ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ หก

ดฺยานะ-โยกะ

โศลก 1

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
อนาชริทะฮ คารมะ-พระลัม
คารยัม คารมะ คะโรทิ ยะฮฺ

สะ สันนยาสี ชะ โยกี ชะ
นะ นิรักนิร นะ ชาคริยะฮฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  องค์ภควานตรัส, อนาชริทะฮฺ  -  ปราศจากที่พึ่ง, คารมะ-พฺะลัมฺ  -  ของผลแห่งงาน, คารยัมฺ  -  หน้าที่, คารมะฺ  -  งาน, คะโรทิฺ  -  ปฏิบัติ, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, สะฮฺ  -  เขา, สันนยาสีฺ  -  ในระดับสละโลก, ชะฺ  -  เช่นกัน, โยกีฺ  -  โยคี, ชะฺ  -  เช่นกัน, นะฺ  -  ไม่, นิฮฺ  -  ปราศจาก, อักนิรฺ  -  ไฟ, นะฺ  -  ไม่, ชะฺ  -  เช่นกัน, อคริยะฮฺ  -  ปราศจากหน้าที่

คำแปลฺ

องค์ภควานตรัสว่า  ผู้ที่ไม่ยึดติดต่อผลงานของตนและทำงานไปตามหน้าที่  เป็นผู้ที่อยู่ในระดับชีวิตสละโลกและเป็นโยคีที่แท้จริง  มิใช่ผู้ที่ไม่ก่อไฟและไม่ปฏิบัติหน้าที่

คำอธิบายฺ

ในบทนี้องค์ภควานทรงอธิบายว่า  วิธีของระบบโยคะแปดระดับเป็นวิถีทางเพื่อควบคุมจิตใจและประสาทสัมผัส  อย่างไรก็ดี  มันเป็นสิ่งยากมากสำหรับคนทั่วไปที่จะปฏิบัติได้โดยเฉพาะใน  คะลิ  ยุคฺ  ถึงแม้ระบบโยคะแปดระดับได้แนะนำไว้ในบทนี้  พระองค์ทรงเน้นว่าวิธีของ  คารมะฺ-โยกะฺ  หรือการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกดีกว่า  ทุกคนปฏิบัติตนในโลกนี้เพื่อค้ำจุนครอบครัวและทรัพย์สมบัติของตน  ไม่มีผู้ใดทำงานโดยปราศจากความเห็นแก่ตัวหรือเพื่อสนองตอบส่วนตัวบางประการ  ไม่ว่าในวงแคบหรือวงกว้างบรรทัดฐานแห่งความสมบูรณ์คือการปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  ไม่ใช่ด้วยแนวคิดที่จะหาความสุขกับผลของงาน  การปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเป็นหน้าที่ของทุกชีวิต  เพราะว่าทุกชีวิตโดยพื้นฐานเป็นละอองอณูขององค์ภควาน  ส่วนต่าง  ๆ  ของร่างกายปฏิบัติงานเพื่อให้ทั่วทั้งเรือนร่างพึงพอใจ  แขนและขามิได้ปฏิบัติเพื่อให้ส่วนของตนเองพึงพอใจแต่เพื่อความพึงพอใจของทั่วทั้งเรือนร่าง  ในทำนองเดียวกัน  สิ่งมีชีวิตผู้ปฏิบัติเพื่อความพึงพอใจของส่วนรวมสูงสุด  และไม่ใช่เพื่อความพึงพอใจของตนเองจึงเป็น  สันนยาสีฺหรือโยคีที่สมบูรณ์

พวก  สันนยาสีฺ  บางครั้งคิดอย่างผิดธรรมชาติว่าตนเองได้หลุดพ้นแล้วจากหน้าที่ทางวัตถุทั้งมวล  ฉะนั้น  จึงหยุดการปฏิบัติ  อักนิโฮทระ  ยะกยะฺ  (บูชาไฟ  )  แต่อันที่จริงพวกนี้เห็นแก่ตัวเพราะจุดมุ่งหมายเพื่อต้องการมาเป็นหนึ่งเดียวกับ  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  ความต้องการเช่นนี้ยิ่งใหญ่กว่าความต้องการใด  ๆ  ทางวัตถุ  แต่มิใช่ว่าปราศจากความเห็นแก่ตัว  เช่นเดียวกัน  โยคีผู้มีฤทธิ์ฝึกปฏิบัติตามระบบโยคะด้วยการลืมตาครึ่งหนึ่ง  หยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมด  ปรารถนาความพึงพอใจบางประการสำหรับตนเอง  แต่บุคคลผู้ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกทำงานเพื่อความพึงพอใจของส่วนรวมที่สมบูรณ์โดยไม่เห็นแก่ตัว  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกไม่มีความปรารถนาเพื่อความพึงพอใจของตนเอง  บรรทัดฐานแห่งความสำเร็จของท่านอยู่ที่ความพึงพอใจของคริชณะ  ดังนั้น  ท่านจึงเป็น  สันนยาสีฺ  หรือโยคีที่สมบูรณ์  องค์เชธันญะผู้ทรงเป็นเครื่องหมายของความสมบูรณ์สูงสุดแห่งความเสียสละ  ทรงภาวนาดังนี้

นะ ดฺะนัม นะ จะนัม นะ สุนดะรีม
คะวิทาม วา จะกัด-อีชะ คามะเยฺ

มะมะ จันมะนิ จันมะนีชวะเร
บฺะวะทาด บัฺคธิร อไฮทุคี ทวะยิฺ

“โอ้  องค์ภควานผู้ทรงเดช  ข้าพเจ้าไม่ปรารถนาสะสมทรัพย์  ไม่ปรารถนาหาความสุขกับหญิงงาม  และไม่ปรารถนาสานุศิษย์มากมาย  สิ่งเดียวที่ปรารถนาคือพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้ที่ให้ข้าพเจ้าได้อุทิศตนเสียสละรับใช้พระองค์ตลอดทุก  ๆ  ชาติไป”

โศลก 2

ยัม สันนยาสัม อิทิ พราฮุร
โยกัม ทัม วิดดิฺ พาณดะวะฺ

นะ ฮิ อสันนยัสทะ-สังคัลโพ
โยกี บฺะวะทิ คัชชะนะฺ

ยัมฺ  -  อะไร, สันนยาสัมฺ  -  การเสียสละ, อิทิฺ  -  ดังนั้น, พราฮุฮฺ  -  พวกเขากล่าว, โยกัมฺ  -  เชื่อมกับองค์ภควาน, ทัมฺ  -  นั้น, วิดดิฺฺ  -  เธอต้องรู้, พาณดะวะฺ  -  โอ้ โอรสของพาณดุ, นะฺ  -  ไม่เคย, ฮิฺ  -  แน่นอน, อสันนยัสทะฺ  -  ปราศจากการยกเลิก, สังคัลพะฮฺ  -  ปรารถนาเพื่อความพึงพอใจแห่งตน, โยกีฺ  -  นักทิพย์นิยมผู้มีฤทธิ์, บฺะวะทิฺ  -  มาเป็น, คัชชะนะฺ  -  ผู้ใด

คำแปลฺ

เธอควรรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่าการเสียสละเป็นสิ่งเดียวกับโยคะ  หรือการเชื่อมสัมพันธ์ตนเองกับองค์ภควาน  โอ้  โอรสแห่งพาณดุ  ไม่มีผู้ใดสามารถเป็นโยคีได้นอกจากเขาผู้นั้นสละความต้องการเพื่อสนองประสาทสัมผัส

คำอธิบายฺ

สันนยาสะ-โยกะฺ  หรือ  บัฺคธิฺ  ที่แท้จริงหมายความว่าเขาควรรู้สถานภาพพื้นฐานของตนในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตและควรปฏิบัติตามนั้น  สิ่งมีชีวิตไม่มีบุคลิกอิสระที่แยกออกไป  แต่เป็นพลังงานพรมแดนขององค์ภควาน  เมื่อถูกกักขังโดยพลังงานวัตถุเขาจึงอยู่ในสภาวะวัตถุ  และเมื่อมีคริชณะจิตสำนึกหรือตระหนักถึงพลังงานทิพย์ตอนนั้นเขาอยู่ในระดับธรรมชาติที่แท้จริงของชีวิต  ฉะนั้น  เมื่อมีความรู้ที่สมบูรณ์  เขาจะหยุดสนองประสาทสัมผัสวัตถุทั้งหมดหรือสละกิจกรรมเพื่อสนองประสาทสัมผัสทั้งปวง  เช่นนี้  โยคีผู้ควบคุมประสาทสัมผัสจากการยึดติดทางวัตถุปฏิบัติกัน  แต่บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่มีโอกาสที่จะใช้ประสาทสัมผัสของตนไปในสิ่งอื่นใดที่ไม่ใช่จุดมุ่งหมายของคริชณะ  ดังนั้น  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกเป็นทั้ง  สันนยาสีฺ  และโยคีในเวลาเดียวกัน  จุดมุ่งหมายของความรู้และการควบคุมประสาทสัมผัสดังที่ได้อธิบายในวิธีการ  กยานะฺ  และ  โยคะก็บรรลุถึงได้โดยปริยายในคริชณะจิตสำนึกฺ  หากผู้ใดไม่สามารถยกเลิกกิจกรรมแห่งธรรมชาติความเห็นแก่ตัวของตนเอง  กยานะฺ  และ  โยคะฺ  ก็ไม่มีประโยชน์อันใด  จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือเพื่อให้สิ่งมีชีวิตยกเลิกความพึงพอใจที่เห็นแก่ตัวทั้งหมดและเตรียมตัวเพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกไม่มีความปรารถนาเพื่อความสุขส่วนตัวใด  ๆ  ทั้งสิ้น  เขาปฏิบัติตนเพื่อความสุขขององค์ภควานอยู่เสมอ  ฉะนั้นผู้ที่ไม่มีข้อมูลขององค์ภควานจำต้องปฏิบัติเพื่อความพึงพอใจของตนเองเพราะว่าไม่มีผู้ใดสามารถยืนหยัดอยู่ในระดับที่ไร้กิจกรรมได้  จุดมุ่งหมายทั้งหมดบรรลุได้โดยสมบูรณ์ด้วยการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึก

โศลก 3

อารุรุคโชร มุเนร โยกัม
คารมะ คาระณัม อุชยะเทฺ

โยการูดัฺสยะ ทัสไยวะ
ชะมะฮ คาระณัม อุชยะเทฺ

อารุรุคโชฮฺ  -  ผู้ที่เพิ่งเริ่มโยคะ, มุเนฮฺ  -  ของนักปราชญ์, โยกัมฺ  -  ระบบโยคะแปดระดับ, คารมะฺ  -  งาน, คาระณัมฺ  -  วิถีทาง, อุชยะเทฺ  -  กล่าวว่า, โยกะฺ  -  โยคะแปดระดับ, อารูดัฺสยะฺ  -  ของผู้ได้รับแล้ว, ทัสยะฺ  -  ของเขา, เอวะฺ  -  แน่นอน, ชะมะฮฺ  -  หยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมด, คาระณัมฺ  -  วิถีทาง, อุชยะเทฺ  -  กล่าวว่า

คำแปลฺ

สำหรับผู้เริ่มต้นในระบบโยคะแปดระดับ  กล่าวไว้ว่าการทำงานคือวิถีทาง  และสำหรับผู้ที่พัฒนาในโยคะแล้ว  กล่าวไว้ว่าการหยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมดคือวิถีทาง

คำอธิบายฺ

วิธีการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับองค์ภควานเรียกว่าโยคะ  อาจเปรียบเทียบได้กับขั้นบันไดเพื่อบรรลุถึงความรู้แจ้งทิพย์สูงสุด  ขั้นบันไดนี้เริ่มต้นจากสภาวะวัตถุต่ำสุดของสิ่งมีชีวิต  และสูงขึ้นไปจนถึงความรู้แจ้งแห่งตนอย่างสมบูรณ์ในชีวิตทิพย์ที่บริสุทธิ์  ตามระดับแห่งความเจริญก้าวหน้า  ส่วนต่าง  ๆ  ของขั้นบันไดมีชื่อเรียกต่างกัน  แต่รวมกันทั้งหมดเป็นขั้นบันไดที่สมบูรณ์เรียกว่าโยคะ  และอาจแบ่งออกเป็นสามส่วนคือ  กยานะ-โยกะฺ,  ดฺยานะ-โยกะ.ฺ  และ  ภักดี-โยคะฺ  ขั้นแรกของบันไดเรียกว่าระดับ  โยการุรุคชฺุ  และขั้นสูงสุดเรียกว่า  โยการูดฺะฺ

เกี่ยวกับระบบโยคะแปดระดับ  เป็นการพยายามขั้นต้นเพื่อเข้าไปสู่สมาธิด้วยหลักธรรมแห่งชีวิตและฝึกปฏิบัติท่านั่งต่าง  ๆ  (ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการบริหารร่างกาย)ถือว่าเป็นกิจกรรมทางวัตถุเพื่อหวังผล  กิจกรรมเช่นนี้ทั้งหมดจะนำให้บรรลุความสมดุลทางจิตใจอย่างสมบูรณ์เพื่อควบคุมประสาทสัมผัส  เมื่อประสบความสำเร็จในการฝึกสมาธิ  เขาจะหยุดกิจกรรมทั้งหมดที่รบกวนจิตใจ

อย่างไรก็ดี  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกสถิตในระดับสมาธิตั้งแต่ตอนเริ่มต้นเนื่องจากเขาระลึกถึงคริชณะเสมอ  และปฏิบัติรับใช้คริชณะอยู่ตลอดเวลาซึ่งพิจารณาว่าหยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมดโดยปริยาย

โศลก 4

ยะดา ฮิ เนนดริยารเทฺชุ
นะ คารมะสุ อนุชัจจะเทฺ

สารวะ-สังคัลพะ-สันนยาสี
โยการูดัฺส ทะโดชยะเทฺ

ยะดาฺ  -  เมื่อ, ฮิฺ  -  แน่นอน, นะฺ  -  ไม่, อินดริยะ-อารเทฺชฺุ  -  ในการสนองประสาทสัมผัส, นะฺ  -  ไม่เคย, คารมะสฺุ  -  ในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, อนุชัจจะเทฺ  -  ผู้จำเป็นปฏิบัติ, สารวะ-สัง คัลพะฺ  -  ของความต้องการทางวัตถุทั้งปวง, สันนยาสีฺ  -  ผู้สละทางโลก, โยกะ-อารูดฺะฮฺ  -  เจริญในโยคะ, ทะดาฺ  -  ในเวลานั้น, อุชยะเทฺ  -  กล่าวว่า

คำแปลฺ

กล่าวได้ว่าบุคคลผู้นี้เจริญในโยคะแล้ว  เมื่อเขาสละความต้องการทางวัตถุทั้งปวงและไม่ปฏิบัติตนเพื่อสนองประสาทสัมผัส  หรือปฏิบัติในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ

คำอธิบายฺ

เมื่อบุคคลปฏิบัติอย่างเต็มที่ในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควาน  เขามีความสุขอยู่ในตัว  ดังนั้น  จึงไม่ปฏิบัติเพื่อสนองประสาทสัมผัส  หรือปฏิบัติในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุอีกต่อไป  มิฉะนั้น  ต้องปฏิบัติเพื่อสนองประสาทสัมผัสเพราะว่าไม่มีผู้ใดสามารถมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีกิจกรรม  ปราศจากคริชณะจิตสำนึกเราต้องแสวงหากิจกรรมที่มีตนเองเป็นศูนย์กลาง  หรือกิจกรรมที่เห็นแก่ตัวในวงกว้าง  แต่บุคคลในคริชณะจิตสำนึกสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความพึงพอพระทัยของคริชณะ  ดังนั้น  จึงไม่ยึดติดกับการสนองประสาทสัมผัสโดยสมบูรณ์  ผู้ไม่มีความรู้แจ้งเช่นนี้จะต้องพยายามหลบหนีความต้องการทางวัตถุอย่างผิดธรรมชาติ  ก่อนที่จะพัฒนาไปถึงขั้นบันไดสูงสุดแห่งโยคะ

โศลก 5

อุดดฺะเรด อาทมะนาทมานัม
นาทมานัม อวะสาดะเยทฺ

อาทไมวะ ฮิ อาทมะโน บันดํุร
อาทไมวะ ริพุร อาทมะนะฮฺ

อุดดฺะเรทฺ  -  เราต้องส่ง, อาทมะนาฺ  -  ด้วยจิตใจ, อาทมานัมฺ  -  พันธวิญญาณ, นะฺ  -  ไม่เคย, อาทมานัมฺ  -  พันธวิญญาณ, อวะสาดะเยทฺ  -  ทำให้ตกต่ำลง, อาทมาฺ  -  จิตใจ, เอวะฺ  -  แน่นอน, ฮิฺ  -  อันที่จริง, อาทมะนะฮฺ  -  ของพันธวิญญาณ, บันดํุฮฺ  -  เพื่อน, อาทมาฺ  -  จิตใจ, เอวะฺ  -  แน่นอน, ริพุฮฺ  -  ศัตรู, อาทมะนะฮฺ  -  ของพันธวิญญาณ

คำแปลฺ

เขาต้องจัดส่งตนเองด้วยการช่วยเหลือจากจิตใจของตน  มิใช่ทำตัวให้ตกต่ำลงจิตใจเป็นทั้งเพื่อนและศัตรูของพันธวิญญาณ

คำอธิบายฺ

คำว่า  อาทมาฺ  หมายถึง  ร่างกาย  จิตใจ  และวิญญาณ  ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน  ในระบบโยคะ  จิตใจของพันธวิญญาณสำคัญมาก  เพราะว่าจิตใจเป็นศูนย์กลางของการฝึกปฏิบัติโยคะ  ณ  ที่นี้  อาทมาฺ  หมายถึงจิตใจ  จุดมุ่งหมายของระบบโยคะ  เพื่อควบคุมจิตใจและดึงให้จิตใจออกห่างจากการยึดติดกับอายตนะภายนอกได้เน้นไว้  ณ  ที่นี้ว่าจิตใจจะต้องได้รับการฝึกฝนเพื่อจัดส่งพันธวิญญาณจากหล่มแห่งอวิชชา  ในความเป็นอยู่ทางวัตถุ  เขาอยู่ภายใต้อำนาจอิทธิพลของจิตใจและประสาทสัมผัส  อันที่จริงดวงวิญญาณบริสุทธิ์ถูกพันธนาการอยู่ในโลกวัตถุเพราะว่าจิตใจถูกอหังการพัวพัน  ซึ่งทำให้ต้องการเป็นเจ้าครอบครองธรรมชาติวัตถุ  ฉะนั้น  จิตใจควรได้รับการฝึกฝนเพื่อไม่ให้ไปหลงใหลกับแสงสีของธรรมชาติวัตถุ  ด้วยวิธีนี้พันธวิญญาณอาจได้รับความปลอดภัย  เราไม่ควรทำตัวเองให้ตกต่ำลงด้วยการไปหลงใหลกับอายตนะภายนอก  หากไปหลงใหลกับอายตนะภายนอกมากเท่าไร  เราจะถูกพันธนาการในความเป็นอยู่ทางวัตถุมากเท่านั้น  วิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ให้ตนเองถูกพันธนาการคือ  ให้จิตใจปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ  คำว่า  ฮิฺ  ใช้เพื่อเน้นจุดนี้  ตัวอย่างเช่น  เรา  ต้องฺทำเช่นนี้  ได้กล่าวไว้เช่นกันว่า

มะนะ เอวะ มะนุชยาณาม
คาระณัม บันดฺะ-โมคชะโยฮฺ

บันดฺายะ วิชะยาสังโก
มุคทไย นิรวิชะยัม มะนะฮฺ

“สำหรับมนุษย์  จิตใจเป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการ  และจิตใจก็เป็นต้นเหตุแห่งความหลุดพ้น  จิตใจที่ซึมซาบอยู่กับอายตนะภายนอกเป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการ  และจิตใจที่ไม่ยึดติดกับอายตนะภายนอกเป็นต้นเหตุแห่งความหลุดพ้น”  (อมริทะ-บินดุ  อุพะนิชัดฺ  2  )ฉะนั้น  จิตใจที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอเป็นต้นเหตุแห่งความหลุดพ้นสูงสุด

โศลก 6

บันดํุร อาทมาทมะนัส ทัสยะ
เยนาทไมวาทมะนา จิทะฮฺ

อนาทมะนัส ทุ ชัทรุทเว
วารเททาทไมวะ ชัทรุ-วัทฺ

บันดํุฮฺ  -  เพื่อน, อาทมาฺ  -  จิตใจ, อาทมะนะฮฺ  -  ของสิ่งมีชีวิต, ทัสยะฺ  -  ของเขา, เยนะฺ  -  ผู้ซึ่ง, อาทมาฺ  -  จิตใจ, เอวะฺ  -  แน่นอน, อาทมะนาฺ  -  โดยสิ่งมีชีวิต, จิทะฮฺ  -  ได้รับชัยชนะ, อนาทมะ นะฮฺ  -  ของผู้ที่ไม่สามารถควบคุมจิตใจได้, ทฺุ  -  แต่, ชัทรุทเวฺ  -  เพราะศัตรู, วารเททะฺ  -  ยังคง, อาทมา เอวะฺ  -  จิตใจนั้น, ชัทรุ-วัทฺ  -  ในฐานะศัตรู

คำแปลฺ

สำหรับผู้ที่เอาชนะจิตใจตนเองได้จิตใจเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด  แต่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเอาชนะจิตใจของตนเองได้  จิตใจของเขายังคงเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด

คำอธิบายฺ

จุดมุ่งหมายของการฝึกปฏิบัติโยคะแปดระดับก็เพื่อควบคุมจิตใจในการปฏิบัติภารกิจของมนุษย์  นอกจากว่าจิตใจจะอยู่ภายใต้การควบคุม  มิฉะนั้น  การฝึกปฏิบัติโยคะ  (เพื่ออวด)  เป็นการเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  ผู้ที่ไม่สามารถควบคุมจิตใจของตนเองได้มีชีวิตอยู่กับศัตรูที่ร้ายกาจเสมอ  ดังนั้น  ทั้งชีวิตและจุดมุ่งหมายของชีวิตของเขาจะถูกทำลายลง  สถานภาพพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตคือการปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ที่สูงกว่าตราบใดที่จิตใจยังคงเป็นศัตรูที่เอาชนะไม่ได้  เขาจะต้องรับใช้ตามคำสั่งของราคะ  ความโกรธ  ความโลภ  ความหลง  ฯลฯ  แต่เมื่อเอาชนะจิตใจได้แล้ว  เขาอาสาตกลงปลงใจปฏิบัติตามคำสั่งของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้ทรงสถิตในหัวใจของทุก  ๆ  คนในรูปของ  พะระมาทมาฺ  การปฏิบัติโยคะที่แท้จริงจะนำเรามาพบ  พะระมาทมาฺ  ภายในหัวใจจากนั้นก็ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์  สำหรับผู้ที่รับเอาคริชณะจิตสำนึกมาปฏิบัติโดยตรง  การศิโรราบอย่างสมบูรณ์ต่อคำสั่งขององค์ภควานจะตามมาโดยปริยาย

โศลก 7

จิทาทมะนะฮ พระชานทัสยะ
พะระมาทมา สะมาฮิทะฮฺ

ชีโทชณะ-สุคฺะ-ดุฮเคชุ
ทะทฺา มานาพะมานะโยฮฺ

จิทะ-อาทมะนะฮฺ  -  ของผู้ที่เอาชนะจิตใจตนเองได้แล้ว, พระชานทัสยะฺ  -  ผู้ได้รับความสงบด้วยการควบคุมจิตใจ, พะระมะ-อาทมาฺ  -  อภิวิญญาณ, สะมาฮิทะฮฺ  -  เข้าพบอย่างสมบูรณ์, ชีทะฺ  -  ในความเย็น, อุชณะฺ  -  ความร้อน, สุคฺะฺ  -  ความสุข, ดุฮเคฺชฺุ  -  และความทุกข์, ทะทฺาฺ  -  เช่นกัน, มานะฺ  -  ในเกียรติยศ, อพะมานะโยฮฺ  -  และไร้เกียรติยศ

