวกที่บูชาเทวดาจะไปเกิดในหมู่เทวดา  พวกที่บูชาบรรพบุรุษจะไปหาบรรพบุรุษพวกที่บูชาภูตผีปีศาจและดวงวิญาณจะไปเกิดในหมู่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้  และพวกที่บูชาข้าจะมาอยู่กับข้า

คำอธิบายฺ

หากผู้ใดมีความปรารถนาไปยังดวงจันทร์  ดวงอาทิตย์  หรือดาวเคราะห์ดวงใดเขาสามารถบรรลุถึงจุดมุ่งหมายที่ประสงค์ด้วยการปฏิบัติตามหลักธรรมพระเวทโดยเฉพาะที่ได้แนะนำไว้เพื่อจุดประสงค์นั้น  ดังเช่นวิธีที่มีชื่อทางเทคนิคว่า  ดารชะ-โพรณะ  มาสีฺ  ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนในพระเวทส่วนที่เป็นกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุซึ่งแนะนำการบูชาเทวดาผู้ทรงสถิตบนสรวงสวรรค์โดยเฉพาะ  ในทำนองเดียวกัน  เขาสามารถไปถึงดาวเคราะห์  พิทาฺ  ด้วยการปฏิบัติ  ยะกยะฺ  โดยเฉพาะ  และเขาสามารถไปยังโลกของภูตผีต่าง  ๆ  แล้วกลายมาเป็น  ยัคชะ  รัคชะฺ  หรือ  พิชาชะฺ  การบูชา  พิชาชะฺ  เรียกว่า  “เวทมนต์ดำ”  มีหลายคนที่ฝึกวิชาเวทมนต์ดำนี้  และคิดว่าเป็นลัทธิทิพย์นิยม  แต่กิจกรรมเหล่านี้เป็นวัตถุโดยสิ้นเชิง  สาวกผู้บริสุทธิ์บูชาภควานเพียงองค์เดียว  และจะบรรลุถึงดาวเคราะห์ไวคุณธฺะและคริชณะโลคะโดยไม่ต้องสงสัย  เป็นที่เข้าใจได้ง่ายมากจากโศลกที่สำคัญนี้ว่า  หากด้วยการบูชาเทวดาเขาสามารถไปถึงโลกสวรรค์  หรือจากการบูชา  พิทาฺ  บรรลุถึงดาวเคราะห์  พิทาฺ  จากการฝึกปฏิบัติคาถาอาคมมืดก็บรรลุถึงโลกของภูตผีปีศาจ  แล้วเหตุไฉนสาวกผู้บริสุทธิ์จะไม่บรรลุถึงดาวเคราะห์ของคริชณะหรือวิชณุ?  ด้วยความอับโชคผู้คนมากมายไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับดาวเคราะห์อันประเสริฐเหล่านี้ที่คริชณะและวิชณุทรงประทับอยู่  และเนื่องจากไม่รู้จึงตกต่ำ  แม้พวกที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ตกต่ำลงมาจาก  บระฮมะจโยทิฺ  ฉะนั้น  ขบวนการคริชณะจิตสำนึกจึงแจกจ่ายข้อมูลอันประเสริฐนี้ให้แก่สังคมมนุษย์มวลรวม  ด้วยผลลัพธ์ที่ว่าจากการสวดภาวนาบทมนต์  ฮะเร  คริชณะ  เราสามารถกลายมาเป็นผู้ที่สมบูรณ์ในชีวิตนี้  และกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน

โศลก 26

พัทรัม พุชรัม พฺะลัม โทยัน
โย เม บัฺคธยา พระยัชชฺะทิฺ

ทัด อฮัม บัฺคธิ-อุพะฮริทัม
อัชนามิ พระยาทาทมะนะฮฺ

พัทรัมฺ  -  ใบไม้, พุชพัมฺ  -  ดอกไม้, พฺะลัมฺ  -  ผลไม้, โทยัมฺ  -  น้ำ, ยะฮฺ  -  ผู้ใด, เมฺ  -  แด่ข้า, บัฺคธยาฺ  -  ด้วยการอุทิศตนเสียสละ, พระยัชชฺะทิฺ  -  ถวาย, ทัท-นั้น, อฮัมฺ  -  ข้า, บัคธิ-อุพะฮริทัมฺ  -  ถวายด้วยการอุทิศตนเสียสละ, อัชนามิฺ  -  ยอมรับ, พระยะทะ-อาทมะนะฮฺ  -  จากผู้ที่อยู่ในจิตสำนึกที่บริสุทธิ์

คำแปลฺ

หากผู้ใดถวายใบไม้  ดอกไม้  ผลไม้  หรือน้ำแด่ข้า  ด้วยความรักและอุทิศตนเสียสละ  ข้าจะรับเอาไว้

คำอธิบายฺ

สำหรับผู้มีปัญญา  เป็นสิ่งสำคัญที่จะอยู่ในคริชณะจิตสำนึก  ปฏิบัติการรับใช้ด้วยความรักทิพย์ต่อคริชณะ  เพื่อบรรลุถึงพระตำหนักอันถาวรด้วยความปลื้มปีติและมีความสุขนิรันดร  วิธีการเพื่อบรรลุถึงผลอันเลอเลิศเช่นนี้ง่ายมาก  แม้แต่คนที่ยากจนที่สุดในบรรดาคนยากจนก็พยายามปฏิบัติได้โดยไม่คำนึงถึงคุณสมบัติอื่นใดทั้งสิ้น  คุณสมบัติเพียงอย่างเดียวที่จำเป็นในงานนี้คือ  มาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควาน  ไม่สำคัญว่าเขาจะเป็นใคร  หรืออยู่ที่ไหน  วิธีการนั้นง่ายมากแม้แต่ใบไม้ใบเดียว  น้ำนิดหน่อย  หรือผลไม้ก็สามารถถวายให้พระองค์ด้วยความรักอย่างจริงใจได้  และพระองค์ทรงมีความยินดีรับไว้  ดังนั้น  ไม่มีผู้ใดถูกขวางกั้นจากคริชณะจิตสำนึก  เพราะว่าเป็นสิ่งที่ง่ายมากและเป็นสากล  ใครจะเป็นคนโง่ไม่ต้องการมีคริชณะจิตสำนึกด้วยวิธีที่ง่ายเช่นนี้  และบรรลุถึงชีวิตที่สมบูรณ์สูงสุดแห่งความเป็นอมตะ  ปลื้มปีติสุข  และความรู้?  คริชณะทรงปรารถนาเพียงการรับใช้ด้วยความรักเท่านั้น  ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้  คริชณะทรงรับเอาแม้แต่ดอกไม้เล็ก  ๆ  เพียงดอกเดียวจากสาวกผู้บริสุทธิ์  พระองค์ทรงไม่ปรารถนาเครื่องถวายใด  ๆ  จากผู้ที่ไม่ใช่สาวก  และทรงไม่มีความจำเป็นที่ต้องการสิ่งใดจากผู้ใด  เพราะทรงเป็นผู้มีความเพียงพออยู่ในตัว  ถึงกระนั้น  พระองค์ทรงรับเครื่องถวายจากสาวกเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรักและความเอ็นดู  การพัฒนาคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิต  ได้กล่าวถึง  บัฺคธิฺ  สองครั้งในโศลกนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญว่า  บัฺคธิฺ  หรือการอุทิศตนเสียสละรับใช้เป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นที่จะเข้าถึงคริชณะ  ไม่ใช่วิธีอื่น  เช่น  กลายมาเป็นพราหมณ์  หรือ  บระฮมะณะฺ  มาเป็นนักวิชาการผู้คงแก่เรียน  มาเป็นเศรษฐี  หรือเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่  แล้วจะสามารถกระตุ้นให้คริชณะทรงยอมรับเครื่องถวายได้  หากปราศจากหลักธรรมพื้นฐานของ  บัฺคธิฺ  จะไม่มีสิ่งใดสามารถกระตุ้นองค์ภควานให้ตกลงยอมรับสิ่งใดจากผู้ใด  บัฺคธิฺ  ไม่ใช่ก่อให้เกิดขึ้น  วิธีการนี้เป็นอมตะนิรันดร  และเป็นการปฏิบัติรับใช้โดยตรงต่อส่วนที่สมบูรณ์สูงสุด

