ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ ห้า

คารมะ-โยกะ
การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก

โศลก 1

อารจุนะ อุวาชะฺ
สันนยาสัม คารมะณาม คริชณะ
พุนาร โยกัม ชะ ชัมสะสิฺ

ยัช ชฺเรยะ เอทะโย เอคัม
ทัน เม บรูฮิ สุ-นิชชิทัมฺ

อารจุนะ อุวาชะฺ  -  อารจุนะตรัส, สันนยาสัมฺ  -  สละ, คารมะณามฺ  -  ของกิจกรรมทั้งหลาย, คริชณะฺ  -  โอ้ คริชณะ, พุนะฮฺ  -  อีกครั้ง, โยกัมฺ  -  การอุทิศตนเสียสละรับใช้, ชะฺ  -  เช่นกัน, ชัมสะสิฺ  -  ท่านสรรเสริญ, ยัทฺ  -  ซึ่ง, ชฺเรยะฮฺ  -  มีประโยชน์มากกว่า, เอทะโยฮฺ  -  ทั้งสองสิ่งนี้, เอคัมฺ  -  หนึ่ง, ทัทฺ  -  นั้น, เมฺ  -  แก่ข้าพเจ้า, บรูฮิฺ  -  กรุณาบอก, สุ-นิชชิทัมฺ  -  อย่างชัดเจน

คำแปลฺ

อารจุนะตรัสว่า  โอ้  คริชณะ  เริ่มแรกพระองค์ทรงบอกให้ข้าพเจ้าสละงาน  และแล้วทรงแนะนำให้ทำงานด้วยการอุทิศตนเสียสละ  ขอให้พระองค์ทรงโปรดกรุณาตรัสอย่างชัดเจนว่า  ทั้งสองสิ่งนี้สิ่งไหนจะมีประโยชน์มากกว่ากัน

คำอธิบายฺ

ในบทที่ห้าของ  ภควัต-คีตาฺ  นี้  องค์ภควานตรัสว่างานในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ดีกว่าการคาดคะเนทางจิตใจอย่างลม  ๆ  แล้ง  ๆ  การอุทิศตนเสียสละรับใช้นั้นง่ายกว่าเพราะว่าเป็นทิพย์โดยธรรมชาติ  และทำให้เราเป็นอิสระจากวิบากกรรม  ในบทที่สองได้อธิบายถึงความรู้พื้นฐานของดวงวิญญาณและการที่ดวงวิญญาณถูกพันธนาการในร่างวัตถุ  พร้อมทั้งอธิบายถึงความหลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุนี้ด้วย  บุดดิฺ-โยกะฺหรือการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ในบทที่สาม  ได้อธิบายถึงบุคคลผู้สถิตในระดับแห่งความรู้  จะไม่มีหน้าที่ใด  ๆ  ต้องปฏิบัติอีกต่อไป  ในบทที่สี่  พระองค์ตรัสแก่อารจุนะว่างานบูชาทั้งหมดมาจบลงที่ความรู้  อย่างไรก็ดี  ในตอนท้ายของบทที่สี่  องค์ภควานทรงแนะนำให้อารจุนะตื่นขึ้น  ต่อสู้  และสถิตในความรู้อันสมบูรณ์  ดังนั้น  จากการเน้นถึงความสำคัญพร้อม  ๆ  กันทั้งงานแห่งการอุทิศตนเสียสละและการวางเฉยอยู่ในความรู้  ได้สร้างความงุนงงและสับสนให้แก่อารจุนะในการตัดสินใจ  อารจุนะทรงเข้าใจว่าการเสียสละในความรู้คือหยุดการงานทั้งหมดที่เป็นกิจกรรมทางประสาทสัมผัส  แต่ถ้าหากว่าเราปฏิบัติงานในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  แล้วงานจะหยุดลงได้อย่างไร  หรืออีกนัยหนึ่ง  อารจุนะทรงคิดว่า  สันนยาสะฺ  หรือการสละในความรู้  ควรเป็นอิสระจากกิจกรรมทั้งมวล  เพราะว่าการทำงานและการเสียสละไปด้วยกันไม่ได้  ปรากฏว่าอารจุนะทรงไม่เข้าใจว่าการทำงานที่เปี่ยมไปด้วยความรู้นั้นจะไม่มีวิบากกรรมจึงดูเหมือนว่าไม่ได้ทำอะไรเลย  ดังนั้นจึงทรงถามว่าควรจะหยุดทำงานทั้งหมดหรือควรทำงานในแบบที่เปี่ยมไปด้วยความรู้

โศลก 2

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
สันนยาสะฮ คารมะ-โยกัช ชะ
นิฮชเรยะสะ-คะราพ อุโบฺฺ

ทะโยส ทุ คารมะ-สันนยาสาท
คารมะ-โยโก วิชิชยะเทฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  องค์ภควานตรัส, สันนยาสะฮฺ  -  การสละงาน, คารมะ-โยกะฮฺ  -  งานในการอุทิศตนเสียสละ, ชะฺ  -  เช่นกัน, นิฮชเรยะสะ-คะโรฺ  -  นำไปสู่วิถีทางแห่งความหลุดพ้น, อุโบฺฺ  -  ทั้งสอง, ทะโยฮฺ  -  ของทั้งสอง, ทฺุ  -  แต่, คารมะ-สันนยาสาทฺ  -  เมื่อเปรียบเทียบกับการสละงานเพื่อผลทางวัตถุ, คารมะ-โยกะฮฺ  -  งานในการอุทิศตนเสียสละ, วิชิชยะเทฺ  -  ดีกว่า

คำแปลฺ

องค์ภควานตรัสตอบว่า  การสละงานและการทำงานด้วยการอุทิศตนเสียสละทั้งคู่ดีเพื่อความหลุดพ้น  แต่เมื่อเปรียบเทียบสองสิ่งนี้  การทำงานอุทิศตนเสียสละรับใช้ดีกว่าการสละงาน

คำอธิบายฺ

กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ  (แสวงหาการสนองประสาทสัมผัส)  เป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการทางวัตถุ  ตราบที่เรายังปฏิบัติกิจกรรมเพื่อมุ่งพัฒนามาตรฐานความสะดวกของร่างกาย  แน่นอนว่าเราต้องเคลื่อนย้ายเข้าไปสู่ร่างต่าง  ๆ  กัน  และสืบสานการพันธนาการทางวัตถุชั่วกัลปวสาน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (5.5.4-6)  ได้ยืนยันไว้ดังต่อไปนี้

นูนัม พระมัททะฮ คุรุเท วิคารมะ
ยัด อินดริยะ-พรีทะยะ อาพริโนทิฺ

นะ สะดํุ มันเย ยะทะ อาทมะโน ยัม
อสันน อพิ คเลชะ-ดะ อาสะ เดฮะฮฺ
พะราบฺะวัส ทาวัด อโบดฺะ-จาโท
ยาวัน นะ จิกยาสะทะ อาทมะ-ทัททวัมฺ

ยาวัท คริยาส ทาวัด อิดัม มะโน ไว
คารมาทมะคัม เยนะ ชะรีระ-บันดฺะฮฺ
เอวัม มะนะฮ คารมะ-วะชัม พระยุงคเท
อวิดยะยาทมะนิ อุพะดฺียะมาเนฺ

พรีทิร นะ ยาวัน มะยิ วาสุเดเว
นะ มุชยะเท เดฮะ-โยเกนะ ทาวัทฺ

“บุคคลผู้บ้าคลั่งในการสนองประสาทสัมผัส  โดยไม่รู้ว่าร่างกายวัตถุที่เต็มไปด้วยความทุกข์นี้  เป็นผลพวงมาจากกิจกรรมเพื่อหวังผลทางวัตถุในอดีตของตนเอง  ถึงแม้ว่าร่างกายนี้ไม่ถาวร  แต่มันก็สร้างความเดือดร้อนให้เราอยู่เสมอในหลาย  ๆ  ด้าน  ฉะนั้นการกระทำเพื่อสนองประสาทสัมผัสมิใช่สิ่งที่ดี  ตราบเท่าที่เรายังไม่ตั้งคำถามเกี่ยวกับบุคลิกภาพอันแท้จริงของตัวเราเอง  ถือว่าชีวิตเราล้มเหลวเพราะตราบใดที่เรายังไม่รู้ถึงบุคลิกภาพอันแท้จริงของตัวเรา  เราจะทำงานเพื่อผลทางวัตถุเพื่อสนองประสาทสัมผัสและตราบใดที่เรายังหมกมุ่นอยู่ในจิตสำนึกแห่งการสนองประสาทสัมผัส  เราจะต้องเคลื่อนย้ายออกจากร่างหนึ่งไปสู่อีกร่างหนึ่ง  ถึงแม้ว่าจิตใจอาจหมกมุ่นอยู่ในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุและถูกครอบงำโดยอวิชชา  แต่ถ้าเราพัฒนาความรักเพื่อการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์วาสุเดวะ  จากจุดนี้เท่านั้นที่เราสามารถได้รับโอกาสหลุดพ้นจากพันธนาการในความเป็นอยู่ทางวัตถุ”

ฉะนั้น  กยานะฺ  (หรือความรู้ที่ว่าตัวเราไม่ใช่ร่างวัตถุนี้แต่เป็นดวงวิญญาณ)  ไม่เพียงพอสำหรับความหลุดพ้น  เราจะต้องปฏิบัติตนในสถานภาพของดวงวิญญาณ  มิฉะนั้น  จะไม่มีหนทางหลบหนีออกไปจากพันธนาการทางวัตถุ  อย่างไรก็ดี  การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกมิใช่การปฏิบัติในระดับเพื่อผลทางวัตถุ  แต่เป็นกิจกรรมที่ปฏิบัติด้วยความรู้อันสมบูรณ์จะช่วยให้เราเจริญขึ้นในความรู้ที่แท้จริง  การสละผลของงานอย่างเดียวโดยปราศจากคริชณะจิตสำนึกมิได้ทำให้หัวใจของพันธวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นอย่างแท้จริง  ตราบใดที่หัวใจยังไม่บริสุทธิ์เราต้องทำงานในระดับที่หวังผล  แต่การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกจะช่วยเราให้หลบหนีจากผลของการปฏิบัติเพื่อผลทางวัตถุโดยปริยายเพื่อเราจะได้ไม่ตกลงมาสู่ระดับวัตถุ  ฉะนั้น  การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกจึงสูงกว่าการสละหรือการปล่อยวางอย่างแน่นอน  การสละหรือการปล่อยวางยังมีความเสี่ยงในการตกลงต่ำอยู่เสมอ  การสละโดยปราศจากคริชณะจิตสำนึกนั้นไม่สมบูรณ์  ดังที่  ชรีละรูพะโกสวามี  ได้ยืนยันไว้ใน  บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ  (1.2.258)  ว่า

พราพันชิคะทะยา บุดดฺยา
ฮะริ-สัมบันดิฺ-วัสทุนะฮฺ

มุมุคชุบิฺฮ พะริทยาโก
ไวรากยัม พัฺลกุ คัทฺยะเทฺ

“เมื่อบุคคลผู้มีความกระตือรือร้นที่จะบรรลุความหลุดพ้น  สละสิ่งต่าง  ๆ  ที่สัมพันธ์กับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  โดยคิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นวัตถุ  การสละเช่นนี้ถือว่าไม่สมบูรณ์”  การเสียสละหรือการปล่อยวางที่สมบูรณ์จะเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในความรู้ที่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นขององค์ภควาน  เมื่อเป็นเช่นนี้  จึงไม่ควรมีผู้ใดอ้างความเป็นเจ้าของในสิ่งใด  ๆ  เราควรเข้าใจว่าอันที่จริงไม่มีอะไรเป็นของใคร  ดังนั้น  จึงไม่มีผู้ใดจะต้องไปเสียสละอะไร  ผู้ที่ทราบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสมบัติของคริชณะจะสถิตในความปล่อยวางหรือเสียสละอยู่เสมอ  เนื่องจากทุกสิ่งอย่างป็นของคริชณะจึงควรถูกนำมาใช้เพื่อเป็นการรับใช้คริชณะ  การปฏิบัติที่สมบูรณ์แบบในคริชณะจิตสำนึกเช่นนี้ดีกว่าการเสียสละหรือการปล่อยวางที่ฝืนธรรมชาติโดย  สันนยาสีฺ  แห่งสถาบัน  มายาวาดีฺ

โศลก 3

กเยยะฮ สะ นิทยะ-สันนยาสี
โย นะ ดเวชทิ นะ คางคชะทิฺ

นิรดวันดโว ฮิ มะฮา-บาโฮ
สุคฺัม บันดฺาท พระมุชยะเทฺ

กเยยะฮฺ  -  ควรรู้, สะฮฺ  -  เขา, นิทยะฺ  -  เสมอ, สันนยาสีฺ  -  ผู้สละทางโลก, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, นะฺ  -  ไม่เคย, ดเวชทิฺ  -  เกลียดชัง, นะฺ  -  หรือไม่, คางคชะทิฺ  -  ปรารถนา, นิรดวันดวะฮฺ  -  เป็นอิสระจากมวลสิ่งคู่, ฮิฺ  -  แน่นอน, มะฮา-บาโฮฺ  -  โอ้ ยอดนักรบ, สุคัฺมฺ  -  มีความสุข, บันดฺาทฺ  -  จากพันธนาการ, พระมุชยะเทฺ  -  หลุดพ้นอย่างสมบูรณ์

คำแปลฺ

ผู้ที่ไม่รังเกียจกิจกรรมและไม่ปรารถนาผลตอบแทนจากกิจกรรมของตนเอง  ได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียสละอยู่เสมอ  บุคคลเช่นนี้เป็นอิสระจากมวลสิ่งคู่  ข้ามพ้นจากพันธนาการทางวัตถุได้โดยง่ายดาย  และได้รับความหลุดพ้นอย่างสมบูรณ์  โอ้อารจุนะ  ยอดนักรบ