คำแปลฺ

สำหรับผู้ที่เอาชนะจิตใจตนเองได้  บรรลุถึงองค์อภิวิญญาณเรียบร้อยแล้ว  และได้รับความสงบ  บุคคลเช่นนี้ความสุขและความทุกข์  ความร้อนและความเย็นการได้เกียรติและการเสียเกียรติ  ทั้งหมดมีค่าเท่ากัน

คำอธิบายฺ

อันที่จริงทุกชีวิตมีจุดมุ่งหมายเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกคนในรูป  พะระมาทมาฺ  เมื่อจิตใจได้ถูกพลังงานแห่งความหลงภายนอกนำไปในทางที่ผิด  เขาจะถูกพันธนาการอยู่ในกิจกรรมทางวัตถุ  ฉะนั้น  ทันทีที่ควบคุมจิตใจได้ด้วยหนึ่งในวิธีของระบบโยคะ  พิจารณาได้ว่าเขาบรรลุถึงจุดหมายปลายทางแล้ว  เขาต้องปฏิบัติตามคำสั่งจากผู้ที่สูงกว่า  เมื่อจิตใจตั้งมั่นอยู่ที่ธรรมชาติที่สูงกว่า  จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ภควานจิตใจต้องยอมรับคำสั่งที่สูงกว่าและปฏิบัติตามนั้น  ผลแห่งการควบคุมจิตใจได้คือปฏิบัติตามคำสั่งของ  พะระมาทมาฺ  หรือองค์อภิวิญญาณโดยปริยาย  เพราะว่าผู้ที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกบรรลุถึงสถานภาพทิพย์นี้ได้โดยทันที  สาวกขององค์ภควานไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งคู่ที่มีอยู่ทางวัตถุ  เช่น  ความทุกข์และความสุข  ความเย็นและความร้อน  ฯลฯระดับนี้คือการปฏิบัติ  สะมาดิฺ  หรือซึมซาบอยู่ในองค์ภควาน

โศลก 8

กยานะ-วิกยานะ-ทริพทาทมา
คูทะ-สโทฺ วิจิเทนดริยะฮฺ

ยุคทะ อิทิ อุชยะเท โยกี
สะมะ-โลชทราชมะ-คานชะนะฮฺ

กยานะฺ  -  ด้วยความรู้ที่เรียนมา, วิกยานะฺ  -  และความรู้แจ้งจากการปฏิบัติ, ทริพทะฺ  -  พึงพอใจ, อาทมาฺ  -  สิ่งมีชีวิต, คูทะ-สทฺะฮฺ  -  สถิตในระดับทิพย์, วิจิทะ-อินดริยะฮฺ  -  ควบคุมประสาทสัมผัส, ยุคทะฮฺ  -  สามารถรู้แจ้งตนเอง, อิทิฺ  -  ดังนั้น, อุชยะเทฺ  -  กล่าวว่า, โยกีฺ  -  โยคี, สะมะฺ  -  เที่ยงตรง, โลชทระฺ  -  กรวด, อัชมะฺ  -  หิน, คานชะนะฮฺ  -  ทอง

คำแปลฺ

ผู้ที่สถิตในความรู้แจ้งแห่งตนเรียกว่าโยคี  (หรือผู้มีฤทธิ์  )  เมื่อเขามีความพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยมในบุญบารมีแห่งความรู้และความรู้แจ้งที่ได้รับ  บุคคลเช่นนี้สถิตในระดับทิพย์เป็นผู้ควบคุมตนเองได้  เขาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นก้อนกรวด  ก้อนหิน  หรือทองคำ  ว่ามีค่าเท่ากัน

คำอธิบายฺ

ความรู้จากหนังสือโดยปราศจากความรู้แจ้งแห่งสัจธรรมสูงสุดนั้นไร้ประโยชน์ได้กล่าวไว้ดังต่อไปนี้

อทะฮ ชรี-คริชณะ-นามาดิ
นะ บฺะเวด กราฮยัม อินดริไยฮฺ

เสโวนมุเคฮ ฮิ จิฮวาโดฺ
สวะยัม เอวะ สพํุระทิ อดะฮฺ

“ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจธรรมชาติทิพย์แห่งพระนาม  พระวรกาย  คุณสมบัติ  และลีลาขององค์  ชรีคริชณะด้วยประสาทสัมผัสวัตถุของตนที่มีมลทินได้  เมื่อเขามีความอิ่มเอิบทิพย์ด้วยการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควานเท่านั้น  พระนามทิพย์  พระวรกายทิพย์  คุณสมบัติทิพย์และลีลาทิพย์ของพระองค์จะทรงปรากฏแก่เขา”  (บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ1.2.234)

หนังสือ  ภควัต-คีตาฺ  นี้  เป็นศาสตร์แห่งคริชณะจิตสำนึก  ไม่มีผู้ใดสามารถมาเป็นคริชณะจิตสำนึกได้ด้วยการศึกษาทางโลก  เขาต้องโชคดีพอที่ได้มาคบหาสมาคมกับบุคคลผู้อยู่ในจิตสำนึกที่บริสุทธิ์  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกมีความรู้แจ้งด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะ  เพราะเขาพึงพอใจต่อการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์  ด้วยความรู้แจ้งทำให้เขาสมบูรณ์ด้วยความรู้ทิพย์ทำให้เขาสามารถดำรงอยู่อย่างมั่นคงในความมุ่งมั่น  หากเพียงแต่เป็นความรู้ทางวิชาการเพียงอย่างเดียวอาจทำให้หลงผิดได้โดยง่ายดาย  และเกิดสับสนจากการปรากฏที่ขัดกัน  ดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งสามารถควบคุมตนเองได้อย่างแท้จริง  เพราะเขาศิโรราบต่อคริชณะผู้ทรงอยู่ในระดับทิพย์  และเขาไม่มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับการศึกษาทางโลก  การศึกษาทางโลกและการคาดคะเนทางจิตอาจดีเท่ากับทองคำสำหรับผู้อื่น  แต่ไม่มีคุณค่ามากไปกว่าก้อนกรวดหรือก้อนหินสำหรับบุคคลผู้นี้

โศลก 9

สุฮริน-มิทราริ อุดาสีนะ-
มัดฮยัสทฺะ-ดเวชยะ-บันดํุชฺุ

สาดํุชุ อพิ ชะ พาเพชุ
สะมะ-บุดดิฺร วิชิชยะเทฺ

สุ-ฮริทฺ  -  แด่ผู้ปรารถนาดีโดยธรรมชาติ, มิทระฺ  -  ผู้มีบุญคุณด้วยความรัก, อริฺ  -  ศัตรู, อุดา สีนะฺ  -  เป็นกลางระหว่างคู่ปรปักษ์, มัดฮยัสทฺะฺ  -  ผู้ปรองดองระหว่างคู่ปรปักษ์, ดเวชยะฺ  -  ผู้อิจฉา, บันดํุชฺุ  -  และญาติหรือผู้ปรารถนาดี, สาดํุชฺุ  -  แด่นักบุญ, อพิฺ  -  รวมทั้ง, ชะฺ  -  และ, พาเพชฺุ  -  แด่คนบาป, สะมะฺ  -  บุดดิฺฮฺ  -  มีปัญญาเสมอภาค, วิชิชยะเทฺ  -  สูงขึ้นไปอีก

คำแปลฺ

พิจารณาว่าบุคคลเจริญสูงขึ้นไปอีก  เมื่อเขาเห็นผู้ปรารถนาดีที่ซื่อสัตย์  ผู้มีบุญคุณด้วยความรัก  ผู้เป็นกลาง  ผู้ปรองดอง  ผู้อิจฉา  มิตรและศัตรู  นักบุญและคนบาป  ทั้งหมดนี้เขาเห็นด้วยจิตใจที่เสมอภาค

โศลก 10

โยกี ยุนจีทะ สะทะทัมฺ
อาทมานัม ระฮะสิ สทิฺทะฮฺ
เอคาคี ยะทะ-ชิททาทมา
นิราชีร อพะริกระฮะฮฺ

โยกีฺ  -  นักทิพย์นิยม, ยุนจีทะฺ  -  ต้องทำสมาธิในคริชณะจิตสำนึก, สะทะทัมฺ  -  ตลอดเวลา, อาทมานัมฺ  -  ตัวเขา (ด้วยร่างกาย จิตใจ และชีวิต ), ระฮะสิฺ  -  ในที่สันโดษ, สทิฺทะฮฺ  -  สถิต, เอคาคีฺ  -  คนเดียว, ยะทะ-ชิททะ-อาทมาฺ  -  ระวังอยู่ในจิตใจเสมอ, นิราชีฮฺ  -  ไม่ถูกสิ่งใดยั่วยวน, อพะริกระฮะฮฺ  -  ปราศจากความรู้สึกเป็นเจ้าของ

คำแปลฺ

นักทิพย์นิยมควรปฏิบัติด้วยร่างกาย  จิตใจ  และชีวิตในความสัมพันธ์กับองค์ภควานเสมอ  เขาควรอยู่คนเดียวในที่สันโดษ  ควรควบคุมจิตใจของตนเองด้วยความระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา  และควรเป็นอิสระจากความต้องการและความรู้สึกเป็นเจ้าของ

คำอธิบายฺ

ชรีคริชณะทรงรู้แจ้งได้ในระดับต่าง  ๆ  กันเช่น  บระฮมัน.  พะระมาทมา.ฺ  และ  ภควานฺ  คริชณะจิตสำนึกหมายความอย่างตรงประเด็นว่า  ปฏิบัติตนในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักแด่องค์ภควานอยู่เสมอ  แต่พวกที่ยึดติดกับ  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  หรือองค์อภิวิญญาณผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจก็เป็นส่วนหนึ่งของคริชณะจิตสำนึกเช่นกัน  เพราะ  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์เป็นรัศมีทิพย์ของคริชณะ  และอภิวิญญาณทรงเป็นส่วนที่แยกออกมาจากคริชณะซึ่งแผ่กระจายไปทั่ว  ดังนั้น  ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์และนักปฏิบัติสมาธิก็มีคริชณะจิตสำนึกทางอ้อมเช่นกัน  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกโดยตรงเป็นนักทิพย์นิยมสูงสุด  เพราะสาวกเช่นนี้ทราบว่า  บระฮมันฺ  และ  พะระมาทมาฺ  หมายความว่าอย่างไร  ความรู้แห่งสัจธรรมของเขานั้นสมบูรณ์  ในขณะที่ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์และโยคีผู้ทำสมาธิมีคริชณะจิตสำนึกที่ไม่สมบูรณ์

อย่างไรก็ดี  ทั้งหมดนี้ได้แนะนำไว้  ณ  ที่นี้ให้ปฏิบัติในสายงานอาชีพของตนเองอยู่เสมอ  เพื่ออาจมาถึงจุดสมบูรณ์สูงสุดได้ในไม่ช้าก็เร็ว  ภารกิจข้อแรกของนักทิพย์นิยมคือตั้งจิตอยู่ที่คริชณะเสมอ  เขาควรระลึกถึงคริชณะอยู่เสมอและไม่ลืมพระองค์แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว  การตั้งจิตอยู่ที่องค์ภควานเรียกว่า  สมาดิฺฺ  หรือสมาธิ  เพื่อให้จิตตั้งมั่นเขาควรดำรงอยู่อย่างสันโดษเสมอ  และหลีกเลี่ยงการรบกวนจากอายตนะภายนอกควรระมัดระวังอย่างยิ่งในการรับเอาสภาวะที่เอื้อประโยชน์  และปฏิเสธสภาวะที่ไม่เอื้อประโยชน์ที่จะมีผลกระทบต่อความรู้แจ้งแห่งตน  และด้วยความมั่นใจอย่างสมบูรณ์  เขาไม่ควรทะเยอทะยานกับสิ่งของวัตถุที่ไม่จำเป็นซึ่งจะพันธนาการตนเองด้วยความรู้สึกเป็นเจ้าของ

ความสมบูรณ์และข้อควรระวังทั้งหมดนี้ปฏิบัติได้อย่างสมบูรณ์เมื่ออยู่ในคริชณะจิตสำนึกโดยตรง  เพราะว่าคริชณะจิตสำนึกโดยตรงหมายถึงการสละทิ้งตนเองเช่นนี้  จึงเปิดโอกาสน้อยมากที่จะเป็นเจ้าของวัตถุ  ชรีละ  รูพะ  โกสวามี  แสดงลักษณะของคริชณะจิตสำนึกไว้ดังนี้

อนาสัคทัสยะ วิชะยาน
ยะทฺารฮัม อุพะยุนจะทะฮฺ

นิรบันดฺะฮ คริชณะ-สัมบันเดฺ
ยุคทัม ไวรากยัม อุชยะเทฺ
พราพันชิคะทะยา บุดดฺยา
ฮะริ-สัมบันดิฺ-วัสทุนะฮฺ

มุมุคชุบิฺฮ พะริทยาโก
ไวรากยัม พัฺลกุ คัทฮยะเทฺ

“เมื่อเขาไม่ยึดติดกับสิ่งใด  แต่ในขณะเดียวกันยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในความสัมพันธ์กับคริชณะ  เขาสถิตอย่างถูกต้องเหนือความเป็นเจ้าของ  อีกด้านหนึ่ง  ผู้ที่ปฏิเสธทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างทุกสิ่งทุกอย่างกับคริชณะ  การเสียสละของบุคคลนี้ไม่สมบูรณ์”  (บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ  1.2.255-256  )

บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกทราบดีว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของคริชณะ  ดังนั้น  เขาจึงเป็นอิสระจากความรู้สึกเป็นเจ้าของส่วนตัวอยู่เสมอ  เขาไม่มีความทะเยอทะยานไม่ว่าสิ่งใด  ๆ  สำหรับส่วนตัวทราบว่าควรรับเอาสิ่งต่าง  ๆ  มาส่งเสริมในคริชณะจิตสำนึกได้อย่างไร  และทราบว่าควรปฏิเสธกับสิ่งที่ไม่ส่งเสริมในคริชณะจิตสำนึกได้อย่างไรเขาปลีกตัวออกห่างจากสิ่งของวัตถุเสมอเพราะอยู่ในระดับทิพย์  จะอยู่อย่างสันโดษเสมอ  โดยไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบุคคลผู้ไม่มีคริชณะจิตสำนึก  ฉะนั้น  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นโยคีที่สมบูรณ์

โศลก 11-12

ชุโช เดเช พระทิชทฺาพยะ
สทิฺรัม อาสะนัม อาทมะนะฮฺ

นาทิ-อุชชฺริทัม นาทิ-นีชัม
ไชลาจินะ-คุโชททะรัมฺ
ทะไทรคากรัม มะนะฮ คริทวา
ยะทะ-ชิทเทนดริยะ-คริยะฮฺ

อุพะวิชยาสะเน ยุนจยาด
โยกัม อาทมะ-วิชุดดฺะเยฺ

ชุโชฺ  -  ในความถูกต้อง, เดเชฺ  -  แผ่นดิน, พระทิชทฺาพยะฺ  -  วาง, สทิฺรัมฺ  -  มั่นคง, อาสะนัมฺ  -  ที่นั่ง, อาทมะนะฮฺ  -  ตัวเขา, นะฺ  -  ไม่, อทิฺ  -  เกินไป, อุชชฺริทัมฺ  -  สูง, นะฺ  -  ไม่, อทิฺ  -  เกินไป, นีชัมฺ  -  ต่ำ, ไชละ-อจินะฺ  -  ผ้านุ่มและหนังกวาง, คุชะฺ  -  และหญ้าคุชะ, อุททะรัมฺ  -  คลุม, ทะทระฺ  -  ข้างบน, เอคะ-อกรัมฺ  -  ตั้งใจเป็นหนึ่ง, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, คริทวาฺ  -  ทำ, ยะทะ-ชิท ทะฺ  -  ควบคุมจิตใจ, อินดริยะฺ  -  ประสาทสัมผัส, คริยะฮฺ  -  และกิจกรรม, อุพะวิชยะฺ  -  นั่ง, อาสะเนฺ  -  บนที่นั่ง, ยุนจยาทฺ  -  ควรปฏิบัติ, โยกัมฺ  -  ฝึกปฏิบัติโยคะ, อาทมะฺ  -  หัวใจ, วิชุด- ดฺะเยฺ  -  เพื่อให้บริสุทธิ์

คำแปลฺ

ในการฝึกปฏิบัติโยคะ  เขาควรไปสถานที่สันโดษและควรวางหญ้า  คุชะ  บนพื้นจากนั้นคลุมด้วยหนังกวางและผ้านุ่ม  ที่นั่งไม่ควรสูงหรือต่ำเกินไป  และควรสถิตในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์  จากนั้นโยคีควรนั่งบนที่นั่งนี้ด้วยความแน่วแน่มั่นคงฝึกปฏิบัติโยคะเพื่อให้หัวใจสะอาดบริสุทธิ์ด้วยการควบคุมจิตใจ  ประสาทสัมผัสและกิจกรรมของตนเอง  ตั้งมั่นจิตอยู่ที่จุดเดียว

คำอธิบายฺ

“สถานที่ศักดิ์สิทธิ์”หมายถึงสถานที่ที่ควรเคารพสักการะ  ในประเทศอินเดีย  โยคี  นักทิพย์นิยม  หรือสาวก  ทั้งหมดจะออกจากบ้านและไปพำนักอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์  เช่น  พระยากะ  มะทํุรา  วรินดาวะนะ  ฮริชีเคชะฺ  และ  ฮารดวอร์ฺ  ในความสันโดษจะฝึกปฏิบัติโยคะ  ณ  สถานที่ที่แม่น้ำศักดิ์สิทธิ์  เช่น  ยะมุนาและคงคาไหลผ่าน  แต่ส่วนใหญ่จะเป็นไปไม่ได้โดยเฉพาะชาวตะวันตก  สิ่งที่เรียกว่าสมาคมโยคะในเมืองใหญ่  ๆ  อาจประสบความสำเร็จในผลกำไรทางวัตถุ  แต่ว่าไม่เหมาะสมเลยในการฝึกปฏิบัติโยคะอย่างแท้จริง  ผู้ที่ควบคุมตนเองไม่ได้  และผู้ที่จิตใจไม่สงบไม่สามารถฝึกปฏิบัติสมาธิได้  ฉะนั้น  ใน  บริฮัน-  นาระดียะ  พุราณะฺ  ได้กล่าวไว้ว่าใน  คะลิ-ยุกะฺ  (ยุคปัจจุบัน  )  เมื่อคนทั่วไปมีอายุสั้น  เฉื่อยชาในความรู้ทิพย์  และถูกรบกวนจากความวิตกกังวลต่าง  ๆ  นานาอยู่เสมอ  วิธีที่ดีที่สุดในการรู้แจ้งทิพย์คือการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน

ฮะเรร นามะ ฮะเรร นามะ
ฮะเรร นาไมวะ เควะลัมฺ

คะโล นาสทิ เอวะ นาสทิ เอวะ
นาสทิ เอวะ กะทิร อันยะทฺาฺ

“ในยุคแห่งการทะเลาะวิวาทและมือถือสากปากถือศีลนี้  วิธีแห่งความหลุดพ้นคือการร้องเพลงสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน  ไม่มีหนทางอื่นใด  ไม่มีหนทางอื่นใด  และไม่มีหนทางอื่นใด”

โศลก 13-14

สะมัม คายะ-ชิโร-กรีวัม
ดฺาระยันน อชะลัม ชทิฺระฮฺ

สัมเพรคชยะ นาสิคากรัม สวัม
ดิชัช ชานะวะโลคะยันฺ
พระชานทาทมา วิกะทะ-บีฺร
บระฮมะชาริ-วระเท สทิฺทะฮฺ

มะนะฮ สัมยัมยะ มัช-ชิทโท
ยุคทะ อาสีทะ มัท-พะระฮฺ

สะมัมฺ  -  ตรง, คายะฺ  -  ร่างกาย, ชิระฮฺ  -  ศีรษะ, กรีวัมฺ  -  และคอ, ดฺาระยันฺ  -  รักษา, อชะลัมฺ  -  ไม่เคลื่อน, สทิฺระฮฺ  -  นิ่ง, สัมเพรคชยะฺ  -  มอง, นาสิคาฺ  -  ของจมูก, อกรัมฺ  -  ที่ปลาย, สวัมฺ  -  ตน, ดิชะฮฺ  -  รอบด้าน, ชะ-เช่นกัน, อนะวะโลคะยันฺ  -  ไม่มอง, พระชานทะฺ  -  ไม่เร่าร้อน, อาทมาฺ  -  จิตใจ, วิกะทะฺ  -  บีฺฮฺ  -  ปราศจากความกลัว, บระฮมะชาริ-วระเทฺ  -  ในการปฏิญาณพรหมจรรย์, สทิฺทะฮฺ  -  สถิต, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, สัมยัมยะฺ  -  กำราบอย่างสมบูรณ์, มัทฺ  -  แด่ข้า (คริชณะ), ชิททะฮฺ  -  ตั้งสมาธิจิต, ยุคทะฮฺ  -  โยคีที่แท้จริง, อาสีทะฺ  -  ควรนั่ง, มัทฺ  -  ข้า, พะระฮฺ  -  เป้าหมายสูงสุด

คำแปลฺ

เขาควรตั้งร่างกาย  คอ  และศีรษะให้เป็นเส้นตรง  จ้องไปที่ปลายจมูกอย่างแน่วแน่และด้วยจิตใจที่สงบนิ่งไม่หวั่นไหว  ปราศจากความกลัว  เป็นอิสระจากชีวิตเพศสัมพันธ์โดยสมบูรณ์  ภายในหัวใจเขาควรทำสมาธิอยู่ที่ข้า  และให้ข้าเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดแห่งชีวิต

คำอธิบายฺ

จุดมุ่งหมายแห่งชีวิตคือรู้จักคริชณะผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกๆ  ชีวิตในรูปของ  พะระมาทมาฺ  หรือพระวิชณุสี่กร  วิธีปฏิบัติโยคะก็เพื่อค้นหาและพบเห็นพระวิชณุภายในตัวเรานี้  มิใช่เพื่อจุดมุ่งหมายอย่างอื่น  วิชณุ-มูรทิฺ  ภายในร่างกายทรงเป็นผู้แทนที่แยกมาจากคริชณะและทรงประทับอยู่ในหัวใจของทุกคน  ผู้ที่ไม่มีแผนเพื่อรู้แจ้ง  วิชณุ-มูรทิฺ  นี้  ฝึกปฏิบัติโยคะแบบหลอก  ๆ  ไร้ประโยชน์  และสูญเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์อย่างแน่นอน  คริชณะทรงเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต  และ  วิชณุ-  มูรทิฺ  ทรงสถิตภายในหัวใจของทุกคน  ทรงเป็นเป้าหมายแห่งการฝึกปฏิบัติโยคะ  การรู้แจ้ง  วิชณุ-มูรทิฺ  ภายในหัวใจนี้ต้องถือเพศพรหมจรรย์อย่างสมบูรณ์  ดังนั้น  เขาต้องออกจากบ้านไปอยู่คนเดียวในสถานที่สันโดษและนั่งเหมือนดังที่ได้กล่าวมาแล้ว  เป็นไปไม่ได้ที่มาหาความสุขประจำวันกับเพศสัมพันธ์ที่บ้านหรือที่ใด  เสร็จแล้วไปห้องเรียนที่เรียกว่าโยคะ  แล้วจะกลายมาเป็นโยคี  เขาต้องฝึกปฏิบัติควบคุมจิตใจและหลีกเลี่ยงการสนองประสาทสัมผัสทั้งหมดซึ่งมีเพศสัมพันธ์เป็นตัวนำ  ในกฎแห่งพรหมจรรย์  นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่  ยากยะวัลคยะ  ได้เขียนไว้ดังนี้