ณ  ที่นี้  องค์ชรีคริชณะทรงสถาปนาว่า  พระองค์ทรงเป็นผู้มีความสุขเกษมสำราญแต่เพียงผู้เดียว  ทรงเป็นปฐมองค์เจ้า  และทรงเป็นจุดมุ่งหมายอันแท้จริงของการถวายบูชาทั้งหมด  ทรงเปิดเผยว่าพระองค์ทรงปรารถนาให้บูชาด้วยอะไร  หากผู้ใดปรารถนาปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานเพื่อให้ตนเองบริสุทธิ์ขึ้นและบรรลุถึงจุดมุ่งหมายแห่งชีวิต  นั่นคือการรับใช้ด้วยความรักทิพย์ต่อพระองค์  ควรรู้ว่าองค์ภควานทรงปรารถนาอะไรจากตัวเรา  ผู้ที่รักคริชณะจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงปรารถนา  และจะหลีกเลี่ยงการถวายสิ่งที่พระองค์ไม่ทรงปรารถนา  หรือไม่ได้กล่าวไว้  ฉะนั้น  เนื้อสัตว์  ปลา  และไข่ไม่ควรถวายให้คริชณะ  หากทรงปรารถนาสิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องถวายจะทรงตรัสออกมา  แต่พระองค์ตรัสอย่างชัดเจนว่า  ใบไม้  ผลไม้  ดอกไม้  และน้ำถวายให้พระองค์  และตรัสถึงเครื่องถวายเหล่านี้ว่า  “ข้าจะรับไว้”  ดังนั้น  เราควรเข้าใจว่าคริชณะทรงไม่รับเนื้อสัตว์  ปลา  และไข่  เครื่องเสวยเช่น  ผักและผลไม้ต่าง  ๆ  เมล็ดข้าว  นม  และน้ำเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับมนุษย์  คริชณะทรงกำหนดว่า  สิ่งอื่นใดก็แล้วแต่ที่เรารับประทานไม่สามารถถวายให้พระองค์ได้  เนื่องจากทรงไม่รับ  ดังนั้น  หากเราถวายสิ่งต้องห้าม  เราก็มิได้ปฏิบัติในระดับแห่งการอุทิศตนเสียสละด้วยความรัก

ในบทที่สาม  โศลกสิบสาม  ชรีคริชณะทรงอธิบายว่า  ส่วนที่เหลือจากการบูชาเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์  เหมาะสำหรับพวกที่แสวงหาความเจริญก้าวหน้าในชีวิตนำไปรับประทาน  และจะได้รับการปลดเปลื้องจากเงื้อมมือแห่งพันธนาการทางวัตถุ  พวกที่ไม่ถวายอาหาร  พระองค์ตรัสในโศลกเดียวกันว่า  รับประทานแต่ความบาปไปเท่านั้นอีกนัยหนึ่ง  ทุก  ๆ  คำที่รับประทานเข้าไปจะทำให้ถลำลึกลงไปในความสลับซับซ้อนของธรรมชาติวัตถุเท่านั้น  แต่การตระเตรียมอาหารผักอย่างดีแบบง่าย  ๆ  ถวายต่อหน้ารูปหรือพระปฏิมาขององค์ชรีคริชณะ  ก้มลงกราบและกล่าวบทมนต์ถวายด้วยความถ่อมตนเพื่อให้พระองค์ทรงรับเครื่องถวายนี้  เพื่อที่จะให้เราเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคงในชีวิต  เพื่อให้ร่างกายบริสุทธิ์  และเพื่อสร้างเนื้อเยื่ออันละเอียดอ่อนในสมองซึ่งจะทำให้เรามีความคิดที่โปร่งใส  ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องถวายควรปรุงด้วยกริยาท่าทีแห่งความรัก  คริชณะทรงไม่มีความจำเป็นกับอาหาร  เพราะพระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ทั้งหมด  ถึงกระนั้น  พระองค์จะทรงรับเครื่องถวายจากผู้ปรารถนาที่จะทำให้พระองค์ทรงพอพระทัยด้วยวิธีนี้  จุดสำคัญในการเตรียม  การจัด  และการถวายก็คือต้องทำไปด้วยใจรักต่อคริชณะ

นักปราชญ์ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ปรารถนายืนกรานว่าสัจธรรมสูงสุดไม่มีประสาทสัมผัส  จะไม่สามารถเข้าใจโศลกนี้ของ  ภควัต-คีตาฺ  สำหรับพวกนี้  โศลกนี้เป็นเพียงอุปมาหรือข้อพิสูจน์ถึงบุคลิกทางโลกของคริชณะผู้ตรัส  ภควัต-คีตาฺ  แต่อันที่จริงองค์ภควานคริชณะทรงมีประสาทสัมผัส  กล่าวไว้ว่าประสาทสัมผัสของพระองค์สับเปลี่ยนกันได้  อีกนัยหนึ่ง  ประสาทสัมผัสหนึ่งสามารถปฏิบัติหน้าที่ของประสาทสัมผัสอื่น  ๆ  ได้  นี่คือความหมายที่กล่าวไว้ว่า  คริชณะทรงเป็นผู้ที่สมบูรณ์ปราศจากประสาทสัมผัสจะพิจารณาว่าพระองค์ทรงมีความมั่งคั่งทั้งหมดที่สมบูรณ์ได้ยาก  ในบทที่เจ็ดคริชณะทรงอธิบายว่า  พระองค์ทรงทำให้ธรรมชาติวัตถุตั้งครรภ์สิ่งมีชีวิตขึ้นมา  และสิ่งนี้ทรงกระทำด้วยเพียงแต่ทรงชำเลืองมองไปที่ธรรมชาติวัตถุ  จากตัวอย่างนี้คริชณะทรงสดับฟังคำพูดของสาวกด้วยความรัก  ในการถวายอาหารเหมือนกับที่พระองค์ทรงรับประทานและชิมรสจริง  ๆ  โดยสมบูรณ์  ประเด็นนี้ควรเน้น  เพราะเป็นสภาวะอันสมบูรณ์ของคริชณะ  การสดับฟังเหมือนกับการรับประทานและการลิ้มรสของพระองค์ที่เป็นไปอย่างสมบูรณ์  สาวกผู้ยอมรับคริชณะดังที่ทรงอธิบายถึงบุคลิกภาพของพระองค์เอง  โดยไม่ตีความหมาย  จะสามารถทำให้เข้าใจว่าสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดสามารถรับประทานอาหารอย่างมีความสุข