คำอธิบายฺ

บุคคลที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกเป็นผู้เสียสละอยู่เสมอ  เพราะไม่รู้สึกรังเกียจหรือต้องการผลตอบแทนจากการกระทำของตนเอง  ผู้เสียสละเช่นนี้อุทิศตนรับใช้ด้วยความรักทิพย์ต่อองค์ภควาน  มีวุฒิภาวะที่สมบูรณ์เพราะทราบดีถึงสถานภาพพื้นฐานของตนเองในความสัมพันธ์กับคริชณะ  ทราบเป็นอย่างดีว่าคริชณะทรงเป็นส่วนที่สมบูรณ์  และตนเองเป็นเพียงละอองอณูของพระองค์  ความรู้เช่นนี้สมบูรณ์เพราะว่าถูกต้องทั้งคุณภาพและปริมาณ  ทัศนคติที่มาเป็นหนึ่งเดียวกับคริชณะไม่ถูกต้อง  เพราะว่าละอองอณูจะมาเทียบเท่ากับส่วนที่สมบูรณ์บริบูรณ์สูงสุดไม่ได้  ความรู้ที่ว่าเป็นหนึ่งเดียวกันในคุณภาพแต่แตกต่างกันในปริมาณเป็นความรู้ทิพย์ที่ถูกต้อง  ซึ่งจะนำเราไปสู่ความสมบูรณ์ในตนเองโดยปราศจากสิ่งที่ปรารถนาหรือสิ่งที่ต้องเศร้าโศก  ภายในจิตใจปราศจากสิ่งคู่เพราะว่าอะไรก็แล้วแต่ที่ทำจะทำไปเพื่อคริชณะ  เนื่องจากเป็นอิสระจากระดับของสิ่งคู่ท่านจึงหลุดพ้นอยู่เสมอถึงแม้ว่าจะอยู่ในโลกวัตถุนี้

โศลก 4

สางคฺยะ-โยโก พริทฺัก บาลาฮ
พระวะดันทิ นะ พัณดิทาฮฺ

เอคัม อพิ อาสทิฺทะฮ สัมยัก
อุบฺะโยร วินดะเท พฺะลัมฺ

สางคฺยะฺ  -  การศึกษาวิเคราะห์โลกวัตถุ, โยโกฺ  -  ทำงานด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้, พริทฺัคฺ  -  แตกต่าง, บาลาฮฺ  -  ผู้ด้อยปัญญา, พระวะดันทิฺ  -  พูด, นะฺ  -  ไม่เคย, พัณดิทาฮฺ  -  บัณฑิต, เอคัมฺ  -  ในหนึ่ง, อพิฺ  -  ถึงแม้, อาสทิฺทะฮฺ  -  สถิต, สัมยัคฺ  -  สมบูรณ์, อุบฺะโยฮฺ  -  ของทั้งสอง, วินดะเทฺ  -  ได้รับความสุข, พฺะลัมฺ  -  ผล

คำแปลฺ

คนโง่เท่านั้นที่พูดว่าการอุทิศตนเสียสละรับใช้  (คารมะ-โยกะ)  แตกต่างจากการศึกษาวิเคราะห์โลกวัตถุ  (สางคฺยะ)  พวกบัณฑิตที่แท้จริงกล่าวว่าผู้ใดปฏิบัติตนดีหนึ่งในสองวิถีทางนี้จะบรรลุผลทั้งสอง

คำอธิบายฺ

จุดมุ่งหมายของการศึกษาวิเคราะห์โลกวัตถุก็เพื่อที่จะค้นหาว่ามีดวงวิญญาณดวงวิญญาณของโลกวัตถุคือพระวิชณุหรือองค์อภิวิญญาณ  การอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควานนำมาซึ่งการรับใช้อภิวิญญาณ  วิธีหนึ่งเป็นการค้นหารากของต้นไม้และอีกวิธีหนึ่งเป็นการรดน้ำที่รากของต้นไม้  นักศึกษาที่แท้จริงของปรัชญา  สางคฺยะฺ  ค้นพบรากของโลกวัตถุคือพระวิชณุ  และด้วยความรู้ที่สมบูรณ์เขาจะปฏิบัติรับใช้องค์ภควานดังนั้น  ในจุดสำคัญไม่มีข้อแตกต่างกันทั้งสองวิธี  เพราะว่าจุดมุ่งหมายของทั้งสองเหมือนกันคือพระวิชณุ  ผู้ที่ไม่รู้เป้าหมายสูงสุดกล่าวว่าจุดประสงค์ของ  สางคฺยะฺ  และ  คารมะ-  โยกะฺ  ไม่เหมือนกัน  แต่ผู้ที่เป็นบัณฑิตทราบว่าทั้งสองวิธีที่แตกต่างกันนี้มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน

โศลก 5

ยัท สางคฺไยฮ พราพยะเท สทฺานัม
ทัด โยไกร อพิ กัมยะเทฺ

เอคัม สางคฺยัม ชะ โยกัม ชะ
ยะฮ พัชยะทิ สะ พัชยะทิฺ

ยัทฺ  -  อะไร, สางคฺไยฮฺ  -  ด้วยวิธีของปรัชญาสางคฺยะฺ, พราพยะเทฺ  -  บรรลุ, สทฺานัมฺ  -  สถานที่, ทัทฺ  -  นั้น, โยไกฮฺ  -  ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้, อพิฺ  -  เช่นกัน, กัมยะเทฺ  -  เราสามารถได้รับ, เอคัมฺ  -  หนึ่ง, สางคฺยัมฺ  -  การศึกษาวิเคราห์, ชะฺ  -  และ, โยกัมฺ -ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละ, ชะฺ  -  และ, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, พัชยะทิฺ  -  เห็น, สะฮ-เขา, พัชยะทิฺ  -  เห็นโดยแท้จริง

คำแปลฺ

ผู้ที่รู้ว่าสภาวะที่ไปถึงด้วยวิธีการศึกษาวิเคราะห์สามารถบรรลุถึงได้ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้เช่นเดียวกัน  ดังนั้น  จึงเห็นว่าการศึกษาวิเคราะห์และการอุทิศตนเสียสละรับใช้อยู่ในระดับเดียวกัน  ผู้นี้เห็นสิ่งต่าง  ๆ  ตามความเป็นจริง

คำอธิบายฺ

จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการค้นคว้าทางปรัชญาคือการค้นหาเป้าหมายสูงสุดของชีวิต  เนื่องจากเป้าหมายสูงสุดของชีวิตคือการรู้แจ้งตนเอง  จึงไม่มีข้อแตกต่างระหว่างผลสรุปที่บรรลุได้ด้วยทั้งสองวิธี  ด้วยการค้นคว้าทางปรัชญา  สางคฺยะฺ  เราสรุปได้ว่าสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งของโลกวัตถุแต่เป็นส่วนของดวงวิญญาณที่สมบูรณ์สูงสุด  ดังนั้น  ดวงวิญญาณของเราจึงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโลกวัตถุ  การปฏิบัติของเราจึงต้องมีความสัมพันธ์กับองค์ภควาน  เมื่อปฏิบัติตนในคริชณะจิตสำนึกเราอยู่ในสถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงของเรา  ในวิธีแรกหรือ  สางคฺยะฺ  คือเราต้องไม่ยึดติดกับวัตถุและในวิธีโยคะแห่งการอุทิศตนเสียสละเราต้องยึดมั่นอยู่กับงานในคริชณะจิตสำนึก  อันที่จริงทั้งสองวิธีนี้เหมือนกัน  แม้ว่าโดยผิวเผินวิธีหนึ่งจะเกี่ยวกับการไม่ยึดติด  และอีกวิธีหนึ่งเกี่ยวกับการยึดมั่น  การไม่ยึดติดกับวัตถุและการยึดมั่นกับคริชณะเป็นหนึ่งเดียวกันผู้ที่เห็นเช่นนี้เห็นสิ่งต่าง  ๆ  ตามความเป็นจริง

โศลก 6

สันนยาสัส ทุ มะฮา-บาโฮ
ดุฮคฺัม อาพทุม อโยกะทะฮฺ

โยกะ-ยุคโท มุนิร บระฮมะ
นะ ชิเรณาดิฺกัชชฺะทิฺ

สันนยาสะฮฺ -ชีวิตสละโลกวัตถุ, ทฺุ  -  แต่, มะฮา-บาโฮฺ  -  โอ้ ยอดนักรบ, คุฮคัฺมฺ  -  ความทุกข์, อาพทุมฺ  -  ซึ่งทำให้ตนลำบาก, อโยกะทะฮฺ  -  ปราศจากการอุทิศตนเสียสละรับใช้, โยกะ-ยุคทะฮฺ  -  ผู้ปฏิบัติตนในการอุทิศตนเสียสละรับใช้, มุนิฮฺ  -  นักคิด, บระฮมะฺ  -  สูงสุด, นะชิเรณะฺ  -  โดยไม่รอช้า, อดิฺกัชชฺะทิฺ  -  ได้รับ

คำแปลฺ

หากเพียงแต่สละกิจกรรมทั้งหมดโดยไม่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่องค์ภควาน  ไม่สามารถทำให้เรามีความสุข  แต่ผู้ที่ใคร่ครวญรอบคอบปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้สามารถบรรลุถึงองค์ภควานโดยไม่ล่าช้า

คำอธิบายฺ

มีสันนยาสีฺ  หรือผู้ปฏิบัติตนสละโลกวัตถุอยู่สองประเภทมายาวาดี  สันนยาสีฺปฏิบัติในการศึกษาปรัชญา  สางคฺยะฺ  ขณะที่  ไวชณะวะ  สันนยาสีฺ  ปฏิบัติในการศึกษาปรัชญา  บฺากะวะธัมฺ  ซึ่งให้คำอธิบาย  เวดานธะ-สูทระฺ  อย่างถูกต้อง  มายาวาดี  สันนยาสีฺศึกษาเวดานธะ-สูทระฺ  เหมือนกัน  แต่ใช้คำอธิบายของพวกตนเรียกว่า  ชารีระคะ-บฺาชยะฺเขียนโดยชังคะราชารยะ  นักศึกษาของสถาบัน  บฺากะวะธะฺ  ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควานตามกฎเกณฑ์ของ  พานชะราทริคีฺ  ดังนั้น  ไวชณะวะ  สันนยาสีฺ  จึงมีการปฏิบัติรับใช้ทิพย์อย่างมากมายแด่องค์ภควาน  ไวชณะวะ  สันนยาสีฺ  ไม่มีอะไรที่จะต้องทำเกี่ยวกับกิจกรรมทางวัตถุ  แต่ยังปฏิบัติกิจกรรมมากมายในการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน  แต่  มายาวาดี  สันนยาสีฺ  ปฏิบัติในการศึกษา  สางคฺยะฺ  และ  เวดานธะฺ  และได้แต่คาดคะเน  ไม่สามารถได้รับรสแห่งการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควาน  เพราะว่าการศึกษาเช่นนี้น่าเบื่อมาก  บางครั้งจะเบื่อหน่ายต่อการคาดคะเน  บระฮมันฺ  แล้วจึงมาพึ่ง  บฺากะ-  วะธัมฺ  โดยปราศจากความเข้าใจที่ถูกต้อง  ดังนั้น  การศึกษา  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ของพวกนี้จึงมีปัญหา  การคาดคะเนอย่างลม  ๆ  แล้ง  ๆ  และการตีความที่ไร้รูปลักษณ์ด้วยวิธีที่ผิดธรรมชาติเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิงสำหรับมายาวาดี  สันนยาสีฺ  ในขณะที่  ไวชณะวะ  สันนยาสีฺ  ผู้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ได้รับความสุขอยู่ตลอดเวลาในการปฏิบัติหน้าที่ทิพย์  และรับประกันได้ว่าในที่สุดจะบรรลุถึงอาณาจักรแห่งองค์ภควาน  มายาวาดี  สันนยาสีฺ  บางครั้งตกต่่ำลงจากวิถีแห่งความรู้แจ้งแห่งตน  และเข้าไปร่วมกับกิจกรรมทางวัตถุ  เช่น  การทำทานช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์และสละความเห็นแก่ตัว  ซึ่งเป็นกิจกรรมทางวัตถุ  ดังนั้น  ผลสรุปคือผู้ที่ปฏิบัติในกิจกรรมของคริชณะจิตสำนึกสถิตในตำแหน่งที่ดีกว่าพวก  สันนยาสีฺ  ที่ปฏิบัติเพียงแค่คาดคะเนว่าอะไรคือ  บระฮมันฺ  และอะไรไม่ใช่  บระฮมันฺ  ถึงแม้ว่าหลังจากหลายต่อหลายชาติพวกนี้ก็จะกลายมาเป็น  คริชณะจิตสำนึก

โศลก 7

โยกะ-ยุคโท วิชุดดฺาทมา
วิจิทาทมา จิเทนดริยะฮฺ

สารวะ-บํูทาทมะ-บํูทาทมา
คุรวันน อพิ นะ ลิพยะเทฺ

โยกะ-ยุคทะฮฺ  -  ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้, วิชุดดะ-อาทมาฺ  -  วิญญาณผู้บริสุทธิ์, วิจิทะ-อาทมาฺ  -  ควบคุมตนเองได้, จิทะ-อินดริยะฮฺ  -  ได้ปรามประสาทสัมผัส, สารวะ- บํูทะฺ  -  แด่มวลชีวิต, อาทมะ-บํูทะ-อาทมาฺ  -  เมตตากรุณา, คุรวัน อพิฺ  -  แม้ปฏิบัติงาน, นะฺ  -  ไม่เคย, ลิพยะเทฺ  -  ถูกพันธนาการ

คำแปลฺ

ผู้ที่ทำงานด้วยการอุทิศตนเสียสละ  มีดวงวิญญาณบริสุทธิ์  สามารถควบคุมจิตใจและประสาทสัมผัสของตนเองได้  จะเป็นที่รักของทุกคน  และทุกคนก็เป็นที่รักของเขา  แม้ทำงานอยู่ตลอดเวลา  แต่บุคคลเช่นนี้จะไม่มีวันถูกพันธนาการ