คารมะณา มะนะสา วาชา
สารวาวัสทฺาสุ สารวะดาฺ

สารวะทระ ไมทํุนะ-ทยาโก
บระฮมะชารยัม พระชัคชะเทฺ

”คาปฏิญาณของ  บระฮมะชารยะฺ  เพื่อช่วยให้หลีกเลี่ยงการปล่อยตัวทางเพศ  ในการทำงาน  ในคำพูด  และในจิตใจ  อย่างสมบูรณ์ตลอดเวลา  ภายใต้ทุกสถานการณ์และทุกสถานที่”  ไม่มีใครสามารถฝึกปฏิบัติโยคะได้อย่างถูกต้องด้วยการปล่อยตัวทางเพศดังนั้น  บระฮมะชารยะฺ  ได้ถูกสั่งสอนตั้งแต่เด็กเมื่อเขายังไม่มีความรู้เกี่ยวกับชีวิตเพศสัมพันธ์  เด็ก  ๆ  อายุห้าขวบจะถูกส่งไปที่  กุรุ-คุละฺ  หรือสถานที่ของพระอาจารย์ทิพย์และพระอาจารย์จะฝึกฝนเด็กน้อยเหล่านี้ให้มีระเบียบวินัยเคร่งครัดมาเป็น  บระฮมะชารีฺปราศจากการฝึกปฏิบัติเช่นนี้  ไม่มีผู้ใดสามารถทำความเจริญก้าวหน้าไม่ว่าในโยคะประเภทใด  ดฺยานะ.  กยานะ.ฺ  หรือ  บัฺคธิฺ  อย่างไรก็ดี  ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ชีวิตสมรสมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาของตนเองเท่านั้น  (และอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เช่นเดียวกัน)  เรียกว่า  บระฮมะชารีฺ  เหมือนกัน  คฤหัสถ์บระฮมะชารีฺ  ที่ควบคุมได้เช่นนี้สถาบัน  บัฺคธิฺ  ยอมรับแต่สถาบัน  กยานะ.ฺ  และ  ดฺยานะฺ  ไม่ยอมรับแม้แต่คฤหัสถ์  บระฮมะชารีฺ  พวกเขาต้องการพรหมจรรย์อย่างสมบูรณ์โดยไม่มีการประนีประนอม  ในสถาบัน  บัฺคธิฺ  อนุญาตคฤหัสถ์  บระฮมะชารีฺ  ที่ควบคุมชีวิตเพศสัมพันธ์ได้  เพราะวัฒนาธรรม  ภักดี-โยคะฺ  มีพลังอำนาจมากซึ่งจะทำให้สูญเสียความหลงใหลทางเพศสัมพันธ์ไปโดยปริยาย  ด้วยการปฏิบัติรับใช้ต่อองค์ภควานที่สูงกว่า  ได้กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  (2.59  )  ว่า

วิชะยา วินิวารทันเท
นิราฮารัสยะ เดฮินะฮฺ

ระสะ-วารจัม ระโส ่พิ อัสยะ
พะรัม ดริชทวา นิวารทะเทฺ

ขณะที่ผู้อื่นถูกบังคับให้ควบคุมตนเองจากการสนองประสาทสัมผัส  สาวกขององค์ภควานละเว้นได้โดยปริยายเพราะได้รับรสที่สูงกว่า  นอกจากสาวกแล้วไม่มีผู้ใดมีข้อมูลเกี่ยวกับรสที่สูงกว่านี้

วิกะทะ-บีฺฮฺ  บุคคลจะปราศจากความกลัวไม่ได้  นอกจากจะมีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  พันธวิญญาณมีความกลัวเนื่องมาจากความจำที่กลับตาลปัตรหรือลืมความสัมพันธ์นิรันดรของตนกับคริชณะ  บฺากะวะธัมฺ  (11.2.37  )  กล่าวว่า  บฺะยัม  ดวิทียาบิฺนิเวชะทะฮ  สยาด  อีชาด  อเพทัสยะ  วิพารยะโย  ่สมริทิฮฺ  คริชณะจิตสำนึกเป็นพื้นฐานเดียวที่ไร้ความกลัว  ฉะนั้น  การปฏิบัติที่สมบูรณ์จึงเป็นไปได้สำหรับบุคคลในคริชณะจิตสำนึกเพราะว่าจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติโยคะเพื่อเห็นองค์ภควานอยู่ภายในบุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นโยคีที่ดีที่สุดในบรรดาโยคีทั้งหลาย  หลักธรรมของระบบโยคะที่กล่าว  ณ  ที่นี้แตกต่างจากสิ่งที่เรียกว่าสมาคมโยคะที่ได้รับความนิยมกันอยู่

โศลก 15

ยุนจันน เอวัม สะดาทมานัม
โยกี นิยะทะ-มานะสะฮฺ

ชานทิม นิรวารณะ-พะระมาม
มัท-สัมสทฺาม อดิฺกัชชฺะทิฺ

ยุนจันฺ  -  ปฏิบัติ, เอวัมฺ  -  ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว, สะดาฺ  -  อยู่เสมอ, อาทมานัมฺ  -  ร่างกายจิตใจและวิญญาณ, โยกีฺ  -  นักทิพย์นิยมผู้มีฤทธิ์, นิยะทะ-มานะสะฮฺ  -  ด้วยจิตใจที่ประมาณได้, ชานทิมฺ  -  ความสงบ, นิวาณะ-พะระมามฺ  -  หยุดความเป็นอยู่ทางวัตถุ, มัท-สัมสทฺามฺ  -  ท้องฟ้าทิพย์ (อาณาจักรแห่งองค์ภควาน ), อดิฺกัชชฺะทิฺ  -  บรรลุ

คำแปลฺ

จากการฝึกปฏิบัติการควบคุมร่างกาย  จิตใจ  และกิจกรรมอยู่เสมอ  นักทิพย์นิยมผู้มีฤทธิ์สามารถประมาณจิตใจของตนเองได้  และบรรลุถึงอาณาจักรแห่งองค์ภควาน  (หรือพระตำหนักของคริชณะ  )  ด้วยการยุติความเป็นอยู่ทางวัตถุ

คำอธิบายฺ

จุดมุ่งหมายสูงสุดในการฝึกปฏิบัติโยคะได้อธิบายอย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้  การฝึกปฏิบัติโยคะมิใช่เพื่อบรรลุผลประโยชน์ทางวัตถุใด  ๆ  แต่เพื่อให้สามารถหยุดความเป็นอยู่ทางวัตถุทั้งปวง  ผู้ที่แสวงหาการพัฒนาสุขภาพหรือมุ่งหวังความสมบูรณ์ทางวัตถุไม่ใช่โยคี  ตาม  ภควัต-คีตาฺ  การหยุดความเป็นอยู่ทางวัตถุก็มิใช่การนำให้เข้าไปสู่“ความว่างเปล่า”  ซึ่งเป็นเพียงความเร้นลับเท่านั้น  ไม่มีความว่างเปล่า  ณ  ที่ใด  ภายในการสร้างขององค์ภควาน  แต่การหยุดความเป็นอยู่ทางวัตถุจะนำให้เข้าไปสู่ท้องฟ้าทิพย์พระตำหนักขององค์ภควาน  พระตำหนักขององค์ภควานได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนใน  ภควัต-คีตาฺ  เช่นกันว่าเป็นสถานที่ที่ไม่จำเป็นต้องมีดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์  หรือไฟฟ้าดาวเคราะห์ทั้งหลายในอาณาจักรทิพย์มีรัศมีในตัวเอง  เหมือนดวงอาทิตย์ในท้องฟ้าวัตถุ  อาณาจักรขององค์ภควานจะอยู่ทุกหนทุกแห่ง  แต่ท้องฟ้าทิพย์และดาวเคราะห์ที่นั่นเรียกว่า  พะรัม  ดฺามะฺ  หรือที่พำนักพักพิงที่สูงกว่า

โยคีผู้สำเร็จเข้าใจองค์ชรีคริชณะอย่างสมบูรณ์ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้โดยองค์ภควานเองว่า  (มัท-ชิททะฮ,  มัท-พะระฮ,  มัท-สทฺานัมฺ  )  เขาสามารถได้รับความสงบอย่างแท้จริงและในที่สุดสามารถบรรลุถึงพระตำหนักสูงสุดขององค์ภควาน  คริชณะโลคะฺ  มีนามว่า  โกโลคะ  วรินดาวะนะฺ  ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.37  )ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  โกโลคะ  เอวะ  นิวะสะทิ  อคิฺลาทมะ-บํูทะฮฺ  ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ที่พระตำหนัก  โกโลคะฺ  ของพระองค์อยู่เสมอ  แต่พระองค์ทรงเป็น  บระฮมันฺที่แผ่กระจายไปทั่ว  และทรงเป็น  พะระมาทมาฺ  ผู้ทรงประทับอยู่ในทุกร่างเช่นกันด้วยพลังงานทิพย์ที่สูงกว่าของพระองค์  ไม่มีใครสามารถบรรลุถึงท้องฟ้าทิพย์  (ไวคุณธฺะฺ)หรือเข้าไปในพระตำหนักอมตะของพระองค์  (โกโลคะ  วรินดาวะนะฺ)  ได้  โดยปราศจากความเข้าใจคริชณะและอวตารในรูปวิชณุของพระองค์อย่างถูกต้อง  ฉะนั้น  บุคคลผู้ทำงานในคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นโยคีที่สมบูรณ์  เพราะว่าจิตใจของเขาซึบซาบอยู่ในกิจกรรมของคริชณะเสมอ  (สะ  ไว  มะนะฮ  คริชณะ-พะดาระวินดะโยฮฺ  )  ในคัมภีร์พระเวท(ชเวทาชวะทะระ  อุพะนิชัดฺ  3.8  )  เราได้เรียนรู้เช่นกันว่า  ทัม  เอวะ  วิดิทวาทิ  มริทยุม  เอทิฺ“เขาสามารถข้ามพ้นวิถีแห่งการเกิดและการตายด้วยการเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  คริชณะ  เท่านั้น”  หรืออีกนัยหนึ่ง  ความสมบูรณ์ของระบบโยคะคือบรรลุถึงเสรีภาพจากความเป็นอยู่ทางวัตถุ  ไม่ใช่มายากล  หรือการแสดงท่ากายกรรมเพื่อหลอกลวงประชาชนผู้พาซื่อ

โศลก 16

นาทิ-อัชนะทัส ทุ โยโก ่สทิ
นะ ไชคานทัม อนัชนะทะฮฺ

นะ ชาทิ-สวัพนะ-ชีลัสยะ
จากระโท ไนวะ ชารจุนะฺ

นะฺ  -  ไม่เคย, อทิฺ  -  มากไป, อัชนะทะฮฺ  -  ของผู้รับประทาน, ทฺุ  -  แต่, โยกะฮฺ  -  เชื่อมสัมพันธ์กับองค์ภควาน, อัสทิฺ  -  มี, นะฺ  -  ไม่, ชะฺ  -  เช่นกัน, เอคานทัมฺ  -  มากไป, อนัชนะทะฮฺ  -  ไม่ฟุ่มเฟือยในการกิน, นะฺ  -  ไม่, ชะฺ  -  เช่นกัน, อทิฺ  -  มากไป, สวัพนะ-ชีลัสยะฺ  -  ของผู้นอน, จากระทะฮฺ  -  หรือผู้ที่ตื่นตอนกลางคืนมากเกินไป, นะฺ  -  ไม่, เอวะฺ  -  แน่นอน, ชะฺ  -  และ, อารจุนะฺ  -  โอ้อารจุนะ

คำแปลฺ

โอ้  อารจุนะ  เป็นไปไม่ได้ที่บุคคลจะมาเป็นโยคี  หากเขากินมากเกินไปหรือกินน้อยเกินไป  นอนมากเกินไปหรือนอนไม่พอ

คำอธิบายฺ

การประมาณการกินและการนอนได้แนะนำไว้  ณ  ที่นี้สำหรับโยคี  กินมากเกินไปหมายถึงกินเกินความจำเป็นที่จะดำรงรักษาร่างกายและวิญญาณไว้ด้วยกัน  ไม่มีความจำเป็นที่มนุษย์ต้องกินสัตว์เพราะมีอาหารมากมายเช่น  เมล็ดข้าวต่าง  ๆ  ผัก  ผลไม้และนม  อาหารง่าย  ๆ  เหล่านี้จัดอยู่ในระดับแห่งความดีตาม  ภควัต-คีตาฺ  ผลิตภัณฑ์จากสัตว์จัดอยู่ในระดับอวิชชา  ฉะนั้น  พวกที่ชอบกินเนื้อสัตว์  ชอบดื่มสุรา  ชอบเสพสิ่งเสพติดและกินอาหารที่ไม่ถวายให้คริชณะก่อน  จะได้รับความทุกข์จากวิบากกรรมเพราะกินแต่ของที่เป็นพิษทั้งนั้น  บํุนจะเท  เท  ทุ  อกัฺม  พาพา  เย  พะชันทิ  อาทมะ-คาระณาทฺ  ผู้ใดที่กินเพื่อความสุขของประสาทสัมผัส  หรือปรุงอาหารสำหรับตนเองไม่ถวายอาหารให้คริชณะ  จะกินแต่ความบาปเท่านั้น  ผู้ที่กินความบาปและกินเกินกว่าที่กำหนดไว้สำหรับตนไม่สามารถปฏิบัติโยคะได้อย่างสมบูรณ์  วิธีที่ดีที่สุดคือกินเฉพาะพระสาดัมฺ  อาหารที่เหลือหลังจากการถวายให้คริชณะแล้ว  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่กินอะไรที่ไม่ถวายให้คริชณะก่อน  ฉะนั้น  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกจึงสามารถบรรลุถึงความสมบูรณ์ในการปฏิบัติโยคะ  ผู้ที่อดอาหารแบบฝืนธรรมชาติ  คิดค้นวิธีการอดอาหารขึ้นมาเองไม่สามารถฝึกปฏิบัติโยคะได้  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกอดอาหารตามที่พระคัมภีร์ได้แนะนำไว้  และไม่อดอาหารหรือกินมากเกินความจำเป็น  ดังนั้น  เขาจึงสามารถฝึกปฏิบัติโยคะได้  ผู้ที่กินมากเกินความจำเป็นจะฝันมากในขณะหลับ  ดังนั้น  จึงต้องนอนมากเกินความจำเป็น  เราไม่ควรนอนมากกว่าหกชั่วโมงต่อวัน  ผู้ที่นอนมากกว่าหกชั่วโมงในยี่สิบสี่ชั่วโมงแน่นอนว่าถูกอิทธิพลของระดับอวิชชาครอบงำ  บุคคลผู้อยู่ในระดับอวิชชาจะมีความเกียจคร้านและชอบนอนมาก  บุคคลเช่นนี้ไม่สามารถปฏิบัติโยคะได้

โศลก 17

ยุคทาฮาระ-วิฮารัสยะ
ยุคทะ-เชชทัสยะ คารมะสฺุ

ยุคทะ-สวัพนาวะโบดัฺสยะ
โยโก บฺะวะทิ ดุฮคะ-ฮาฺ

ยุคทะฺ  -  ประมาณ, อาฮาระฺ  -  การกิน, วิฮารัสยะฺ  -  การพักผ่อนหย่อนใจ, ยุคทะฺ  -  ประมาณ, เชชทัสยะฺ  -  ของผู้ทำงานเพื่อการดำรงชีวิต, คารมะสฺุ  -  ในการปฏิบัติหน้าที่, ยุคทะฺ  -  ประมาณ, สวัพนะฺ  -  อวะโบดัฺสยะฺ  -  นอนและตื่น, โยกะฮฺ  -  ฝึกปฏิบัติโยคะ, บฺะวะทิฺ  -  มาเป็น, ดุฮคฺะฺ  -  ฮาฺ  -  ความเจ็บปวดหายไป

คำแปลฺ

ผู้ที่ประมาณนิสัยในการกิน  การนอน  การพักผ่อนหย่อนใจ  และการทำงานสามารถขจัดความเจ็บปวดทางวัตถุทั้งปวงได้  ด้วยการฝึกปฏิบัติตามระบบโยคะ

คำอธิบายฺ

ความสุรุ่ยสุร่ายในเรื่องของการกิน  การนอน  การป้องกันตัว  และเพศสัมพันธ์ซึ่งเป็นอุปสงค์ของร่างกาย  จะขวางกั้นความเจริญก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติโยคะ  เกี่ยวกับการกิน  สามารถประมาณได้เมื่อเราฝึกยอมรับและกินเฉพาะ  พระสาดัมฺ  อาหารทิพย์เท่านั้น  ตาม  ภควัต-คีตาฺ  (9.26)  คริชณะทรงรับการถวายพวกผัก  แป้ง  ผลไม้ข้าว  นม  ฯลฯ  เช่นนี้  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกได้รับการฝึกฝนให้ไม่กินอาหารที่ไม่ใช่เป็นอาหารของมนุษย์  หรืออาหารที่ไม่อยู่ในประเภทแห่งความดีโดยปริยาย  เกี่ยวกับการนอนบุคคลในคริชณะจิตสำนึกจะตื่นอยู่เสมอกับการปฏิบัติหน้าที่ในคริชณะจิตสำนึกดังนั้น  เวลาที่สูญเสียไปในการนอนโดยไม่จำเป็นถือว่าเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง  อัพยารทฺะ-คาลัทวัมฺ  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่สามารถทนได้ต่อเวลาแม้หนึ่งนาทีของชีวิตที่ผ่านไปโดยไม่ปฏิบัติตนรับใช้องค์ภควาน  ฉะนั้น  การนอนจึงจำกัดไว้ให้น้อยที่สุด  ตัวอย่างที่ดีเลิศในเรื่องนี้ได้แก่  ชรีละ  รูพะ  โกสวามี  ผู้ปฏิบัติตนรับใช้คริชณะอยู่เสมอ  และไม่สามารถนอนเกินสองชั่วโมงต่อวัน  บางครั้งก็น้อยกว่านี้  ทฺาคุระ  ฮะริดาสะ  ไม่รับประทาน  พระสาดัมฺ  และไม่นอนแม้แต่นาทีเดียวหากไม่เสร็จสิ้นการสวดมนต์ภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ประจำวันบนประคำสามแสนพระนาม  เกี่ยวกับเรื่องงาน  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่ทำอะไรที่ไม่สัมพันธ์กับจุดประสงค์ของคริชณะ  ดังนั้น  งานของเขาจึงพอประมาณอยู่เสมอและไร้มลทินจากการสนองประสาทสัมผัสเนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับการสนองประสาทสัมผัสบุคคลในคริชณะจิตสำนึกจึงไม่มีเวลาปล่อยสบายทางวัตถุ  เพราะว่าเขาประมาณในการทำงาน  การพูด  การนอน  การตื่นและกิจกรรมอื่น  ๆ  ของร่างกายทั้งหมด  จึงไม่มีความทุกข์ทางวัตถุสำหรับเขา

โศลก 18

ยะดา วินิยะทัม ชิททัม
อาทมะนิ เอวาวะทิชทฺะเทฺ

นิสพริฮะฮ สารวะ-คาเมบฺโย
ยุคทะ อิทิ อุชยะเท ทะดาฺ

ยะดาฺ  -  เมื่อ, วินิยะทัมฺ  -  มีระเบียบวินัย, ชิททัมฺ  -  จิตใจและกิจกรรมของจิต, อาทมะนิฺ  -  ในความเป็นทิพย์, เอวะฺ  -  แน่นอน, อวะทิชทฺะเทฺ  -  สถิต, นิสพริฮะฮฺ  -  ปราศจากความต้องการ, สารวะฺ  -  สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง, คาเมบฺยะฮฺ  -  การสนองประสาทสัมผัสวัตถุ, ยุคทะฮฺ  -  สถิตอย่างดีในโยคะ, อิทิฺ  -  ดังนั้น, อุชยะเทฺ  -  กล่าวว่า, ทะดาฺ  -  ในขณะนั้น

คำแปลฺ

เมื่อโยคีฝึกปฏิบัติโยคะ  ทำให้กิจกรรมของจิตมีระเบียบวินัย  และสถิตในความเป็นทิพย์ปราศจากความต้องการทางวัตถุทั้งปวง  กล่าวว่าเขาสถิตอย่างดีในโยคะ

คำอธิบายฺ

กิจกรรมของโยคีแตกต่างจากบุคคลธรรมดาทั่วไปด้วยลักษณะที่หยุดจากความต้องการทางวัตถุทั้งปวงซึ่งมีเพศสัมพันธ์เป็นตัวนำ  โยคีผู้สมบูรณ์มีระเบียบวินัยอย่างดีในกิจกรรมของจิตใจที่ทำให้ตัวเขาไม่ถูกรบกวนจากความต้องการทางวัตถุใด  ๆทั้งสิ้น  ระดับอันสมบูรณ์เช่นนี้บุคคลในคริชณะจิตสำนึกบรรลุได้โดยปริยาย  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (9.4.18-20  )

สะ ไว มะนะฮ คริชณะ-พะดาระวินดะโยร
วะชามสิ ไวคุณธฺะ-กุณานุวารณะเนฺ

คะโร ฮะเรร มันดิระ-มารจะนาดิชุ
ชรุทิม ชะคาราชยุทะ-สัท-คะโทฺดะเยฺ
มุคุนดะ-ลิงกาละยะ-ดารชะเน ดริโช
ทัด-บฺริทยะ-กาทระ-สพารเช ่งกะ-สังกะมัม
กฺราณัม ชะ ทัท-พาดะ-สะโรจะ-โสระเบฺ
ชรีมัท-ทุลัสยา ระสะนาม ทัด-อารพิเทฺ
พาโด ฮะเรฮ คเชทระ-พะดานุสารพะเณ
ชิโร ฮริชีเคชะ-พะดาบิฺวันดะเนฺ

คามัม ชะ ดาสเย นะ ทุ คามะ-คามยะยา
ยะโทฺททะมะ-ชโลคะ-จะนาชระยา ระทิฮฺ

“พระราชา  อัมบะรีชะ  ครั้งแรกทรงใช้พระจิตของพระองค์ตั้งอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวขององค์ชรีคริชณะ  จากนั้นทรงใช้พระดำรัสอธิบายคุณสมบัติทิพย์ของคริชณะพระหัตถ์ทำความสะอาดวัดของคริชณะ  พระกรรณสดับฟังกิจกรรมของคริชณะพระเนตรมองรูปลักษณ์ทิพย์ของคริชณะ  พระวรกายสัมผัสร่างกายของสาวก  ทรงใช้ประสาทสัมผัสดมกลิ่นหอมจากดอกบัวที่ถวายให้คริชณะ  พระชิวหาลิ้มรสใบทุละสีที่ถวายแด่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ  พระบาทเสด็จไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และวัดของคริชณะ  พระเศียรถวายความเคารพแด่คริชณะ  และพระราชดำริปฏิบัติพระภารกิจของคริชณะ  กิจกรรมทิพย์ทั้งหลายเหล่านี้  เหมาะสมสำหรับสาวกผู้บริสุทธิ์”

ระดับทิพย์นี้ผู้ปฏิบัติตามวิถีทางที่ไร้รูปลักษณ์ไม่สามารถแสดงออกให้เห็นเป็นรูปธรรมได้  แต่เป็นสิ่งที่ง่ายและปฏิบัติได้สำหรับบุคคลในคริชณะจิตสำนึก  ดังปรากฎการณ์ที่กล่าวไว้ข้างต้นที่  มะฮาราจะ  อัมบะรีชะ  ทรงปฏิบัติ  นอกจากจิตจะตั้งมั่นอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควานด้วยการระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ  การปฏิบัติทิพย์เช่นนี้จะเป็นไปไม่ได้  ฉะนั้น  ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน  กิจกรรมที่ได้กล่าวไว้เหล่านี้เรียกว่า  อารชะนะฺ  หรือการใช้ประสาทสัมผัสทั้งหมดไปในการรับใช้พระองค์ประสาทสัมผัสและจิตใจจำเป็นต้องทำงาน  การทำเป็นละเลยไม่สนใจไม่ให้มันทำงานเป็นไปไม่ได้  ฉะนั้น  สำหรับประชาชนทั่วไปโดยเฉพาะบุคคลที่ไม่อยู่ในระดับสละโลกวัตถุการใช้ประสาทสัมผัสและจิตใจปฏิบัติรับใช้ทิพย์ดังที่ได้อธิบายแล้วข้างต้นจึงเป็นวิธีที่สมบูรณ์ในการบรรลุถึงวิถีทิพย์  ซึ่งเรียกว่า  ยุคทะฺ  ใน  ภควัต-คีตาฺ

