บทที่ หก
ดฺยานะ-โยกะ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
อนาชริทะฮ คารมะ-พระลัม
คารยัม คารมะ คะโรทิ ยะฮฺ
สะ สันนยาสี ชะ โยกี ชะ
นะ นิรักนิร นะ ชาคริยะฮฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - องค์ภควานตรัส, อนาชริทะฮฺ - ปราศจากที่พึ่ง, คารมะ-พฺะลัมฺ - ของผลแห่งงาน, คารยัมฺ - หน้าที่, คารมะฺ - งาน, คะโรทิฺ - ปฏิบัติ, ยะฮฺ - ผู้ซึ่ง, สะฮฺ - เขา, สันนยาสีฺ - ในระดับสละโลก, ชะฺ - เช่นกัน, โยกีฺ - โยคี, ชะฺ - เช่นกัน, นะฺ - ไม่, นิฮฺ - ปราศจาก, อักนิรฺ - ไฟ, นะฺ - ไม่, ชะฺ - เช่นกัน, อคริยะฮฺ - ปราศจากหน้าที่
คำแปลฺ
องค์ภควานตรัสว่า ผู้ที่ไม่ยึดติดต่อผลงานของตนและทำงานไปตามหน้าที่ เป็นผู้ที่อยู่ในระดับชีวิตสละโลกและเป็นโยคีที่แท้จริง มิใช่ผู้ที่ไม่ก่อไฟและไม่ปฏิบัติหน้าที่
คำอธิบายฺ
ในบทนี้องค์ภควานทรงอธิบายว่า วิธีของระบบโยคะแปดระดับเป็นวิถีทางเพื่อควบคุมจิตใจและประสาทสัมผัส อย่างไรก็ดี มันเป็นสิ่งยากมากสำหรับคนทั่วไปที่จะปฏิบัติได้โดยเฉพาะใน คะลิ ยุคฺ ถึงแม้ระบบโยคะแปดระดับได้แนะนำไว้ในบทนี้ พระองค์ทรงเน้นว่าวิธีของ คารมะฺ-โยกะฺ หรือการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกดีกว่า ทุกคนปฏิบัติตนในโลกนี้เพื่อค้ำจุนครอบครัวและทรัพย์สมบัติของตน ไม่มีผู้ใดทำงานโดยปราศจากความเห็นแก่ตัวหรือเพื่อสนองตอบส่วนตัวบางประการ ไม่ว่าในวงแคบหรือวงกว้างบรรทัดฐานแห่งความสมบูรณ์คือการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก ไม่ใช่ด้วยแนวคิดที่จะหาความสุขกับผลของงาน การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเป็นหน้าที่ของทุกชีวิต เพราะว่าทุกชีวิตโดยพื้นฐานเป็นละอองอณูขององค์ภควาน ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายปฏิบัติงานเพื่อให้ทั่วทั้งเรือนร่างพึงพอใจ แขนและขามิได้ปฏิบัติเพื่อให้ส่วนของตนเองพึงพอใจแต่เพื่อความพึงพอใจของทั่วทั้งเรือนร่าง ในทำนองเดียวกัน สิ่งมีชีวิตผู้ปฏิบัติเพื่อความพึงพอใจของส่วนรวมสูงสุด และไม่ใช่เพื่อความพึงพอใจของตนเองจึงเป็น สันนยาสีฺหรือโยคีที่สมบูรณ์
พวก สันนยาสีฺ บางครั้งคิดอย่างผิดธรรมชาติว่าตนเองได้หลุดพ้นแล้วจากหน้าที่ทางวัตถุทั้งมวล ฉะนั้น จึงหยุดการปฏิบัติ อักนิโฮทระ ยะกยะฺ (บูชาไฟ ) แต่อันที่จริงพวกนี้เห็นแก่ตัวเพราะจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการมาเป็นหนึ่งเดียวกับ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ ความต้องการเช่นนี้ยิ่งใหญ่กว่าความต้องการใด ๆ ทางวัตถุ แต่มิใช่ว่าปราศจากความเห็นแก่ตัว เช่นเดียวกัน โยคีผู้มีฤทธิ์ฝึกปฏิบัติตามระบบโยคะด้วยการลืมตาครึ่งหนึ่ง หยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมด ปรารถนาความพึงพอใจบางประการสำหรับตนเอง แต่บุคคลผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกทำงานเพื่อความพึงพอใจของส่วนรวมที่สมบูรณ์โดยไม่เห็นแก่ตัว บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกไม่มีความปรารถนาเพื่อความพึงพอใจของตนเอง บรรทัดฐานแห่งความสำเร็จของท่านอยู่ที่ความพึงพอใจของคริชณะ ดังนั้น ท่านจึงเป็น สันนยาสีฺ หรือโยคีที่สมบูรณ์ องค์เชธันญะผู้ทรงเป็นเครื่องหมายของความสมบูรณ์สูงสุดแห่งความเสียสละ ทรงภาวนาดังนี้
นะ ดฺะนัม นะ จะนัม นะ สุนดะรีม
คะวิทาม วา จะกัด-อีชะ คามะเยฺ
มะมะ จันมะนิ จันมะนีชวะเร
บฺะวะทาด บัฺคธิร อไฮทุคี ทวะยิฺ
“โอ้ องค์ภควานผู้ทรงเดช ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสะสมทรัพย์ ไม่ปรารถนาหาความสุขกับหญิงงาม และไม่ปรารถนาสานุศิษย์มากมาย สิ่งเดียวที่ปรารถนาคือพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ที่ให้ข้าพเจ้าได้อุทิศตนเสียสละรับใช้พระองค์ตลอดทุก ๆ ชาติไป”
ยัม สันนยาสัม อิทิ พราฮุร
โยกัม ทัม วิดดิฺ พาณดะวะฺ
นะ ฮิ อสันนยัสทะ-สังคัลโพ
โยกี บฺะวะทิ คัชชะนะฺ
ยัมฺ - อะไร, สันนยาสัมฺ - การเสียสละ, อิทิฺ - ดังนั้น, พราฮุฮฺ - พวกเขากล่าว, โยกัมฺ - เชื่อมกับองค์ภควาน, ทัมฺ - นั้น, วิดดิฺฺ - เธอต้องรู้, พาณดะวะฺ - โอ้ โอรสของพาณดุ, นะฺ - ไม่เคย, ฮิฺ - แน่นอน, อสันนยัสทะฺ - ปราศจากการยกเลิก, สังคัลพะฮฺ - ปรารถนาเพื่อความพึงพอใจแห่งตน, โยกีฺ - นักทิพย์นิยมผู้มีฤทธิ์, บฺะวะทิฺ - มาเป็น, คัชชะนะฺ - ผู้ใด
คำแปลฺ
เธอควรรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าการเสียสละเป็นสิ่งเดียวกับโยคะ หรือการเชื่อมสัมพันธ์ตนเองกับองค์ภควาน โอ้ โอรสแห่งพาณดุ ไม่มีผู้ใดสามารถเป็นโยคีได้นอกจากเขาผู้นั้นสละความต้องการเพื่อสนองประสาทสัมผัส
คำอธิบายฺ
สันนยาสะ-โยกะฺ หรือ บัฺคธิฺ ที่แท้จริงหมายความว่าเขาควรรู้สถานภาพพื้นฐานของตนในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตและควรปฏิบัติตามนั้น สิ่งมีชีวิตไม่มีบุคลิกอิสระที่แยกออกไป แต่เป็นพลังงานพรมแดนขององค์ภควาน เมื่อถูกกักขังโดยพลังงานวัตถุเขาจึงอยู่ในสภาวะวัตถุ และเมื่อมีคริชณะจิตสำนึกหรือตระหนักถึงพลังงานทิพย์ตอนนั้นเขาอยู่ในระดับธรรมชาติที่แท้จริงของชีวิต ฉะนั้น เมื่อมีความรู้ที่สมบูรณ์ เขาจะหยุดสนองประสาทสัมผัสวัตถุทั้งหมดหรือสละกิจกรรมเพื่อสนองประสาทสัมผัสทั้งปวง เช่นนี้ โยคีผู้ควบคุมประสาทสัมผัสจากการยึดติดทางวัตถุปฏิบัติกัน แต่บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่มีโอกาสที่จะใช้ประสาทสัมผัสของตนไปในสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่จุดมุ่งหมายของคริชณะ ดังนั้น บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกเป็นทั้ง สันนยาสีฺ และโยคีในเวลาเดียวกัน จุดมุ่งหมายของความรู้และการควบคุมประสาทสัมผัสดังที่ได้อธิบายในวิธีการ กยานะฺ และ โยคะก็บรรลุถึงได้โดยปริยายในคริชณะจิตสำนึกฺ หากผู้ใดไม่สามารถยกเลิกกิจกรรมแห่งธรรมชาติความเห็นแก่ตัวของตนเอง กยานะฺ และ โยคะฺ ก็ไม่มีประโยชน์อันใด จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือเพื่อให้สิ่งมีชีวิตยกเลิกความพึงพอใจที่เห็นแก่ตัวทั้งหมดและเตรียมตัวเพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกไม่มีความปรารถนาเพื่อความสุขส่วนตัวใด ๆ ทั้งสิ้น เขาปฏิบัติตนเพื่อความสุขขององค์ภควานอยู่เสมอ ฉะนั้นผู้ที่ไม่มีข้อมูลขององค์ภควานจำต้องปฏิบัติเพื่อความพึงพอใจของตนเองเพราะว่าไม่มีผู้ใดสามารถยืนหยัดอยู่ในระดับที่ไร้กิจกรรมได้ จุดมุ่งหมายทั้งหมดบรรลุได้โดยสมบูรณ์ด้วยการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึก
อารุรุคโชร มุเนร โยกัม
คารมะ คาระณัม อุชยะเทฺ
โยการูดัฺสยะ ทัสไยวะ
ชะมะฮ คาระณัม อุชยะเทฺ
อารุรุคโชฮฺ - ผู้ที่เพิ่งเริ่มโยคะ, มุเนฮฺ - ของนักปราชญ์, โยกัมฺ - ระบบโยคะแปดระดับ, คารมะฺ - งาน, คาระณัมฺ - วิถีทาง, อุชยะเทฺ - กล่าวว่า, โยกะฺ - โยคะแปดระดับ, อารูดัฺสยะฺ - ของผู้ได้รับแล้ว, ทัสยะฺ - ของเขา, เอวะฺ - แน่นอน, ชะมะฮฺ - หยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมด, คาระณัมฺ - วิถีทาง, อุชยะเทฺ - กล่าวว่า
คำแปลฺ
สำหรับผู้เริ่มต้นในระบบโยคะแปดระดับ กล่าวไว้ว่าการทำงานคือวิถีทาง และสำหรับผู้ที่พัฒนาในโยคะแล้ว กล่าวไว้ว่าการหยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมดคือวิถีทาง
คำอธิบายฺ
วิธีการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับองค์ภควานเรียกว่าโยคะ อาจเปรียบเทียบได้กับขั้นบันไดเพื่อบรรลุถึงความรู้แจ้งทิพย์สูงสุด ขั้นบันไดนี้เริ่มต้นจากสภาวะวัตถุต่ำสุดของสิ่งมีชีวิต และสูงขึ้นไปจนถึงความรู้แจ้งแห่งตนอย่างสมบูรณ์ในชีวิตทิพย์ที่บริสุทธิ์ ตามระดับแห่งความเจริญก้าวหน้า ส่วนต่าง ๆ ของขั้นบันไดมีชื่อเรียกต่างกัน แต่รวมกันทั้งหมดเป็นขั้นบันไดที่สมบูรณ์เรียกว่าโยคะ และอาจแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ กยานะ-โยกะฺ, ดฺยานะ-โยกะ.ฺ และ ภักดี-โยคะฺ ขั้นแรกของบันไดเรียกว่าระดับ โยการุรุคชฺุ และขั้นสูงสุดเรียกว่า โยการูดฺะฺ
เกี่ยวกับระบบโยคะแปดระดับ เป็นการพยายามขั้นต้นเพื่อเข้าไปสู่สมาธิด้วยหลักธรรมแห่งชีวิตและฝึกปฏิบัติท่านั่งต่าง ๆ (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบริหารร่างกาย)ถือว่าเป็นกิจกรรมทางวัตถุเพื่อหวังผล กิจกรรมเช่นนี้ทั้งหมดจะนำให้บรรลุความสมดุลทางจิตใจอย่างสมบูรณ์เพื่อควบคุมประสาทสัมผัส เมื่อประสบความสำเร็จในการฝึกสมาธิ เขาจะหยุดกิจกรรมทั้งหมดที่รบกวนจิตใจ
อย่างไรก็ดี บุคคลในคริชณะจิตสำนึกสถิตในระดับสมาธิตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเนื่องจากเขาระลึกถึงคริชณะเสมอ และปฏิบัติรับใช้คริชณะอยู่ตลอดเวลาซึ่งพิจารณาว่าหยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมดโดยปริยาย
ยะดา ฮิ เนนดริยารเทฺชุ
นะ คารมะสุ อนุชัจจะเทฺ
สารวะ-สังคัลพะ-สันนยาสี
โยการูดัฺส ทะโดชยะเทฺ
ยะดาฺ - เมื่อ, ฮิฺ - แน่นอน, นะฺ - ไม่, อินดริยะ-อารเทฺชฺุ - ในการสนองประสาทสัมผัส, นะฺ - ไม่เคย, คารมะสฺุ - ในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, อนุชัจจะเทฺ - ผู้จำเป็นปฏิบัติ, สารวะ-สัง คัลพะฺ - ของความต้องการทางวัตถุทั้งปวง, สันนยาสีฺ - ผู้สละทางโลก, โยกะ-อารูดฺะฮฺ - เจริญในโยคะ, ทะดาฺ - ในเวลานั้น, อุชยะเทฺ - กล่าวว่า
คำแปลฺ
กล่าวได้ว่าบุคคลผู้นี้เจริญในโยคะแล้ว เมื่อเขาสละความต้องการทางวัตถุทั้งปวงและไม่ปฏิบัติตนเพื่อสนองประสาทสัมผัส หรือปฏิบัติในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ
คำอธิบายฺ
เมื่อบุคคลปฏิบัติอย่างเต็มที่ในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควาน เขามีความสุขอยู่ในตัว ดังนั้น จึงไม่ปฏิบัติเพื่อสนองประสาทสัมผัส หรือปฏิบัติในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุอีกต่อไป มิฉะนั้น ต้องปฏิบัติเพื่อสนองประสาทสัมผัสเพราะว่าไม่มีผู้ใดสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีกิจกรรม ปราศจากคริชณะจิตสำนึกเราต้องแสวงหากิจกรรมที่มีตนเองเป็นศูนย์กลาง หรือกิจกรรมที่เห็นแก่ตัวในวงกว้าง แต่บุคคลในคริชณะจิตสำนึกสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความพึงพอพระทัยของคริชณะ ดังนั้น จึงไม่ยึดติดกับการสนองประสาทสัมผัสโดยสมบูรณ์ ผู้ไม่มีความรู้แจ้งเช่นนี้จะต้องพยายามหลบหนีความต้องการทางวัตถุอย่างผิดธรรมชาติ ก่อนที่จะพัฒนาไปถึงขั้นบันไดสูงสุดแห่งโยคะ
อุดดฺะเรด อาทมะนาทมานัม
นาทมานัม อวะสาดะเยทฺ
อาทไมวะ ฮิ อาทมะโน บันดํุร
อาทไมวะ ริพุร อาทมะนะฮฺ
อุดดฺะเรทฺ - เราต้องส่ง, อาทมะนาฺ - ด้วยจิตใจ, อาทมานัมฺ - พันธวิญญาณ, นะฺ - ไม่เคย, อาทมานัมฺ - พันธวิญญาณ, อวะสาดะเยทฺ - ทำให้ตกต่ำลง, อาทมาฺ - จิตใจ, เอวะฺ - แน่นอน, ฮิฺ - อันที่จริง, อาทมะนะฮฺ - ของพันธวิญญาณ, บันดํุฮฺ - เพื่อน, อาทมาฺ - จิตใจ, เอวะฺ - แน่นอน, ริพุฮฺ - ศัตรู, อาทมะนะฮฺ - ของพันธวิญญาณ
คำแปลฺ
เขาต้องจัดส่งตนเองด้วยการช่วยเหลือจากจิตใจของตน มิใช่ทำตัวให้ตกต่ำลงจิตใจเป็นทั้งเพื่อนและศัตรูของพันธวิญญาณ
คำอธิบายฺ
คำว่า อาทมาฺ หมายถึง ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ในระบบโยคะ จิตใจของพันธวิญญาณสำคัญมาก เพราะว่าจิตใจเป็นศูนย์กลางของการฝึกปฏิบัติโยคะ ณ ที่นี้ อาทมาฺ หมายถึงจิตใจ จุดมุ่งหมายของระบบโยคะ เพื่อควบคุมจิตใจและดึงให้จิตใจออกห่างจากการยึดติดกับอายตนะภายนอกได้เน้นไว้ ณ ที่นี้ว่าจิตใจจะต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อจัดส่งพันธวิญญาณจากหล่มแห่งอวิชชา ในความเป็นอยู่ทางวัตถุ เขาอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลของจิตใจและประสาทสัมผัส อันที่จริงดวงวิญญาณบริสุทธิ์ถูกพันธนาการอยู่ในโลกวัตถุเพราะว่าจิตใจถูกอหังการพัวพัน ซึ่งทำให้ต้องการเป็นเจ้าครอบครองธรรมชาติวัตถุ ฉะนั้น จิตใจควรได้รับการฝึกฝนเพื่อไม่ให้ไปหลงใหลกับแสงสีของธรรมชาติวัตถุ ด้วยวิธีนี้พันธวิญญาณอาจได้รับความปลอดภัย เราไม่ควรทำตัวเองให้ตกต่ำลงด้วยการไปหลงใหลกับอายตนะภายนอก หากไปหลงใหลกับอายตนะภายนอกมากเท่าไร เราจะถูกพันธนาการในความเป็นอยู่ทางวัตถุมากเท่านั้น วิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้ตนเองถูกพันธนาการคือ ให้จิตใจปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ คำว่า ฮิฺ ใช้เพื่อเน้นจุดนี้ ตัวอย่างเช่น เรา ต้องฺทำเช่นนี้ ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า
มะนะ เอวะ มะนุชยาณาม
คาระณัม บันดฺะ-โมคชะโยฮฺ
บันดฺายะ วิชะยาสังโก
มุคทไย นิรวิชะยัม มะนะฮฺ
“สำหรับมนุษย์ จิตใจเป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการ และจิตใจก็เป็นต้นเหตุแห่งความหลุดพ้น จิตใจที่ซึมซาบอยู่กับอายตนะภายนอกเป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการ และจิตใจที่ไม่ยึดติดกับอายตนะภายนอกเป็นต้นเหตุแห่งความหลุดพ้น” (อมริทะ-บินดุ อุพะนิชัดฺ 2 )ฉะนั้น จิตใจที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอเป็นต้นเหตุแห่งความหลุดพ้นสูงสุด
บันดํุร อาทมาทมะนัส ทัสยะ
เยนาทไมวาทมะนา จิทะฮฺ
อนาทมะนัส ทุ ชัทรุทเว
วารเททาทไมวะ ชัทรุ-วัทฺ
บันดํุฮฺ - เพื่อน, อาทมาฺ - จิตใจ, อาทมะนะฮฺ - ของสิ่งมีชีวิต, ทัสยะฺ - ของเขา, เยนะฺ - ผู้ซึ่ง, อาทมาฺ - จิตใจ, เอวะฺ - แน่นอน, อาทมะนาฺ - โดยสิ่งมีชีวิต, จิทะฮฺ - ได้รับชัยชนะ, อนาทมะ นะฮฺ - ของผู้ที่ไม่สามารถควบคุมจิตใจได้, ทฺุ - แต่, ชัทรุทเวฺ - เพราะศัตรู, วารเททะฺ - ยังคง, อาทมา เอวะฺ - จิตใจนั้น, ชัทรุ-วัทฺ - ในฐานะศัตรู
คำแปลฺ
สำหรับผู้ที่เอาชนะจิตใจตนเองได้จิตใจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด แต่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเอาชนะจิตใจของตนเองได้ จิตใจของเขายังคงเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด
คำอธิบายฺ
จุดมุ่งหมายของการฝึกปฏิบัติโยคะแปดระดับก็เพื่อควบคุมจิตใจในการปฏิบัติภารกิจของมนุษย์ นอกจากว่าจิตใจจะอยู่ภายใต้การควบคุม มิฉะนั้น การฝึกปฏิบัติโยคะ (เพื่ออวด) เป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมจิตใจของตนเองได้มีชีวิตอยู่กับศัตรูที่ร้ายกาจเสมอ ดังนั้น ทั้งชีวิตและจุดมุ่งหมายของชีวิตของเขาจะถูกทำลายลง สถานภาพพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตคือการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ที่สูงกว่าตราบใดที่จิตใจยังคงเป็นศัตรูที่เอาชนะไม่ได้ เขาจะต้องรับใช้ตามคำสั่งของราคะ ความโกรธ ความโลภ ความหลง ฯลฯ แต่เมื่อเอาชนะจิตใจได้แล้ว เขาอาสาตกลงปลงใจปฏิบัติตามคำสั่งของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้ทรงสถิตในหัวใจของทุก ๆ คนในรูปของ พะระมาทมาฺ การปฏิบัติโยคะที่แท้จริงจะนำเรามาพบ พะระมาทมาฺ ภายในหัวใจจากนั้นก็ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ สำหรับผู้ที่รับเอาคริชณะจิตสำนึกมาปฏิบัติโดยตรง การศิโรราบอย่างสมบูรณ์ต่อคำสั่งขององค์ภควานจะตามมาโดยปริยาย