คำอธิบายฺ

ผู้ที่อยู่บนหนทางแห่งความหลุดพ้นในคริชณะจิตสำนึกเป็นที่รักยิ่งของทุก  ๆชีวิตและทุกชีวิตก็เป็นที่รักของท่าน  ที่เป็นเช่นนี้ได้ก็เนื่องมาจากมีคริชณะจิตสำนึกบุคคลนี้ไม่สามารถคิดว่าสิ่งมีชีวิตใด  ๆ  สามารถแยกออกจากคริชณะได้  ดังเช่นใบไม้และกิ่งไม้ที่ไม่สามารถแยกออกจากต้นไม้ได้ฉันใด  ท่านทราบดีว่าจากการรดน้ำที่รากของต้นไม้  น้ำจะถูกแจกจ่ายไปที่ใบและกิ่งก้านทั้งหมด  หรือจากการส่งอาหารไปที่กระเพาะอาหารพลังงานจะถูกส่งไปทั่วร่างกายโดยปริยาย  เพราะผู้ที่ทำงานในคริชณะจิตสำนึกเป็นผู้รับใช้ของมวลชีวิต  จึงเป็นที่รักยิ่งของทุก  ๆ  คน  และเนื่องจากทุกคนได้รับความพึงพอใจจากงานของท่าน  จึงทำให้มีจิตสำนึกที่บริสุทธิ์  เนื่องจากมีจิตสำนึกที่บริสุทธิ์จิตใจจึงอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์  และเนื่องจากจิตใจอยู่ภายใต้การควบคุมประสาทสัมผัสก็อยู่ภายใต้การควบคุมเช่นเดียวกัน  เนื่องจากจิตใจตั้งมั่นอยู่ที่  คริชณะเสมอท่านจึงไม่มีโอกาสเบี่ยงเบนไปจากคริชณะ  หรือเปิดโอกาสให้ประสาทสัมผัสของท่านปฏิบัติในสิ่งที่มิใช่เป็นการรับใช้องค์ภควาน  ท่านจะไม่ชอบฟังอะไรนอกจากเรื่องราวที่เกี่ยวกับคริชณะ  จะไม่ชอบรับประทานอะไรที่ไม่ได้ถวายให้คริชณะ  และจะไม่ปรารถนาจะไปไหนหากคริชณะทรงไม่มีส่วนร่วม  ดังนั้น  ประสาทสัมผัสของท่านอยู่ภายใต้การควบคุม  บุคคลที่ประสาทสัมผัสอยู่ภายใต้การควบคุมไม่สามารถก้าวร้าวผู้ใด  อาจมีคนถามว่า  “แล้วทำไมอารจุนะจึงทรงก้าวร้าวผู้อื่นในสนามรบ?  ท่านมีคริชณะจิตสำนึกอยู่ใช่หรือไม่?”  อารจุนะทรงก้าวร้าวโดยผิวเผินเท่านั้น  (ดังที่ได้อธิบายไว้แล้วในบทที่สอง)  เพราะว่าผู้ที่มารวมกันอยู่ในสนามรบจะยังคงมีปัจเจกชีวิตอยู่ต่อไปเนื่องจากดวงวิญญาณไม่สามารถถูกฆ่าได้  ฉะนั้น  ในวิถีทิพย์ไม่มีผู้ใดถูกฆ่าในสนามรบ  คุรุคเช  ทระฺ  เพียงแต่เสื้อผ้าของพวกเขาเท่านั้นที่ได้ถูกเปลี่ยนไปโดยคำสั่งของคริชณะผู้ทรงปรากฏพระวรกายด้วยพระองค์เอง  ดังนั้น  ในขณะที่อารจุนะทรงต่อสู้อยู่ที่สนามรบ  คุรุคเชทระฺ  อารจุนะทรงมิได้ต่อสู้จริง  ๆ  ท่านเพียงแต่ปฏิบัติตามคำสั่งของคริชณะ  ด้วยคริชณะจิตสำนึกที่สมบูรณ์  บุคคลเช่นนี้จะไม่มีวันถูกพันธนาการอยู่ในวิบากกรรม

โศลก 8-9

ไนวะ คินชิท คะโรมีทิ
ยุคโท มันเยทะ ทัททวะ-วิทฺ

พัชยัน ชริณวัน สพริชัน จิกฺรันน
อัชนัน กัชชฺัน สวะพัน ชวะสันฺ
พระละพัน วิสริจัน กรฺิณันน
อุนมิชัน นิมิชันน อพิฺ

อินดริยาณีนดริยารเทฺชุ
วารทันทะ อิทิ ดฺาระยันฺ

นะฺ  -  ไม่, เอวะฺ  -  แน่นอน, คินชิทฺ  -  สิ่งใด ๆ, คะโรมิฺ  -  ข้าพเจ้าทำ, อิทิฺ  -  ดังนั้น, ยุคทะฮฺ  -  ปฏิบัติอยู่ในจิตสำนึกทิพย์, มันเยทะฺ  -  คิด, ทัททวะ-วิทฺ  -  ผู้ที่ทราบความจริง, พัชยันฺ -เห็น, ชริณ- วันฺ  -  ได้ยิน, สพริชันฺ  -  สัมผัส, จิกฺรันฺ  -  กลิ่น, อัชนันฺ  -  รับประทาน, กัชชัฺนฺ  -  ไป, สวะพันฺ  -  ฝัน, ชวะสันฺ  -  หายใจ, พระละพันฺ  -  พูด, วิสริจันฺ  -  ยกเลิก, กริฮณันฺ  -  ยอมรับ, อุนมิชันฺ  -  เปิด, นิมิชันฺ  -  ปิด, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, อินดริยาณิฺ  -  ประสาทสัมผัส, อินดริยะ-อารเทฺชฺุ  -  ในการสนองประสาทสัมผัส, วารทันเทฺ  -  ปล่อยให้พวกเขาปฏิบัติ, อิทิฺ  -  ดังนั้น, ดฺาระยันฺ  -  พิจารณา

คำแปลฺ

บุคคลผู้อยู่ในจิตสำนึกทิพย์  แม้ปฏิบัติอยู่ในการเห็น  ได้ยิน  สัมผัส  ดมกลิ่น  รับประทาน  เคลื่อนไหวไปมา  นอน  และหายใจ  ทราบดีอยู่ภายในตัวเสมอว่า  อันที่จริงตนเองไม่ได้ทำอะไรเลย  เพราะว่าขณะที่กำลังพูด  ถ่าย  รับ  หรือเปิดปิดตาเขาทราบเสมอว่าประสาทสัมผัสวัตถุเท่านั้นที่ปฏิบัติอยู่กับรูป  เสียง  กลิ่น  รสสัมผัส  และตัวเขาเองอยู่ห่างจากสิ่งเหล่านี้

คำอธิบายฺ

บุคคลในคริชณะจิตสำนึกมีความเป็นอยู่ที่บริสุทธิ์  ฉะนั้น  ท่านไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับงานใด  ๆ  ที่ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยทั้งใกล้และไกลห้าประการคือ  ผู้กระทำ  งานสถานการณ์  ความพยายาม  และโชคลาภ  เป็นเช่นนี้เพราะว่าท่านปฏิบัติในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อคริชณะ  ถึงแม้ดูเหมือนว่าปฏิบัติด้วยร่างกายและประสาทสัมผัส  ท่านรู้สำนึกอยู่เสมอถึงสถานภาพอันแท้จริงในการปฏิบัติทิพย์  ในวัตถุจิตสำนึก  ประสาทสัมผัสปฏิบัติเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตนเอง  แต่ในคริชณะจิตสำนึกประสาทสัมผัสปฏิบัติเพื่อสนองประสาทสัมผัสของคริชณะให้ทรงพอพระทัย  ดังนั้น  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกจะเป็นอิสระอยู่เสมอถึงแม้จะดูเหมือนว่าตัวท่านปฏิบัติอยู่ในภารกิจของประสาทสัมผัส  กิจกรรมต่าง  ๆ  เช่น  การเห็นและได้ยินเป็นการปฏิบัติของประสาทสัมผัสเพื่อให้ได้ความรู้  ขณะที่การเคลื่อนไหว  การพูด  การขับถ่าย  ฯลฯ  เป็นการปฏิบัติของประสาทสัมผัสเพื่อทำงาน  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกไม่มีวันได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติของประสาทสัมผัส  ท่านไม่สามารถปฏิบัติสิ่งใดนอกจากการรับใช้องค์ภควานเพราะทราบดีว่า  ตัวท่านเป็นผู้รับใช้นิรันดรของคริชณะ

โศลก 10

บระฮมะณิ อาดฺายะ คารมาณิ
สังกัม ทยัคทวา คะโรทิ ยะฮฺ

ลิพยะเท นะ สะ พาเพนะ
พัดมะ-พัทรัม อิวามบฺะสาฺ

บระฮมะณิฺ  -  แด่องค์ภควาน, อาดฺายะฺ  -  สละ, คารมาณิฺ  -  งานทั้งหมด, สังกัมฺ  -  การยึดติด, ทยัคทวาฺ  -  ยกเลิก, คะโรทิฺ  -  ปฏิบัติ, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, ลิพยะเทฺ  -  มีผลกระทบ, นะฺ  -  ไม่, สะฮฺ  -  เขา, พาเพนะฺ  -  ด้วยความบาป, พัดมะ-พัทรัมฺ  -  ใบบัว, อิวะฺ  -  เหมือน, อัมบฺะสาฺ  -  ด้วยน้ำ

คำแปลฺ

ผู้ปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยปราศจากการยึดติด  ศิโรราบผลของงานแด่องค์ภควาน  จะไม่ได้รับผลกระทบจากการทำบาป  เสมือนดั่งเช่นใบบัวที่น้ำไม่สามารถซึมเข้าไปได้ฉันใด

คำอธิบายฺ

ณ  ที่นี้คำว่า  บระฮมะณิฺ  หมายถึงในคริชณะจิตสำนึก  โลกวัตถุคือปรากฏการณ์มวลรวมของสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ  เรียกทางเทคนิคว่าพระดฺานะฺ  บทมนต์พระเวท  สารวัม  ฮิ  เอทัด  บระฮมะ  (มาณดุคยะ  อุพะนิชัดฺ  2),  ทัสมาด  เอทัด  บระฮ-  มะ  นามะ-รูพัม  อันนัม  ชะ  จายะเท  (มุณดะคะ  อุพะนิชัดฺ  1.2.10)ฺ,  และใน  ภควัต-  คีตาฺ  (14.3),  มะมะ  โยนิร  มะฮัด  บระฮมะฺ  แสดงให้เห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกวัตถุคือปรากฏการณ์ของ  บระฮมันฺ  แม้ว่าผลจะปรากฎออกมาแตกต่างกัน  แต่มันไม่แตกต่างจากแหล่งกำเนิด  ใน  อีโชพะนิชัดฺ  ได้กล่าวไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างสัมพันธ์กับ  บระฮมันฺ  สูงสุดหรือคริชณะ  ฉะนั้น  ทุกสิ่งทุกอย่างจึงเป็นของพระองค์เท่านั้น  ผู้ที่ทราบดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของคริชณะ  และพระองค์ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง  ดังนั้น  ทุกสิ่งทุกอย่างจึงควรนำมารับใช้องค์ภควาน  โดยธรรมชาติตัวท่านไม่เกี่ยวข้องกับผลของกิจกรรมไม่ว่าจะเป็นผลบุญหรือบาป  ร่างวัตถุของทุก  ๆ  คนเป็นของขวัญจากองค์ภควานเพื่อปฏิบัติงานบางอย่างโดยเฉพาะ  เราสามารถนำมาใช้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกได้  เมื่อเป็นเช่นนี้จึงอยู่เหนือมลทินจากผลแห่งบาป  เช่นเดียวกับใบบัวถึงแม้จะอยู่ในน้ำแต่ไม่เปียก  องค์ภควานตรัสไว้ใน  คีตาฺ  (3.30.)  เช่นกันว่า  มะยิ  สารวาณิ  คารมาณิ  สันนยัสยะฺ  “จงสละงานทั้งหมดแด่ข้า  (คริชณะ)”  ข้อสรุปคือบุคคลผู้ปราศจากคริชณะจิตสำนึกปฏิบัติตามทัศนคติของร่างกายและประสาทสัมผัสวัตถุ  แต่บุคคลในคริชณะจิตสำนึกปฏิบัติตามความรู้ที่ว่าร่างกายเป็นสมบัติของคริชณะ  ดังนั้น  จึงควรใช้ไปในการรับใช้คริชณะ

โศลก 11

คาเยนะ มะนะสา บุดดฺยา
เควะไลร อิรดริไยร อพิฺ

โยกินะฮ คารมะ คุรวันทิ
สังกัม ทยัคทวาทมะ-ชุดดฺะเยฺ

คาเยนะฺ  -  ด้วยร่างกาย, มะนะสาฺ  -  ด้วยจิตใจ, บุดดฺยาฺ  -  ด้วยปัญญา, เควะไลฮฺ  -  บริสุทธิ์, อินดริไยฮฺ  -  ด้วยประสาทสัมผัส, อพิฺ  -  แม้แต่, โยกินะฮฺ  -  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึก, คารมะฺ  -  การกระทำ, คุรวันทิฺ  -  พวกเขาปฏิบัติ, สังกัมฺ  -  การยึดติด, ทยัคทวาฺ  -  สละ, อาทมะฺ  -  ของตนเอง, ชุดดฺะเยฺ  -  เพื่อจุดมุ่งหมายแห่งความบริสุทธิ์

คำแปลฺ

โยคีผู้สละความยึดติด  ปฏิบัติด้วยร่างกาย  จิตใจ  ปัญญา  และแม้แต่ด้วยประสาทสัมผัส  เพียงเพื่อจุดมุ่งหมายแห่งความบริสุทธิ์เท่านั้น

คำอธิบายฺ

เมื่อเราปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยสนองประสาทสัมผัสของคริชณะเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัย  การปฏิบัติไม่ว่าด้วยส่วนไหน  เช่น  ร่างกาย  จิตใจ  ปัญญา  หรือแม้แต่ประสาทสัมผัสจะทำให้บริสุทธิ์จากมลทินทางวัตถุ  และจะไม่มีวิบากกรรมทางวัตถุใด  ๆ  ที่เป็นผลมาจากกิจกรรมของผู้มีคริชณะจิตสำนึก  ฉะนั้น  กิจกรรมบริสุทธิ์โดยทั่วไปเรียกว่า  สัด-อาชาระฺ  สามารถปฏิบัติได้โดยง่ายด้วยการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  ชรี  รูพะ  โกสวามี  ใน  บฺัคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ  (1.2.187)  ได้อธิบายไว้ดังนี้

อีฮา ยัสยะ ฮะเรร ดาสเย
คารมะณา มะนะสา กิราฺ

นิคิฺลาสุ อพิ อวัสทฺาสุ
จีวัน-มุคทะฮ สะ อุชยะเทฺ

“บุคคลผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  (หรืออีกนัยหนึ่งรับใช้คริชณะ)  ด้วยร่างกาย  จิตใจปัญญา  และคำพูดเป็นผู้หลุดพ้นแม้อยู่ในโลกวัตถุ  ถึงแม้ท่านอาจปฏิบัติสิ่งที่เรียกว่ากิจกรรมทางวัตถุมากมาย”  แต่ไม่มีอหังการเพราะท่านไม่เชื่อว่าตัวท่านคือร่างวัตถุนี้หรือว่าตัวท่านเป็นเจ้าของร่างวัตถุ  รู้ดีว่าตัวท่านไม่ใช่ร่างกายนี้และร่างกายนี้ไม่ใช่เป็นของท่าน  ตัวท่านเองเป็นของคริชณะ  และร่างกายก็เช่นกันเป็นของคริชณะ  เมื่อนำทุกสิ่งทุกอย่างที่ผลิตโดย  ร่างกาย  จิตใจ  ปัญญา  คำพูด  ชีวิต  ทรัพย์สมบัติ  ฯลฯ  และอะไรก็แล้วแต่ที่ท่านอาจเป็นเจ้าของ  นำมารับใช้คริชณะ  เช่นนี้  ท่านจะประสานกับคริชณะทันทีโดยเป็นหนึ่งเดียวกับคริชณะ  และปราศจากอหังการที่จะนำท่านให้เชื่อว่าตัวท่านคือร่างกาย  ฯลฯ  นี่คือระดับสมบูรณ์แห่งคริชณะจิตสำนึก