โศลก 19

ยะทฺา ดีโพ นิวาทะ-สโทฺ
เนงกะเท โสพะมา สมริทาฺ

โยกิโน ยะทะ-ชิททัสยะ
ยุนจะโท โยกัม อาทมะนะฮฺ

ยะทฺาฺ  -  ดังเช่น, ดีพะฮฺ  -  ตะเกียง, นิวาทะ-สทฺะฮฺ  -  ในสถานที่ไม่มีลม, นะฺ  -  ไม่, อิงกะเทฺ  -  แกว่งไกว, สาฺ  -  นี้, อุพะมาฺ  -  เปรียบเทียบ, สมริทาฺ  -  พิจารณาว่า, โยกินะฮฺ  -  ของโยคี, ยะทะ-ชิททัสยะฺ  -  ผู้ที่จิตใจควบคุมได้, ยุนจะทะฮฺ  -  ปฏิบัติอยู่เสมอ, โยกัมฺ  -  ในสมาธิ, อาทมะนะฮฺ  -  ที่องค์ภควาน

คำแปลฺ

ดังเช่นตะเกียงในสถานที่ที่ไม่มีลม  จะไม่หวั่นไหว  นักทิพย์นิยมผู้ควบคุมจิตใจของตนเองได้  จะดำรงรักษาความมั่นคงในการทำสมาธิอยู่ที่รูปลักษณ์ทิพย์เสมอ

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกอย่างแท้จริงจะซึมซาบอยู่ในความเป็นทิพย์  ด้วยการปฏิบัติสมาธิอย่างไม่หวั่นไหวอยู่ที่องค์ภควานผู้ทรงเป็นที่เคารพบูชาของเขาอยู่เสมอ  และมีความมั่นคงเสมือนดังเช่นตะเกียงที่อยู่ในสถานที่ที่ไม่มีลม

โศลก 20-23

ยะโทรพะระมะเท ชิททัม
นิรุดดัฺม โยกะ-เสวะยาฺ

ยะทระ ไชวาทมะนาทมานัม
พัสยันน อาทมะนิ ทุชยะทิฺ
สุคัฺม อาทยันทิคัม ยัท ทัด
บุดดิฺ-กราฮยัม อทีนดริยัมฺ

เวททิ ยะทระ นะ ไชวายัม
สทิฺทัช ชะละทิ ทัททวะทะฮฺ
ยัม ลับดฺวา ชาพะรัม ลาบัฺม
มันยะเท นาดิฺคัม ทะทะฮฺ

ยัสมิน สทิฺโท นะ ดุฮเคฺนะ
กุรุณาพิ วิชาลยะเทฺ
ทัม วิดยาด ดํุคฺะ-สัมโยกะ-
วิโยกัม โยกะ-สัมกยิทัมฺ

ยะทระฺ  -  ธุระในระดับนั้นที่, อุพะระมะเทฺ  -  หยุด (เพราะเขารู้สึกได้รับความสุขทิพย์), ชิททัมฺ  -  กิจกรรมทางจิต, นิรุดดัฺมฺ  -  หักห้ามจากวัตถุ, โยกะ-เสวะยาฺ  -  ด้วยการปฏิบัติโยคะ, ยะทระฺ  -  ซึ่ง, ชะฺ  -  เช่นกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, อาทมะนาฺ  -  ด้วยจิตที่บริสุทธิ์, อาทมานัมฺ  -  ตัว, พัชยันฺ  -  รู้แจ้งสถาภาพของ, อาทมะนิฺ  -  ในตัว, ทุชยะทิฺ  -  เขาพึงพอใจ, สุคัฺมฺ  -  ความสุข, อาทยันทิคัมฺ  -  สูงสุด, ยัทฺ  -  ซึ่ง, ทัทฺ  -  นั้น, บุดดิฺฺ  -  ด้วยปัญญา, กราฮยัมฺ  -  เข้าถึงได้, อทีนดริยัมฺ  -  ทิพย์, เวททิฺ  -  เขาทราบ, ยะทระฺ  -  ในที่, นะฺ  -  ไม่เคย, ชะฺ  -  เช่นกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, อยัมฺ  -  เขา, สทิฺทะฮฺ  -  สถิต, ชะละทิฺ  -  เคลื่อน, ทัททวะทะฮฺ  -  จากความจริง, ยัมฺ  -  ที่ซึ่ง, ลับดฺวาฺ  -  ด้วยการบรรลุ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อพะรัมฺ  -  ใด ๆ, ลาบัฺมฺ  -  กำไร, มันยะเทฺ  -  พิจารณา, นะฺ  -  ไม่เคย, อดิฺคัมฺ  -  มากกว่า, ทะทะฮฺ  -  กว่านั้น, ยัสมินฺ  -  ซึ่งใน, สทิฺทะฮฺ  -  สถิต, นะฺ  -  ไม่เคย, ดํุเคฺนะฺ  -  ด้วยความทุกข์, กุรุณา อพิฺ  -  ถึงแม้ว่ายากมาก, วิชาลยะเทฺ  -  สั่น, ทัมฺ  -  นั้น, วิดยาทฺ  -  เธอต้องรู้, ดํุคะ-สัมโยกะฺ  -  ของความทุกข์จากการมาสัมผัสกับวัตถุ, วิโยกัมฺ  -  ถอนราก, โยกะ-สัมกยิทัมฺ  -  เรียกว่าสมาธิในโยคะ

คำแปลฺ

ในระดับแห่งความสมบูรณ์เรียกว่าสมาธิหรือ  สะมาดิฺ  จิตของเขาจะถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ให้ออกจากกิจกรรมตามแนวคิดทางวัตถุด้วยการฝึกปฏิบัติโยคะความสมบูรณ์เช่นนี้มีลักษณะคือ  เขาสามารถเห็นตนเองด้วยจิตที่บริสุทธิ์  และมีความร่าเริงยินดีอยู่ในตนเอง  ในระดับแห่งความร่าเริงนั้นเขาสถิตในความสุขทิพย์ที่ไร้ขอบเขต  รู้แจ้งผ่านทางประสาทสัมผัสทิพย์  เมื่อสถิตเช่นนี้  จะไม่มีวันออกห่างจากความจริง  และจากการได้รับสิ่งนี้เขาคิดว่าไม่มีอะไรที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่า  เมื่อสถิตในสถานภาพนี้จะไม่มีวันสั่นคลอน  แม้อยู่ท่ามกลางความยากลำบากอย่างใหญ่หลวง  นี่คือเสรีภาพอันแท้จริงจากความทุกข์ทั้งปวงที่เกิดขึ้นจากการมาสัมผัสกับวัตถุ

คำอธิบายฺ

จากการฝึกปฏิบัติโยคะทำให้เริ่มไม่ยึดติดกับความคิดเห็นทางวัตถุทีละน้อยนี่คือลักษณะพื้นฐานของหลักโยคะ  และหลังจากนี้เขาสถิตในสมาธิหรือ  สมาดิฺฺ  ซึ่งหมายความว่าโยคีรู้แจ้งองค์อภิวิญญาณผ่านทางจิตและปัญญาทิพย์  โดยปราศจากความเข้าใจผิดไปสำคัญตนเองว่าเป็นอภิวิญญาณ  การฝึกปฏิบัติโยคะมีพื้นฐานอยู่ที่หลักธรรมของระบบพะทันจะลิฺ  มีผู้อธิบายบางท่านที่เชื่อถือไม่ได้พยายามบอกว่าปัจเจกวิญญาณเหมือนกับอภิวิญญาณ  พวกที่ไม่เชื่อในองค์ภควานคิดว่าสิ่งนี้คือความหลุดพ้น  แต่ไม่เข้าใจจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของโยคะระบบพะทันจะลิฺ  มีการยอมรับความสุขทิพย์ในระบบพะทันจะลิฺ  แต่พวกที่เชื่อว่าเป็หนึ่งเดียวกันจะไม่ยอมรับความสุขทิพย์นี้  เนื่องจากกลัวอันตรายที่จะมีต่อทฤษฏีความเป็นหนึ่งเดียวกัน  ความเป็นสิ่งคู่ระหว่างความรู้และผู้รู้พวกนี้ไม่ยอมรับ  แต่ในโศลกนี้ความสุขทิพย์ซึ่งรู้แจ้งผ่านทางประสาทสัมผัสทิพย์เป็นที่ยอมรับ  และ  พะทันจะลิ  มุนิฺ  ผู้อธิบายระบบโยคะที่มีชื่อเสียงได้ยืนยันสนับสนุนจุดนี้  ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ได้ประกาศใน  โยกะ-สูทระฺ  (3.34  )  ของท่านว่า  พุรุชารทฺะ-ชูนยานาม  กุณานาม  พระทิพระสะวะฮ  ไควัลยัม  สวะรูพะ-พระทิชทฺา  วา  ชิทิ-ชัคทิร  อิทิฺ

ชิทิ-ชัคทิฺ  หรือกำลังภายในนี้เป็นทิพย์  พุรุชารทฺะฺ  หมายถึงศาสนาวัตถุ  การพัฒนาเศรษฐกิจ  การสนองประสาทสัมผัส  ในที่สุดจะพยายามมาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน  “ความเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน”  นี้  เรียกว่า  ไควัลยัมฺ  โดยผู้ที่เชื่อว่าเป็นหนึ่งเดียวกัน  แต่  พะทันจะลิฺ  กล่าวว่า  ไควัลยัมฺ  นี้เป็นกำลังภายในหรือพลังทิพย์ซึ่งทำให้สิ่งมีชีวิตสำเหนียกถึงสถานภาพพื้นฐานของตน  ในคำดำรัสขององค์ชรีเชธันญะ  ระดับของสภาวะนี้เรียกว่า  เชโท-ดารพะณะ-มารจะนัมฺ  หรือการทำความสะอาดกระจกแห่งจิตใจที่สกปรก  “ความใสบริสุทธิ์  “  นี้อันที่จริงคือความหลุดพ้น  หรือ  บฺะวะ-มะฮา-  ดาวากนิ-นิรวาพณัมฺ  ทฤษฏี  นิรวาณะฺ  โดยพื้นฐานมีลักษณะเช่นเดียวกันกับหลักนี้  ใน  บฺากะวะธัมฺ  (2.10.6  )  สิ่งนี้เรียกว่า  สวะรูเพณะ  วิยะวัสทิฺทิฮฺ  โศลกใน  ภควัต-คีตาฺได้ยืนยันสถานการณ์นี้ไว้เช่นกัน

หลังจาก  นิรวาณะฺ  หรือการจบสิ้นทางวัตถุ  จะมีปรากฏการณ์แห่งกิจกรรมทิพย์หรือการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควานเรียกว่าคริชณะจิตสำนึก  ในคำพูดของ  บฺากะวะธัม,  สวะรูเพณะ  วิยะวัสทิฺทิฮฺ  นี่คือ  “ชีวิตอันแท้จริงของสิ่งมีชีวิต”  มายาฺ  หรือความหลงคือสภาวะของชีวิตทิพย์ที่มีมลทินจากเชื้อโรคทางวัตถุ  ความหลุดพ้นจากเชื้อโรคทางวัตถุนี้มิได้หมายความว่าทำลายสถานภาพพื้นฐานนิรันดรของสิ่งมีชีวิต  พะทัน-  จะลิฺ  ยอมรับเช่นเดียวกันนี้ด้วยคำพูดของท่านว่า  ไควัลยัม  สวะรูพะ-พระทิชทฺา  วา-ชิทิ-  ชัคทิร  อิทิ,ฺ  คำว่า  ชิทิ-ชัคทิฺ  หรือความสุขทิพย์นี้คือชีวิตที่แท้จริง  ได้ยืนยันไว้ใน  เวดาน  ธะ-สูทระฺ  (1.1.12  )  ว่า  อนันดะ-มะโย  ่บฺยาสารทฺ  ความสุขทิพย์ตามธรรมชาตินี้คือจุดมุ่งหมายสูงสุดของโยคะ  และบรรลุได้โดยง่ายดายด้วยการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละรับใช้หรือ  ภักดี-โยคะฺ  จะอธิบาย  ภักดี-โยคะฺ  อย่างชัดเจนในบทที่เจ็ดของ  ภควัต-คีตาฺ

ระบบโยคะที่อธิบายในบทนี้  มีสะมาดิฺฺ  อยู่สองประเภทเรียกว่า  สัมพระกยา  ทะฺ-สะมาดิฺฺ  และ  อสัมพระกยาทะ-สะมาดิฺ  เมื่อสถิตในตำแหน่งทิพย์ด้วยการศึกษาวิจัยทางปรัชญาต่าง  ๆ  นานา  กล่าวไว้ว่าเขาได้บรรลุ  สัมพระกยาทะ-สะมาดิฺ  ใน  อสัมพระ  กยาทะ-สะมาดิฺ  จะไม่มีความสัมพันธ์กับความสุขทางโลกอีกต่อไป  เพราะอยู่เหนือความสุขต่าง  ๆ  ที่ได้รับจากประสาทสัมผัส  เมื่อโยคีสถิตในสถานภาพนี้จะไม่มีวันสั่นคลอนนอกจากโยคีสามารถบรรลุถึงสถานภาพนี้  มิฉะนั้นถือว่าไม่สำเร็จ  การปฏิบัติโยคะที่เรียกกันในปัจจุบันนี้  ประกอบไปด้วยความสุขทางประสาทสัมผัสต่าง  ๆ  นานาซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดกัน  โยคีที่ปล่อยตัวไปในเพศสัมพันธ์และสิ่งเสพติดเป็นโยคีจอมปลอม  แม้แต่พวกโยคีที่หลงใหลไปกับสิดดิฺฺ  (อิทธิฤทธิ์  )  ในระบบโยคะก็มิได้สถิตอย่างสมบูรณ์  หากโยคีหลงใหลไปกับผลข้างเคียงของโยคะ  จะไม่สามารถบรรลุถึงระดับแห่งความสมบูรณ์ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกนี้  ฉะนั้น  บุคคลที่ปล่อยตัวไปในการอวดวิธีปฏิบัติท่ากายกรรมต่าง  ๆหรือ  สิดดิฺฺ  ควรรู้ไว้ว่าจุดมุ่งหมายของโยคะได้สูญหายไปในทางนั้นแล้ว

การฝึกปฏิบัติโยคะที่ดีที่สุดในยุคนี้คือคริชณะจิตสำนึกซึ่งไม่ยุ่งยาก  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกมีความสุขในอาชีพของตนและไม่ปรารถนาความสุขอื่นใด  มีอุปสรรคมากมายในการปฏิบัติ  ฮะทฺะ-โยกะ,  ดฺยานะ-โยกะฺ,  และ  กยานะ-โยกะฺ  โดยเฉพาะในยุคแห่งความขัดแย้งนี้  แต่จะไม่มีปัญหาในการปฏิบัติ  คารมะ-โยกะฺ  หรือ  ภักดี-โยคะฺ

ตราบเท่าที่ยังมีร่างวัตถุอยู่  ต้องสนองตอบอุปสงค์ของร่างกาย  เช่น  การกิน  การนอน  การป้องกันตัว  และเพศสัมพันธ์  แต่ผู้ที่อยู่ใน  ภักดี-โยคะฺ  ที่บริสุทธิ์  หรือในคริชณะจิตสำนึก  ไม่กระตุ้นประสาทสัมผัสขณะที่สนองตอบอุปสงค์ของร่างกายแต่ยอมรับสิ่งจำเป็นที่สุดของชีวิต  โดยพยายามใช้สิ่งที่ได้รับมาไม่ดีให้ได้ดีที่สุดและเพลิดเพลินกับความสุขทิพย์ในคริชณะจิตสำนึก  จะมีอุเบกขาต่อเหตุการณ์ต่าง  ๆ  ที่เกิดขึ้นเช่น  อุบัติเหตุ  โรคภัยไข้เจ็บ  ความขาดแคลน  แม้กระทั่งความตายของญาติสุดที่รักแต่จะตื่นตัวอยู่เสมอในการปฏิบัติหน้าที่ของตนในคริชณะจิตสำนึกหรือ  ภักดี-โยคะฺอุบัติเหตุไม่เคยทำให้เขาบ่ายเบี่ยงไปจากหน้าที่  ดังที่กล่าวไว้ในภควัต-คีตาฺ  (2.14)  อากะ  มาพายิโน  ่นิทยาส  ทามส  ทิทิคชัชวะ  บฺาระทะฺ  เขาอดทนต่อเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะทราบว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาแล้วจะดับไป  มันไม่มีผลกระทบต่อหน้าที่ของตนด้วยวิธีนี้จะทำให้บรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดในการฝึกปฏิบัติโยคะ

โศลก 24

สะ นิชชะเยนะ โยคทัพโย
โยโก ่นิรวิณณะ-เชทะสาฺ

สังคัลพะ-พระบฺะวาน คามามส
ทยัคทวา สารวาน อเชชะทะฮฺ
มะนะไสเวนดริยะ-กรามัม
วินิยัมยะ สะมันทะทะฮฺ

สะฮฺ  -  นั้น, นิชชะเยนะฺ  -  ด้วยความมั่นใจอย่างแน่วแน่, โยคทัพยะฮฺ  -  ต้องฝึกปฏิบัติ, โยกะฮฺ  -  ระบบโยคะ, อนิรวิณณะ-เชทะสาฺ  -  ปราศจากการเบี่ยงเบน, สังคัลพะฺ  -  การคาดคะเนทางจิตใจ, พระบฺะวานฺ  -  เกิดจาก, คามานฺ  -  ความปรารถนาทางวัตถุ, ทยัคทวาฺ  -  ยกเลิก, สารวานฺ  -  ทั้งหมด, อเชชะทะฮฺ  -  อย่างสมบูรณ์, มะนะสาฺ  -  ด้วยจิตใจ, เอวะฺ  -  แน่นอน, อินดริยะ-กรามัมฺ  -  ประสาทสัมผัสครบชุด, วินิยัมยะฺ  -  ประมาณ, สัมมัน- ทะทะฮฺ  -  จากรอบด้าน

คำแปลฺ

เราควรปฏิบัติตนในการฝึกปฏิบัติโยคะด้วยความมั่นใจและศรัทธาโดยไม่เบี่ยงเบนจากวิถีทาง  เราควรละทิ้งความปรารถนาทางวัตถุทั้งมวลอันเกิดมาจากการคาดคะเนทางจิตใจโดยไม่มีข้อยกเว้น  และควบคุมประสาทสัมผัสทั้งหมดจากรอบด้านด้วยจิตใจ

คำอธิบายฺ

ผู้ฝึกปฏิบัติโยคะควรมีความมั่นใจ  ควรฝึกปฏิบัติด้วยความอดทนโดยไม่เบี่ยงเบน  เขาควรมั่นใจในความสำเร็จในขั้นสุดท้าย  และดำเนินตามหลักการด้วยความพากเพียรอย่างมั่นคง  ไม่มีการหมดกำลังใจหากบรรลุความสำเร็จล่าช้า  ความสำเร็จนั้นแน่นอนสำหรับผู้ที่ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด  รูพะ  โกสวามี  ได้กล่าวเกี่ยวกับ  ภักดี-โยคะฺไว้ดังนี้

อุทสาฮาน นิชชะยาด ไดฺรยาท
ทัท-ทัท-คารมะ-พระวารทะนาทฺ

สังกะ-ทยากาท สะโท วริทเทฮ
ชัดบิฺร บัฺคธิฮ พระสิดฺยะทิฺ

“เราสามารถปฏิบัติตามวิธีของ  ภักดี-โยคะฺ  ให้สำเร็จได้ด้วยหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความกระตือรือร้น  พากเพียร  และมั่นใจ  ด้วยการปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้  คบหาสมาคมกับสาวก  ด้วยการปฏิบัติกิจกรรมแห่งความดีโดยสมบูรณ์”  (อุพะเดชามริทะฺ  3  )

สำหรับความมั่นใจ  เราควรปฏิบัติตามตัวอย่างของนกกระจอกผู้สูญเสียไข่ของตนไปกับคลื่นในมหาสมุทร  นกกระจอกน้อยวางไข่อยู่ที่ชายหาดมหาสมุทร  แต่มหาสมุทรอันยิ่งใหญ่ได้พัดพาเอาไข่ไปกับคลื่น  นกกระจอกน้อยโมโหมากและขอร้องให้มหาสมุทรคืนไข่  มหาสมุทรไม่สนใจแม้แต่จะพิจารณาคำร้องของเธอ  ดังนั้น  นกกระจอกน้อยตัดสินใจที่จะทำให้มหาสมุทรนี้แห้งลง  จึงเริ่มตักน้ำด้วยจงอยปากอันน้อยนิดของมัน  ทุก  ๆ  คนหัวเราะเยาะต่อความมุ่งมั่นที่เป็นไปไม่ได้  ข่าวการกระทำของนกกระจอกน้อยนี้ได้แพร่สะพัดไป  ในที่สุด  กะรุดะฺ  (พญาครุฑ  )  พญานกที่เป็นพาหนะของพระวิชณุได้ยินเข้า  จึงมีความเมตตาสงสารต่อนกน้อยผู้ซึ่งเปรียบเสมือนน้องสาว  ดังนั้น  พญาครุฑจึงมาพบนกกระจอกน้อย  พญาครุฑรู้สึกยินดีมากในความมุ่งมั่นของนกกระจอกน้อยจึงรับปากว่าจะช่วย  ดังนั้น  พญาครุฑได้ขอร้องให้มหาสมุทรนำไข่ของนกกระจอกน้อยมาคืนทันที  มิฉะนั้น  ท่านจะจัดการกับงานของนกกระจอกน้อยนี้เอง  มหาสมุทรรู้สึกตกใจจึงนำไข่ทั้งหมดมาคืน  เช่นนี้ทำให้นกกระจอกน้อยได้รับความสุขด้วยพระกรุณาของพญาครุฑ

ในลักษณะเดียวกันการฝึกปฏิบัติโยคะโดยเฉพาะ  ภักดี-โยคะฺ  ในคริชณะจิตสำนึก  อาจดูเหมือนว่าเป็นงานที่ยากมาก  แต่หากผู้ใดปฏิบัติตามหลักธรรมด้วยความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่  คริชณะจะทรงช่วยอย่างแน่นอนเพราะว่าพระองค์ทรงช่วยคนที่ช่วยตนเอง

โศลก 25

ชะไนฮ ชะไนร อุพะระเมด
บุดดฺยา ดฺริทิ-กริฮีทะยาฺ

อาทมะ-สัมสทัฺม มะนะฮ คริทวา
นะ คินชิด อพิ ชินทะเยทฺ

ชะไนฮฺ  -  ทีละน้อย, ชะไนฮฺ  -  ทีละขั้น, อุพะระเมทฺ  -  เขาควรระงับ, บุดดฺยาฺ  -  ด้วยปัญญา, ดฺริทิ-กริฮีทะยาฺ  -  ปฏิบัติด้วยความมั่นใจ, อาทมะ-สัมสทัฺมฺ  -  วางอยู่ในความเป็นทิพย์, มะ นะฮฺ  -  จิตใจ, คริทวาฺ  -  ทำ, นะฺ  -  ไม่, คินชิทฺ  -  สิ่งอื่นใด, อพิฺ  -  แม้, ชินทะเยทฺ  -  ควรคิดถึงมัน

คำแปลฺ

ค่อย  ๆ  ไปทีละขั้น  เขาควรสถิตในสมาธิด้วยวิถีทางแห่งปัญญา  และมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมสนับสนุน  ดังนี้  จิตใจควรตั้งมั่นอยู่ที่ตนเองเท่านั้น  โดยไม่ควรคิดถึงสิ่งอื่นใด