จิทาทมะนะฮ พระชานทัสยะ
พะระมาทมา สะมาฮิทะฮฺ
ชีโทชณะ-สุคฺะ-ดุฮเคชุ
ทะทฺา มานาพะมานะโยฮฺ
จิทะ-อาทมะนะฮฺ - ของผู้ที่เอาชนะจิตใจตนเองได้แล้ว, พระชานทัสยะฺ - ผู้ได้รับความสงบด้วยการควบคุมจิตใจ, พะระมะ-อาทมาฺ - อภิวิญญาณ, สะมาฮิทะฮฺ - เข้าพบอย่างสมบูรณ์, ชีทะฺ - ในความเย็น, อุชณะฺ - ความร้อน, สุคฺะฺ - ความสุข, ดุฮเคฺชฺุ - และความทุกข์, ทะทฺาฺ - เช่นกัน, มานะฺ - ในเกียรติยศ, อพะมานะโยฮฺ - และไร้เกียรติยศ
คำแปลฺ
สำหรับผู้ที่เอาชนะจิตใจตนเองได้ บรรลุถึงองค์อภิวิญญาณเรียบร้อยแล้ว และได้รับความสงบ บุคคลเช่นนี้ความสุขและความทุกข์ ความร้อนและความเย็นการได้เกียรติและการเสียเกียรติ ทั้งหมดมีค่าเท่ากัน
คำอธิบายฺ
อันที่จริงทุกชีวิตมีจุดมุ่งหมายเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกคนในรูป พะระมาทมาฺ เมื่อจิตใจได้ถูกพลังงานแห่งความหลงภายนอกนำไปในทางที่ผิด เขาจะถูกพันธนาการอยู่ในกิจกรรมทางวัตถุ ฉะนั้น ทันทีที่ควบคุมจิตใจได้ด้วยหนึ่งในวิธีของระบบโยคะ พิจารณาได้ว่าเขาบรรลุถึงจุดหมายปลายทางแล้ว เขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้ที่สูงกว่า เมื่อจิตใจตั้งมั่นอยู่ที่ธรรมชาติที่สูงกว่า จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ภควานจิตใจต้องยอมรับคำสั่งที่สูงกว่าและปฏิบัติตามนั้น ผลแห่งการควบคุมจิตใจได้คือปฏิบัติตามคำสั่งของ พะระมาทมาฺ หรือองค์อภิวิญญาณโดยปริยาย เพราะว่าผู้ที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกบรรลุถึงสถานภาพทิพย์นี้ได้โดยทันที สาวกขององค์ภควานไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งคู่ที่มีอยู่ทางวัตถุ เช่น ความทุกข์และความสุข ความเย็นและความร้อน ฯลฯระดับนี้คือการปฏิบัติ สะมาดิฺ หรือซึมซาบอยู่ในองค์ภควาน
กยานะ-วิกยานะ-ทริพทาทมา
คูทะ-สโทฺ วิจิเทนดริยะฮฺ
ยุคทะ อิทิ อุชยะเท โยกี
สะมะ-โลชทราชมะ-คานชะนะฮฺ
กยานะฺ - ด้วยความรู้ที่เรียนมา, วิกยานะฺ - และความรู้แจ้งจากการปฏิบัติ, ทริพทะฺ - พึงพอใจ, อาทมาฺ - สิ่งมีชีวิต, คูทะ-สทฺะฮฺ - สถิตในระดับทิพย์, วิจิทะ-อินดริยะฮฺ - ควบคุมประสาทสัมผัส, ยุคทะฮฺ - สามารถรู้แจ้งตนเอง, อิทิฺ - ดังนั้น, อุชยะเทฺ - กล่าวว่า, โยกีฺ - โยคี, สะมะฺ - เที่ยงตรง, โลชทระฺ - กรวด, อัชมะฺ - หิน, คานชะนะฮฺ - ทอง
คำแปลฺ
ผู้ที่สถิตในความรู้แจ้งแห่งตนเรียกว่าโยคี (หรือผู้มีฤทธิ์ ) เมื่อเขามีความพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยมในบุญบารมีแห่งความรู้และความรู้แจ้งที่ได้รับ บุคคลเช่นนี้สถิตในระดับทิพย์เป็นผู้ควบคุมตนเองได้ เขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นก้อนกรวด ก้อนหิน หรือทองคำ ว่ามีค่าเท่ากัน
คำอธิบายฺ
ความรู้จากหนังสือโดยปราศจากความรู้แจ้งแห่งสัจธรรมสูงสุดนั้นไร้ประโยชน์ได้กล่าวไว้ดังต่อไปนี้
อทะฮ ชรี-คริชณะ-นามาดิ
นะ บฺะเวด กราฮยัม อินดริไยฮฺ
เสโวนมุเคฮ ฮิ จิฮวาโดฺ
สวะยัม เอวะ สพํุระทิ อดะฮฺ
“ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจธรรมชาติทิพย์แห่งพระนาม พระวรกาย คุณสมบัติ และลีลาขององค์ ชรีคริชณะด้วยประสาทสัมผัสวัตถุของตนที่มีมลทินได้ เมื่อเขามีความอิ่มเอิบทิพย์ด้วยการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควานเท่านั้น พระนามทิพย์ พระวรกายทิพย์ คุณสมบัติทิพย์และลีลาทิพย์ของพระองค์จะทรงปรากฏแก่เขา” (บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ1.2.234)
หนังสือ ภควัต-คีตาฺ นี้ เป็นศาสตร์แห่งคริชณะจิตสำนึก ไม่มีผู้ใดสามารถมาเป็นคริชณะจิตสำนึกได้ด้วยการศึกษาทางโลก เขาต้องโชคดีพอที่ได้มาคบหาสมาคมกับบุคคลผู้อยู่ในจิตสำนึกที่บริสุทธิ์ บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกมีความรู้แจ้งด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะ เพราะเขาพึงพอใจต่อการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ ด้วยความรู้แจ้งทำให้เขาสมบูรณ์ด้วยความรู้ทิพย์ทำให้เขาสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงในความมุ่งมั่น หากเพียงแต่เป็นความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียวอาจทำให้หลงผิดได้โดยง่ายดาย และเกิดสับสนจากการปรากฏที่ขัดกัน ดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งสามารถควบคุมตนเองได้อย่างแท้จริง เพราะเขาศิโรราบต่อคริชณะผู้ทรงอยู่ในระดับทิพย์ และเขาไม่มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับการศึกษาทางโลก การศึกษาทางโลกและการคาดคะเนทางจิตอาจดีเท่ากับทองคำสำหรับผู้อื่น แต่ไม่มีคุณค่ามากไปกว่าก้อนกรวดหรือก้อนหินสำหรับบุคคลผู้นี้
สุฮริน-มิทราริ อุดาสีนะ-
มัดฮยัสทฺะ-ดเวชยะ-บันดํุชฺุ
สาดํุชุ อพิ ชะ พาเพชุ
สะมะ-บุดดิฺร วิชิชยะเทฺ
สุ-ฮริทฺ - แด่ผู้ปรารถนาดีโดยธรรมชาติ, มิทระฺ - ผู้มีบุญคุณด้วยความรัก, อริฺ - ศัตรู, อุดา สีนะฺ - เป็นกลางระหว่างคู่ปรปักษ์, มัดฮยัสทฺะฺ - ผู้ปรองดองระหว่างคู่ปรปักษ์, ดเวชยะฺ - ผู้อิจฉา, บันดํุชฺุ - และญาติหรือผู้ปรารถนาดี, สาดํุชฺุ - แด่นักบุญ, อพิฺ - รวมทั้ง, ชะฺ - และ, พาเพชฺุ - แด่คนบาป, สะมะฺ - บุดดิฺฮฺ - มีปัญญาเสมอภาค, วิชิชยะเทฺ - สูงขึ้นไปอีก
คำแปลฺ
พิจารณาว่าบุคคลเจริญสูงขึ้นไปอีก เมื่อเขาเห็นผู้ปรารถนาดีที่ซื่อสัตย์ ผู้มีบุญคุณด้วยความรัก ผู้เป็นกลาง ผู้ปรองดอง ผู้อิจฉา มิตรและศัตรู นักบุญและคนบาป ทั้งหมดนี้เขาเห็นด้วยจิตใจที่เสมอภาค
โยกี ยุนจีทะ สะทะทัมฺ
อาทมานัม ระฮะสิ สทิฺทะฮฺ
เอคาคี ยะทะ-ชิททาทมา
นิราชีร อพะริกระฮะฮฺ
โยกีฺ - นักทิพย์นิยม, ยุนจีทะฺ - ต้องทำสมาธิในคริชณะจิตสำนึก, สะทะทัมฺ - ตลอดเวลา, อาทมานัมฺ - ตัวเขา (ด้วยร่างกาย จิตใจ และชีวิต ), ระฮะสิฺ - ในที่สันโดษ, สทิฺทะฮฺ - สถิต, เอคาคีฺ - คนเดียว, ยะทะ-ชิททะ-อาทมาฺ - ระวังอยู่ในจิตใจเสมอ, นิราชีฮฺ - ไม่ถูกสิ่งใดยั่วยวน, อพะริกระฮะฮฺ - ปราศจากความรู้สึกเป็นเจ้าของ
คำแปลฺ
นักทิพย์นิยมควรปฏิบัติด้วยร่างกาย จิตใจ และชีวิตในความสัมพันธ์กับองค์ภควานเสมอ เขาควรอยู่คนเดียวในที่สันโดษ ควรควบคุมจิตใจของตนเองด้วยความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา และควรเป็นอิสระจากความต้องการและความรู้สึกเป็นเจ้าของ
คำอธิบายฺ
ชรีคริชณะทรงรู้แจ้งได้ในระดับต่าง ๆ กันเช่น บระฮมัน. พะระมาทมา.ฺ และ ภควานฺ คริชณะจิตสำนึกหมายความอย่างตรงประเด็นว่า ปฏิบัติตนในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักแด่องค์ภควานอยู่เสมอ แต่พวกที่ยึดติดกับ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ หรือองค์อภิวิญญาณผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจก็เป็นส่วนหนึ่งของคริชณะจิตสำนึกเช่นกัน เพราะ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์เป็นรัศมีทิพย์ของคริชณะ และอภิวิญญาณทรงเป็นส่วนที่แยกออกมาจากคริชณะซึ่งแผ่กระจายไปทั่ว ดังนั้น ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์และนักปฏิบัติสมาธิก็มีคริชณะจิตสำนึกทางอ้อมเช่นกัน บุคคลในคริชณะจิตสำนึกโดยตรงเป็นนักทิพย์นิยมสูงสุด เพราะสาวกเช่นนี้ทราบว่า บระฮมันฺ และ พะระมาทมาฺ หมายความว่าอย่างไร ความรู้แห่งสัจธรรมของเขานั้นสมบูรณ์ ในขณะที่ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์และโยคีผู้ทำสมาธิมีคริชณะจิตสำนึกที่ไม่สมบูรณ์
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้ได้แนะนำไว้ ณ ที่นี้ให้ปฏิบัติในสายงานอาชีพของตนเองอยู่เสมอ เพื่ออาจมาถึงจุดสมบูรณ์สูงสุดได้ในไม่ช้าก็เร็ว ภารกิจข้อแรกของนักทิพย์นิยมคือตั้งจิตอยู่ที่คริชณะเสมอ เขาควรระลึกถึงคริชณะอยู่เสมอและไม่ลืมพระองค์แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว การตั้งจิตอยู่ที่องค์ภควานเรียกว่า สมาดิฺฺ หรือสมาธิ เพื่อให้จิตตั้งมั่นเขาควรดำรงอยู่อย่างสันโดษเสมอ และหลีกเลี่ยงการรบกวนจากอายตนะภายนอกควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการรับเอาสภาวะที่เอื้อประโยชน์ และปฏิเสธสภาวะที่ไม่เอื้อประโยชน์ที่จะมีผลกระทบต่อความรู้แจ้งแห่งตน และด้วยความมั่นใจอย่างสมบูรณ์ เขาไม่ควรทะเยอทะยานกับสิ่งของวัตถุที่ไม่จำเป็นซึ่งจะพันธนาการตนเองด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของ
ความสมบูรณ์และข้อควรระวังทั้งหมดนี้ปฏิบัติได้อย่างสมบูรณ์เมื่ออยู่ในคริชณะจิตสำนึกโดยตรง เพราะว่าคริชณะจิตสำนึกโดยตรงหมายถึงการสละทิ้งตนเองเช่นนี้ จึงเปิดโอกาสน้อยมากที่จะเป็นเจ้าของวัตถุ ชรีละ รูพะ โกสวามี แสดงลักษณะของคริชณะจิตสำนึกไว้ดังนี้
อนาสัคทัสยะ วิชะยาน
ยะทฺารฮัม อุพะยุนจะทะฮฺ
นิรบันดฺะฮ คริชณะ-สัมบันเดฺ
ยุคทัม ไวรากยัม อุชยะเทฺ
พราพันชิคะทะยา บุดดฺยา
ฮะริ-สัมบันดิฺ-วัสทุนะฮฺ
มุมุคชุบิฺฮ พะริทยาโก
ไวรากยัม พัฺลกุ คัทฮยะเทฺ
“เมื่อเขาไม่ยึดติดกับสิ่งใด แต่ในขณะเดียวกันยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในความสัมพันธ์กับคริชณะ เขาสถิตอย่างถูกต้องเหนือความเป็นเจ้าของ อีกด้านหนึ่ง ผู้ที่ปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างทุกสิ่งทุกอย่างกับคริชณะ การเสียสละของบุคคลนี้ไม่สมบูรณ์” (บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ 1.2.255-256 )
บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกทราบดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของคริชณะ ดังนั้น เขาจึงเป็นอิสระจากความรู้สึกเป็นเจ้าของส่วนตัวอยู่เสมอ เขาไม่มีความทะเยอทะยานไม่ว่าสิ่งใด ๆ สำหรับส่วนตัวทราบว่าควรรับเอาสิ่งต่าง ๆ มาส่งเสริมในคริชณะจิตสำนึกได้อย่างไร และทราบว่าควรปฏิเสธกับสิ่งที่ไม่ส่งเสริมในคริชณะจิตสำนึกได้อย่างไรเขาปลีกตัวออกห่างจากสิ่งของวัตถุเสมอเพราะอยู่ในระดับทิพย์ จะอยู่อย่างสันโดษเสมอ โดยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ไม่มีคริชณะจิตสำนึก ฉะนั้น บุคคลในคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นโยคีที่สมบูรณ์
ชุโช เดเช พระทิชทฺาพยะ
สทิฺรัม อาสะนัม อาทมะนะฮฺ
นาทิ-อุชชฺริทัม นาทิ-นีชัม
ไชลาจินะ-คุโชททะรัมฺ
ทะไทรคากรัม มะนะฮ คริทวา
ยะทะ-ชิทเทนดริยะ-คริยะฮฺ
อุพะวิชยาสะเน ยุนจยาด
โยกัม อาทมะ-วิชุดดฺะเยฺ
ชุโชฺ - ในความถูกต้อง, เดเชฺ - แผ่นดิน, พระทิชทฺาพยะฺ - วาง, สทิฺรัมฺ - มั่นคง, อาสะนัมฺ - ที่นั่ง, อาทมะนะฮฺ - ตัวเขา, นะฺ - ไม่, อทิฺ - เกินไป, อุชชฺริทัมฺ - สูง, นะฺ - ไม่, อทิฺ - เกินไป, นีชัมฺ - ต่ำ, ไชละ-อจินะฺ - ผ้านุ่มและหนังกวาง, คุชะฺ - และหญ้าคุชะ, อุททะรัมฺ - คลุม, ทะทระฺ - ข้างบน, เอคะ-อกรัมฺ - ตั้งใจเป็นหนึ่ง, มะนะฮฺ - จิตใจ, คริทวาฺ - ทำ, ยะทะ-ชิท ทะฺ - ควบคุมจิตใจ, อินดริยะฺ - ประสาทสัมผัส, คริยะฮฺ - และกิจกรรม, อุพะวิชยะฺ - นั่ง, อาสะเนฺ - บนที่นั่ง, ยุนจยาทฺ - ควรปฏิบัติ, โยกัมฺ - ฝึกปฏิบัติโยคะ, อาทมะฺ - หัวใจ, วิชุด- ดฺะเยฺ - เพื่อให้บริสุทธิ์
คำแปลฺ
ในการฝึกปฏิบัติโยคะ เขาควรไปสถานที่สันโดษและควรวางหญ้า คุชะ บนพื้นจากนั้นคลุมด้วยหนังกวางและผ้านุ่ม ที่นั่งไม่ควรสูงหรือต่ำเกินไป และควรสถิตในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ จากนั้นโยคีควรนั่งบนที่นั่งนี้ด้วยความแน่วแน่มั่นคงฝึกปฏิบัติโยคะเพื่อให้หัวใจสะอาดบริสุทธิ์ด้วยการควบคุมจิตใจ ประสาทสัมผัสและกิจกรรมของตนเอง ตั้งมั่นจิตอยู่ที่จุดเดียว
คำอธิบายฺ
“สถานที่ศักดิ์สิทธิ์”หมายถึงสถานที่ที่ควรเคารพสักการะ ในประเทศอินเดีย โยคี นักทิพย์นิยม หรือสาวก ทั้งหมดจะออกจากบ้านและไปพำนักอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระยากะ มะทํุรา วรินดาวะนะ ฮริชีเคชะฺ และ ฮารดวอร์ฺ ในความสันโดษจะฝึกปฏิบัติโยคะ ณ สถานที่ที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เช่น ยะมุนาและคงคาไหลผ่าน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไปไม่ได้โดยเฉพาะชาวตะวันตก สิ่งที่เรียกว่าสมาคมโยคะในเมืองใหญ่ ๆ อาจประสบความสำเร็จในผลกำไรทางวัตถุ แต่ว่าไม่เหมาะสมเลยในการฝึกปฏิบัติโยคะอย่างแท้จริง ผู้ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ และผู้ที่จิตใจไม่สงบไม่สามารถฝึกปฏิบัติสมาธิได้ ฉะนั้น ใน บริฮัน- นาระดียะ พุราณะฺ ได้กล่าวไว้ว่าใน คะลิ-ยุกะฺ (ยุคปัจจุบัน ) เมื่อคนทั่วไปมีอายุสั้น เฉื่อยชาในความรู้ทิพย์ และถูกรบกวนจากความวิตกกังวลต่าง ๆ นานาอยู่เสมอ วิธีที่ดีที่สุดในการรู้แจ้งทิพย์คือการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน
ฮะเรร นามะ ฮะเรร นามะ
ฮะเรร นาไมวะ เควะลัมฺ
คะโล นาสทิ เอวะ นาสทิ เอวะ
นาสทิ เอวะ กะทิร อันยะทฺาฺ
“ในยุคแห่งการทะเลาะวิวาทและมือถือสากปากถือศีลนี้ วิธีแห่งความหลุดพ้นคือการร้องเพลงสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน ไม่มีหนทางอื่นใด ไม่มีหนทางอื่นใด และไม่มีหนทางอื่นใด”
สะมัม คายะ-ชิโร-กรีวัม
ดฺาระยันน อชะลัม ชทิฺระฮฺ
สัมเพรคชยะ นาสิคากรัม สวัม
ดิชัช ชานะวะโลคะยันฺ
พระชานทาทมา วิกะทะ-บีฺร
บระฮมะชาริ-วระเท สทิฺทะฮฺ
มะนะฮ สัมยัมยะ มัช-ชิทโท
ยุคทะ อาสีทะ มัท-พะระฮฺ
สะมัมฺ - ตรง, คายะฺ - ร่างกาย, ชิระฮฺ - ศีรษะ, กรีวัมฺ - และคอ, ดฺาระยันฺ - รักษา, อชะลัมฺ - ไม่เคลื่อน, สทิฺระฮฺ - นิ่ง, สัมเพรคชยะฺ - มอง, นาสิคาฺ - ของจมูก, อกรัมฺ - ที่ปลาย, สวัมฺ - ตน, ดิชะฮฺ - รอบด้าน, ชะ-เช่นกัน, อนะวะโลคะยันฺ - ไม่มอง, พระชานทะฺ - ไม่เร่าร้อน, อาทมาฺ - จิตใจ, วิกะทะฺ - บีฺฮฺ - ปราศจากความกลัว, บระฮมะชาริ-วระเทฺ - ในการปฏิญาณพรหมจรรย์, สทิฺทะฮฺ - สถิต, มะนะฮฺ - จิตใจ, สัมยัมยะฺ - กำราบอย่างสมบูรณ์, มัทฺ - แด่ข้า (คริชณะ), ชิททะฮฺ - ตั้งสมาธิจิต, ยุคทะฮฺ - โยคีที่แท้จริง, อาสีทะฺ - ควรนั่ง, มัทฺ - ข้า, พะระฮฺ - เป้าหมายสูงสุด
คำแปลฺ
เขาควรตั้งร่างกาย คอ และศีรษะให้เป็นเส้นตรง จ้องไปที่ปลายจมูกอย่างแน่วแน่และด้วยจิตใจที่สงบนิ่งไม่หวั่นไหว ปราศจากความกลัว เป็นอิสระจากชีวิตเพศสัมพันธ์โดยสมบูรณ์ ภายในหัวใจเขาควรทำสมาธิอยู่ที่ข้า และให้ข้าเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดแห่งชีวิต
คำอธิบายฺ