โศลก 12

ยุคทะฮ คารมะ-พฺะลัม ทยัคทวา
ชานทิม อาพโนทิ ไนชทฺิคีมฺ

อยุคทะฮ คามะ-คาเรณะ
พฺะเล สัคโท นิบัดฮยะเทฺ

ยุคทะฮฺ  -  ผู้ปฏิบัติอุทิศตนเสียสละรับใช้, คารมะ-พฺะลัมฺ  -  ผลของกิจกรรมทั้งหมด, ทยัคทวาฺ  -  สละ, ชานทิมฺ  -  ความสงบอันสมบูรณ์, อาพโนทิฺ  -  ได้รับ, ไนชทิฺคีมฺ  -  แน่วแน่, อยุคทะฮฺ  -  ผู้ที่ไม่อยู่ในคริชณะจิตสำนึก, คามะ-คาเรณะฺ  -  เพื่อความสุขกับผลของงาน, พฺะเลฺ  -  ในผล, สัคทะฮฺ  -  ยึดติด, นิบัดฮยะเทฺ  -  ถูกพันธนาการ

คำแปลฺ

ดวงวิญญาณผู้อุทิศตนเสียสละอยู่เสมอได้รับความสงบที่บริสุทธิ์  เพราะถวายผลของกิจกรรมทั้งหมดแด่ข้า  ขณะที่ผู้ไม่ร่วมกับองค์ภควาน  โลภในผลแห่งแรงงานของตน  จะถูกพันธนาการ

คำอธิบายฺ

ข้อแตกต่างระหว่างบุคคลในคริชณะจิตสำนึกและบุคคลในร่างกายจิตสำนึกคือ  คนหนึ่งยึดมั่นกับคริชณะและอีกคนหนึ่งยึดติดกับผลของกิจกรรมของตนเอง  บุคคลผู้ยึดมั่นต่อคริชณะและทำงานเพื่อพระองค์เท่านั้น  แน่นอนว่าเป็นผู้หลุดพ้นและจะไม่มีความวิตกกังวลกับผลงานของตนเอง  ใน  บฺากะวะธัมฺ  อธิบายว่าสาเหตุแห่งความวิตกกังวลกับผลของกิจกรรมเกิดจาการทำหน้าที่ในทัศนคติของสิ่งคู่  โดยไม่มีความรู้แห่งสัจธรรมที่สมบูรณ์  คริชณะทรงเป็นสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดองค์ภควาน  ในคริชณะจิตสำนึกไม่มีสิ่งคู่  ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นผลผลิตจากพลังงานของคริชณะ  และคริชณะทรงดีไปหมด  ฉะนั้น  กิจกรรมในคริชณะจิตสำนึกจึงอยู่ในระดับที่สมบูรณ์  เป็นทิพย์  และไม่มีผลทางวัตถุ  ผู้ปฏิบัติจึงเปี่ยมไปด้วยความสงบในคริชณะจิตสำนึก  แต่ผู้ที่ถูกพันธนาการอยู่ในการคำนวณผลกำไรเพื่อสนองประสาทสัมผัสไม่สามารถได้รับความสงบเช่นนี้  นี่คือความลับของคริชณะจิตสำนึก  ความรู้แจ้งที่ว่าไม่มีสิ่งอื่นใดมีอยู่นอกจากคริชณะคือฐานแห่งความสงบและความไม่กลัว

โศลก 13

สารวะ-คารมาณิ มะนะสา
สันนยัสยาสเท สุคฺัม วะชีฺ

นะวะ-ดวาเร พุเร เดฮี
ไนวะ คุรวัน นะ คาระยันฺ

สารวะฺ  -  ทั้งหมด, คารมาณิฺ  -  กิจกรรม, มะนะสาฺ  -  ด้วยจิตใจ, สันนยัสยะฺ  -  สละ, อาสเทฺ  -  คงอยู่, สุคัฺมฺ  -  ในความสุข, วะชีฺ  -  ผู้ควบคุม, นะวะ-ดวาเรฺ  -  ในสถานที่ที่มีเก้าประตู, พุเรฺ  -  ในเมือง, เดฮีฺ  -  วิญญาณในร่าง, นะฺ  -  ไม่, เอวะฺ  -  แน่นอน, คุรวันฺ  -  ทำอะไร, นะฺ  -  ไม่, คาระ ยันฺ  -  เป็นต้นเหตุให้ทำ

คำแปลฺ

เมื่อดวงชีวิตในร่างควบคุมธรรมชาติของตนเองได้  และด้วยจิตใจที่สละการกระทำทั้งหมด  เขาเป็นผู้พำนักอยู่ในเมืองที่มีเก้าประตู  (ร่างวัตถุ)  อย่างมีความสุขไม่ได้ทำงานหรือเป็นต้นเหตุให้งานสำเร็จ

คำอธิบายฺ

วิญญาณในร่างอาศัยอยู่ในเมืองที่มีเก้าประตู  กิจกรรมของร่างกายหรือเมืองอุปมาแห่งร่างกาย  ธรรมชาติวัตถุเฉพาะระดับเป็นผู้ควบคุมโดยปริยาย  ดวงวิญญาณถึงแม้ว่าจะทำตัวเองให้ขึ้นอยู่กับสภาวะของร่างกาย  สามารถอยู่เหนือสภาวะเหล่านี้ได้หากตัวเขาต้องการ  ที่เป็นเช่นนี้เพราะลืมธรรมชาติที่สูงกว่าของตนและไปสำคัญตัวเองกับร่างวัตถุจึงต้องรับทุกข์  คริชณะจิตสำนึกจะสามารถฟื้นฟูสถานภาพอันแท้จริงและออกมาจากร่างกายนี้  เมื่อยอมรับคริชณะจิตสำนึกเราจะออกห่างจากกิจกรรมทางร่างกายอย่างสมบูรณ์ทันที  ในชีวิตที่ควบคุมได้เช่นนี้  ซึ่งเจตนารมณ์ได้เปลี่ยนไป  เราจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในเมืองเก้าประตู  ได้กล่าวถึงประตูทั้งเก้าไว้ดังนี้

นะวะ-ดวาเร พุเร เดฮี
ฮัมโส เลลายะเท บะฮิฮฺ

วะชี สารวัสยะ โลคัสยะ
สทฺาวะรัสยะ ชะรัสยะ ชะฺ

“บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงประทับอยู่ภายในร่างของสิ่งมีชีวิต  และทรงเป็นผู้ควบคุมมวลชีวิตในมวลจักรวาล  ร่างกายประกอบด้วยเก้าประตู  (สองตา  สองโพรงจมูกสองหู  หนึ่งปาก  หนึ่งทวาร  และอวัยวะสืบพันธุ์)  สิ่งมีชีวิตในระดับวัตถุสำคัญตนเองกับร่างกาย  แต่เมื่อสำคัญตนเองกับองค์ภควานภายในร่าง  เขาจะมีอิสรภาพเท่า  ๆ  กับองค์ภควานแม้ขณะอยู่ในร่างกายนี้”  (ชเวทาชวะทะระ  อุพะนิชัดฺ  3.18)

ฉะนั้น  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นอิสระจากกิจกรรมทั้งภายนอกและภายในร่างวัตถุ

โศลก 14

นะ คารทริทวัม นะ คารมาณิ
โลคัสยะ สริจะทิ พระบํุฮฺ

นะ คารมะ-พฺะละ-สัมโยกัม
สวะบฺาวัส ทุ พระวารทะเทฺ

นะฺ  -  ไม่, คารทริทวัมฺ  -  ความเป็นเจ้าของ, นะฺ  -  ไม่, คารมาณิฺ  -  กิจกรรม, โลคัสยะฺ  -  ของประชาชน, สริจะทิฺ -สร้าง, พระบํุฮฺ  -  เจ้านายของนครแห่งร่างกาย, นะฺ  -  ไม่, คารมะ- พฺะละฺ  -  ด้วยผลของกิจกรรม, สัมโยกัมฺ  -  เชื่อม, สวะบฺาวะฮฺ  -  ระดับของธรรมชาติวัตถุ, ทฺุ  -  แต่, พระวารทะเทฺ  -  ปฏิบัติ

คำแปลฺ

วิญญาณในร่างเป็นเจ้าเมืองแห่งร่างกายของเขา  มิได้เป็นผู้สร้างกิจกรรม  หรือว่าชักนำให้ผู้คนกระทำ  หรือว่าตัวเขาเป็นผู้สร้างผลของการกระทำ  ทั้งหมดนี้บัญญัติโดยระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ

คำอธิบายฺ

สิ่งมีชีวิตซึ่งจะอธิบายในบทที่เจ็ด  เป็นหนึ่งในพลังงานหรือธรรมชาติขององค์ภควาน  แต่แตกต่างจากวัตถุซึ่งเป็นอีกธรรมชาติหนึ่งที่ต่ำกว่าขององค์ภควาน  อย่างไรก็ดี  สิ่งมีชีวิตหรือธรรมชาติที่สูงกว่าได้มาสัมผัสกับธรรมชาติวัตถุตั้งแต่โบราณกาลร่างกายอันไม่ถาวรหรือสถานที่พำนักวัตถุที่เขาได้รับเป็นต้นเหตุของกิจกรรมและวิบากกรรมต่าง  ๆ  นานา  มีชีวิตอยู่ในบรรยากาศวัตถุเช่นนี้เขาได้รับความทุกข์จากผลกรรมของร่างกายเนื่องจากสำคัญตัวเองกับร่างกาย  (ในอวิชชา)  อวิชชาเป็นต้นเหตุแห่งความทุกข์และความเศร้าโศกทางร่างกายที่รับเอามาตั้งแต่โบราณกาล  ทันทีที่สิ่งมีชีวิตตีตัวออกห่างจากกิจกรรมทางร่างกาย  ก็จะมีอิสรเสรีจากวิบากกรรมด้วย  ตราบใดที่ยังอยู่ในนครแห่งร่างกายอาจดูเหมือนว่าเป็นเจ้านาย  แต่แท้ที่จริงไม่ได้เป็นทั้งเจ้าของหรือผู้ควบคุมการกระทำและผลกรรมของร่างกาย  เขาเพียงแต่อยู่ในใจกลางมหาสมุทรวัตถุดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด  คลื่นแห่งมหาสมุทรกำลังซัดพาไป  และตัวเขาควบคุมมันไม่ได้ผลสรุปที่ดีที่สุดของเขาคือออกจากมหาสมุทรนี้ด้วยคริชณะจิตสำนึกทิพย์  ซึ่งเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเขาให้พ้นจากความยุ่งยากทั้งปวง

โศลก 15

นาดัทเท คัสยะชิท พาพัม
นะ ไชวะ สุคริทัม วิบํุฮฺ

อกยาเนนาวริทัม กยานัม
เทนะ มุฮยันทิ จันทะวะฮฺ

นะฺ  -  ไม่, อาดัทเทฺ  -  รับ, คัสยะชิทฺ  -  ของผู้ใด. พาพัมฺ  -  บาป, นะฺ  -  ไม่, ชะฺ  -  เช่นกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, สุ-คริทัมฺ  -  กิจกรรมบุญ, วิบํุฮฺ  -  องค์ภควาน, อกยาเนนะฺ  -  ด้วยอวิชชา, อาว- ริทัมฺ  -  ปกคลุม, กยานัมฺ  -  ความรู้, เทนะฺ  -  ด้วยสิ่งนั้น, มุฮยันทิฺ  -  สับสน, จันทะวะฮฺ  -  สิ่งมีชีวิต

คำแปลฺ

องค์ภควานทรงมิได้ถืออภิสิทธิ์เอากิจกรรมบาปหรือบุญของผู้ใด  อย่างไรก็ดี  ดวงวิญญาณในร่างสับสนเนื่องมาจากอวิชชาที่ปกคลุมความรู้อันแท้จริงของพวกเขา

คำอธิบายฺ

คำสันสกฤษ  วิบํฺุ  หมายความถึงองค์ภควานผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความรู้  ความร่ำรวย  พลังอำนาจ  ชื่อเสียง  ความสง่างาม  และความเสียสละ  พระองค์ทรงพึงพอพระทัยในพระองค์เองอยู่เสมอ  ไม่ทรงถูกรบกวนด้วยการทำบาปหรือทำบุญ  พระองค์ทรงมิได้สร้างสถานการณ์เฉพาะสำหรับสิ่งมีชีวิตใด  ๆ  แต่สิ่งมีชีวิตสับสนด้วยอวิชชาและต้องการให้ตนเองถูกส่งมาอยู่ในสภาวะชีวิตวัตถุบางแห่ง  ดังนั้น  โซ่ตรวนแห่งกรรมและวิบากกรรมจึงเริ่มขึ้น  สิ่งมีชีวิตเป็นธรรมชาติที่สูงกว่าซึ่งเปี่ยมไปด้วยความรู้  อย่างไรก็ดี  เขามีแนวโน้มที่จะถูกอวิชชาครอบงำอันเนื่องมาจากพลังอำนาจที่จำกัดในตนเอง  องค์ภควานทรงมีพระเดชทั้งปวงแต่สิ่งมีชีวิตไม่มี  พระองค์ทรงเป็น  วิบํฺุ  หรือสัพพัญญู  แต่สิ่งมีชีวิตเป็น  อณฺุ  หรือละอองเล็ก  ๆ  เนื่องจากเป็นวิญญาณที่มีชีวิตจึงมีความสามารถที่จะต้องการตามสิทธิของตน  ความต้องการเช่นนี้องค์ภควานผู้ทรงมีพระเดชทั้งปวงเท่านั้นที่จะตอบสนองให้ได้  ฉะนั้น  เมื่อสิ่งมีชีวิตสับสนอยู่ในความต้องการของตนเอง  พระองค์ทรงอนุญาตให้เขาตอบสนองความต้องการเหล่านั้น  แต่ทรงมิได้รับผิดชอบต่อกรรมหรือผลกรรมของแต่ละสถานการณ์ที่แต่ละชีวิตอาจปรารถนา  ดังนั้นขณะที่อยู่ในสภาวะสับสน  ชีวิตในร่างสำคัญตนเองกับสถานการณ์ร่างกายวัตถุและถูกจำกัดอยู่ในความทุกข์และความสุขอันไม่ถาวรของชีวิต  องค์ภควานทรงเป็นสหายของสิ่งมีชีวิตอยู่เสมอในฐานะ  พะระมาทมาฺ  หรืออภิวิญญาณ  ฉะนั้น  พระองค์ทรงเข้าใจความต้องการของปัจเจกวิญญาณ  เสมือนเช่นเราสามารถได้กลิ่นของดอกไม้เมื่อเข้าไปใกล้ความต้องการเป็นรูปแบบที่ละเอียดอ่อนของสิ่งมีชีวิตในสภาวะวัตถุ  พระองค์ทรงสนองตอบความต้องการตามที่เขาควรได้รับ  มนุษย์เสนอและภควานสนอง  ดังนั้น  ปัจเจกชีวิตมิได้มีอำนาจทั้งหมดในการสนองตอบความต้องการของตนเอง  อย่างไรก็ดี  ภควานทรงสามารถสนองตอบความต้องการทั้งหมด  และทรงไม่มีอคติต่อผู้ใด  พระองค์จึงทรงไม่รบกวนกับความต้องการของสิ่งมีชีวิตผู้มีเสรีภาพเพียงน้อยนิด  เมื่อเขาปรารถนาคริชณะจะทรงดูแลเป็นพิเศษและสนับสนุนเขาให้ปรารถนาในหนทางที่สามารถบรรลุถึงพระองค์และมีความสุขนิรันดร  ฉะนั้น  บทมนต์พระเวทกล่าวว่า  เอชะ  อุ  ฮิ  เอวะ  สาดํุ  คารมะ  คาระยะทิ  ทัม  ยัม  เอบฺโย  โลเคบฺยะ  อุนนินีชะเท.  เอชะ  อุ  เอวาสาดํุ  คารมะ  คาระ  ยะทิ  ยัม  อโดฺ  นินีชะเทฺ  “องค์ภควานทรงให้สิ่งมีชีวิตทำบุญเพื่ออาจเจริญขึ้น  ทรงให้สิ่งมีชีวิตทำบาปเพื่ออาจไปลงนรก”  (โคชีทะคี  อุพะนิชัดฺ  3.8)