คำอธิบายฺ

ด้วยความมั่นใจและสติปัญญาที่ถูกต้อง  เราควรค่อย  ๆ  หยุดกิจกรรมทางประสาทสัมผัส  เช่นนี้เรียกว่า  พรัทยาฮาระฺ  ด้วยความมั่นใจ  สมาธิ  และหยุดกิจกรรมทางประสาทสัมผัส  ทำให้ควบคุมจิตใจได้  และควรสถิตในสมาธิหรือ  สะมาดิฺฺ  ในขณะนั้นจะไม่มีอันตรายใด  ๆ  เกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวคิดชีวิตทางวัตถุอีกต่อไป  อีกนัยหนึ่งคือ  ถึงแม้ว่าจะพัวพันอยู่กับวัตถุตราบที่ยังมีร่างวัตถุอยู่  ก็ไม่ควรคิดถึงการสนองประสาทสัมผัส  เราไม่ควรคิดถึงความสุขอื่นใดนอกจากความสุขแห่งองค์ภควาน  ระดับนี้บรรลุได้โดยง่ายดายด้วยการฝึกปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรง

โศลก 26

ยะโท ยะโท นิชชะละทิ
มะนัช ชันชะลัม อัสทิฺรัมฺ

ทะทัส ทะโท นิยัมไยทัด
อาทมะนิ เอวะ วะชัม นะเยทฺ

ยะทะฮ ยะทะฮฺ  -  ที่ใด, นิชชะละทิฺ  -  ถูกรบกวน, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, ชันชะลัมฺ  -  ไม่นิ่ง, อัสทิฺ รัมฺ  -  ไม่มั่นคง, ทะทะฮ ทะทะฮฺ  -  จากนั้น, นิยัมยะฺ  -  ประมาณ, เอทัทฺ  -  นี้, อาทมะนิฺ  -  ในตัว, เอวะฺ  -  แน่นอน, วะชัมฺ  -  ควบคุม, นะเยทฺ  -  ต้องนำมาอยู่ภายใต้

คำแปลฺ

จิตใจที่ล่องลอยไปยังแห่งหนใดก็แล้วแต่  อันเนื่องมาจากธรรมชาติที่ไม่หยุดนิ่งและไม่มั่นคงของมัน  เราต้องถอยและดึงมันกลับมาอยู่ภายใต้การควบคุมของตัวเราให้ได้

คำอธิบายฺ

ธรรมชาติของจิตใจนั้นไม่หยุดนิ่งและไม่มั่นคง  แต่โยคีผู้รู้แจ้งแห่งตนต้องควบคุมจิตใจ  ไม่ควรให้จิตใจมาควบคุมตัวเขา  ผู้ที่ควบคุมจิตใจ  (รวมทั้งประสาทสัมผัส)  ได้เรียกว่า  โกสวามีฺ  หรือ  สวามีฺ  ผู้ที่ถูกจิตใจควบคุมเรียกว่า  โก-ดาสะฺ  หรือเป็นทาสของประสาทสัมผัส  โกสวามีฺ  รู้ถึงมาตรฐานของความสุขทางประสาทสัมผัส  ในความสุขทางประสาทสัมผัสทิพย์  ประสาทสัมผัสจะต้องปฏิบัติในการรับใช้องค์  ฮริชีเคชะฺ  หรือเจ้าของสูงสุดแห่งประสาทสัมผัสคือคริชณะ  การรับใช้คริชณะด้วยประสาทสัมผัสที่บริสุทธิ์เรียกว่าคริชณะจิตสำนึก  นี่คือวิธีที่จะนำประสาทสัมผัสมาอยู่ภายใต้การควบคุม  และเป็นความสมบูรณ์สูงสุดแห่งการฝึกปฏิบัติโยคะ  ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้

โศลก 27

พระชานทะ-มะนะสัม ฮิ เอนัม
โยกินัม สุคัฺม อุททะมัมฺ

อุไพทิ ชานทะ-ระจะสัม
บระฮมะ-บํูทัม อคัลมะชัมฺ

พระชานทะฺ  -  สงบ, ตั้งมั่นอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ, มะนะสัมฺ  -  จิตใจของเขา, ฮิฺ  -  แน่นอน, เอนัมฺ  -  นี้, โยกินัมฺ  -  โยคี, สุคัฺมฺ  -  ความสุข, อุททะมัมฺ  -  สูงสุด, อุไพทิฺ  -  ได้รับ, ชานทะ-ระจะสัมฺ  -  ตัณหาสงบลง, บระฮมะ-บํูทัมฺ  -  หลุดพ้นด้วยการแสดงตัวกับสัจธรรม, อคัลมะชัมฺ  -  เป็นอิสระจากวิบากกรรมในอดีตทั้งมวล

คำแปลฺ

โยคีผู้มีจิตใจตั้งมั่นอยู่ที่ข้าบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดแห่งความสุขทิพย์อย่างแท้จริง  เขาอยู่เหนือระดับตัณหา  รู้แจ้งคุณสมบัติอันแท้จริงของตนเองกับองค์ภควาน  ดังนั้น  จึงเป็นอิสระจากผลกรรมในอดีตทั้งปวง

คำอธิบายฺ

บระฮมะ-บํูทะฺ  คือระดับที่เป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุและสถิตในการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควาน  มัด-บัฺคทิม  ละบฺะเท  พะรามฺ  (ภควัต-คีตาฺ  18.54  )  เขาไม่สามารถดำรงรักษาอยู่ในคุณสมบัติของ  บระฮมันฺ  สัจธรรมที่สมบูรณ์ได้  จนกว่าจิตใจจะตั้งมั่นอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน  สะ  ไว  มะนะฮ  คริชณะ-พะดาระวินดะโยฮฺ  ปฏิบัติอยู่ในการรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่องค์ภควาน  หรือการดำรงรักษาอยู่ในคริชณะจิตสำนึก  คือการได้รับเสรีภาพความหลุดพ้นจากระดับตัณหาและมลทินทางวัตถุทั้งปวงอย่างแท้จริง

โศลก 28

ยุนจันน เอวัม สะดาทมานัม
โยกี วิกะทะ-คัลมะชะฮฺ

สุเคฺนะ บระฮมะ-สัมสพารชัม
อัทยันทัม สุคัฺม อัชนุเทฺ

ยุนจันฺ  -  ปฏิบัติฝึกฝนโยคะ, เอวัมฺ  -  ดังนั้น, สะดาฺ  -  เสมอ, อาทมานัมฺ  -  ตัวเขา, โยกีฺ  -  ผู้ที่สัมผัสอยู่กับองค์ภควาน, วิกะทะฺ  -  เป็นอิสระจาก, คัลมะชะฮฺ  -  มลทินทางวัตถุทั้งมวล, สุเคฺนะฺ  -  ในความสุขทิพย์, บระฮมะ-สัมสพารชัมฺ  -  สัมผัสกับองค์ภควานอยู่เสมอ, อัทยันทัมฺ  -  สูงสุด, สุคัฺมฺ  -  ความสุข, อัชนุเทฺ  -  ได้รับ

คำแปลฺ

ดังนั้น  โยคีผู้ควบคุมตนเองได้  ปฏิบัติตนฝึกฝนอยู่ในโยคะเสมอ  เป็นอิสรเสรีจากมลทินทางวัตถุทั้งปวง  และบรรลุระดับสูงสุดแห่งความสุขที่สมบูรณ์  ในการรับใช้องค์ภควานด้วยความรักทิพย์

คำอธิบายฺ

การรู้แจ้งตนเองหมายถึงรู้สถานภาพพื้นฐานของตนในความสัมพันธ์กับองค์ภควาน  ปัจเจกวิญญาณเป็นละอองอณูขององค์ภควาน  และสถานภาพของตนคือการถวายการรับใช้ทิพย์แด่พระองค์  การเชื่อมสัมพันธ์ทิพย์กับองค์ภควานนี้เรียกว่า  บระฮมะ-สัมสพารชะฺ

โศลก 29

สารวะ-บํูทะ-สทัฺม อาทมานัม
สารวะ-บํูทานิ ชาทมะนิฺ

อีคชะเท โยกะ-ยุคทาทมา
สารวะทระ สะมะ-ดารชะนะฮฺ

สารวะ-บํูทะ-สทัฺมฺ  -  สถิตในมวลชีวิต, อาทมานัมฺ  -  อภิวิญญาณ, สารวะฺ  -  ทั้งหมด, บํูทา นิฺ  -  สิ่งมีชีวิต, ชะฺ  -  เช่นกัน, อาทมะนิฺ  -  ในตนเอง, อีคชะเทฺ  -  เห็น, โยกะ-ยุคทะฺ  -  อาทมาฺ  -  ผู้ที่ประสานในคริชณะจิตสำนึก, สารวะทระฺ  -  ทุกหนทุกแห่ง, สะมะ-ดารชะนะฮฺ  -  เห็นด้วยความเสมอภาค

คำแปลฺ

โยคีที่แท้จริงจะเห็นข้าอยู่ในทุก  ๆ  ชีวิต  และเห็นทุก  ๆ  ชีวิตอยู่ในข้า  อันที่จริงบุคคลผู้รู้แจ้งแห่งตนเห็นข้าภควานองค์เดียวกันทุกหนทุกแห่ง

คำอธิบายฺ

โยคีผู้มีคริชณะจิตสำนึกเป็นผู้เห็นที่สมบูรณ์  เพราะเขาเห็นคริชณะองค์ภควานทรงสถิตภายในหัวใจของทุกคนในรูปอภิวิญญาณ  (พะระมาทมา  )  อีชวะระฮ  สารวะ-  บํูทานาม  ฮริด-เดเช  ่รจุนะ  ทิชทฺะทิฺ  องค์ภควานในรูปของ  พะระมาทมาฺ  ทรงสถิตภายในหัวใจของทั้งสุนัขและพราหมณ์  โยคีผู้สมบูรณ์รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นทิพย์อยู่เสมอ  และไม่มีผลกระทบทางวัตถุในการที่ทรงประทับอยู่ทั้งในสุนัขและในพราหมณ์  นี่คือความเสมอภาคสูงสุดขององค์ภควาน  ปัจเจกวิญญาณสถิตในหัวใจเฉพาะของตนเองเท่านั้นมิได้สถิตอยู่ในหัวใจของผู้อื่นทั้งหมด  นี่คือข้อแตกต่างระหว่างปัจเจกวิญญาณและอภิวิญญาณ  ผู้ที่มิได้ฝึกปฏิบัติโยคะอย่างแท้จริงจะไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจน  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกสามารถเห็นคริชณะทั้งในหัวใจของผู้ที่เชื่อและผู้ที่ไม่เชื่อ  ใน  สมริทิฺได้ยืนยันไว้ดังต่อไปนี้  อาทะทัทวาช  ชะ  มาทริทวาช  ชะ  อาทมา  ฮิ  พะระโม  ฮะริฮฺ  องค์ภควานทรงเป็นแหล่งกำเนิดของมวลชีวิต  ทรงเปรียบเทียบเสมือนกับพระมารดาและผู้ค้ำจุน  เฉกเช่นมารดาเป็นกลางกับลูก  ๆ  ที่ไม่เหมือนกันทุกคน  บิดาสูงสุด  (หรือมารดา)ก็เช่นเดียวกัน  ดังนั้น  องค์อภิวิญญาณจึงทรงประทับอยู่ในทุก  ๆ  ชีวิตเสมอ

ดูจากภายนอกทุก  ๆ  ชีวิตสถิตในพลังงานขององค์ภควานเช่นกัน  ดังจะอธิบายในบทที่เจ็ด  พระองค์ทรงมีพลังงานพื้นฐานสองพลังงานคือ  พลังงานทิพย์  (สูงกว่า)และพลังงานวัตถุ  (ต่ำกว่า)  สิ่งมีชีวิตถึงแม้ว่าจะเป็นส่วนของพลังงานเบื้องสูง  แต่อยู่ในสภาวะของพลังงานเบื้องต่ำ  ฉะนั้น  สิ่งมีชีวิตจะอยู่ในพลังงานขององค์ภควานเสมอทุกๆ  ชีวิตสถิตในพระองค์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

โยคีเห็นด้วยความเสมอภาคเพราะเห็นมวลชีวิต  ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะที่แตกต่างกันตามแต่ผลกรรม  ในทุก  ๆ  สถานการณ์ก็ยังคงเป็นผู้รับใช้ขององค์ภควาน  ขณะที่อยู่ในพลังงานวัตถุสิ่งมีชีวิตรับใช้ประสาทสัมผัสวัตถุ  และขณะที่อยู่ในพลังงานทิพย์เขาจะรับใช้องค์ภควานโดยตรง  ไม่ว่าในกรณีใดสิ่งมีชีวิตเป็นผู้รับใช้ของพระองค์  วิสัยทัศน์แห่งความเสมอภาคนี้สมบูรณ์อยู่ในบุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึก

โศลก 30

โย มาม พัชยะทิ สารวะทระฺ
สารวัม ชะ มะยิ พัชยะทิฺ
ทัสยาฮัม นะ พระณัชยามิ
สะ ชะ เม นะ พระณัชยะทิฺ

ยะฮฺ  -  ผู้ใดที่, มามฺ  -  ข้า, พัชยะทิฺ  -  เห็น, สารวะทระฺ  -  ทุกหนทุกแห่ง, สารวัมฺ  -  ทุกสิ่งทุกอย่าง, ชะฺ  -  และ, มะยิฺ  -  ในข้า, พัชยะทิฺ  -  เห็น, ทัสยะฺ  -  สำหรับเขา, อฮัมฺ  -  ข้า, นะฺ  -  ไม่, พระณัชยามิฺ  -  หายฺ, สะฮฺ  -  เขา, ชะฺ  -  เช่นกัน, เมฺ  -  แด่ข้า, นะฺ  -  ไม่, พระณัชยะทิฺ  -  หาย

คำแปลฺ

สำหรับผู้ที่เห็นข้าทุกหนทุกแห่ง  และเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในข้า  ข้าไม่เคยหายไปจากเขา  และเขาก็ไม่เคยหายไปจากข้า

คำอธิบายฺ

บุคคลในคริชณะจิตสำนึกเห็นองค์ชรีคริชณะทุกหนทุกแห่งอย่างแน่นอน  และเห็นทุกสิ่งทุกอย่างในคริชณะ  บุคคลเช่นนี้อาจดูเหมือนว่าเห็นปรากฏการณ์ที่แตกต่างกันทั้งหมดของธรรมชาติวัตถุ  แต่ในทุก  ๆ  กรณีและแต่ละกรณีเขามีจิตสำนึกของคริชณะ  และทราบว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นปรากฏการณ์แห่งพลังงานของพระองค์  ไม่มีอะไรสามารถอยู่ได้โดยปราศจากคริชณะ  และคริชณะทรงเป็นองค์ภควานของทุกสิ่งทุกอย่าง  นี่คือหลักธรรมพื้นฐานของคริชณะจิตสำนึก  คริชณะจิตสำนึกคือการพัฒนาความรักต่อคริชณะ  เป็นสถานภาพที่เหนือกว่าแม้กระทั่งความหลุดพ้นทางวัตถุ  ในระดับของคริชณะจิตสำนึกที่เหนือกว่าความรู้แจ้งแห่งตนนี้สาวกกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับคริชณะในความรู้สึกที่ว่าคริชณะทรงกลายมาเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับสาวก  และสาวกมีความเปี่ยมล้นไปด้วยความรักต่อคริชณะ  ความสัมพันธ์อันใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างองค์ภควานและสาวกจึงบังเกิดขึ้น  ในระดับนั้น  สิ่งมีชีวิตไม่มีวันถูกทำลาย  และองค์ภควานทรงไม่เคยคลาดไปจากสายตาของสาวก  การกลืนหายเข้าไปในคริชณะเป็นการทำลายดวงวิญญาณ  สาวกจะไม่เสี่ยงเช่นนี้  กล่าวไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.38  )  ว่า

เพรมานจะนะ-ชชํุริทะ-บัฺคธิ-วิโลชะเนนะ
สันทะฮ สะไดวะ ฮริดะเยชุ วิโลคะยันทิฺ

ยัม ชยามะสุนดะรัม อชินทยะ-กุณะ-สวะรูพัม
โกวินดัม อาดิ-พุรุชัม ทัม อฮัม บฺะจามิฺ

“ข้าขอบูชาพระผู้เป็นเจ้าองค์แรก  โกวินดะ  ผู้ที่สาวกมองเห็นด้วยดวงตาที่ชโลมไปด้วยเยื่อใยแห่งความรักตลอดเวลา  สาวกเห็นพระองค์ในรูปอมตะแห่งชยามะสุนดะระ  ผู้ทรงสถิตภายในหัวใจของสาวก”

ในระดับนี้องค์ชรีคริชณะทรงไม่มีวันคลาดสายตาไปจากสาวก  และสาวกก็จะไม่คลาดสายตาไปจากพระองค์  ในกรณีที่โยคีเห็นองค์ภควานในรูป  พะระมาทมาฺ  ผู้ทรงประทับอยู่ภายในหัวใจก็เช่นเดียวกัน  โยคีผู้นี้จะกลายมาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์  และทนไม่ได้ที่จะมีชีวิตอยู่แม้แต่นาทีเดียวโดยไม่เห็นพระองค์ทรงประทับอยู่ภายในตนเอง

โศลก 31

สารวะ-บํํูทะ-สทิฺทัม โย มาม
บฺะจะทิ เอคัทวัม อาสทิฺทะฮฺ

สารวะทฺา วารทะมาโน ่พิ
สะ โยกี มะยิ วารทะเทฺ

สารวะ-บํูทะ-สทิฺทัมฺ  -  ทรงสถิตในหัวใจของทุกคน, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, มามฺ  -  ข้า, บฺะจะทิฺ  -  ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้, เอคัทวัมฺ  -  ในหนึ่งเดียวกัน, อาสทิฺทะฮฺ  -  สถิต, สารวะทฺาฺ  -  ในทุกกรณี, วารทะ-มานะฮฺ  -  สถิต, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, สะฮฺ  -  เขา, โยกีฺ  -  นักทิพย์นิยม, มะยิฺ  -  ในข้า, วารทะเทฺ  -  ดำรง

คำแปลฺ

โยคีผู้ปฏิบัติในการรับใช้องค์อภิวิญญาณด้วยความเคารพบูชาเช่นนี้  รู้ว่าข้าและอภิวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกัน  จะดำรงอยู่ในข้าเสมอในทุกสถานการณ์

คำอธิบายฺ

โยคีผู้ฝึกปฏิบัติสมาธิอยู่ที่อภิวิญญาณเห็นภาคแบ่งแยกของคริชณะภายในตัวเขาในรูปพระวิชณุสี่กร  ทรงหอยสังข์  กงจักร  คทา  และดวกบัว  โยคีควรรู้ว่าพระวิชณุทรงไม่แตกต่างไปจากคริชณะ  คริชณะในรูปของอภิวิญญาณนี้ทรงสถิตในหัวใจของทุก  ๆ  คน  ยิ่งไปกว่านั้น  ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างอภิวิญญาณที่มีจำนวนนับไม่ถ้วนผู้ทรงปรากฏอยู่ภายในหัวใจอันนับไม่ถ้วนของสิ่งมีชีวิต  ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างบุคคลในคริชณะจิตสำนึกผู้ปฏิบัติรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่คริชณะอยู่เสมอ  และโยคีสมบูรณ์ผู้ปฏิบัติสมาธิอยู่ที่อภิวิญญาณ  โยคีในคริชณะจิตสำนึกถึงแม้อาจจะปฏิบัติกิจกรรมต่างๆขณะที่อยู่ในโลกวัตถุ  แต่จะดำรงสถิตในคริชณะเสมอ  ได้ยืนยันไว้ใน  บัฺคธิ-ระสามริทะ  สินดํฺุ  (1.2.187  )  ของ  ชรีละ  รูพะ  โกสวามี  ว่า  นิคิฺลาสุ  อพิ  อวัสทฺาสุ  จีวัน-มุคทะฮ  สะ  อุชยะเทฺ  สาวกขององค์ภควานผู้ปฏิบัติอยู่ในคริชณะจิตสำนึกเสมอได้รับความหลุดพ้นโดยปริยาย  ใน  นาระดะ-พันชะราทระฺ  ได้ยืนยันไว้ดังนี้

ดิค-คาลาดิ-อนะวัชชิฺนเน
คริชเณ เชโท วิดฺายะ ชะฺ

ทัน-มะโย บฺะวะทิ คชิพรัม
จีโว บระฮมะณิ โยจะเยทฺ

“จากการตั้งสมาธิจิตอยู่ที่พระวรกายทิพย์ของคริชณะผู้ทรงแผ่กระจายไปทั่ว  ทรงอยู่เหนือเวลาและอวกาศ  เขาซึมซาบอยู่ในการระลึกถึงคริชณะ  จากนั้นจะบรรลุถึงระดับแห่งความสุขในการมาคบหาสมาคมทิพย์กับพระองค์”

คริชณะจิตสำนึกเป็นระดับสูงสุดแห่งสมาธิในการปฏิบัติโยคะ  การเข้าใจอย่างแท้จริงว่าคริชณะทรงปรากฏในรูป  พะระมาทมาฺ  อยู่ภายในหัวใจของทุก  ๆ  คนทำให้โยคีไม่มีความผิดพลาด  คัมภีร์พระเวท  (โกพาละ-ทาพะนี  อุพะนิชัดฺ  1.21)  ได้ยืนยันพลังอำนาจขององค์ภควานที่ไม่สามารถมองเห็นได้ไว้ดังนี้  เอโค  ่พิ  สัน  บะฮุดฺา  โย  ่วะบฺาทิฺ“ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงเป็นหนึ่ง  แต่พระองค์ทรงปรากฏอยู่ภายในหัวใจจำนวนที่นับไม่ถ้วนอย่างมากมาย”  ในทำนองเดียวกัน  สมริทิ-ชาสทระฺ  ได้กล่าวไว้ว่า

เอคะ เอวะ พะโร วิชณุฮ
สารวะ-วิยาพี นะ สัมชะยะฮฺ

ไอชวารยาด รูพัม เอคัม ชะ
สูรยะ-วัท บะฮุเดฺยะเทฺ

“พระวิชณุทรงเป็นหนึ่ง  ถึงกระนั้นพระองค์ยังทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยพลังอำนาจที่มองไม่เห็น  ถึงแม้ว่าทรงมีรูปลักษณ์เดียว  พระองค์ทรงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งเสมือนดังดวงอาทิตย์ที่ปรากฏอยู่่หลาย  ๆ  แห่งในขณะเดียวกัน”

โศลก 32

อาทโมพัมเยนะ สารวะทระ
สะมัม พัชยะทิ โย ่รจุนะฺ

สุคัฺม วา ยะดิ วา ดุฮคัฺม
สะ โยกี พะระโม มะทะฮฺ

อาทมะฺ  -  ด้วยตัวเขา, โอพัมเยนะฺ  -  ด้วยการเปรียบเทียบ, สารวะทระฺ  -  ทุกหนทุกแห่ง, สะมัมฺ  -  เท่าเทียมกัน, พัชยะทิฺ  -  เห็น, ยะฮฺ  -  เขาผู้ซึ่ง, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, สุคัฺมฺ  -  ความสุข, วาฺ  -  หรือ, ยะดิฺ  -  ถ้า, วาฺ  -  หรือ, ดุฮคัฺมฺ  -  ความทุกข์, สะฮฺ  -  เช่นนี้, โยกีฺ  -  นักทิพย์นิยม, พะระมะฮฺ  -  สมบูรณ์, มะทะฮฺ  -  พิจารณา

คำแปลฺ

จากการเปรียบเทียบกับตัวเขาเอง  โยคีผู้สมบูรณ์เห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหลายด้วยความเสมอภาคอย่างแท้จริง  ทั้งในขณะที่พวกเขามีความสุขและในขณะที่มีความทุกข์  โอ้  อารจุนะ

คำอธิบายฺ

ผู้มีคริชณะจิตสำนึกเป็นโยคีที่สมบูรณ์  เขารู้ถึงความสุขและความทุกข์ของทุก  ๆ  คนโดยอาศัยประสบการณ์ส่วนตัว  สาเหตุแห่งความทุกข์ของสิ่งมีชีวิตคือการลืมความสัมพันธ์ของตนเองกับองค์ภควาน  และสาเหตุแห่งความสุขคือรู้ว่าองค์ชรีคริชณะทรงเป็นผู้มีความสุขเกษมสำราญสูงสุดในกิจกรรมทั้งหลายของมนุษย์  คริชณะทรงเป็นเจ้าของแผ่นดินและดาวเคราะห์ทั้งหมด  และคริชณะทรงเป็นเพื่อนผู้มีความจริงใจที่สุดของมวลชีวิต  โยคีที่สมบูรณ์รู้ว่าสิ่งมีชีวิตผู้อยู่ในสภาวะของระดับแห่งธรรมชาติวัตถุอยู่ภายใต้อำนาจของความทุกข์ทางวัตถุสามคำรบ  อันเนื่องมาจากการลืมความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับคริชณะ  เนื่องจากผู้ที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกมีความสุข  จึงพยายามแจกจ่ายความรู้แห่งคริชณะนี้ไปทั่วทุกหนทุกแห่ง  เพราะว่าโยคีที่สมบูรณ์พยายามประกาศความสำคัญในการมาเป็นคริชณะจิตสำนึก  จึงเป็นคนใจบุญที่ดีที่สุดในโลกและเป็นคนรับใช้ที่น่ารักที่สุดขององค์ภควาน  นะ  ชะ  ทัสมาน  มะนุชเยชุ  คัชชิน  เม  พริยะ-คริททะมะฮฺ  (ภค.18.69  )  อีกนัยหนึ่ง  สาวกของพระองค์มุ่งบำรุงสุขแด่มวลชีวิตอยู่เสมอ  ด้วยเหตุนี้จึงเป็นมิตรแท้ของทุก  ๆ  คน  เขาเป็นโยคีที่ดีที่สุดเพราะว่าไม่ปรารถนาความสมบูรณ์ในโยคะเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว  แต่พยายามเพื่อคนอื่นด้วยเขาไม่อิจฉาเพื่อนสิ่งมีชีวิตด้วยกัน  นี่คือข้อแตกต่างระหว่างสาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควานและโยคีผู้สนใจเพียงแต่ความเจริญก้าวหน้าของตนเองเท่านั้น  โยคีผู้ที่ถอนตัวไปอยู่อย่างสันโดษเพื่อทำสมาธิโดยสมบูรณ์  อาจไม่สมบูรณ์บริบูรณ์เท่าสาวกผู้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ทุก  ๆ  คนมีคริชณะจิตสำนึก

โศลก 33

อารจุนะ อุวาชะฺ
โย ่ยัม โยกัส ทวะยา โพรคทะฮ
สามเยนะ มะดํุสูดะนะฺ

เอทัสยาฮัม นะ พัชยามิ
ชันชะลัทวาท สทิฺทิม สทิฺรามฺ

อารจุนะ อุวาชะฺ  -  อารจุนะตรัส, ยะฮ อยัมฺ  -  ระบบนี้, โยกะฮฺ  -  โยคะ, ทวะยาฺ  -  โดยพระองค์, โพรคทะฮฺ  -  อธิบาย, สามเยนะฺ  -  โดยทั่วไป, มะดํุ-สูดะนะฺ  -  โอ้ ผู้สังหารมารมะดํุ, เอทัสยะฺ  -  ของสิ่งนี้, อฮัมฺ  -  ข้า, นะฺ  -  ไม่, พัชยามิฺ  -  เห็น, ชันชะลัทวาทฺ  -  เนื่องจากไม่สงบนิ่ง, สทิฺทิมฺ  -  สภาวะ, สทิฺรามฺ  -  มั่นคง

คำแปลฺ

อารจุนะตรัสว่า  โอ้  มะดํุสูดะนะ  ระบบโยคะที่พระองค์ทรงสรุปให้นี้  ดูเหมือนจะปฏิบัติไม่ได้และข้าไม่มีความอดทนพอ  เพราะว่าจิตใจไม่สงบนิ่งและไม่มั่นคง

คำอธิบายฺ

ระบบโยคะที่องค์ชรีคริชณะทรงอธิบายให้อารจุนะเริ่มด้วยคำ  ชุโช  เดเชฺ  และจบด้วยคำ  โยกี  พะระมะฮฺ  ได้ถูกอารจุนะทรงปฏิเสธ  ณ  ที่นี้  จากความรู้สึกที่ว่าไม่สามารถปฏิบัติได้  เป็นไปไม่ได้สำหรับคนธรรมดาทั่วไปที่จะจากบ้านไปยังป่าเขาลำเนาไพร  และอยู่อย่างสันโดษเพื่อฝึกปฏิบัติโยคะใน  คะลิฺ  ยุค  ในยุคปัจจุบันนี้มีลักษณะที่ดิ้นรนอย่างขมขื่นเพื่อความอยู่รอดด้วยชีวิตอันสั้น  ผู้คนไม่จริงจังเกี่ยวกับความรู้แจ้งแห่งตน  แม้จะด้วยวิธีที่ง่ายและปฏิบัติได้  จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงระบบโยคะที่ยากลำบากเช่นนี้  ซึ่งต้องควบคุมชีวิตการเป็นอยู่ในเรื่องของการนั่ง  การเลือกสถานที่  และการทำให้จิตใจไม่ยึดติดกับการปฏิบัติทางวัตถุ  ในฐานะที่เป็นนักปฏิบัติ  อารจุนะทรงคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปฏิบัติตามระบบโยคะนี้  ถึงแม้ว่าทรงมีคุณสมบัติที่เอื้ออำนวยอยู่หลายประการอารจุนะประสูติอยู่ในตระกูลกษัตริย์  ทรงมีความเจริญมากในคุณสมบัติหลาย  ๆ  ด้านเช่น  เป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่  มีพระชนมายุยืนยาว  และยิ่งไปกว่าสิ่งอื่นใด  ยังเป็นสหายสนิทที่สุดขององค์ภควานชรีคริชณะ  เมื่อห้าพันปีก่อนนี้  อารจุนะทรงมีสิ่งเอื้ออำนวยที่ดีกว่าพวกเราที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้อย่างมากมาย  ถึงกระนั้นยังปฏิเสธระบบโยคะนี้  อันที่จริงเราไม่พบบันทึกใด  ๆ  ในประวัติศาสตร์ที่เห็นอารจุนะฝึกปฏิบัติโยคะนี้ไม่ว่าในเวลาใดฉะนั้น  ระบบนี้ต้องพิจารณาว่าโดยทั่วไปเป็นไปไม่ได้ใน  คะลิฺ  ยุคนี้  แน่นอนว่าอาจจะเป็นไปได้สำหรับคนบางคนที่หาได้ยากมาก  แต่สำหรับผู้คนโดยทั่วไปเป็นข้อเสนอที่เป็นไปไม่ได้  เพราะหากเป็นเช่นนี้เมื่อห้าพันปีก่อน  แล้วปัจจุบันนี้จะเป็นอย่างไร  พวกที่เลียนแบบระบบโยคะนี้  ซึ่งอยู่ในสถานที่ที่เรียกว่าสถาบันและสมาคมต่าง  ๆ  ถึงแม้ว่าจะได้รับความอิ่มเอิบใจ  แต่เป็นการสูญเสียเวลาไปอย่างแน่นอน  พวกนี้อยู่ในอวิชชาอย่างสมบูรณ์เกี่ยวกับจุดมุ่งหมายที่ตนปรารถนา

โศลก 34

ชันชะลัม ฮิ มะนะฮ คริชณะ
พระมาทิฺ บะละวัด ดริดัฺมฺ

ทัสยาฮัม นิกระฮัม มันเย
วาโย อิวะ สุ-ดุชคะรัมฺ

ชันชะลัมฺ  -  ไม่สงบนิ่ง, ฮิฺ  -  แน่นอน, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, คริชณะฺ  -  โอ้ คริชณะ, พระมาทิฺฺ  -  ว้าวุ่น, บะละฺ  -  วัทฺ  -  มีพลังมาก, ดริดัฺมฺ  -  ดื้อรั้น, ทัสยะฺ  -  ของมัน, อฮัมฺ  -  ข้า, นิกระฮัมฺ  -  ปราบ, มันเยฺ  -  คิด, วาโยฮฺ  -  ของลม, อิวะฺ  -  เหมือน, สุ-ดุชคะรัมฺ  -  ยาก

คำแปลฺ

เพราะว่าจิตใจไม่สงบนิ่ง  พล่าน  ดื้อรั้น  และมีพลังมาก  โอ้  คริชณะ  และในการปราบมัน  ข้าพเจ้าคิดว่ายากยิ่งกว่าการควบคุมลม

คำอธิบายฺ

จิตใจมีพลังมากและดื้อรั้น  บางครั้งก็เอาชนะปัญญา  ถึงแม้ว่าจิตใจควรอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของปัญญา  สำหรับบุคคลผู้อยู่ในโลกแห่งการปฏิบัติที่ต้องต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามมากมาย  แน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ยากมากในการควบคุมจิตใจ  เขาอาจทำใจให้เป็นกลางอย่างผิดธรรมชาติระหว่างเพื่อนกับศัตรู  แต่ในที่สุดไม่มีผู้ใดในโลกสามารถทำได้  เพราะว่ายากยิ่งกว่าการควบคุมลมพายุที่พัดมาอย่างแรงฉันใด  ในวรรณกรรมพระเวท  (คะทฺะ  อุพะนิชัดฺ  1.3.3-4  )  กล่าวไว้ว่า

อาทมานัม ระทิฺนัม วิดดิฺ
ชะรีรัม ระทัฺม เอวะ ชะฺ

บุดดิฺม ทุ สาระทิฺม วิดดิฺ
มะนะฮ พระกระฮัม เอวะ ชะฺ
อินดริยาณิ ฮะยาน อาฮุร
วิชะยามส เทชุ โก-ชะรานฺ

อาทเมนดริยะ-มะโน-ยุคทัม
โบฺคเททิ อาฮุร มะนีชิณะฮฺ

“ปัจเจกวิญญาณเป็นผู้โดยสารในพาหนะแห่งร่างวัตถุ  ปัญญาเป็นผู้ขับ  จิตใจเป็นคันบังคับ  และประสาทสัมผัสเป็นม้า  ตัวเขาจะได้รับความสุขหรือความทุกข์เกิดจากการมาคบหาสมาคมกับจิตใจและประสาทสัมผัส  เช่นนี้  เป็นที่เข้าใจโดยนักคิดผู้ยิ่งใหญ่”ปัญญาควรเป็นผู้สั่งจิตใจ  แต่จิตใจมีพลังอำนาจมากและดื้อรั้นจนส่วนใหญ่เอาชนะแม้กระทั่งปัญญาของตนเอง  เหมือนกับโรคปัจจุบันทันด่วนที่ดื้อยา  จิตใจที่มีพลังมากเช่นนี้ควรถูกควบคุมด้วยการฝึกปฏิบัติโยคะ  แต่การฝึกเช่นนี้ปฏิบัติไม่ได้แม้สำหรับบุคคลทางโลกเช่นอารจุนะ  จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนในยุคสมัยนี้  อุปมาที่ให้ไว้  ณ  ที่นี้เหมาะสมดีเราไม่สามารถจับกุมลมที่พัดมาแรงได้ฉันใด  มันยากยิ่งไปกว่าที่จะจับกุมจิตใจที่พล่านได้ฉันนั้น  องค์เชธันญะทรงแนะนำวิธีที่ง่ายที่สุดในการควบคุมจิตใจคือการร้องเพลงสวดมนต์  ภาวนา  “ฮะเร  คริชณะ”  ซึ่งเป็นบทมนต์อันยิ่งใหญ่เพื่อการจัดส่ง  ด้วยความถ่อมตนอย่างยิ่ง  ได้อธิบายวิธีไว้ดังนี้  สะ  ไว  มะนะฮ  คริชณะ-พะดาระวินดะโยฮฺ  เราต้องใช้จิตใจอย่างเต็มที่ในคริชณะ  ด้วยวิธีนี้เท่านั้นจึงจะไม่มีกิจกรรมอื่นใดทำให้จิตใจวุ่นวาย

โศลก 35

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
อสัมชะยัม มะฮา-บาโฮ
มะโน ดุรนิกระฮัม ชะลัมฺ

อับฺยาเสนะ ทุ คะอุนเทยะ
ไวรากเยณะ ชะ กริฺยะเทฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  องค์ภควานตรัส, อสัมชะยัมฺ  -  อย่างไม่สงสัย, มะฮา-บาโฮฺ  -  โอ้ยอดนักรบ, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, ดุรนิกระฮัมฺ  -  ยากที่จะดัด, ชะลัมฺ  -  ว้าวุ่น, อับฺยาเสนะฺ  -  ด้วยการปฏิบัติ, ทฺุ  -  แต่, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, ไวรากเยนะฺ  -  ด้วยการไม่ยึดติด, ชะฺ  -  เช่นกัน, กริฺยะเทฺ  -  สามารถควบคุมได้

คำแปลฺ

องค์ชรีคริชณะตรัสว่า  โอ้  ยอดนักรบโอรสพระนางคุนที  การดัดจิตใจที่ไม่สงบนิ่งเป็นสิ่งที่ยากมากโดยไม่ต้องสงสัย  แต่เป็นไปได้ด้วยการฝึกปฏิบัติอย่างถูกต้องเหมาะสม  และด้วยการไม่ยึดติด

คำอธิบายฺ

ความยากลำบากในการควบคุมจิตใจที่ดื้อรั้นดังที่อารจุนะทรงดำริ  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงยอมรับ  แต่ในขณะเดียวกันพระองค์ทรงแนะนำว่าการฝึกปฏิบัติและการไม่ยึดติดเป็นไปได้  การฝึกปฏิบัตินั้นคืออะไร?  ในยุคปัจจุบันไม่มีใครสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบอันเคร่งครัดในการที่จะให้ตนเองไปอยู่ยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และตั้งสมาธิจิตอยู่ที่องค์อภิวิญญาณ  หักห้ามประสาทสัมผัสและจิตใจ  ถือเพศพรหมจรรย์อยู่อย่างสันโดษ  ฯลฯ  อย่างไรก็ดี  ด้วยการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกในเก้าวิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน  วิธีแรกและสำคัญมากในการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละคือการสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะ  ซึ่งเป็นวิถีทิพย์ที่ทรงพลังอำนาจมากในการขจัดข้อสงสัยทั้งหลายให้ออกไปจากจิตใจ  ผู้ที่สดับฟังเกี่ยวกับคริชณะได้มากเท่าไร  จะมีความรู้แจ้งและไม่ยึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่างที่นำพาจิตใจให้ออกห่างจากคริชณะมากเท่านั้น  จากการไม่ยึดติดจิตใจอยู่กับกิจกรรมที่ไม่อุทิศตนเสียสละให้พระองค์  เขาสามารถเรียนรู้  ไวรากยะฺ  ได้อย่างง่ายดาย  ไวรากยะฺ  หมายถึงการไม่ยึดติดกับวัตถุและให้จิตใจปฏิบัติอยู่กับดวงวิญญาณ  การไม่ยึดติดในวิถีทิพย์ของพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ยากยิ่งกว่าการยึดมั่นจิตใจอยู่กับกิจกรรมของคริชณะ  เช่นนี้ปฏิบัติได้เพราะจากการสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะจะทำให้ยึดมั่นกับดวงวิญญาณสูงสุดโดยปริยาย  การยึดมั่นเช่นนี้เรียกว่า  พะเร-  ชานุบฺะวะฺ  ความพึงพอใจทิพย์  คล้าย  ๆ  กับความรู้สึกพึงพอใจกับอาหารทุกคำที่คนกำลังหิวได้รับประทาน  ขณะที่กำลังหิวเมื่อได้รับประทานมากเท่าไรก็จะรู้สึกพึงพอใจและมีพลังงานเพิ่มขึ้นมากเท่านั้น  ในทำนองเดียวกัน  จากการปฏิบัติรับใช้ด้วยการอุทิศตนเสียสละ  เขามีความรู้สึกพึงพอใจทิพย์ในขณะที่จิตใจไม่ยึดติดกับจุดมุ่งหมายทางวัตถุ  เหมือนกับการรักษาโรคด้วยวิธีที่ชำนาญ  และโภชนาการที่เหมาะสม  ดังนั้น  การสดับฟังกิจกรรมทิพย์ขององค์ชรีคริชณะจึงเป็นวิธีรักษาที่มีความชำนาญสำหรับจิตใจที่บ้าคลั่ง  และการรับประทานภัตตาหารที่ถวายให้คริชณะคือโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับคนไข้ที่กำลังมีความทุกข์  การรักษาเช่นนี้คือวิธีของคริชณะจิตสำนึก

โศลก 36

อสัมยะทาทมะนา โยโก
ดุชพราพะ อิทิ เม มะทิฮฺ

วัชยาทมะนา ทุ ยะทะทา ชัคโย
่วาพทุม อุพายะทะฮฺ

อสัมยะทะฺ  -  หักห้ามไม่ไหว, อาทมะนาฺ  -  ด้วยจิตใจ, โยกะฮฺ  -  การรู้แจ้งแห่งตน, ดุชพรา พะฮฺ  -  ยากที่จะบรรลุ, อิทิฺ  -  ดังนั้น, เมฺ  -  ของข้า, มะทิฮฺ  -  ความเห็น, วัชยะฺ  -  ควบคุม, อาทมะนาฺ  -  ด้วยจิตใจ, ทฺุ  -  แต่, ยะทะทาฺ  -  ขณะที่พยายาม, ชัคยะฮฺ  -  ปฏิบัติได้, อวาพทุมฺ  -  บรรลุ, อุพายะทะฮฺ  -  ด้วยวิธีที่เหมาะสม

คำแปลฺ

สำหรับผู้ที่หักห้ามจิตใจของตนเองไม่ได้  การรู้แจ้งแห่งตนเป็นงานที่ยาก  แต่ผู้ที่ควบคุมจิตใจตนเองได้  และพยายามในวิถีทางที่ถูกต้อง  จะประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน  นี่คือความเห็นของข้า

คำอธิบายฺ

บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงประกาศว่าผู้ที่ไม่ยอมรับการรักษาที่ถูกต้องที่จะให้จิตใจไม่ยึดติดกับการปฏิบัติทางวัตถุ  จะบรรลุผลสำเร็จในการรู้แจ้งแห่งตนได้ยากมาก  การพยายามฝึกปฏิบัติโยคะในขณะที่จิตใจใฝ่หาความสุขทางวัตถุ  เปรียบเสมือนกับการพยายามจุดไฟในขณะที่ราดน้ำลงไป  ฝึกปฏิบัติโยคะโดยไม่ควบคุมจิตใจเป็นการเสียเวลา  การอวดวิธีการปฏิบัติโยคะเช่นนี้อาจได้รับผลกำไรงามทางวัตถุ  แต่ว่าไร้ประโยชน์ในการรู้แจ้งแห่งดวงวิญญาณ  ฉะนั้น  เขาต้องควบคุมจิตใจโดยให้จิตใจปฏิบัติรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่องค์ภควานอยู่เสมอ  นอกจากจะปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  มิฉะนั้นแล้วจะไม่สามารถควบคุมจิตใจได้อย่างมั่นคง  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกบรรลุผลแห่งการปฏิบัติโยคะได้อย่างง่ายดาย  โดยไม่ต้องพยายามนอกเหนือไปจากนี้  แต่ผู้ฝึกปฏิบัติโยคะไม่สามารถบรรลุผลสำเร็จได้โดยปราศจากคริชณะจิตสำนึก

โศลก 37

อารจะนะ อุวาชะฺ
อยะทิฮ ชรัดดฺะโยเพโท
โยกาช ชะลิทะ-มานะสะฮฺ

อัพราพยะ โยกะ-สัมสิดดิฺม
คาม กะทิม คริชณะ กัชชฺะทิฺ

อารจุนะฮ อุวาชะฺ  -  อารจุนะตรัส, อยะทิฮฺ  -  นักทิพย์นิยมผู้ไม่ประสบผลสำเร็จ, ชรัด- ดฺะยาฺ  -  ด้วยความศรัทธา, อุเพทะฮฺ  -  ปฏิบัติ, โยกาทฺ  -  จากการเชื่อมสัมพันธ์ที่เร้นลับ, ชะลิทะฺ  -  เบี่ยงเบน, มานะสะฮฺ  -  ผู้มีจิตใจเช่นนี้, อัพราพยะฺ  -  ล้มเหลวในการบรรลุ, โยกะ-สัมสิดดิฺมฺ  -  ความสมบูรณ์สูงสุดในโยคะ, คามฺ  -  ซึ่ง, กะทิมฺ  -  จุดมุ่งหมาย, คริชณะฺ  -  โอ้ คริชณะ, กัชชฺะทิฺ  -  บรรลุ

คำแปลฺ

อารจุนะตรัสว่า  โอ้  คริชณะ  นักทิพย์นิยมผู้ไม่ประสบผลสำเร็จ  ซึ่งในตอนแรกรับเอาวิถีทางเพื่อความรู้แจ้งแห่งตนมาปฏิบัติด้วยความศรัทธา  แต่ต่อมาได้ยกเลิกการปฏิบัติอันเนื่องมาจากจิตใจมาฝักใฝ่ทางโลก  ดังนั้น  จึงไม่บรรลุความสมบูรณ์ในโยคะ  จุดหมายปลายทางของบุคคลเช่นนี้อยู่ที่ใหน?