จุดมุ่งหมายแห่งชีวิตคือรู้จักคริชณะผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกๆ ชีวิตในรูปของ พะระมาทมาฺ หรือพระวิชณุสี่กร วิธีปฏิบัติโยคะก็เพื่อค้นหาและพบเห็นพระวิชณุภายในตัวเรานี้ มิใช่เพื่อจุดมุ่งหมายอย่างอื่น วิชณุ-มูรทิฺ ภายในร่างกายทรงเป็นผู้แทนที่แยกมาจากคริชณะและทรงประทับอยู่ในหัวใจของทุกคน ผู้ที่ไม่มีแผนเพื่อรู้แจ้ง วิชณุ-มูรทิฺ นี้ ฝึกปฏิบัติโยคะแบบหลอก ๆ ไร้ประโยชน์ และสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน คริชณะทรงเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต และ วิชณุ- มูรทิฺ ทรงสถิตภายในหัวใจของทุกคน ทรงเป็นเป้าหมายแห่งการฝึกปฏิบัติโยคะ การรู้แจ้ง วิชณุ-มูรทิฺ ภายในหัวใจนี้ต้องถือเพศพรหมจรรย์อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น เขาต้องออกจากบ้านไปอยู่คนเดียวในสถานที่สันโดษและนั่งเหมือนดังที่ได้กล่าวมาแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่มาหาความสุขประจำวันกับเพศสัมพันธ์ที่บ้านหรือที่ใด เสร็จแล้วไปห้องเรียนที่เรียกว่าโยคะ แล้วจะกลายมาเป็นโยคี เขาต้องฝึกปฏิบัติควบคุมจิตใจและหลีกเลี่ยงการสนองประสาทสัมผัสทั้งหมดซึ่งมีเพศสัมพันธ์เป็นตัวนำ ในกฎแห่งพรหมจรรย์ นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ยากยะวัลคยะ ได้เขียนไว้ดังนี้
คารมะณา มะนะสา วาชา
สารวาวัสทฺาสุ สารวะดาฺ
สารวะทระ ไมทํุนะ-ทยาโก
บระฮมะชารยัม พระชัคชะเทฺ
”คาปฏิญาณของ บระฮมะชารยะฺ เพื่อช่วยให้หลีกเลี่ยงการปล่อยตัวทางเพศ ในการทำงาน ในคำพูด และในจิตใจ อย่างสมบูรณ์ตลอดเวลา ภายใต้ทุกสถานการณ์และทุกสถานที่” ไม่มีใครสามารถฝึกปฏิบัติโยคะได้อย่างถูกต้องด้วยการปล่อยตัวทางเพศดังนั้น บระฮมะชารยะฺ ได้ถูกสั่งสอนตั้งแต่เด็กเมื่อเขายังไม่มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตเพศสัมพันธ์ เด็ก ๆ อายุห้าขวบจะถูกส่งไปที่ กุรุ-คุละฺ หรือสถานที่ของพระอาจารย์ทิพย์และพระอาจารย์จะฝึกฝนเด็กน้อยเหล่านี้ให้มีระเบียบวินัยเคร่งครัดมาเป็น บระฮมะชารีฺปราศจากการฝึกปฏิบัติเช่นนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถทำความเจริญก้าวหน้าไม่ว่าในโยคะประเภทใด ดฺยานะ. กยานะ.ฺ หรือ บัฺคธิฺ อย่างไรก็ดี ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ชีวิตสมรสมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของตนเองเท่านั้น (และอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เช่นเดียวกัน) เรียกว่า บระฮมะชารีฺ เหมือนกัน คฤหัสถ์บระฮมะชารีฺ ที่ควบคุมได้เช่นนี้สถาบัน บัฺคธิฺ ยอมรับแต่สถาบัน กยานะ.ฺ และ ดฺยานะฺ ไม่ยอมรับแม้แต่คฤหัสถ์ บระฮมะชารีฺ พวกเขาต้องการพรหมจรรย์อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการประนีประนอม ในสถาบัน บัฺคธิฺ อนุญาตคฤหัสถ์ บระฮมะชารีฺ ที่ควบคุมชีวิตเพศสัมพันธ์ได้ เพราะวัฒนาธรรม ภักดี-โยคะฺ มีพลังอำนาจมากซึ่งจะทำให้สูญเสียความหลงใหลทางเพศสัมพันธ์ไปโดยปริยาย ด้วยการปฏิบัติรับใช้ต่อองค์ภควานที่สูงกว่า ได้กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตาฺ (2.59 ) ว่า
วิชะยา วินิวารทันเท
นิราฮารัสยะ เดฮินะฮฺ
ระสะ-วารจัม ระโส ่พิ อัสยะ
พะรัม ดริชทวา นิวารทะเทฺ
ขณะที่ผู้อื่นถูกบังคับให้ควบคุมตนเองจากการสนองประสาทสัมผัส สาวกขององค์ภควานละเว้นได้โดยปริยายเพราะได้รับรสที่สูงกว่า นอกจากสาวกแล้วไม่มีผู้ใดมีข้อมูลเกี่ยวกับรสที่สูงกว่านี้
วิกะทะ-บีฺฮฺ บุคคลจะปราศจากความกลัวไม่ได้ นอกจากจะมีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ พันธวิญญาณมีความกลัวเนื่องมาจากความจำที่กลับตาลปัตรหรือลืมความสัมพันธ์นิรันดรของตนกับคริชณะ บฺากะวะธัมฺ (11.2.37 ) กล่าวว่า บฺะยัม ดวิทียาบิฺนิเวชะทะฮ สยาด อีชาด อเพทัสยะ วิพารยะโย ่สมริทิฮฺ คริชณะจิตสำนึกเป็นพื้นฐานเดียวที่ไร้ความกลัว ฉะนั้น การปฏิบัติที่สมบูรณ์จึงเป็นไปได้สำหรับบุคคลในคริชณะจิตสำนึกเพราะว่าจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติโยคะเพื่อเห็นองค์ภควานอยู่ภายในบุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นโยคีที่ดีที่สุดในบรรดาโยคีทั้งหลาย หลักธรรมของระบบโยคะที่กล่าว ณ ที่นี้แตกต่างจากสิ่งที่เรียกว่าสมาคมโยคะที่ได้รับความนิยมกันอยู่
ยุนจันน เอวัม สะดาทมานัม
โยกี นิยะทะ-มานะสะฮฺ
ชานทิม นิรวารณะ-พะระมาม
มัท-สัมสทฺาม อดิฺกัชชฺะทิฺ
ยุนจันฺ - ปฏิบัติ, เอวัมฺ - ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว, สะดาฺ - อยู่เสมอ, อาทมานัมฺ - ร่างกายจิตใจและวิญญาณ, โยกีฺ - นักทิพย์นิยมผู้มีฤทธิ์, นิยะทะ-มานะสะฮฺ - ด้วยจิตใจที่ประมาณได้, ชานทิมฺ - ความสงบ, นิวาณะ-พะระมามฺ - หยุดความเป็นอยู่ทางวัตถุ, มัท-สัมสทฺามฺ - ท้องฟ้าทิพย์ (อาณาจักรแห่งองค์ภควาน ), อดิฺกัชชฺะทิฺ - บรรลุ
คำแปลฺ
จากการฝึกปฏิบัติการควบคุมร่างกาย จิตใจ และกิจกรรมอยู่เสมอ นักทิพย์นิยมผู้มีฤทธิ์สามารถประมาณจิตใจของตนเองได้ และบรรลุถึงอาณาจักรแห่งองค์ภควาน (หรือพระตำหนักของคริชณะ ) ด้วยการยุติความเป็นอยู่ทางวัตถุ
คำอธิบายฺ
จุดมุ่งหมายสูงสุดในการฝึกปฏิบัติโยคะได้อธิบายอย่างชัดเจน ณ ที่นี้ การฝึกปฏิบัติโยคะมิใช่เพื่อบรรลุผลประโยชน์ทางวัตถุใด ๆ แต่เพื่อให้สามารถหยุดความเป็นอยู่ทางวัตถุทั้งปวง ผู้ที่แสวงหาการพัฒนาสุขภาพหรือมุ่งหวังความสมบูรณ์ทางวัตถุไม่ใช่โยคี ตาม ภควัต-คีตาฺ การหยุดความเป็นอยู่ทางวัตถุก็มิใช่การนำให้เข้าไปสู่“ความว่างเปล่า” ซึ่งเป็นเพียงความเร้นลับเท่านั้น ไม่มีความว่างเปล่า ณ ที่ใด ภายในการสร้างขององค์ภควาน แต่การหยุดความเป็นอยู่ทางวัตถุจะนำให้เข้าไปสู่ท้องฟ้าทิพย์พระตำหนักขององค์ภควาน พระตำหนักขององค์ภควานได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนใน ภควัต-คีตาฺ เช่นกันว่าเป็นสถานที่ที่ไม่จำเป็นต้องมีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ หรือไฟฟ้าดาวเคราะห์ทั้งหลายในอาณาจักรทิพย์มีรัศมีในตัวเอง เหมือนดวงอาทิตย์ในท้องฟ้าวัตถุ อาณาจักรขององค์ภควานจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่ท้องฟ้าทิพย์และดาวเคราะห์ที่นั่นเรียกว่า พะรัม ดฺามะฺ หรือที่พำนักพักพิงที่สูงกว่า
โยคีผู้สำเร็จเข้าใจองค์ชรีคริชณะอย่างสมบูรณ์ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน ณ ที่นี้โดยองค์ภควานเองว่า (มัท-ชิททะฮ, มัท-พะระฮ, มัท-สทฺานัมฺ ) เขาสามารถได้รับความสงบอย่างแท้จริงและในที่สุดสามารถบรรลุถึงพระตำหนักสูงสุดขององค์ภควาน คริชณะโลคะฺ มีนามว่า โกโลคะ วรินดาวะนะฺ ใน บระฮมะ-สัมฮิทาฺ (5.37 )ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า โกโลคะ เอวะ นิวะสะทิ อคิฺลาทมะ-บํูทะฮฺ ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ที่พระตำหนัก โกโลคะฺ ของพระองค์อยู่เสมอ แต่พระองค์ทรงเป็น บระฮมันฺที่แผ่กระจายไปทั่ว และทรงเป็น พะระมาทมาฺ ผู้ทรงประทับอยู่ในทุกร่างเช่นกันด้วยพลังงานทิพย์ที่สูงกว่าของพระองค์ ไม่มีใครสามารถบรรลุถึงท้องฟ้าทิพย์ (ไวคุณธฺะฺ)หรือเข้าไปในพระตำหนักอมตะของพระองค์ (โกโลคะ วรินดาวะนะฺ) ได้ โดยปราศจากความเข้าใจคริชณะและอวตารในรูปวิชณุของพระองค์อย่างถูกต้อง ฉะนั้น บุคคลผู้ทำงานในคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นโยคีที่สมบูรณ์ เพราะว่าจิตใจของเขาซึบซาบอยู่ในกิจกรรมของคริชณะเสมอ (สะ ไว มะนะฮ คริชณะ-พะดาระวินดะโยฮฺ ) ในคัมภีร์พระเวท(ชเวทาชวะทะระ อุพะนิชัดฺ 3.8 ) เราได้เรียนรู้เช่นกันว่า ทัม เอวะ วิดิทวาทิ มริทยุม เอทิฺ“เขาสามารถข้ามพ้นวิถีแห่งการเกิดและการตายด้วยการเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า คริชณะ เท่านั้น” หรืออีกนัยหนึ่ง ความสมบูรณ์ของระบบโยคะคือบรรลุถึงเสรีภาพจากความเป็นอยู่ทางวัตถุ ไม่ใช่มายากล หรือการแสดงท่ากายกรรมเพื่อหลอกลวงประชาชนผู้พาซื่อ
นาทิ-อัชนะทัส ทุ โยโก ่สทิ
นะ ไชคานทัม อนัชนะทะฮฺ
นะ ชาทิ-สวัพนะ-ชีลัสยะ
จากระโท ไนวะ ชารจุนะฺ
นะฺ - ไม่เคย, อทิฺ - มากไป, อัชนะทะฮฺ - ของผู้รับประทาน, ทฺุ - แต่, โยกะฮฺ - เชื่อมสัมพันธ์กับองค์ภควาน, อัสทิฺ - มี, นะฺ - ไม่, ชะฺ - เช่นกัน, เอคานทัมฺ - มากไป, อนัชนะทะฮฺ - ไม่ฟุ่มเฟือยในการกิน, นะฺ - ไม่, ชะฺ - เช่นกัน, อทิฺ - มากไป, สวัพนะ-ชีลัสยะฺ - ของผู้นอน, จากระทะฮฺ - หรือผู้ที่ตื่นตอนกลางคืนมากเกินไป, นะฺ - ไม่, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - และ, อารจุนะฺ - โอ้อารจุนะ
คำแปลฺ
โอ้ อารจุนะ เป็นไปไม่ได้ที่บุคคลจะมาเป็นโยคี หากเขากินมากเกินไปหรือกินน้อยเกินไป นอนมากเกินไปหรือนอนไม่พอ
คำอธิบายฺ
การประมาณการกินและการนอนได้แนะนำไว้ ณ ที่นี้สำหรับโยคี กินมากเกินไปหมายถึงกินเกินความจำเป็นที่จะดำรงรักษาร่างกายและวิญญาณไว้ด้วยกัน ไม่มีความจำเป็นที่มนุษย์ต้องกินสัตว์เพราะมีอาหารมากมายเช่น เมล็ดข้าวต่าง ๆ ผัก ผลไม้และนม อาหารง่าย ๆ เหล่านี้จัดอยู่ในระดับแห่งความดีตาม ภควัต-คีตาฺ ผลิตภัณฑ์จากสัตว์จัดอยู่ในระดับอวิชชา ฉะนั้น พวกที่ชอบกินเนื้อสัตว์ ชอบดื่มสุรา ชอบเสพสิ่งเสพติดและกินอาหารที่ไม่ถวายให้คริชณะก่อน จะได้รับความทุกข์จากวิบากกรรมเพราะกินแต่ของที่เป็นพิษทั้งนั้น บํุนจะเท เท ทุ อกัฺม พาพา เย พะชันทิ อาทมะ-คาระณาทฺ ผู้ใดที่กินเพื่อความสุขของประสาทสัมผัส หรือปรุงอาหารสำหรับตนเองไม่ถวายอาหารให้คริชณะ จะกินแต่ความบาปเท่านั้น ผู้ที่กินความบาปและกินเกินกว่าที่กำหนดไว้สำหรับตนไม่สามารถปฏิบัติโยคะได้อย่างสมบูรณ์ วิธีที่ดีที่สุดคือกินเฉพาะพระสาดัมฺ อาหารที่เหลือหลังจากการถวายให้คริชณะแล้ว บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่กินอะไรที่ไม่ถวายให้คริชณะก่อน ฉะนั้น บุคคลในคริชณะจิตสำนึกจึงสามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์ในการปฏิบัติโยคะ ผู้ที่อดอาหารแบบฝืนธรรมชาติ คิดค้นวิธีการอดอาหารขึ้นมาเองไม่สามารถฝึกปฏิบัติโยคะได้ บุคคลในคริชณะจิตสำนึกอดอาหารตามที่พระคัมภีร์ได้แนะนำไว้ และไม่อดอาหารหรือกินมากเกินความจำเป็น ดังนั้น เขาจึงสามารถฝึกปฏิบัติโยคะได้ ผู้ที่กินมากเกินความจำเป็นจะฝันมากในขณะหลับ ดังนั้น จึงต้องนอนมากเกินความจำเป็น เราไม่ควรนอนมากกว่าหกชั่วโมงต่อวัน ผู้ที่นอนมากกว่าหกชั่วโมงในยี่สิบสี่ชั่วโมงแน่นอนว่าถูกอิทธิพลของระดับอวิชชาครอบงำ บุคคลผู้อยู่ในระดับอวิชชาจะมีความเกียจคร้านและชอบนอนมาก บุคคลเช่นนี้ไม่สามารถปฏิบัติโยคะได้
ยุคทาฮาระ-วิฮารัสยะ
ยุคทะ-เชชทัสยะ คารมะสฺุ
ยุคทะ-สวัพนาวะโบดัฺสยะ
โยโก บฺะวะทิ ดุฮคะ-ฮาฺ
ยุคทะฺ - ประมาณ, อาฮาระฺ - การกิน, วิฮารัสยะฺ - การพักผ่อนหย่อนใจ, ยุคทะฺ - ประมาณ, เชชทัสยะฺ - ของผู้ทำงานเพื่อการดำรงชีวิต, คารมะสฺุ - ในการปฏิบัติหน้าที่, ยุคทะฺ - ประมาณ, สวัพนะฺ - อวะโบดัฺสยะฺ - นอนและตื่น, โยกะฮฺ - ฝึกปฏิบัติโยคะ, บฺะวะทิฺ - มาเป็น, ดุฮคฺะฺ - ฮาฺ - ความเจ็บปวดหายไป
คำแปลฺ
ผู้ที่ประมาณนิสัยในการกิน การนอน การพักผ่อนหย่อนใจ และการทำงานสามารถขจัดความเจ็บปวดทางวัตถุทั้งปวงได้ ด้วยการฝึกปฏิบัติตามระบบโยคะ
คำอธิบายฺ
ความสุรุ่ยสุร่ายในเรื่องของการกิน การนอน การป้องกันตัว และเพศสัมพันธ์ซึ่งเป็นอุปสงค์ของร่างกาย จะขวางกั้นความเจริญก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติโยคะ เกี่ยวกับการกิน สามารถประมาณได้เมื่อเราฝึกยอมรับและกินเฉพาะ พระสาดัมฺ อาหารทิพย์เท่านั้น ตาม ภควัต-คีตาฺ (9.26) คริชณะทรงรับการถวายพวกผัก แป้ง ผลไม้ข้าว นม ฯลฯ เช่นนี้ บุคคลในคริชณะจิตสำนึกได้รับการฝึกฝนให้ไม่กินอาหารที่ไม่ใช่เป็นอาหารของมนุษย์ หรืออาหารที่ไม่อยู่ในประเภทแห่งความดีโดยปริยาย เกี่ยวกับการนอนบุคคลในคริชณะจิตสำนึกจะตื่นอยู่เสมอกับการปฏิบัติหน้าที่ในคริชณะจิตสำนึกดังนั้น เวลาที่สูญเสียไปในการนอนโดยไม่จำเป็นถือว่าเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง อัพยารทฺะ-คาลัทวัมฺ บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่สามารถทนได้ต่อเวลาแม้หนึ่งนาทีของชีวิตที่ผ่านไปโดยไม่ปฏิบัติตนรับใช้องค์ภควาน ฉะนั้น การนอนจึงจำกัดไว้ให้น้อยที่สุด ตัวอย่างที่ดีเลิศในเรื่องนี้ได้แก่ ชรีละ รูพะ โกสวามี ผู้ปฏิบัติตนรับใช้คริชณะอยู่เสมอ และไม่สามารถนอนเกินสองชั่วโมงต่อวัน บางครั้งก็น้อยกว่านี้ ทฺาคุระ ฮะริดาสะ ไม่รับประทาน พระสาดัมฺ และไม่นอนแม้แต่นาทีเดียวหากไม่เสร็จสิ้นการสวดมนต์ภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ประจำวันบนประคำสามแสนพระนาม เกี่ยวกับเรื่องงาน บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่ทำอะไรที่ไม่สัมพันธ์กับจุดประสงค์ของคริชณะ ดังนั้น งานของเขาจึงพอประมาณอยู่เสมอและไร้มลทินจากการสนองประสาทสัมผัสเนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับการสนองประสาทสัมผัสบุคคลในคริชณะจิตสำนึกจึงไม่มีเวลาปล่อยสบายทางวัตถุ เพราะว่าเขาประมาณในการทำงาน การพูด การนอน การตื่นและกิจกรรมอื่น ๆ ของร่างกายทั้งหมด จึงไม่มีความทุกข์ทางวัตถุสำหรับเขา
ยะดา วินิยะทัม ชิททัม
อาทมะนิ เอวาวะทิชทฺะเทฺ
นิสพริฮะฮ สารวะ-คาเมบฺโย
ยุคทะ อิทิ อุชยะเท ทะดาฺ
ยะดาฺ - เมื่อ, วินิยะทัมฺ - มีระเบียบวินัย, ชิททัมฺ - จิตใจและกิจกรรมของจิต, อาทมะนิฺ - ในความเป็นทิพย์, เอวะฺ - แน่นอน, อวะทิชทฺะเทฺ - สถิต, นิสพริฮะฮฺ - ปราศจากความต้องการ, สารวะฺ - สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง, คาเมบฺยะฮฺ - การสนองประสาทสัมผัสวัตถุ, ยุคทะฮฺ - สถิตอย่างดีในโยคะ, อิทิฺ - ดังนั้น, อุชยะเทฺ - กล่าวว่า, ทะดาฺ - ในขณะนั้น
คำแปลฺ
เมื่อโยคีฝึกปฏิบัติโยคะ ทำให้กิจกรรมของจิตมีระเบียบวินัย และสถิตในความเป็นทิพย์ปราศจากความต้องการทางวัตถุทั้งปวง กล่าวว่าเขาสถิตอย่างดีในโยคะ
คำอธิบายฺ
กิจกรรมของโยคีแตกต่างจากบุคคลธรรมดาทั่วไปด้วยลักษณะที่หยุดจากความต้องการทางวัตถุทั้งปวงซึ่งมีเพศสัมพันธ์เป็นตัวนำ โยคีผู้สมบูรณ์มีระเบียบวินัยอย่างดีในกิจกรรมของจิตใจที่ทำให้ตัวเขาไม่ถูกรบกวนจากความต้องการทางวัตถุใด ๆทั้งสิ้น ระดับอันสมบูรณ์เช่นนี้บุคคลในคริชณะจิตสำนึกบรรลุได้โดยปริยาย ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ (9.4.18-20 )
สะ ไว มะนะฮ คริชณะ-พะดาระวินดะโยร
วะชามสิ ไวคุณธฺะ-กุณานุวารณะเนฺ
คะโร ฮะเรร มันดิระ-มารจะนาดิชุ
ชรุทิม ชะคาราชยุทะ-สัท-คะโทฺดะเยฺ
มุคุนดะ-ลิงกาละยะ-ดารชะเน ดริโช
ทัด-บฺริทยะ-กาทระ-สพารเช ่งกะ-สังกะมัม
กฺราณัม ชะ ทัท-พาดะ-สะโรจะ-โสระเบฺ
ชรีมัท-ทุลัสยา ระสะนาม ทัด-อารพิเทฺ
พาโด ฮะเรฮ คเชทระ-พะดานุสารพะเณ
ชิโร ฮริชีเคชะ-พะดาบิฺวันดะเนฺ
คามัม ชะ ดาสเย นะ ทุ คามะ-คามยะยา
ยะโทฺททะมะ-ชโลคะ-จะนาชระยา ระทิฮฺ