โศลก 27

ยัท คะโรชิ ยัด อัชนาสิ
ยัจ จุโฮชิ ดะดาสิ ยัทฺ

ยัท ทะพัสยะสิ คะอุนเทยะ
ทัท คุรุชวะ มัด-อารพะณัมฺ

ยัทฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, คะโรชิฺ  -  เธอทำ, ยัทฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, อาชนาสิฺ  -  เธอรับประทาน, ยัท-อะไรก็แล้วแต่, จุโฮชิฺ  -  เธอถวาย, ดะดาสิฺ  -  เธอให้ทาน, ยัทฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, ยัทฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, ทะพัสยะสิฺ  -  ความสมถะที่เธอปฏิบัติ, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, ทัทฺ  -  นั้น, คุรุชวะฺ  -  ทำ, มัทฺ  -  แด่ข้า, อารพะณัมฺ  -  เป็นเครื่องถวาย

คำแปลฺ

อะไรก็แล้วแต่ที่เธอทำ  อะไรก็แล้วแต่ที่เธอรับประทาน  อะไรก็แล้วแต่ที่เธอถวายหรือให้ทาน  และความสมถะใด  ๆ  ที่เธอปฏิบัติ  จงทำไปเพื่อถวายแด่ข้า  โอ้  โอรสพระนางคุนที

คำอธิบายฺ

ดังนั้น  จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่จะหล่อหลอมชีวิตของตนเองจนกระทั่งไม่สามารถลืมคริชณะได้  ไม่ว่าในสถานการณ์ใด  ๆ  ทุกคนต้องทำงานเพื่อดำรงรักษาร่างกายและดวงวิญญาณให้อยู่ด้วยกัน  คริชณะทรงแนะนำไว้  ณ  ที่นี้ว่า  เราควรทำงานเพื่อพระองค์  ทุกคนต้องรับประทานอาหารเพื่อประทังชีวิต  ดังนั้น  เราควรรับส่วนเหลือของอาหารที่ถวายให้คริชณะ  มนุษย์ผู้มีความเจริญต้องปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาบางอย่าง  คริชณะทรงแนะนำว่า  “จงทำไปเพื่อข้า”  เช่นนี้เรียกว่า  อารชะนะฺ  ทุกคนมีแนวโน้มที่จะให้บางสิ่งบางอย่างเป็นทาน  คริชณะตรัสว่า  “จงให้แด่ข้า”  เช่นนี้หมายความว่าส่วนเกินของเงินที่สะสมไว้ควรใช้ประโยชน์ในการเผยแพร่ขบวนการคริชณะจิตสำนึกปัจจุบันนี้ผู้คนมีแนวโน้มไปในวิธีการทำสมาธิเป็นอย่างมากซึ่งปฏิบัติกันไม่ได้ในยุคนี้  แต่หากผู้ใดปฏิบัติสมาธิที่คริชณะวันละยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยการสวดภาวนามหามนต์  ฮะเรคริชณะ  รอบลูกประคำ  แน่นอนว่าเราจะเป็นนักปฏิบัติสมาธิและเป็นโยคีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดดังที่ได้ยืนยันไว้  ในบทที่หกของ  ภควัต-คีตาฺ

โศลก 28

ชุบฺาชุบฺะ-พฺะไลร เอวัม
โมคชยะเส คารมะ-บันดฺะไนฮฺ

สันนยาสะ-โยกะ-ยุคทาทมา
วิมุคโท มาม อุไพชยะสิฺ

ชุบฺะฺ  -  จากบุญ, อชุบฺะฺ  -  และบาป, พฺะไลฮฺ  -  ผล, เอวัมฺ  -  ดังนั้น, โมคชยะเสฺ  -  เธอจะเป็นอิสระ, คารมะฺ  -  ของงาน, บันดฺะไนฮฺ  -  จากพันธนาการ, สันนยาสะฺ  -  ของการเสียสละ, โยกะฺ  -  โยคะ, ยุคทะฺ  -  อาทมาฺ  -  มีจิตใจมั่นคงอยู่ที่, วิมุคทะฮฺ  -  หลุดพ้น, มามฺ  -  แด่ข้า, อุไพชยะสิฺ  -  เธอจะบรรลุ

คำแปลฺ

เช่นนี้  เธอจะเป็นอิสระจากพันธนาการของงาน  รวมทั้งผลบุญและผลบาป  ด้วยจิตใจที่ตั้งมั่นอยู่กับข้าในหลักแห่งการเสียสละนี้  เธอจะหลุดพ้นและมาหาข้า

คำอธิบายฺ

ผู้ปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกภายใต้การแนะนำที่สูงส่งเรียกว่า  ยุคทะฺ  ศัพท์ทางเทคนิค  ยุคทะ-ไวรากยะฺ  ซึ่ง  รูพะ  โกสวามี  ได้อธิบายดังต่อไปนี้

อนาสัคทัสยะ วิชะยาน
ยะทฺารฮัม อุพะยุนจะทะฮฺ

นิรบันดฺะฮ คริชณะ-สัมบันเดฺ
ยุคทัม ไวรากยัม อุชยะเทฺ

(บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ 1.2.255)

รูพะ  โกสวามี  กล่าวว่าตราบเท่าที่เรายังอยู่ในโลกวัตถุ  เรายังต้องทำงาน  ไม่สามารถหยุดการกระทำได้  ดังนั้น  หากการปฏิบัติงานยังดำเนินต่อไปและผลของงานถวายให้คริชณะเรียกว่า  ยุคทะ-ไวรากยะฺ  สถิตในการเสียสละอย่างแท้จริง  กิจกรรมเช่นนี้จะทำให้กระจกแห่งดวงจิตใสสว่างขึ้น  ขณะที่ผู้ปฏิบัติค่อย  ๆ  เจริญก้าวหน้าในความรู้แจ้งทิพย์  จะศิโรราบโดยสมบูรณ์ต่อองค์ภควาน  และจะเป็นอิสรภาพในที่สุด  ซึ่งได้ระบุไว้ว่าเมื่อเป็นอิสระแล้วจะไม่กลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับ  บระฮมะจโยทิฺ  แต่จะเข้าไปในโลกขององค์ภควาน  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่า  มาม  อุไพชยะสิฺ  “เขามาหาข้า”  กลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน  จะมีอิสรภาพอยู่ห้าระดับ  ตรงนี้ระบุว่าสาวกผู้ใช้ชีวิตภายใต้คำสั่งสอนขององค์ภควานเสมอ  ดังที่ได้กล่าวไว้ว่าได้พัฒนามาจนถึงจุดที่หลังจากออกจากร่างนี้ไปแล้วจะกลับคืนสู่เหย้าและปฏิบัติรับใช้โดยตรงอย่างใกล้ชิดกับองค์ภควาน

ผู้ใดที่ไม่มีความสนใจกับสิ่งอื่นใดนอกจากอุทิศชีวิตในการรับใช้องค์ภควานเป็น  สันนยาสีฺ  ที่แท้จริง  บุคคลเช่นนี้คิดว่าตนเองเป็นผู้รับใช้นิรันดรและจะขึ้นอยู่กับความปรารถนาสูงสุดขององค์ภควาน  เช่นนี้ไม่ว่าทำอะไรเขาจะทำเพื่อประโยชน์ของพระองค์ไม่ว่าปฏิบัติสิ่งใดเขาจะปฏิบัติเพื่อรับใช้พระองค์  และไม่ให้ความสนใจอย่างจริงจังกับกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุหรือหน้าที่ต่าง  ๆ  ที่กำหนดไว้ในคัมภีร์พระเวท  สำหรับบุคคลทั่วไปจะมีข้อบังคับที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ในคัมภีร์พระเวท  บางครั้งสาวกผู้บริสุทธิ์ปฏิบัติอย่างสมบูรณ์ในการรับใช้องค์ภควาน  อาจดูเหมือนว่าเขาฝืนต่อหน้าที่ที่กำหนดไว้ในคัมภีร์พระเวท  แต่อันที่จริงมิได้เป็นเช่นนั้น