คำอธิบายฺ

วิถีทางเพื่อความรู้แจ้งแห่งตนหรือระบบโยคะได้อธิบายใน  ภควัต-คีตาฺ  หลักธรรมพื้นฐานเพื่อความรู้แจ้งแห่งตนคือความรู้ที่ว่าสิ่งมีชีวิตไม่ใช่ร่างกายวัตถุนี้แต่ว่าแตกต่างไปจากร่างวัตถุ  และความสุขของเขาอยู่ในชีวิตอมตะ  เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุข  และความรู้  สิ่งเหล่านี้เป็นทิพย์อยู่เหนือทั้งร่างกายและจิตใจ  ความรู้แจ้งแห่งตนค้นพบได้ด้วยวิถีแห่งความรู้  ด้วยการฝึกปฏิบัติแปดระบบหรือด้วย  ภักดี-โยคะฺ  ในแต่ละวิธีนี้จะต้องรู้แจ้งสถานภาพพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต  ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับองค์ภควาน  กิจกรรมซึ่งทำให้เขาสามารถสถาปนาความสัมพันธ์ที่สูญหายไปให้กลับมาอีกครั้ง  และบรรลุถึงระดับสมบูรณ์สูงสุดแห่งคริชณะจิตสำนึก  การปฏิบัติตามทางใดทางหนึ่งในสามวิธีที่กล่าวไว้ข้างต้น  แน่นอนว่าจะต้องบรรลุเป้าหมายสูงสุดในไม่ช้าก็เร็ว  องค์ภควานทรงยืนยันไว้เช่นนี้ในบทที่สอง  แม้ความพยายามเพียงเล็กน้อยบนวิถีทิพย์จะให้ความหวังอย่างสูงเพื่อการจัดส่ง  จากสามวิธีนี้  วิธีของ  ภักดี-โยคะฺ  เหมาะสมโดยเฉพาะสำหรับยุคนี้  เพราะเป็นวิธีตรงที่สุดเพื่อความรู้แจ้งองค์ภควาน  เพื่อให้มั่นใจยิ่งขึ้นไปอีก  อารจุนะทรงถามคริชณะเพื่อให้ทรงยืนยันคำดำรัสที่เคยกล่าวไว้  บุคคลอาจยอมรับวิธีเพื่อความรู้แจ้งอย่างจริงใจ  แต่วิธีแห่งการเพิ่มพูนความรู้  การฝึกปฏิบัติของระบบโยคะแปดระดับโดยทั่วไปเป็นสิ่งที่ยากมากสำหรับยุคนี้  ฉะนั้น  แม้จะพยายามอย่างสม่ำเสมอ  แต่อาจประสบความล้มเหลวเนื่องจากเหตุผลมากมาย  ประการแรก  เขาอาจไม่มีความจริงจังเพียงพอในการปฏิบัติตามวิธี  การก้าวเดินไปบนวิถีทิพย์คล้ายกับการประกาศสงครามกับพลังงานแห่งความหลง  ฉะนั้น  เมื่อไรที่บุคคลพยายามที่จะหนีไปจากเงื้อมมือของพระนางมายา  นางจะพยายามเอาชนะผู้ฝึกปฏิบัติด้วยการหลอกล่อให้หลงมากมาย  พันธวิญญาณถูกหลอกล่อให้หลงอยู่แล้วด้วยระดับแห่งพลังงานวัตถุ  จึงเป็นไปได้เสมอที่จะถูกหลอกล่อให้หลงอีกครั้งหนึ่ง  แม้ขณะฝึกปฏิบัติตามระเบียบวินัยทิพย์  เช่นนี้เรียกว่า  โยกาช  ชะ  ลิทะ-มานะสะฮฺ  การเบี่ยงเบนจากวิถีทิพย์  อารจุนะทรงตั้งคำถามเพื่อให้ทราบถึงผลแห่งการเบี่ยงเบนจากวิถีเพื่อความรู้แจ้งแห่งตน

โศลก 38

คัชชิน โนบฺะยะ-วิบฺรัชทัช
ชิฺนนาบฺรัม อิวะ นัชยะทิฺ

อัพระทิชโทฺ มะฮา-บาโฮ
วิมูโดฺ บระฮมะณะฮ พะทิฺฺ

คัชชิทฺ  -  ไม่ว่า, นะฺ  -  ไม่, อุบฺะยะฺ  -  ทั้งสอง, วิบฺรัชทะฮฺ  -  เบี่ยงเบนจาก, ชิฺนนะฺ  -  ขาด, อบฺ- รัมฺ  -  เมฆ, อิวะฺ  -  เหมือน, นัชยะทิฺ  -  สูญสิ้น, อพระทิชทฺะฮฺ  -  ไม่มีตำแหน่ง, มะฮา-บาโฮฺ  -  โอ้คริชณะยอดนักรบ, วิมูดฺะฮฺ  -  สับสน, บระฮมะนะฮฺ  -  แห่งความเป็นทิพย์, พะทิฺฺ  -  บนวิถีทาง

คำแปลฺ

โอ้  คริชณะยอดนักรบ  บุคคลผู้สับสนบนวิถีทิพย์  ไม่ประสบผลสำเร็จทั้งในวิถีทิพย์และวิถีวัตถุ  จะสูญสิ้นเสมือนดั่งก้อนเมฆที่สูญสลายหายไป  โดยไม่มีตำแหน่งที่จะยืนอยู่ไม่ว่าในวงการใดใช่หรือไม่?

คำอธิบายฺ

มีอยู่สองทางในความเจริญก้าวหน้า  พวกวัตถุนิยมไม่สนใจในวิถีทิพย์  ดังนั้นจึงสนใจในความก้าวหน้าทางวัตถุด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจ  หรือการส่งเสริมให้ไปอยู่บนดาวเคราะห์ที่สูงกว่าจากการปฏิบัติที่เหมาะสม  เมื่อบุคคลรับเอาวิถีทิพย์มาปฏิบัติ  ต้องหยุดกิจกรรมทางวัตถุทั้งปวงและถวายสิ่งที่เรียกว่าความสุขทางวัตถุทุกรูปแบบ  หากผู้ปรารถนาวิถีทิพย์ล้มเหลวในเรื่องนี้  ดูเหมือนว่าจะสูญเสียทั้งสองทาง  อีกนัยหนึ่ง  เขาไม่สามารถได้รับทั้งความสุขทางวัตถุหรือความสำเร็จในวิถีทิพย์  เขาไม่มีตำแหน่ง  เหมือนกับก้อนเมฆที่สูญสลายหายจากกันไป  ก้อนเมฆในท้องฟ้าบางครั้งแยกออกจากเมฆก้อนเล็กและไปรวมตัวกับเมฆก้อนใหญ่ได้  แล้วถูกลมพัดพาไปจนไม่เหลือบุคลิกของตนเองในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่  บระฮมะณะฮ  พะทิฺ  คือวิถีทิพย์ซึ่งรู้แจ้งผ่านทางความรู้ที่ว่า  ตัวเขาคือดวงวิญญาณโดยเนื้อแท้  และเป็นละอองอณูขององค์ภควานผู้ทรงปรากฏมาในรูปของ  บระฮมัน,  พะระมาทมา.ฺ  และ  บฺะกะวานฺ  องค์ชรีคริชณะทรงเป็นปรากฏการณ์ที่สมบูรณ์แห่งสัจธรรมอันสมบูรณ์สูงสุด  ดังนั้น  ผู้ที่ศิโรราบแด่องค์ภควานจึงเป็นนักทิพย์นิยมที่ประสบผลสำเร็จ  การบรรลุถึงเป้าหมายความรู้แจ้งแห่งชีวิตนี้โดยผ่านทาง  บระฮ  มันฺ  และ  พะระมาทมาฺ  จะใช้เวลาหลายต่อหลายชาติ  (บะฮุนาม  จันมะนาม  อันเทฺ  )  ฉะนั้นวิถีทางสูงสุดแห่งการรู้แจ้งทิพย์คือ  ภักดี-โยคะฺ  หรือคริชณะจิตสำนึกซึ่งเป็นวิธีโดยตรง

โศลก 39

เอทัน เม สัมชะยัม คริชณะ
เชฺททุม อารฮะสิ อเชชะทะฮฺ

ทวัด-อันยะฮ สัมชะยัสยาสยะ
เชฺททา นะ ฮิ อุพะพัดยะเทฺ

เอทัทฺ  -  นี่คือ, เมฺ  -  ของข้า, สัมชะยัมฺ  -  ข้อสงสัย, คริชณะฺ  -  โอ้ คริชณะ, เชฺททุมฺ  -  ปัดเป่า, อารฮะสิฺ  -  พระองค์ได้รับการขอร้อง, อเชชะทะฮฺ  -  อย่างสมบูรณ์, ทวัทฺ  -  กว่าพระองค์, อันยะฮฺ  -  ผู้อื่น, สัมชะยัสยะฺ  -  แห่งความสงสัย, อัสยะฺ  -  นี้, เชฺททาฺ  -  เคลื่อนออก, นะฺ  -  ไม่เคย, ฮิฺ  -  แน่นอน, อุพะพัดยะเทฺ  -  ค้นพบ

คำแปลฺ

โอ้  คริชณะ  นี่คือข้อสงสัย  ข้าพเจ้าขอให้พระองค์ทรงช่วยขจัดข้อสงสัยนี้ไปให้หมดสิ้น  นอกจากพระองค์แล้วจะไม่มีผู้ใดสามารถขจัดข้อสงสัยนี้ได้

คำอธิบายฺ

คริชณะทรงเป็นผู้รู้อดีต  ปัจจุบัน  และอนาคตอย่างสมบูรณ์  ในตอนต้นของ  ภควัต-คีตาฺ  องค์ภควานตรัสว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหลายมีความเป็นปัจเจกในอดีต  เป็นปัจเจกในปัจจุบัน  และจะยังคงมีบุคลิกลักษณะเป็นปัจเจกสืบต่อไปในอนาคต  แม้หลังจากที่หลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุแล้ว  ฉะนั้น  พระองค์ทรงให้ความกระจ่างเกี่ยวกับคำถามของปัจเจกชีวิตในอนาคตเรียบร้อยแล้ว  มาบัดนี้  อารจุนะทรงปรารถนาที่จะทราบถึงอนาคตของนักทิพย์นิยมผู้ไม่ประสบความสำเร็จ  ไม่มีผู้ใดเทียบเท่าหรือเหนือกว่าคริชณะ  ผู้ที่เรียกว่านักบวชและนักปราชญ์ยิ่งใหญ่ทั้งหลายที่ได้รับพระเมตตาจากธรรมชาติวัตถุไม่สามารถเทียบเท่าองค์ภควานได้  ดังนั้น  คำตัดสินของคริชณะถือว่าเป็นคำตอบสุดท้ายและสมบูรณ์ต่อข้อสงสัยทั้งมวล  เพราะทรงทราบอดีต  ปัจจุบันและอนาคตอย่างสมบูรณ์  แต่ไม่มีผู้ใดทราบถึงพระองค์  คริชณะและสาวกผู้มีคริชณะจิตสำนึกเท่านั้นที่ทราบว่าอะไรคืออะไร

โศลก 40

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
พารทฺะ ไนเวฮะ นามุทระ
วินาชัส ทัสยะ วิดยะเทฺ

นะ ฮิ คัลยาณะ-คริท คัชชิด
ดุรกะทิม ทาทะ กัชชฺะทิฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, นะ เอวะฺ  -  ไม่เคยเป็นเช่นนั้น, อิฮะฺ  -  ในโลกวัตถุนี้, นะฺ  -  ไม่เคย, อมุทระฺ  -  ในชาติหน้า, วินาชะฮฺ  -  ทำลาย, ทัสยะฺ  -  ของเขา, วิดยะเทฺ  -  เป็นอยู่, นะฺ  -  ไม่เคย, ฮิฺ  -  แน่นอน, คัลยาณะ-คริทฺ  -  ผู้ปฏิบัติกิจกรรมอันเป็นมงคล, คัชชิทฺ  -  ผู้ใด, ดุรกะทิมฺ  -  ตกต่ำลง, ทาทะฺ  -  สหายข้า, กัชชฺะทิฺ  -  ไป

คำแปลฺ

องค์ภควานตรัสว่า  โอ้  โอรสพระนางพริทฺา  นักทิพย์นิยมผู้ปฏิบัติกิจกรรมอันเป็นมงคลจะไม่พบกับความหายนะ  ไม่ว่าในโลกนี้หรือในโลกทิพย์  โอ้  สหายข้า  คนทำดีจะไม่มีวันถูกความชั่วครอบงำ

คำอธิบายฺ

ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (1.5.17  )  ชรี  นาระดะ  มุนิ  กล่าวสอน  วิยาสะเดวะ  ดังต่อไปนี้

ทยัคทวา สวะ-ดฺารมัม ชะระณามบุจัม ฮะเรร
บฺะจันน อพัคโว ่ทฺะ พะเทท ทะโท ยะดิฺ

ยะทระ ควะ วาบฺะดรัม อบํูด อมุชยะ คิม
โค วารทฺะ อาพโท ่บฺะจะทาม สะวะ ดฺารมะทะฮฺ

“หากผู้ใดยกเลิกความมุ่งหวังทางวัตถุทั้งปวงและรับเอาองค์ภควานเป็นที่พึ่งอย่างสมบูรณ์  จะไม่สูญเสียหรือตกต่ำลงไม่ว่าในทางใด  อีกด้านหนึ่ง  ผู้ไม่ใช่สาวกอาจปฏิบัติหน้าที่ในสายอาชีพของตนอย่างสมบูรณ์  แต่จะไม่ได้รับประโยชน์อันใดเลย”  สำหรับความมุ่งหวังทางวัตถุมีกิจกรรมมากมายทั้งตามพระคัมภีร์และตามประเพณี  นักทิพย์นิยมควรยกเลิกกิจกรรมทางวัตถุทั้งมวลเพื่อความเจริญก้าวหน้าแห่งชีวิตทิพย์หรือคริชณะจิตสำนึก  เขาอาจเถียงว่าคริชณะจิตสำนึกบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดได้หากปฏิบัติอย่างสมบูรณ์  แต่ถ้าหากว่าไม่บรรลุถึงระดับสมบูรณ์นี้จะสูญเสียทั้งทางวัตถุและทางจิตวิญญาณ  ได้กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่าเขาต้องรับทุกข์จากผลกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้  ฉะนั้น  ผู้ที่ไม่ปฏิบัติกิจกรรมทิพย์อย่างเหมาะสมจะได้รับผลกรรมเหล่านี้  บฺากะวะธัมฺ  ได้ยืนยันว่า  นักทิพย์นิยมผู้ไม่ประสบผลสำเร็จไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล  ถึงแม้อาจได้รับผลกรรมที่ปฏิบัติตามหน้าที่อย่างสมบูรณ์ก็ไม่สูญเสียอะไรเพราะคริชณะจิตสำนึกเป็นสิริมงคลจะไม่มีวันถูกลืม  และผู้ได้ปฏิบัติเช่นนี้จะปฏิบัติต่อไปแม้หากเขาเกิดมาต่ำต้อยในชาติหน้า  อีกด้านหนึ่ง  หากบุคคลปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด  แต่ไม่มีคริชณะจิตสำนึกจะไม่ได้รับผลอันเป็นมงคล

คำอธิบายเข้าใจได้ดังต่อไปนี้  มนุษยชาติอาจแบ่งออกได้เป็นสองพวก  คือพวกมีกฎเกณฑ์และพวกที่ไม่มีกฎเกณฑ์  พวกที่เพียงแต่ปฏิบัติตนเพื่อสนองประสาทสัมผัสเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานโดยปราศจากความรู้ของชาติหน้า  หรือความหลุดพ้นแห่งดวงวิญญาณเป็นพวกที่ไม่กฎเกณฑ์  พวกที่ปฏิบัติตามหลักธรรมแห่งหน้าที่ที่กำหนดไว้ในพระคัมภีร์เป็นพวกที่มีกฎเกณฑ์  พวกไม่มีกฎเกณฑ์ทั้งศิวิไลและไม่ศิวิไล  มีการศึกษาและด้อยการศึกษา  แข็งแรงและอ่อนแอ  ทั้งหมดเต็มไปด้วยนิสัยสัตว์เดรัจฉาน  กิจกรรมของพวกนี้ไม่เคยเป็นมงคล  เพราะขณะที่เพลิดเพลินกับนิสัยเยี่ยงสัตว์เดรัจฉานในการกิน  นอน  ป้องกันตัว  และเพศสัมพันธ์  พวกเขาจะยังคงมีความเป็นอยู่ทางวัตถุชั่วกัลปวสานซึ่งมีแต่ความทุกข์  อีกด้านหนึ่ง  พวกมีกฎเกณฑ์ตามคำสั่งสอนของพระคัมภีร์จะค่อย  ๆ  เจริญขึ้นมาสู่คริชณะจิตสำนึก  ชีวิตจะเจริญก้าวหน้าอย่างแน่นอน

พวกที่ปฏิบัติตามวิธีอันเป็นมงคลแบ่งได้เป็นสามกลุ่ม  คือ  (1)  กลุ่มที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์และได้รับความสุขจากความมั่งคั่งทางวัตถุ  (2)กลุ่มที่พยายามค้นหาเสรีภาพสูงสุดจากความเป็นอยู่ทางวัตถุ  และ  (3)  กลุ่มที่เป็นสาวกในคริชณะจิตสำนึก  กลุ่มที่ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของพระคัมภีร์เพื่อความสุขทางวัตถุอาจแบ่งต่อไปอีกได้เป็นสองกลุ่มย่อย  คือกลุ่มที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุ  และกลุ่มที่ไม่ปรารถนาผลทางวัตถุเพื่อสนองประสาทสัมผัส  พวกที่ปรารถนาผลทางวัตถุเพื่อสนองประสาทสัมผัสอาจพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้นจนกระทั่งไปถึงดาวเคราะห์ที่สูงกว่า  แต่ถึงกระนั้น  เนื่องจากมิได้เป็นอิสระจากความเป็นอยู่ทางวัตถุเพื่อสนองประสาทสัมผัส  อาจพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สูงขึ้นจนกระทั่งไปถึงดาวเคราะห์ที่สูงกว่า  ถึงกระนั้นเนื่องจากมิได้เป็นอิสระจากความเป็นอยู่ทางวัตถุ  จึงไม่ได้ปฏิบัติตามวิถีทางอันเป็นมงคลอย่างแท้จริง  กิจกรรมอันเป็นมงคลคือกิจกรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้นเท่านั้นกิจกรรมใด  ๆ  ที่ไม่มุ่งไปที่ความรู้แจ้งแห่งตนหรือความหลุดพ้นจากแนวคิดชีวิตทางวัตถุในที่สุดจะไม่เป็นมงคลเลย  กิจกรรมในคริชณะจิตสำนึกเป็นกิจกรรมเดียวที่เป็นมงคลและผู้ใดอาสายอมรับความไม่สะดวกสบายทางร่างกายทั้งมวลเพื่อความเจริญก้าวหน้าบนวิถีแห่งคริชณะจิตสำนึกสามารถเรียกได้ว่าเป็นนักทิพย์นิยมที่สมบูรณ์ภายใต้ความสมถะอย่างเคร่งครัด  เพราะระบบโยคะแปดระดับจะนำมาสู่ความรู้แจ้งแห่งคริชณะจิตสำนึกในที่สุด  การฝึกปฏิบัติเช่นนี้เป็นมงคลเช่นกัน  ผู้ใดที่พยายามอย่างดีที่สุดในเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องกลัวตกลงต่ำ

โศลก 41

พราพยะ พุณยะ-คริทาม โลคาน
อุชิทวา ชาชวะทีฮ สะมาฮฺ

ชุชีนาม ชรีมะทาม เกเฮ
โยกะ-บฺรัชโท ่บิฺจายะเทฺ

พราพยะฺ  -  หลังจากได้รับ, พุณยะ-คริทามฺ  -  ของพวกทำบุญ, โลคานฺ  -  ดาวเคราะห์, อุชิทวาฺ  -  หลังจากอาศัยอยู่, ชาชวะทีฮฺ  -  หลาย ๆ, สะมาฮฺ  -  ปี, ชุชีนามฺ  -  แห่งบุญ, ชรี- มะทามฺ  -  แห่งความรุ่งเรือง, เกเฮฺ  -  ในบ้าน, โยกะ-บฺรัชทะฮฺ  -  ผู้ตกลงจากวิถีความรู้แจ้งแห่งตน, อบิฺจายะเทฺ  -  เกิด

คำแปลฺ

หลังจากมีความสุขหลาย  ๆ  ปีบนดาวเคราะห์ของสิ่งมีชีวิตผู้มีบุญ  โยคีผู้ไม่ประสบความสำเร็จ  จะเกิดในตระกูลของคนที่มีคุณธรรม  หรือเกิดในตระกูลสูงที่ร่ำรวย

คำอธิบายฺ

โยคีที่ไม่ประสบผลสำเร็จแบ่งออกเป็นสองพวก  พวกหนึ่งตกลงมาหลังจากความเจริญก้าวหน้าเพียงเล็กน้อย  อีกพวกหนึ่งตกลงมาหลังจากการฝึกปฏิบัติโยคะเป็นเวลายาวนาน  โยคีที่ตกลงมาหลังจากการฝึกปฏิบัติในระยะเวลาสั้นจะไปยังดาวเคราะห์ที่สูงกว่าที่อนุญาตให้สิ่งมีชีวิตผู้มีบุญไปอยู่  หลังจากมีชีวิตอันยืนยาวอยู่ที่นั่น  จะถูกส่งกลับมายังโลกนี้อีกครั้งหนึ่ง  โดยมาเกิดในตระกูล  บราฮมะณะ  ไวชณะวะฺ  ผู้มีคุณธรรมหรือในตระกูลพ่อค้าวานิชที่ร่ำรวย

จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการฝึกปฏิบัติโยคะ  คือ  บรรลุความสมบูรณ์สูงสุดแห่งคริชณะจิตสำนึก  ดังที่ได้อธิบายไว้ในโศลกสุดท้ายของบทนี้  แต่พวกที่ไม่มีความเพียรพยายามมากเช่นนี้และตกลงต่ำเพราะไปลุ่มหลงทางวัตถุ  จะได้รับอนุญาตให้ใช้ประโยชน์กับนิสัยชอบทางวัตถุอย่างเต็มที่ด้วยพระเมตตาขององค์ภควาน  หลังจากนั้นก็จะได้รับโอกาสให้ไปใช้ชีวิตมั่งคั่งในตระกูลที่มีคุณธรรมหรือตระกูลสูง  พวกที่เกิดในตระกูลเช่นนี้อาจฉวยประโยชน์จากสิ่งเอื้ออำนวยต่าง  ๆ  และพยายามพัฒนาตนเองให้มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์

โศลก 42

อทฺะ วา โยกินาม เอวะ
คุเล บฺะวะทิ ดีฺมะทามฺ

เอทัด ดิฺ ดุรละบฺะทะรัม
โลเค จันมะ ยัด อีดริชัมฺ

อทฺะ วาฺ  -  หรือ, โยกินามฺ  -  ของนักทิพย์นิยมผู้มีความรู้, เอวะฺ  -  แน่นอน, คุเลฺ  -  ในครอบครัว, บฺะวะทิฺ  -  เกิด, ดีฺฺ  -  มะทามฺ  -  ของพวกมีปัญญาสูง, เอทัทฺ  -  นี้, ฮิฺ  -  แน่นอน, ดุรละบฺะ-ทะรัมฺ  -  หายากมาก, โลเคฺ  -  ในโลกนี้, จันมะฺ  -  เกิด, ยัทฺ  -  ที่ซึ่ง, อีดริชัมฺ  -  เหมือนเช่นนี้

คำแปลฺ

หรือ  (หากไม่ประสบผลสำเร็จหลังจากฝึกปฏิบัติโยคะมาเป็นเวลานาน)  เขาจะเกิดในครอบครัวของนักทิพย์นิยมผู้ที่เปี่ยมไปด้วยปัญญาอย่างแน่นอน  และเป็นจริงที่การเกิดเช่นนี้เป็นสิ่งที่หาได้ยากในโลกนี้

คำอธิบายฺ

การเกิดในตระกูลของโยคีหรือนักทิพย์นิยมผู้ที่เปี่ยมไปด้วยปัญญาได้รับการสรรเสริญไว้  ณ  ที่นี้ว่า  เด็กที่เกิดในตระกูลเช่นนี้ได้รับแรงกระตุ้นทางจิตวิญญาณตั้งแต่แรกเริ่มของชีวิต  โดยเฉพาะในกรณีของตระกูล  อาชารยะฺ  หรือ  โกสวามีฺ  ตระกูลเช่นนี้มีความรู้มากและอุทิศตนเสียสละตามประเพณีและการฝึกปฏิบัติ  ดังนั้น  พวกท่านจึงกลายมาเป็นพระอาจารย์ทิพย์  ในประเทศอินเดีย  มีตระกูล  อาชารยะฺ  เช่นนี้มากมายแต่ปัจจุบันเสื่อมทรามลง  อันเนื่องมาจากการศึกษาและการฝึกปฏิบัติไม่เพียงพอ  ด้วยพระเมตตาขององค์ภควานจึงยังมีครอบครัวที่อุปถัมภ์นักทิพย์นิยมมาหลายชั่วคน  แน่นอนว่าเป็นบุญมหาศาลที่ได้เกิดในตระกูลเช่นนี้  โชคดีที่ทั้งพระอาจารย์ทิพย์ของเรา  โอมวิชณุพาดะ  ชรี  ชรีมัด  บัฺคธิสิดดฺานธะ  สะรัสวะที  โกสวามี  มะฮาราจะ  และตัวอาตมาเองได้มีโอกาสเกิดในตระกูลเช่นนี้  ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน  เราทั้งสองคนได้รับการฝึกฝนในการอุทิศตนเสียสละรับใช้พระองค์ตั้งแต่แรกเริ่มของชีวิต  ต่อมาเราได้มาพบกันตามคำสั่งแห่งระบบทิพย์

โศลก 43

ทะทระ ทัม บุดดิฺ-สัมโยกัม
ละบฺะเท โพรวะ-เดฮิคัมฺ

ยะทะเท ชะ ทะโท บํูยะฮ
สัมสิดโดฺ คุรุ-นันดะนะฺ

ทะทระฺ  -  จากนั้น, ทัมฺ  -  นั้น, บุดดิฺฺ  -  สัมโยกัมฺ  -  ฟื้นฟูจิตสำนึก, ละบฺะเทฺ  -  ได้รับ, โพรวะ-เดฮิ คัมฺ  -  จากร่างก่อน, ยะทะเทฺ  -  เขาพยายาม, ชะฺ  -  เช่นกัน, ทะทะฮฺ  -  หลังจากนั้น, บํูยะฮฺ  -  อีกครั้ง, สัมสิดโดฺฺ  -  เพื่อความสมบูรณ์, คุรุ-นันดะนะฺ  -  โอ้ โอรสแห่งคุรุ

คำแปลฺ

การเกิดเช่นนี้ทำให้ได้ฟื้นฟูจิตสำนึกทิพย์ของเขาจากชาติปางก่อน  และพยายามเพื่อความเจริญก้าวหน้าอีกครั้งในการบรรลุถึงความสำเร็จอย่างสมบูรณ์  โอ้โอรสแห่งคุรุ

คำอธิบายฺ

กษัตริย์  บฺะระทะ  ทรงประสูติในตระกูลพรามหณ์ที่ดี  เป็นตัวอย่างในการเกิดที่ดีเพื่อฟื้นฟูจิตสำนึกทิพย์ในอดีต  พระราชา  บฺะระทะ  ทรงเป็นจักรพรรดิ์แห่งโลก  นับตั้งแต่นั้นมาโลกนี้มีชื่อเรียกในหมู่เทวดาว่า  บฺาระทะ-วารชะฺ  ในอดีตมีชื่อว่า  อิลาวริทะ-  วารชะฺ  เมื่อยังทรงพระเยาว์  จักรพรรดิ์ทรงสละราชบัลลังก์เพื่อความสมบูรณ์ในวิถีทิพย์แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ  ในชาติต่อมาประสูติในตระกูลพราหมณ์ที่ดี  มีพระนามว่า  จะดะ  บฺะระทะฺ  เนื่องจากทรงอยู่ในที่สันโดษเสมอและไม่พูดกับผู้ใด  ในเวลาต่อมากษัตริย์  ระฮูกะณะฺ  ทรงพบว่า  จะดะ  บฺะระทะฺ  เป็นนักทิพย์นิยมผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด  จากชีวิตของกษัตริย์  บฺะระทะฺ  นี้ทำให้เข้าใจได้ว่าความพยายามในวิถีทิพย์  หรือการฝึกปฏิบัติโยคะไม่เคยสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์  ด้วยพระเมตตาขององค์ภควาน  นักทิพย์นิยมจะได้รับโอกาสอีกครั้งเพื่อความสมบูรณ์บริบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึก

โศลก 44

พูรวาบฺยาเสนะ เทไนวะ
ฮริยะเท ฮิ อวะโช ่พิ สะฮฺ

จิกยาสุร อพิ โยกัสยะ
ชับดะ-บระฮมาทิวารทะเทฺ

พุรวะฺ  -  ในอดีต, อับยาเสนะฺ  -  ด้วยการฝึกปฏิบัติ, เทนะฺ  -  เช่นนั้น, เอวะฺ  -  แน่นอน, ฮริยะ เทฺ  -  รัก, ฮิฺ  -  แน่นอน, อวะชะฮฺ  -  โดยปริยาย, อพิฺ  -  เช่นกัน, สะฮฺ  -  เขา, จิกยาสุฮฺ  -  ถาม, อพิฺ  -  แม้แต่, โยกัสยะฺ  -  เกี่ยวกับโยคะ, ชับดะ-บระฮมะฺ  -  หลักพิธีกรรมของพระคัมภีร์, อทิวาร ทะเทฺ  -  อยู่เหนือ

คำแปลฺ

ด้วยบุญบารมีแห่งจิตสำนึกทิพย์จากชาติปางก่อน  จิตใจของเขาจะชื่นชอบหลักธรรมของโยคะโดยปริยาย  ถึงแม้จะไม่แสวงหา  นักทิพย์นิยมที่ชอบถามผู้นี้  จะยืนอยู่เหนือหลักพิธีกรรมของพระคัมภีร์เสมอ

คำอธิบายฺ

โยคีผู้เจริญแล้วไม่ติดใจอยู่กับพิธีกรรมของพระคัมภีร์  แต่จะชื่นชอบหลักธรรมของโยคะโดยปริยาย  ซึ่งสามารถพัฒนาให้มาถึงคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์หรือความสมบูรณ์สูงสุดแห่งโยคะ  ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (3.33.7  )  การที่นักทิพย์นิยมผู้เจริญแล้วไม่สนใจพิธีกรรมทางพระเวท  ได้อธิบายไว้ดังนี้

อโฮ บะทะ ชวะ-พะโช ่โท กะรียาน
ยัจ-จิฮวาเกร วารทะเท นามะ ทุบฺยัมฺ

เทพุส ทะพัส เท จุฮุวุฮ สัสนุร อารยา
บระฮมานูชุร นามะ กริณันทิ เย เทฺ

“โอ้  องค์ภควานที่รัก!  บุคคลผู้สวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์แม้จะเกิดในตระกูลคนกินสุนัข  ก็มีความเจริญในชีวิตทิพย์มาก  ผู้สวดภาวนาเช่นนี้ได้ปฏิบัติความสมถะและการบูชาทุกชนิดโดยไม่ต้องสงสัย  ได้อาบน้ำในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทุกแห่ง  และได้เสร็จสิ้นการศึกษาพระคัมภีร์ทั้งหมดแล้ว”

องค์ชรีเชธันญะทรงให้ตัวอย่างสาวกที่มีชื่อเสียงเช่นนี้ไว้ด้วยการยอมรับ  ทฺา-คุระ  ฮาริดาสะ  ว่าเป็นหนึ่งในสาวกที่สำคัญที่สุดของพระองค์  ถึงแม้  ทฺาคุระ  ฮาริดาสะได้เกิดในตระกูลมุสลิม  แต่ได้พัฒนามาจนองค์ชรีเชธันญะทรงให้ฉายาว่า  นามาชารยะฺอันเนื่องมากจาก  ทฺาคุระ  ฮาริดาสะ  รับเอาหลักการสวดภาวนาอย่างเคร่งครัดถึงสามแสนพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควานทุกวัน  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  คริชณะคริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร  ท่านสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อยู่เสมอ  เข้าใจว่าในอดีตชาติท่านต้องผ่านการปฏิบัติตามพิธีกรรมของพระเวททั้งหลาย  ที่เรียกว่า  ชับดะ-บระฮมะฺ  ดังนั้น  นอกจากมีความบริสุทธิ์  มิฉะนั้น  จะไม่สามารถรับหลักธรรมของคริชณะจิตสำนึก  หรือปฏิบัติการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน  ฮะเร  คริชณะ  ได้

โศลก 45

พระยัทนาด ยะทะมานัส ทุ
โยกี สัมชุดดฺะ-คิลบิชะฮฺ

อเนคะ-จันมะ-สัมสิดดัฺส
ทะโท ยาทิ พะราม กะทิมฺ

พระยัทนาทฺ  -  ด้วยการฝึกปฏิบัติอย่างจริงจัง, ยะทะมานะฮฺ  -  ความพยายาม, ทฺุ  -  และ, โยกีฺ  -  นักทิพย์นิยมเช่นนี้, สัมชุดดฺะฺ  -  ชะล้าง, คิลบิชะฮฺ  -  ความบาปทั้งมวล, อเนคะฺ  -  หลังจากหลายต่อหลาย, จันมะฺ  -  การเกิด, สัมสิดดฺะฮฺ  -  บรรลุความสมบูรณ์, ทะทะฮฺ  -  หลังจากนั้น, ยาทิฺ  -  ได้รับ, พะรามฺ  -  สูงสุด, กะทิมฺ  -  จุดมุ่งหมาย

คำแปลฺ

และเมื่อโยคีปฏิบัติตนด้วยความพยายามอย่างจริงใจในความเจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก  ชะล้างมลทินทั้งหมด  และในที่สุดบรรลุถึงความสมบูรณ์  หลังจากฝึกปฏิบัติมาหลายต่อหลายชาติ  เขาจะบรรลุถึงจุดมุ่งหมายสูงสุด

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้เกิดในตระกูลสูงและมีคุณธรรม  หรือตระกูลที่ใฝ่ศาสนาโดยเฉพาะรู้สำนึกถึงสภาวะที่เอื้ออำนวยในการฝึกปฏิบัติโยคะ  ดังนั้น  ด้วยความมั่นใจจึงเริ่มทำงานที่ยังคั่งค้างอยู่  และชะล้างตัวเขาจากมลทินทางวัตถุทั้งมวลให้บริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์  ในที่สุดเมื่อเป็นอิสระจากมลทินทั้งมวล  เขาจะบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดหรือคริชณะจิตสำนึกคริชณะจิตสำนึกเป็นระดับที่สมบูรณ์ในการเป็นอิสระจากมลทินทั้งมวล  ได้ยืนยันไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  (7.28  )

เยชาม ทุ อันทะ-กะทัม พาพัม
จะนานาม พุณยะ-คารมะณามฺ

เท ดวันดวะ-โมฮะ-นิรมุคทา
บฺะจันเท มาม ดริดฺะ-วระทาฮฺ

“หลังจากหลายต่อหลายชาติในการสะสมบุญ  เมื่อเป็นอิสระอย่างสมบูรณ์จากมลทินทั้งปวงจากความหลงกับสิ่งคู่ทั้งหลาย  เขาจะมาปฏิบัติในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควาน”

โศลก 46

ทะพัสวิบฺโย ่ดิฺโค โยกี
กยานิบฺโย ่พิ มะโท ่ดิฺคะฮฺ

คารมิบฺยัช ชาดิฺโค โยกี
ทัสมาด โยกี บฺะวารจุนะฺ

ทะพัสวิบฺยะฮฺ  -  กว่านักพรต, อดิฺคะฮฺ  -  ยิ่งใหญกว่า, โยกีฺ  -  โยคี, กยานิบฺยะฮฺ  -  กว่านักปราชญ์, อพิฺ  -  เช่นกัน, มะทะฮฺ  -  พิจารณา, อดิฺคะฮฺ  -  ยิ่งใหญกว่า, คารมิบฺยะฮฺ  -  กว่าผู้ทำงานเพื่อผลทางวัตถุ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อดิฺคะฮฺ  -  ยิ่งใหญ่กว่า, โยกีฺ  -  โยคี, ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, โยกีฺ  -  นักทิพย์นิยม, บฺะวะฺ  -  จงมาเป็น, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ

คำแปลฺ

โยคียิ่งใหญ่กว่านักพรต  ยิ่งใหญ่กว่านักปราชญ์  และยิ่งใหญ่กว่าผู้ทำงานเพื่อผลทางวัตถุ  ฉะนั้น  โอ้  อารจุนะ  ในทุก  ๆ  สถานการณ์  เธอจงเป็นโยคี

คำอธิบายฺ

เมื่อเราพูดถึงโยคะ  เราหมายถึงการเชื่อมสัมพันธ์จิตสำนึกของเรากับสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุด  วิธีการปฏิบัตินี้  มีชื่อเรียกแตกต่างกันตามแนวทางของนักปฏิบัติ  เมื่อวิธีการเชื่อมสัมพันธ์เน้นที่กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุมีชื่อเรียกว่า  คารมะ-โยกะฺ  เมื่อเน้นที่ปรัชญามีชื่อเรียกว่า  กยานะ-โยกะฺ  เมื่อเน้นความสัมพันธ์ในการอุทิศตนเสียสละต่อองค์ภควานมีชื่อเรียกว่า  ภักดี-โยคะ,  ภักดี-โยคะฺ  หรือคริชณะจิตสำนึกเป็นความสมบูรณ์สูงสุดแห่งโยคะทั้งหลาย  ดังจะอธิบายในโศลกต่อไป  องค์ภควานทรงยืนยันในที่นี้ถึงความยิ่งใหญ่แห่งโยคะ  แต่ทรงมิได้กล่าวว่ามีอะไรดีไปกว่า  ภักดี-โยคะ,  ภักดี-โยคะฺ  เป็นความรู้ทิพย์ที่สมบูรณ์  เช่นนี้  จึงไม่มีอะไรที่เหนือกว่า  ระบบนักพรตโดยปราศจากความรู้แห่งตนไม่สมบูรณ์  ความรู้ทางปรัชญาโดยปราศจากการศิโรราบต่อองค์ภควานก็ไม่สมบูรณ์  และการทำงานเพื่อผลทางวัตถุโดยปราศจากคริชณะจิตสำนึกเป็นการเสียเวลา  ฉะนั้น  การปฏิบัติโยคะที่ได้รับการยกย่องสรรเสริญอย่างสูงสุด  ณ  ที่นี้คือ  ภักดี-  โยคะฺ  และจะอธิบายให้กระจ่างกว่านี้ในโศลกต่อไป

โศลก 47

โยกินาม อพิ สารเวชาม
มัด-กะเทนานทาร-อาทมะนาฺ

ชรัดดฺาวาน บฺะจะเท โย มาม
สะ เม ยุคทะทะโม มะทะฮฺ

โยกินามฺ  -  ของโยคี, อพิฺ  -  เช่นกัน, สารเวชามฺ  -  ทุกชนิด, มัท-กะเทนะฺ  -  มีข้าเป็นสรณะ,ระลึกถึงข้าอยู่เสมอ, อันทะฮ-อาทมะนาฺ  -  ภายในตัวเขา, ชรัดดฺา-วานฺ  -  เปี่ยมไปด้วยศรัทธา, บฺะจะเทฺ  -  ปฏิบัติรับใช้ด้วยความรักทิพย์, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, มามฺ  -  แด่ข้า (องค์ภควาน ), สะฮฺ  -  เขา, เมฺ  -  โดยข้า, ยุคทะ-ทะมะฮฺ  -  โยคีผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด, มะทะฮฺ  -  พิจารณาว่า

คำแปลฺ

ในบรรดาโยคีทั้งหลาย  ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธา  มีข้าเป็นสรณะอยู่เสมอระลึกถึงข้าอยู่ภายใน  ปฏิบัติรับใช้ข้าด้วยความรักทิพย์  โยคีผู้นี้อยู่ร่วมกับข้าในโยคะอย่างใกล้ชิดที่สุด  และเป็นบุคคลสูงสุด  นี่คือความคิดเห็นของข้า

คำอธิบายฺ

คำว่า  บฺะจะเทฺ  มีความสำคัญ  ณ  ที่นี้  บฺะจะเทฺ  มีรากศัพท์มาจากคำกริยา  บัฺจฺซึ่งใช้คำนี้เมื่อมีความจำเป็นในการรับใช้  คำว่า  “บูชา”  ไม่สามารถใช้ในความหมายเดียวกันกับคำว่า  บัฺจฺ  ได้  บูชาหมายความถึงการเคารพ  หรือแสดงความนับถือและให้เกียรติต่อผู้ที่ทรงเกียรติ  แต่การรับใช้ด้วยความรักและศรัทธาหมายถึงองค์ภควานเท่านั้น  เราอาจหลีกเลี่ยงการบูชาผู้ที่เคารพนับถือหรือเทวดาได้  แล้วจะถูกเรียกว่าเป็นคนไม่มีมารยาท  แต่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการรับใช้องค์ภควานได้โดยไม่ถูกตำหนิอย่างรุนแรง  ทุก  ๆ  ชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควาน  ดังนั้นทุก  ๆ  ชีวิตมีไว้เพื่อรับใช้พระองค์ตามสถานภาพพื้นฐานของตนเอง  หากไม่ทำเช่นนี้จะทำให้ตกต่ำลง  บฺากะวะธัมฺ(11.5.3  )  ได้ยืนยันไว้ดังต่อไปนี้

ยะ เอชาม พุรุชัม สาคชาด
อาทมะ-พระบฺะวัม อีชวะรัมฺ

นะ บฺะจันทิ อวะจานันทิ
สทฺานาด บฺรัชทาฮ พะทันทิ อดฺะฮฺ

“ผู้ใดที่ไม่ปฏิบัติรับใช้องค์ภควานผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของมวลชีวิต  และละเลยหน้าที่ของตน  จะตกลงต่ำจากสถานภาพพื้นฐานของตนอย่างแน่นอน”

ในโศลกนี้คำว่า  บฺะจันทิฺ  ได้นำมาใช้เช่นเดียวกัน  ฉะนั้น  คำว่า  บฺะจันทิฺ  ใช้ได้เฉพาะกับองค์ภควานเท่านั้น  ในขณะที่คำว่า  “บูชา”  สามารถใช้ได้กับเทวดาหรือสิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป  คำว่า  อวะจานันทิฺ  ที่ใช้ในโศลกของ  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  นี้ก็พบใน  ภควัต-คีตาฺ  เช่นกัน  อวะจานันทิ  มาม  มูดฺาฮฺ  “  คนโง่และเลวทรามเท่านั้นที่เย้ยหยันองค์ภควานชรีคริชณะ”  พวกคนโง่เช่นนี้เขียนคำอธิบาย  ภควัต-คีตาฺ  ด้วยตัวเองโดยปราศจากท่าทีแห่งการรับใช้องค์ภควาน  ดังนั้น  พวกนี้ไม่สามารถแยกได้อย่างถูกต้องระหว่างคำว่า  บฺะจันทิฺ  และคำว่า  “บูชา”

การฝึกปฏิบัติโยคะทั้งหลายมาถึงจุดสุดยอดที่  ภักดี-โยคะฺ  โยคะรูปแบบอื่นทั้งหลายเป็นเพียงวิถีทางเพื่อให้มาถึงจุด  ภักดีฺ  ใน  ภักดี-โยคะฺ  อันที่จริงโยคะหมายถึงภักดี-โยคะฺ  โยคะรูปแบบอื่นทั้งหมดเป็นขั้นบันไดเพื่อให้มาถึงจุดหมายปลายทางแห่งภักดี-โยคะฺ  นี้  จากการเริ่มต้นของ  คารมะ-โยกะฺ  มาจนจบลงที่  ภักดี-โยคะฺ  เป็นหนทางอันยาวไกลเพื่อความรู้แจ้งแห่งตน  คารมะ-โยกะฺ  โดยปราศจากผลทางวัตถุเป็นจุดเริ่มต้นแห่งวิถีทางนี้  เมื่อ  คารมะ-โยกะฺ  พัฒนาความรู้  และการเสียสละระดับนี้เรียกว่า  กยานะ-โยกะฺ  เมื่อ  กยานะ-โยกะฺ  พัฒนาการทำสมาธิที่อภิวิญญาณ  ด้วยวิธีการทางสรีระร่างกายต่าง  ๆ  นานา  และตั้งสมาธิจิตอยู่ที่พระองค์เรียกว่า  อัชทางกะ-โยกะฺ  เมื่อข้ามพ้น  อัชทางกะ-โยกะฺ  และมาถึงจุดแห่งบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์ชรีคริชณะเรียกว่า  ภักดี-โยคะฺ  ซึ่งเป็นจุดสุดยอด  อันที่จริง  ภักดี-โยคะฺ  เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด  แต่เพื่อเป็นการวิเคราะห์  ภักดี-โยคะฺ  อย่างละเอียดถี่ถ้วนเราต้องเข้าใจโยคะอื่น  ๆ  เหล่านี้ฉะนั้น  โยคีที่เจริญก้าวหน้าจะอยู่บนวิถีทางแห่งความโชคดีนิรันดรอย่างแท้จริง  ผู้ที่ยึดติดอยู่กับจุดหนึ่งจุดใดโดยเฉพาะ  และไม่สร้างความเจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีกมีชื่อเรียกเฉพาะนั้น  ๆ  ว่า  คารมะ-โยกี,  กยานะ-โยกีฺ,  หรือ  ดฺยานะ-โยกี,  ราจะ-โยกี,  ฮะทฺะ-โยกีฺ,ฯลฯ  หากผู้ใดโชคดีพอที่มาถึงจุดแห่ง  ภักดี-โยคะฺ  เข้าใจได้ว่าได้ข้ามพ้นโยคะอื่น  ๆ  ทั้งหลาย  ดังนั้น  การมีคริชณะจิตสำนึกจึงเป็นระดับสูงสุดแห่งโยคะ  เฉกเช่นเมื่อเราพูดถึง  ฮิมาละยันฺ  เราหมายถึงเทือกเขาที่สูงที่สุดในโลก  ภูเขาหิมาลัยที่มียอดสูงสุดจึงพิจารณาว่าเป็นจุดสุดยอด

ด้วยโชคอันมหาศาลที่เรามาถึงคริชณะจิตสำนึกบนหนทางแห่ง  ภักดี-โยคะฺ  และสถิตอย่างดีตามคำแนะนำของคัมภีร์พระเวท  โยคีที่ดีเลิศตั้งสมาธิอยู่ที่ีคริชณะผู้ทรงมีพระนามว่าชยามะสุนดะระฺ  ผู้ทรงมีสีสันสวยงามดั่งก้อนเมฆ  พระพักตร์คล้ายรูปดอกบัว  มีรัศมีเจิดจรัสดั่งดวงอาทิตย์  มีพระอาภรณ์สว่างไสวไปด้วยอัญมณี  และมีพระวรกายประดับด้วยมาลัยดอกไม้  รัศมีอันงดงามของพระองค์เจิดจรัสไปทั่วทุกสารทิศมีชื่อว่า  บระฮมะจโยทิฺ  พระองค์ทรงอวตารมาในรูปลักษณ์ต่าง  ๆ  เช่น  พระราม  นริสิมฮะวะราฮะ  และคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  พระองค์เสด็จลงมาเยี่ยงมนุษย์  ทรงเป็นโอรสของพระนางยะโชดา  และมีพระนามว่าคริชณะ  โกวินดะและวาสุเดวะ  พระองค์ทรงเป็นโอรส  เป็นพระสวามี  เป็นพระสหายและเป็นพระอาจารย์ที่สมบูรณ์  และพระองค์ยังเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งและคุณสมบัติทิพย์ทั้งหลาย  หากผู้ใดรักษาจิตสำนึกอย่างเต็มเปี่ยมเกี่ยวกับลักษณะเหล่านี้ขององค์ภควาน  จะได้ชื่อว่าเป็นโยคีที่สูงสุด

ระดับแห่งความสมบูรณ์สูงสุดในโยคะนี้สามารถบรรลุได้ด้วย  ภักดี-โยคะฺ  เท่านั้น  ดังที่ได้ยืนยันไว้ในวรรณกรรมพระเวททั้งหลายว่า

ยัสยะ เดเว พะรา บัฺคทิร
ยะทฺา เดเว ทะทา กุโรฺ

ทัสไยเท คะทิฺทา ฮิ อารทฺาฮ
พระคาชันเท มะฮาทมะนะฮฺ

“ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ที่มีความศรัทธาอย่างเปี่ยมล้นทั้งในองค์ภควานและพระอาจารย์ทิพย์เท่านั้น  ที่สาระสำคัญทั้งหลายแห่งความรู้พระเวทจะถูกเปิดเผยโดยปริยาย”  (ชเวทาชวะทะระ  อุพะนิชัดฺ  6.23  )

บัฺคธิ  อัสยะ  บฺะจะนัม  ทัด  อิฮามุโทรพาดิฺ-ไนราสเยนามุชมิน  มะนะฮ-คัลพะ  นัม,  เอทัด  เอวะ  ไนชคารมยัม  “บัฺคธิฺ  หมายถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานซึ่งมีอิสระเสรีจากความปรารถนาเพื่อผลกำไรทางวัตถุ  ไม่ว่าในชาตินี้หรือในชาติหน้าปราศจากซึ่งแนวโน้มเช่นนี้  เขาควรให้จิตใจซึมซาบอย่างบริบูรณ์ในองค์ภควาน  นั่นคือจุดมุ่งหมายของ  ไนชคารมยะฺ”  (โกพาละ-ทาพะนี  อุพะนิชัดฺ  1.15  )

เหล่านี้คือวิถีทางบางประการในการปฏิบัติ  บัฺคธิฺ  หรือคริชณะจิตสำนึกซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์สูงสุดแห่งระบบโยคะ

ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดยบัฺคธิเวดันธะ บทที่หกของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่องดฺยานะ-โยกะฺ