“พระราชา อัมบะรีชะ ครั้งแรกทรงใช้พระจิตของพระองค์ตั้งอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวขององค์ชรีคริชณะ จากนั้นทรงใช้พระดำรัสอธิบายคุณสมบัติทิพย์ของคริชณะพระหัตถ์ทำความสะอาดวัดของคริชณะ พระกรรณสดับฟังกิจกรรมของคริชณะพระเนตรมองรูปลักษณ์ทิพย์ของคริชณะ พระวรกายสัมผัสร่างกายของสาวก ทรงใช้ประสาทสัมผัสดมกลิ่นหอมจากดอกบัวที่ถวายให้คริชณะ พระชิวหาลิ้มรสใบทุละสีที่ถวายแด่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ พระบาทเสด็จไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และวัดของคริชณะ พระเศียรถวายความเคารพแด่คริชณะ และพระราชดำริปฏิบัติพระภารกิจของคริชณะ กิจกรรมทิพย์ทั้งหลายเหล่านี้ เหมาะสมสำหรับสาวกผู้บริสุทธิ์”
ระดับทิพย์นี้ผู้ปฏิบัติตามวิถีทางที่ไร้รูปลักษณ์ไม่สามารถแสดงออกให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ แต่เป็นสิ่งที่ง่ายและปฏิบัติได้สำหรับบุคคลในคริชณะจิตสำนึก ดังปรากฎการณ์ที่กล่าวไว้ข้างต้นที่ มะฮาราจะ อัมบะรีชะ ทรงปฏิบัติ นอกจากจิตจะตั้งมั่นอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควานด้วยการระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ การปฏิบัติทิพย์เช่นนี้จะเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้น ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน กิจกรรมที่ได้กล่าวไว้เหล่านี้เรียกว่า อารชะนะฺ หรือการใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดไปในการรับใช้พระองค์ประสาทสัมผัสและจิตใจจำเป็นต้องทำงาน การทำเป็นละเลยไม่สนใจไม่ให้มันทำงานเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้น สำหรับประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะบุคคลที่ไม่อยู่ในระดับสละโลกวัตถุการใช้ประสาทสัมผัสและจิตใจปฏิบัติรับใช้ทิพย์ดังที่ได้อธิบายแล้วข้างต้นจึงเป็นวิธีที่สมบูรณ์ในการบรรลุถึงวิถีทิพย์ ซึ่งเรียกว่า ยุคทะฺ ใน ภควัต-คีตาฺ
ยะทฺา ดีโพ นิวาทะ-สโทฺ
เนงกะเท โสพะมา สมริทาฺ
โยกิโน ยะทะ-ชิททัสยะ
ยุนจะโท โยกัม อาทมะนะฮฺ
ยะทฺาฺ - ดังเช่น, ดีพะฮฺ - ตะเกียง, นิวาทะ-สทฺะฮฺ - ในสถานที่ไม่มีลม, นะฺ - ไม่, อิงกะเทฺ - แกว่งไกว, สาฺ - นี้, อุพะมาฺ - เปรียบเทียบ, สมริทาฺ - พิจารณาว่า, โยกินะฮฺ - ของโยคี, ยะทะ-ชิททัสยะฺ - ผู้ที่จิตใจควบคุมได้, ยุนจะทะฮฺ - ปฏิบัติอยู่เสมอ, โยกัมฺ - ในสมาธิ, อาทมะนะฮฺ - ที่องค์ภควาน
คำแปลฺ
ดังเช่นตะเกียงในสถานที่ที่ไม่มีลม จะไม่หวั่นไหว นักทิพย์นิยมผู้ควบคุมจิตใจของตนเองได้ จะดำรงรักษาความมั่นคงในการทำสมาธิอยู่ที่รูปลักษณ์ทิพย์เสมอ
คำอธิบายฺ
บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกอย่างแท้จริงจะซึมซาบอยู่ในความเป็นทิพย์ ด้วยการปฏิบัติสมาธิอย่างไม่หวั่นไหวอยู่ที่องค์ภควานผู้ทรงเป็นที่เคารพบูชาของเขาอยู่เสมอ และมีความมั่นคงเสมือนดังเช่นตะเกียงที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีลม
ยะโทรพะระมะเท ชิททัม
นิรุดดัฺม โยกะ-เสวะยาฺ
ยะทระ ไชวาทมะนาทมานัม
พัสยันน อาทมะนิ ทุชยะทิฺ
สุคัฺม อาทยันทิคัม ยัท ทัด
บุดดิฺ-กราฮยัม อทีนดริยัมฺ
เวททิ ยะทระ นะ ไชวายัม
สทิฺทัช ชะละทิ ทัททวะทะฮฺ
ยัม ลับดฺวา ชาพะรัม ลาบัฺม
มันยะเท นาดิฺคัม ทะทะฮฺ
ยัสมิน สทิฺโท นะ ดุฮเคฺนะ
กุรุณาพิ วิชาลยะเทฺ
ทัม วิดยาด ดํุคฺะ-สัมโยกะ-
วิโยกัม โยกะ-สัมกยิทัมฺ
ยะทระฺ - ธุระในระดับนั้นที่, อุพะระมะเทฺ - หยุด (เพราะเขารู้สึกได้รับความสุขทิพย์), ชิททัมฺ - กิจกรรมทางจิต, นิรุดดัฺมฺ - หักห้ามจากวัตถุ, โยกะ-เสวะยาฺ - ด้วยการปฏิบัติโยคะ, ยะทระฺ - ซึ่ง, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, อาทมะนาฺ - ด้วยจิตที่บริสุทธิ์, อาทมานัมฺ - ตัว, พัชยันฺ - รู้แจ้งสถาภาพของ, อาทมะนิฺ - ในตัว, ทุชยะทิฺ - เขาพึงพอใจ, สุคัฺมฺ - ความสุข, อาทยันทิคัมฺ - สูงสุด, ยัทฺ - ซึ่ง, ทัทฺ - นั้น, บุดดิฺฺ - ด้วยปัญญา, กราฮยัมฺ - เข้าถึงได้, อทีนดริยัมฺ - ทิพย์, เวททิฺ - เขาทราบ, ยะทระฺ - ในที่, นะฺ - ไม่เคย, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, อยัมฺ - เขา, สทิฺทะฮฺ - สถิต, ชะละทิฺ - เคลื่อน, ทัททวะทะฮฺ - จากความจริง, ยัมฺ - ที่ซึ่ง, ลับดฺวาฺ - ด้วยการบรรลุ, ชะฺ - เช่นกัน, อพะรัมฺ - ใด ๆ, ลาบัฺมฺ - กำไร, มันยะเทฺ - พิจารณา, นะฺ - ไม่เคย, อดิฺคัมฺ - มากกว่า, ทะทะฮฺ - กว่านั้น, ยัสมินฺ - ซึ่งใน, สทิฺทะฮฺ - สถิต, นะฺ - ไม่เคย, ดํุเคฺนะฺ - ด้วยความทุกข์, กุรุณา อพิฺ - ถึงแม้ว่ายากมาก, วิชาลยะเทฺ - สั่น, ทัมฺ - นั้น, วิดยาทฺ - เธอต้องรู้, ดํุคะ-สัมโยกะฺ - ของความทุกข์จากการมาสัมผัสกับวัตถุ, วิโยกัมฺ - ถอนราก, โยกะ-สัมกยิทัมฺ - เรียกว่าสมาธิในโยคะ
คำแปลฺ
ในระดับแห่งความสมบูรณ์เรียกว่าสมาธิหรือ สะมาดิฺ จิตของเขาจะถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ให้ออกจากกิจกรรมตามแนวคิดทางวัตถุด้วยการฝึกปฏิบัติโยคะความสมบูรณ์เช่นนี้มีลักษณะคือ เขาสามารถเห็นตนเองด้วยจิตที่บริสุทธิ์ และมีความร่าเริงยินดีอยู่ในตนเอง ในระดับแห่งความร่าเริงนั้นเขาสถิตในความสุขทิพย์ที่ไร้ขอบเขต รู้แจ้งผ่านทางประสาทสัมผัสทิพย์ เมื่อสถิตเช่นนี้ จะไม่มีวันออกห่างจากความจริง และจากการได้รับสิ่งนี้เขาคิดว่าไม่มีอะไรที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่า เมื่อสถิตในสถานภาพนี้จะไม่มีวันสั่นคลอน แม้อยู่ท่ามกลางความยากลำบากอย่างใหญ่หลวง นี่คือเสรีภาพอันแท้จริงจากความทุกข์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นจากการมาสัมผัสกับวัตถุ
คำอธิบายฺ
จากการฝึกปฏิบัติโยคะทำให้เริ่มไม่ยึดติดกับความคิดเห็นทางวัตถุทีละน้อยนี่คือลักษณะพื้นฐานของหลักโยคะ และหลังจากนี้เขาสถิตในสมาธิหรือ สมาดิฺฺ ซึ่งหมายความว่าโยคีรู้แจ้งองค์อภิวิญญาณผ่านทางจิตและปัญญาทิพย์ โดยปราศจากความเข้าใจผิดไปสำคัญตนเองว่าเป็นอภิวิญญาณ การฝึกปฏิบัติโยคะมีพื้นฐานอยู่ที่หลักธรรมของระบบพะทันจะลิฺ มีผู้อธิบายบางท่านที่เชื่อถือไม่ได้พยายามบอกว่าปัจเจกวิญญาณเหมือนกับอภิวิญญาณ พวกที่ไม่เชื่อในองค์ภควานคิดว่าสิ่งนี้คือความหลุดพ้น แต่ไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของโยคะระบบพะทันจะลิฺ มีการยอมรับความสุขทิพย์ในระบบพะทันจะลิฺ แต่พวกที่เชื่อว่าเป็หนึ่งเดียวกันจะไม่ยอมรับความสุขทิพย์นี้ เนื่องจากกลัวอันตรายที่จะมีต่อทฤษฏีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความเป็นสิ่งคู่ระหว่างความรู้และผู้รู้พวกนี้ไม่ยอมรับ แต่ในโศลกนี้ความสุขทิพย์ซึ่งรู้แจ้งผ่านทางประสาทสัมผัสทิพย์เป็นที่ยอมรับ และ พะทันจะลิ มุนิฺ ผู้อธิบายระบบโยคะที่มีชื่อเสียงได้ยืนยันสนับสนุนจุดนี้ ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ได้ประกาศใน โยกะ-สูทระฺ (3.34 ) ของท่านว่า พุรุชารทฺะ-ชูนยานาม กุณานาม พระทิพระสะวะฮ ไควัลยัม สวะรูพะ-พระทิชทฺา วา ชิทิ-ชัคทิร อิทิฺ
ชิทิ-ชัคทิฺ หรือกำลังภายในนี้เป็นทิพย์ พุรุชารทฺะฺ หมายถึงศาสนาวัตถุ การพัฒนาเศรษฐกิจ การสนองประสาทสัมผัส ในที่สุดจะพยายามมาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน “ความเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน” นี้ เรียกว่า ไควัลยัมฺ โดยผู้ที่เชื่อว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ พะทันจะลิฺ กล่าวว่า ไควัลยัมฺ นี้เป็นกำลังภายในหรือพลังทิพย์ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตสำเหนียกถึงสถานภาพพื้นฐานของตน ในคำดำรัสขององค์ชรีเชธันญะ ระดับของสภาวะนี้เรียกว่า เชโท-ดารพะณะ-มารจะนัมฺ หรือการทำความสะอาดกระจกแห่งจิตใจที่สกปรก “ความใสบริสุทธิ์ “ นี้อันที่จริงคือความหลุดพ้น หรือ บฺะวะ-มะฮา- ดาวากนิ-นิรวาพณัมฺ ทฤษฏี นิรวาณะฺ โดยพื้นฐานมีลักษณะเช่นเดียวกันกับหลักนี้ ใน บฺากะวะธัมฺ (2.10.6 ) สิ่งนี้เรียกว่า สวะรูเพณะ วิยะวัสทิฺทิฮฺ โศลกใน ภควัต-คีตาฺได้ยืนยันสถานการณ์นี้ไว้เช่นกัน
หลังจาก นิรวาณะฺ หรือการจบสิ้นทางวัตถุ จะมีปรากฏการณ์แห่งกิจกรรมทิพย์หรือการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควานเรียกว่าคริชณะจิตสำนึก ในคำพูดของ บฺากะวะธัม, สวะรูเพณะ วิยะวัสทิฺทิฮฺ นี่คือ “ชีวิตอันแท้จริงของสิ่งมีชีวิต” มายาฺ หรือความหลงคือสภาวะของชีวิตทิพย์ที่มีมลทินจากเชื้อโรคทางวัตถุ ความหลุดพ้นจากเชื้อโรคทางวัตถุนี้มิได้หมายความว่าทำลายสถานภาพพื้นฐานนิรันดรของสิ่งมีชีวิต พะทัน- จะลิฺ ยอมรับเช่นเดียวกันนี้ด้วยคำพูดของท่านว่า ไควัลยัม สวะรูพะ-พระทิชทฺา วา-ชิทิ- ชัคทิร อิทิ,ฺ คำว่า ชิทิ-ชัคทิฺ หรือความสุขทิพย์นี้คือชีวิตที่แท้จริง ได้ยืนยันไว้ใน เวดาน ธะ-สูทระฺ (1.1.12 ) ว่า อนันดะ-มะโย ่บฺยาสารทฺ ความสุขทิพย์ตามธรรมชาตินี้คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของโยคะ และบรรลุได้โดยง่ายดายด้วยการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละรับใช้หรือ ภักดี-โยคะฺ จะอธิบาย ภักดี-โยคะฺ อย่างชัดเจนในบทที่เจ็ดของ ภควัต-คีตาฺ
ระบบโยคะที่อธิบายในบทนี้ มีสะมาดิฺฺ อยู่สองประเภทเรียกว่า สัมพระกยา ทะฺ-สะมาดิฺฺ และ อสัมพระกยาทะ-สะมาดิฺ เมื่อสถิตในตำแหน่งทิพย์ด้วยการศึกษาวิจัยทางปรัชญาต่าง ๆ นานา กล่าวไว้ว่าเขาได้บรรลุ สัมพระกยาทะ-สะมาดิฺ ใน อสัมพระ กยาทะ-สะมาดิฺ จะไม่มีความสัมพันธ์กับความสุขทางโลกอีกต่อไป เพราะอยู่เหนือความสุขต่าง ๆ ที่ได้รับจากประสาทสัมผัส เมื่อโยคีสถิตในสถานภาพนี้จะไม่มีวันสั่นคลอนนอกจากโยคีสามารถบรรลุถึงสถานภาพนี้ มิฉะนั้นถือว่าไม่สำเร็จ การปฏิบัติโยคะที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ ประกอบไปด้วยความสุขทางประสาทสัมผัสต่าง ๆ นานาซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกัน โยคีที่ปล่อยตัวไปในเพศสัมพันธ์และสิ่งเสพติดเป็นโยคีจอมปลอม แม้แต่พวกโยคีที่หลงใหลไปกับสิดดิฺฺ (อิทธิฤทธิ์ ) ในระบบโยคะก็มิได้สถิตอย่างสมบูรณ์ หากโยคีหลงใหลไปกับผลข้างเคียงของโยคะ จะไม่สามารถบรรลุถึงระดับแห่งความสมบูรณ์ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกนี้ ฉะนั้น บุคคลที่ปล่อยตัวไปในการอวดวิธีปฏิบัติท่ากายกรรมต่าง ๆหรือ สิดดิฺฺ ควรรู้ไว้ว่าจุดมุ่งหมายของโยคะได้สูญหายไปในทางนั้นแล้ว
การฝึกปฏิบัติโยคะที่ดีที่สุดในยุคนี้คือคริชณะจิตสำนึกซึ่งไม่ยุ่งยาก บุคคลในคริชณะจิตสำนึกมีความสุขในอาชีพของตนและไม่ปรารถนาความสุขอื่นใด มีอุปสรรคมากมายในการปฏิบัติ ฮะทฺะ-โยกะ, ดฺยานะ-โยกะฺ, และ กยานะ-โยกะฺ โดยเฉพาะในยุคแห่งความขัดแย้งนี้ แต่จะไม่มีปัญหาในการปฏิบัติ คารมะ-โยกะฺ หรือ ภักดี-โยคะฺ
ตราบเท่าที่ยังมีร่างวัตถุอยู่ ต้องสนองตอบอุปสงค์ของร่างกาย เช่น การกิน การนอน การป้องกันตัว และเพศสัมพันธ์ แต่ผู้ที่อยู่ใน ภักดี-โยคะฺ ที่บริสุทธิ์ หรือในคริชณะจิตสำนึก ไม่กระตุ้นประสาทสัมผัสขณะที่สนองตอบอุปสงค์ของร่างกายแต่ยอมรับสิ่งจำเป็นที่สุดของชีวิต โดยพยายามใช้สิ่งที่ได้รับมาไม่ดีให้ได้ดีที่สุดและเพลิดเพลินกับความสุขทิพย์ในคริชณะจิตสำนึก จะมีอุเบกขาต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเช่น อุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ ความขาดแคลน แม้กระทั่งความตายของญาติสุดที่รักแต่จะตื่นตัวอยู่เสมอในการปฏิบัติหน้าที่ของตนในคริชณะจิตสำนึกหรือ ภักดี-โยคะฺอุบัติเหตุไม่เคยทำให้เขาบ่ายเบี่ยงไปจากหน้าที่ ดังที่กล่าวไว้ในภควัต-คีตาฺ (2.14) อากะ มาพายิโน ่นิทยาส ทามส ทิทิคชัชวะ บฺาระทะฺ เขาอดทนต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะทราบว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้วจะดับไป มันไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่ของตนด้วยวิธีนี้จะทำให้บรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดในการฝึกปฏิบัติโยคะ
สะ นิชชะเยนะ โยคทัพโย
โยโก ่นิรวิณณะ-เชทะสาฺ
สังคัลพะ-พระบฺะวาน คามามส
ทยัคทวา สารวาน อเชชะทะฮฺ
มะนะไสเวนดริยะ-กรามัม
วินิยัมยะ สะมันทะทะฮฺ
สะฮฺ - นั้น, นิชชะเยนะฺ - ด้วยความมั่นใจอย่างแน่วแน่, โยคทัพยะฮฺ - ต้องฝึกปฏิบัติ, โยกะฮฺ - ระบบโยคะ, อนิรวิณณะ-เชทะสาฺ - ปราศจากการเบี่ยงเบน, สังคัลพะฺ - การคาดคะเนทางจิตใจ, พระบฺะวานฺ - เกิดจาก, คามานฺ - ความปรารถนาทางวัตถุ, ทยัคทวาฺ - ยกเลิก, สารวานฺ - ทั้งหมด, อเชชะทะฮฺ - อย่างสมบูรณ์, มะนะสาฺ - ด้วยจิตใจ, เอวะฺ - แน่นอน, อินดริยะ-กรามัมฺ - ประสาทสัมผัสครบชุด, วินิยัมยะฺ - ประมาณ, สัมมัน- ทะทะฮฺ - จากรอบด้าน
คำแปลฺ
เราควรปฏิบัติตนในการฝึกปฏิบัติโยคะด้วยความมั่นใจและศรัทธาโดยไม่เบี่ยงเบนจากวิถีทาง เราควรละทิ้งความปรารถนาทางวัตถุทั้งมวลอันเกิดมาจากการคาดคะเนทางจิตใจโดยไม่มีข้อยกเว้น และควบคุมประสาทสัมผัสทั้งหมดจากรอบด้านด้วยจิตใจ
คำอธิบายฺ
ผู้ฝึกปฏิบัติโยคะควรมีความมั่นใจ ควรฝึกปฏิบัติด้วยความอดทนโดยไม่เบี่ยงเบน เขาควรมั่นใจในความสำเร็จในขั้นสุดท้าย และดำเนินตามหลักการด้วยความพากเพียรอย่างมั่นคง ไม่มีการหมดกำลังใจหากบรรลุความสำเร็จล่าช้า ความสำเร็จนั้นแน่นอนสำหรับผู้ที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รูพะ โกสวามี ได้กล่าวเกี่ยวกับ ภักดี-โยคะฺไว้ดังนี้
อุทสาฮาน นิชชะยาด ไดฺรยาท
ทัท-ทัท-คารมะ-พระวารทะนาทฺ
สังกะ-ทยากาท สะโท วริทเทฮ
ชัดบิฺร บัฺคธิฮ พระสิดฺยะทิฺ
“เราสามารถปฏิบัติตามวิธีของ ภักดี-โยคะฺ ให้สำเร็จได้ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น พากเพียร และมั่นใจ ด้วยการปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ คบหาสมาคมกับสาวก ด้วยการปฏิบัติกิจกรรมแห่งความดีโดยสมบูรณ์” (อุพะเดชามริทะฺ 3 )
สำหรับความมั่นใจ เราควรปฏิบัติตามตัวอย่างของนกกระจอกผู้สูญเสียไข่ของตนไปกับคลื่นในมหาสมุทร นกกระจอกน้อยวางไข่อยู่ที่ชายหาดมหาสมุทร แต่มหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ได้พัดพาเอาไข่ไปกับคลื่น นกกระจอกน้อยโมโหมากและขอร้องให้มหาสมุทรคืนไข่ มหาสมุทรไม่สนใจแม้แต่จะพิจารณาคำร้องของเธอ ดังนั้น นกกระจอกน้อยตัดสินใจที่จะทำให้มหาสมุทรนี้แห้งลง จึงเริ่มตักน้ำด้วยจงอยปากอันน้อยนิดของมัน ทุก ๆ คนหัวเราะเยาะต่อความมุ่งมั่นที่เป็นไปไม่ได้ ข่าวการกระทำของนกกระจอกน้อยนี้ได้แพร่สะพัดไป ในที่สุด กะรุดะฺ (พญาครุฑ ) พญานกที่เป็นพาหนะของพระวิชณุได้ยินเข้า จึงมีความเมตตาสงสารต่อนกน้อยผู้ซึ่งเปรียบเสมือนน้องสาว ดังนั้น พญาครุฑจึงมาพบนกกระจอกน้อย พญาครุฑรู้สึกยินดีมากในความมุ่งมั่นของนกกระจอกน้อยจึงรับปากว่าจะช่วย ดังนั้น พญาครุฑได้ขอร้องให้มหาสมุทรนำไข่ของนกกระจอกน้อยมาคืนทันที มิฉะนั้น ท่านจะจัดการกับงานของนกกระจอกน้อยนี้เอง มหาสมุทรรู้สึกตกใจจึงนำไข่ทั้งหมดมาคืน เช่นนี้ทำให้นกกระจอกน้อยได้รับความสุขด้วยพระกรุณาของพญาครุฑ
ในลักษณะเดียวกันการฝึกปฏิบัติโยคะโดยเฉพาะ ภักดี-โยคะฺ ในคริชณะจิตสำนึก อาจดูเหมือนว่าเป็นงานที่ยากมาก แต่หากผู้ใดปฏิบัติตามหลักธรรมด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ คริชณะจะทรงช่วยอย่างแน่นอนเพราะว่าพระองค์ทรงช่วยคนที่ช่วยตนเอง
ชะไนฮ ชะไนร อุพะระเมด
บุดดฺยา ดฺริทิ-กริฮีทะยาฺ
อาทมะ-สัมสทัฺม มะนะฮ คริทวา
นะ คินชิด อพิ ชินทะเยทฺ
ชะไนฮฺ - ทีละน้อย, ชะไนฮฺ - ทีละขั้น, อุพะระเมทฺ - เขาควรระงับ, บุดดฺยาฺ - ด้วยปัญญา, ดฺริทิ-กริฮีทะยาฺ - ปฏิบัติด้วยความมั่นใจ, อาทมะ-สัมสทัฺมฺ - วางอยู่ในความเป็นทิพย์, มะ นะฮฺ - จิตใจ, คริทวาฺ - ทำ, นะฺ - ไม่, คินชิทฺ - สิ่งอื่นใด, อพิฺ - แม้, ชินทะเยทฺ - ควรคิดถึงมัน
คำแปลฺ
ค่อย ๆ ไปทีละขั้น เขาควรสถิตในสมาธิด้วยวิถีทางแห่งปัญญา และมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมสนับสนุน ดังนี้ จิตใจควรตั้งมั่นอยู่ที่ตนเองเท่านั้น โดยไม่ควรคิดถึงสิ่งอื่นใด
คำอธิบายฺ
ด้วยความมั่นใจและสติปัญญาที่ถูกต้อง เราควรค่อย ๆ หยุดกิจกรรมทางประสาทสัมผัส เช่นนี้เรียกว่า พรัทยาฮาระฺ ด้วยความมั่นใจ สมาธิ และหยุดกิจกรรมทางประสาทสัมผัส ทำให้ควบคุมจิตใจได้ และควรสถิตในสมาธิหรือ สะมาดิฺฺ ในขณะนั้นจะไม่มีอันตรายใด ๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวคิดชีวิตทางวัตถุอีกต่อไป อีกนัยหนึ่งคือ ถึงแม้ว่าจะพัวพันอยู่กับวัตถุตราบที่ยังมีร่างวัตถุอยู่ ก็ไม่ควรคิดถึงการสนองประสาทสัมผัส เราไม่ควรคิดถึงความสุขอื่นใดนอกจากความสุขแห่งองค์ภควาน ระดับนี้บรรลุได้โดยง่ายดายด้วยการฝึกปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรง
ยะโท ยะโท นิชชะละทิ
มะนัช ชันชะลัม อัสทิฺรัมฺ
ทะทัส ทะโท นิยัมไยทัด
อาทมะนิ เอวะ วะชัม นะเยทฺ
ยะทะฮ ยะทะฮฺ - ที่ใด, นิชชะละทิฺ - ถูกรบกวน, มะนะฮฺ - จิตใจ, ชันชะลัมฺ - ไม่นิ่ง, อัสทิฺ รัมฺ - ไม่มั่นคง, ทะทะฮ ทะทะฮฺ - จากนั้น, นิยัมยะฺ - ประมาณ, เอทัทฺ - นี้, อาทมะนิฺ - ในตัว, เอวะฺ - แน่นอน, วะชัมฺ - ควบคุม, นะเยทฺ - ต้องนำมาอยู่ภายใต้
คำแปลฺ
จิตใจที่ล่องลอยไปยังแห่งหนใดก็แล้วแต่ อันเนื่องมาจากธรรมชาติที่ไม่หยุดนิ่งและไม่มั่นคงของมัน เราต้องถอยและดึงมันกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเราให้ได้
คำอธิบายฺ
ธรรมชาติของจิตใจนั้นไม่หยุดนิ่งและไม่มั่นคง แต่โยคีผู้รู้แจ้งแห่งตนต้องควบคุมจิตใจ ไม่ควรให้จิตใจมาควบคุมตัวเขา ผู้ที่ควบคุมจิตใจ (รวมทั้งประสาทสัมผัส) ได้เรียกว่า โกสวามีฺ หรือ สวามีฺ ผู้ที่ถูกจิตใจควบคุมเรียกว่า โก-ดาสะฺ หรือเป็นทาสของประสาทสัมผัส โกสวามีฺ รู้ถึงมาตรฐานของความสุขทางประสาทสัมผัส ในความสุขทางประสาทสัมผัสทิพย์ ประสาทสัมผัสจะต้องปฏิบัติในการรับใช้องค์ ฮริชีเคชะฺ หรือเจ้าของสูงสุดแห่งประสาทสัมผัสคือคริชณะ การรับใช้คริชณะด้วยประสาทสัมผัสที่บริสุทธิ์เรียกว่าคริชณะจิตสำนึก นี่คือวิธีที่จะนำประสาทสัมผัสมาอยู่ภายใต้การควบคุม และเป็นความสมบูรณ์สูงสุดแห่งการฝึกปฏิบัติโยคะ ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้
พระชานทะ-มะนะสัม ฮิ เอนัม
โยกินัม สุคัฺม อุททะมัมฺ
อุไพทิ ชานทะ-ระจะสัม
บระฮมะ-บํูทัม อคัลมะชัมฺ
พระชานทะฺ - สงบ, ตั้งมั่นอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ, มะนะสัมฺ - จิตใจของเขา, ฮิฺ - แน่นอน, เอนัมฺ - นี้, โยกินัมฺ - โยคี, สุคัฺมฺ - ความสุข, อุททะมัมฺ - สูงสุด, อุไพทิฺ - ได้รับ, ชานทะ-ระจะสัมฺ - ตัณหาสงบลง, บระฮมะ-บํูทัมฺ - หลุดพ้นด้วยการแสดงตัวกับสัจธรรม, อคัลมะชัมฺ - เป็นอิสระจากวิบากกรรมในอดีตทั้งมวล
คำแปลฺ
โยคีผู้มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ที่ข้าบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดแห่งความสุขทิพย์อย่างแท้จริง เขาอยู่เหนือระดับตัณหา รู้แจ้งคุณสมบัติอันแท้จริงของตนเองกับองค์ภควาน ดังนั้น จึงเป็นอิสระจากผลกรรมในอดีตทั้งปวง
คำอธิบายฺ
บระฮมะ-บํูทะฺ คือระดับที่เป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุและสถิตในการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควาน มัด-บัฺคทิม ละบฺะเท พะรามฺ (ภควัต-คีตาฺ 18.54 ) เขาไม่สามารถดำรงรักษาอยู่ในคุณสมบัติของ บระฮมันฺ สัจธรรมที่สมบูรณ์ได้ จนกว่าจิตใจจะตั้งมั่นอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน สะ ไว มะนะฮ คริชณะ-พะดาระวินดะโยฮฺ ปฏิบัติอยู่ในการรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่องค์ภควาน หรือการดำรงรักษาอยู่ในคริชณะจิตสำนึก คือการได้รับเสรีภาพความหลุดพ้นจากระดับตัณหาและมลทินทางวัตถุทั้งปวงอย่างแท้จริง
ยุนจันน เอวัม สะดาทมานัม
โยกี วิกะทะ-คัลมะชะฮฺ
สุเคฺนะ บระฮมะ-สัมสพารชัม
อัทยันทัม สุคัฺม อัชนุเทฺ
ยุนจันฺ - ปฏิบัติฝึกฝนโยคะ, เอวัมฺ - ดังนั้น, สะดาฺ - เสมอ, อาทมานัมฺ - ตัวเขา, โยกีฺ - ผู้ที่สัมผัสอยู่กับองค์ภควาน, วิกะทะฺ - เป็นอิสระจาก, คัลมะชะฮฺ - มลทินทางวัตถุทั้งมวล, สุเคฺนะฺ - ในความสุขทิพย์, บระฮมะ-สัมสพารชัมฺ - สัมผัสกับองค์ภควานอยู่เสมอ, อัทยันทัมฺ - สูงสุด, สุคัฺมฺ - ความสุข, อัชนุเทฺ - ได้รับ
คำแปลฺ
ดังนั้น โยคีผู้ควบคุมตนเองได้ ปฏิบัติตนฝึกฝนอยู่ในโยคะเสมอ เป็นอิสรเสรีจากมลทินทางวัตถุทั้งปวง และบรรลุระดับสูงสุดแห่งความสุขที่สมบูรณ์ ในการรับใช้องค์ภควานด้วยความรักทิพย์
คำอธิบายฺ
การรู้แจ้งตนเองหมายถึงรู้สถานภาพพื้นฐานของตนในความสัมพันธ์กับองค์ภควาน ปัจเจกวิญญาณเป็นละอองอณูขององค์ภควาน และสถานภาพของตนคือการถวายการรับใช้ทิพย์แด่พระองค์ การเชื่อมสัมพันธ์ทิพย์กับองค์ภควานนี้เรียกว่า บระฮมะ-สัมสพารชะฺ
สารวะ-บํูทะ-สทัฺม อาทมานัม
สารวะ-บํูทานิ ชาทมะนิฺ
อีคชะเท โยกะ-ยุคทาทมา
สารวะทระ สะมะ-ดารชะนะฮฺ
สารวะ-บํูทะ-สทัฺมฺ - สถิตในมวลชีวิต, อาทมานัมฺ - อภิวิญญาณ, สารวะฺ - ทั้งหมด, บํูทา นิฺ - สิ่งมีชีวิต, ชะฺ - เช่นกัน, อาทมะนิฺ - ในตนเอง, อีคชะเทฺ - เห็น, โยกะ-ยุคทะฺ - อาทมาฺ - ผู้ที่ประสานในคริชณะจิตสำนึก, สารวะทระฺ - ทุกหนทุกแห่ง, สะมะ-ดารชะนะฮฺ - เห็นด้วยความเสมอภาค
คำแปลฺ
โยคีที่แท้จริงจะเห็นข้าอยู่ในทุก ๆ ชีวิต และเห็นทุก ๆ ชีวิตอยู่ในข้า อันที่จริงบุคคลผู้รู้แจ้งแห่งตนเห็นข้าภควานองค์เดียวกันทุกหนทุกแห่ง
คำอธิบายฺ
โยคีผู้มีคริชณะจิตสำนึกเป็นผู้เห็นที่สมบูรณ์ เพราะเขาเห็นคริชณะองค์ภควานทรงสถิตภายในหัวใจของทุกคนในรูปอภิวิญญาณ (พะระมาทมา ) อีชวะระฮ สารวะ- บํูทานาม ฮริด-เดเช ่รจุนะ ทิชทฺะทิฺ องค์ภควานในรูปของ พะระมาทมาฺ ทรงสถิตภายในหัวใจของทั้งสุนัขและพราหมณ์ โยคีผู้สมบูรณ์รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นทิพย์อยู่เสมอ และไม่มีผลกระทบทางวัตถุในการที่ทรงประทับอยู่ทั้งในสุนัขและในพราหมณ์ นี่คือความเสมอภาคสูงสุดขององค์ภควาน ปัจเจกวิญญาณสถิตในหัวใจเฉพาะของตนเองเท่านั้นมิได้สถิตอยู่ในหัวใจของผู้อื่นทั้งหมด นี่คือข้อแตกต่างระหว่างปัจเจกวิญญาณและอภิวิญญาณ ผู้ที่มิได้ฝึกปฏิบัติโยคะอย่างแท้จริงจะไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน บุคคลในคริชณะจิตสำนึกสามารถเห็นคริชณะทั้งในหัวใจของผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อ ใน สมริทิฺได้ยืนยันไว้ดังต่อไปนี้ อาทะทัทวาช ชะ มาทริทวาช ชะ อาทมา ฮิ พะระโม ฮะริฮฺ องค์ภควานทรงเป็นแหล่งกำเนิดของมวลชีวิต ทรงเปรียบเทียบเสมือนกับพระมารดาและผู้ค้ำจุน เฉกเช่นมารดาเป็นกลางกับลูก ๆ ที่ไม่เหมือนกันทุกคน บิดาสูงสุด (หรือมารดา)ก็เช่นเดียวกัน ดังนั้น องค์อภิวิญญาณจึงทรงประทับอยู่ในทุก ๆ ชีวิตเสมอ
ดูจากภายนอกทุก ๆ ชีวิตสถิตในพลังงานขององค์ภควานเช่นกัน ดังจะอธิบายในบทที่เจ็ด พระองค์ทรงมีพลังงานพื้นฐานสองพลังงานคือ พลังงานทิพย์ (สูงกว่า)และพลังงานวัตถุ (ต่ำกว่า) สิ่งมีชีวิตถึงแม้ว่าจะเป็นส่วนของพลังงานเบื้องสูง แต่อยู่ในสภาวะของพลังงานเบื้องต่ำ ฉะนั้น สิ่งมีชีวิตจะอยู่ในพลังงานขององค์ภควานเสมอทุกๆ ชีวิตสถิตในพระองค์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
โยคีเห็นด้วยความเสมอภาคเพราะเห็นมวลชีวิต ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะที่แตกต่างกันตามแต่ผลกรรม ในทุก ๆ สถานการณ์ก็ยังคงเป็นผู้รับใช้ขององค์ภควาน ขณะที่อยู่ในพลังงานวัตถุสิ่งมีชีวิตรับใช้ประสาทสัมผัสวัตถุ และขณะที่อยู่ในพลังงานทิพย์เขาจะรับใช้องค์ภควานโดยตรง ไม่ว่าในกรณีใดสิ่งมีชีวิตเป็นผู้รับใช้ของพระองค์ วิสัยทัศน์แห่งความเสมอภาคนี้สมบูรณ์อยู่ในบุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึก
โย มาม พัชยะทิ สารวะทระฺ
สารวัม ชะ มะยิ พัชยะทิฺ
ทัสยาฮัม นะ พระณัชยามิ
สะ ชะ เม นะ พระณัชยะทิฺ
ยะฮฺ - ผู้ใดที่, มามฺ - ข้า, พัชยะทิฺ - เห็น, สารวะทระฺ - ทุกหนทุกแห่ง, สารวัมฺ - ทุกสิ่งทุกอย่าง, ชะฺ - และ, มะยิฺ - ในข้า, พัชยะทิฺ - เห็น, ทัสยะฺ - สำหรับเขา, อฮัมฺ - ข้า, นะฺ - ไม่, พระณัชยามิฺ - หายฺ, สะฮฺ - เขา, ชะฺ - เช่นกัน, เมฺ - แด่ข้า, นะฺ - ไม่, พระณัชยะทิฺ - หาย
คำแปลฺ
สำหรับผู้ที่เห็นข้าทุกหนทุกแห่ง และเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในข้า ข้าไม่เคยหายไปจากเขา และเขาก็ไม่เคยหายไปจากข้า
คำอธิบายฺ
บุคคลในคริชณะจิตสำนึกเห็นองค์ชรีคริชณะทุกหนทุกแห่งอย่างแน่นอน และเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในคริชณะ บุคคลเช่นนี้อาจดูเหมือนว่าเห็นปรากฏการณ์ที่แตกต่างกันทั้งหมดของธรรมชาติวัตถุ แต่ในทุก ๆ กรณีและแต่ละกรณีเขามีจิตสำนึกของคริชณะ และทราบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปรากฏการณ์แห่งพลังงานของพระองค์ ไม่มีอะไรสามารถอยู่ได้โดยปราศจากคริชณะ และคริชณะทรงเป็นองค์ภควานของทุกสิ่งทุกอย่าง นี่คือหลักธรรมพื้นฐานของคริชณะจิตสำนึก คริชณะจิตสำนึกคือการพัฒนาความรักต่อคริชณะ เป็นสถานภาพที่เหนือกว่าแม้กระทั่งความหลุดพ้นทางวัตถุ ในระดับของคริชณะจิตสำนึกที่เหนือกว่าความรู้แจ้งแห่งตนนี้สาวกกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับคริชณะในความรู้สึกที่ว่าคริชณะทรงกลายมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับสาวก และสาวกมีความเปี่ยมล้นไปด้วยความรักต่อคริชณะ ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างองค์ภควานและสาวกจึงบังเกิดขึ้น ในระดับนั้น สิ่งมีชีวิตไม่มีวันถูกทำลาย และองค์ภควานทรงไม่เคยคลาดไปจากสายตาของสาวก การกลืนหายเข้าไปในคริชณะเป็นการทำลายดวงวิญญาณ สาวกจะไม่เสี่ยงเช่นนี้ กล่าวไว้ใน บระฮมะ-สัมฮิทาฺ (5.38 ) ว่า
เพรมานจะนะ-ชชํุริทะ-บัฺคธิ-วิโลชะเนนะ
สันทะฮ สะไดวะ ฮริดะเยชุ วิโลคะยันทิฺ
ยัม ชยามะสุนดะรัม อชินทยะ-กุณะ-สวะรูพัม
โกวินดัม อาดิ-พุรุชัม ทัม อฮัม บฺะจามิฺ
“ข้าขอบูชาพระผู้เป็นเจ้าองค์แรก โกวินดะ ผู้ที่สาวกมองเห็นด้วยดวงตาที่ชโลมไปด้วยเยื่อใยแห่งความรักตลอดเวลา สาวกเห็นพระองค์ในรูปอมตะแห่งชยามะสุนดะระ ผู้ทรงสถิตภายในหัวใจของสาวก”
ในระดับนี้องค์ชรีคริชณะทรงไม่มีวันคลาดสายตาไปจากสาวก และสาวกก็จะไม่คลาดสายตาไปจากพระองค์ ในกรณีที่โยคีเห็นองค์ภควานในรูป พะระมาทมาฺ ผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจก็เช่นเดียวกัน โยคีผู้นี้จะกลายมาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ และทนไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่แม้แต่นาทีเดียวโดยไม่เห็นพระองค์ทรงประทับอยู่ภายในตนเอง
สารวะ-บํํูทะ-สทิฺทัม โย มาม
บฺะจะทิ เอคัทวัม อาสทิฺทะฮฺ
สารวะทฺา วารทะมาโน ่พิ
สะ โยกี มะยิ วารทะเทฺ
สารวะ-บํูทะ-สทิฺทัมฺ - ทรงสถิตในหัวใจของทุกคน, ยะฮฺ - ผู้ซึ่ง, มามฺ - ข้า, บฺะจะทิฺ - ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้, เอคัทวัมฺ - ในหนึ่งเดียวกัน, อาสทิฺทะฮฺ - สถิต, สารวะทฺาฺ - ในทุกกรณี, วารทะ-มานะฮฺ - สถิต, อพิฺ - ถึงแม้ว่า, สะฮฺ - เขา, โยกีฺ - นักทิพย์นิยม, มะยิฺ - ในข้า, วารทะเทฺ - ดำรง
คำแปลฺ
โยคีผู้ปฏิบัติในการรับใช้องค์อภิวิญญาณด้วยความเคารพบูชาเช่นนี้ รู้ว่าข้าและอภิวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกัน จะดำรงอยู่ในข้าเสมอในทุกสถานการณ์
คำอธิบายฺ
โยคีผู้ฝึกปฏิบัติสมาธิอยู่ที่อภิวิญญาณเห็นภาคแบ่งแยกของคริชณะภายในตัวเขาในรูปพระวิชณุสี่กร ทรงหอยสังข์ กงจักร คทา และดวกบัว โยคีควรรู้ว่าพระวิชณุทรงไม่แตกต่างไปจากคริชณะ คริชณะในรูปของอภิวิญญาณนี้ทรงสถิตในหัวใจของทุก ๆ คน ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างอภิวิญญาณที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนผู้ทรงปรากฏอยู่ภายในหัวใจอันนับไม่ถ้วนของสิ่งมีชีวิต ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างบุคคลในคริชณะจิตสำนึกผู้ปฏิบัติรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่คริชณะอยู่เสมอ และโยคีสมบูรณ์ผู้ปฏิบัติสมาธิอยู่ที่อภิวิญญาณ โยคีในคริชณะจิตสำนึกถึงแม้อาจจะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆขณะที่อยู่ในโลกวัตถุ แต่จะดำรงสถิตในคริชณะเสมอ ได้ยืนยันไว้ใน บัฺคธิ-ระสามริทะ สินดํฺุ (1.2.187 ) ของ ชรีละ รูพะ โกสวามี ว่า นิคิฺลาสุ อพิ อวัสทฺาสุ จีวัน-มุคทะฮ สะ อุชยะเทฺ สาวกขององค์ภควานผู้ปฏิบัติอยู่ในคริชณะจิตสำนึกเสมอได้รับความหลุดพ้นโดยปริยาย ใน นาระดะ-พันชะราทระฺ ได้ยืนยันไว้ดังนี้
ดิค-คาลาดิ-อนะวัชชิฺนเน
คริชเณ เชโท วิดฺายะ ชะฺ
ทัน-มะโย บฺะวะทิ คชิพรัม
จีโว บระฮมะณิ โยจะเยทฺ
“จากการตั้งสมาธิจิตอยู่ที่พระวรกายทิพย์ของคริชณะผู้ทรงแผ่กระจายไปทั่ว ทรงอยู่เหนือเวลาและอวกาศ เขาซึมซาบอยู่ในการระลึกถึงคริชณะ จากนั้นจะบรรลุถึงระดับแห่งความสุขในการมาคบหาสมาคมทิพย์กับพระองค์”
คริชณะจิตสำนึกเป็นระดับสูงสุดแห่งสมาธิในการปฏิบัติโยคะ การเข้าใจอย่างแท้จริงว่าคริชณะทรงปรากฏในรูป พะระมาทมาฺ อยู่ภายในหัวใจของทุก ๆ คนทำให้โยคีไม่มีความผิดพลาด คัมภีร์พระเวท (โกพาละ-ทาพะนี อุพะนิชัดฺ 1.21) ได้ยืนยันพลังอำนาจขององค์ภควานที่ไม่สามารถมองเห็นได้ไว้ดังนี้ เอโค ่พิ สัน บะฮุดฺา โย ่วะบฺาทิฺ“ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงเป็นหนึ่ง แต่พระองค์ทรงปรากฏอยู่ภายในหัวใจจำนวนที่นับไม่ถ้วนอย่างมากมาย” ในทำนองเดียวกัน สมริทิ-ชาสทระฺ ได้กล่าวไว้ว่า
เอคะ เอวะ พะโร วิชณุฮ
สารวะ-วิยาพี นะ สัมชะยะฮฺ
ไอชวารยาด รูพัม เอคัม ชะ
สูรยะ-วัท บะฮุเดฺยะเทฺ
“พระวิชณุทรงเป็นหนึ่ง ถึงกระนั้นพระองค์ยังทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยพลังอำนาจที่มองไม่เห็น ถึงแม้ว่าทรงมีรูปลักษณ์เดียว พระองค์ทรงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งเสมือนดังดวงอาทิตย์ที่ปรากฏอยู่่หลาย ๆ แห่งในขณะเดียวกัน”