อกโย จันทุร อนีโช ยัม
อาทมะนะฮ สุคฺะ-ดุฮคฺะโยฮฺ

อีชวะระ-พเรริโท กัชเชฺท
สวารกัม วาชุ อบฺรัม เอวะ ชะฺ

“สิ่งมีชีวิตมีเสรีภาพโดยสมบูรณ์ต่อความทุกข์หรือความสุขของตนเอง  ด้วยความปรารถนาขององค์ภควานทำให้เขาสามารถไปสวรรค์หรือลงนรก  เสมือนดั่งเมฆที่ลอยไปตามลม”

ฉะนั้น  วิญญาณในร่างพร้อมทั้งความต้องการตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ปรารถนาจะหลีกเลี่ยงคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นสาเหตุแห่งความสับสนของตนเอง  ดังนั้น  ถึงแม้ว่าโดยพื้นฐานตัวเขาจะเป็นอมตะ  มีความปลื้มปีติสุข  และรอบรู้  แต่ด้วยความเป็นละอองอณูเล็ก  ๆ  จึงถูกอวิชชาครอบงำจนลืมสถานภาพพื้นฐานว่าเป็นผู้รับใช้ขององค์ภควานสิ่งมีชีวิตอ้างว่าพระองค์ทรงเป็นผู้รับผิดชอบต่อความเป็นอยู่ทางสภาวะวัตถุของเขา  เวดานธะ-สูทระฺ  (2.1.34)  ได้ยืนยันเช่นกันว่า  ไวชัมยะ-ไนรกฺริณเย  นะ  สาเพคชัทวาท  ทะทฺา  ฮิ  ดารชะยะทิฺ  “องค์ภควานทรงไม่เกลียดและไม่ชอบผู้ใด  แม้ว่าพระองค์ทรงดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้น”

โศลก 16

กยาเนนะ ทุ ทัค อกยานัม
เยชาม นาชิทัม อาทมะนะฮฺ

เทชาม อาดิทยะ-วัจ กยานัม
พระคาชะยะทิ ทัท พะรัมฺ

กยาเนนะฺ  -  ด้วยความรู้, ทฺุ  -  แต่, ทัทฺ  -  นั้น, อกยานัมฺ  -  อวิชชา, เยชามฺ  -  ของเขา, นาชิทัมฺ  -  ถูกทำลาย, อาทมะนะฮฺ  -  ของสิ่งมีชีวิต, เทชามฺ  -  ของพวกเขา, อาดิทยะ-วัทฺ  -  เหมือนกับดวงอาทิตย์ขึ้น, กยานัมฺ  -  ความรู้, พระคาชะยะทิฺ  -  เปิดเผย, ทัท พะรัมฺ  -  คริชณะจิตสำนึก

คำแปลฺ

อย่างไรก็ดี  เมื่อเขาได้รับแสงสว่างจากความรู้ซึ่งอวิชชาถูกทำลายลง  ความรู้จะเปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่าง  เสมือนดังดวงอาทิตย์ที่บันดาลให้ทุกสิ่งทุกอย่างสว่างไสวขึ้นในเวลากลางวัน

คำอธิบายฺ

บุคคลที่ลืมคริชณะต้องสับสนอย่างแน่นอน  แต่บุคคลที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกจะไม่สับสนเลย  ได้กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  ว่า  สารวัม  กยานะ-พละเวนะ,  กยานากนิฮ  สารวะ-คารมาณิฺ  และ  นะ  ฮิ  กยาเนนะ  สะดริชัมฺ  ความรู้เป็นที่น่าสรรเสริญอย่างยิ่งเสมอ  และความรู้นั้นคืออะไร?  ความรู้ที่สมบูรณ์ได้รับเมื่อเขาศิโรราบต่อ  คริชณะ  ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทที่เจ็ด  โศลก  19  ว่า  บะฮูนาม  จันมะนาม  อันเท  กยานะวาน  มาม  พระ  พัดยะเทฺ  หลังจากที่ได้ผ่านมาหลายต่อหลายชาติ  เมื่อความรู้สมบูรณ์  เขาจะศิโรราบต่อคริชณะ  หรือเมื่อมาถึงคริชณะจิตสำนึกทุกสิ่งทุกอย่างจะเปิดเผยแก่เขา  เสมือนทุกสิ่งทุกอย่างเปิดเผยโดยพระอาทิตย์ในเวลากลางวัน  สิ่งมีชีวิตสับสนในหลาย  ๆ  ด้านตัวอย่างเช่นเมื่อคิดอย่างไม่มีพิธีรีตรองว่าตัวเขาเป็นภควาน  เขาได้ตกลงสู่หลุมพรางสุดท้ายแห่งอวิชชา  โดยแท้จริง  หากสิ่งมีชีวิตเป็นภควานแล้วจะสับสนด้วยอวิชชาได้อย่างไร?  องค์ภควาน  ทรงสับสนด้วยอวิชชาได้เช่นนั้นหรือ?  หากเป็นเช่นนั้นอวิชชาหรือซาตานก็ยิ่งใหญ่ไปกว่าภควาน  ความรู้ที่แท้จริงรับได้จากบุคคลผู้อยู่ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  ฉะนั้น  เราต้องค้นหาพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้นี้  และภายใต้การแนะนำของท่านเราเรียนรู้ว่าคริชณะจิตสำนึกคืออะไร  เพราะคริชณะจิตสำนึกจะผลักดันอวิชชาทั้งหมดให้ออกไปอย่างแน่นอน  เหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ผลักดันความมืดได้ฉันใด  แม้ว่าบุคคลอาจมีความรู้อย่างสมบูรณ์ว่าตัวเขาไม่ใช่ร่างกาย  แต่เป็นทิพย์เหนือร่างกายนี้  เขาอาจจะไม่สามารถแยกแยะระหว่างอนุวิญญาณและอภิวิญญาณได้  อย่างไรก็ดี  เขาสามารถรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้เป็นอย่างดีหากยินดีมาพึ่งพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ที่มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  เขาสามารถรู้ถึงองค์ภควานและความสัมพันธ์ของเขากับพระองค์ได้เมื่อมาพบผู้แทนของพระองค์จริง  ๆ  ผู้แทนขององค์ภควาน  จะไม่อ้างตนเองว่าเป็นภควานแม้ว่าผู้คนจะให้ความเคารพบูชาท่านทุกอย่างเสมือนดังภควาน  เพราะว่าท่านมีความรู้แห่งองค์ภควาน  เราต้องเรียนรู้ถึงข้อแตกต่างระหว่างองค์ภค  วานและสิ่งมีชีวิต  ดังนั้น  องค์ชรีคริชณะตรัสไว้ในบทที่สอง  (2.12)  ว่า  สิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นปัจเจกบุคคลและองค์ภควานก็ทรงเป็นปัจเจกบุคคลเช่นเดียวกัน  พวกเขาเป็นปัจเจกบุคคลในอดีต  เป็นปัจเจกบุคคลในปัจจุบัน  และจะยังคงเป็นปัจเจกบุคคลต่อไปในอนาคตแม้หลังจากหลุดพ้นแล้ว  ในเวลากลางคืนเราเห็นทุกสิ่งทุกอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่ในความมืด  แต่ในเวลากลางวันเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นเราจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่างตามรูปพรรณอันแท้จริงของทุกสิ่งทุกอย่าง  รูปพรรณและความเป็นปัจเจกบุคคลในชีวิตทิพย์คือความรู้ที่แท้จริง

โศลก 17

ทัด-บุดดฺะยัส ทัด-อาทมานัส
ทัน-นิชทฺาส ทัท-พะรายะณาฮฺ

กัชชฺันทิ อพุนาร-อาวริททิม
กยานะ-นิรดํูทะ-คัลมะชาฮฺ

ทัท-บุดดฺะยะฮฺ  -  ผู้ที่ปัญญาอยู่ในองค์ภควานเสมอ, ทัท-อาทมานะฮฺ  -  ผู้ที่จิตใจอยู่ในองค์ภควานเสมอ, ทัท-นิชทฺาฮฺ  -  ผู้ที่มีความศรัทธาอยู่ในองค์ภควานเท่านั้น, ทัท-พะรา ยะณาฮฺ  -  ผู้ที่รับเอาองค์ภควานเป็นที่พึ่งโดยสมบูรณ์, กัชชฺันทิฺ  -  ไป, อพุนาฮ-อาวริทิมฺ  -  สู่ความหลุดพ้น, กยานะฺ  -  ด้วยความรู้, นิรดํูทะฺ  -  ทำให้บริสุทธิ์, คัลมะชาฮฺ  -  ความแคลงใจ

คำแปลฺ

เมื่อปัญญา  จิตใจ  ศรัทธา  และที่พึ่งของเขาทั้งหมดตั้งมั่นอยู่ในองค์ภควาน  จากนั้นความสงสัยได้ถูกชะล้างไปจนหมดสิ้นด้วยความรู้ที่สมบูรณ์  เขาก็จะมุ่งหน้าไปสู่หนทางแห่งความหลุดพ้น

คำอธิบายฺ

สัจธรรมทิพย์สูงสุดคือองค์ชรีคริชณะ  ภควัต-คีตาฺ  ทั้งเล่มมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่การประกาศว่าคริชณะคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  นั่นคือวิสัยทัศน์ของวรรณกรรมพระเวททั้งหมด  พะระ-ทัททวะฺ  หมายถึงความจริงแท้ที่สูงสุด  ที่ผู้ทราบว่าองค์ภควานทรงเป็น  บระฮมัน.  พะระมาทมา.ฺ  และ  บฺะกะวานฺ  เข้าใจ  บฺะกะวานฺ  หรือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคือคำสุดท้ายแห่งความสมบูรณ์ที่แท้จริง  ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้  พระองค์ตรัสว่า  มัททะฮ  พะระทะรัม  นานยัท  คินชิด  อัสทิ  ดฺะนัน  จะยะฺ  คริชณะทรงเป็นผู้ค้ำจุน  บระฮมันฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์ไว้เช่นเดียวกัน  บระฮมะโน  ฮิ  พระทิชทฺาฮัมฺ  ฉะนั้น  ในทุก  ๆ  ทางคริชณะทรงเป็นความจริงแท้ที่สูงสุด  ผู้ที่จิตใจ  ปัญญา  ความศรัทธา  และที่พึ่งอยู่  ในคริชณะเสมอ  หรืออีกนัยหนึ่ง  คือผู้ที่มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  ความเคลือบแคลงทั้งหมดได้ถูกชะล้างให้สะอาดอย่างไม่ต้องสงสัย  และสถิตในความรู้อันสมบูรณ์ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับความเป็นทิพย์  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกสามารถเข้าใจโดยตลอดว่ามีสิ่งคู่  (มีรูปพรรณและความเป็นปัจเจกบุคคลในขณะเดียวกัน)  ในคริชณะและเพียบพร้อมไปด้วยความรู้ทิพย์เช่นนี้  เขาสามารถเจริญก้าวหน้าด้วยความมั่นคงบนหนทางแห่งความหลุดพ้น

โศลก 18

วิดยา-วินะยะ-สัมพันเน
บราฮมะเน กะวิ ฮัสทินิฺ

ชุนิ ไชวะ ชวะ-พาเค ชะ
พันดิทาฮ สะมะ-ดารชินะฮฺ

วิดยาฺ  -  ด้วยการศึกษา, วินะยะฺ  -  และความอ่อนโยน, สัมพันเนฺ  -  เพียบพร้อมด้วย, บราฮ- มะเนฺ  -  ในพราหมณ์, กะวิฺ  -  ในวัว, ฮัสทินิฺ -ในช้าง, ชุนิฺ -ในสุนัข, ชะฺ  -  และ, เอวะฺ  -  แน่นอน, ชวะ-พาเคฺ  -  ในผู้กินเนื้อสุนัข (คนชั้นต่ำ), ชะฺ  -  โดยลำดับ, พัณดิทาฮฺ  -  พวกที่มีสติปัญญา, สะมะ-ดารชินะฮฺ  -  ผู้เห็นด้วยสายตาที่เสมอภาค

คำแปลฺ

ด้วยผลจากความรู้ที่แท้จริง  นักปราชญ์ผู้ถ่อมตนมองเห็นพราหมณ์สุภาพผู้คงแก่เรียน  วัว  ช้าง  สุนัข  หรือคนกินสุนัข  (คนชั้นต่ำ)  ด้วยสายตาที่เสมอภาค