ดังนั้น  ไวชณะวะผู้เชื่อถือได้  กล่าวไว้ว่า  แม้บุคคลผู้มีปัญญามากที่สุดก็ไม่สามารถเข้าใจแผนและกิจกรรมของสาวกผู้บริสุทธ์  คำเฉพาะที่ใช้คือ  ทางระ  วาคยะ,  คริยา,  มุดรา  วิกเยฮะ  นา  บุจฮะยะฺ  (เชธันญะ-ชะริทามริทะ  มัดฺยะฺ  23.39)  ผู้ที่ปฏิบัติในการรับใช้องค์ภควานเสมอ  หรือคิด  และวางแผนที่จะรับใช้พระองค์อยู่เสมอพิจารณาว่าเป็นผู้ที่มีอิสรภาพโดยสมบูรณ์  ทั้งในปัจจุบันและอนาคต  การกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควานเป็นที่รับประกัน  เขาอยู่เหนือการวิจารณ์ทางวัตถุทั้งปวง  เสมือนดังคริชณะที่อยู่เหนือการวิจารณ์ใด  ๆ  ทั้งหมด

โศลก 29

สะโม ฮัม สารวะ-บํูเทชุ
นะ เม ดเวชโย สทิ นะพริยะฮฺ

เย บฺะจันทิ ทุ มาม บัฺคธยา
มะยิ เท เทชุ ชาพิ อฮัมฺ

สะมะฮฺ  -  ปฏิบัติเสมอภาค, อฮัมฺ  -  ข้า, สารวะ-บํูเทชฺุ  -  ต่อมวลชีวิต, นะ-ไม่มีผู้ใด, เมฺ  -  แด่ข้า, ดเวชยะฮฺ  -  เกลียด, อัสทิฺ  -  เป็น, นะฺ  -  ไม่, พริยะฮฺ  -  รัก, เย-พวกที่, บฺะจันทิฺ  -  ถวายการรับใช้ทิพย์, ทุ-แต่, มามฺ  -  แด่ข้า, บัฺคธยาฺ  -  ในการอุทิศตนเสียสละ, มะยิฺ  -  อยู่ในข้า, เทฺ  -  บุคคลเหล่านี้, เทชฺุ  -  ในพวกเขา, ชะฺ  -  เช่นกัน, อพิฺ  -  แน่นอน, อฮัมฺ  -  ข้า

คำแปลฺ

ข้าไม่อิจฉาผู้ใดและไม่ลำเอียงกับผู้ใด  ข้าเสมอภาคต่อมวลชีวิต  แต่หากผู้ใดถวายการรับใช้แด่ข้าด้วยการอุทิศตนเสียสละ  เขาเป็นเพื่อนของข้าและอยู่ในข้า  และข้าก็เป็นเพื่อนของเขา

คำอธิบายฺ

เราอาจถาม  ณ  ที่นี้ว่า  หากคริชณะทรงเสมอภาคกับทุก  ๆ  คน  ไม่มีผู้ใดเป็นเพื่อนพิเศษของพระองค์  แล้วทำไมทรงมีความสนใจกับสาวกผู้ปฏิบัติการรับใช้ทิพย์ต่อพระองค์อยู่เสมอเป็นพิเศษ?  เช่นนี้มิใช่เป็นการเลือกปฏิบัติ  แต่เป็นธรรมชาติ  บางคนในโลกวัตถุนี้อาจชอบให้ทานมาก  ถึงกระนั้น  เขาก็ยังให้ความสนใจกับบุตรธิดาของตนเองเป็นพิเศษ  องค์ภควานทรงอ้างว่าทุกชีวิตไม่ว่าในรูปใดเป็นบุตรของพระองค์  ดังนั้น  ทรงให้สิ่งของที่จำเป็นอย่างเพียงพอสำหรับทุก  ๆ  ชีวิต  พระองค์ทรงเหมือนกับหมู่เมฆที่ส่งฝนลงมาทั่วทุกหนทุกแห่ง  ไม่ว่าจะตกลงบนหิน  บนดิน  หรือในน้ำ  แต่สำหรับสาวก  พระองค์ทรงมีความสนพระทัยโดยเฉพาะ  ได้กล่าว  ณ  ที่นี้ว่าสาวกเหล่านี้อยู่ในคริชณะจิตสำนึกเสมอ  จึงสถิตอยู่ในความเป็นทิพย์กับคริชณะตลอดเวลา  วลี  “คริชณะจิตสำนึก”  แสดงให้เห็นว่าพวกที่อยู่ในจิตสำนึกเช่นนี้เป็นนักทิพย์นิยมที่มีชีวิตสถิตอยู่ในพระองค์  องค์ภควานตรัส  ณ  ที่นี้อย่างชัดเจนว่า  มะยิ  เทฺ  “พวกเขาอยู่ในข้า”  โดยธรรมชาติ  พระองค์ทรงอยู่ในพวกเขาเช่นกัน  นี่คือการสนองตอบซึ่งกันและกันเช่นนี้ได้อธิบายคำว่า  เย  ยะทฺา  มาม  พระพัดยันเท  ทามส  ทะไทฺวะ  บฺะจามิ  อฮัมฺ  “ผู้ใดศิโรราบต่อข้า  ข้าจะดูแลเขาตามสัดส่วนนั้น  ๆ”  การสนองตอบซึ่งกันและกันแบบทิพย์นี้มีอยู่  เพราะว่าทั้งองค์ภควานและสาวกเป็นจิตสำนึก  เมื่อเพชรฝังอยู่ในแหวนทองคำจะดูสวยงามมาก  เพราะทำให้ทั้งทองคำและเพชรเปล่งปลั่งเป็นประกายมากยิ่งขึ้น  องค์ภควานและสิ่งมีชีวิตมีรัศมีอยู่นิรันดร  เมื่อสิ่งมีชีวิตมีแนวโน้มที่จะรับใช้องค์ภควาน  เขาดูเหมือนกับทองคำและองค์ภควานคือเพชร  ดังนั้น  การรวมกันเช่นนี้ดีมาก  สิ่งมีชีวิตในระดับที่บริสุทธิ์เรียกว่าสาวกองค์ภควานกลายมาเป็นสาวกของสาวกของพระองค์  หากความสัมพันธ์ในการสนองตอบซึ่งกันและกันไม่มีระหว่างสาวกและองค์ภควานก็จะไม่มีปรัชญาของผู้ที่เชื่อในรูปลักษณ์  ในปรัชญาของผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ไม่มีการสนองตอบซึ่งกันและกันระหว่างองค์ภควานและสิ่งมีชีวิต  แต่ในปรัชญาที่เชื่อในรูปลักษณ์มีการสนองตอบ