อาทโมพัมเยนะ สารวะทระ
สะมัม พัชยะทิ โย ่รจุนะฺ
สุคัฺม วา ยะดิ วา ดุฮคัฺม
สะ โยกี พะระโม มะทะฮฺ
อาทมะฺ - ด้วยตัวเขา, โอพัมเยนะฺ - ด้วยการเปรียบเทียบ, สารวะทระฺ - ทุกหนทุกแห่ง, สะมัมฺ - เท่าเทียมกัน, พัชยะทิฺ - เห็น, ยะฮฺ - เขาผู้ซึ่ง, อารจุนะฺ - โอ้ อารจุนะ, สุคัฺมฺ - ความสุข, วาฺ - หรือ, ยะดิฺ - ถ้า, วาฺ - หรือ, ดุฮคัฺมฺ - ความทุกข์, สะฮฺ - เช่นนี้, โยกีฺ - นักทิพย์นิยม, พะระมะฮฺ - สมบูรณ์, มะทะฮฺ - พิจารณา
คำแปลฺ
จากการเปรียบเทียบกับตัวเขาเอง โยคีผู้สมบูรณ์เห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายด้วยความเสมอภาคอย่างแท้จริง ทั้งในขณะที่พวกเขามีความสุขและในขณะที่มีความทุกข์ โอ้ อารจุนะ
คำอธิบายฺ
ผู้มีคริชณะจิตสำนึกเป็นโยคีที่สมบูรณ์ เขารู้ถึงความสุขและความทุกข์ของทุก ๆ คนโดยอาศัยประสบการณ์ส่วนตัว สาเหตุแห่งความทุกข์ของสิ่งมีชีวิตคือการลืมความสัมพันธ์ของตนเองกับองค์ภควาน และสาเหตุแห่งความสุขคือรู้ว่าองค์ชรีคริชณะทรงเป็นผู้มีความสุขเกษมสำราญสูงสุดในกิจกรรมทั้งหลายของมนุษย์ คริชณะทรงเป็นเจ้าของแผ่นดินและดาวเคราะห์ทั้งหมด และคริชณะทรงเป็นเพื่อนผู้มีความจริงใจที่สุดของมวลชีวิต โยคีที่สมบูรณ์รู้ว่าสิ่งมีชีวิตผู้อยู่ในสภาวะของระดับแห่งธรรมชาติวัตถุอยู่ภายใต้อำนาจของความทุกข์ทางวัตถุสามคำรบ อันเนื่องมาจากการลืมความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับคริชณะ เนื่องจากผู้ที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกมีความสุข จึงพยายามแจกจ่ายความรู้แห่งคริชณะนี้ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เพราะว่าโยคีที่สมบูรณ์พยายามประกาศความสำคัญในการมาเป็นคริชณะจิตสำนึก จึงเป็นคนใจบุญที่ดีที่สุดในโลกและเป็นคนรับใช้ที่น่ารักที่สุดขององค์ภควาน นะ ชะ ทัสมาน มะนุชเยชุ คัชชิน เม พริยะ-คริททะมะฮฺ (ภค.18.69 ) อีกนัยหนึ่ง สาวกของพระองค์มุ่งบำรุงสุขแด่มวลชีวิตอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นมิตรแท้ของทุก ๆ คน เขาเป็นโยคีที่ดีที่สุดเพราะว่าไม่ปรารถนาความสมบูรณ์ในโยคะเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว แต่พยายามเพื่อคนอื่นด้วยเขาไม่อิจฉาเพื่อนสิ่งมีชีวิตด้วยกัน นี่คือข้อแตกต่างระหว่างสาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควานและโยคีผู้สนใจเพียงแต่ความเจริญก้าวหน้าของตนเองเท่านั้น โยคีผู้ที่ถอนตัวไปอยู่อย่างสันโดษเพื่อทำสมาธิโดยสมบูรณ์ อาจไม่สมบูรณ์บริบูรณ์เท่าสาวกผู้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ทุก ๆ คนมีคริชณะจิตสำนึก
อารจุนะ อุวาชะฺ
โย ่ยัม โยกัส ทวะยา โพรคทะฮ
สามเยนะ มะดํุสูดะนะฺ
เอทัสยาฮัม นะ พัชยามิ
ชันชะลัทวาท สทิฺทิม สทิฺรามฺ
อารจุนะ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, ยะฮ อยัมฺ - ระบบนี้, โยกะฮฺ - โยคะ, ทวะยาฺ - โดยพระองค์, โพรคทะฮฺ - อธิบาย, สามเยนะฺ - โดยทั่วไป, มะดํุ-สูดะนะฺ - โอ้ ผู้สังหารมารมะดํุ, เอทัสยะฺ - ของสิ่งนี้, อฮัมฺ - ข้า, นะฺ - ไม่, พัชยามิฺ - เห็น, ชันชะลัทวาทฺ - เนื่องจากไม่สงบนิ่ง, สทิฺทิมฺ - สภาวะ, สทิฺรามฺ - มั่นคง
คำแปลฺ
อารจุนะตรัสว่า โอ้ มะดํุสูดะนะ ระบบโยคะที่พระองค์ทรงสรุปให้นี้ ดูเหมือนจะปฏิบัติไม่ได้และข้าไม่มีความอดทนพอ เพราะว่าจิตใจไม่สงบนิ่งและไม่มั่นคง
คำอธิบายฺ
ระบบโยคะที่องค์ชรีคริชณะทรงอธิบายให้อารจุนะเริ่มด้วยคำ ชุโช เดเชฺ และจบด้วยคำ โยกี พะระมะฮฺ ได้ถูกอารจุนะทรงปฏิเสธ ณ ที่นี้ จากความรู้สึกที่ว่าไม่สามารถปฏิบัติได้ เป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดาทั่วไปที่จะจากบ้านไปยังป่าเขาลำเนาไพร และอยู่อย่างสันโดษเพื่อฝึกปฏิบัติโยคะใน คะลิฺ ยุค ในยุคปัจจุบันนี้มีลักษณะที่ดิ้นรนอย่างขมขื่นเพื่อความอยู่รอดด้วยชีวิตอันสั้น ผู้คนไม่จริงจังเกี่ยวกับความรู้แจ้งแห่งตน แม้จะด้วยวิธีที่ง่ายและปฏิบัติได้ จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงระบบโยคะที่ยากลำบากเช่นนี้ ซึ่งต้องควบคุมชีวิตการเป็นอยู่ในเรื่องของการนั่ง การเลือกสถานที่ และการทำให้จิตใจไม่ยึดติดกับการปฏิบัติทางวัตถุ ในฐานะที่เป็นนักปฏิบัติ อารจุนะทรงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามระบบโยคะนี้ ถึงแม้ว่าทรงมีคุณสมบัติที่เอื้ออำนวยอยู่หลายประการอารจุนะประสูติอยู่ในตระกูลกษัตริย์ ทรงมีความเจริญมากในคุณสมบัติหลาย ๆ ด้านเช่น เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ มีพระชนมายุยืนยาว และยิ่งไปกว่าสิ่งอื่นใด ยังเป็นสหายสนิทที่สุดขององค์ภควานชรีคริชณะ เมื่อห้าพันปีก่อนนี้ อารจุนะทรงมีสิ่งเอื้ออำนวยที่ดีกว่าพวกเราที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างมากมาย ถึงกระนั้นยังปฏิเสธระบบโยคะนี้ อันที่จริงเราไม่พบบันทึกใด ๆ ในประวัติศาสตร์ที่เห็นอารจุนะฝึกปฏิบัติโยคะนี้ไม่ว่าในเวลาใดฉะนั้น ระบบนี้ต้องพิจารณาว่าโดยทั่วไปเป็นไปไม่ได้ใน คะลิฺ ยุคนี้ แน่นอนว่าอาจจะเป็นไปได้สำหรับคนบางคนที่หาได้ยากมาก แต่สำหรับผู้คนโดยทั่วไปเป็นข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้ เพราะหากเป็นเช่นนี้เมื่อห้าพันปีก่อน แล้วปัจจุบันนี้จะเป็นอย่างไร พวกที่เลียนแบบระบบโยคะนี้ ซึ่งอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าสถาบันและสมาคมต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะได้รับความอิ่มเอิบใจ แต่เป็นการสูญเสียเวลาไปอย่างแน่นอน พวกนี้อยู่ในอวิชชาอย่างสมบูรณ์เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายที่ตนปรารถนา
ชันชะลัม ฮิ มะนะฮ คริชณะ
พระมาทิฺ บะละวัด ดริดัฺมฺ
ทัสยาฮัม นิกระฮัม มันเย
วาโย อิวะ สุ-ดุชคะรัมฺ
ชันชะลัมฺ - ไม่สงบนิ่ง, ฮิฺ - แน่นอน, มะนะฮฺ - จิตใจ, คริชณะฺ - โอ้ คริชณะ, พระมาทิฺฺ - ว้าวุ่น, บะละฺ - วัทฺ - มีพลังมาก, ดริดัฺมฺ - ดื้อรั้น, ทัสยะฺ - ของมัน, อฮัมฺ - ข้า, นิกระฮัมฺ - ปราบ, มันเยฺ - คิด, วาโยฮฺ - ของลม, อิวะฺ - เหมือน, สุ-ดุชคะรัมฺ - ยาก
คำแปลฺ
เพราะว่าจิตใจไม่สงบนิ่ง พล่าน ดื้อรั้น และมีพลังมาก โอ้ คริชณะ และในการปราบมัน ข้าพเจ้าคิดว่ายากยิ่งกว่าการควบคุมลม
คำอธิบายฺ
จิตใจมีพลังมากและดื้อรั้น บางครั้งก็เอาชนะปัญญา ถึงแม้ว่าจิตใจควรอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของปัญญา สำหรับบุคคลผู้อยู่ในโลกแห่งการปฏิบัติที่ต้องต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามมากมาย แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ยากมากในการควบคุมจิตใจ เขาอาจทำใจให้เป็นกลางอย่างผิดธรรมชาติระหว่างเพื่อนกับศัตรู แต่ในที่สุดไม่มีผู้ใดในโลกสามารถทำได้ เพราะว่ายากยิ่งกว่าการควบคุมลมพายุที่พัดมาอย่างแรงฉันใด ในวรรณกรรมพระเวท (คะทฺะ อุพะนิชัดฺ 1.3.3-4 ) กล่าวไว้ว่า
อาทมานัม ระทิฺนัม วิดดิฺ
ชะรีรัม ระทัฺม เอวะ ชะฺ
บุดดิฺม ทุ สาระทิฺม วิดดิฺ
มะนะฮ พระกระฮัม เอวะ ชะฺ
อินดริยาณิ ฮะยาน อาฮุร
วิชะยามส เทชุ โก-ชะรานฺ
อาทเมนดริยะ-มะโน-ยุคทัม
โบฺคเททิ อาฮุร มะนีชิณะฮฺ
“ปัจเจกวิญญาณเป็นผู้โดยสารในพาหนะแห่งร่างวัตถุ ปัญญาเป็นผู้ขับ จิตใจเป็นคันบังคับ และประสาทสัมผัสเป็นม้า ตัวเขาจะได้รับความสุขหรือความทุกข์เกิดจากการมาคบหาสมาคมกับจิตใจและประสาทสัมผัส เช่นนี้ เป็นที่เข้าใจโดยนักคิดผู้ยิ่งใหญ่”ปัญญาควรเป็นผู้สั่งจิตใจ แต่จิตใจมีพลังอำนาจมากและดื้อรั้นจนส่วนใหญ่เอาชนะแม้กระทั่งปัญญาของตนเอง เหมือนกับโรคปัจจุบันทันด่วนที่ดื้อยา จิตใจที่มีพลังมากเช่นนี้ควรถูกควบคุมด้วยการฝึกปฏิบัติโยคะ แต่การฝึกเช่นนี้ปฏิบัติไม่ได้แม้สำหรับบุคคลทางโลกเช่นอารจุนะ จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนในยุคสมัยนี้ อุปมาที่ให้ไว้ ณ ที่นี้เหมาะสมดีเราไม่สามารถจับกุมลมที่พัดมาแรงได้ฉันใด มันยากยิ่งไปกว่าที่จะจับกุมจิตใจที่พล่านได้ฉันนั้น องค์เชธันญะทรงแนะนำวิธีที่ง่ายที่สุดในการควบคุมจิตใจคือการร้องเพลงสวดมนต์ ภาวนา “ฮะเร คริชณะ” ซึ่งเป็นบทมนต์อันยิ่งใหญ่เพื่อการจัดส่ง ด้วยความถ่อมตนอย่างยิ่ง ได้อธิบายวิธีไว้ดังนี้ สะ ไว มะนะฮ คริชณะ-พะดาระวินดะโยฮฺ เราต้องใช้จิตใจอย่างเต็มที่ในคริชณะ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะไม่มีกิจกรรมอื่นใดทำให้จิตใจวุ่นวาย
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
อสัมชะยัม มะฮา-บาโฮ
มะโน ดุรนิกระฮัม ชะลัมฺ
อับฺยาเสนะ ทุ คะอุนเทยะ
ไวรากเยณะ ชะ กริฺยะเทฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - องค์ภควานตรัส, อสัมชะยัมฺ - อย่างไม่สงสัย, มะฮา-บาโฮฺ - โอ้ยอดนักรบ, มะนะฮฺ - จิตใจ, ดุรนิกระฮัมฺ - ยากที่จะดัด, ชะลัมฺ - ว้าวุ่น, อับฺยาเสนะฺ - ด้วยการปฏิบัติ, ทฺุ - แต่, คะอุนเทยะฺ - โอ้ โอรสพระนางคุนที, ไวรากเยนะฺ - ด้วยการไม่ยึดติด, ชะฺ - เช่นกัน, กริฺยะเทฺ - สามารถควบคุมได้
คำแปลฺ
องค์ชรีคริชณะตรัสว่า โอ้ ยอดนักรบโอรสพระนางคุนที การดัดจิตใจที่ไม่สงบนิ่งเป็นสิ่งที่ยากมากโดยไม่ต้องสงสัย แต่เป็นไปได้ด้วยการฝึกปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสม และด้วยการไม่ยึดติด
คำอธิบายฺ
ความยากลำบากในการควบคุมจิตใจที่ดื้อรั้นดังที่อารจุนะทรงดำริ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงยอมรับ แต่ในขณะเดียวกันพระองค์ทรงแนะนำว่าการฝึกปฏิบัติและการไม่ยึดติดเป็นไปได้ การฝึกปฏิบัตินั้นคืออะไร? ในยุคปัจจุบันไม่มีใครสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบอันเคร่งครัดในการที่จะให้ตนเองไปอยู่ยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และตั้งสมาธิจิตอยู่ที่องค์อภิวิญญาณ หักห้ามประสาทสัมผัสและจิตใจ ถือเพศพรหมจรรย์อยู่อย่างสันโดษ ฯลฯ อย่างไรก็ดี ด้วยการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกในเก้าวิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน วิธีแรกและสำคัญมากในการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละคือการสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะ ซึ่งเป็นวิถีทิพย์ที่ทรงพลังอำนาจมากในการขจัดข้อสงสัยทั้งหลายให้ออกไปจากจิตใจ ผู้ที่สดับฟังเกี่ยวกับคริชณะได้มากเท่าไร จะมีความรู้แจ้งและไม่ยึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นำพาจิตใจให้ออกห่างจากคริชณะมากเท่านั้น จากการไม่ยึดติดจิตใจอยู่กับกิจกรรมที่ไม่อุทิศตนเสียสละให้พระองค์ เขาสามารถเรียนรู้ ไวรากยะฺ ได้อย่างง่ายดาย ไวรากยะฺ หมายถึงการไม่ยึดติดกับวัตถุและให้จิตใจปฏิบัติอยู่กับดวงวิญญาณ การไม่ยึดติดในวิถีทิพย์ของพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ยากยิ่งกว่าการยึดมั่นจิตใจอยู่กับกิจกรรมของคริชณะ เช่นนี้ปฏิบัติได้เพราะจากการสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะจะทำให้ยึดมั่นกับดวงวิญญาณสูงสุดโดยปริยาย การยึดมั่นเช่นนี้เรียกว่า พะเร- ชานุบฺะวะฺ ความพึงพอใจทิพย์ คล้าย ๆ กับความรู้สึกพึงพอใจกับอาหารทุกคำที่คนกำลังหิวได้รับประทาน ขณะที่กำลังหิวเมื่อได้รับประทานมากเท่าไรก็จะรู้สึกพึงพอใจและมีพลังงานเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น ในทำนองเดียวกัน จากการปฏิบัติรับใช้ด้วยการอุทิศตนเสียสละ เขามีความรู้สึกพึงพอใจทิพย์ในขณะที่จิตใจไม่ยึดติดกับจุดมุ่งหมายทางวัตถุ เหมือนกับการรักษาโรคด้วยวิธีที่ชำนาญ และโภชนาการที่เหมาะสม ดังนั้น การสดับฟังกิจกรรมทิพย์ขององค์ชรีคริชณะจึงเป็นวิธีรักษาที่มีความชำนาญสำหรับจิตใจที่บ้าคลั่ง และการรับประทานภัตตาหารที่ถวายให้คริชณะคือโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับคนไข้ที่กำลังมีความทุกข์ การรักษาเช่นนี้คือวิธีของคริชณะจิตสำนึก
อสัมยะทาทมะนา โยโก
ดุชพราพะ อิทิ เม มะทิฮฺ
วัชยาทมะนา ทุ ยะทะทา ชัคโย
่วาพทุม อุพายะทะฮฺ
อสัมยะทะฺ - หักห้ามไม่ไหว, อาทมะนาฺ - ด้วยจิตใจ, โยกะฮฺ - การรู้แจ้งแห่งตน, ดุชพรา พะฮฺ - ยากที่จะบรรลุ, อิทิฺ - ดังนั้น, เมฺ - ของข้า, มะทิฮฺ - ความเห็น, วัชยะฺ - ควบคุม, อาทมะนาฺ - ด้วยจิตใจ, ทฺุ - แต่, ยะทะทาฺ - ขณะที่พยายาม, ชัคยะฮฺ - ปฏิบัติได้, อวาพทุมฺ - บรรลุ, อุพายะทะฮฺ - ด้วยวิธีที่เหมาะสม
คำแปลฺ
สำหรับผู้ที่หักห้ามจิตใจของตนเองไม่ได้ การรู้แจ้งแห่งตนเป็นงานที่ยาก แต่ผู้ที่ควบคุมจิตใจตนเองได้ และพยายามในวิถีทางที่ถูกต้อง จะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน นี่คือความเห็นของข้า
คำอธิบายฺ
บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงประกาศว่าผู้ที่ไม่ยอมรับการรักษาที่ถูกต้องที่จะให้จิตใจไม่ยึดติดกับการปฏิบัติทางวัตถุ จะบรรลุผลสำเร็จในการรู้แจ้งแห่งตนได้ยากมาก การพยายามฝึกปฏิบัติโยคะในขณะที่จิตใจใฝ่หาความสุขทางวัตถุ เปรียบเสมือนกับการพยายามจุดไฟในขณะที่ราดน้ำลงไป ฝึกปฏิบัติโยคะโดยไม่ควบคุมจิตใจเป็นการเสียเวลา การอวดวิธีการปฏิบัติโยคะเช่นนี้อาจได้รับผลกำไรงามทางวัตถุ แต่ว่าไร้ประโยชน์ในการรู้แจ้งแห่งดวงวิญญาณ ฉะนั้น เขาต้องควบคุมจิตใจโดยให้จิตใจปฏิบัติรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่องค์ภควานอยู่เสมอ นอกจากจะปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก มิฉะนั้นแล้วจะไม่สามารถควบคุมจิตใจได้อย่างมั่นคง บุคคลในคริชณะจิตสำนึกบรรลุผลแห่งการปฏิบัติโยคะได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องพยายามนอกเหนือไปจากนี้ แต่ผู้ฝึกปฏิบัติโยคะไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้โดยปราศจากคริชณะจิตสำนึก
อารจะนะ อุวาชะฺ
อยะทิฮ ชรัดดฺะโยเพโท
โยกาช ชะลิทะ-มานะสะฮฺ
อัพราพยะ โยกะ-สัมสิดดิฺม
คาม กะทิม คริชณะ กัชชฺะทิฺ
อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, อยะทิฮฺ - นักทิพย์นิยมผู้ไม่ประสบผลสำเร็จ, ชรัด- ดฺะยาฺ - ด้วยความศรัทธา, อุเพทะฮฺ - ปฏิบัติ, โยกาทฺ - จากการเชื่อมสัมพันธ์ที่เร้นลับ, ชะลิทะฺ - เบี่ยงเบน, มานะสะฮฺ - ผู้มีจิตใจเช่นนี้, อัพราพยะฺ - ล้มเหลวในการบรรลุ, โยกะ-สัมสิดดิฺมฺ - ความสมบูรณ์สูงสุดในโยคะ, คามฺ - ซึ่ง, กะทิมฺ - จุดมุ่งหมาย, คริชณะฺ - โอ้ คริชณะ, กัชชฺะทิฺ - บรรลุ
คำแปลฺ
อารจุนะตรัสว่า โอ้ คริชณะ นักทิพย์นิยมผู้ไม่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งในตอนแรกรับเอาวิถีทางเพื่อความรู้แจ้งแห่งตนมาปฏิบัติด้วยความศรัทธา แต่ต่อมาได้ยกเลิกการปฏิบัติอันเนื่องมาจากจิตใจมาฝักใฝ่ทางโลก ดังนั้น จึงไม่บรรลุความสมบูรณ์ในโยคะ จุดหมายปลายทางของบุคคลเช่นนี้อยู่ที่ใหน?