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกไม่แบ่งแยกระหว่างเผ่าพันธุ์หรือชั้นวรรณะพราหมณ์และคนชั้นต่ำอาจแตกต่างกันในมุมมองของสังคม  หรือสุนัข  วัว  และช้างอาจแตกต่างกันจากมุมมองของเผ่าพันธุ์  แต่ข้อแตกต่างของร่างกายเหล่านี้ไม่มีความหมายสำหรับมุมมองของนักปราชญ์ทิพย์  เป็นเช่นนี้ได้เนื่องจากความสัมพันธ์ที่มีต่อองค์ภควาน  เพราะว่าภาคอวตารอภิวิญญาณขององค์ภควานทรงประทับอยู่ภายในหัวใจของทุก  ๆ  ชีวิต  ความเข้าใจถึงองค์ภควานเช่นนี้คือสัจธรรม  เกี่ยวกับร่างกายในชั้นวรรณะหรือเผ่าพันธุ์ของชีวิตที่แตกต่างกัน  องค์ภควานทรงมีพระเมตตาเสมอภาคต่อทุก  ๆ  ชีวิต  เพราะว่าพระองค์ทรงปฏิบัติต่อทุกชีวิตเสมือนดังสหายของพระองค์  และยังทรงดำรงพระองค์เองเป็น  พะระมาทมาฺ  ไม่ว่าสถานภาพของสิ่งมีชีวิตจะเป็นเช่นไร  องค์ภควานในรูปของ  พะระมาทมาฺ  ทรงประทับอยู่ทั้งในคนชั้นต่ำและในพราหมณ์แม้ว่าร่างของพราหมณ์และร่างของคนชั้นต่ำจะไม่เหมือนกัน  ร่างกายเป็นผลผลิตทางวัตถุในระดับของธรรมชาติวัตถุที่แตกต่างกัน  แต่ดวงวิญญาณและอภิวิญญาณภายในร่างกายมีคุณสมบัติทิพย์เท่าเทียมกัน  คุณสมบัติของปัจเจกวิญญาณและอภิวิญญาณคล้ายคลึงกัน  อย่างไรก็ดี  คงมิได้ทำให้ปริมาณของทั้งสองเท่าเทียมกัน  เพราะว่าปัจเจกวิญญาณอาศัยอยู่ในเฉพาะร่างร่างหนึ่งเท่านั้น  ในขณะที่อภิวิญญาณทรงประทับอยู่ในทุก  ๆ  ร่าง  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกมีความรู้อย่างสมบูรณ์ในข้อนี้  ฉะนั้น  จึงเป็นนักปราชญ์ที่แท้จริงและมีวิศัยทัศน์ที่เสมอภาค  ลักษณะที่คล้ายคลึงกันของอนุวิญญาณและอภิวิญญาณคือทั้งคู่มีจิตสำนึกเป็นอมตะ  และมีความปลื้มปีติสุข  แต่ข้อแตกต่างคือปัจเจกวิญญาณมีจิตสำนึกภายในอาณาเขตของร่างกายที่จำกัด  ในขณะที่อภิวิญญาณทรงมีจิตสำนึกของร่างกายทั้งหมด  องค์อภิวิญญาณทรงประทับอยู่ในทุก  ๆ  ร่างกายโดยไม่มีการแบ่งแยก

โศลก 19

อิไฮวะ ไทร จิทะฮ สารโก
เยชาม สามเย สทิฺทัม มะนะฮฺ

นิรโดชัม ฮิ สะมัม บระฮมะ
ทัสมาด บระฮมะณิ เท สทิฺทาฮฺ

อิฮะฺ  -  ในชีวิตนี้, เอวะฺ  -  แน่นอน, ไทฮฺ  -  โดยพวกเขา, จิทะฮฺ  -  ชัยชนะ, สารกะฮฺ  -  การเกิดและตาย, เยชามฺ  -  ผู้ซึ่ง, สามเยฺ  -  ในความสงบใจ, สทิฺทัมฺ  -  สถิต, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, นิรโดชัมฺ  -  ไม่มีมลทิน, ฮิฺ  -  แน่นอน, สะมัมฺ  -  ในความสงบใจ, บระฮมะฺ  -  เหมือนองค์ภควาน, ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, บระฮมะณิฺ  -  ในองค์ภควาน, เทฺ  -  พวกเขา, สทิฺทาฮฺ  -  สถิต

คำแปลฺ

พวกที่จิตใจสถิตในความมั่นคงและสงบ  เป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะจากสภาวะแห่งการเกิดและการตายแล้ว  พวกนี้ไม่มีมลทินเหมือน  บระฮมัน  ฉะนั้น  เท่ากับสถิตในบระฮมัน  เรียบร้อยแล้ว

คำอธิบายฺ

ความสงบของจิตใจที่ได้กล่าวข้างต้นนี้เป็นเครื่องหมายของความรู้แจ้งแห่งตน  บุคคลที่บรรลุถึงระดับนี้อย่างแท้จริงควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นผู้ที่ได้รับชัยชนะสภาวะทางวัตถุแล้ว  โดยเฉพาะการเกิดและการตาย  ตราบใดที่แสดงตัวกับร่างกายนี้พิจารณาได้ว่าเขาคือพันธวิญญาณ  แต่ในทันทีที่พัฒนามาถึงระดับแห่งความสงบด้วยการรู้แจ้งตนเอง  เขาเป็นอิสระจากพันธชีวิต  หรืออีกนัยหนึ่งเขาไม่ต้องเกิดในโลกวัตถุนี้อีกต่อไป  แต่สามารถบรรลุถึงอาณาจักรทิพย์หลังจากตายไป  องค์ภควานทรงไม่มีมลทินเพราะทรงปราศจากความยึดติดหรือความเกลียดชัง  ในทำนองเดียวกัน  เมื่อสิ่งมีชีวิตปราศจากความยึดติดหรือความเกลียดชัง  ตัวเขาก็ไร้มลทินได้เช่นเดียวกัน  และมีสิทธิ์บรรลุถึงอาณาจักรทิพย์  บุคคลเช่นนี้พิจารณาได้ว่าเป็นผู้หลุดพ้นแล้ว  และลักษณะอาการเป็นเช่นไรจะได้อธิบายต่อไป

โศลก 20

นะ พระฮริชเยท พริยัม พราพยะ
โนดวิเจท พราพยะ ชาพริยัมฺ

สทิฺระ-บุดดิฺร อสัมมูโดฺ
บระฮมะ-วิด บระฮมะณิ สทิฺทะฮฺ

นะฺ  -  ไม่เคย, พระฮริชเยทฺ  -  รื่นเริง, พริยัมฺ  -  พอใจ, พราพยะฺ  -  ได้รับ, นะฺ  -  ไม่เคย, อุดวิเจทฺ  -  หงุดหงิด, พราพยะฺ  -  ได้รับ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อพริยัมฺ  -  ไม่พอใจ, สทิฺระ-บุดดิฺฮฺ  -  ปัญญาในตัว, อสัมมูดฺะฮฺ  -  ไม่สับสน, บระฮมะ-วิทฺ  -  ผู้รู้องค์ภควานโดยสมบูรณ์, บระฮมะณิฺ  -  ในความเป็นทิพย์, สทิฺทะฮฺ  -  สถิต

คำแปลฺ

บุคคลผู้ไม่ร่าเริงเมื่อได้รับสิ่งที่พึงพอใจ  ไม่เสียใจเมื่อได้รับสิ่งที่ไม่พึงพอใจ  เป็นผู้มีปัญญาอยู่ในตัว  ไม่สับสน  และรู้ศาสตร์แห่งองค์ภควาน  ถือว่าเป็นผู้สถิตในความเป็นทิพย์เรียบร้อยแล้ว

คำอธิบายฺ

ลักษณะอาการของผู้รู้แจ้งตนเองได้ให้ไว้  ณ  ที่นี้  ลักษณะอาการแรกคือเขาไม่อยู่ในความหลงผิดคิดว่าร่างกายนี้คือตัวจริงของเขา  รู้ดีว่าตัวเขาไม่ใช่ร่างกายนี้แต่เป็นละอองอณูของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ฉะนั้น  จึงไม่รื่นเริงเมื่อได้รับบางสิ่งบางอย่าง  หรือไม่เสียใจเมื่อสูญเสียบางสิ่งบางอย่างที่สัมพันธ์กับร่างกาย  จิตใจที่มั่นคงเช่นนี้เรียกว่า  สทฺิระ-บุดดิฺฺ  หรือผู้มีปัญญาในตัว  ฉะนั้น  เขาจึงไม่สับสนด้วยความเข้าใจผิดว่าร่างกายอันหยาบนี้เป็นดวงวิญญาณของเขา  และเขาไม่ยอมรับว่าร่างกายนี้ถาวรจนปฏิเสธความมีอยู่ของดวงวิญญาณ  ความรู้นี้พัฒนาตัวเขามาถึงจุดที่รู้ศาสตร์แห่งสัจธรรมที่สมบูรณ์  เช่น  บระฮมัน.  พะระมาทมา.ฺ  และ  บฺะกะวานฺ  เขาจึงรู้สถานภาพพื้นฐานของตัวเองเป็นอย่างดี  โดยปราศจากความพยายามผิด  ๆ  ที่จะมาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควานในทุก  ๆ  ด้าน  เช่นนี้เรียกว่าความรู้แจ้ง  บระฮมันฺ  หรือความรู้แจ้งแห่งตนจิตสำนึกที่มั่นคงเช่นนี้เรียกว่าคริชณะจิตสำนึก

โศลก 21

บาฮยะ-สพารเชชุ อสัคทาทมา
วินดะทิ อาทมะนิ ยัท สุคัฺมฺ

สะ บระฮมะ-โยกะ-ยุคทาทมา
สุคัฺม อัคชะยัม อัชนุเทฺ

บาฮยะ-สพารเชชฺุ  -  ในความสุขของประสาทสัมผัสภายนอก, อสัคทะ-อาทมาฺ  -  ผู้ที่ไม่ยึดติด, วินดะทิฺ  -  เพลิดเพลิน, อาทมานิฺ  -  ในตัวเขา, ยัทฺ  -  ที่ซึ่ง, สุคัฺมฺ  -  ความสุข, สะฮฺ  -  เขา, บระฮมะ-โยกะฺ  -  ด้วยการตั้งสมาธิใน บระฮมันฺ, ยุคทะ-อาทมาฺ  -  เชื่อมตนเองกับ, สุคัฺมฺ  -  ความสุข, อัคชะยัมฺ  -  ไร้ขอบเขต, อัชนุเทฺ  -  เพลิดเพลิน

คำแปลฺ

ผู้ที่หลุดพ้นเช่นนี้ไม่หลงใหลอยู่กับความสุขทางประสาทสัมผัสวัตถุ  แต่จะอยู่ในสมาธิเสมอ  เพลิดเพลินกับความสุขภายใน  ด้วยเหตุนี้บุคคลผู้รู้แจ้งแห่งตนจะเพลิดเพลินอยู่กับความสุขอันหาที่สุดมิได้  เพราะเขาทำสมาธิอยู่ที่องค์ภควาน

คำอธิบายฺ

ชรี  ยามุนาชารยะ  สาวกผู้ยิ่งใหญ่ในคริชณะจิตสำนึกกล่าวว่า

ยัด-อวะดิฺ มะมะ เชทะฮ คริชณะ-พะดารวินเด
นะวะ-นะวะ-ระสะ-ดฺามะนิ อุดยะทัม รันทุม อาสีทฺ

ทัด-อวะดิฺ บะทะ นารี-สังกะเม สมารยะมาเน
บฺะวะทิ มุคฺะ-วิคาระฮ สุชทํุ นิชทีฺวะนัม ชะฺ

“ตั้งแต่อาตมาปฏิบัติตนรับใช้ทิพย์แด่คริชณะ  ได้รู้แจ้งถึงความปลื้มปีติสุขใหม่  ๆ  ในพระองค์เสมอ  เมื่อใดที่อาตมาคิดถึงความสุขทางเพศสัมพันธ์  จะถ่มน้ำลายให้กับความคิดเช่นนั้น  และริมฝีปากจะเม้มแบบไม่ชอบ”  บุคคลใน  บระฮมะ-โยกะฺ  หรือคริชณะจิตสำนึกซึมซาบมากในการรับใช้ด้วยความรักต่อองค์ภควานจนตัวเองสูญเสียรสชาติแห่งความสุขทางประสาทสัมผัสวัตถุทั้งหมด  ความสุขสูงสุดทางวัตถุคือเพศสัมพันธ์โลกทั้งโลกเคลื่อนไหวไปภายใต้มนต์สะกดนี้  นักวัตถุนิยมไม่สามารถทำงานได้เลยหากขาดซึ่งแรงกระตุ้นจากเพศสัมพันธ์นี้  แต่บุคคลผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกสามารถทำงานด้วยความกระปรี้กระเปร่ายิ่งขึ้นโดยปราศจากความสุขทางเพศสัมพันธ์  ซึ่งเขาพยายามหลีกเลี่ยง  นั่นคือรสชาติในความรู้แจ้งทิพย์  ความรู้แจ้งทิพย์และความสุขทางเพศสัมพันธ์ไปด้วยกันไม่ได้  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่หลงใหลต่อความสุขทางประสาทสัมผัสใด  ๆ  ทั้งสิ้น  เนื่องจากตัวเขาเป็นดวงวิญญาณผู้หลุดพ้นแล้ว

โศลก 22

เย ฮิ สัมสพารชะ-จา โบฺกาฺ
ดุฮคฺะ-โยนะยะ เอวะ เทฺ
อาดิ-อันทะวันทะฮ คะอุนเทยะ
นะ เทชุ ระมะเท บุดฺะฮฺ

เยฺ  -  พวกเขา, ฮิฺ  -  แน่นอน, สัมสพารชะ-จาฮฺ  -  ด้วยการมาสัมผัสกับประสาทสัมผัสวัตถุ, โบฺกาฮฺ  -  ความเพลิดเพลิน, ดุฮคฺะฺ  -  ความทุกข์, โยนะยะฮฺ  -  แหล่งกำเนิดของ, เอวะฺ  -  แน่นอน, เทฺ  -  พวกเขาเป็น, อาดิฺ  -  เริ่มต้น, อันทะฺ  -  จบ, วันทะฮฺ  -  อยู่ในอำนาจ, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, นะฺ  -  ไม่เคย, เทชฺุ  -  ในสิ่งเหล่านั้น, ระมะเทฺ  -  ชื่นชมยินดี, บุดฺะฮฺ  -  บุคคลผู้มีปัญญา

คำแปลฺ

บุคคลผู้มีปัญญาจะไม่ไปมีส่วนร่วมกับต้นเหตุแห่งความทุกข์  อันเนื่องมาจากการไปสัมผัสกับประสาทสัมผัสวัตถุ  โอ้  โอรสพระนางคุนที  ความสุขเช่นนี้มีจุดเริ่มต้นและมีจุดจบ  ฉะนั้น  คนฉลาดจะไม่ชื่นชมยินดีกับมัน

คำอธิบายฺ

ความสุขทางประสาทสัมผัสวัตถุอันเนื่องจากการมาสัมผัสกับวัตถุซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งชั่วคราว  เพราะร่างกายเองก็เป็นสิ่งชั่วคราว  ดวงวิญญาณผู้หลุดพ้นไม่สนใจสิ่งใด  ๆ  ที่ไม่ถาวร  รู้ดีถึงความปลื้มปีติแห่งความสุขทิพย์  แล้วดวงวิญญาณผู้หลุดพ้นจะยอมรับเอาความสุขจอมปลอมได้อย่างไร?  ใน  พัดมะ  พุราณะฺ  กล่าวว่า