ตัวอย่างได้ให้ไว้เสมอว่า  องค์ภควานทรงเหมือนกับต้นกัลปพฤกษ์  อะไรก็แล้วแต่ที่เราปรารถนาจากต้นกัลปพฤกษ์นี้  พระองค์จะทรงจัดส่งให้  อธิบายอย่างชัดเจน  ณที่นี้ว่า  องค์ภควานทรงลำเอียงต่อสาวก  ซึ่งเป็นปรากฏการณ์แห่งพระเมตตาพิเศษที่ทรงมีต่อสาวก  การสนองตอบของพระองค์ไม่ควรพิจารณาว่าอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม  แต่อยู่ในสถานภาพทิพย์ซึ่งองค์ภควานและสาวกปฏิบัติกัน  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์มิใช่เป็นกิจกรรมของโลกวัตถุ  แต่เป็นส่วนหนึ่งของโลกทิพย์ที่มีความเป็นอมตะความปลื้มปีติสุข  และความรู้โดดเด่น

โศลก 30

อพิ เชท สุ-ดุราชาโร
บฺะจะเท มาม อนันยะ-บฺาคฺ

สาดํุร เอวะ สะ มันทัพยะฮ
สัมยัก วิยะวะสิโท ฮิ สะฮฺ

อพิฺ  -  แม้แต่, เชทฺ  -  หาก, สุ-ดุราชาระฮฺ  -  เขาปฏิบัติสิ่งที่เลวร้ายที่สุด, บฺะจะเทฺ  -  ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้, มามฺ  -  แด่ข้า, อนันยะ-บฺาคฺ  -  โดยไม่เบี่ยงเบน, สาดํฺุ  -  นักบุญ, เอวะฺ  -  แน่นอน, สะฮฺ  -  เขา, มันทัพยะฮฺ  -  พิจารณาว่า, สัมยัคฺ  -  สมบูรณ์, วิยะวะสิทะฮฺ  -  สถิตอย่างมั่นคง, ฮิฺ  -  แน่นอน, สะฮฺ  -  เขา

คำแปลฺ

แม้กระทำในสิ่งที่เลวร้ายที่สุด  หากเขาปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  พิจารณาได้ว่าผู้นี้เป็นนักบุญ  เนื่องจากเขาสถิตอย่างถูกต้องในความมุ่งมั่นของตนเอง

คำอธิบายฺ

คาว่า  สุ-ดุราชาระฮฺ  ในโศลกนี้มีความสำคัญมาก  เราควรทำความเข้าใจอย่างถูกต้องเมื่อสิ่งมีชีวิตอยู่ภายใต้สภาวะเงื่อนไข  จะมีกิจกรรมสองอย่างคือ  กิจกรรมหนึ่งอยู่ภายใต้เงื่อนไข  และอีกกิจกรรมหนึ่งเป็นพื้นฐานเดิมแท้  สำหรับการปกป้องร่างกายหรืออยู่ภายใต้กฎของสังคมและรัฐ  แน่นอนว่ามีกิจกรรมต่างๆ  แม้สำหรับสาวกที่สัมพันธ์กับชีวิตภายใต้สภาวะเงื่อนไข  กิจกรรมเหล่านี้เรียกว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขนอกจากนี้ชีวิตผู้สำนึกอย่างสมบูรณ์ในธรรมชาติทิพย์ของตนปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกหรืออุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควาน  มีกิจกรรมที่เรียกว่าเป็นทิพย์  กิจกรรมเหล่านี้ปฏิบัติไปในสถานภาพเดิมแท้ของตนเอง  เรียกทางเทคนิคว่าการอุทิศตนเสียสละรับใช้ตอนนี้ในระดับที่อยู่ภายใต้สภาวะที่มีเงื่อนไข  บางครั้งกิจกรรมในการอุทิศตนเสียสละรับใช้และการรับใช้ที่มีเงื่อนไขสัมพันธ์กับร่างกายจะไปด้วยกันได้  แต่บางครั้งไปด้วยกันไม่ได้  สาวกจะระวังมากเพื่อไม่ทำสิ่งใดให้ไปทำลายสภาวะอันบริสุทธิ์ของตนเองเท่าที่จะเป็นไปได้  โดยทราบดีว่าความสมบูรณ์ในกิจกรรมขึ้นอยู่กับความรู้แจ้งมากยิ่งขึ้นในคริชณะจิตสำนึก  อย่างไรก็ดี  บางครั้งอาจพบว่าบุคคลในคริชณะจิตสำนึกปฏิบัติในสิ่งที่เลวร้ายที่สุดทางสังคมหรือทางการเมือง  แต่การตกลงต่ำชั่วคราวเช่นนี้มิได้ตัดสิทธิ์ของเขา  ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  กล่าวว่า  หากผู้ที่ตกลงต่ำแต่ปฏิบัติตนอย่างหมดหัวใจในการรับใช้ทิพย์ต่อองค์ภควาน  พระองค์ผู้ทรงประทับภายในหัวใจจะทำให้เขาบริสุทธิ์ขึ้นและให้อภัยจากสิ่งเลวร้ายนั้น  มลพิษทางวัตถุนั้นรุนแรงมาก  แม้โยคีปฏิบัติในการรับใช้พระองค์อย่างสมบูรณ์  บางครั้งยังตกหลุมพราง  แต่คริชณะจิตสำนึกมีพลังมาก  การตกลงต่ำชั่วครั้งชั่วคราวเช่นนี้จะได้รับการแก้ไขให้ถูกต้องโดยทันที  ฉะนั้น  วิธีการอุทิศตนเสียสละรับใช้จึงมีผลสำเร็จอยู่เสมอ  ไม่มีผู้ใดควรเยาะเย้ยสาวกในการที่ตกลงต่ำจากวิถีทางอันประเสริฐอันเนื่องจากอุบัติเหตุ  ดังจะอธิบายในโศลกต่อไป  การตกลงต่ำชั่วคราวเช่นนี้จะยุติลงในเวลาต่อมา  ทันทีที่สาวกสถิตอย่างสมบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึก

ดังนั้น  บุคคลผู้สถิตในคริชณะสำนึกและปฏิบัติด้วยความมุ่งมั่นในวิธีการสวดภาววนา  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  คริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร  /  ฮะเร  รามะ  ฮะเรรามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร  ควรพิจารณาว่าอยู่ในสถานภาพทิพย์  แม้โดยโอกาสหรืออุบัติเหตุพบว่าเขาตกลงต่ำ  คำว่า  สาดํุร  เอวะฺ  “เขาเป็นนักบุญ”  เน้นมาก  มีคำเตือนสำหรับผู้ไม่ใช่สาวกว่า  เนื่องจากการตกลงต่ำด้วยอุบัติเหตุ  สาวกไม่ควรถูกเยาะเย้ยควรพิจารณาว่าเขายังเป็นนักบุญ  แม้ตกลงต่ำโดยอุบัติเหตุ  และคำว่า  มันทัพยะฮฺ  ยิ่งเน้นขึ้นไปอีก  หากผู้ใดไม่ปฏิบัติตามกฎนี้  และเยาะเย้ยสาวกในการตกลงต่ำโดยอุบัติเหตุเท่ากับผู้นี้ไม่เชื่อฟังคำสั่งขององค์ภควาน  คุณสมบัติเดียวของสาวกคือปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างมุ่งมั่นเท่านั้น

ใน  นริสิมฮะ  พุราณะฺ  มีข้อความดังต่อไปนี้

บฺะกะวะทิ ชะ ฮะราพ อนันยะ-เชทา
บฺริชะ-มะลิโน พิ วิราจะเท มะนุชยะฮฺ

นะ ฮิ ชะชะ-คะลุชะ-ชชฺะบิฮ คะดาชิท
ทิมิระ-พะราบฺะวะทาม อุไพทิ ชันดระฮฺ

ความหมายคือ  แม้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างสมบูรณ์ต่อองค์ภควานบางครั้งพบว่าบุคคลปฏิบัติในกิจกรรมที่น่ารังเกียจ  กิจกรรมเหล่านี้ควรพิจารณาว่าเหมือนกับจุดต่าง  ๆ  ที่รวมกันเป็นรูปกระต่ายบนดวงจันทร์  จุดเหล่านี้ไม่ได้กลายมาเป็นอุปสรรคในการส่องแสงของดวงจันทร์  ในทำนองเดียวกัน  การตกลงต่ำโดยอุบัติเหตุของสาวกจากวิถีทางของบุคลิกนักบุญไม่ได้ทำให้เขาน่ารังเกียจ

อีกด้านหนึ่ง  เราไม่ควรเข้าใจผิดว่าสาวกที่อยู่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ทิพย์สามารถปฏิบัติในสิ่งที่น่ารังเกียจต่าง  ๆ  นานาได้  โศลกนี้พาดพิงถึงเฉพาะอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากพลังอันแข็งแกร่งที่มาสัมผัสกับวัตถุเท่านั้น  การอุทิศตนเสียสละรับใช้เหมือนกับการประกาศสงครามกับพลังงานแห่งความหลง  ตราบเท่าที่เรายังไม่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับพลังงานแห่งความหลงอาจตกลงต่ำโดยอุบัติเหตุได้  แต่เมื่อแข็งแรงพอ  เราจะไม่อยู่ภายใต้อำนาจแห่งการตกลงต่ำเช่นนี้อีกต่อไป  ดังที่ได้อธิบายแล้วว่า  ไม่ควรมีผู้ใดฉวยประโยชน์จากโศลกนี้ไปกระทำสิ่งเหลวไหลและคิดว่าตนเองยังเป็นสาวกหากไม่พัฒนาบุคลิกของตนให้ดีขึ้นด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้  พึงเข้าใจไว้ว่าเราไม่ใช่สาวกระดับสูง

โศลก 31

คชิพรัม บฺะวะทิ ดฺารมาทมา
ชัชวัช-ชฺานทิม นิกัชชฺะทิฺ

คะอุนเทยะ พระทิจานีฮิ
นะ เม บัฺคธะฮ พระณัชยะทิฺ

คชิพรัมฺ  -  เร็ว ๆ นี้, บฺะวะทิฺ  -  กลายมาเป็น, ดฺารมะ-อาทมาฺ  -  คุณธรรม, ชัชวัท-ชานทิมฺ  -  ความสงบยั่งยืน, นิกัชชฺะทิฺ  -  บรรลุ, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, พระทิจานีฮิฺ  -  ประกาศ, นะฺ  -  ไม่เคย, เมฺ  -  ของข้า, บัฺคธะฮฺ  -  สาวก, พระณัชยะทิฺ  -  ทำลาย

คำแปลฺ

เขากลายมาเป็นผู้มีคุณธรรม  และบรรลุถึงความสงบอย่างถาวรโดยรวดเร็ว  โอ้  โอรสพระนางคุนที  จงประกาศอย่างกล้าหาญว่าสาวกของข้าจะไม่มีวันถูกทำลาย

คำอธิบายฺ

เช่นนี้ไม่ควรเข้าใจผิด  ในบทที่เจ็ด  องค์ภควานตรัสว่าผู้ปฏิบัติในกิจกรรมที่ไม่ดีไม่สามารถมาเป็นสาวกได้  และผู้ไม่ใช่สาวกขององค์ภควานไม่มีคุณสมบัติดีเลย  จากนั้น  มีคำถามว่า  แล้วทำไมบุคคลที่ปฏิบัติในกิจกรรมอันน่ารังเกียจ  ไม่ว่าจะด้วยอุบัติเหตุหรือด้วยความตั้งใจ  มาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ได้?  คำถามนี้มีเหตุผล  ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทที่เจ็ดว่า  คนสารเลวที่ไม่เคยมาถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควาน  ไม่มีคุณสมบัติดีเลย  ดังที่กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  โดยทั่วไป  สาวกปฏิบัติกิจกรรมเก้าวิธีในการอุทิศตนเสียสละ  เป็นวิธีการชะล้างมลทินทางวัตถุทั้งปวงให้ออกจากหัวใจและให้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงประทับอยู่ภายในหัวใจ  ดังนั้น  มลทินบาปทั้งปวงจะถูกชะล้างออกไปโดยธรรมชาติ  การระลึกถึงองค์ภควานอยู่ตลอดเวลาทำให้เขาบริสุทธิ์ขึ้นโดยธรรมชาติ  ตามคัมภีร์พระเวทมีกฎเกณฑ์บางประการว่า  หากตกลงต่ำจากสถานภาพที่สูงส่ง  เขาต้องปฏิบัติตามพิธีทางศาสนาเพื่อให้ตนเองบริสุทธิ์ขึ้น  แต่ณ  ที่นี้ไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้  เพราะกรรมวิธีเพื่อความบริสุทธิ์อยู่ภายในหัวใจของสาวกแล้วเนื่องจากเขาระลึกถึงองค์ภควานอยู่ตลอดเวลา  ฉะนั้น  การสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะฮะเร  คริชณะ  คริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร  /  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเรฮะเร  ควรดำเนินต่อไปโดยไม่หยุดยั้ง  เช่นนี้จะปกป้องสาวกจากอุบัติเหตุตกลงต่ำทั้งหมดดังนั้น  เขาจะเป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุทั้งปวงชั่วกัลปวสาน

โศลก 32

มาม ฮิ พารทฺะ วิยะพาชริทยะ
เย พิ สยุฮ พาพะ-โยนะยะฮฺ

สทริโย ไวชยาส ทะทฺา ชูดราส
เท พิ ยานทิ พะราม กะทิมฺ

มามฺ  -  ของข้า, ฮิฺ  -  แน่นอน, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, วิยะพาชริทยะฺ  -  มีที่พึ่งโดยเฉพาะ, เยฺ  -  พวกเขา, อพิฺ  -  เช่นกัน, สยุฮฺ  -  เป็น, พาพะ-โยนะยะฮฺ  -  เกิดในครอบครัวต่ำ, สทิรยะฮ-สตรีฺ, ไวชยาฮฺ  -  พ่อค้า, ทะทฺาฺ  -  เช่นกัน, ชูดราฮฺ  -  คนชั้นต่ำ,เท อพิฺ  -  แม้พวกเขา, ยานทิฺ  -  ไป, พะรามฺ  -  ถึงองค์ภควาน, กะทิมฺ  -  จุดมุ่งหมาย

คำแปลฺ

โอ้  โอรสพระนางพริทฺา  พวกที่มาพึ่งข้า  ถึงแม้ว่าเกิดมาต่ำ  เช่นสตรี  ไวชยะ(พ่อค้า)  และชูดระ  (ผู้ใช้แรงงาน)  สามารถบรรลุถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดได้

คำอธิบายฺ

ณ  ที่นี้องค์ภควานทรงประกาศอย่างชัดเจนว่า  ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ไม่มีข้อแบ่งแยกระหว่างชนชั้นต่ำและชนชั้นสูง  ในแนวคิดแห่งชีวิตทางวัตถุมีการแบ่งแยกเช่นนี้  แต่สำหรับผู้ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ทิพย์ต่อองค์ภควานจะไม่มี  ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะไปถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดได้  ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (2.4.18)  กล่าวไว้ว่า  แม้พวกที่ต่ำสุดเรียกว่า  ชันดาละฺ  (คนกินสุนัข)  สามารถทำให้บริสุทธิ์ขึ้นมาได้ด้วยการมาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์  ฉะนั้น  การอุทิศตนเสียสละรับใช้และการนำทางของสาวกผู้บริสุทธิ์มีพลังอำนาจมากจนไม่มีการเลือกปฏิบัติระหว่างชนชั้นที่ต่ำกว่าและชนชั้นที่สูงกว่า  ทุก  ๆ  คนนำไปปฏิบัติได้  คนที่เรียบง่ายที่สุดมาพึ่งสาวกผู้บริสุทธิ์สามารถทำให้บริสุทธิ์ขึ้นได้จากการนำทางที่ถูกต้อง  ตามระดับต่าง  ๆ  ของธรรมชาติวัตถุ  มนุษย์แบ่งอยู่ในระดับแห่งความดี  (บระฮมะณะฺ)  ระดับแห่งตัณหา  (คชัทริยะ  หรือผู้บริหาร)ระดับผสมกันระหว่างตัณหาและอวิชชา  (ไวชยะ  หรือพ่อค้า)  และระดับแห่งอวิชชา(ชูดระ  หรือผู้ใช้แรงงาน)  พวกที่ต่ำไปกว่านี้เรียกว่า  ชันดาละฺ  ที่เกิดในครอบครัวบาปโดยทั่วไปการคบหาสมาคมกับผู้ที่เกิดในครอบครัวบาป  ชนชั้นสูงรับไม่ได้  แต่วิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้มีพลังอำนาจมาก  สาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควานสามารถทำให้คนในชั้นต่ำทั้งหมดบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดแห่งชีวิตได้  เป็นเช่นนี้ได้เมื่อเรามาพึ่งคริชณะเท่านั้น  ดังที่ได้แสดงไว้  ณ  ที่นี้ด้วยคำว่า  วิยะพาชริทยะฺ  เราต้องมาพึ่งคริชณะโดยสมบูรณ์แล้วจะกลายมาเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่า  กยานีฺ  และ  โยคี  ผู้ยิ่งใหญ่

โศลก 33

คิม พุนาร บราฮมะณาฮ พุนยา
บัฺคธา ราจารชะยัส ทะทฺาฺ

อนิทยัม อสุคัฺม โลคัม
อิมัม พราพยะ บฺะจัสวะ มามฺ

คิมฺ  -  เท่าไร, พุนะฮฺ  -  อีกครั้งหนึ่ง, บราฮมะณาฮฺ  -  บราฮมะณะ, พุณยาฮฺ  -  บุญ, บัฺคธาฮฺ  -  เหล่าสาวก, ราจะฺ  -  ริชะยะฮฺ  -  กษัตริย์ผู้ทรงธรรม, ทะทฺาฺ  -  เช่นกัน, อนิทยัมฺ  -  ชั่วคราว, อสุคัฺมฺ  -  เต็มไปด้วยความทุกข์, โลคัมฺ  -  โลก อิมัมฺ  -  นี้, พราพยะฺ  -  ได้รับ, บฺะจัสวะฺ  -  ปฏิบัติในการรับใช้ด้วยความรัก, มามฺ  -  แด่ข้า

คำแปลฺ

แล้วจะเป็นเช่นนี้อีกมากเพียงใด  สำหรับพราหมณ์ผู้มีบุญ  เหล่าสาวก  และกษัตริย์ผู้ทรงธรรม  ฉะนั้น  เมื่อมาอยู่ในโลกแห่งความทุกข์ที่ไม่ถาวรนี้  จงปฏิบัติรับใช้ข้าด้วยความรัก

คำอธิบายฺ

ในโลกนี้มีการแบ่งชั้นสำหรับผู้คน  แต่ในที่สุดโลกนี้ไม่ใช่สถานที่ที่มีความสุขสำหรับผู้ใด  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่า  อนิทยัม  อสุคัฺม  โลคัมฺ  โลกนี้ไม่ถาวรเต็มไปด้วยความทุกข์  และไม่ใช่ที่อยู่อาศัยของสุภาพบุรุษผู้มีสติสัมปชัญญะดี  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงประกาศว่าโลกนี้ไม่ถาวร  และเต็มไปด้วยความทุกข์  นักปราชญ์บางท่านโดยเฉพาะนักปราชญ์มายาวดี  กล่าวว่า  โลกนี้ไม่จริง  แต่เราสามารถเข้าใจได้จาก  ภควัต-คีตาฺ  ว่า  โลกนี้มิใช่ว่าไม่จริง  แต่ไม่ถาวร  มีข้อแตกต่างระหว่างความไม่ถาวรและความไม่จริง  โลกนี้ไม่ถาวรแต่มีอีกโลกหนึ่งที่ถาวร  โลกนี้มีความทุกข์แต่มีอีกโลกหนึ่งเป็นอมตะและมีความปลื้มปีติสุข

อารจุนะประสูติในราชวงศ์กษัตริย์ผู้ทรงธรรม  องค์ภควานตรัสต่ออารจุนะเช่นกันว่า  “จงรับเอาการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อข้าไปปฏิบัติ  และกลับคืนสู่องค์ภควานคืนสู่เหย้าโดยเร็ว”  ไม่มีผู้ใดควรจมปรักอยู่ในโลกที่ไม่ถาวรนี้ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์  ตามความเป็นจริง  ทุกคนควรซบตนเองอยู่ที่พระอุระของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  เพื่อจะได้มีความสุขนิรันดร  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานเป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นที่ปัญหาทั้งหมดของชนทุกชั้นสามารถได้รับการแก้ไข  ดังนั้น  ทุกคนควรรับเอาคริชณะจิตสำนึกมาปฏิบัติ  และทำให้ชีวิตสมบูรณ์

โศลก 34

มัน-มะนา บฺะวะ มัด-บัฺคโธ
มัด-ยาจี มาม นะมัสคุรฺุ

มาม เอไวชยะสิ ยุคทไววัม
อาทมานัม มัท-พะรายะณะฮฺ

มัท-มะนาฮฺ  -  ระลึกถึงข้าอยู่เสมอ, บฺะวะฺ  -  มาเป็น, มัทฺ  -  ของข้า, บัฺคธะฮฺ  -  สาวก, มัทฺ  -  ของข้า, ยาจีฺ  -  ผู้บูชา , มามฺ  -  แด่ข้า, นะมัสคุรฺุ  -  ถวายความเคารพ, มามฺ  -  แด่ข้า, เอวะฺ  -  อย่างสมบูรณ์, เอชยะสิฺ  -  เธอจะมา, ยุคทวาฺ  -  ซึมซาบ, เอวัมฺ  -  ดังนั้น, อาทมานัมฺ  -  วิญญาณของเธอ, มัท-พะรายะณะฮฺ  -  อุทิศแด่ข้า

คำแปลฺ

ให้จิตใจของเธอระลึกถึงข้าอยู่เสมอ  มาเป็นสาวกของข้า  ถวายความเคารพต่อข้าบูชาข้า  และซึมซาบอยู่ในข้าอย่างสมบูรณ์  แน่นอนว่าเธอจะมาหาข้า

คำอธิบายฺ

โศลกนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคริชณะจิตสำนึกเป็นวิถีทางเดียวเท่านั้นที่สามารถส่งเราให้ออกจากเงื้อมมือของโลกวัตถุที่มีมลทินนี้ได้  บางครั้งนักบรรยายผู้ไม่มีคุณธรรมบิดเบือนความหมายซึ่งกล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่า  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ทั้งหมดควรถวายให้องค์ภควานคริชณะ  ด้วยความอับโชคนักบรรยายผู้ไม่มีคุณธรรมชักจูงจิตใจของผู้อ่านให้หันเหไปในหนทางที่เป็นไปไม่ได้  นักบรรยายเหล่านี้ไม่รู้ว่าไม่มีข้อแตกต่างระหว่างจิตใจของคริชณะและพระวรกายของพระองค์  คริชณะทรงไม่ใช่มนุษย์ปุถุชนธรรมดา  พระองค์ทรงเป็นสัจธรรมสูงสุด  พระวรกายของพระองค์จิตใจของพระองค์  และตัวพระองค์เองเป็นหนึ่งเดียวกันและสมบูรณ์สูงสุด  ได้กล่าวไว้ใน  คูรมะ  พุราณะฺ  ดังที่บัฺคธิสิดดฺานธะ  สะรัสวะที  โกสวามี  ได้อ้างอิงในคำบรรยาย  อนุบฺา  ชยะฺ  ของหนังสือ  เชธันญะ-ชะริทามริทะฺ  (บทที่ห้า  อาดิ-ลีลาฺ  โศลก  41-48)  เดฮะ-  เดฮิ-วิเบฺโด  ยัม  เนชวะเร  วิดยะเท  ควะชิทฺ  หมายความว่าในองค์ภควานคริชณะไม่มีข้อแตกต่างระหว่างตัวพระองค์เองและพระวรกายของพระองค์  เนื่องจากนักบรรยายไม่รู้ศาสตร์แห่งคริชณะ  จึงซ่อนคริชณะและแบ่งแยกบุคลิกภาพของพระองค์จากจิตใจหรือจากพระวรกายของพระองค์  แม้ว่านี่เป็นเพียงอวิชชาในศาสตร์แห่งคริชณะโดยแท้  แต่บางคนยังทำผลกำไรจากการชักนำผู้คนไปในทางที่ผิด

มีบางคนที่เป็นมาร  คิดถึงคริชณะเช่นเดียวกันนี้  แต่ด้วยความอิจฉาเหมือนกับกษัตริย์คัมสะ  พระมาตุลาของคริชณะ  ซึ่งคิดถึงคริชณะเสมอเช่นเดียวกันแต่ความคิดของคัมสะเป็นศัตรู  และอยู่ในความวิตกกังวลเสมอว่าเมื่อไรคริชณะจะมาสังหารตนความคิดเช่นนี้จะไม่ช่วยเรา  เราควรคิดถึงคริชณะในการอุทิศตนเสียสละด้วยความรักนั่นคือ  บัฺคธิฺ  เราควรพัฒนาความรู้แห่งองค์คริชณะอย่างต่อเนื่อง  การพัฒนาที่อำนวยประโยชน์นั้นคืออะไร?  คือการเรียนรู้จากครูผู้เชื่อถือได้  คริชณะคือองค์ภควาน  ได้อธิบายไว้หลายครั้งแล้วว่า  พระวรกายของพระองค์ไม่ใช่วัตถุ  แต่ทรงเป็นอมตะมีความปลื้มปีติสุขและความรู้  การสนทนาเกี่ยวกับคริชณะเช่นนี้จะช่วยให้เรามาเป็นสาวก  การเข้าใจคริชณะว่าเป็นอย่างอื่น  โดยเรียนรู้จากแหล่งที่ผิดจะพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ได้รับผลประโยชน์อันใดเลย

ฉะนั้น  เราควรให้จิตใจจดจ่ออยู่ที่รูปลักษณ์อมตะ  รูปลักษณ์เดิมแท้ของคริชณะด้วยความมุ่งมั่นในหัวใจว่าคริชณะคือองค์ภควาน  และเราควรปฏิบัติในการบูชา  มีวัดเป็นร้อย  ๆ  พัน  ๆ  วัดในประเทศอินเดียที่บูชาคริชณะ  และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เมื่อมีการปฏิบัติเช่นนี้เราต้องถวายความเคารพต่อคริชณะ  ก้มศีรษะต่อหน้าพระปฏิมา  ใช้จิดใจ  ร่างกาย  กิจกรรม  และทุกสิ่งทุกอย่างปฏิบัติรับใช้  เช่นนี้จะทำให้ซึมซาบอยู่ในคริชณะอย่างสมบูรณ์โดยไม่เบี่ยงเบน  และจะช่วยย้ายเราไปยังคริชณะโลคะ  เราควรระวังไม่ให้นักบรรยายผู้ไม่มีคุณธรรมมาบิดเบือน  และต้องปฏิบัติในวิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้เก้าวิธี  เริ่มจากการสดับฟังและการสวดภาวนาเกี่ยวกับคริชณะการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของสังคมมนุษย์

บทที่เจ็ดและบทที่แปดของ  ภควัต-คีตาฺ  อธิบายถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์แด่องค์ภควาน  โดยปราศจากความรู้จากการคาดคะเน  อิทธิฤทธิ์โยคะ  และกิจกรรมเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุ  พวกที่ยังไม่ทำให้ตนเองบริสุทธิ์ขึ้นอาจยึดติดอยู่กับลักษณะต่าง  ๆ  ขององค์ภควาน  เช่น  บระฮมะจโยทิฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์  และ  พะระมาทมาฺ  ในหัวใจของทุกคน  แต่สาวกผู้บริสุทธิ์ปฏิบัติตนรับใช้องค์ภควานโดยตรง

มีบทกวีอันสวยงามเกี่ยวกับคริชณะที่กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  ผู้ใดปฏิบัติในการบูชาเทวดาเป็นผู้ที่ด้อยปัญญาที่สุด  และไม่สามารถได้รับรางวัลสูงสุดจากองค์ภควานไม่ว่าในเวลาใด  ในตอนต้น  บางครั้งสาวกอาจตกต่ำลงจากมาตรฐานแต่ควรพิจารณาว่าสูงส่งกว่านักปราชญ์และโยคีทั้งหลาย  ผู้ที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอควรเข้าใจว่าเป็นนักบุญโดยสมบูรณ์  กิจกรรมที่ไม่ใช่การอุทิศตนเสียสละซึ่งเกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุจะลดน้อยลง  และเขาจะสถิตในความสมบูรณ์บริบูรณ์โดยเร็วอย่างไม่ต้องสงสัย  สาวกผู้บริสุทธิ์ไม่มีโอกาสที่จะตกลงต่ำจริง  เพราะว่าองค์ภควานทรงดูแลสาวกผู้บริสุทธิ์ด้วยตัวพระองค์เอง  ฉะนั้น  ผู้มีปัญญาควรรับเอาวิธีแห่งคริชณะจิตสำนึกมาปฏิบัติโดยตรงและใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในโลกวัตถุนี้  แล้วจะได้รับรางวัลสูงสุดจากคริชณะในอนาคต

ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดย บัฺคธิเวดันธะ บทที่เก้าของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่องความรู้ที่ลับสุดยอดฺ