คำอธิบายฺ
วิถีทางเพื่อความรู้แจ้งแห่งตนหรือระบบโยคะได้อธิบายใน ภควัต-คีตาฺ หลักธรรมพื้นฐานเพื่อความรู้แจ้งแห่งตนคือความรู้ที่ว่าสิ่งมีชีวิตไม่ใช่ร่างกายวัตถุนี้แต่ว่าแตกต่างไปจากร่างวัตถุ และความสุขของเขาอยู่ในชีวิตอมตะ เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุข และความรู้ สิ่งเหล่านี้เป็นทิพย์อยู่เหนือทั้งร่างกายและจิตใจ ความรู้แจ้งแห่งตนค้นพบได้ด้วยวิถีแห่งความรู้ ด้วยการฝึกปฏิบัติแปดระบบหรือด้วย ภักดี-โยคะฺ ในแต่ละวิธีนี้จะต้องรู้แจ้งสถานภาพพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับองค์ภควาน กิจกรรมซึ่งทำให้เขาสามารถสถาปนาความสัมพันธ์ที่สูญหายไปให้กลับมาอีกครั้ง และบรรลุถึงระดับสมบูรณ์สูงสุดแห่งคริชณะจิตสำนึก การปฏิบัติตามทางใดทางหนึ่งในสามวิธีที่กล่าวไว้ข้างต้น แน่นอนว่าจะต้องบรรลุเป้าหมายสูงสุดในไม่ช้าก็เร็ว องค์ภควานทรงยืนยันไว้เช่นนี้ในบทที่สอง แม้ความพยายามเพียงเล็กน้อยบนวิถีทิพย์จะให้ความหวังอย่างสูงเพื่อการจัดส่ง จากสามวิธีนี้ วิธีของ ภักดี-โยคะฺ เหมาะสมโดยเฉพาะสำหรับยุคนี้ เพราะเป็นวิธีตรงที่สุดเพื่อความรู้แจ้งองค์ภควาน เพื่อให้มั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก อารจุนะทรงถามคริชณะเพื่อให้ทรงยืนยันคำดำรัสที่เคยกล่าวไว้ บุคคลอาจยอมรับวิธีเพื่อความรู้แจ้งอย่างจริงใจ แต่วิธีแห่งการเพิ่มพูนความรู้ การฝึกปฏิบัติของระบบโยคะแปดระดับโดยทั่วไปเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับยุคนี้ ฉะนั้น แม้จะพยายามอย่างสม่ำเสมอ แต่อาจประสบความล้มเหลวเนื่องจากเหตุผลมากมาย ประการแรก เขาอาจไม่มีความจริงจังเพียงพอในการปฏิบัติตามวิธี การก้าวเดินไปบนวิถีทิพย์คล้ายกับการประกาศสงครามกับพลังงานแห่งความหลง ฉะนั้น เมื่อไรที่บุคคลพยายามที่จะหนีไปจากเงื้อมมือของพระนางมายา นางจะพยายามเอาชนะผู้ฝึกปฏิบัติด้วยการหลอกล่อให้หลงมากมาย พันธวิญญาณถูกหลอกล่อให้หลงอยู่แล้วด้วยระดับแห่งพลังงานวัตถุ จึงเป็นไปได้เสมอที่จะถูกหลอกล่อให้หลงอีกครั้งหนึ่ง แม้ขณะฝึกปฏิบัติตามระเบียบวินัยทิพย์ เช่นนี้เรียกว่า โยกาช ชะ ลิทะ-มานะสะฮฺ การเบี่ยงเบนจากวิถีทิพย์ อารจุนะทรงตั้งคำถามเพื่อให้ทราบถึงผลแห่งการเบี่ยงเบนจากวิถีเพื่อความรู้แจ้งแห่งตน
คัชชิน โนบฺะยะ-วิบฺรัชทัช
ชิฺนนาบฺรัม อิวะ นัชยะทิฺ
อัพระทิชโทฺ มะฮา-บาโฮ
วิมูโดฺ บระฮมะณะฮ พะทิฺฺ
คัชชิทฺ - ไม่ว่า, นะฺ - ไม่, อุบฺะยะฺ - ทั้งสอง, วิบฺรัชทะฮฺ - เบี่ยงเบนจาก, ชิฺนนะฺ - ขาด, อบฺ- รัมฺ - เมฆ, อิวะฺ - เหมือน, นัชยะทิฺ - สูญสิ้น, อพระทิชทฺะฮฺ - ไม่มีตำแหน่ง, มะฮา-บาโฮฺ - โอ้คริชณะยอดนักรบ, วิมูดฺะฮฺ - สับสน, บระฮมะนะฮฺ - แห่งความเป็นทิพย์, พะทิฺฺ - บนวิถีทาง
คำแปลฺ
โอ้ คริชณะยอดนักรบ บุคคลผู้สับสนบนวิถีทิพย์ ไม่ประสบผลสำเร็จทั้งในวิถีทิพย์และวิถีวัตถุ จะสูญสิ้นเสมือนดั่งก้อนเมฆที่สูญสลายหายไป โดยไม่มีตำแหน่งที่จะยืนอยู่ไม่ว่าในวงการใดใช่หรือไม่?
คำอธิบายฺ
มีอยู่สองทางในความเจริญก้าวหน้า พวกวัตถุนิยมไม่สนใจในวิถีทิพย์ ดังนั้นจึงสนใจในความก้าวหน้าทางวัตถุด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจ หรือการส่งเสริมให้ไปอยู่บนดาวเคราะห์ที่สูงกว่าจากการปฏิบัติที่เหมาะสม เมื่อบุคคลรับเอาวิถีทิพย์มาปฏิบัติ ต้องหยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งปวงและถวายสิ่งที่เรียกว่าความสุขทางวัตถุทุกรูปแบบ หากผู้ปรารถนาวิถีทิพย์ล้มเหลวในเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าจะสูญเสียทั้งสองทาง อีกนัยหนึ่ง เขาไม่สามารถได้รับทั้งความสุขทางวัตถุหรือความสำเร็จในวิถีทิพย์ เขาไม่มีตำแหน่ง เหมือนกับก้อนเมฆที่สูญสลายหายจากกันไป ก้อนเมฆในท้องฟ้าบางครั้งแยกออกจากเมฆก้อนเล็กและไปรวมตัวกับเมฆก้อนใหญ่ได้ แล้วถูกลมพัดพาไปจนไม่เหลือบุคลิกของตนเองในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ บระฮมะณะฮ พะทิฺ คือวิถีทิพย์ซึ่งรู้แจ้งผ่านทางความรู้ที่ว่า ตัวเขาคือดวงวิญญาณโดยเนื้อแท้ และเป็นละอองอณูขององค์ภควานผู้ทรงปรากฏมาในรูปของ บระฮมัน, พะระมาทมา.ฺ และ บฺะกะวานฺ องค์ชรีคริชณะทรงเป็นปรากฏการณ์ที่สมบูรณ์แห่งสัจธรรมอันสมบูรณ์สูงสุด ดังนั้น ผู้ที่ศิโรราบแด่องค์ภควานจึงเป็นนักทิพย์นิยมที่ประสบผลสำเร็จ การบรรลุถึงเป้าหมายความรู้แจ้งแห่งชีวิตนี้โดยผ่านทาง บระฮ มันฺ และ พะระมาทมาฺ จะใช้เวลาหลายต่อหลายชาติ (บะฮุนาม จันมะนาม อันเทฺ ) ฉะนั้นวิถีทางสูงสุดแห่งการรู้แจ้งทิพย์คือ ภักดี-โยคะฺ หรือคริชณะจิตสำนึกซึ่งเป็นวิธีโดยตรง
เอทัน เม สัมชะยัม คริชณะ
เชฺททุม อารฮะสิ อเชชะทะฮฺ
ทวัด-อันยะฮ สัมชะยัสยาสยะ
เชฺททา นะ ฮิ อุพะพัดยะเทฺ
เอทัทฺ - นี่คือ, เมฺ - ของข้า, สัมชะยัมฺ - ข้อสงสัย, คริชณะฺ - โอ้ คริชณะ, เชฺททุมฺ - ปัดเป่า, อารฮะสิฺ - พระองค์ได้รับการขอร้อง, อเชชะทะฮฺ - อย่างสมบูรณ์, ทวัทฺ - กว่าพระองค์, อันยะฮฺ - ผู้อื่น, สัมชะยัสยะฺ - แห่งความสงสัย, อัสยะฺ - นี้, เชฺททาฺ - เคลื่อนออก, นะฺ - ไม่เคย, ฮิฺ - แน่นอน, อุพะพัดยะเทฺ - ค้นพบ
คำแปลฺ
โอ้ คริชณะ นี่คือข้อสงสัย ข้าพเจ้าขอให้พระองค์ทรงช่วยขจัดข้อสงสัยนี้ไปให้หมดสิ้น นอกจากพระองค์แล้วจะไม่มีผู้ใดสามารถขจัดข้อสงสัยนี้ได้
คำอธิบายฺ
คริชณะทรงเป็นผู้รู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคตอย่างสมบูรณ์ ในตอนต้นของ ภควัต-คีตาฺ องค์ภควานตรัสว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายมีความเป็นปัจเจกในอดีต เป็นปัจเจกในปัจจุบัน และจะยังคงมีบุคลิกลักษณะเป็นปัจเจกสืบต่อไปในอนาคต แม้หลังจากที่หลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุแล้ว ฉะนั้น พระองค์ทรงให้ความกระจ่างเกี่ยวกับคำถามของปัจเจกชีวิตในอนาคตเรียบร้อยแล้ว มาบัดนี้ อารจุนะทรงปรารถนาที่จะทราบถึงอนาคตของนักทิพย์นิยมผู้ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่มีผู้ใดเทียบเท่าหรือเหนือกว่าคริชณะ ผู้ที่เรียกว่านักบวชและนักปราชญ์ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่ได้รับพระเมตตาจากธรรมชาติวัตถุไม่สามารถเทียบเท่าองค์ภควานได้ ดังนั้น คำตัดสินของคริชณะถือว่าเป็นคำตอบสุดท้ายและสมบูรณ์ต่อข้อสงสัยทั้งมวล เพราะทรงทราบอดีต ปัจจุบันและอนาคตอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่มีผู้ใดทราบถึงพระองค์ คริชณะและสาวกผู้มีคริชณะจิตสำนึกเท่านั้นที่ทราบว่าอะไรคืออะไร
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
พารทฺะ ไนเวฮะ นามุทระ
วินาชัส ทัสยะ วิดยะเทฺ
นะ ฮิ คัลยาณะ-คริท คัชชิด
ดุรกะทิม ทาทะ กัชชฺะทิฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, นะ เอวะฺ - ไม่เคยเป็นเช่นนั้น, อิฮะฺ - ในโลกวัตถุนี้, นะฺ - ไม่เคย, อมุทระฺ - ในชาติหน้า, วินาชะฮฺ - ทำลาย, ทัสยะฺ - ของเขา, วิดยะเทฺ - เป็นอยู่, นะฺ - ไม่เคย, ฮิฺ - แน่นอน, คัลยาณะ-คริทฺ - ผู้ปฏิบัติกิจกรรมอันเป็นมงคล, คัชชิทฺ - ผู้ใด, ดุรกะทิมฺ - ตกต่ำลง, ทาทะฺ - สหายข้า, กัชชฺะทิฺ - ไป
คำแปลฺ
องค์ภควานตรัสว่า โอ้ โอรสพระนางพริทฺา นักทิพย์นิยมผู้ปฏิบัติกิจกรรมอันเป็นมงคลจะไม่พบกับความหายนะ ไม่ว่าในโลกนี้หรือในโลกทิพย์ โอ้ สหายข้า คนทำดีจะไม่มีวันถูกความชั่วครอบงำ
คำอธิบายฺ
ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ (1.5.17 ) ชรี นาระดะ มุนิ กล่าวสอน วิยาสะเดวะ ดังต่อไปนี้
ทยัคทวา สวะ-ดฺารมัม ชะระณามบุจัม ฮะเรร
บฺะจันน อพัคโว ่ทฺะ พะเทท ทะโท ยะดิฺ
ยะทระ ควะ วาบฺะดรัม อบํูด อมุชยะ คิม
โค วารทฺะ อาพโท ่บฺะจะทาม สะวะ ดฺารมะทะฮฺ
“หากผู้ใดยกเลิกความมุ่งหวังทางวัตถุทั้งปวงและรับเอาองค์ภควานเป็นที่พึ่งอย่างสมบูรณ์ จะไม่สูญเสียหรือตกต่ำลงไม่ว่าในทางใด อีกด้านหนึ่ง ผู้ไม่ใช่สาวกอาจปฏิบัติหน้าที่ในสายอาชีพของตนอย่างสมบูรณ์ แต่จะไม่ได้รับประโยชน์อันใดเลย” สำหรับความมุ่งหวังทางวัตถุมีกิจกรรมมากมายทั้งตามพระคัมภีร์และตามประเพณี นักทิพย์นิยมควรยกเลิกกิจกรรมทางวัตถุทั้งมวลเพื่อความเจริญก้าวหน้าแห่งชีวิตทิพย์หรือคริชณะจิตสำนึก เขาอาจเถียงว่าคริชณะจิตสำนึกบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดได้หากปฏิบัติอย่างสมบูรณ์ แต่ถ้าหากว่าไม่บรรลุถึงระดับสมบูรณ์นี้จะสูญเสียทั้งทางวัตถุและทางจิตวิญญาณ ได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่าเขาต้องรับทุกข์จากผลกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ ฉะนั้น ผู้ที่ไม่ปฏิบัติกิจกรรมทิพย์อย่างเหมาะสมจะได้รับผลกรรมเหล่านี้ บฺากะวะธัมฺ ได้ยืนยันว่า นักทิพย์นิยมผู้ไม่ประสบผลสำเร็จไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล ถึงแม้อาจได้รับผลกรรมที่ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างสมบูรณ์ก็ไม่สูญเสียอะไรเพราะคริชณะจิตสำนึกเป็นสิริมงคลจะไม่มีวันถูกลืม และผู้ได้ปฏิบัติเช่นนี้จะปฏิบัติต่อไปแม้หากเขาเกิดมาต่ำต้อยในชาติหน้า อีกด้านหนึ่ง หากบุคคลปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด แต่ไม่มีคริชณะจิตสำนึกจะไม่ได้รับผลอันเป็นมงคล
คำอธิบายเข้าใจได้ดังต่อไปนี้ มนุษยชาติอาจแบ่งออกได้เป็นสองพวก คือพวกมีกฎเกณฑ์และพวกที่ไม่มีกฎเกณฑ์ พวกที่เพียงแต่ปฏิบัติตนเพื่อสนองประสาทสัมผัสเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานโดยปราศจากความรู้ของชาติหน้า หรือความหลุดพ้นแห่งดวงวิญญาณเป็นพวกที่ไม่กฎเกณฑ์ พวกที่ปฏิบัติตามหลักธรรมแห่งหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระคัมภีร์เป็นพวกที่มีกฎเกณฑ์ พวกไม่มีกฎเกณฑ์ทั้งศิวิไลและไม่ศิวิไล มีการศึกษาและด้อยการศึกษา แข็งแรงและอ่อนแอ ทั้งหมดเต็มไปด้วยนิสัยสัตว์เดรัจฉาน กิจกรรมของพวกนี้ไม่เคยเป็นมงคล เพราะขณะที่เพลิดเพลินกับนิสัยเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานในการกิน นอน ป้องกันตัว และเพศสัมพันธ์ พวกเขาจะยังคงมีความเป็นอยู่ทางวัตถุชั่วกัลปวสานซึ่งมีแต่ความทุกข์ อีกด้านหนึ่ง พวกมีกฎเกณฑ์ตามคำสั่งสอนของพระคัมภีร์จะค่อย ๆ เจริญขึ้นมาสู่คริชณะจิตสำนึก ชีวิตจะเจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน
พวกที่ปฏิบัติตามวิธีอันเป็นมงคลแบ่งได้เป็นสามกลุ่ม คือ (1) กลุ่มที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์และได้รับความสุขจากความมั่งคั่งทางวัตถุ (2)กลุ่มที่พยายามค้นหาเสรีภาพสูงสุดจากความเป็นอยู่ทางวัตถุ และ (3) กลุ่มที่เป็นสาวกในคริชณะจิตสำนึก กลุ่มที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์เพื่อความสุขทางวัตถุอาจแบ่งต่อไปอีกได้เป็นสองกลุ่มย่อย คือกลุ่มที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุ และกลุ่มที่ไม่ปรารถนาผลทางวัตถุเพื่อสนองประสาทสัมผัส พวกที่ปรารถนาผลทางวัตถุเพื่อสนองประสาทสัมผัสอาจพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้นจนกระทั่งไปถึงดาวเคราะห์ที่สูงกว่า แต่ถึงกระนั้น เนื่องจากมิได้เป็นอิสระจากความเป็นอยู่ทางวัตถุเพื่อสนองประสาทสัมผัส อาจพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้นจนกระทั่งไปถึงดาวเคราะห์ที่สูงกว่า ถึงกระนั้นเนื่องจากมิได้เป็นอิสระจากความเป็นอยู่ทางวัตถุ จึงไม่ได้ปฏิบัติตามวิถีทางอันเป็นมงคลอย่างแท้จริง กิจกรรมอันเป็นมงคลคือกิจกรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้นเท่านั้นกิจกรรมใด ๆ ที่ไม่มุ่งไปที่ความรู้แจ้งแห่งตนหรือความหลุดพ้นจากแนวคิดชีวิตทางวัตถุในที่สุดจะไม่เป็นมงคลเลย กิจกรรมในคริชณะจิตสำนึกเป็นกิจกรรมเดียวที่เป็นมงคลและผู้ใดอาสายอมรับความไม่สะดวกสบายทางร่างกายทั้งมวลเพื่อความเจริญก้าวหน้าบนวิถีแห่งคริชณะจิตสำนึกสามารถเรียกได้ว่าเป็นนักทิพย์นิยมที่สมบูรณ์ภายใต้ความสมถะอย่างเคร่งครัด เพราะระบบโยคะแปดระดับจะนำมาสู่ความรู้แจ้งแห่งคริชณะจิตสำนึกในที่สุด การฝึกปฏิบัติเช่นนี้เป็นมงคลเช่นกัน ผู้ใดที่พยายามอย่างดีที่สุดในเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกลัวตกลงต่ำ
พราพยะ พุณยะ-คริทาม โลคาน
อุชิทวา ชาชวะทีฮ สะมาฮฺ
ชุชีนาม ชรีมะทาม เกเฮ
โยกะ-บฺรัชโท ่บิฺจายะเทฺ
พราพยะฺ - หลังจากได้รับ, พุณยะ-คริทามฺ - ของพวกทำบุญ, โลคานฺ - ดาวเคราะห์, อุชิทวาฺ - หลังจากอาศัยอยู่, ชาชวะทีฮฺ - หลาย ๆ, สะมาฮฺ - ปี, ชุชีนามฺ - แห่งบุญ, ชรี- มะทามฺ - แห่งความรุ่งเรือง, เกเฮฺ - ในบ้าน, โยกะ-บฺรัชทะฮฺ - ผู้ตกลงจากวิถีความรู้แจ้งแห่งตน, อบิฺจายะเทฺ - เกิด
คำแปลฺ
หลังจากมีความสุขหลาย ๆ ปีบนดาวเคราะห์ของสิ่งมีชีวิตผู้มีบุญ โยคีผู้ไม่ประสบความสำเร็จ จะเกิดในตระกูลของคนที่มีคุณธรรม หรือเกิดในตระกูลสูงที่ร่ำรวย
คำอธิบายฺ
โยคีที่ไม่ประสบผลสำเร็จแบ่งออกเป็นสองพวก พวกหนึ่งตกลงมาหลังจากความเจริญก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย อีกพวกหนึ่งตกลงมาหลังจากการฝึกปฏิบัติโยคะเป็นเวลายาวนาน โยคีที่ตกลงมาหลังจากการฝึกปฏิบัติในระยะเวลาสั้นจะไปยังดาวเคราะห์ที่สูงกว่าที่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตผู้มีบุญไปอยู่ หลังจากมีชีวิตอันยืนยาวอยู่ที่นั่น จะถูกส่งกลับมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง โดยมาเกิดในตระกูล บราฮมะณะ ไวชณะวะฺ ผู้มีคุณธรรมหรือในตระกูลพ่อค้าวานิชที่ร่ำรวย
จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการฝึกปฏิบัติโยคะ คือ บรรลุความสมบูรณ์สูงสุดแห่งคริชณะจิตสำนึก ดังที่ได้อธิบายไว้ในโศลกสุดท้ายของบทนี้ แต่พวกที่ไม่มีความเพียรพยายามมากเช่นนี้และตกลงต่ำเพราะไปลุ่มหลงทางวัตถุ จะได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์กับนิสัยชอบทางวัตถุอย่างเต็มที่ด้วยพระเมตตาขององค์ภควาน หลังจากนั้นก็จะได้รับโอกาสให้ไปใช้ชีวิตมั่งคั่งในตระกูลที่มีคุณธรรมหรือตระกูลสูง พวกที่เกิดในตระกูลเช่นนี้อาจฉวยประโยชน์จากสิ่งเอื้ออำนวยต่าง ๆ และพยายามพัฒนาตนเองให้มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์
อทฺะ วา โยกินาม เอวะ
คุเล บฺะวะทิ ดีฺมะทามฺ
เอทัด ดิฺ ดุรละบฺะทะรัม
โลเค จันมะ ยัด อีดริชัมฺ
อทฺะ วาฺ - หรือ, โยกินามฺ - ของนักทิพย์นิยมผู้มีความรู้, เอวะฺ - แน่นอน, คุเลฺ - ในครอบครัว, บฺะวะทิฺ - เกิด, ดีฺฺ - มะทามฺ - ของพวกมีปัญญาสูง, เอทัทฺ - นี้, ฮิฺ - แน่นอน, ดุรละบฺะ-ทะรัมฺ - หายากมาก, โลเคฺ - ในโลกนี้, จันมะฺ - เกิด, ยัทฺ - ที่ซึ่ง, อีดริชัมฺ - เหมือนเช่นนี้
คำแปลฺ
หรือ (หากไม่ประสบผลสำเร็จหลังจากฝึกปฏิบัติโยคะมาเป็นเวลานาน) เขาจะเกิดในครอบครัวของนักทิพย์นิยมผู้ที่เปี่ยมไปด้วยปัญญาอย่างแน่นอน และเป็นจริงที่การเกิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกนี้
คำอธิบายฺ
การเกิดในตระกูลของโยคีหรือนักทิพย์นิยมผู้ที่เปี่ยมไปด้วยปัญญาได้รับการสรรเสริญไว้ ณ ที่นี้ว่า เด็กที่เกิดในตระกูลเช่นนี้ได้รับแรงกระตุ้นทางจิตวิญญาณตั้งแต่แรกเริ่มของชีวิต โดยเฉพาะในกรณีของตระกูล อาชารยะฺ หรือ โกสวามีฺ ตระกูลเช่นนี้มีความรู้มากและอุทิศตนเสียสละตามประเพณีและการฝึกปฏิบัติ ดังนั้น พวกท่านจึงกลายมาเป็นพระอาจารย์ทิพย์ ในประเทศอินเดีย มีตระกูล อาชารยะฺ เช่นนี้มากมายแต่ปัจจุบันเสื่อมทรามลง อันเนื่องมาจากการศึกษาและการฝึกปฏิบัติไม่เพียงพอ ด้วยพระเมตตาขององค์ภควานจึงยังมีครอบครัวที่อุปถัมภ์นักทิพย์นิยมมาหลายชั่วคน แน่นอนว่าเป็นบุญมหาศาลที่ได้เกิดในตระกูลเช่นนี้ โชคดีที่ทั้งพระอาจารย์ทิพย์ของเรา โอมวิชณุพาดะ ชรี ชรีมัด บัฺคธิสิดดฺานธะ สะรัสวะที โกสวามี มะฮาราจะ และตัวอาตมาเองได้มีโอกาสเกิดในตระกูลเช่นนี้ ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน เราทั้งสองคนได้รับการฝึกฝนในการอุทิศตนเสียสละรับใช้พระองค์ตั้งแต่แรกเริ่มของชีวิต ต่อมาเราได้มาพบกันตามคำสั่งแห่งระบบทิพย์
ทะทระ ทัม บุดดิฺ-สัมโยกัม
ละบฺะเท โพรวะ-เดฮิคัมฺ
ยะทะเท ชะ ทะโท บํูยะฮ
สัมสิดโดฺ คุรุ-นันดะนะฺ
ทะทระฺ - จากนั้น, ทัมฺ - นั้น, บุดดิฺฺ - สัมโยกัมฺ - ฟื้นฟูจิตสำนึก, ละบฺะเทฺ - ได้รับ, โพรวะ-เดฮิ คัมฺ - จากร่างก่อน, ยะทะเทฺ - เขาพยายาม, ชะฺ - เช่นกัน, ทะทะฮฺ - หลังจากนั้น, บํูยะฮฺ - อีกครั้ง, สัมสิดโดฺฺ - เพื่อความสมบูรณ์, คุรุ-นันดะนะฺ - โอ้ โอรสแห่งคุรุ
คำแปลฺ
การเกิดเช่นนี้ทำให้ได้ฟื้นฟูจิตสำนึกทิพย์ของเขาจากชาติปางก่อน และพยายามเพื่อความเจริญก้าวหน้าอีกครั้งในการบรรลุถึงความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ โอ้โอรสแห่งคุรุ
คำอธิบายฺ
กษัตริย์ บฺะระทะ ทรงประสูติในตระกูลพรามหณ์ที่ดี เป็นตัวอย่างในการเกิดที่ดีเพื่อฟื้นฟูจิตสำนึกทิพย์ในอดีต พระราชา บฺะระทะ ทรงเป็นจักรพรรดิ์แห่งโลก นับตั้งแต่นั้นมาโลกนี้มีชื่อเรียกในหมู่เทวดาว่า บฺาระทะ-วารชะฺ ในอดีตมีชื่อว่า อิลาวริทะ- วารชะฺ เมื่อยังทรงพระเยาว์ จักรพรรดิ์ทรงสละราชบัลลังก์เพื่อความสมบูรณ์ในวิถีทิพย์แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ในชาติต่อมาประสูติในตระกูลพราหมณ์ที่ดี มีพระนามว่า จะดะ บฺะระทะฺ เนื่องจากทรงอยู่ในที่สันโดษเสมอและไม่พูดกับผู้ใด ในเวลาต่อมากษัตริย์ ระฮูกะณะฺ ทรงพบว่า จะดะ บฺะระทะฺ เป็นนักทิพย์นิยมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด จากชีวิตของกษัตริย์ บฺะระทะฺ นี้ทำให้เข้าใจได้ว่าความพยายามในวิถีทิพย์ หรือการฝึกปฏิบัติโยคะไม่เคยสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ ด้วยพระเมตตาขององค์ภควาน นักทิพย์นิยมจะได้รับโอกาสอีกครั้งเพื่อความสมบูรณ์บริบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึก
พูรวาบฺยาเสนะ เทไนวะ
ฮริยะเท ฮิ อวะโช ่พิ สะฮฺ
จิกยาสุร อพิ โยกัสยะ
ชับดะ-บระฮมาทิวารทะเทฺ
พุรวะฺ - ในอดีต, อับยาเสนะฺ - ด้วยการฝึกปฏิบัติ, เทนะฺ - เช่นนั้น, เอวะฺ - แน่นอน, ฮริยะ เทฺ - รัก, ฮิฺ - แน่นอน, อวะชะฮฺ - โดยปริยาย, อพิฺ - เช่นกัน, สะฮฺ - เขา, จิกยาสุฮฺ - ถาม, อพิฺ - แม้แต่, โยกัสยะฺ - เกี่ยวกับโยคะ, ชับดะ-บระฮมะฺ - หลักพิธีกรรมของพระคัมภีร์, อทิวาร ทะเทฺ - อยู่เหนือ
คำแปลฺ
ด้วยบุญบารมีแห่งจิตสำนึกทิพย์จากชาติปางก่อน จิตใจของเขาจะชื่นชอบหลักธรรมของโยคะโดยปริยาย ถึงแม้จะไม่แสวงหา นักทิพย์นิยมที่ชอบถามผู้นี้ จะยืนอยู่เหนือหลักพิธีกรรมของพระคัมภีร์เสมอ
คำอธิบายฺ
โยคีผู้เจริญแล้วไม่ติดใจอยู่กับพิธีกรรมของพระคัมภีร์ แต่จะชื่นชอบหลักธรรมของโยคะโดยปริยาย ซึ่งสามารถพัฒนาให้มาถึงคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์หรือความสมบูรณ์สูงสุดแห่งโยคะ ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ (3.33.7 ) การที่นักทิพย์นิยมผู้เจริญแล้วไม่สนใจพิธีกรรมทางพระเวท ได้อธิบายไว้ดังนี้
อโฮ บะทะ ชวะ-พะโช ่โท กะรียาน
ยัจ-จิฮวาเกร วารทะเท นามะ ทุบฺยัมฺ
เทพุส ทะพัส เท จุฮุวุฮ สัสนุร อารยา
บระฮมานูชุร นามะ กริณันทิ เย เทฺ
“โอ้ องค์ภควานที่รัก! บุคคลผู้สวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แม้จะเกิดในตระกูลคนกินสุนัข ก็มีความเจริญในชีวิตทิพย์มาก ผู้สวดภาวนาเช่นนี้ได้ปฏิบัติความสมถะและการบูชาทุกชนิดโดยไม่ต้องสงสัย ได้อาบน้ำในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่ง และได้เสร็จสิ้นการศึกษาพระคัมภีร์ทั้งหมดแล้ว”
องค์ชรีเชธันญะทรงให้ตัวอย่างสาวกที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ไว้ด้วยการยอมรับ ทฺา-คุระ ฮาริดาสะ ว่าเป็นหนึ่งในสาวกที่สำคัญที่สุดของพระองค์ ถึงแม้ ทฺาคุระ ฮาริดาสะได้เกิดในตระกูลมุสลิม แต่ได้พัฒนามาจนองค์ชรีเชธันญะทรงให้ฉายาว่า นามาชารยะฺอันเนื่องมากจาก ทฺาคุระ ฮาริดาสะ รับเอาหลักการสวดภาวนาอย่างเคร่งครัดถึงสามแสนพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควานทุกวัน ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะ คริชณะคริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร ท่านสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อยู่เสมอ เข้าใจว่าในอดีตชาติท่านต้องผ่านการปฏิบัติตามพิธีกรรมของพระเวททั้งหลาย ที่เรียกว่า ชับดะ-บระฮมะฺ ดังนั้น นอกจากมีความบริสุทธิ์ มิฉะนั้น จะไม่สามารถรับหลักธรรมของคริชณะจิตสำนึก หรือปฏิบัติการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน ฮะเร คริชณะ ได้
พระยัทนาด ยะทะมานัส ทุ
โยกี สัมชุดดฺะ-คิลบิชะฮฺ
อเนคะ-จันมะ-สัมสิดดัฺส
ทะโท ยาทิ พะราม กะทิมฺ
พระยัทนาทฺ - ด้วยการฝึกปฏิบัติอย่างจริงจัง, ยะทะมานะฮฺ - ความพยายาม, ทฺุ - และ, โยกีฺ - นักทิพย์นิยมเช่นนี้, สัมชุดดฺะฺ - ชะล้าง, คิลบิชะฮฺ - ความบาปทั้งมวล, อเนคะฺ - หลังจากหลายต่อหลาย, จันมะฺ - การเกิด, สัมสิดดฺะฮฺ - บรรลุความสมบูรณ์, ทะทะฮฺ - หลังจากนั้น, ยาทิฺ - ได้รับ, พะรามฺ - สูงสุด, กะทิมฺ - จุดมุ่งหมาย
คำแปลฺ
และเมื่อโยคีปฏิบัติตนด้วยความพยายามอย่างจริงใจในความเจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก ชะล้างมลทินทั้งหมด และในที่สุดบรรลุถึงความสมบูรณ์ หลังจากฝึกปฏิบัติมาหลายต่อหลายชาติ เขาจะบรรลุถึงจุดมุ่งหมายสูงสุด
คำอธิบายฺ
บุคคลผู้เกิดในตระกูลสูงและมีคุณธรรม หรือตระกูลที่ใฝ่ศาสนาโดยเฉพาะรู้สำนึกถึงสภาวะที่เอื้ออำนวยในการฝึกปฏิบัติโยคะ ดังนั้น ด้วยความมั่นใจจึงเริ่มทำงานที่ยังคั่งค้างอยู่ และชะล้างตัวเขาจากมลทินทางวัตถุทั้งมวลให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์ ในที่สุดเมื่อเป็นอิสระจากมลทินทั้งมวล เขาจะบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดหรือคริชณะจิตสำนึกคริชณะจิตสำนึกเป็นระดับที่สมบูรณ์ในการเป็นอิสระจากมลทินทั้งมวล ได้ยืนยันไว้ใน ภควัต-คีตาฺ (7.28 )
เยชาม ทุ อันทะ-กะทัม พาพัม
จะนานาม พุณยะ-คารมะณามฺ
เท ดวันดวะ-โมฮะ-นิรมุคทา
บฺะจันเท มาม ดริดฺะ-วระทาฮฺ
“หลังจากหลายต่อหลายชาติในการสะสมบุญ เมื่อเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์จากมลทินทั้งปวงจากความหลงกับสิ่งคู่ทั้งหลาย เขาจะมาปฏิบัติในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควาน”
ทะพัสวิบฺโย ่ดิฺโค โยกี
กยานิบฺโย ่พิ มะโท ่ดิฺคะฮฺ
คารมิบฺยัช ชาดิฺโค โยกี
ทัสมาด โยกี บฺะวารจุนะฺ
ทะพัสวิบฺยะฮฺ - กว่านักพรต, อดิฺคะฮฺ - ยิ่งใหญกว่า, โยกีฺ - โยคี, กยานิบฺยะฮฺ - กว่านักปราชญ์, อพิฺ - เช่นกัน, มะทะฮฺ - พิจารณา, อดิฺคะฮฺ - ยิ่งใหญกว่า, คารมิบฺยะฮฺ - กว่าผู้ทำงานเพื่อผลทางวัตถุ, ชะฺ - เช่นกัน, อดิฺคะฮฺ - ยิ่งใหญ่กว่า, โยกีฺ - โยคี, ทัสมาทฺ - ดังนั้น, โยกีฺ - นักทิพย์นิยม, บฺะวะฺ - จงมาเป็น, อารจุนะฺ - โอ้ อารจุนะ
คำแปลฺ
โยคียิ่งใหญ่กว่านักพรต ยิ่งใหญ่กว่านักปราชญ์ และยิ่งใหญ่กว่าผู้ทำงานเพื่อผลทางวัตถุ ฉะนั้น โอ้ อารจุนะ ในทุก ๆ สถานการณ์ เธอจงเป็นโยคี
คำอธิบายฺ
เมื่อเราพูดถึงโยคะ เราหมายถึงการเชื่อมสัมพันธ์จิตสำนึกของเรากับสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุด วิธีการปฏิบัตินี้ มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามแนวทางของนักปฏิบัติ เมื่อวิธีการเชื่อมสัมพันธ์เน้นที่กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุมีชื่อเรียกว่า คารมะ-โยกะฺ เมื่อเน้นที่ปรัชญามีชื่อเรียกว่า กยานะ-โยกะฺ เมื่อเน้นความสัมพันธ์ในการอุทิศตนเสียสละต่อองค์ภควานมีชื่อเรียกว่า ภักดี-โยคะ, ภักดี-โยคะฺ หรือคริชณะจิตสำนึกเป็นความสมบูรณ์สูงสุดแห่งโยคะทั้งหลาย ดังจะอธิบายในโศลกต่อไป องค์ภควานทรงยืนยันในที่นี้ถึงความยิ่งใหญ่แห่งโยคะ แต่ทรงมิได้กล่าวว่ามีอะไรดีไปกว่า ภักดี-โยคะ, ภักดี-โยคะฺ เป็นความรู้ทิพย์ที่สมบูรณ์ เช่นนี้ จึงไม่มีอะไรที่เหนือกว่า ระบบนักพรตโดยปราศจากความรู้แห่งตนไม่สมบูรณ์ ความรู้ทางปรัชญาโดยปราศจากการศิโรราบต่อองค์ภควานก็ไม่สมบูรณ์ และการทำงานเพื่อผลทางวัตถุโดยปราศจากคริชณะจิตสำนึกเป็นการเสียเวลา ฉะนั้น การปฏิบัติโยคะที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญอย่างสูงสุด ณ ที่นี้คือ ภักดี- โยคะฺ และจะอธิบายให้กระจ่างกว่านี้ในโศลกต่อไป
โยกินาม อพิ สารเวชาม
มัด-กะเทนานทาร-อาทมะนาฺ
ชรัดดฺาวาน บฺะจะเท โย มาม
สะ เม ยุคทะทะโม มะทะฮฺ
โยกินามฺ - ของโยคี, อพิฺ - เช่นกัน, สารเวชามฺ - ทุกชนิด, มัท-กะเทนะฺ - มีข้าเป็นสรณะ,ระลึกถึงข้าอยู่เสมอ, อันทะฮ-อาทมะนาฺ - ภายในตัวเขา, ชรัดดฺา-วานฺ - เปี่ยมไปด้วยศรัทธา, บฺะจะเทฺ - ปฏิบัติรับใช้ด้วยความรักทิพย์, ยะฮฺ - ผู้ซึ่ง, มามฺ - แด่ข้า (องค์ภควาน ), สะฮฺ - เขา, เมฺ - โดยข้า, ยุคทะ-ทะมะฮฺ - โยคีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด, มะทะฮฺ - พิจารณาว่า
คำแปลฺ
ในบรรดาโยคีทั้งหลาย ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา มีข้าเป็นสรณะอยู่เสมอระลึกถึงข้าอยู่ภายใน ปฏิบัติรับใช้ข้าด้วยความรักทิพย์ โยคีผู้นี้อยู่ร่วมกับข้าในโยคะอย่างใกล้ชิดที่สุด และเป็นบุคคลสูงสุด นี่คือความคิดเห็นของข้า
คำอธิบายฺ
คำว่า บฺะจะเทฺ มีความสำคัญ ณ ที่นี้ บฺะจะเทฺ มีรากศัพท์มาจากคำกริยา บัฺจฺซึ่งใช้คำนี้เมื่อมีความจำเป็นในการรับใช้ คำว่า “บูชา” ไม่สามารถใช้ในความหมายเดียวกันกับคำว่า บัฺจฺ ได้ บูชาหมายความถึงการเคารพ หรือแสดงความนับถือและให้เกียรติต่อผู้ที่ทรงเกียรติ แต่การรับใช้ด้วยความรักและศรัทธาหมายถึงองค์ภควานเท่านั้น เราอาจหลีกเลี่ยงการบูชาผู้ที่เคารพนับถือหรือเทวดาได้ แล้วจะถูกเรียกว่าเป็นคนไม่มีมารยาท แต่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรับใช้องค์ภควานได้โดยไม่ถูกตำหนิอย่างรุนแรง ทุก ๆ ชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควาน ดังนั้นทุก ๆ ชีวิตมีไว้เพื่อรับใช้พระองค์ตามสถานภาพพื้นฐานของตนเอง หากไม่ทำเช่นนี้จะทำให้ตกต่ำลง บฺากะวะธัมฺ(11.5.3 ) ได้ยืนยันไว้ดังต่อไปนี้
ยะ เอชาม พุรุชัม สาคชาด
อาทมะ-พระบฺะวัม อีชวะรัมฺ
นะ บฺะจันทิ อวะจานันทิ
สทฺานาด บฺรัชทาฮ พะทันทิ อดฺะฮฺ
“ผู้ใดที่ไม่ปฏิบัติรับใช้องค์ภควานผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของมวลชีวิต และละเลยหน้าที่ของตน จะตกลงต่ำจากสถานภาพพื้นฐานของตนอย่างแน่นอน”
ในโศลกนี้คำว่า บฺะจันทิฺ ได้นำมาใช้เช่นเดียวกัน ฉะนั้น คำว่า บฺะจันทิฺ ใช้ได้เฉพาะกับองค์ภควานเท่านั้น ในขณะที่คำว่า “บูชา” สามารถใช้ได้กับเทวดาหรือสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป คำว่า อวะจานันทิฺ ที่ใช้ในโศลกของ ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ นี้ก็พบใน ภควัต-คีตาฺ เช่นกัน อวะจานันทิ มาม มูดฺาฮฺ “ คนโง่และเลวทรามเท่านั้นที่เย้ยหยันองค์ภควานชรีคริชณะ” พวกคนโง่เช่นนี้เขียนคำอธิบาย ภควัต-คีตาฺ ด้วยตัวเองโดยปราศจากท่าทีแห่งการรับใช้องค์ภควาน ดังนั้น พวกนี้ไม่สามารถแยกได้อย่างถูกต้องระหว่างคำว่า บฺะจันทิฺ และคำว่า “บูชา”
การฝึกปฏิบัติโยคะทั้งหลายมาถึงจุดสุดยอดที่ ภักดี-โยคะฺ โยคะรูปแบบอื่นทั้งหลายเป็นเพียงวิถีทางเพื่อให้มาถึงจุด ภักดีฺ ใน ภักดี-โยคะฺ อันที่จริงโยคะหมายถึงภักดี-โยคะฺ โยคะรูปแบบอื่นทั้งหมดเป็นขั้นบันไดเพื่อให้มาถึงจุดหมายปลายทางแห่งภักดี-โยคะฺ นี้ จากการเริ่มต้นของ คารมะ-โยกะฺ มาจนจบลงที่ ภักดี-โยคะฺ เป็นหนทางอันยาวไกลเพื่อความรู้แจ้งแห่งตน คารมะ-โยกะฺ โดยปราศจากผลทางวัตถุเป็นจุดเริ่มต้นแห่งวิถีทางนี้ เมื่อ คารมะ-โยกะฺ พัฒนาความรู้ และการเสียสละระดับนี้เรียกว่า กยานะ-โยกะฺ เมื่อ กยานะ-โยกะฺ พัฒนาการทำสมาธิที่อภิวิญญาณ ด้วยวิธีการทางสรีระร่างกายต่าง ๆ นานา และตั้งสมาธิจิตอยู่ที่พระองค์เรียกว่า อัชทางกะ-โยกะฺ เมื่อข้ามพ้น อัชทางกะ-โยกะฺ และมาถึงจุดแห่งบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์ชรีคริชณะเรียกว่า ภักดี-โยคะฺ ซึ่งเป็นจุดสุดยอด อันที่จริง ภักดี-โยคะฺ เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด แต่เพื่อเป็นการวิเคราะห์ ภักดี-โยคะฺ อย่างละเอียดถี่ถ้วนเราต้องเข้าใจโยคะอื่น ๆ เหล่านี้ฉะนั้น โยคีที่เจริญก้าวหน้าจะอยู่บนวิถีทางแห่งความโชคดีนิรันดรอย่างแท้จริง ผู้ที่ยึดติดอยู่กับจุดหนึ่งจุดใดโดยเฉพาะ และไม่สร้างความเจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีกมีชื่อเรียกเฉพาะนั้น ๆ ว่า คารมะ-โยกี, กยานะ-โยกีฺ, หรือ ดฺยานะ-โยกี, ราจะ-โยกี, ฮะทฺะ-โยกีฺ,ฯลฯ หากผู้ใดโชคดีพอที่มาถึงจุดแห่ง ภักดี-โยคะฺ เข้าใจได้ว่าได้ข้ามพ้นโยคะอื่น ๆ ทั้งหลาย ดังนั้น การมีคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นระดับสูงสุดแห่งโยคะ เฉกเช่นเมื่อเราพูดถึง ฮิมาละยันฺ เราหมายถึงเทือกเขาที่สูงที่สุดในโลก ภูเขาหิมาลัยที่มียอดสูงสุดจึงพิจารณาว่าเป็นจุดสุดยอด
ด้วยโชคอันมหาศาลที่เรามาถึงคริชณะจิตสำนึกบนหนทางแห่ง ภักดี-โยคะฺ และสถิตอย่างดีตามคำแนะนำของคัมภีร์พระเวท โยคีที่ดีเลิศตั้งสมาธิอยู่ที่ีคริชณะผู้ทรงมีพระนามว่าชยามะสุนดะระฺ ผู้ทรงมีสีสันสวยงามดั่งก้อนเมฆ พระพักตร์คล้ายรูปดอกบัว มีรัศมีเจิดจรัสดั่งดวงอาทิตย์ มีพระอาภรณ์สว่างไสวไปด้วยอัญมณี และมีพระวรกายประดับด้วยมาลัยดอกไม้ รัศมีอันงดงามของพระองค์เจิดจรัสไปทั่วทุกสารทิศมีชื่อว่า บระฮมะจโยทิฺ พระองค์ทรงอวตารมาในรูปลักษณ์ต่าง ๆ เช่น พระราม นริสิมฮะวะราฮะ และคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า พระองค์เสด็จลงมาเยี่ยงมนุษย์ ทรงเป็นโอรสของพระนางยะโชดา และมีพระนามว่าคริชณะ โกวินดะและวาสุเดวะ พระองค์ทรงเป็นโอรส เป็นพระสวามี เป็นพระสหายและเป็นพระอาจารย์ที่สมบูรณ์ และพระองค์ยังเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งและคุณสมบัติทิพย์ทั้งหลาย หากผู้ใดรักษาจิตสำนึกอย่างเต็มเปี่ยมเกี่ยวกับลักษณะเหล่านี้ขององค์ภควาน จะได้ชื่อว่าเป็นโยคีที่สูงสุด
ระดับแห่งความสมบูรณ์สูงสุดในโยคะนี้สามารถบรรลุได้ด้วย ภักดี-โยคะฺ เท่านั้น ดังที่ได้ยืนยันไว้ในวรรณกรรมพระเวททั้งหลายว่า
ยัสยะ เดเว พะรา บัฺคทิร
ยะทฺา เดเว ทะทา กุโรฺ
ทัสไยเท คะทิฺทา ฮิ อารทฺาฮ
พระคาชันเท มะฮาทมะนะฮฺ
“ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้นทั้งในองค์ภควานและพระอาจารย์ทิพย์เท่านั้น ที่สาระสำคัญทั้งหลายแห่งความรู้พระเวทจะถูกเปิดเผยโดยปริยาย” (ชเวทาชวะทะระ อุพะนิชัดฺ 6.23 )
บัฺคธิ อัสยะ บฺะจะนัม ทัด อิฮามุโทรพาดิฺ-ไนราสเยนามุชมิน มะนะฮ-คัลพะ นัม, เอทัด เอวะ ไนชคารมยัม “บัฺคธิฺ หมายถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานซึ่งมีอิสระเสรีจากความปรารถนาเพื่อผลกำไรทางวัตถุ ไม่ว่าในชาตินี้หรือในชาติหน้าปราศจากซึ่งแนวโน้มเช่นนี้ เขาควรให้จิตใจซึมซาบอย่างบริบูรณ์ในองค์ภควาน นั่นคือจุดมุ่งหมายของ ไนชคารมยะฺ” (โกพาละ-ทาพะนี อุพะนิชัดฺ 1.15 )
เหล่านี้คือวิถีทางบางประการในการปฏิบัติ บัฺคธิฺ หรือคริชณะจิตสำนึกซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์สูงสุดแห่งระบบโยคะ
ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดยบัฺคธิเวดันธะ บทที่หกของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่องดฺยานะ-โยกะฺ