ระมันเท โยกิโน ่นันเท
สัทยานันเด ชิด-อาทมานิฺ

อิทิ รามะ-พะเดนาโส
พะรัม บระฮมาบิฺดีฺยะเทฺ

“พวกโยคีได้รับความสุขทิพย์อย่างหาที่สุดมิได้จากสัจธรรมที่สมบูรณ์  ฉะนั้น  สัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดองค์ภควานจึงทรงมีอีกพระนามหนึ่งว่า  รามะ  “

ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (5.5.1)  กล่าวไว้เช่นกันว่า

นายัม เดโฮ เดฮะ-บฺาจาม นริ-โลเค
คัชทาน คามาน อรฮะเท วิด-บํุจาม เยฺ

ทะโพ ดิพยัม พุทระคา เยนะ สัททวัม
ชุดดฺเยด ยัสมาด บระฮมะ-โสคฺยัม ทุ อนันทัมฺ

“โอ้  ลูกรัก  ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะต้องไปทำงานหนักเพื่อความสุขทางประสาทสัมผัสขณะที่มีชีวิตอยู่ในร่างมนุษย์นี้  ความสุขเช่นนี้พวกกินอุจจาระ  (สุกร)  ก็ยังหาได้โดยง่ายดาย  ฉะนั้น  เธอควรบำเพ็ญเพียรในชีวิตนี้ซึ่งจะทำให้ความเป็นอยู่ของเธอบริสุทธิ์ขึ้น  และจากผลแห่งการกระทำเช่นนี้  เธอจะสามารถเพลิดเพลินกับความปลื้มปีติสุขทิพย์อย่างหาที่สุดไม่ได้”

ฉะนั้น  พวกที่เป็นโยคีหรือนักทิพย์นิยมผู้มีปัญญาโดยแท้จริง  จะไม่หลงใหลอยู่กับความสุขทางประสาทสัมผัสอันเป็นต้นเหตุแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุ  ผู้ที่เสพติดกับความสุขทางวัตถุมากเพียงใด  เขาก็จะติดกับดักมากยิ่งขึ้นในความทุกข์ทางวัตถุ

โศลก 23

ชัดโนทีไฮวะ ยะฮ โสดํุม
พราค ชะรีระ-วิโมคชะณาทฺ

คามะ-โครโดฺดบฺะวัม เวกัม
สะ ยุคทะฮ สะ สุคีฺ นะระฮฺ

ชัคโนทิฺ  -  สามารถ, อิฮะ-เอวะฺ  -  ในร่างปัจจุบัน, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, โสดํุมฺ  -  อดทน, พราคฺ  -  ก่อน, ชะรีระฺ  -  ร่างกาย, วิโมคชะณาทฺ  -  ยกเลิก, คามะฺ  -  ความต้องการ, โดรดฺะฺ  -  และความโกรธ, อุดบฺะวัมฺ  -  เกิดขึ้นจาก, เวกัมฺ  -  แรงกระตุ้น, สะฮฺ  -  เขา, ยุคทะฮฺ  -  ในสมาธิ, สะฮฺ  -  เขา, สุคีฺฺ  -  ความสุข, นะระฮฺ  -  มนุษย์

คำแปลฺ

ก่อนออกจากร่างปัจจุบันนี้  หากผู้ใดสามารถอดทนต่อแรงกระตุ้นของประสาทสัมผัสวัตถุ  พร้อมทั้งตรวจสอบอำนาจแห่งความต้องการและความโกรธได้  ผู้นั้นสถิตอย่างดีและมีความสุขอยู่ในโลกนี้

คำอธิบายฺ

หากผู้ใดต้องการพัฒนาบนหนทางแห่งความรู้แจ้งแห่งตนอย่างสม่ำเสมอ  ต้องพยายามควบคุมอำนาจของประสาทสัมผัสวัตถุ  ซึ่งมีอำนาจของการพูด  อำนาจของความโกรธ  อำนาจของจิตใจ  อำนาจของท้อง  อำนาจของอัณฑะ  และอำนาจของลิ้น  ผู้ที่สามารถควบคุมอำนาจของประสาทสัมผัสต่าง  ๆ  เหล่านี้ได้ทั้งหมดรวมทั้งจิตใจ  เรียกว่า  โกสวามีฺ  หรือ  สวามี,  โกสวามีฺ  เช่นนี้ใช้ชีวิตอยู่แบบควบคุมได้อย่างดี  และสลัดทิ้งซึ่งอำนาจของประสาทสัมผัสทั้งหมด  ความต้องการทางวัตถุเมื่อไม่สมประสงค์จะทำให้เกิดความโกรธ  เช่นนี้  จิตใจ  ดวงตา  และหน้าอกจะเกิดอาการเร่าร้อน  ฉะนั้น  เราต้องฝึกควบคุมประสาทสัมผัสก่อนที่จะออกจากร่างวัตถุนี้  ผู้ที่สามารถทำได้เช่นนี้เข้าใจได้ว่าเป็นผู้รู้แจ้งแห่งตน  และมีความสุขอยู่ในระดับแห่งความรู้แจ้งแห่งตน  เป็นหน้าที่ของนักทิพย์นิยมที่ต้องพยายามอย่างแข็งขันในการควบคุมความต้องการและความโกรธ

โศลก 24

โย ่นทะฮ-สุโคฺ ่นทาร-อารามัสฺ
ทะทฺานทาร-จโยทิร เอวะ ยะฮฺ
สะ โยกี บระฮมะ-นิรวาณัม
บระฮมะ-บํูโท ่ดิฺกัชชฺะทิฺ

ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, อันทะฮ-สุคฺะฮฺ  -  ความสุขจากภายใน, อันทะฮ-อารามะฮฺ  -  มีความตื่นตัวเพลิดเพลินภายใน, ทะทฺาฺ  -  พร้อมกับ, อันทะฮ-จโยทิฮฺ  -  มีเป้าหมายภายใน, เอวะฺ  -  แน่นอน, ยะฮฺ  -  ผู้ใด, สะฮฺ  -  เขา, โยกีฺ  -  โยคี, บระฮมะ-นิรวาณัมฺ  -  เสรีภาพในองค์ภควาน, บระฮมะ-บํูทะฮฺ  -  เป็นผู้รู้แจ้งแห่งตน, อดิฺกัชชฺะทิฺ  -  ได้รับ

คำแปลฺ

พวกที่มีความสุขอยู่ภายใน  มีความตื่นตัวและร่าเริงอยู่ภายใน  และเป็นผู้ที่มีเป้าหมายอยู่ภายใน  เป็นโยคีที่สมบูรณ์โดยแท้จริง  เขาหลุดพ้นอยู่ในองค์ภควานและในที่สุดจะบรรลุถึงพระองค์

คำอธิบายฺ

นอกเสียจากว่าได้รับรสแห่งความสุขภายใน  มิฉะนั้น  จะยกเลิกกิจกรรมภายนอกเพื่อความสุขเพียงผิวเผินได้อย่างไร?  บุคคลผู้หลุดพ้นรื่นเริงอยู่กับความสุขด้วยประสบการณ์จริง  ดังนั้น  สามารถนั่งอย่างสงบเงียบได้ไม่ว่าในสถานที่ใดและร่าเริงกับกิจกรรมแห่งชีวิต  ในบุคคลผู้มีอิสระเสรีเช่นนี้จะไม่ต้องการความสุขทางวัตถุภายนอกใด  ๆ  ทั้งสิ้น  ระดับนี้เรียกว่า  บระฮมะ-บํูทะฺ  ซึ่งเมื่อบรรลุแล้วจะต้องกลับคืนสู่เหย้ากลับคืนสู่องค์ภควานอย่างแน่นอน

โศลก 25

ละบัฺนเท บระฮมะ-นิรวาณัม
ริชะยะฮ คชีณะ-คัลมะชาฮฺ

ชิฺนนะ-ดไวดฺา ยะทาทมานะฮ
สารวะ-บํูทะ-ฮิเท ระทาฮฺ

ละบัฺนเทฺ  -  บรรลุ, บระฮมะ-นิรวาณัมฺ  -  เสรีภาพในองค์ภควาน, ริชะยะฮฺ  -  พวกที่ตื่นตัวภายใน, คชีณะ-คัลมะชาฮฺ  -  ผู้ที่ปราศจากบาปทั้งมวล, ชิฺนนะฺ  -  ตัดขาด, ดไวดฺาฮฺ  -  สิ่งคู่, ยะทะอาทมานะฮฺ  -  ปฏิบัติในความรู้แจ้งแห่งตน, สารวะ-บํูทะฺ  -  เพื่อมวลชีวิต, ฮิเทฺ  -  ในงานเพื่อบำรุงสุข, ระทาฮฺ  -  ปฏิบัติ

คำแปลฺ

บุคคลผู้ที่อยู่เหนือสิ่งคู่ซึ่งเกิดจากความสงสัย  จิตใจปฏิบัติอยู่ภายใน  มีภารกิจมากเสมอเพื่อบำรุงสุขต่อมวลชีวิต  และเป็นอิสระจากความบาปทั้งปวง  จะเป็นผู้บรรลุถึงความหลุดพ้นอยู่ในองค์ภควาน

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์เท่านั้นจึงจะพูดได้ว่าเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานเพื่อบำรุงสุขต่อมวลชีวิต  เมื่อมีความรู้อย่างแท้จริงว่าคริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของสรรพสิ่ง  เขาจะปฏิบัติในสปิริตเช่นนี้เพื่อทุก  ๆ  คน  ความทุกข์ของมนุษยชาติเนื่องจากลืมว่าคริชณะทรงเป็นผู้มีความสุขเกษมสำราญสูงสุด  ทรงเป็นเจ้าของสูงสุดและทรงเป็นพระสหายสูงสุด  ฉะนั้น  การปฏิบัติเพื่อฟื้นฟูจิตสำนึกเช่นนี้ภายในมวลสังคมมนุษย์จึงเป็นงานเพื่อบำรุงสุขที่สูงสุด  เราไม่สามารถปฏิบัติงานบำรุงสุขชั้นหนึ่งเช่นนี้ได้โดยปราศจากความหลุดพ้นอยู่ในองค์ภควาน  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่มีความสงสัยเกี่ยวกับความสูงสุดของคริชณะ  ที่ไม่สงสัยเพราะเขาปราศจากความบาปทั้งปวงโดยสมบูรณ์  นี่คือระดับแห่งความรักทิพย์

บุคคลผู้ปฏิบัติเพียงเพื่อจัดการบำรุงสุขทางร่างกายของสังคมมนุษย์ไม่สามารถช่วยผู้ใดได้อย่างแท้จริง  การบรรเทาทุกข์ชั่วคราวต่อร่างกายภายนอกรวมทั้งจิตใจจะไม่ทำให้เกิดความพึงพอใจ  สาเหตุที่แท้จริงของความยากลำบากในการดิ้นรนต่อสู้เพื่อชีวิตอาจพบได้  จากการที่เขาลืมความสัมพันธ์ที่มีต่อองค์ภควาน  เมื่อมนุษย์มีจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ในความสัมพันธ์กับคริชณะ  ผู้นี้คือดวงวิญญาณที่หลุดพ้นอย่างแท้จริงแม้อาจจะอยู่ในร่างวัตถุ

โศลก 26

คามะ-โครดฺะ-วิมุคทานาม
ยะทีนาม ยะทะ-เชทะสามฺ

ดบิฺโท บระฮมะ-นิรวาณัม
วารทะเท วิดิทาทมะนามฺ

คามะฺ  -  จากความต้องการ, โครดฺะฺ  -  และความโกรธ, วิมุคทานามฺ  -  ของพวกที่หลุดพ้น, ยะทีนามฺ  -  ของนักบุญ, ยะทะ-เชทะสามฺ  -  ผู้ควบคุมจิตใจได้เป็นอย่างดี, อบิฺทะฮฺ  -  ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน, บระฮมะ-นิรวาณัมฺ  -  หลุดพ้นอยู่ในองค์ภควาน, วารทะ- เทฺ  -  มี, วิดิทะ-อาทมะนามฺ  -  ของบุคคลผู้ที่รู้แจ้งแห่งตน

คำแปลฺ

ผู้ที่ปราศจากความโกรธและความต้องการทางวัตถุทั้งหมด  เป็นผู้รู้แจ้งแห่งตนมีวินัยในตนเอง  และพยายามเพื่อความสมบูรณ์อยู่เสมอ  จะหลุดพ้นสู่องค์ภควานภายในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน

คำอธิบายฺ

ระหว่างนักบุญทั้งหลายผู้ปฏิบัติเพื่อพยายามบรรลุถึงความหลุดพ้นอยู่เสมอ  ผู้อยู่ในคริชณะจิตสำนึกดีที่สุด  บฺากะวะธัมฺ  (4.22.39)  ยืนยันความจริงนี้  ดังต่อไปนี้

ยัท-พาดะ-พังคะจะ-พะลาชะ-วิลาสะ-บัฺคทยา
คารมาชะยัม กระทิฺทัม อุดกระทฺะยันทิ สันทะฮฺ

ทัดวัน นะ ริคทะ-มะทะโย ยะทะโย ่พิ รุดดฺะ-
สโรโท-กะณาส ทัม อระณัม บฺะจะ วาสุเดวัมฺ

“เพียงแต่พยายามบูชา  วาสุเดวะฺ  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้  แม้แต่นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่สามารถควบคุมพลังอำนาจของประสาทสัมผัสได้ผลดีเท่ากับบุคคลที่ปฏิบัติตนด้วยความปลื้มปีติสุขทิพย์ในการรับใช้พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน  และถอนความต้องการที่ฝังรากลึกในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ”

ความต้องการเพื่อหาความสุขจากงานเพื่อผลทางวัตถุได้ฝังรากลึกมากอยู่ในพันธวิญญาณ  ยังเป็นสิ่งที่ยากยิ่งสำหรับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่พยายามเป็นอย่างมากในการควบคุมความต้องการเหล่านี้  สาวกขององค์ภควานปฏิบัติตนรับใช้ด้วยการอุทิศตนเสียสละอยู่เสมอในคริชณะจิตสำนึก  สมบูรณ์ในการรู้แจ้งตนเองและได้รับความหลุดพ้นอย่างรวดเร็วอยู่ในพระองค์  เนื่องมาจากความรู้ที่สมบูรณ์ในการรู้แจ้งแห่งตน  ท่านจะอยู่ในสมาธิเสมอ  ดังจะกล่าวตัวอย่างเปรียบเทียบดังนี้

ดารชะนะ-ดฺยานะ-สัมสพารไชร
มัทสยะ-คูรมะ-วิฮังกะมาฮฺ

สวานิ อพัทยานิ พุชณันทิ
ทะทฺาฮัม อพิ พัดมะ-จะฺ

“ด้วยการมอง  การทำสมาธิ  และการสัมผัส  ที่ปลา  เต่า  และนก  ดูแลลูก  ๆ  ของพวกมัน  ในลักษณะเดียวกัน  ข้าพเจ้าก็ทำเช่นนี้เหมือนกัน  โอ้  พัดมะจะฺ  !”

ปลาเลี้ยงลูกด้วยเพียงแต่มองไปที่ลูกของมันเท่านั้น  เต่าเลี้ยงลูกด้วยเพียงแต่ทำสมาธิ  เต่าวางไข่บนดินและตัวมันลงไปอยู่ในน้ำทำสมาธิที่ไข่  ลักษณะเดียวกันสาวกในคริชณะจิตสำนึกถึงแม้อยู่ห่างไกลจากพระตำหนักขององค์ภควานแต่สามารถพัฒนาตนเองให้ไปถึงพระตำหนักนั้นได้  ด้วยเพียงแต่ระลึกถึงพระองค์อยู่ตลอดเวลาด้วยการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกตัวท่านจะไม่รู้สึกเจ็บปวดในความทุกข์ทางวัตถุ  ในระดับชีวิตเช่นนี้เรียกว่า  บระฮมะ-นิรวาณะฺ  หรือปราศจากความทุกข์ทางวัตถุ  เนื่องจากซึบซาบอยู่ในองค์ภควานเสมอ

โศลก 27-28

สพารชาน คริทวา บะฮิร บาฮยามช
ชัคชุช ไชวานทะเร บฺรุโวฮฺ

พราณาพาโน สะโม คริทวา
นาสาบฺยันทะระ-ชาริโนฺ
ยะเทนดริยะ-มะโน-บุดดิฺร
มุนิร โมคชะ-พะรายะณะฮฺ

วิกะเทชชฺา-บฺะยะ-โครโดฺ
ยะฮ สะดา มุคทะ เอวะ สะฮฺ

สพารชานฺ  -  อายตนะภายนอก เช่นเสียง, คริทวาฺ  -  รักษา, บะฮิฮฺ  -  ภายนอก, บาฮยานฺ  -  โดยไม่จำเป็น, ชัคชุฮฺ  -  ตา, ชะฺ  -  เช่นกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, อันทะเรฺ  -  ระหว่าง, บฺรุโวฮฺ  -  คิ้ว, พราณะ-อพาโนฺ  -  ลมที่เดินขึ้นและเดินลง, สะโมฺ  -  หยุดพัก, คริทวาฺ  -  รักษา, นาสะ-อับฮ- ยันทะระฺ  -  ภายในจมูก, ชาริโณฺ  -  เป่า, ยะทะฺ  -  ควบคุม, อินดริยะฺ  -  ประสาทสัมผัส, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, บุดดิฺฮฺ  -  ปัญญา, มุนิฮฺ  -  นักทิพย์นิยม, โมคชะฺ  -  เพื่อความหลุดพ้น, พะรายะณะฮฺ  -  กำหนดไว้เช่นนั้น, วิกะทะฺ  -  ละทิ้ง, อิชชฺาฺ  -  ปรารถนา, บฺะยะฺ  -  ความกลัว, โครดฺะฮฺ  -  ความโกรธ, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, สะดาฺ  -  เสมอ, มุคทะฮฺ  -  หลุดพ้น, เอวะฺ  -  แน่นอน, สะฮฺ  -  เขาเป็น

คำแปลฺ

ปิดกั้นอายตนะภายนอกทั้งหมด  กำหนดดวงตาและสายตาทำสมาธิระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง  หยุดลมหายใจเข้าออกภายในจมูก  และควบคุมจิตใจ  ประสาทสัมผัสและปัญญา  นักทิพย์นิยมตั้งเป้าหมายอยู่ที่ความหลุดพ้น  เป็นอิสระจากความต้องการ  ความกลัวและความโกรธ  ผู้ที่อยู่ในระดับนี้เสมอ  หลุดพ้นแน่นอน

คำอธิบายฺ

ผู้ปฏิบัติตนในคริชณะจิตสำนึกสามารถเข้าใจบุคลิกลักษณะทิพย์ของตนเองได้ในทันที  จากนั้นก็จะสามารถเข้าใจองค์ภควานด้วยวิธีการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เมื่อสถิตอย่างดีในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ท่านได้มาถึงสถานภาพทิพย์  และมีคุณวุฒิพอที่จะรู้สึกว่าองค์ภควานทรงปรากฏอยู่ในโลกแห่งกิจกรรมของตัวท่าน  สภาวะโดยเฉพาะเช่นนี้เรียกว่าความหลุดพ้นอยู่ในองค์ภควาน

หลังจากได้อธิบายหลักข้างต้นเกี่ยวกับการหลุดพ้นอยู่ในองค์ภควาน  พระองค์ทรงให้คำสั่งสอนแด่อารจุนะว่า  เราจะสามารถมาถึงสถานภาพนี้ด้วยการปฏิบัติการเข้าฌานหรือ  โยกะฺ  ที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า  อัชทางกะ-โยกะฺ  ซึ่งแยกออกไปเป็นแปดวิธีเรียกว่า  ยะมะ,  นิยะมะ,  อาสะนะ,  พราณายามะ,  พรัทยาฮาระ,  ดฺาระณา,  ดฺยานะฺ  และ  สะมาดิฺ  ในบทที่หกจะอธิบายเรื่อง  โยกะฺ  อย่างละเอียด  และในท้ายบทที่ห้าจะอธิบายเฉพาะพื้นฐานเท่านั้น  เราต้องนำพาตัวเองให้ออกจากอายตนะภายนอก  เช่นเสียง  สัมผัส  รูป  รส  และกลิ่น  ด้วยวิธีโยคะของ  พรัทยาฮาระฺ  จากนั้นกำหนดสายตาและดวงตาระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง  และตั้งสมาธิอยู่ที่ปลายจมูก  พร้อมทั้งปิดเปลือกตามาครึ่งหนึ่ง  ไม่มีประโยชน์ในการปิดตาทั้งหมด  เพราะมีโอกาสที่จะหลับได้มาก  และไม่มีประโยชน์อันใดในการเปิดตาทั้งหมด  เพราะเสี่ยงที่จะไปหลงใหลกับอายตนะภายนอกการเคลื่อนไหวของลมหายใจควบคุมให้อยู่ภายในโพรงจมูกด้วยการปรับลมเดินขึ้นและลมเดินลงให้เข้ากันอยู่ภายในร่างกาย  ด้วยการฝึกโยคะเช่นนี้จะสามารถควบคุมประสาทสัมผัส  หลีกเลี่ยงจากอายตนะภายนอก  และเตรียมตัวเองเพื่อความหลุดพ้นในองค์ภควาน

วิธีการโยคะนี้ช่วยให้เป็นอิสระจากความกลัวและความโกรธทุกชนิด  จากนั้นจะรู้สึกว่าอภิวิญญาณทรงปรากฏอยู่ในสภาวะทิพย์  อีกนัยหนึ่ง  คริชณะจิตสำนึกเป็นวิธีง่ายที่สุดในการปฏิบัติตามหลักธรรมโยคะ  จะอธิบายโดยละเอียดในบทต่อไป  อย่างไรก็ดี  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกปฏิบัติด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้อยู่เสมอ  จึงไม่ต้องเสี่ยงในการสูญเสียประสาทสัมผัสของตนไปในการปฏิบัติอย่างอื่น  ซึ่งเป็นวิธีการควบคุมประสาทสัมผัสที่ดีกว่า  อัชทางกะ-โยกะฺ

โศลก 29

โบฺคทารัม ยะกยะ-ทะพะสาม
สารวะ-โลคะ-มะเฮชวะรัมฺ

สุฮริดัม สารวะ-บํูทานาม
กยาทวา มาม ชานทิม ริชชฺะทิฺ

โบฺคทารัมฺ  -  ผู้ได้รับผลประโยชน์, ยะกยะฺ  -  ของการบูชา, ทะพะสามฺ  -  บำเพ็ญเพียรและสมถะ, สารวะ-โลคะฺ  -  โลกทั้งหมดและเหล่าเทวดา, มะฮะ-อีชวะรัมฺ  -  องค์ภควาน, สุ- ฮริดัมฺ  -  ผู้อุปการะ, สารวะฺ  -  ของทั้งหมด, บํูทานามฺ  -  สิ่งมีชีวิต, กยาทวาฺ  -  ทราบ, มามฺ  -  ข้า(คริชณะ), ชานทิมฺ  -  บรรเทาจากความเจ็บปวดทางวัตถุ, ริชชฺะทิฺ  -  เขาบรรลุ

คำแปลฺ

ผู้ที่มีจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ในข้า  รู้ว่าในที่สุดข้าคือผู้ได้รับประโยชน์แห่งการบูชาและความสมถะทั้งหมด  ข้าคือองค์ภควานสูงสุดของโลกและเทวดาทั้งปวง  ข้าคือผู้อุปการะและผู้ปรารถนาดีของมวลชีวิต  เขาผู้นี้จะได้รับความสงบจากความเจ็บปวดแห่งความทุกข์ทางวัตถุ

คำอธิบายฺ

พันธวิญญาณภายใต้เงื้อมมือของพลังงานแห่งความหลงมีความกระตือรือร้นที่จะได้รับความสงบในโลกวัตถุ  แต่ไม่รู้สูตรแห่งความสงบซึ่งจะอธิบายในส่วนนี้ของ  ภควัต-คีตาฺ  สูตรแห่งความสงบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมีง่าย  ๆ  ดังนี้คือ  องค์ชรีคริชณะทรงเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์แห่งกิจกรรมของมวลมนุษย์  มนุษย์ควรถวายทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรับใช้ทิพย์แด่พระองค์  เพราะว่าคริชณะทรงเป็นเจ้าของโลกทั้งหมดและเทวดาทั้งปวงไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์  คริชณะทรงยิ่งใหญ่กว่าเทวดาที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  เช่นพระศิวะ  และพระพรหม  ในคัมภีร์พระเวท  (ชเวทาชวะทระ  อุพะนิชัด  6.7ฺ)  ได้อธิบายถึงองค์ภควาน  ว่า  ทัม  อีชวะราณาม  พะระมัม  มะเฮชวะรัมฺ  ภายใต้มนต์สะกดแห่งความหลงสิ่งมีชีวิตพยายามเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองสำรวจพบ  แต่แท้ที่จริงพวกเขาถูกครอบงำโดยพลังงานวัตถุขององค์ภควาน  พระองค์ทรงเป็นเจ้านายของธรรมชาติวัตถุและพันธวิญญาณอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์อันเข้มงวดของธรรมชาติวัตถุ  นอกเสียจากว่าจะเข้าใจความจริงง่าย  ๆ  นี้  มิฉะนั้น  เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับความสงบในโลกไม่ว่าโดยส่วนตัวหรือส่วนรวม  นี่คือเหตุผลของคริชณะจิตสำนึก  องค์ชรีคริชณะทรงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด  และมวลชีวิตรวมทั้งเทวดาผู้ยิ่งใหญ่เป็นรองจากพระองค์  เราสามารถได้รับความสงบอย่างสมบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึกที่บริบูรณ์เท่านั้น

ในบทที่ห้านี้เป็นการอธิบายภาคปฏิบัติของคริชณะจิตสำนึก  โดยทั่วไปทราบกันว่าเป็น  คารมะ-โยกะฺ  คำถามจากการคาดคะเนทางจิตที่ว่า  คารมะ-โยกะฺ  สามารถให้ความหลุดพ้นได้อย่างไรนั้น  ได้ให้คำตอบไว้  ณ  ที่นี้  การทำงานในคริชณะจิตสำนึกเป็นการทำงานด้วยความรู้ที่สมบูรณ์ว่าองค์ภควานทรงเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด  งานเช่นนี้ไม่แตกต่างไปจากความรู้ทิพย์  คริชณะจิตสำนึกโดยตรงคือ  ภักดี-โยคะฺ  และ  กยานะ-โยกะฺ  เป็นวิถีทางที่จะนำเราไปสู่  ภักดี-โยคะฺ  คริชณะจิตสำนึกหมายถึงการทำงานด้วยความรู้อันสมบูรณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับสัจธรรมสูงสุด  และความสมบูรณ์ของจิตสำนึกนี้คือความรู้อันสมบูรณ์แห่งองค์คริชณะหรือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ดวงวิญญาณผู้บริสุทธิ์เป็นผู้รับใช้นิรันดรขององค์ภควาน  เหมือนกันกับเศษละอองอณูของพระองค์  ที่มาสัมผัสกับ  มายาฺ  (ความหลง)  เพราะต้องการเป็นเจ้าเหนือ  มายาฺ  นี่คือต้นเหตุแห่งความทุกข์มากมาย  ตราบใดที่ยังสัมผัสอยู่กับวัตถุ  เขาจะต้องปฏิบัติงานเนื่องจากความจำเป็นทางวัตถุ  อย่างไรก็ดี  คริชณะจิตสำนึกนำเขามาสู่ชีวิตทิพย์แม้ในขณะที่อยู่ในอาณาเขตของวัตถุ  เป็นการปลุกความเป็นอยู่ในวิถีทิพย์ด้วยการปฏิบัติอยู่ในโลกวัตถุ  เมื่อเจริญมากขึ้นก็จะมีอิสระมากขึ้นจากเงื้อมมือของวัตถุองค์ภควานทรงไม่ลำเอียงกับผู้ใด  ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับการปฏิบัติหน้าที่ของตนเองในคริชณะจิตสำนึกซึ่งช่วยให้เขาควบคุมประสาทสัมผัสได้ในทุก  ๆ  ด้านและได้รับชัยชนะจากอิทธิพลแห่งความต้องการและความโกรธ  ผู้ที่ยืนอยู่อย่างมั่นคงในคริชณะจิตสำนึกสามารถควบคุมตัณหาดังที่กล่าวมาแล้ว  ดำรงอยู่อย่างแท้จริงในระดับทิพย์หรือ  บระฮมะ-นิรวาณะฺ  เรื่องการเข้าฌานแปดวิธีของโยคะก็ปฏิบัติอยู่ในคริชณะจิตสำนึกโดยปริยาย  เพราะจุดมุ่งหมายสูงสุดได้รับการดูแล  มีวิธีการค่อย  ๆ  พัฒนาในการฝึกปฏิบัติ  ยะมะ,  นิยะมะ,  อาสะนะ,  พราณายามะ,  พรัทยาฮาระ,  ดฺาระณา,  ดฺยานะฺ  และ  สะมาดิฺ  แต่ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความสมบูรณ์เบื้องต้นของการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่สามารถให้รางวัลความสงบแก่มนุษย์ได้อันเป็นความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิต

ฉะนั้น ได้จบคำอธิบายโดย บัฺคธิเวดันธะ บทที่ห้าของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่อง คารมะ-โยกะ หรือ การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกฺ