ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ เจ็ด

ความรู้แห่งสัจธรรม

โศลก 1

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
มะยิ อาสัคทะ -มะนาฮ พารทฺะ
โยกัม ยุนจัน มัด-อาชระยะฮฺ

อสัมชะยัม สะมะกรัม มาม
ยะทฺา กยาสยะสิ ทัช ชฺริณฺุ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ -องค์ภควานตรัส, มะยิฺ  -  แด่ข้า, อาสัคทะ-มะนาฮฺ  -  จิตยึดติด, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, โยกัมฺ  -  รู้แจ้งแห่งตน, ยุนจันฺ  -  ปฏิบัติ, มัท-อาชระยะฮฺ -ในจิตสำนึกแห่งข้า (คริชณะจิตสำนึก), อสัมชะยัมฺ -ปราศจากความสงสัย, สะมะกรัมฺ -โดยสมบูรณ์, มามฺ-ข้า, ยะทฺาฺ -อย่างไร, กยาสยะสิฺ  -  เธอสามารถรู้, ทัทฺ -นั้น, ชริณฺุ  -  พยายามสดับฟัง

คำแปลฺ

บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า  โอ้  โอรสพระนางพริทฺา  บัดนี้เธอจงฟัง  ว่าปฏิบัติโยคะด้วยจิตสำนึกที่สมบูรณ์ในข้าและด้วยจิตยึดมั่นต่อข้าอย่างไร  เธอจึงสามารถรู้ถึงข้าโดยสมบูรณ์  ปราศจากความสงสัย

คำอธิบายฺ

บทที่เจ็ดของ  ภควัต-คีตาฺ  นี้  อธิบายถึงธรรมชาติของคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  คริชณะทรงเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งทั้งหมด  อธิบายไว้  ณ  ที่นี้ว่าทรงแสดงถึงความมั่งคั่งเหล่านี้ให้เราเห็นได้อย่างไร  และทรงอธิบายถึงคนโชคดีสี่ประเภทที่มายึดมั่นต่อพระองค์  พร้อมทั้งคนโชคร้ายสี่ประเภทที่จะไม่ยอมรับคริชณะ

หกบทแรกของภควัต-คีตาฺ  ได้อธิบายว่าสิ่งมีชีวิตเป็นดวงวิญญาณ  ไม่ใช่วัตถุและดวงวิญญาณสามารถพัฒนาตนเองให้มาถึงความรู้แจ้งแห่งตนด้วยวิธีโยคะต่างๆ  ในตอนท้ายของบทที่หกได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  การทำสมาธิจิตตั้งมั่นอยู่ที่คริชณะ  หรือการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกเป็นโยคะสูงสุด  ด้วยการตั้งสมาธิจิตอยู่ที่คริชณะ  เราสามารถรู้ถึงสัจธรรมอย่างสมบูรณ์  มิใช่วิธีการรู้แจ้ง  บระฮมะจโยทิฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์  หรือรู้แจ้ง  พะระมาทมาฺ  ในหัวใจของตนเอง  ซึ่งไม่ใช่ความรู้แห่งสัจธรรมที่สมบูรณ์  เพราะเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น  ความรู้ที่สมบูรณ์และเป็นวิทยาศาสตร์คือคริชณะ  ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกเปิดเผยให้กับบุคคลในคริชณะจิตสำนึก  ในคริชณะจิตสำนึกที่สมบูรณ์เรารู้ว่าคริชณะทรงเป็นความรู้สุดยอดอยู่เหนือความสงสัยทั้งปวง  โยคะต่างๆ  เป็นเพียงขั้นบันไดเพื่อก้าวไปสู่วิถีแห่งคริชณะจิตสำนึก  ผู้ปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรงจะทราบเกี่ยวกับ  บระฮมะจโยทิฺ  และ  พะระมาทมาฺ  อย่างสมบูรณ์โดยปริยายจากการปฏิบัติโยคะแห่งคริชณะจิตสำนึกทำให้สามารถรู้ทุกสิ่งทุกอย่างโดยสมบูรณ์เช่น  สัจธรรมที่สมบูรณ์  สิ่งมีชีวิต  ธรรมชาติวัตถุ  และปรากฎการณ์เหล่านี้  รวมทั้งองค์ประกอบอื่นๆ

ฉะนั้น  เราควรเริ่มปฏิบัติโยคะดังที่ได้แนะนำไว้ในโศลกสุดท้ายของบทที่หกการตั้งสมาธิจิตอยู่ที่คริชณะองค์ภควาน  ทำได้โดยปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในเก้ารูปแบบที่กำหนดไว้  ซึ่งมี  ชระวะณัมฺ  เป็นข้อแรกและสำคัญที่สุด  ดังนั้นองค์ภควานตรัสแด่อารจุนะว่า  ทัช  ชฺริณฺุ  หรือ  “จงสดับฟังจากข้า”  ไม่มีผู้ใดเป็นผู้ที่เชื่อถือได้มากไปกว่าคริชณะ  ฉะนั้น  การสดับฟังจากพระองค์  จึงเป็นโอกาสดีที่สุดที่จะทำให้เรามีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  ดังนั้น  เราต้องเรียนจากคริชณะโดยตรง  หรือเรียนจากสาวกผู้บริสุทธิ์ของคริชณะ  ไม่ใช่เรียนจากคนผยองผู้ไม่ใช่สาวกและลำพองตนอันเนื่องจากความรู้ทางวิชาการ

ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  วิธีการเข้าใจคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้ทรงเป็นสัจธรรมที่สมบูรณ์  ได้อธิบายไว้ในบทที่สองของภาคหนึ่งดังต่อไปนี้

ชริณวะทาม สวะ -คะทฺาฮ คริชณะฮ
พุณยะ-ชระวะณะ-คีรทะนะฮฺ

ฮริดิ อันทะฮ -สโทฺ ฮิ อบฺะดราณิ
วิดํุโนทิ สุฮริท สะทามฺ
นัชทะ -พราเยชุ อบฺะเดรชุ
นิทยัม บฺากะวะทะ -เสวะยาฺ

บฺะกะวะทิ อุททะมะ-ชโลเค
บัฺคธิร บฺะวะทิ ไนชทิฺคีฺ
ทะดา ระจัส -ทะโม -บฺาวาฮ
คามะ -โลบฺาดะยัช ชะ เยฺ

เชทะ เอไทร อนาวิดดัฺม
สทิฺทัม สัททเว พระสีดะทิฺ
เอวัม พระสันนะ-มะนะโส
บฺะกะวัด-บัฺคธิ-โยกะทะฮฺ

บฺะกะวัท-ทัททวะ-วิกยานัม
มุคทะ-สังกัสยะ จายะเทฺ
บิฺดยะเท ฮริดะยะ -กรันทิฺช
ชิฺดยันเท สารวะ -สัมชะยาฮฺ

คชียันเท ชาสยะ คารมาณิ
ดริชทะ เอวาทมะนีชวะเรฺ

“การสดับฟังเกี่ยวกับคริชณะจากวรรณกรรมพระเวท  หรือสดับฟังจากพระองค์โดยตรงจาก  ภควัต-คีตาฺ  เป็นกุศลกรรมในตัวเอง  สำหรับผู้ที่สดับฟังเกี่ยวกับคริชณะองค์คริชณะผู้ประทับอยู่ในหัวใจของทุกคนจะทรงปฏิบัติเหมือนกับเพื่อนผู้ปรารถนาดีที่สุด  และทำให้สาวกผู้ปฏิบัติในการสดับฟังเกี่ยวกับพระองค์เสมอบริสุทธิ์ขึ้น  เช่นนี้สาวกจะพัฒนาความรู้ทิพย์โดยธรรมชาติซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายในตนเอง  ขณะที่สดับฟังเกี่ยวกับคริชณะจาก  บฺากะวะธัมฺ  และจากสาวกมากขึ้น  ทำให้มีความมั่นคงในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควาน  จากการพัฒนาการอุทิศตนเสียสละรับใช้เขาจะเป็นอิสระจากระดับตัณหาและอวิชชา  ดังนั้น  ราคะและความโลภทางวัตถุจะเหือดแห้งไปเมื่อสิ่งไม่บริสุทธิ์เหล่านี้ถูกขจัดออกไป  ผู้สมัครมีความมั่นคงอยู่ในสภาวะแห่งความดีที่บริสุทธิ์  เขาจะมีความร่าเริงในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  และเข้าใจศาสตร์แห่งองค์ภควานอย่างสมบูรณ์  ดังนั้น  ภักดี-โยคะฺ  จึงตัดปมแห่งความหลงใหลในวัตถุอย่างเหนียวแน่นและทำให้เขาสามารถมาถึงระดับ  อสัมชะยัม-สะมะกรัมฺ  หรือเข้าใจสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดแห่งองค์ภควาน”  (ช.บ.ฺ  1.2.17-21)

ฉะนั้น  ด้วยการสดับฟังจากคริชณะโดยตรงหรือจากสาวกของพระองค์ในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้น  ที่จะทำให้เราสามารถเข้าใจศาสตร์แห่งคริชณะได้

โศลก 2

กยานัม เท ´ฮัม สะ-วิกยานัม
อิดัม วัคชยามิ อเชชะทะฮฺ

ยัจ กยาทวา เนฮะ บํูโย ´นยัจ
กยาทัพยัม อวะชิชยะเทฺ

กยานัมฺ  -  ความรู้ที่ปรากฏตามธรรมชาติ, เทฺ  -  แด่ท่าน, อฮัมฺ  -  ข้า, สะฺ  -  กับ, วิกยานัมฺ  -  ความรู้เหนือธรรมชาติ, อิดัมฺ  -  นี้, วัคชยามิฺ  -  จะอธิบาย, อเชชะทะฮฺ  -  อย่างสมบูรณ์, ยัทฺ  -  ซึ่ง, กยาทวาฺ  -  เมื่อรู้, นะ-ไม่, อิฮะฺ  -  ในโลกนี้, บํูยะฮฺ  -  กว่านี้, อันยัทฺ  -  มากกว่า, กยาทัพ ยัมฺ  -  ควรรู้, อวะชิชยะเทฺ  -  คงเหลือ

คำแปลฺ

บัดนี้  ข้าจะประกาศความรู้อย่างสมบูรณ์แก่เธอ  ทั้งที่ปรากฏตามธรรมชาติและเหนือธรรมชาติ  เมื่อรู้แล้วจะไม่มีสิ่งใดเหลือให้เธอรู้อีกต่อไป

คำอธิบายฺ

ความรู้อันสมบูรณ์รวมทั้งความรู้ทางโลกที่ปรากฏตามธรรมชาติ  จิตวิญญาณที่อยู่เบื้องหลัง  และแหล่งกำเนิดของทั้งสองสิ่งนี้  นี่คือความรู้ทิพย์  องค์ภควานทรงปรารถนาที่จะอธิบายระบบแห่งความรู้ที่กล่าวไว้เบื้องต้น  เพราะอารจุนะทรงเป็นทั้งสาวกและสหายที่ใกล้ชิดของคริชณะ  ในตอนต้นของบทที่สี่องค์ภควานได้ทรงอธิบายไว้แล้ว  และทรงยืนยันอีกครั้ง  ณ  ที่นี้  ความรู้อันสมบูรณ์สามารถบรรลุได้โดยสาวกของพระองค์ในสาย  พะรัมพะราฺ  จากองค์ภควานโดยตรงเท่านั้น  ดังนั้น  เราควรมีปัญญาพอที่จะรู้ถึงแหล่งกำเนิดแห่งความรู้ทั้งหลาย  ผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  และทรงเป็นเพียงเป้าหมายเดียวในการทำสมาธิฝึกปฏิบัติโยคะทุกรูปแบบ  เมื่อเรารู้แหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งหลายแล้ว  สิ่งที่ต้องรู้ทั้งหมดก็ได้รู้เรียบร้อยแล้ว  และไม่มีสิ่งใดที่ยังไม่รู้ในคัมภีร์พระเวท  (มุนดะคะ  อุพะนิชัดฺ  1.3)  กล่าวว่า  คัสมินน  อุ  บฺะกะโว  วิกยาเท  สารวัม  อิดัม  วิกยาทัม  บฺะวะทิฺ

โศลก 3

มะนุชยาณาม สะฮัสเรชุ
คัชชิด ยะทะทิ สิดดฺะเยฺ

ยะทะทาม อพิ สิดดฺานาม
คัชชิน มาม เวททิ ทัททวะทะฮฺ

มะนุชยาณามฺ  -  แห่งมนุษย์, สะฮัสเรชฺุ  -  จากหลาย ๆ พันคน, คัชชิทฺ  -  บางคน, ยะทะทิฺ  -  พยายาม, สิดดฺะเยฺ  -  เพื่อความสมบูรณ์, ยะทะทามฺ  -  ของพวกที่พยายาม, อพิฺ  -  แน่นอน, สิดดฺานามฺ  -  ของพวกที่บรรลุความสมบูรณ์, คัชชิทฺ  -  บางคน, มามฺ  -  ข้า, เวททิฺ  -  รู้, ทัททวะ ทะฮฺ -ความเป็นจริง

คำแปลฺ

จากหลาย  ๆ  พันคน  อาจมีหนึ่งคนที่พยายามเพื่อความสมบูรณ์  และจากพวกที่บรรลุถึงความสมบูรณ์  ผู้ที่รู้จักข้าตามความเป็นจริงยังหาได้ยาก

คำอธิบายฺ

มีมนุษย์อยู่หลายระดับ  และจากหลาย  ๆ  พันคน  อาจมีคนหนึ่งที่มีความสนใจในความรู้แจ้งทิพย์  และพยายามรู้ว่าตนเองคืออะไร  ร่างกายคืออะไร  และสัจธรรมที่สมบูรณ์คืออะไร  โดยทั่วไปมนุษย์เพียงแต่ปฏิบัติตามนิสัยสัตว์เดรัจฉาน  เช่น  การกินนอน  ป้องกันตัว  และเพศสัมพันธ์  จะหาคนที่สนใจความรู้ทิพย์ได้ยาก  หกบทแรกของ  คีตาฺ  มีไว้สำหรับพวกที่สนใจความรู้ทิพย์  ในการเข้าใจตนเอง  เข้าใจอภิวิญญาณ  และวิธีการเพื่อความรู้แจ้งด้วย  กยานะ-โยกะ,  ดฺยานะ-โยกะฺ  และรู้ข้อแตกต่างระหว่างตนเองกับวัตถุ  อย่างไรก็ดี  บุคคลผู้อยู่ในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้นจึงจะสามารถรู้จักคริชณะนักทิพย์นิยมอื่น  ๆ  อาจบรรลุความรู้แจ้ง  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์ซึ่งง่ายกว่าการเข้าใจคริชณะ  คริชณะทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุด  แต่ในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงอยู่เหนือความรู้แห่ง  บระฮมันฺ  และ  พะระมาทมาฺ  โยคีและ  กยานีฺ  สับสนในความพยายามของตนเองที่จะเข้าใจคริชณะ  แม้แต่  ชรีพาดะ  ชังคะราชารยะ  ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดยังยอมรับในคำอธิบาย  คีตาฺ  ของท่านว่าคริชณะทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  แต่สาวกของท่านไม่ยอมรับคริชณะเหมือนกับท่าน  เพราะเป็นสิ่งยากมากในการที่จะรู้จักคริชณะ  แม้แต่ผู้ที่รู้แจ้งทิพย์แห่ง  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์แล้วก็เช่นกัน

คริชณะทรงเป็นองค์ภควาน  แหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  ทรงเป็นโกวินดะพระผู้เป็นเจ้าองค์แรก  อิชวะระฮ  พะระมฮ  คริชณะฮ  สัช-ชิด-อานันดะ-  วิกระฮะฮ/  อนาดิร  อาดิร  โกวินดะฮ  สารวะ-คาระณะ-คาระณัมฺ  เป็นสิ่งยากมากสำหรับพวกที่ไม่ใช่สาวกที่จะรู้จักคริชณะ  ถึงแม้ประกาศว่าวิถีแห่งภักดี-โยคะฺ  หรือการอุทิศตนเสียสละรับใช้นั้นง่ายมาก  แต่พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติได้  หากว่าวิถีแห่ง  ภักดี-โยคะฺ  ง่ายเหมือนดังเช่นพวกที่ไม่ใช่สาวกอ้าง  แล้วทำไมจึงไปปฏิบัติตามวิธีที่ยาก?  อันที่จริงวิถีแห่ง  ภักดี-โยคะฺ  ไม่ง่าย  ภักดี-โยคะฺ  ปลอมที่บุคคลผู้เชื่อถือไม่ได้ปฏิบัติกันโดยปราศจากความรู้ที่ถูกต้องแห่ง  ภักดี-โยคะฺ  อาจจะง่าย  แต่เมื่อปฏิบัติกันจริง  ๆ  ตามกฎระเบียบต่าง  ๆ  นักวิชาการและนักปราชญ์ผู้คาดคะเนจะตกลงมาจากวิถีทาง  ชรีละรูพะ  โกสวามี  ได้เขียนใน  บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดุํ  (ฺ1.2.101)  ดังนี้

ชรุทิ-สมริทิ-พุราณาดิ-
พันชะราทระ-วิดิฺม วินาฺ

ไอคานทิคี ฮะเรร บัฺคธิร
อุทพาทาไยวะ คัลพะเทฺ

“การอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่องค์ภควาน  และปฏิเสธวรรณกรรมพระเวทที่เชื่อถือได้เช่น  อุพะนิชัด,  พุราณะฺ  และ  นาระดะ-พันชะราทระฺ  ได้แต่สร้างความเดือดร้อนให้สังคมโดยไม่จำเป็นเท่านั้น”

เป็นไปไม่ได้ที่ผู้รู้แจ้ง  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  หรือโยคีผู้รู้แจ้ง  พะระมาทมาฺจะเข้าใจคริชณะ  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ผู้ทรงเป็นโอรสของพระนางยะโชดา  หรือเป็นสารถีของอารจุนะ  แม้แต่เทวดาผู้ยิ่งใหญ่บางครั้งยังสับสนเกี่ยวกับคริชณะ  (มุฮยัน  ทิ  ยัท  สูระยะฮ)  มาม  ทุ  เวดะ  นะ  คัชชะนะฺ  องค์ภควานตรัสว่า  “  ไม่มีผู้ใดรู้จักข้าตามความเป็นจริง”  และหากว่ามีผู้หนึ่งผู้ใดรู้จักพระองค์  สะ  มะฮาทมา  สุ-ดุรละบฺะฮฺ  “  ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้หาได้ยากมาก”  ฉะนั้น  นอกจากมาปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่องค์ภควาน  มิฉะนั้น  เราจะไม่สามารถรู้จักคริชณะตามความเป็นจริง  (ทัททวะ  ทะฮฺ)  ถึงแม้เราจะเป็นนักวิชาการหรือเป็นนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่  สาวกผู้บริสุทธิ์เท่านั้นที่สามารถรู้บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับคุณสมบัติทิพย์อันมองไม่เห็นในคริชณะ  ในแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งมวล  ในพระเดชและความมั่งคั่งของพระองค์  ในความร่ำรวยชื่อเสียง  พลังอำนาจ  ความสง่างาม  ความรู้และความเสียสละของพระองค์  เพราะว่าคริชณะทรงมีแนวโน้มที่จะให้พระเมตตากรุณาต่อสาวก  พระองค์ทรงเป็นคำสุดท้ายในความรู้แจ้ง  บระฮมันฺ  สาวกเท่านั้นที่สามารถรู้แจ้งตามความเป็นจริง  ได้กล่าวไว้ว่า

อทะฮ ชรี -คริชณะ -นามาดิ
นะ บฺะเวด กราฮยัม อินดริไยฮฺ

เสโวนมุเคฺ ฮิ จิฮวาโด
สวะยัม เอวะ สพํุระทิ อดะฮฺ

“ไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจคริชณะตามความเป็นจริงด้วยประสาทสัมผัสวัตถุอันหยาบแต่พระองค์ทรงเปิดเผยตัวพระองค์แด่สาวก  เนื่องจากทรงพอพระทัยกับการรับใช้ด้วยความรักทิพย์ที่มีต่อพระองค์”  (บัฺคธิ  -ระสามริทะ-สินดํฺุ  1.2.234)

โศลก 4

บํูมิร อาโพ ´นะโล วายุฮ
คัฺม มะโน บุดดิฺร เอวะ ชะฺ

อฮังคาระ อิทียัม เม
บิฺนนา พระคริทิร อัชทะดฺาฺ

บํูมิฮฺ -ดิน, อาพะฮฺ -น้ำ, อนะละฮฺ  -  ไฟ,วายุฮฺ -ลม, คัฺมฺ  -  อากาศ, มะนะฮฺ  -  จิต, บุดดิฺฮฺ  -  ปัญญา, เอวะฺ  -  แน่นอน, ชะฺ  -  และ, อฮังคาระฮฺ  -  อหังการ, อิทิฺ  -  ดังนั้น, อิยัมฺ  -  ทั้งหมดนี้, เมฺ  -  ของข้า, บิฺนนาฺ  -  แยกออก, พระคริทิฮฺ  -  พลังงาน, อัชทะดฺาฺ  -  แปดชนิด

คำแปลฺ

ดิน  น้ำ  ไฟ  ลม  อากาศ  จิตใจ  ปัญญา  และอหังการ  แปดอย่างนี้รวมกันเป็นพลังงานวัตถุของข้าที่แยกออกไป

คำอธิบายฺ

วิทยาศาสตร์แห่งองค์ภควานวิเคราะห์ตำแหน่งพื้นฐานและพลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์  ธรรมชาติวัตถุเรียกว่า  พระคริทิฺ  หรือพลังงานขององค์ภควาน  ในอวตาร  พุรุชะฺต่าง  ๆ  ดังที่ได้อธิบายไว้ใน  สาทวะทะ-ทันทระฺ  ว่า

วิชโนส ทุ ทรีณิ รูพาณิ
พุรุชาคฺยานิ อโทฺ วิดุฮฺ

เอคัม ทุ มะฮะทะฮ สรัชทริ
ดวิทียัม ทุ อัณดะ-สัมสทิฺทัมฺ

ทริทียัม สารวะ-บํูทะ-สทัฺม
ทานิ กยาทวา วิมุชยะเทฺ

“เพื่อการสร้างวัตถุ  องค์คริชณะทรงอวตารมาเป็นพระวิชณุสามองค์  องค์แรก  มะฮา-  วิชณฺุ  ทรงสร้างพลังงานวัตถุทั้งหมดเรียกว่า  มะฮัท-ทัททวะฺ  องค์ที่สอง  การโบฺดะคะ-  ชายี  วิชณฺุ  เสด็จเข้าไปในจักรวาลทั้งหมดเพื่อสร้างสิ่งต่าง  ๆ  ในแต่ละจักรวาล  องค์ที่สาม  คชีโรดะคะชายี  วิชณฺุ  ทรงแผ่กระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งในรูปของอภิวิญญาณและทรงอยู่ในมวลจักรวาลมีพระนามว่า  พะระมาทมาฺ  ทรงประทับอยู่แม้ในปรมาณู  ผู้ใดทราบถึงพระวิชณุทั้งสามองค์นี้สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุได้”

โลกวัตถุนี้เป็นปรากฏการณ์ชั่วคราวของหนึ่งในพลังงานขององค์ภควานกิจกรรมทั้งหมดในโลกวัตถุกำกับโดยพระวิชณุทั้งสามองค์ซึ่งเป็นอวตารของคริชณะ  พุรุชะฺ  ทั้งสามองค์นี้เรียกว่าอวตาร  โดยทั่วไปผู้ไม่รู้ศาสตร์แห่งองค์ภควาน  (คริชณะ)สันนิษฐานว่าโลกวัตถุนี้มีไว้เพื่อให้ความสุขแด่สิ่งมีชีวิต  และสิ่งมีชีวิตคือ  พุรุชะฺ  เป็นแหล่งกำเนิด  เป็นผู้ควบคุม  และเป็นผู้มีความสุขกับพลังงานวัตถุ  ภควัต-คีตาฺ  กล่าวว่าการสรุปของผู้ไม่เชื่อในองค์ภควานเช่นนี้ผิด  ในโศลกนี้ได้กล่าวไว้ว่าคริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดเดิมแท้ของปรากฏการณ์ทางวัตถุ  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ได้ยืนยันไว้เช่นเดียวกันว่าส่วนผสมของปรากฏการณ์ทางวัตถุเป็นพลังงานขององค์ภควานที่แยกออกมา  แม้แต่  บระฮมะจโยทิฺ  ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุด  ของมายาวาดีฺ  ก็เป็นพลังงานทิพย์ที่ปรากฏอยู่ในท้องฟ้าทิพย์  ใน  บระฮมะจโยทิฺ  ไม่มีความหลากหลายทิพย์อย่างเช่นที่  ไวคุณทฺะโลคะฺและ  มายาวาดีฺ  ยอมรับ  บระฮมะจโยทิฺ  นี้ว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดนิรันดร  ปรากฏการณ์ของ  พะระมาทมาฺ  ก็เป็นรูปลักษณ์ที่แผ่กระจายไปทั่วของ  คชีโรดะคะชายี  วิชณฺุ  ซึ่งไม่ถาวร  ปรากฎการณ์ของ  พะระมาทมาฺ  ไม่เป็นอมตะในโลกทิพย์  ฉะนั้น  สัจธรรมที่แท้จริงคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคริชณะ  พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของพลังงานที่สมบูรณ์  ทรงเป็นเจ้าของพลังงานที่แยกออกไปและพลังงานเบื้องสูง

ในพลังงานวัตถุ  ปรากฏการณ์หลักมีอยู่แปดอย่างดังได้กล่าวมาแล้ว  จากทั้งหมดนี้  ห้าอย่างแรก  คือ  ดิน  น้ำ  ไฟ  ลม  และอากาศ  เรียกว่าการสร้างที่ยิ่งใหญ่ห้าประการ  หรือการสร้างที่หยาบ  ภายในนี้มีอายตนะภายนอกห้าอย่างรวมอยู่ด้วย  คือปรากฏการณ์ของ  เสียง  สัมผัส  รูป  รส  และกลิ่น  วิทยาศาสตร์ทางวัตถุประกอบไปด้วยสิบอย่างนี้เท่านั้น  ไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนี้  แต่อีกสามสิ่ง  เช่น  จิตใจ  ปัญญา  และอหังการ  นักวัตถุนิยมละเลย  นักปราชญ์ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางจิตใจก็ไม่มีความรู้ที่สมบูรณ์  เพราะไม่รู้ว่าแหล่งกำเนิดสูงสุดคือคริชณะ  อหังการที่ว่า  “ข้าเป็น”และ“มันเป็นของข้า”  ซึ่งรวมกันเป็นหลักพื้นฐานแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุ  รวมทั้งอวัยวะประสาทสัมผัสสิบอย่างเพื่อทำกิจกรรมทางวัตถุ  ปัญญาหมายถึงการสร้างวัตถุทั้งหมดเรียกว่า  มะฮัท-ทัททวะฺ  ฉะนั้น  จากพลังงานแปดอย่างที่แยกออกมาจากองค์ภควานปรากฏมาเป็นยี่สิบสี่ธาตุแห่งโลกวัตถุ  ซึ่งเป็นเรื่องราวของปรัชญาสางคฺยะฺ  ที่ไม่เชื่อในองค์ภควาน  สิ่งเหล่านี้เดิมทีมาจากพลังงานของคริชณะและแยกออกไปจากพระองค์แต่นักปราชญ์  สางคฺยะฺ  ผู้ไม่เชื่อในองค์ภควานและด้วยความรู้น้อยจึงไม่รู้ว่าคริชณะทรงเป็นต้นกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  เนื้อหาสาระที่สนทนากันในปรัชญาสางคฺยฺะ  เป็นเพียงปรากฏการณ์ของพลังงานภายนอกของคริชณะ  ดังที่ได้อธิบายไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ

โศลก 5

อพะเรยัม อิทัส ทุ อันยาม
พระคริทิม วิดดิฺ เม พะรามฺ

จีวะ-บํูทาม มะฮา-บาโฮ
ยะเยดัม ดฺารยะเท จะกัทฺ

อพะราฺ  -  ต่ำกว่า, อิยัมฺ  -  นี้, อิทะฮฺ  -  นอกจานี้, ทฺุ  -  แต่, อันยามฺ  -  อีก, พระคริทิมฺ  -  พลังงาน, วิดดิฺฺ  -  เพียงแต่พยายามเข้าใจ, เมฺ  -  ของข้า, พะรามฺ  -  สูงกว่า, จีวะ-บํูทามฺ  -  ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิต, มะฮา-บาโฮฺ -โอ้ ยอดนักรบ, ยะยาฺ  -  ผู้ซึ่ง, อิดัมฺ  -  นี้, ดฺารยะเทฺ  -  ใช้ประโยชน์หรือหาประโยชน์ส่วนตัว, จะกัทฺ -โลกวัตถุ

คำแปลฺ

โอ้  ยอดนักรบอารจุนะ  นอกจากนี้ยังมีพลังงานที่สูงกว่าของข้าซึ่งประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตผู้แสวงหาทรัพยากรทางธรรมชาติวัตถุที่ต่ำกว่านี้  เพื่อประโยชน์ส่วนตัว

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้  ว่าสิ่งมีชีวิตเป็นธรรมชาติหรือพลังงานที่สูงกว่าขององค์ภควาน  พลังงานที่ต่ำกว่าคือพลังงานวัตถุซึ่งปรากฏในธาตุต่าง  ๆ  เช่น  ดินน้ำ  ไฟ  ลม  อากาศ  จิตใจ  ปัญญา  และอหังการ  ธรรมชาติวัตถุทั้งสองรูปแบบคืออย่างหยาบ  (ดิน  ฯลฯ)  และอย่างละเอียด  (จิตใจ  ฯลฯ  )  เป็นผลผลิตของพลังงานเบื้องต่ำ  สิ่งมีชีวิตผู้แสวงหาประโยชน์ส่วนตัวจากพลังงานเบื้องต่ำด้วยจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันเป็นพลังงานที่สูงกว่าขององค์ภควาน  และด้วยพลังงานนี้ทำให้โลกวัตถุทั้งหมดดำเนินไป  ปรากฏการณ์แห่งจักรวาลไม่มีอำนาจปฏิบัติการ  แต่จะเคลื่อนไปด้วยพลังงานที่สูงกว่าคือสิ่งมีชีวิต  พลังงานจะถูกควบคุมโดยแหล่งกำเนิดของมันเสมอ  ฉะนั้น  สิ่งมีชีวิตจึงถูกควบคุมเสมอโดยไม่มีความเป็นอยู่อิสระ  และจะไม่มีวันมีอำนาจทัดเทียมกับองค์ภควานเหมือนดังที่มนุษย์ผู้ด้อยปัญญาคิด  ข้อแตกต่างระหว่างสิ่งมีชีวิตและองค์ภควานได้อธิบายไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (10.87.30)  ดังนี้

อพะริมิทา ดฺรุวาส ทะนุ-บฺริโท ยะดิ สารวะ -กะทาสฺ
ทารฮิ นะ ชาสยะเททิ นิยะโม ดฺรุวะ เนทะระทฺาฺ
อจะนิ ชะ ยัน-มะยัม ทัด อวิมุชยะ นิยันทริ บฺะเวทฺ
สะมัม อนุจานะทาม ยัด อมะทัม มะทะ-ดุชทะทะยาฺ

“โอ้  ผู้เป็นอมตะสูงสุด  !  หากสิ่งมีชีวิตผู้อยู่ในร่างเป็นอมตะและแผ่กระจายไปทั่วเหมือนกับพระองค์  พวกเขาก็จะไม่มาอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์  แต่ถ้าหากยอมรับว่าสิ่งมีชีวิตเป็นพลังงานน้อย  ๆ  ของพระองค์  พวกเขาจะมาอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์ทันที  ฉะนั้น  การหลุดพ้นที่แท้จริงจึงประกอบด้วยการที่สิ่งมีชีวิตศิโรราบและมาอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์ภควาน  การศิโรราบเช่นนี้จะทำให้พวกเขามีความสุข  เมื่อมาอยู่ในตำแหน่งเดิมแท้เช่นนี้เท่านั้นที่พวกเขาสามารถเป็นผู้ควบคุม  ดังนั้น  มนุษย์ผู้มีความรู้จำกัดสนับสนุนทฤษฎีเป็นหนึ่งเดียวกันที่ว่าองค์ภควานและสิ่งมีชีวิตเท่าเทียมกันในทุก  ๆ  ด้าน  อันที่จริงพวกนี้ถูกแนวคิดอันเป็นมลทินนำพาไปในทางที่ผิด”

องค์ภควานชรีคริชณะทรงเป็นผู้ควบคุมเพียงพระองค์เดียว  และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกพระองค์ควบคุม  สิ่งมีชีวิตเหล่านี้เป็นพลังงานเบื้องสูงของพระองค์  เพราะคุณภาพแห่งความเป็นอยู่ของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวและเหมือนกับพระองค์  แต่จะไม่มีวันเทียบเท่ากับพระองค์ในปริมาณแห่งพลังอำนาจ  ขณะที่แสวงหาประโยชน์ส่วนตัวอยู่กับพลังงานเบื้องต่ำ  (วัตถุ)  ทั้งหยาบและละเอียด  พลังงานเบื้องสูง  (สิ่งมีชีวิต)  ได้ลืมจิตใจและปัญญาทิพย์อันแท้จริงของตนเอง  การลืมเช่นนี้เนื่องมาจากอิทธิพลของวัตถุที่มีต่อสิ่งมีชีวิต  แต่เมื่อสิ่งมีชีวิตหลุดพ้นจากอิทธิพลของพลังงานแห่งความหลงทางวัตถุเขาจะบรรลุถึงระดับ  มุคทิฺ  หรือความหลุดพ้น  อหังการภายใต้อิทธิพลของความหลงทางวัตถุคิดว่า  “ข้าคือวัตถุ  และวัตถุที่ได้มาเป็นของข้า”  ตำแหน่งอันแท้จริงสำนึกได้เมื่อเป็นอิสระจากความคิดทางวัตถุทั้งปวง  รวมทั้งแนวความคิดที่ว่าจะกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควานในทุก  ๆ  ด้าน  ฉะนั้น  เราอาจสรุปได้ว่า  คีตาฺ  ได้ยืนยันว่าสิ่งมีชีวิตเป็นเพียงหนึ่งในพลังงานอันหลากหลายของคริชณะ  และเมื่อพลังงานนี้เป็นอิสระเสรีจากมลทินทางวัตถุ  เขาจะมีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  หรือหลุดพ้นแล้ว

โศลก 6

เอทัด-โยนีนิ บํูทานิ
สารวาณีทิ อุพะดฺาระยะฺ

อฮัม คริทสนัสยะ จะกะทะฮ
พระบฺะวะฮ พระละยัส ทะทฺาฺ

เอทัทฺ  -  ธรรมชาติทั้งสองนี้, โยนีนิฺ  -  แหล่งกำเนิดของพวกเขา, บํูทานิฺ  -  ทุกสิ่งถูกสร้างขึ้น, สารวาณิฺ  -  ทั้งหมด, อิทิฺ  -  ดังนั้น, อุพะดฺาระยะฺ  -  รู้, อฮัม-ข้า, คริทสนัสยะฺ  -  รวมทั้งหมด, จะ กะทะฮฺ  -  ของโลก, พระบฺะวะฮฺ  -  แหล่งกำเนิดของปรากฏการณ์, พระละยะฮฺ  -  การทำลาย, ทะทฺาฺ  -  รวมทั้ง

คำแปลฺ

สิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมดมีแหล่งกำเนิดอยู่ในธรรมชาติทั้งสองนี้  จงรู้ไว้ด้วยว่า  วัตถุทั้งหมดและวิญญาณทั้งหมดในโลกนี้  ข้าเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด

คำอธิบายฺ

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่เป็นผลผลิตของวัตถุและวิญญาณ  วิญญาณเป็นสนามหลักแห่งการสร้าง  วัตถุได้ถูกสร้างขึ้นโดยวิญญาณ  วิญญาณมิใช่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงหนึ่งช่วงใดของการพัฒนาทางวัตถุ  แต่โลกวัตถุนี้ปรากฏขึ้นจากฐานของพลังงานวิญญาณเท่านั้น  ร่างกายวัตถุนี้เจริญเติบโตขึ้นเพราะว่าวิญญาณอยู่ภายในวัตถุ  ทารกค่อย  ๆ  เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กและเป็นหนุ่มสาวเพราะว่าพลังงานเบื้องสูง  หรือดวงวิญญาณอยู่ในร่างกาย  ในทำนองเดียวกัน  ปรากฏการณ์ในจักรวาลทั้งหมดแห่งจักรวาลอันยิ่งใหญ่ไพศาลพัฒนาขึ้นเนื่องจากอภิวิญญาณ  หรือพระวิชณุทรงประทับอยู่  ฉะนั้นวิญญาณและวัตถุรวมกันเข้าปรากฎมาเป็นรูปลักษณ์จักรวาลอันมหึมานี้  โดยพื้นฐานทั้งสองเป็นพลังงานขององค์ภควาน  และด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงเป็นแหล่งกำเนิดเดิมของทุกสิ่งทุกอย่าง  ละอองอณูขององค์ภควาน  เช่นสิ่งมีชีวิตอาจเป็นแหล่งกำเนิดของตึกระฟ้าสูงใหญ่  โรงงานใหญ่  ๆ  หรือแม้แต่เมืองใหญ่  ๆ  แต่ไม่สามารถเป็นแหล่งกำเนิดของจักรวาลอันมหึมาได้  แหล่งกำเนิดของจักรวาลอันยิ่งใหญ่เป็นดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่หรืออภิวิญญาณ  และคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทั้งอภิวิญญาณและอนุวิญญาณ  ฉะนั้น  คริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดเดิมแท้ของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  ใน  คะทฺะอุพะนิชัดฺ  (2.2.13)  ได้ยืนยันไว้ดังนี้  นิทโย  นิทยานาม  เชทะนาช  เชทะนานามฺ

โศลก 7

มัททะฮ พะระทะรัม นานยัท
คินชิด อัสทิ ดฺะนันจะยะฺ

มะยิ สารวัม อิดัม โพรทัม
สูเทร มะณิ-กะณา อิวะฺ

มัททะฮฺ  -  เหนือข้า, พะระ-ทะรัมฺ  -  สูงกว่า, นะฺ  -  ไม่, อันยัทคินชิทฺ  -  สิ่งอื่นอีก, อัสทิ-มี, ดฺะนัน จะยะฺ -โอ้ ผู้ชนะความรวย, มะยิฺ  -  ในข้า, สารวัมฺ  -  ทั้งหมดที่มี, อิดัมฺ  -  ที่เราเห็น, โพรทัมฺ  -  ร้อย, สูเทรฺ  -  ในเส้นด้าย, มะณิ-กะณาฮฺ  -  ไข่มุก, อิวะฺ  -  เหมือน

คำแปลฺ

โอ้  ผู้ชนะความร่ำรวย  ไม่มีสัจธรรมใดเหนือไปกว่าข้า  ทุกสิ่งทุกอย่างพำนักอยู่ที่ข้า  เฉกเช่นไข่มุกที่ถูกร้อยอยู่ในเส้นด้าย

คำอธิบายฺ

มีข้อขัดแย้งทั่วไปว่าสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดมีรูปลักษณ์หรือไม่มีรูปลักษณ์  ภควัต-คีตาฺ  กล่าวว่าสัจธรรมที่สมบูรณ์คือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าชรีคริชณะ  ซึ่งได้ยืนยันไว้เช่นนี้ในทุกขั้นตอน  โดยเฉพาะโศลกนี้ได้เน้นว่าสัจธรรมที่สมบูรณ์เป็นบุคคลบุคลิกภาพแห่งพระผู้เป็นเจ้าคือสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุด  ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ได้ยืนยันไว้เช่นกันว่า  อีชวะระฮ  พะระมะฮ  คริชณะฮ  สัช-ชิด-อานันดะ-วิกระฮะฮฺ  สัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดบุคลิกภาพแห่งองค์ภควานคือชรีคริชณะ  ผู้ทรงเป็นปฐมองค์  ทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขทั้งปวง  โกวินดะฺ  ผู้ทรงมีรูปลักษณ์อมตะที่เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุขและความรู้  ความน่าเชื่อถือได้เช่นนี้ทำให้ไม่มีข้อสงสัยว่าสัจธรรมที่สมบูรณ์คือบุคลิกภาพสูงสุด  แหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  อย่างไรก็ดี  ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์จะเถียงตามอำนาจคำแปลของคัมภีร์พระเวทที่ให้ไว้ใน  ชเวทาชวะระ  อุพะนิชัดฺ(3.10)  ว่า  ทะโท  ยัด  อุททะระทะรัม  ทัด  อรูพัม  อนามะยัม/  ยะ  เอทัด  วิดุร  อมริทาส  เท  บฺะวันทิ  อเทฺทะเร  ดุฮคัฺม  เอวาพิยันทิฺ  “ในโลกวัตถุพระพรหมทรงเป็นชีวิตแรกในจักรวาลเข้าใจว่าเป็นบุคลิกภาพผู้สูงสุดในบรรดาเทวดา  มนุษย์  และสัตว์ต่ำ  แต่เหนือไปกว่าพระพรหมยังมีองค์ภควานผู้ไม่มีร่างวัตถุและทรงเป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุทั้งปวง  ผู้ใดรู้ถึงพระองค์จะกลายมาเป็นทิพย์ได้เช่นเดียวกัน  แต่พวกที่ไม่รู้จักพระองค์จะได้รับทุกข์ทรมานจากโลกวัตถุ”

ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์เน้นมากในคำว่า  อรูพัม,  อรูพัมฺ  นี้ไม่ใช่ไร้รูปลักษณ์  แต่เป็นการแสดงถึงรูปลักษณ์ทิพย์แห่งความอมตะ  เปี่ยมไปด้วยความสุขและความรู้  ดังที่ได้อธิบายไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ข้างต้นนี้  โศลกอื่น  ๆ  ใน  ชเวทาชวะระ  อุพะนิชัดฺ(3.8-9)  ยืนยันไว้ว่า

เวดาฮัม เอทัม พุรุชัม มะฮานทัม
อาดิทยะ-วารณัม ทะมะสะฮ พะรัสทาทฺ

ทัม เอวะ วิดิทวาทิ มริทยุม เอทิ
นานยะฮ พันทฺา วิดยะเท ´ยะนายะฺ
ยัสมาท พะรัม นาพะรัม อัสทิ คินชิด
ยัสมาน นาณีโย โน จยาโย ´สทิ คินชิทฺ

วริคชะ อิวะ สทับโดฺ ดิวิ ทิชทฺะทิ เอคัส
เทเนดัม พูรณัม พุรุเชณะ สารวัมฺ

“ข้าพเจ้ารู้ว่าบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ทรงเป็นทิพย์อยู่เหนือแนวคิดแห่งความมืดทางวัตถุทั้งปวง  ผู้รู้ถึงพระองค์เช่นนี้เท่านั้นจึงสามารถข้ามพ้นวัฏจักรแห่งการเกิดและการตาย  ไม่มีทางเลือกอื่นเพื่อความหลุดพ้นนอกจากความรู้แห่งบุคลิกภาพสูงสุดนี้

“ไม่มีสัจรรมใดสูงไปกว่าบุคลิกภาพสูงสุด  เพราะว่าพระองค์ทรงสูงสุดยอดเล็กกว่าสิ่งที่เล็กที่สุด  ใหญ่กว่าสิ่งที่ใหญ่ที่สุด  สถิตในฐานะต้นไม้ที่เงียบสงบ  ส่องรัศมีเจิดจรัสในท้องฟ้าทิพย์  และเหมือนต้นไม้ที่แผ่ขยายราก  พระองค์ทรงแผ่ขยายพลังงานมากมาย”

จากสองโศลกนี้เราสรุปได้ว่าสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดคือองค์ภควานผู้ทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยพลังงานอันหลากหลายของพระองค์ทั้งวัตถุและทิพย์

โศลก 8

ระโส ´ฮัม อัพสุ คะอุนเทยะ
พระบฺาสมิ ชะชิ-สูรยะโยฮฺ

พระณะวะฮ สารวะ -เวเดชุ
ชับดะฮ เคฺ โพรุชัม นริชฺุ

ระสะฮ-รส, อฮัมฺ  -  ข้า, อัพสฺุ  -  ในน้ำ, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, พระบฺาฺ  -  แสง, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, ชะชิ-สูรยะโยฮฺ  -  ของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์, พระณะวะฮฺ  -  อักษรสามตัว โ-อ-มฺ, สารวะฺ  -  ในทั้งหมด, เวเดชฺุ  -  คัมภีร์พระเวท, ชับดะฮฺ  -  คลื่นเสียง, เคฺฺ  -  ในอากาศ, โพรุชัมฺ  -  ความสามารถ, นริชฺุ  -  ในมนุษย์

คำแปลฺ

โอ้  โอรสพระนางคุนที  ข้าคือรสของน้ำ  แสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  ข้าคือคำว่าโอมในบทมนต์พระเวท  เสียงในอากาศ  และความสามารถในมนุษย์

คำอธิบายฺ

โศลกนี้อธิบายว่าองค์ภควานทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยพลังงานวัตถุและพลังงานทิพย์อันหลากหลายได้อย่างไร  องค์ภควานทรงสามารสำเหนียกในเบื้องต้นได้ด้วยพลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์  ด้วยวิธีนี้จึงได้รับการรู้แจ้งว่าพระองค์ทรงไร้รูปลักษณ์ดังเช่นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์ทรงเป็นบุคคลและสำเหนียกได้ด้วยพลังงานที่แผ่กระจายไปทั่วคือแสงอาทิตย์  ฉะนั้น  ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักนิรันดร  เราสำเหนียกถึงพระองค์ได้ด้วยพลังงานที่แผ่กระจายไปทั่ว  รสของน้ำเป็นสารที่มีฤทธิ์ในน้ำไม่มีใครชอบดื่มน้ำทะเลเพราะว่ารสของน้ำไปผสมกับเกลือ  เสน่ห์ของน้ำขึ้นอยู่กับความบริสุทธิ์ของรส  รสที่บริสุทธิ์นี้คือหนึ่งในพลังงานของพระองค์  มายาวาดีฺ  สำเหนียกองค์ภควานว่าทรงปรากฏอยู่ในน้ำด้วยรส  และสาวกสรรเสริญพระองค์ที่ทรงพระเมตตาส่งน้ำที่มีรสชาติเพื่อขจัดความกระหายของมนุษย์  นี่คือวิธีการสำเหนียกองค์ภควาน  ในเชิงปฏิบัติจะไม่มีข้อขัดแย้งระหว่างลัทธิที่เชื่อว่ามีบุคคลและที่เชื่อว่าไม่มีบุคคล  ผู้ที่รู้จักพระองค์ทราบดีว่าแนวคิดไม่มีบุคคลและแนวคิดว่ามีบุคคลปรากฏอยู่ควบคู่กันไปในทุกสิ่งทุกอย่าง  จึงไม่มีข้อขัดแย้ง  ดังนั้น  องค์เชธันญะทรงสถาปนาหลักธรรม  อชินทยะ  เบฺดะฺ-และ-อเบฺดะ-ทัททวะฺ  อันประเสริฐ  ว่าเป็นทั้งหนึ่งเดียวและแตกต่างควบคู่กันไป

แสงของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เดิมทีสาดส่องออกมาจาก  บระฮมะจโยทิฺ  ซึ่งเป็นรัศมีอันไร้รูปลักษณ์ขององค์ภควานเช่นเดียวกัน  พระณะวะฺ  หรือเสียงทิพย์แห่ง  โอมฺ  คาระ  ที่เริ่มต้นมนต์พระเวททุกบทเป็นคำถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์ภควาน  เนื่องจากพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์กลัวการถวายพระพรชัยมงคลแด่องค์ภควานด้วยพระนามอันมากมายของคริชณะ  จึงชอบคลื่นเสียงทิพย์  โอม  คาระฺ  มากกว่า  แต่พวกเขาไม่รู้แจ้งว่า  โอมคาระฺ  เป็นเสียงแทนคริชณะ  อาณาเขตของคริชณะจิตสำนึกแผ่กระจายไปทุกหนทุกแห่ง  ผู้รู้คริชณะจิตสำนึกเป็นผู้ได้รับพร  พวกที่ไม่รู้จักคริชณะจะอยู่ในความหลง  ดังนั้น  ความรู้แห่งคริชณะคือความหลุดพ้น  และความไม่รู้พระองค์คือพันธนาการ

โศลก 9

พุณโย กันดฺะฮ พริทิฺพยาม ชะ
เทจัช ชาสมิ วิบฺาวะโสฺ

จีวะนัม สารวะ-บํูเทชุ
ทะพัช ชาสมิ ทะพัสวิชฺุ

พุณยะฮฺ  -  เดิมแท้, กันดฺะฮฺ  -  กลิ่น, พริทิฺพยามฺ  -  ในดิน, ชะฺ  -  เช่นกัน,เทจะฮฺ  -  ความร้อน, ชะฺ  -  เช่นกัน ,อัสมิฺ  -  ข้าเป็น , วิบฺาวะโสฺ -ในไฟ, จีวะนัมฺ  -  ชีวิต, สารวะฺ -ในทั้งหมด, บํูเทชฺุ  -  สิ่งมีชีวิต, ทะพะฮ ฺ  -  การบำเพ็ญเพียร, ชะฺ  -  เช่นกัน, อัสมิฺ -ข้าเป็น, ทะพัสวิชฺุ -ในพวกที่ปฏิบัติการบำเพ็ญเพียร

คำแปลฺ

ข้าคือกลิ่นเดิมแท้ของดิน  ข้าคือความร้อนในไฟ  ข้าคือดวงชีวิตของมวลชีวิต  และข้าคือการบำเพ็ญเพียรของนักพรตทั้งหลาย

คำอธิบายฺ

พุณยะฺ  หมายความว่าสิ่งที่ไม่เน่าเปื่อย  พุณยะฺ  เป็นสิ่งเดิมแท้  ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกวัตถุนี้มีเชื้อกลิ่นหรือกลิ่นหอมโดยเฉพาะของมัน  ดังเช่นเชื้อกลิ่นหอมในดอกไม้หรือในดิน  ในน้ำ  ในไฟ  ในลม  ฯลฯ  เชื้อกลิ่นที่บริสุทธิ์หรือกลิ่นเดิมแท้ที่ซึมซาบอยู่ในทุกสิ่งทุกอย่างคือคริชณะ  ในทำนองเดียวกัน  ทุกสิ่งทุกอย่างมีรสเดิมแท้โดยเฉพาะของมันรสนี้สามารถถูกเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการผสมกับสารเคมี  ฉะนั้น  ทุกสิ่งทุกอย่างในสภาพเดิมแท้จะมีกลิ่น  มีความหอม  และมีรสของมัน  วิบฺาวะสฺุ  หมายถึงไฟ  หากปราศจากไฟโรงงานอุตสาหกรรมจะดำเนินงานไม่ได้  และเราไม่สามารถปรุงอาหารได้เช่นกัน  ฯลฯไฟนั้นคือคริชณะ  ความร้อนในไฟก็คือคริชณะ  ตามหลักเวชศาสตร์พระเวท  ท้องผูกเนื่องมาจากอุณหภูมิในท้องต่ำ  ดังนั้น  แม้แต่การย่อยอาหารไฟยังเป็นสิ่งจำเป็นในคริชณะจิตสำนึกเราทราบดีว่าดิน  น้ำ  ไฟ  ลม  และสารที่มีฤทธิ์ทุกชนิด  เคมีทั้งหมด  และธาตุวัตถุทั้งหมดเนื่องมาจากคริชณะ  อายุขัยของชีวิตมนุษย์ก็เนื่องมาจากคริชณะเช่นเดียวกัน  ด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะทำให้มนุษย์มีอายุยืนหรือายุสั้นได้  ฉะนั้นคริชณะจิตสำนึกจึงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่ง

โศลก 10

บีจัม มาม สารวะ-บํูทานาม
วิดดิฺ พารทฺะ สะนาทะนัมฺ

บุดดิฺร บุดดิฺมะทาม อัสมิ
เทจัส เทจัสวินาม อฮัมฺ

บีจัมฺ  -  เมล็ดพันธ์, มามฺ  -  ข้า, สารวะฺ  -  บํูทานามฺ -ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, วิดดิฺฺ  -  พยายามเข้าใจ, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, สะนาทะนัมฺ  -  เดิมแท้ อมตะ, บุดดิฺฮฺ  -  ปัญญา, บุดดิฺฺ  -  มะทาม-ของปัญญา, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, เทจะฮฺ  -  พลังอำนาจ, เทจัสวินามฺ  -  ของผู้มีอำนาจ, อฮัมฺ  -  ข้า

คำแปลฺ

โอ้  โอรสพระนางพริทฺา  จงรู้ว่าข้าคือเมล็ดพันธุ์แรกของสิ่งที่มีอยู่ทั้งหลาย  ข้าคือปัญญาของผู้มีปัญญา  และข้าคือพลังอำนาจของผู้ที่มีอำนาจทั้งหลาย

คำอธิบายฺ

คาว่า  บีจัมฺ  หมายถึงเมล็ดพันธ์  คริชณะทรงเป็นเมล็ดพันธุ์ของทุกสิ่งทุกอย่างมีสิ่งมีชีวิตต่าง  ๆ  ทั้งเคลื่อนที่และไม่เคลื่อนที่  นก  สัตว์  มนุษย์  และสัตว์อื่น  ๆ  อีกมากมายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เคลื่อนที่  อย่างไรก็ดี  ต้นไม้และไม้ล้มลุกอยูกับที่  ไม่เคลื่อนไหวไปที่อื่น  ทุกชีวิตอยู่ภายในขอบเขตของ  8,400,000  เผ่าพันธุ์  บ้างเคลื่อนที่และบ้างไม่เคลื่อนที่  ในทุก  ๆ  กรณีเมล็ดพันธุ์ของชีวิตเหล่านั้นคือคริชณะ  ดังที่กล่าวไว้ในวรรณกรรมพระเวทว่า  บระฮมันฺ  หรือสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดคือบุคคลที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้ผลิออกมาคริชณะคือ  พะระบระฮมันฺ  ดวงวิญญาณสูงสุด  บระฮมันฺ  ไร้รูปลักษณ์  และ  พะระ-  บระฮมันฺ  มีรูปลักษณ์  ภควัต-คีตาฺ  ได้กล่าวว่า  บระฮมันฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์สถิตย์อยู่ภายในรูปลักษณ์  ฉะนั้น  เดิมทีคริชณะทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง  พระองค์ทรงเป็นราก  ดังเช่นรากของต้นไม้บำรุงเลี้ยงต้นไม้ทั้งต้น  คริชณะทรงเป็นรากเดิมแท้ของสรรพสิ่ง  ทรงบำรุงเลี้ยงทุกสิ่งทุกอย่างในปรากฏการณ์ทางวัตถุนี้  ได้ยืนยันไว้ในวรรณกรรมพระเวท  (คะทฺะ  อุพะนิชัดฺ  2.2.13)  เช่นกันว่า

นิทโย นิทยานาม เชทะนัช เชทะนานาม
เอโค บะฮูนาม โย วิดะดฺาทิ คามานฺ

พระองค์ทรงเป็นปฐมองค์  อมตะองค์แรกในหมู่องค์อมตะทั้งหลาย  ทรงเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดของมวลชีวิต  และพระองค์เท่านั้นที่ทรงบำรุงเลี้ยงมวลชีวิต  เราไม่สามารถทำอะไรได้หากปราศจากปัญญา  คริชณะตรัสไว้เช่นกันว่าพระองค์ทรงเป็นรากของปัญญาทั้งหมด  นอกจากจะมีปัญญา  มิฉะนั้น  บุคคลจะไม่สามารถเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  องค์คริชณะได้

โศลก 11

บะลัม บะละวะทาม ชาฮัม
คามะ-รากะ-วิวารจิทัมฺ

ดฺารมาวิรุดโดฺ บํูเทชุ
คาโม ´สมิ บฺะระทารชะบฺะฺ

บะลัมฺ  -  พลัง, บะละ-วะทามฺ  -  ของคนแข็งแรง , ชะฺ  -  และ, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, คามะฺ  -  ตัณหา, รากะฺ  -  และความยึดติด, วิวารจิทัมฺ  -  ปราศจาก, ดฺารมะ-อวิรุดดฺะฮฺ  -  ไม่ผิดหลักธรรมศาสนา, บํูเทชฺุ  -  ในมวลชีวิต, คามะฮฺ  -  ชีวิตเพศสัมพันธ์, อัสมิฺ  -  ข้าเป็น, บฺะระทะ-ริชะบฺะฺ  -  โอ้ เจ้าแห่งบฺาระทะฺ

คำแปลฺ

ข้าคือพลังของคนแข็งแรง  ปราศจากตัณหาและความต้องการ  ข้าคือชีวิตเพศสัมพันธ์ที่ไม่ผิดหลักธรรมศาสนา  โอ้  เจ้าแห่งบฺาระทะ  (อารจุนะ)

คำอธิบายฺ

พลังของคนแข็งแรงควรมีไว้เพื่อใช้ปกป้องคนอ่อนแอ  ไม่ใช่ไปรุกรานก้าวร้าวเพื่อประโยชน์ส่วนตัว  ในทำนองเดียวกัน  ชีวิตเพศสัมพันธ์ตามหลักศาสนา  (ดฺารมะฺ)  มีไว้เพื่อให้กำเนิดบุตรธิดามิใช่เพื่อจุดมุ่งหมายอื่น  ดังนั้น  ความรับผิดชอบของผู้ปกครองคือทำให้บุตรธิดาของตนมีคริชณะจิตสำนึก

โศลก 12

เย ไชวะ สาททวิคา บฺาวา
ราจะสาส ทามะสาส ชะ เยฺ

มัททะ เอเวทิ ทาน วิดดิฺ
นะ ทุ อฮัม เทชุ เท มะยิฺ

เยฺ  -  ทั้งหมดซึ่ง, ชะฺ  -  และ, เอวะฺ  -  แน่นอน, สาททวิคาฮฺ  -  ในความดี, บฺาวาฮฺ  -  ระดับของชีวิต, ราจะสาฮฺ  -  ในระดับแห่งตัณหา, ทามะสาฮฺ  -  ในระดับแห่งอวิชชา, ชะฺ  -  เช่นกัน, เยฺ  -  ทั้งหมดซึ่ง, มัททะฮฺ -จากข้า, เอวะฺ  -  แน่นอน, อิทิฺ  -  ดังนั้น, ทานฺ  -  พวกเขา, วิดดิฺฺ  -  พยายามรู้, นะฺ  -  ไม่, ทฺุ  -  แต่, อฮัมฺ  -  ข้า, เทชฺุ  -  ในพวกเขา, เทฺ  -  พวกเขา, มะยิฺ  -  ในข้า

คำแปลฺ

จงรู้ไว้ว่าระดับแห่งชีวิตทั้งหมด  -ไม่ว่าจะเป็นความดี  ตัณหา  หรืออวิชชา-  ปรากฏออกมาด้วยพลังของข้า  ด้านหนึ่ง  ข้าคือทุกสิ่งทุกอย่าง  แต่ข้าก็เป็นอิสระ  ข้ามิได้อยู่ภายใต้ระดับของธรรมชาติวัตถุ  ตรงกันข้ามธรรมชาติวัตถุอยู่ภายในข้า

คำอธิบายฺ

กิจกรรมวัตถุทั้งหมดในโลกอยู่ภายใต้การกำกับของสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุแม้ว่าระดับแห่งธรรมชาติวัตถุเหล่านี้ออกมาจากองค์ภควานคริชณะ  พระองค์ทรงมิได้อยู่ภายใต้อำนาจของธรรมชาติวัตถุ  ตัวอย่างเช่น  เราอาจถูกลงโทษภายใต้กฎของรัฐ  แต่กษัตริย์ผู้ออกกฎหมายทรงมิได้อยู่ภายใต้กฎหมายนั้น  ๆ  ในทำนองเดียวกัน  ระดับแห่งธรรมชาติวัตถุทั้งหลาย  เช่น  ความดี  ตัณหา  และอวิชชา  ทั้งหมดออกมาจากองค์ภควานคริชณะ  แต่คริชณะทรงมิได้อยู่ภายใต้ธรรมชาติวัตถุ  ฉะนั้น  พระองค์ทรงเป็น  นิรกุณะฺ  หมายความว่า  กุณะฺ  หรือระดับเหล่านี้แม้ออกมาจากพระองค์  แต่จะไม่มีผลกระทบต่อพระองค์  นี่คือหนึ่งในลักษณะพิเศษขององค์ภควาน  หรือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า

โศลก 13

ทริบิฺร กุณะ-มะไยฮ บฺาไวร
เอบิฺฮ สารวัม อิดัม จะกัทฺ

โมฮิทัม นาบิฺจานาทิ
มาม เอบฺยะฮ พะรัม อัพยะยัมฺ

ทริบิฺฮฺ  -  สาม, กุณะ-มะไยฮฺ  -  ประกอบด้วยกุณะ, บฺาไวฮฺ  -  โดยระดับของชีวิต, เอบิฺฮฺ  -  ทั้งหมดนี้, สารวัมฺ  -  ทั้งหมด, อิดัมฺ  -  นี้, จะกัทฺ  -  จักรวาล, โมฮิทัมฺ  -  ความหลง, นะ อบิฺจา นาทิฺ  -  ไม่รู้, มามฺ  -  ข้า, เอบฺยะฮฺ  -  เหนือสิ่งเหล่านี้, พะรัมฺ  -  สูงสุด, อัพยะยัมฺ  -  ไม่สิ้นสุด

คำแปลฺ

ลุ่มหลงอยู่ในสามระดับ  (ความดี  ตัณหา  และอวิชชา)  โลกทั้งโลกไม่รู้จักข้า  ผู้ซึ่งอยู่เหนือสามระดับและไม่มีวันสิ้นสุด

คำอธิบายฺ

ทั่วทั้งโลกหลงอยู่ในเสน่ห์ของสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ  พวกที่สับสนอยู่ในสามระดับนี้ไม่สามารถเข้าใจว่า  เหนือกว่าธรรมชาติวัตถุนี้คือองค์ภควานคริชณะ

ทุก  ๆชีวิตที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของธรรมชาติวัตถุ  มีกิจกรรมทางร่างกาย  จิตใจ  และชีววิทยาโดยเฉพาะของตน  มีมนุษย์สี่ประเภทดำเนินอยู่ในธรรมชาติวัตถุสามระดับ  พวกที่อยู่ในระดับความดีบริสุทธิ์เรียกว่า  บราฮมะณะฺ  พวกที่อยู่ในระดับตัณหาบริสุทธิ์เรียกว่า  คชัทริยะฺ  พวกที่อยู่ทั้งในตัณหาและอวิชชาเรียกว่า  ไวชยะฺ  พวกที่อยู่ในอวิชชาล้วน  ๆเรียกว่า  ชูดระฺ  และพวกที่ต่ำกว่านี้คือสัตว์เดรัจฉาน  อย่างไรก็ดี  ชื่อระบุเหล่านี้ไม่ถาวรเราอาจเป็น  บราฮมะณะ,  คชัทริยะ,  ไวชยะฺ  หรืออะไรก็ได้  ไม่ว่าในกรณีใดชีวิตนี้ไม่ถาวร  แต่ถึงแม้ว่าชีวิตไม่ถาวรและเราไม่รู้ว่าจะไปเป็นอะไรในชาติหน้า  ด้วยมนต์สะกดของพลังแห่งความหลงนี้  ทำให้เราพิจารณาตัวเราตามแนวคิดแห่งชีวิตทางร่างกาย  ดังนั้น  จึงคิดว่าเราเป็นคนอเมริกัน  คนอินเดีย  คนรัสเซีย  หรือเป็น  บราฮมะณะฺ  เป็นชาวฮินดูเป็นชาวมุสลิม  ฯลฯ  และถ้าหากว่าถูกพันธนาการอยู่ในสามระดับของธรรมชาติวัตถุเราก็ลืมบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้ทรงอยู่เบื้องหลังระดับต่าง  ๆ  เหล่านี้  ฉะนั้น  องค์ชรีคริชณะตรัสว่าสิ่งมีชีวิตที่หลงอยู่ในสามระดับแห่งธรรมชาติจะไม่เข้าใจว่าเบื้องหลังฉากวัตถุคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า

มีสิ่งมีชีวิตต่าง  ๆ  มากมายเช่น  มนุษย์  เทวดา  สัตว์เดรัจฉาน  ฯลฯ  แต่ละชีวิตอยู่ภายใต้อิทธิพลของธรรมชาติวัตถุ  และทั้งหมดได้ลืมบุคลิกภาพแห่งพระเจ้าผู้ทรงเป็นทิพย์  พวกที่อยู่ระดับตัณหาและอวิชชา  และแม้แต่พวกที่อยู่ในระดับความดีจะไม่สามารถไปสูงกว่าแนวความคิดแห่งสัจธรรม  บระฮมันฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์  พวกเขาสับสนเมื่อทราบว่าองค์ภควานในบุคลิกลักษณะส่วนพระองค์ประกอบไปด้วย  ความสง่างาม  ความมั่งคั่ง  ความรู้  พลังอำนาจ  ชื่อเสียง  และความเสียสละทั้งหมด  ในเมื่อแม้แต่พวกที่อยู่ในความดียังไม่สามารถเข้าใจพระองค์  แล้วพวกที่อยู่ในตัณหาและอวิชชาจะมีความหวังอะไร  คริชณะจิตสำนึกเป็นทิพย์เหนือสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุเหล่านี้  พวกที่สถิตย์อย่างแท้จริงในคริชณะจิตสำนึกเป็นผู้หลุดพ้นแล้วอย่างแท้จริง

โศลก 14

ไดวี ฮิ เอชา กุณะ-มะยี
มะมะ มายา ดุรัทยะยาฺ

มาม เอวะ เย พระพัดยันเท
มายาม เอทาม ทะรันทิ เทฺ

ไดวีฺ  -  ทิพย์, ฮิฺ  -  แน่นอน, เอชาฺ  -  นี้,กุณะฺ  -  มะยีฺ  -  ประกอบด้วยสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ, มะมะฺ  -  ของข้า, มายาฺ  -  พลังงาน, ดุรัทยะยาฺ  -  ข้ามพ้นได้ยากมาก, มามฺ  -  แด่ข้า, เอวะฺ  -  แน่นอน, เยฺ  -  พวกซึ่ง, พระพัดยันเทฺ  -  ศิโรราบ, มายาม เอทามฺ  -  พลังงานแห่งความหลงนี้, ทะรันทิ-ชัยชนะ, เทฺ  -  พวกเขา

คำแปลฺ

พลังทิพย์ของข้านี้ประกอบด้วยสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุซึ่งเอาชนะได้ยากแต่พวกที่ศิโรราบต่อข้า  สามารถข้ามพ้นไปได้โดยง่ายดาย

คำอธิบายฺ

องค์ภควานทรงมีพลังงานมากมายและพลังงานทั้งหมดนี้เป็นทิพย์  สิ่งมีชีวิตเป็นส่วนหนึ่งของพลังงานของพระองค์  ดังนั้น  จึงเป็นทิพย์  แต่เนื่องจากมาสัมผัสกับพลังงานวัตถุ  พลังงานเบื้องสูงเดิมแท้ของพวกเขาจึงถูกปกคลุม  จากการถูกปกคลุมด้วยพลังงานวัตถุจึงทำให้ไม่สามารถเอาชนะอิทธิพลของมันได้  ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่าทั้งธรรมชาติวัตถุและธรรมชาติทิพย์ที่ออกมาจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าเป็นอมตะ  สิ่งมีชีวิตอยู่ในธรรมชาติอมตะที่สูงกว่าขององค์ภควาน  แต่เนื่องมาจากมลทินแห่งธรรมชาติวัตถุที่ต่ำกว่า  ความหลงของพวกเขาจึงเป็นอมตะเช่นเดียวกัน  ฉะนั้น  สภาวะของดวงวิญญาณจึงถูกเรียกว่า  นิทยะ-บัดดฺะฺ  หรืออยู่ในสภาวะอมตะ  ไม่มีผู้ใดสามารถย้อนรอยประวัติศาสตร์ว่าตนเองมาอยู่ในสภาวะนี้วันที่เท่าไรในประวัติศาสตร์ทางวัตถุด้วยเหตุนี้การที่จะหลุดพ้นจากเงื้อมมือของธรรมชาติวัตถุจึงเป็นสิ่งที่ยากมาก  แม้ว่าธรรมชาติวัตถุเป็นพลังงานที่ต่ำกว่าเพราะว่าในที่สุดพลังงานวัตถุที่ถูกกำกับโดยความปรารถนาสูงสุดขององค์ภควาน  ซึ่งสิ่งมีชีวิตไม่สามารถเอาชนะได้  คำจำกัดความของธรรมชาติวัตถุที่ต่ำกว่าได้ให้ไว้  ณ  ที่นี้  ว่าเป็นธรรมชาติทิพย์เนื่องจากการเชื่อมสัมพันธ์และการเคลื่อนไหวทิพย์จากความปรารถนาขององค์ภควาน  ธรรมชาติวัตถุแม้จะต่ำกว่า  แต่ถูกกำกับด้วยความปรารถนาทิพย์  ปฏิบัติตนอย่างน่าอัศจรรย์ในการสร้างและการทำลายของปรากฏการณ์แห่งจักรวาล  คัมภีร์พระเวทได้ยืนยันไว้ดังนี้  มายาม  ทุ  พระคริทิม  วิดยาน  มายินัม  ทุ  มะเฮชวะรัมฺ  “แม้ว่ามายา  (ความหลง)  จะผิดหรือไม่ถาวรเบื้องหลังฉากของ  มายาฺ  คือนักมายากลสูงสุดองค์ภควานผู้ทรงเป็น  มะเฮชวะระฺ  หรือผู้ควบคุมสูงสุด”  (ชเวทาชวะทะระ  อุพะนิชัด  4.10)ฺ

อีกความหมายหนึ่งของ  กุณะฺ  คือเชือก  เข้าใจว่าพันธวิญญาณถูกมัดอย่างแน่นหนาด้วยเชือกแห่งความหลง  คนที่ถูกมัดมือมัดเท้าไม่สามารถช่วยตนเองเป็นอิสระได้จำต้องให้คนที่เป็นอิสระช่วย  เพราะว่าคนถูกมัดไม่สามารถช่วยคนถูกมัดได้  คนที่มาช่วยจะต้องเป็นอิสรเสรี  ไม่ถูกมัด  ฉะนั้น  ชรีคริชณะหรือพระอาจารย์ทิพย์ผู้แทนของพระองค์ที่เชื่อถือได้เท่านั้น  จึงสามารถปลดแอกพันธวิญญาณได้  ปราศจากการช่วยเหลือจากระดับสูงเช่นนี้  เราไม่สามารถเป็นอิสระจากพันธนาการแห่งธรรมชาติวัตถุ  การอุทิศตนเสียสละรับใช้หรือคริชณะจิตสำนึกสามารถช่วยเราให้ได้รับเสรีภาพเช่นนี้  คริชณะทรงเป็นเจ้าแห่งพลังงานแห่งความหลง  ทรงสามารถสั่งพลังงานที่ข้ามพ้นไม่ได้นี้ให้ปลดเปลื้องพันธวิญญาณ  คริชณะทรงสั่งให้ปลดปล่อยดวงวิญญาณที่ศิโรราบด้วยพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้  และจากความรักที่มีต่อสิ่งมีชีวิตดุจบิดารักบุตร  ซึ่งเดิมทีเป็นบุตรที่รักของพระองค์  ฉะนั้น  การศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะจึงเป็นวิถีทางเดียวที่จะทำให้เราเป็นอิสระจากเงื้อมมือของธรรมชาติวัตถุอันเหนี่ยวแน่นนี้

คำว่า  มาม  เอวะฺ  มีความสำคัญเช่นเดียวกัน  มามฺ  หมายความว่าแด่คริชณะ(วิชณุ)  เท่านั้น  ไม่ใช่แด่พระพรหมหรือพระศิวะ  ถึงแม้ว่าพระพรหมและพระศิวะจะมีความเจริญมากจนเกือบถึงระดับของพระวิชณุ  เป็นไปไม่ได้ที่อวตารแห่ง  ระโจ-กุณะฺ(ตัณหา)  และทะโม-กุณะฺ  (อวิชชา)  จะปลดเปลื้องพันธวิญญาณจากเงื้อมมือของมายา  อีกนัยหนึ่ง  ทั้งพระพรหมและพระศิวะก็ยังอยู่ภายใต้อิทธิพลของ  มายาฺ  พระวิชณุเท่านั้นที่ทรงเป็นเจ้านายของ  มายาฺ  ฉะนั้น  พระวิชณุเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงสามารถปลดเปลื้องพันธวิญญาณ  คัมภีร์พระเวท  (ชเวทาชวะทะระ  อุพะนิชัดฺ  3.8)  ยืนยันเช่นนี้ในวลี  ทัม  เอวะ  วิดิทวาฺ  หรือ  “อิสรภาพเป็นไปได้จากการเข้าใจคริชณะเท่านั้น”  แม้พระศิวะทรงยืนยันว่าความหลุดพ้นสามารถบรรลุได้ด้วยพระเมตตาของพระวิชณุเท่านั้น  พระศิวะตรัสว่า  มุคทิ-  พระดาทา  สารเวชาม  วิชณุร  เอวะ  นะ  สัมชะยะฮฺ  “ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าพระวิชณุทรงเป็นผู้ให้ความหลุดพ้นสำหรับทุก  ๆ  ชีวิต”

โศลก 15

นะ มาม ดุชคริทิโน มูดฺาฮ
พระพัดยันเท นะราดฺะมาฮฺ

มายะยาพะฮริทะ-กยานา
อาสุรัม บฺาวัม อาชริทาฮฺ

นะฺ  -  ไม่, มามฺ  -  แด่ข้า, ดุชคริทินะฮฺ  -  คนสารเลว, มูดฺาฮฺ  -  โง่, พระพัดยันเทฺ  -  ศิโรราบ, นะระ- อดะมาฮฺ  -  ต่ำสุดในหมู่มนุษย์, มายะยาฺ  -  ด้วยพลังแห่งความหลง, อพะฮริทะฺ  -  ถูกขโมยไป, กยานาฮฺ  -  ความรู้ของเขา, อาสุรัมฺ  -  มาร, บฺาวัมฺ  -  ธรรมชาติ, อาชริทาฮฺ  -  รับเอา

คำแปลฺ

พวกที่โง่เขลามาก  ต่ำสุดในหมู่มนุษย์  ถูกความหลงขโมยเอาความรู้ไป  และเป็นผู้มีส่วนร่วมกับธรรมชาติมารที่ไม่เชื่อในองค์ภควาน  จะไม่ศิโรราบต่อข้า

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  ว่าเพียงแต่ศิโรราบตนเองต่อพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควานคริชณะ  เราสามารถข้ามพ้นกฎเกณฑ์อันเข้มงวดของธรรมชาติวัตถุได้  ตรงนี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า  แล้วพวกนักปราชญ์ที่มีการศึกษา  นักวิทยาศาสตร์  นักธุรกิจนักบริหาร  และผู้นำของคนโดยทั่วไป  ทำไมจึงไม่ศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัวของชรีคริชณะ  องค์ภควานผู้ทรงมีพลังอำนาจทั้งปวง?  มุคทิฺ  หรือความมีอิสรภาพจากกฎแห่งธรรมชาติวัตถุเป็นสิ่งที่ผู้นำแห่งมนุษยชาติเสาะแสวงหาด้วยวิธีต่าง  ๆ  ด้วยแผนการอันยิ่งใหญ่  และด้วยความอุตสาหะพยายามเป็นเวลาหลายต่อหลายปีและหลายต่อหลายชาติ  หากว่าความมีอิสรภาพหลุดพ้นเป็นไปได้ด้วยเพียงแต่ศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน  แล้วทำไมผู้นำที่มีสติปัญญาและทำงานหนักเหล่านี้ไม่ยอมรับวิธีปฏิบัติที่ง่ายดายเช่นนี้?

คีตาฺ  ตอบคำถามนี้อย่างเปิดเผยว่า  ผู้นำสังคมที่มีความรู้จริง  เช่น  พระพรหมพระศิวะ  คะพิละ  สี่คุมาระ  มะนุ  วิยาสะ  เดวะละ  อสิทะ  จะนะคะ  พระฮลาดะ  บะลิ  และต่อมา  มัดฮวาชารยะ  รามานุจาชารยะ  ชรี  เชธันญะ  และผู้อื่นอีกมากมายที่เป็นนักปราชญ์  นักการเมือง  นักวิชาการ  นักวิทยาศาสตร์  ฯลฯ  ที่มีความซื่อสัตย์จะศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควานผู้ทรงมีอำนาจทั้งปวงที่เชื่อถือได้  พวกที่ไม่ใช่นักปราชญ์  นักวิทยาศาสตร์  นักวิชาการ  และนักบริหาร  ฯลฯ  ที่แท้จริง  แต่อวดอ้างตนเองว่าเป็นบุคคลเหล่านี้เพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุจะไม่ยอมรับแผนหรือวิธีขององค์ภควานพวกเขาไม่มีความคิดเกี่ยวกับองค์ภควาน  เพียงแต่ผลิตแผนการทางโลกของตนเองและต่อมาก็สับสนอยู่กับปัญหาความเป็นอยู่ทางวัตถุ  ในความพยายามที่จะแก้ปัญหาและไม่ประสบความสำเร็จ  เพราะว่าพลังงาน  (ธรรมชาติ)  วัตถุมีพลังอำนาจมาก  สามารถต้านแผนที่เชื่อถือไม่ได้ของผู้ที่ไม่เชื่อในองค์ภควาน  และปิดกั้นความรู้ของ  “คณะกรรมการวางแผน”

นักวางแผนผู้ไม่เชื่อในองค์ภควาน  อธิบายไว้  ณ  ที่นี้ด้วยคำ  ดุชคริทินะฮฺ  หรือ  “คนสารเลว”  คริทีฺ  หมายความถึงผู้ทำงานการกุศล  นักวางแผนผู้ไม่เชื่อในองค์ภควานบางครั้งมีความฉลาดมากและมีใจกุศลเช่นกัน  เพราะว่าแผนงานใหญ่ใด  ๆ  ไม่ว่าจะดีหรือเลวต้องใช้ปัญญาในการปฏิบัติ  แต่เนื่องจากสมองของผู้ไม่เชื่อในองค์ภควานได้ถูกใช้ไปอย่างไม่เหมาะสมในการต่อต้านแผนของพระองค์  นักวางแผนผู้ไม่เชื่อในองค์ภควานจึงถูกเรียกว่า  ดุชคริทีฺ  ซึ่งแสดงว่าปัญญาและความพยายามถูกนำไปในทางที่ผิด

ใน  คีตาฺ  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  พลังงานวัตถุดำเนินไปภายใต้คำสั่งขององค์ภควานอย่างสมบูรณ์โดยไม่มีอำนาจที่เป็นอิสระ  จึงดำเนินไปเหมือนเงาที่เคลื่อนตามการเคลื่อนไหวของตัวจริง  ถึงกระนั้น  พลังงานวัตถุก็มีพลังอำนาจมากและผู้ไม่เชื่อในองค์ภควานอันเนื่องมาจากอารมณ์ที่เห็นว่าไม่มีองค์ภควานจึงไม่สามารถรู้ว่ามันดำเนินไปอย่างไร  และไม่สามารถรู้ถึงแผนของพระองค์  ภายใต้ความหลงและภายใต้ระดับตัณหาและอวิชชา  แผนของเขาทั้งหมดจึงล้มเหลว  ดังเช่นกรณีของ  ฮิรัณยะคะชิพฺุ  และ  ราวะณะฺ  ที่แผนการถูกทำลายเป็นผุยผง  ถึงแม้ว่าทั้งสองเป็นผู้ที่มีความรู้ทางวัตถุสูงเหมือนกับนักวิทยาศาสตร์  นักปราชญ์  นักบริหาร  และนักวิชาการ  ดุชคริทินะฺ  หรือคนสารเลวเหล่านี้มีอยู่สี่รูปแบบดังจะอธิบายต่อไปนี้

(1)  มุดฺะฺ  คือพวกที่โง่มากเหมือนกับสัตว์เดรัจฉานที่แบกภาระทำงานหนักพวกนี้ต้องการหาความสุขกับผลจากแรงงานของตน  ดังนั้น  จึงไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับพระองค์  ตัวอย่างที่เห็นกันอยู่ทั่วไปของสัตว์ที่แบกภาระหนักคือลา  สัตว์ผู้ถ่อมตนตัวนี้ถูกเจ้านายใช้งานอย่างหนักมาก  เจ้าลาไม่รู้อย่างแท้จริงว่าตัวมันทำงานหนักทั้งวันทั้งคืนเพื่อใคร  มันรู้สึกอิ่มใจจากการได้หญ้ามาหนึ่งกำที่ป้อนลงไปในท้อง  นอนสักพักหนึ่งภายใต้ความกลัวที่จะถูกเจ้านายเฆี่ยน  และพอใจกับเพศสัมพันธ์ภายใต้ความเสี่ยงที่จะถูกเพศตรงข้ามเตะซ้ำแล้วซ้ำอีก  บางครั้งเจ้าลาร้องเพลงเป็นบทกวีและปรัชญา  เสียงโอดครวญเช่นนี้ได้แต่รบกวนผู้อื่นเท่านั้น  นี่คือตัวอย่างของคนโง่ที่ทำงานเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว  โดยไม่รู้ว่าควรทำงานเพื่อใคร  และไม่รู้ว่า  คารมะฺ  (กรรม)  ทำไปเพื่อ  ยะกยะฺ  (การบูชา)

พวกที่ทำงานหนักทั้งวันทั้งคืนเพื่อสะสางภาระหน้าที่ที่ตนเองสร้างขึ้นมา  จะกล่าวว่า  ไม่มีเวลามาสดับฟังเกี่ยวกับความเป็นอมตะของสิ่งมีชีวิต  สำหรับพวก  มูดฺะฺ  ผลประโยชน์ทางวัตถุซึ่งในที่สุดจะสูญสลาย  เป็นทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต  ถึงแม้ว่าพวก  มูดฺะฺได้รับความสุขน้อยมากจากผลแห่งแรงงานของตน  บางครั้งพวกนี้อดหลับอดนอนทั้งวันทั้งคืนเพื่อผลกำไร  แม้จะเป็นโรคกระเพาะหรือท้องอืดเฟ้อก็ยังพึงพอใจกับการที่ไม่รับประทานอาหาร  และได้แต่ซึมซาบอยู่กับการทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อประโยชน์ของพวกเจ้านายที่ลวงตา  อยู่ในอวิชชาเกี่ยวกับเจ้านายที่แท้จริงของตนเอง  คนงานหน้าโง่เหล่านี้เสียเวลาอันมีค่าไปรับใช้ทรัพย์ศฤงคาร  ด้วยความอับโชคจึงไม่เคยศิโรราบต่อเจ้านายสูงสุดของเจ้านายทั้งหลายและไม่เคยให้เวลาในการสดับฟังเกี่ยวกับองค์ภควานจากแหล่งที่ถูกต้อง  สุกรที่กินอุจจาระไม่ใยดีที่จะยอมรับอาหารอันหวานฉ่ำที่ทำจากน้ำตาลและเนยใส  ในทำนองเดียวกัน  กรรมกรผู้โง่เขลาจะฟังข่าวเพื่อความสุขทางประสาทสัมผัสแห่งโลกวัตถุต่อไปโดยไม่รู้จักเบื่อ  แต่มีเวลาเพียงเล็กน้อยเพื่อสดับฟังเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตอมตะที่เป็นผู้เคลื่อนไหวโลกวัตถุ

(2)  ดุชคริทีฺ  หรือคนสารเลวอีกระดับหนึ่งเรียกว่า  นะราดฺะมะฺ  หรือต่ำสุดของมนุษยชาติ  นะระฺ  แปลว่ามนุษย์และ  อดฺะมะฺ  แปลว่าต่ำสุด  จาก  8,400,000  เผ่าพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต  มีอยู่  400,000  ที่เป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์  จากนี้มีรูปแบบที่ต่ำกว่าชีวิตมนุษย์มากมายซึ่งส่วนใหญ่ไม่เจริญ  มุนษย์ที่เจริญแล้วเป็นพวกที่มีหลักศีลธรรมของสังคมการเมือง  และชีวิตทางศาสนา  พวกที่พัฒนาทางสังคม  และการเมือง  แต่ไม่มีหลักศาสนาต้องพิจารณาว่าเป็น  นะราดฺะมะฺ  หรือว่าศาสนาที่ไม่มีองค์ภควาน  เพราะว่าจุดมุ่งหมายในการปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนาก็เพื่อให้รู้ถึงสัจธรรมสูงสุดและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับพระองค์  ใน  คีตาฺ  องค์ภควานทรงกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  ไม่มีผู้ที่มีอำนาจเชื่อถือได้ผู้ใดที่เหนือไปกว่าพระองค์  องค์ภควานคือสัจธรรมสูงสุด  รูปลักษณ์ที่เจริญแล้วของชีวิตมนุษย์มีไว้เพื่อฟื้นฟูจิตสำนึกที่สูญหายไปของมนุษย์ในความสัมพันธ์นิรันดรกับสัจธรรมสูงสุด  องค์ภควานชรีคริชณะผู้ทรงมีพลังอำนาจทั้งปวง  ผู้ใดที่สูญเสียโอกาสนี้จัดอยู่ในจำพวก  นะราดฺะมะฺ  เราได้ข้อมูลจากพระคัมภีร์ที่เปิดเผยว่า  เมื่อทารกน้อยอยู่ในครรภ์มารดา  (สภาวะที่อึดอัดมาก)  เขาจะสวดมนต์ภาวนาต่อองค์ภควานเพื่อช่วยจัดส่งให้ออกมา  และสัญญาว่าทันทีที่ออกมาจะบูชาแต่พระองค์เท่านั้น  การสวดมนต์ภาวนาถึงองค์ภควานเมื่ออยู่ในสภาวะคับขันเป็นสัญชาตญาณธรรมชาติของทุก  ๆชีวิตเพราะมีความสัมพันธ์นิรันดรกับพระองค์  แต่หลังจากคลอดออกมาแล้ว  เด็กคนนี้ก็ลืมความยากลำบากแห่งการเกิด  และลืมทั้งผู้คลอด  เนื่องด้วยอิทธิพลของมายาฺ  หรือพลังแห่งความหลง

เป็นหน้าที่ของผู้ดูแลเด็กที่จะฟื้นฟูจิตสำนึกแห่งองค์ภควานที่มีอยู่ลึก  ๆ  ภายในตัวเขา  พิธีปฏิรูปสิบวิธีที่ได้กล่าวไว้ใน  มะนุ-สัมริทิฺ  เป็นแนวทางหลักศาสนาเพื่อฟื้นจิตสำนึกแห่งองค์ภควานในระบบของ  วารณาชระมะฺ  อย่างไรก็ดี  ไม่มีวิธีใดที่ปฏิบัติตามกันอย่างเคร่งครัด  ไม่ว่าส่วนไหนของโลกในปัจจุบันนี้  ดังนั้น  99.9  เปอร์เซ็นต์ของประชากรเป็น  นะราดฺะมะฺ

เมื่อประชากรทั้งหมดเป็น  นะราดฺะมะฺ  โดยธรรมชาติสิ่งที่เรียกว่าการศึกษาของพวกเขาทั้งหมดเป็นโมฆะด้วยพลังงานที่มีอำนาจทั้งหมดของธรรมชาติวัตถุตามมาตรฐานของ  คีตาฺ  ผู้ที่มีความรู้คือผู้ที่เห็นด้วยความเสมอภาคไม่ว่าจะเป็น  บราฮมะณะฺ  ผู้คงแก่เรียน  สุนัข  วัว  ช้าง  และคนกินสุนัข  นั่นคือวิสัยทัศน์ของสาวกที่แท้จริง  ชรี  นิทยานันดะพระบํุ  ผู้ทรงเป็นอวตารขององค์ภควานในรูปของพระอาจารย์ทิพย์  ทรงจัดส่ง  นะราดฺะมะฺตัวอย่าง  คือ  สองพี่น้องจะกายและมาดฺายฺ  และทรงแสดงให้เห็นถึงพระเมตตาที่แท้จริงของสาวกที่มีต่อผู้ที่ต่ำสุดแห่งมนุษยชาติ  ดังนั้น  นะราดฺะมะฺ  ที่ถูกองค์ภควานลงโทษสามารถฟื้นฟูจิตสำนึกทิพย์ของตนขึ้นอีกครั้งหนึ่งด้วยพระเมตตาของสาวกเท่านั้น

ในการเผยแพร่  บฺากะวะทะ-ดฺารมะฺ  หรือกิจกรรมของสาวก  ชรี  เชธันญะ  มะฮาพระบํุทรงแนะนำให้ผู้คนสดับฟังสาส์นขององค์ภควานอย่างยอมจำนนฺ  เนื้อหาสาระของสาส์นนี้คือ  ภควัต-คีตาฺ  ผู้ต่ำสุดในหมู่มนุษย์สามารถได้รับการจัดส่งด้วยวิธีการสดับฟังแบบยอมจำนนเท่านั้น  แต่อับโชคที่พวกเขายังปฏิเสธในการรับฟังสาส์นเหล่านี้  จึงไม่ต้องพูดถึงการศิโรราบต่อความปรารถนาขององค์ภควาน  นะราดฺะมะฺ  หรือผู้ต่ำสุดแห่งมนุษยชาติจะปฏิเสธอย่างเต็มที่เกี่ยวกับหน้าที่ที่สำคัญของมนุษย์

(3)  ดุชคริทีฺ  ระดับต่อไปเรียกว่า  มายะยาพะฮริทะ-กยานาฮฺ  หรือพวกที่ความรู้อันสูงส่งของพวกเขาใช้ประโยชน์ไม่ได้ด้วยอิทธิพลของพลังงานแห่งความหลงทางวัตถุพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้มีความรู้มาก  เช่น  นักปราชญ์  นักกวี  บัณฑิต  นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลาย  ฯลฯ  แต่ถูกพลังงานแห่งความหลงนำไปในทางที่ผิด  ดังนั้น  พวกเขาจึงไม่เชื่อฟังองค์ภควาน

มี  มายะยาพะฮริทะ-กยานาฮฺ  จำนวนมากในปัจจุบัน  แม้ในหมู่นักวิชาการแห่ง  ภควัต-คีตาฺ  เอง  ใน  คีตาฺ  ด้วยภาษาที่เรียบง่าย  ได้กล่าวไว้ว่าชรีคริชณะคือองค์ภควานไม่มีผู้ใดเทียบเท่าหรือยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์  ทรงเป็นพระบิดาของพระพรหม  ผู้ที่เป็นพระบิดาองค์แรกของมนุษย์ทั้งหลาย  อันที่จริงได้กล่าวไว้ว่าชรีคริชณะทรงมิใช่เป็นเพียงพระบิดาของพระพรหมเท่านั้น  แต่ยังเป็นพระบิดาของเผ่าพันธุ์ชีวิตทั้งหมด  ทรงเป็นรากของ  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์และ  พะระมาทมาฺ  หรืออภิวิญญาณในทุก  ๆ  ชีวิต  ซึ่งเป็นส่วนที่แบ่งแยกออกมาจากพระองค์  พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างและได้แนะนำไว้ว่าทุกคนควรศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัวของคริชณะ  ถึงแม้จะมีข้อความที่ชัดเจนทั้งหมดนี้  พวก  มายะยาพะฮริทะ-กยานาฮฺ  ยังเย้ยหยันบุคลิกภาพแห่งองค์ภควาน  และพิจารณาว่าพระองค์ทรงเป็นเพียงมนุษย์อีกคนหนึ่งเท่านั้น  โดยไม่รู้ว่ารูปร่างมนุษย์ที่ได้รับพรมานี้  ออกแบบมาจากรูปร่างลักษณะทิพย์อันเป็นอมตะขององค์ภควาน

การตีความที่เชื่อถือไม่ได้ทั้งหลายของ  คีตาฺ  โดยกลุ่ม  มายะยาพะฮริทะ-  กยานาฮฺ  ซึ่งอยู่นอกบทบัญญัติของระบบ  พะรัมพะราฺ  จะเป็นอุปสรรคมากบนหนทางแห่งความเข้าใจในวิถีทิพย์  ผู้ตีความที่อยู่ในความหลงจะไม่ศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัวของชรีคริชณะ  และพวกเขาจะไม่สอนผู้อื่นให้ปฏิบัติตามหลักธรรมนี้

(4)  ดุชคริทีฺ  ระดับสุดท้ายเรียกว่า  อาสุรัม  บฺาวัม  อาชริทาฮฺ  หรือพวกที่มีหลักอธรรมหรือหลักมาร  พวกนี้ไม่เชื่อในองค์ภควานอย่างเปิดเผย  บางคนเถียงว่าองค์ภควานไม่สามารถเสด็จลงมาโลกวัตถุนี้ได้  แต่ก็ไม่สามารถให้เหตุผลอย่างเป็นรูปธรรมว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้นและมีบางคนคิดว่าพระองค์ทรงด้อยกว่าลักษณะที่ไร้รูปลักษณ์  ถึงแม้ได้ประกาศไว้ใน  คีตาฺอย่างตรงกันข้าม  ด้วยความอิจฉาบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ผู้ไม่เชื่อองค์ภควานจะเสนออวตารตัวปลอมจำนวนมากมายที่ผลิตขึ้นในโรงงานสมองของตนเอง  บุคคลเหล่านี้ที่หลักการของชีวิตชอบประณามองค์ภควาน  และไม่ศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัวของชรีคริชณะ

ชรี  ยามุนาชารยะ  อัลบันดะรุแห่งอินเดียตอนใต้กล่าวว่า  “โอ้องค์ภควานของข้า!  บุคคลที่ไปยุ่งเกี่ยวกับหลักการของพวกไม่เชื่อในองค์ภควานไม่สามารถรู้ถึงพระองค์แม้คุณสมบัติ  รูปลักษณ์  และกิจกรรมอันไม่ธรรมดาของพระองค์  ถึงแม้ว่า  บุคลิกภาพของพระองค์ได้รับการยืนยันไว้โดยพระคัมภีร์ที่เปิดเผยทั้งหลายในคุณลักษณะแห่งความดี  ถึงแม้เป็นที่ยอมรับโดยผู้มีอำนาจเชื่อถือได้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในความรู้แห่งศาสตร์ทิพย์อันลึกซึ้ง  และสถิตอยู่ในคุณสมบัติแห่งเทพ”

ฉะนั้น  (1)  บุคคลที่โง่มาก  (2)  ผู้ต่ำสุดในหมู่มนุษย์  (3)  นักคาดคะเนที่อยู่ในความหลง  และ  (4)  ผู้ประกาศว่าตนเองไม่เชื่อในองค์ภควาน  ที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้จะไม่มีวันศิโรราบต่อพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน  แม้จะได้รับการแนะนำจากพระคัมภีร์  และผู้ที่เชื่อถือได้ทั้งหลาย

โศลก 16

ชะทุร-วิดฺา บฺะจันเท มาม
จะนาฮ สุคริทิโน ´รจุนะฺ

อารโท จิกยาสุร อารทฺาทีฺ
กยานี ชะ บฺะระทารชะบฺะฺ

ชะทุฮ-วิดฺาฮฺ  -  สี่ประเภท, บฺะจันเทฺ  -  ปฏิบัติตนรับใช้, มามฺ  -  แด่ข้า, จะนะฮฺ  -  บุคคล, สุ- คริทินะฮฺ  -  ผู้มีบุญ, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, อารทะฮฺ  -  ผู้มีความทุกข์, จิกยาสุฮฺ  -  ผู้ชอบถาม, อารทฺะ-อารทิฺฺ  -  ผู้ปรารถนาผลกำไรทางวัตถุ, กยานีฺ  -  ผู้รู้สิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง, ชะ-เช่นกัน, บฺะระทะ-ริชะบฺะฺ  -  โอ้ ผู้ยิ่งใหญ่ในบรรดาผู้สืบราชวงศ์บฺะระทะ

คำแปลฺ

โอ้  ผู้ยอดเยี่ยมในหมู่บฺาระทะ  มนุษย์ผู้มีบุญสี่ประเภทเริ่มถวายการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อข้า  คือ  ผู้มีความทุกข์  ผู้ปรารถนาความร่ำรวย  ผู้ชอบถาม  และผู้แสวงหาความรู้แห่งสัจธรรม

คำอธิบายฺ

ไม่เหมือนกับพวกสารเลว  พวกนี้ปฏิบัติตามหลักธรรมที่กำหนดไว้ในพระคัมภีร์บุคคลเหล่านี้เรียกว่า  สุคริทินะฮฺ  หรือพวกที่เชื่อฟังหลักเกณฑ์ของพระคัมภีร์  กฎศีลธรรม  กฎสังคม  และอุทิศตนเสียสละต่อองค์ภควานไม่มากก็น้อย  มีอยู่สี่ประเภทคือพวกที่บางครั้งมีความทุกข์  พวกที่ต้องการเงินทอง  พวกที่บางครั้งชอบถาม  และพวกที่บางครั้งแสวงหาความรู้แห่งสัจธรรม  บุคคลเหล่านี้มาหาองค์ภควานเพื่อการอุทิศตนเสียสละรับใช้ภายใต้สภาวะที่ต่างกัน  เช่นนี้ยังไม่ใช่สาวกผู้บริสุทธิ์ทีเดียวเพราะยังมีความปรารถนาบางประการที่ต้องสนองตอบในการแลกเปลี่ยนกับการอุทิศตนเสียสละรับใช้  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์ต้องไม่มีความมุ่งหวังและไม่มีความปรารถนาเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุ  บัฺคธิ-ระสามริทะ-สินดํฺุ  (1.1.11)  นิยามการอุทิศตนเสียสละที่บริสุทธิ์ไว้ดังนี้

อันยาบิฺลาชิทา-ชูนยัม
กยานะ-คารมาดิ-อนาวริทัมฺ

อานุคูลเยนะ คริชณานุ-
ชีละนัม บัฺคธิร อุททะมาฺ

“เราควรถวายการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควานชรีคริชณะในเชิงบวกโดยไม่ปรารถนาผลประโยชน์หรือผลกำไรทางวัตถุผ่านทางกิจกรรมทางวัตถุหรือผ่านทางการคาดคะเนทางปรัชญา  เช่นนี้เรียกว่าการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์”

เมื่อบุคคลสี่ประเภทนี้มาหาองค์ภควานเพื่อการอุทิศตนเสียสละรับใช้และบริสุทธิ์ขึ้นอย่างสมบูรณ์ด้วยการมาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์  พวกเขาจะกลายมาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน  สำหรับพวกสารเลว  การอุทิศตนเสียสละรับใช้เป็นสิ่งที่ยากมาก  เพราะเป็นชีวิตที่เห็นแก่ตัว  ไร้วินัย  และไม่มีจุดมุ่งหมายทิพย์  แต่จะมีบางคนที่มีโอกาสมาสัมผัสกับสาวกผู้บริสุทธิ์ก็จะกลายมาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ได้เช่นเดียวกัน

พวกที่มีภารกิจยุ่งยากอยู่กับกิจกรรมเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุเสมอ  มาหาองค์ภควานด้วยความทุกข์ทางวัตถุ  ขณะที่มีความทุกข์ได้มาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์และกลายมาเป็นสาวกขององค์ภควาน  พวกที่ไม่สมหวังก็เช่นเดียวกัน  บางครั้งมาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์  และอยากรู้เกี่ยวกับองค์ภควาน  ในลักษณะเดียวกัน  เมื่อนักปราชญ์ผู้แห้งแล้งไม่สมหวังกับความรู้ในทุกสาขา  บางครั้งต้องการเรียนรู้เกี่ยวกับองค์ภควานจะมาหาพระองค์  ถวายการอุทิศตนเสียสละรับใช้และข้ามพ้นความรู้ของ  บระฮมันฺอันไร้รูปลักษณ์  ความรู้แห่ง  พะระมาทมาฺ  ผู้ประทับในหัวใจของทุกคน  และมาถึงแนวคิดแห่งบุคลิกภาพแห่งองค์ภควานด้วยพระกรุณาขององค์ภควานหรือสาวกผู้บริสุทธิ์  โดยสรุปคือ  เมื่อผู้มีความทุกข์  ผู้ชอบถาม  ผู้แสวงหาความรู้  และพวกที่ต้องการเงินทอง  เป็นอิสระจากความต้องการทางวัตถุทั้งปวง  และเมื่อเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสิ่งตอบแทนทางวัตถุไม่มีความสัมพันธ์ใด  ๆ  กับความเจริญก้าวหน้าในวิถีทิพย์  พวกเขาก็กลายมาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์  ตราบใดที่ระดับแห่งความบริสุทธิ์เช่นนี้ยังบรรลุไม่ถึง  สาวกที่อยู่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควาน  ยังเจือไปด้วยกิจกรรมเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุ  แสวงหาความรู้ทางโลก  ฯลฯ  ดังนั้น  เราต้องข้ามให้พ้นทั้งหมดนี้  ก่อนที่จะมาถึงระดับแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่บริสุทธิ์

โศลก 17

เทชาม กยานี นิทยะ-ยุคทะ
เอคะ-บัฺคธิร วิชิชยะเทฺ

พริโย ฮิ กยานิโน ´ทยารทัฺม
อฮัม สะ ชะ มะมะ พริยะฮฺ

เทชามฺ  -  จากทั้งหมดนี้, กยานีฺ  -  ผู้ที่อยู่ในความรู้อย่างสมบูรณ์, นิทยะ-ยุคทะฮฺ  -  ปฏิบัติตนอยู่เสมอ, เอคะฺ  -  เท่านั้น, บัฺคธิฮฺ  -  ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้, วิชิชยะเทฺ  -  เป็นพิเศษ, พริยะฮฺ  -  เป็นที่รักยิ่ง, ฮิฺ  -  แน่นอน, กยานินะฮฺ  -  แด่ผู้ที่อยู่ในความรู้, อัทยารทัฺมฺ  -  สูงส่ง, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, สะฮฺ  -  เขา, ชะฺ -เช่นกัน, มะมะฺ -แด่ข้า, พริยะฮฺ  -  รัก

คำแปลฺ

ทั้งหมดนี้  ผู้ที่อยู่ในความรู้โดยสมบูรณ์และปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความบริสุทธิ์อยู่เสมอดีที่สุด  เพราะข้าเป็นที่รักยิ่งของเขา  และเขาก็เป็นที่รักของข้า

คำอธิบายฺ

โดยปราศจากมลทินแห่งความปรารถนาทางวัตถุทั้งหลาย  ผู้มีความทุกข์  ผู้ชอบถาม  ผู้ที่สิ้นเนื้อประดาตัว  และผู้แสวงหาความรู้สูงสุด  ทั้งหมดสามารถกลายมาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ได้  แต่จากทั้งหมดนี้ผู้ที่อยู่ในความรู้แห่งสัจธรรมที่สมบูรณ์  และเป็นอิสระจากความต้องการทางวัตถุทั้งปวงจะกลายมาเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควานโดยแท้จริง  และจากทั้งสี่ประเภท  สาวกผู้อยู่ในความรู้อย่างสมบูรณ์และในขณะเดียวกันปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  องค์ภควานตรัสว่าดีที่สุด  จากการแสวงหาความรู้เขาสำนึกได้ว่าตนเองนั้นแตกต่างไปจากร่างกายวัตถุ  เมื่อเจริญยิ่งขึ้น  เขาจะมาถึงความรู้แห่ง  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  และ  พะระมาทมาฺ  เมื่อบริสุทธิ์อย่างเต็มที่เขาจะรู้สำนึกว่าสถานภาพ  พื้นฐานของตนเองคือเป็นผู้รับใช้นิรันดรขององค์ภควาน  ดังนั้น  ด้วยการคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์  ผู้ชอบถาม  ผู้มีความทุกข์  ผู้แสวงหาความช่วยเหลือทางวัตถุ  และผู้ที่มีความรู้  ทั้งหมดกลายมาเป็นผู้บริสุทธิ์  ในระดับเตรียมตัว  ผู้ที่มีความรู้แห่งองค์ภควานอย่างสมบูรณ์และในขณะเดียวกันปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เป็นที่รักยิ่งของพระองค์  ผู้ที่สถิตในความรู้ที่บริสุทธิ์ของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าจะได้รับการคุ้มครองในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  มลทินทางวัตถุจะไม่สมารถทำให้เขาแปดเปื้อนได้

โศลก 18

อุดารราฮ สารวะ เอไวเท
กยานี ทุ อาทไมวะ เม มะทัมฺ

อาสทิฺทะฮ สะ ฮิ ยุคทาทมา
มาม เอวานุททะมาม กะทิมฺ

อุดาราฮฺ  -  ใจกว้าง, สารเวฺ  -  ทั้งหมด, เอวะฺ  -  แน่นอน, เอเทฺ  -  เหล่านี้, กยานีฺ  -  ผู้อยู่ในความรู้,ทุ-แต่,อาทมา เอวะฺ  -  เหมือนกับตัวข้า, เมฺ  -  ของข้า, มะทัมฺ  -  ความเห็น, อาสทิฺทะฮฺ  -  สถิต, สะฮฺ  -  เขา, ฮิฺ  -  แน่นอน, ยุคทะฺ  -  อาทมา-ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้, มามฺ  -  ในข้า, เอวะฺ  -  แน่นอน, อนุททะมามฺ  -  สูงสุด, กะทิมฺ  -  จุดมุ่งหมาย

คำแปลฺ

สาวกทั้งหลายเหล่านี้เป็นดวงวิญญาณที่มีใจกว้างขวางโดยไม่ต้องสงสัย  แต่ผู้สถิตในความรู้แห่งข้า  ข้าพิจารณาว่าเหมือนกับตัวของข้าเอง  ปฏิบัติการรับใช้ทิพย์ต่อข้า  เขาจะบรรลุถึงข้าซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายที่สมบูรณ์สูงสุดอย่างแน่นอน

คำอธิบายฺ

มิใช่ว่าสาวกผู้ที่มีความรู้ไม่สมบูรณ์จะไม่เป็นที่รักขององค์ภควาน  พระองค์ตรัสว่าทั้งหมดมีใจกว้าง  เพราะว่าผู้ใดที่มาหาพระองค์ไม่ว่าพื่อจุดประสงค์อันใด  เรียกว่า  มะฮาทมาฺ  หรือดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่  สาวกผู้ปรารถนาผลประโยชน์บางประการจากการอุทิศตนเสียสละรับใช้  องค์ภควานทรงยอมรับ  เพราะว่ามีการแลกเปลี่ยนในความรัก  ด้วยความรักสาวกจึงขอผลประโยชน์ทางวัตถุจากพระองค์  เมื่อได้รับแล้วรู้สึกพอใจ  และเจริญก้าวหน้าในการอุทิศตนเสียสละรับใช้เช่นกัน  แต่สาวกที่อยู่ในความรู้สมบูรณ์  พิจารณาว่าเป็นที่รักยิ่งของพระองค์  เพราะว่าเขามีเพียงจุดมุ่งหมายเดียวคือการรับใช้พระองค์ด้วยความรักและอุทิศตนเสียสละ  สาวกเช่นนี้  จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้แม้เสี้ยววินาทีเดียวโดยปราศจากการสัมผัส  หรือรับใช้องค์ภควาน  ในทำนองเดียวกันองค์ภควานก็มีความรักในสาวกเป็นอย่างยิ่ง  และไม่สามารถเหินห่างไปจากเขา

ใน  ชรีมัด  -บฺากะวะธัมฺ  (9.4.68)  องค์ภควานตรัสว่า

สาดฺะโว ฮริดะยัม มะฮยัม
สาดํูนาม ฮริดะยัม ทุ อฮัมฺ

มัด-อันยัท เท นะ จานันทิ
นาฮัม เทบฺโย มะนาก อพิฺ

“สาวกอยู่ในหัวใจของข้าตลอดเวลา  และข้าก็อยู่ในหัวใจของพวกเขาตลอดเวลา  สาวกไม่รู้จักสิ่งอื่นใดนอกเหนือไปจากข้า  และข้าก็เช่นเดียวกันไม่สามารถลืมพวกเขาได้  มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างข้าและสาวกผู้บริสุทธิ์  สาวกผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ในความรู้อย่างสมบูรณ์  ไม่มีวันหลุดไปจากการสัมผัสทิพย์  ดังนั้น  พวกเขาจึงเป็นที่รักยิ่งของข้า”

โศลก 19

บะฮูนาม จันมะนาม อันเท
กยานะวาน มาม พระพัดยะเทฺ

วาสุเดวะฮ สารวัม อิทิ
สะ มะฮาทมา สุ-ดุรละบฺะฮฺ

บะฮูนามฺ  -  มากมาย, จันมะนามฺ  -  เกิดและตายซ้ำซาก, อันเทฺ  -  หลังจาก, กยานะ-วานฺ  -  ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้, มามฺ  -  แด่ข้า, พระพัดยะเทฺ  -  ศิโรราบ, วาสุเดวะฮฺ  -  องค์ภควานคริชณะ, สารวัมฺ  -  ทุกสิ่ง, อิทิฺ  -  ดังนั้น, สะฮฺ  -  นั้น, มะฮา-อาทมาฺ  -  ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่, สุ-ดุรละบฺะฺ  -  เห็นได้ยากมาก

คำแปลฺ

หลังจากเกิดและตายหลายต่อหลายชาติ  ผู้มีความรู้อย่างแท้จริงจะศิโรราบต่อข้า  รู้ว่าข้าคือแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวงรวมทั้งสรรพสิ่งที่เป็นอยู่  ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่เช่นนี้หาได้ยากมาก

คำอธิบายฺ

สิ่งมีชีวิตขณะปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้หรือปฏิบัติพิธีกรรมทิพย์หลังจากเกิดมาแล้วหลายต่อหลายชาติ  อาจสถิตในความรู้ทิพย์อันบริสุทธิ์อย่างแท้จริงและรู้ว่าองค์ภควานคือจุดมุ่งหมายสูงสุดแห่งความรู้แจ้งทิพย์  ในขั้นต้นของความรู้ทิพย์  ขณะที่พยายามยกเลิกความยึดติดกับลัทธิวัตถุนิยม  จะมีแนวโน้มไปสู่ลัทธิไร้รูปลักษณ์  แต่เมื่อเจริญมากขึ้นจะสามารถเข้าใจว่ามีกิจกรรมมากมายในชีวิตทิพย์  และกิจกรรมเหล่านี้รวมกันเป็นการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เมื่อรู้แจ้งเช่นนี้เขาจะมายึดมั่นกับองค์ภควาน  ศิโรราบต่อพระองค์  เข้าใจว่าพระเมตตาของชรีคริชณะคือทุกสิ่งทุกอย่างพระองค์คือแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  และปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้มิได้เป็นอิสระจากพระองค์  เขารู้แจ้งว่าโลกวัตถุคือเงาสะท้อนที่กลับตาลปัตรจากความหลากหลายทิพย์  และรู้แจ้งในทุกสิ่งทุกอย่างว่ามีความสัมพันธ์กับองค์ภควานคริชณะดังนั้น  เขาจึงคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างในความสัมพันธ์กับวาสุเดวะหรือชรีคริชณะ  วิสัยทัศน์อันเป็นสากลแห่งองค์วาสุเดวะเช่นนี้  จะส่งเสริมให้เขาศิโรราบโดยดุษฎีต่อองค์ภควานชรีคริชณะผู้เป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด  ดวงวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่ที่ศิโรราบเช่นนี้หาได้ยากมาก

โศลกนี้อธิบายไว้อย่างงดงามมากในบทที่สาม  (โศลก  14  และ  15)  ของ  ชเวทา  ชวะทะระ  อุพะนิชัดฺ  ดังนี้

สาฮัสระ-ชีรชา พุรุชะฮ
สะฮัสราคชะฮ สะฮัสระ-พาทฺ

สะ บํูมิม วิชวะโท วริทวา-
ทยาทิชทัฺด ดะชางกุลัมฺ
พุรุชะ เอเวดัม สารวัม
ยัด บํูทัม ยัช ชะ บัฺพยัมฺ

อุทามริทัทวัสเยชาโน
ยัด อันเนนาทิโรฮะทิฺ

ใน  ชัฺน  โดกยะอุพะนิชัดฺ  (5.1.15)  กล่าวว่า  นะ  ไว  วาโช  นะ  ชัคชูมชิ  นะ  ชโรทราณิ  นะ  มะ  นามสีทิ  อาชัคชะเท  พราณะ  อิทิ  เอวาชัคชะเท  พราโณ  ฮิ  เอไวทานิ  สารวาณิ  บฺะวันทิฺ“ร่างกายของสิ่งมีชีวิตไม่มีทั้งพลังในการพูด  พลังในการเห็น  พลังในการได้ยิน  หรือพลังในความคิดที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน  ดวงชีวิตคือศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งหลาย”  ในทำนองเดียวกัน  องค์  วาสุเดวะฺ  หรือองค์ภควานชรีคริชณะทรงเป็นดวงชีวิตพื้นฐานในทุกสิ่งทุกอย่าง  ในร่างกายนี้มีพลังในการพูด  การเห็น  การได้ยิน  และในกิจกรรมของจิต  ฯลฯ  แต่สิ่งเหล่านี้จะไม่มีความสำคัญหากไม่สัมพันธ์กับองค์ภควาน  เพราะว่าองค์  วาสุเดวะทรงแผ่กระจายไปทั่วฺ  และทุกสิ่งทุกอย่างคือ  วาสุเดวะฺ  สาวกจึงศิโรราบด้วยความรู้ที่สมบูรณ์  (ภควัต-คีตาฺ  7.17  และ  11.40)

โศลก 20

คาไมส ไทส ไทร ฮิรทะ-กยานาฮ
พระพัดยันเท ´นยะ-เดวะทาฮฺ

ทัม ทัม นิยะมัม อาสทฺายะ
พระคริทยา นิยะทาฮ สวะยาฺ

คาไมฮฺ  -  ด้วยความปรารถนา, ไทฮ ไทฮฺ  -  ต่าง ๆ, ฮริทะฺ  -  แย่งเอาไป, กยานาฮฺ  -  ความรู้, พระ พัดยันเทฺ  -  ศิโรราบ, อันยะฺ  -  แด่ผู้อื่น, เดวะทาฮฺ  -  เหล่าเทวดา, ทัม ทัมฺ  -  ตรงตาม, นิยะมัมฺ  -  กฏเกณฑ์, อาสทฺายะฺ  -  ปฏิบัติตาม, พระคริทยาฺ  -  โดยธรรมชาติ, นิยะทาฮฺ  -  ถูกควบคุม, สวะยาฺ  -  ด้วยตนเอง

คำแปลฺ

พวกที่ปัญญาถูกความปรารถนาทางวัตถุขโมยไป  ศิโรราบต่อเหล่าเทวดา  และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในการบูชาโดยเฉพาะตามธรรมชาติของพวกตน

คำอธิบายฺ

บุคคลที่เป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุทั้งหมดจะศิโรราบต่อองค์ภควาน  และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์  ตราบใดที่มลทินทางวัตถุยังชะล้างไม่หมดโดยธรรมชาติพวกนี้ไม่ใช่สาวก  แม้แต่บุคคลที่มีความปรารถนาทางวัตถุและอยู่บนวิถีทางขององค์ภควาน  จะไม่หลงใหลอยู่กับธรรมชาติภายนอกมากนัก  เนื่องจากมาเข้าหาจุดมุ่งหมายที่ถูกต้อง  และในไม่ช้าก็จะเป็นอิสระจากราคะทางวัตถุทั้งปวง  ใน  ชรีมัด-  บฺากะวะธัมฺ  ได้แนะนำไว้ว่า  ไม่ว่าบุคคลจะเป็นสาวกผู้บริสุทธิ์  ปราศจากความต้องการทางวัตถุทั้งปวง  หรือจะเต็มไปด้วยความปรารถนาทางวัตถุ  หรือปรารถนาความหลุดพ้นจากมลทินทางวัตถุ  ในทุกกรณีเราควรศิโรราบต่อวาสุเดวะและบูชาพระองค์  ได้กล่าวไว้ใน  บฺากะวะธัมฺ  (2.3.10)  ว่า

อคามะฮ สารวะคาโม วา
โมคชะ-คามะ อุดาระ-ดีฮฺ

ทีวเรณะ บัฺคธิ-โยเกนะ
ยะเจทะ พุรุชัม พะรัมฺ

บุคคลผู้ด้อยปัญญาสูญเสียความสัมผัสทิพย์จะไปพึ่งเทวดาเพื่อได้รับการตอบสนองตามความต้องการทางวัตถุทันที  โดยทั่วไปบุคคลเช่นนี้ไม่เข้าหาองค์ภควาน  เพราะว่าอยู่ในระดับแห่งธรรมชาติที่ต่ำ  (อวิชชาและตัณหา)  ดังนั้น  จึงบูชาเทวดา  ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การบูชาและได้รับความพึงพอใจ  พวกที่บูชาเทวดาถูกกระตุ้นด้วยความปรารถนาเพียงเล็กน้อยและไม่รู้ว่าจะไปถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดได้อย่างไร  แต่สาวกขององค์ภควานไม่ถูกนำพาไปในทางที่ผิด  ถึงแม้วรรณกรรมพระเวทจะแนะนำให้บูชาเทพต่าง  ๆ  ด้วยจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกัน  (ตัวอย่างเช่น  คนเป็นโรคได้รับคำแนะนำให้บูชาพระอาทิตย์)พวกที่ไม่ใช่สาวกขององค์ภควานคิดว่าเพื่อจุดประสงค์บางอย่างเทวดาอาจจะดีกว่าแต่สาวกผู้บริสุทธิ์ทราบว่าองค์ภควานคริชณะทรงเป็นปรมาจารย์ของมวลเทวดา  ใน  เชธันญะ-ชะริทามริทะ  (อาดิฺ  5.142)  กล่าวว่า  เอคะเล  อีชวะระ  คริชณะ,  อาระ  สะบะ  บฺริทยะฺ  องค์ภควานชรีคริชณะเท่านั้นทรงเป็นปรมาจารย์  และองค์อื่น  ๆ  ทั้งหมดทรงเป็นผู้รับใช้  ดังนั้น  สาวกผู้บริสุทธิ์จะไม่เข้าหาเทวดาเพื่อความพึงพอใจในความต้องการทางวัตถุของตน  แต่จะขึ้นอยู่กับองค์ภควาน  สาวกผู้บริสุทธิ์พึงพอใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่พระองค์ทรงประทานให้

โศลก 21

โย โย ยาม ยาม ทะนุม บัฺคธะฮ
ชรัดดฺะยารชิทุม อิชชฺะทิฺ

ทัสยะ ทัสยาชะลาม ชรัดดฺาม
ทาม เอวะ วิดะดฺามิ อฮัมฺ

ยะฮ ยะฮฺ  -  ใครก็แล้วแต่, ยาม ยามฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, ทะนุมฺ  -  รูปลักษณ์ของเทวดา, บัฺคธะฮฺ  -  สาวก, ชรัดดฺะยาฺ  -  ด้วยศรัทธา, อารชิทุมฺ  -  บูชา, อิชชฺะทิฺ  -  ความปรารถนา, ทัสยะ ทัสยะฺ  -  แด่เขา, อชะลามฺ  -  สม่ำเสมอ, ชรัดดฺามฺ  -  ความศรัทธา, ทามฺ  -  นั้น, เอวะฺ  -  แน่นอน, วิดะดฺามิฺ  -  ให้, อฮัมฺ  -  ข้า

คำแปลฺ

ข้าอยู่ภายในหัวใจของทุกๆคนในรูปของอภิวิญญาณ  ทันทีที่เขาปรารถนาบูชาเทวดาองค์ใด  ข้าทำให้ความศรัทธาของเขามั่นคงเพื่อให้สามารถอุทิศตนต่อพระปฏิมาองค์นั้น

คำอธิบายฺ

องค์ภควานทรงให้อิสรภาพแด่ทุกคน  ดังนั้น  หากผู้ใดปรารถนาจะได้รับความสุขทางวัตถุ  และปรารถนาด้วยความจริงใจที่จะได้สิ่งอำนวยความสะดวกทางวัตถุจากเทวดา  พระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นอภิวิญญาณประทับอยู่ในหัวใจของทุก  ๆ  คน  ทรงเข้าใจและให้สิ่งอำนวยความสะดวกนั้น  ในฐานะที่เป็นพระบิดาสูงสุดของมวลชีวิต  ทรงไม่รบกวนกับเสรีภาพของเรา  แต่ทรงให้สิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหลายเพื่อเราจะได้รับการสนองตอบจากความต้องการทางวัตถุ  บางคนอาจถามว่าทำไมองค์ภควานผู้ทรงเดชให้สิ่งอำนวยความสะดวกแด่สิ่งมีชีวิตเพื่อให้เพลิดเพลินอยู่ในโลกวัตถุนี้  และปล่อยให้ตกลงไปอยู่ในกับดักของพลังงานแห่งความหลง  คำตอบคือหากพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นอภิวิญญาณไม่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้  คำว่าเสรีภาพจะไม่มีความหมาย  ดังนั้น  จึงทรงให้เสรีภาพแด่ทุกคนอย่างสมบูรณ์ไม่ว่าเราจะชอบอะไร  แต่คำสั่งสอนสูงสุดของพระองค์พบได้ใน  ภควัต-คีตาฺ  ว่าเราควรยกเลิกการปฏิบัติรูปแบบอื่นทั้งหมด  และศิโรราบโดยดุษฎีต่อพระองค์  เช่นนี้จะทำให้มนุษย์มีความสุข

ความปรารถนาขององค์ภควานทรงเหนือกว่าทั้งของสิ่งมีชีวิตและเทวดา  ดังนั้น  สิ่งมีชีวิตไม่สามารถบูชาเทวดาตามความปรารถนาของตนเอง  และเทวดาก็ไม่สามารถให้พรใด  ๆ  โดยปราศจากความปรารถนาขององค์ภควาน  ดังที่ได้กล่าวไว้ว่าแม้แต่ใบหญ้าก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้หากองค์ภควานทรงไม่ปรารถนา  โดยทั่วไปบุคคลผู้มีความทุกข์ในโลกวัตถุจะไปพึ่งเทวดา  ดังที่คัมภีร์พระเวทแนะนำไว้  บุคคลผู้ต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดอาจบูชาเทวดาเฉพาะองค์  ตัวอย่างเช่น  คนเป็นโรคได้รับคำแนะนำให้บูชาพระอาทิตย์  ผู้ที่ปรารถนาการศึกษาอาจบูชาเจ้าแม่แห่งความรู้  สะรัสวะที  และผู้ที่ต้องการภรรยาสวยอาจบูชาเจ้าแม่อุมามเหสีของพระศิวะ  เช่นนี้ได้แนะนำไว้ใน  ชาสทระฺ  (คัมภีร์พระเวท)  สำหรับคนในระดับต่างกันจะบูชาเทวดาต่างกัน  เพราะบางคนต้องการหาความสุขกับสิ่งอำนวยความสะดวกทางวัตถุเฉพาะตน  องค์ภควานทรงดลใจให้เขามีความปรารถนาอย่างแรงกล้าเพื่อบรรลุถึงพรนั้น  ๆ  จากเทวดาเฉพาะองค์  และประสบความสำเร็จในพรนั้น  ๆ  ระดับแห่งท่าทีในการอุทิศตนของสิ่งมีชีวิตที่มีต่อเทวดาเฉพาะองค์  องค์ภควานก็ทรงจัดเตรียมให้  เทวดาทรงไม่สามารถจัดส่งให้สิ่งมีชีวิตได้รับความพึงพอใจได้  เนื่องจากพระองค์ทรงเป็นองค์ภควานหรืออภิวิญญาณผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจของมวลชีวิต  คริชณะทรงให้แรงกระตุ้นแก่มนุษย์ในการบูชาเทวดาเฉพาะองค์  อันที่จริงเหล่าเทวดาคือส่วนต่าง  ๆ  แห่งรูปลักษณ์จักรวาลขององค์ภควาน  ดังนั้นจึงไม่มีอิสรภาพ  ได้กล่าวไว้ในวรรณกรรมพระเวทว่า  "องค์ภควานในฐานะอภิวิญญาณทรงประทับอยู่ภายในหัวใจของเทวดาเช่นเดียวกัน  ฉะนั้น  พระองค์ทรงจัดการผ่านทางเทวดาเพื่อสนองความต้องการของสิ่งมีชีวิต  แต่ทั้งเทวดาและสิ่งมีชีวิต้องขึ้นอยู่กับความปรารถนาสูงสุดขององค์ภควาน  พวกเขาไม่มีอิสรภาพ”

โศลก 22

สะ ทะยา ชรัดดฺะยา ยุคทัส
ทัสยาราดฺะนัม อีฮะเทฺ

ละบฺะเท ชะ ทะทะฮ คามาน
มะไยวะ วิฮิทาน ฮิ ทานฺ

สะฮฺ  -  เขา, ทะยา-ด้วยสิ่งนั้น, ชรัดดฺะยาฺ  -  แรงดลใจ, ยุคทะฮฺ  -  ให้, ทัสยะฺ  -  ของเทวดาองค์นั้น, อาราดฺะนัมฺ  -  เพื่อการบูชา, อีฮะเทฺ  -  เขาปรารถนา, ละบฺะเทฺ  -  ได้รับ,ชะฺ  -  และ, ทะทะฮฺ  -  จากนั้น, คามานฺ  -  ความปรารถนาของเขา, มะยาฺ  -  โดยข้า, เอวะฺ  -  ผู้เดียว, วิฮิทานฺ  -  จัด, ฮิฺ  -  แน่นอน, ทานฺ  -  เขาเหล่านั้น

คำแปลฺ

เมื่อมีความศรัทธาเช่นนี้  เขาพยายามบูชาเทวดาเฉพาะองค์และบรรลุถึงความปรารถนาของตน  แต่อันที่จริงผลประโยชน์เหล่านี้  ข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ให้

คำอธิบายฺ

เหล่าเทวดาไม่สามารถประทานพรแด่สาวกของตนหากไม่ได้รับอนุญาตจากองค์ภควาน  สิ่งมีชีวิตอาจลืมไปว่าทุกสิ่งทุกอย่างคือทรัพย์สมบัติของพระองค์แต่เทวดาทรงไม่ลืม  ดังนั้น  การบูชาเทวดา  และบรรลุถึงผลที่ตนปรารถนามิได้เนื่องมาจากเทวดา  แต่เนื่องมาจากการจัดการขององค์ภควาน  สิ่งมีชีวิตผู้ด้อยปัญญาไม่ทราบเรื่องนี้  ดังนั้น  จึงเข้าไปหาเทวดาด้วยความโง่เขลาเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง  หากสาวกผู้บริสุทธิ์ต้องการบางสิ่งบางอย่าง  เพียงแต่ภาวนาต่อองค์ภควานเท่านั้น  อย่างไรก็ดี  การขอผลประโยชน์ทางวัตถุไม่ใช่เป็นเครื่องหมายของสาวกผู้บริสุทธิ์  สิ่งมีชีวิตโดยทั่วไปเข้าหาเทวดาเพราะความบ้าคลั่งที่จะสนองตอบราคะของตน  เป็นเช่นนี้เพราะสิ่งมีชีวิตปรารถนาบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สมควร  องค์ภควานจึงทรงไม่ตอบสนองความต้องการของเขา  ใน  เชธันญะ-ชะริทาม-  ริทะฺ  กล่าวไว้ว่า  ผู้ที่บูชาองค์ภควานและในขณะเดียวกันปรารถนาความสุขทางวัตถุเป็นการขัดแย้งกันในความปรารถนาของตนเอง  การอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานและการบูชาเทวดามิใช่อยู่ในระดับเดียวกัน  เพราะการบูชาเทวดาเป็นวัตถุ  และการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานเป็นทิพย์โดยสมบูรณ์

สำหรับสิ่งมีชีวิตผู้ปรารถนาจะกลับคืนสู่องค์ภควาน  ความต้องการทางวัตถุจะเป็นอุปสรรค  สาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์จะไม่ได้รับรางวัลผลประโยชน์ทางวัตถุเหมือนกับสิ่งมีชีวิตผู้ด้อยปัญญาปรารถนา  ดังนั้น  คนโง่เขลาจึงนิยมการบูชาเทวดาในโลกวัตถุมากกว่าที่จะปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควาน

โศลก 23

อันทะวัท ทุ พะลัม เทชาม
ทัด บฺะวะทิ อัลพะ-เมดฺะสามฺ

เดวาน เดวะ-ยะโจ ยานทิ
มัด-บัฺคธา ยานทิ มาม อพิฺ

อันทะ-วัทฺ  -  สูญสลาย, ทฺุ  -  แต่, พฺะลัม-ผล, เทชามฺ  -  ของพวกเขา, ทัทฺ  -  นั้น, บฺะวะทิฺ  -  กลายเป็น, อัลพะ-เมดฺะสามฺ  -  ของพวกมีปัญญาน้อย, เดวานฺ  -  แด่เหล่าเทวดา, เดวะ- ยะจะฮฺ  -  ผู้บูชาเหล่าเทวดา, ยานทิฺ  -  ไป, มัทฺ  -  ของข้า, บัฺคธาฮฺ  -  เหล่าสาวก, ยานทิฺ  -  ไป, มามฺ  -  ถึงข้า, อพิฺ  -  เช่นกัน

คำแปลฺ

มนุษย์ผู้มีปัญญาน้อยจะบูชาเทวดา  ผลที่ได้รับนั้นจำกัดและไม่ถาวร  พวกที่บูชาเทวดาจะไปยังดาวเคราะห์ของเทวดา  แต่สาวกของข้าจะมาถึงดาวเคราะห์สูงสุดของข้าในที่สุด

คำอธิบายฺ

นักวิจารณ์  ภควัต-คีตาฺ  บางคนกล่าวว่า  ผู้บูชาเทวดาสามารถไปถึงองค์ภควานแต่  ณ  ที่นี้ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  พวกที่บูชาเทวดาจะไปยังระบบดาวเคราะห์ที่เทวดาประทับอยู่  ดังเช่น  ผู้บูชาพระอาทิตย์จะไปถึงดวงอาทิตย์  หรือผู้บูชาพระจันทร์จะไปถึงดวงจันทร์  ในทำนองเดียวกัน  หากผู้ใดต้องการบูชาเทวดา  เช่น  พระอินทร์  เขาก็จะบรรลุถึงดาวเคราะห์ของเทพองค์นั้น  มิใช่ว่าบูชาเทวดาองค์ไหนแล้วจะไปถึงองค์ภควาน  ณ  ที่นี้  ปฏิเสธแนวคิดเช่นนี้  เพราะได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  พวกที่บูชาเทวดาจะไปยังดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  ในโลกวัตถุ  แต่สาวกขององค์ภควานจะไปที่ดาวเคราะห์สูงสุดขององค์ภควานโดยตรง

อาจจะมีคำถามว่าหากเหล่าเทวดาเป็นส่วนต่าง  ๆ  ของพระวรกายแห่งองค์ภควาน  ดังนั้น  การบูชาเทวดาควรบรรลุถึงจุดหมายปลายทางเดียวกัน  อย่างไรก็ดี  พวกที่บูชาเทวดาเป็นผู้ด้อยปัญญา  เพราะไม่รู้ว่าควรจะส่งอาหารไปยังส่วนไหนของร่างกาย  บางคนโง่จนกระทั่งอ้างว่ามีส่วนต่าง  ๆ  มากมายและมีวิธีต่าง  ๆ  ที่จะส่งอาหารไปได้  เช่นนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้เลย  มีผู้ใดสามารถส่งอาหารให้ร่างกายโดยผ่านทางหูหรือทางตาได้บ้าง?  พวกเขาไม่รู้ว่าเทวดาเหล่านี้เป็นส่วนต่าง  ๆ  แห่งรูปลักษณ์จักรวาลขององค์ภควาน  และในความโง่จึงเชื่อว่าเทวดาทุกองค์คือองค์ภควานที่แยกออกมา  และเป็นคู่แข่งกับพระองค์

ไม่เพียงแต่เหล่าเทวดาเป็นส่วนต่าง  ๆ  ขององค์ภควานแต่สิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไปก็เป็นส่วนหนึ่งของพระองค์เช่นเดียวกัน  ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัม  ว่า  บราฮมะณะฺ  เป็นศีรษะขององค์ภควาน  คชัทริยะฺ  เป็นแขนของพระองค์  ไวชยะฺ  เป็นเอวของพระองค์  ชูดระฺ  เป็นเท้าของพระองค์  และทั้งหมดรับใช้ในหน้าที่แตกต่างกันไป  ไม่ว่าจะอยู่ในสภาวะใดหากเรารู้ว่าทั้งเทวดาและตัวเราเป็นละอองอณูขององค์ภควาน  ความรู้ของเราก็สมบูรณ์  แต่หากไม่เข้าใจเช่นนี้เราจะบรรลุถึงดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  ที่เหล่าเทวดาพำนักอยู่  ซึ่งมิใช่จุดหมาปลายทางเดียวกันกับที่สาวกจะบรรลุถึง

ผลจากพรของเทวดาที่เราได้รับนั้นจะสูญสลาย  เพราะว่าภายในโลกวัตถุ  ดาวเคราะห์ของเทวดาพร้อมสาวกของท่านทั้งหมดจะต้องถูกทำลาย  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนในโศลกนี้ว่าผลทั้งหมดที่ได้รับจากการบูชาเทวดาต้องสูญสลาย  ดังนั้น  การบูชาเช่นนี้สิ่งมีชีวิตผู้ด้อยปัญญาเท่านั้นที่ปฏิบัติกัน  เพราะว่าสาวกผู้บริสุทธิ์ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานจะบรรลุถึงความเป็นอยู่ที่ปลื้มปีติสุขนิรันดรและเปี่ยมไปด้วยความรู้  ผลสำเร็จเช่นนี้ไม่เหมือนกับของพวกที่บูชาเทวดา  องค์ภควานทรงไร้ขอบเขต  ความชื่นชอบของพระองค์ทรงไร้ขอบเขต  พระเมตตาของพระองค์ก็ทรงไร้ขอบเขต  ดังนั้น  พระเมตตาธิคุณขององค์ภควานที่ทรงมีต่อสาวกผู้บริสุทธิ์จึงไร้ขอบเขต

โศลก 24

อัพยัคทัม วิยัคทิม อาพันนัม
มันยันเท มาม อบุดดฺะยะฮฺ

พะรัม บฺาวัม อจานันโท
มะมาวยะยัม อนุททะมัมฺ

อัพยัคทัมฺ  -  ไม่ปรากฏ, วิยัคทิมฺ  -  บุคลิกภาพ, อาพันนัมฺ  -  บรรลุถึง, มันยันเทฺ  -  คิด, มามฺ  -  ข้า, อบุดดฺฺะยะฮฺ  -  บุคคลผู้ด้อยปัญญา, พะรัมฺ  -  สูงสุด, บฺาวัมฺ  -  เป็นอยู่, อจานันทะฮฺ  -  โดยไม่รู้, มะมะฺ  -  ของข้า, อัพยะยัมฺ  -  ไม่สูญสลาย, อนุททะมัมฺ  -  ละเอียดอ่อนที่สุด

คำแปลฺ

มนุษย์ผู้ด้อยปัญญาไม่รู้จักข้าอย่างสมบูรณ์  คิดว่าข้า  องค์ภควานคริชณะทรงไร้รูปลักษณ์ในอดีต  และปัจจุบันมาอยู่ในรูปลักษณ์นี้  เนื่องจากความรู้อันน้อยนิดจึงไม่รู้ธรรมชาติที่สูงกว่าของข้า  ซึ่งไม่มีวันสูญสลายและสูงที่สุด

คำอธิบายฺ

ได้อธิบายไว้ว่า  พวกที่บูชาเทวดาเป็นบุคคลผู้มีปัญญาน้อย  และผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ก็ทำนองเดียวกัน  องค์ภควานในรูปลักษณ์คริชณะทรงประทับอยู่ต่อหน้าอารจุนะ  ณ  ที่นี้  แต่เนื่องด้วยอวิชชา  พวกที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์เถียงว่าในที่สุดองค์ภควานทรงไม่มีรูปลักษณ์  ยามุนาชารยะ  สาวกผู้ยิ่งใหญ่ในสาย  พะรัมพะราฺ  ของรามานุจาชารยะได้เขียนสองโศลกที่เหมาะสมเกี่ยวกับประเด็นนี้  ไว้ดังนี้

ทวาม ชีละ-รูพะ-ชะริไทฮ พะระมะ-พระคริชไทฮฺ
สัททเวนะ สาททวิคะทะยา พระบะไลช ชะ ชาสไทรฮฺ
พรัคฮยาทะ-ไดวะ-พะระมารทฺะ-วิดาม มะไทช ชะฺ
ไนวาสุระ-พระคริทะยะฮ พระบะวันทิ โบดดํุมฺ

“พระผู้เป็นเจ้าที่รัก  สาวกเช่น  วิยาสะเดวะและนาระดะรู้ว่าพระองค์คือองค์ภควาน  จากการเข้าใจวรรณกรรมพระเวท  เราสามารถรู้ถึงบุคลิกลักษณะของพระองค์  รูปลักษณ์ของพระองค์  และกิจกรรมต่าง  ๆ  ของพระองค์  และเราสามารถเข้าใจว่าพระองค์คือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  แต่พวกที่อยู่ในระดับตัณหา  ระดับอวิชชา  และเหล่ามารที่ไม่ใช่สาวก  ไม่สามารถเข้าใจพระองค์  ไม่ว่าพวกนี้จะมีความชำนาญมากเพียงใดในการสนทนา  เวดาน-  ธะ,  อุพะนิชัดฺ  และวรรณกรรมพระเวทเล่มอื่น  ๆ  ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจองค์ภควาน”(สโททระ-รัทนะฺ  12)

ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ได้กล่าวไว้ว่า  เราจะไม่สามารถเข้าใจองค์ภควานจากการศึกษาวรรณกรรม  เวดานธะฺ  แต่ด้วยพระเมตตาขององค์ภควานเท่านั้นที่ทำให้เรารู้ถึงองค์ภควาน  ดังนั้น  ในโศลกนี้ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าไม่เพียงแต่พวกที่บูชาเทวดาเท่านั้นที่ด้อยปัญญา  แต่พวกไม่ใช่สาวกที่ศึกษา  เวดานธะฺ  และคาดคะเนเกี่ยวกับวรรณกรรมพระเวทโดยไม่ประสานกับคริชณะจิตสำนึกที่แท้จริง  แท้ที่จริงแล้วพวกนี้ด้อยปัญญาเช่นเดียวกัน  เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจธรรมชาติส่วนพระองค์ขององค์ภควานอธิบายว่าพวกที่อยู่ภายใต้ความรู้สึกที่ว่าสัจธรรมนั้นไร้รูปลักษณ์เป็น  อบุดดฺะยะฮฺ  ซึ่งหมายถึงพวกที่ไม่รู้ลักษณะสูงสุดของสัจธรรม  ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ว่าความรู้แจ้งสูงสุดเริ่มจาก  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์  จากนั้นก็เจริญขึ้นไปถึงอภิวิญญาณผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกคน  แต่คำสุดท้ายของสัจธรรมที่สมบูรณ์คือองค์ภควานพวกที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์สมัยปัจจุบันก็เป็นผู้ด้อยปัญญาเช่นเดียวกัน  เพราะยังไม่ปฏิบัติตาม  ชังคะราชารยะ  บรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของพวกตน  ซึ่งกล่าวอย่างเจาะจงว่าคริชณะคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ดังนั้น  พวกไม่เชื่อในองค์ภควานและไม่รู้สัจธรรมสูงสุดคิดว่าคริชณะทรงเป็นเพียงบุตรของเดวะคีและวะสุเดวะ  หรือเป็นเพียงเจ้าชายองค์หนึ่งหรือเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังอำนาจ  เช่นนี้  ภควัต-คีตาฺ  (9.11)  ได้ประนามไว้เช่นกันว่า  อวะจานันทิ  มาม  มูดฺา  มานุชีม  ทะนุม  อาชริทัมฺ  “คนโง่เขลาเท่านั้นที่คิดว่าข้าเป็นบุคคลธรรมดา”

ความจริงคือไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจคริชณะ  หากไม่ถวายการอุทิศตนเสียสละรับใช้และไม่พัฒนาคริชณะจิตสำนึก  บฺากะวะธัมฺ  (10.14.29)  ยืนยันไว้ดังนี้

อทฺาพิ เท เดวะ พะดามบุจะ-ดวะยะ-
พระสาดะ-เลชานุกริฮีทะ เอวะ ฮิฺ

จานาทิ ทัททวัม บฺะกะวัน-มะฮิมโน
นะ ชานยะ เอโค ´พิ ชิรัม วิชินวัมฺ

“องค์ภควานของข้า  หากผู้ใดได้รับความชื่นชอบแม้จากช่องทางเพียงเล็กน้อยด้วยพระเมตตาแห่งพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์  เขาจะสามารถเข้าใจความยิ่งใหญ่ในบุคลิกภาพของพระองค์  แต่พวกที่คาดคะเนเพื่อเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าไม่สามารถรู้ถึงพระองค์  ถึงแม้จะศึกษาคัมภีร์พระเวทติดต่อกันเป็นเวลาหลายต่อหลายปี”  เราไม่สามารถเข้าใจคริชณะองค์ภควาน  หรือรูปลักษณ์  คุณสมบัติ  และพระนามของพระองค์  จากการคาดคะเนทางจิตหรือจากการสนทนาวรรณกรรมพระเวทเท่านั้นเราต้องเข้าใจพระองค์ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เมื่อเราปฏิบัติตนอย่างสมบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึก  เริ่มด้วยการสวดภาวนา  มะฮา-มันทระฺ  -  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะคริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร  /  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร-  ตรงนี้เท่านั้นที่เราสามารถเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ผู้ไม่ใช่สาวกที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์คิดว่าคริชณะทรงมีพระวรกายที่ทำมาจากธรรมชาติวัตถุ  กิจกรรมทั้งหลายของพระองค์  รูปลักษณ์ของพระองค์  และทุกสิ่งทุกอย่างคือ  มายาฺ  ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์เหล่านี้เรียกว่ามายาวาดี  ที่ไม่รู้สัจธรรมสูงสุด

โศลกยี่สิบได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  คาไมส  ไทส  ไทร  ฮริทะ-กยานาฮ  พระ  พัดยันเท  ´นยะ-เดวะทาฮฺ  “พวกที่ตาบอดอันเนื่องมาจากความปรารถนาแห่งราคะจะศิโรราบต่อเทวดา”  เป็นที่ยอมรับว่า  นอกจากองค์ภควานแล้วยังมีเหล่าเทวดาผู้มีดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  และองค์ภควานทรงมีดาวเคราะห์เช่นเดียวกัน  ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกที่ยี่สิบสามว่า  เดวาน  เดวะ-ยะโจ  ยานทิ  มัด-บัฺคธา  ยานทิ  มาม  อพิฺ  พวกที่บูชาเทวดาจะไปยังดาวเคราะห์ของเทวดา  และพวกที่เป็นสาวกขององค์ชรีคริชณะจะไปที่  คริชณะโลคะ  ถึงแม้จะกล่าวไว้อย่างชัดเจนเช่นนี้  คนโง่ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ยังยืนกรานว่าองค์ภควานทรงไร้รูปลักษณ์  และรูปลักษณ์เหล่านี้เป็นการกำหนดขึ้นมา  จากการศึกษา  คีตาฺ  มีปรากฏหรือไม่ว่าเทวดาและตำหนักของพวกท่านไร้รูปลักษณ์?  ได้บ่งบอกไว้อย่างชัดเจนว่า  ทั้งเทวดาและคริชณะองค์ภควานมิใช่ว่าไม่มีรูปลักษณ์  ทั้งหมดทรงเป็นบุคคล  ชรีคริชณะคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ทรงมีดาวเคราะห์ของพระองค์เองและเทวดาก็ทรงมีดาวเคราะห์ของพวกตน

ดังนั้น  ข้อโต้เถียงของพวกที่เชื่อในความเป็นหนึ่งเดียวกันว่าความจริงที่สูงสุดนั้นไร้รูปลักษณ์  และรูปลักษณ์ที่กำหนดขึ้นมาก็ไม่ใช่ของจริง  ได้กล่าวไว้  ณ  ที่นี้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่เป็นการกำหนดขึ้นมา  จาก  ภควัต-คีตาฺ  เราสามารถเข้าใจอย่างชัดเจนว่ารูปลักษณ์ของเทวดาและรูปลักษณ์ขององค์ภควานมีอยู่พร้อม  ๆ  กัน  รูปลักษณ์ขององค์ชรีคริชณะเป็น  สัช-ชิด-อานันดะฺ  คือเป็นอมตะ  เปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุข  และความรู้คัมภีร์พระเวทยังยืนยันด้วยว่าสัจธรรมสูงสุดคือ  อานันดะ-มะโย  ´บฺยาสาทฺ  โดยธรรมชาติเต็มไปด้วยความปลื้มปีติสุข  พระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของคุณสมบัติที่เป็นมงคลอันหาที่สุดมิได้  ใน  คีตาฺ  องค์ภควานตรัสว่า  แม้ทรงเป็น  อจะฺ  (ไม่มีการเกิด)  พระองค์ยังทรงปรากฏ  สิ่งเหล่านี้เป็นความจริงที่เราควรทำความเข้าใจจาก  ภควัต-คีตาฺ  เราไม่เข้าใจว่าองค์ภควานทรงไร้รูปลักษณ์ได้อย่างไร  ทฤษฎีหลอกลวงของผู้ที่เชื่อว่าไร้รูปลักษณ์และเป็นหนึ่งเดียวกันนั้นผิดตามที่  ภควัต-คีตาฺ  กล่าว  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่า  สัจธรรมสูงสุดองค์ชรีคริชณะทรงมีทั้งรูปลักษณ์และมีบุคลิกภาพ

โศลก 25

นาฮัม พระคาชะฮ สารวัสยะ
โยกะ-มายา-สะมาวริทะฮฺ

มูโดฺ ´ยัม นาบิฺจานาทิ
โลโค มาม อจัม อัพยะยัมฺ

นะฺ  -  ไม่, อฮัมฺ  -  ข้า, พระคาชะฮฺ  -  ปรากฏ, สารวัสยะฺ  -  ต่อทุกคน, โยกะฺ  -  มายา-ด้วยพลังเบื้องสูง,สะมาวริทะฮฺ  -  ถูกปกคลุม, มูดฺะฮฺ  -  โง่, อยัมฺ  -  เหล่านี้, นฺะ-ไม่,อบิฺจานาทิฺ  -  สามารถเข้าใจ, โลคะฮฺ  -  บุคคล, มามฺ  -  ข้า, อจัมฺ  -  ไม่มีการเกิด, อัพยะยัมฺ  -  ไม่มีวันสิ้นสุด

คำแปลฺ

ข้าไม่เคยปรากฏกับคนโง่และผู้ด้อยปัญญา  สำหรับพวกนี้ข้าถูกปิดบังด้วยพลังเบื้องสูงของข้า  ดังนั้น  พวกเขาจึงไม่รู้ว่าข้าไม่มีการเกิดและไม่มีความผิดพลาด

คำอธิบายฺ

อาจเถียงว่าเนื่องจากองค์ชรีคริชณะทรงปรากฏบนโลกนี้  และทุกคนได้เห็นคริชณะ  แล้วเหตุไฉนปัจจุบันนี้พระองค์จึงไม่ทรงปรากฏให้ทุกคนเห็นอีก?  อันที่จริงพระองค์ทรงมิได้ปรากฏต่อทุกคน  ขณะที่คริชณะทรงปรากฏมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถเข้าใจว่าพระองค์คือองค์ภควาน  ณ  ที่ชุมนุมของเหล่าคุรุ  เมื่อชิชุพาละพูดต่อต้านการที่คริชณะทรงได้รับเลือกให้เป็นองค์ประธานในที่ประชุม  บีฺชมะสนับสนุนคริชณะและประกาศว่าคริชณะคือองค์ภควาน  ในทำนองเดียวกัน  พาณดะวะ  และบุคคลอื่น  ๆ  อีกไม่กี่คนทราบว่าคริชณะคือองค์ภควาน  ไม่ใช่ทุก  ๆ  คนจะทราบ  พระองค์ทรงมิได้เปิดเผยต่อผู้ไม่ใช่สาวกและบุคคลธรรมดาทั่วไป  ดังนั้น  ใน  ภควัต-คีตาฺ  คริชณะตรัสว่านอกจากสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์  มวลมนุษย์พิจารณาว่าคริชณะก็เหมือนกับพวกตน  พระองค์ทรงปรากฏต่อสาวกในฐานะเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุขทั้งปวง  แต่สำหรับบุคคลอื่นผู้ที่ด้อยปัญญาไม่ใช่สาวกพระองค์ทรงถูกปกคลุมด้วยพลังงานเบื้องสูง

บทมนต์ของพระนางคุนที  ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (1.8.19)  ได้กล่าวไว้ว่าองค์ภควานทรงถูกปกคุลมด้วยม่านแห่ง  โยกะ-มายาฺ  ดังนั้น  บุคคลทั่วไปไม่สามารถเข้าใจพระองค์  ม่านแห่ง  โยกะ-มายาฺ  นี้ได้ยืนยันไว้ใน  อีโชพะนิชัด  (มันทระฺ  15)  สาวกภาวนาว่า

ฮิรัณมาเยนะ พาเทรณะ
สัทยัสยาพิฮิทัม มุคัฺมฺ

ทัท ทวัม พูชันน อพาวริณุ
สัทยะ-ดฺารมายะ ดริชทะเยฺ

“โอ้  องค์ภควานของข้า  พระองค์ทรงเป็นผู้ดำรงรักษาจักรวาลทั้งหมด  และการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์เป็นหลักศาสนาที่สูงสุด  ดังนั้น  ข้าพเจ้าขอสวดภาวนาให้พระองค์ทรงดำรงรักษาข้าพเจ้าไว้เช่นเดียวกัน  รูปลักษณ์ทิพย์ของพระองค์ถูกปกคลุมด้วยโยกะ-มายาฺ  รัศมี  บระฮมะจโยทิฺ  คือพลังเบื้องสูงที่ปกคลุมพระองค์  ขอให้พระองค์ทรงโปรดกรุณาเคลื่อนย้ายรัศมีอันเจิดจรัส  ที่บังข้าไม่ให้เห็นรูปลักษณ์  สัช-ชิด-อานันดะ  วิกระฮะฺ  ของพระองค์  ซึ่งเป็นอมตะเปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุขและความรู้”  องค์ภควานในรูปลักษณ์ทิพยที่ปลื้มปีติสุขและเปี่ยมความรู้ถูกปกคลุมด้วยพลังงานเบื้องสูงแห่ง  บระฮมะจโยทิฺ  และผู้ด้อยปัญญาที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ไม่สามารถเห็นองค์ภควานด้วยเหตุนี้

ใน  ชรีมัด-บฺะกะวะธัมฺ  (10.14.7)  มีบทมนต์โดยพระพรหมเช่นกันดังนี้  “โอ้องค์ภควาน  โอ้องค์อภิวิญญาณ  โอ้  ปรมาจารย์แห่งมวลอิทธิฤทธิ์จะมีผู้ใดสามารถคำนวณพลังอำนาจและลีลาของพระองค์ในโลกนี้ได้?  พระองค์ทรงแผ่ขยายพลังงานเบื้องสูงของพระองค์ตลอดเวลาจึงไม่มีผู้ใดสามารถเข้าใจพระองค์  นักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการผู้คงแก่เรียนสามารถตรวจสอบธาตุพื้นฐานของละอองปรมณูในโลกวัตถุ  หรือแม้แต่ดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  แต่จะไม่สามารถคำนวณพลังงานและพลังอำนาจของพระองค์  ถึงแม้ว่าพระองค์ทรงปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา”  ชรีคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงไม่เพียงแต่ไม่มีการเกิดเท่านั้น  แต่ยังทรงเป็น  อัพยะยะฺ  ไม่มีที่สิ้นสุด  รูปลักษณ์อมตะแห่งความปลื้มปีติสุขและความรู้  รวมทั้งพลังงานของพระองค์ทั้งหมดทรงไร้ขอบเขตไม่มีที่สิ้นสุด

โศลก 26

เวดาฮัม สะมะทีทานิ
วารทะมานานิ ชารจุนะฺ

บฺะวิชยาณิ ชะ บํูทานิ
มาม ทุ เวดะ นะ คัชชะนะฺ

เวดะฺ  -  รู้, อฮัมฺ  -  ข้า, สะมะทีทานิฺ  -  ผ่านไปอย่างสมบูรณ์, วารทะมานานิฺ  -  ปัจจุบัน, ชะฺ  -  และ, อารจะนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, บฺะวิชยาณิฺ  -  อนาคต, ชะ-เช่นกัน, บํูทานิฺ  -  มวลชีวิต, มามฺ  -  ข้า, ทฺุ  -  แต่, เวดะฺ  -  รู้, นะฺ  -  ไม่, คัชชะนะฺ  -  ผู้ใด

คำแปลฺ

โอ้  อารจุนะ  ในฐานะที่เป็นองค์ภควาน  ข้ารู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในอดีต  ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน  และทุกสิ่งทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น  ข้ายังรู้มวลชีวิต  แต่สำหรับตัวข้าไม่มีผู้ใดรู้

คำอธิบายฺ

ณ  ที่นี้คำถามเกี่ยวกับบุคลิกภาพและไร้บุคลิกภาพได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนหากรูปลักษณ์ขององค์ภควานคริชณะเป็น  มายาฺ  หรือเป็นวัตถุจริงดังที่พวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์พิจารณา  พระองค์ก็จะเหมือนกับสิ่งมีชีวิตทั่วไปคือ  ทรงมีการเปลี่ยนร่างและลืมทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับอดีตชาติ  ผู้ใดที่มีร่างวัตถุจะไม่สามารถระลึกถึงหรือจำชาติก่อนได้  ไม่สามารถทำนายชาติในอนาคตของตนเองได้  และก็ไม่สามารถทำนายผลกรรมของตนจากชาตินี้  ดังนั้น  จึงไม่สามารถรู้ว่าอะไรได้เกิดขึ้นในอดีต  ปัจจุบัน  และอนาคตนอกจากเป็นอิสระหลุดพ้นจากมลทินทางวัตถุ  มิฉะนั้น  จะไม่สามารถรู้อดีต  ปัจจุบันและอนาคต

องค์ชรีคริชณะทรงไม่เหมือนกับมนุษย์ปุถุชนธรรมดา  ตรัสอย่างชัดเจนว่าพระองค์ทรงทราบว่าอะไรได้เกิดขึ้นในอดีต  อะไรกำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน  และอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างสมบูรณ์  ในบทที่สี่เราพบว่าคริชณะทรงจำได้ว่าทรงสั่งสอนสุริยเทพองค์วิวัสวาน  เป็นล้าน  ๆ  ปีในอดีต  คริชณะทรงรู้ทุก  ๆ  ชีวิตเพราะพระองค์สถิตภายในหัวใจของทุกชีวิตในรูปอภิวิญญาณแต่ถึงแม้ว่าทรงประทับในทุกชีวิตในรูปอภิวิญญาณและทรงปรากฏในรูปขององค์ภควาน  ผู้ด้อยปัญญาแม้สามารถรู้แจ้ง  บระฮมันฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์แต่จะไม่สามารถรู้แจ้งองค์ชรีคริชณะว่าทรงเป็นภควาน  แน่นอนว่าร่างทิพย์ของชรีคริชณะไม่มีวันสูญสลาย  พระองค์ทรงเหมือนกับดวงอาทิตย์และ  มายาฺ  เหมือนกับก้อนเมฆ  ในโลกวัตถุเราเห็นว่ามีดวงอาทิตย์และมีหมู่เมฆ  ดวงดาว  และดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  หมู่เมฆอาจปกคลุมท้องฟ้าทั้งหมดได้ชั่วขณะ  แต่การปกคลุมเช่นนี้ปรากฏเฉพาะกับสายตาที่มีขีดจำกัดของพวกเราเท่านั้น  ดวงอาทิตย์  ดวงจันทร์  และดวงดาวต่าง  ๆ  อันที่จริงไม่ถูกปกคลุม  ในทำนองเดียวกัน  มายาฺ  ไม่สามารถปกคลุมองค์ภควานได้  ด้วยพลังงานเบื้องสูง  พระองค์ทรงไม่ปรากฏต่อบุคคลในระดับชั้นปัญญาน้อย  ดังที่ได้กล่าวไว้ในโศลกสามของบทนี้ว่า  จากจำนวนมนุษย์หลายต่อหลายล้านคน  มีบางคนพยายามเพื่อความสมบูรณ์ในชีวิตมนุษย์นี้  และจากหลายพันคนของผู้สมบูรณ์เช่นนี้  น้อยคนนักที่จะเข้าใจว่าคริชณะคือใคร  ถึงแม้หากเขามีความสมบูรณ์ด้วยการรู้แจ้ง  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์หรือ  พะระมาทมาฺ  ภายในหัวใจของทุกคน  เขาจะไม่สามารถเข้าใจว่าชรีคริชณะคือองค์ภควาน  หากไม่มาอยู่ในคริชณะจิตสำนึก

โศลก 27

อิชชฺา-ดเวชะ-สะมุทเทฺนะ
ดวันดวะ-โมเฮนะ บฺาระทะฺ

สารวะ-บํูทานิ สัมโมฮัม
สารเก ยานทิ พะรันทะพะฺ

อิชชฺาฺ  -  ความปรารถนา, ดเวชะฺ  -  และความเกลียด, สะมุทเทฺนะฺ  -  เกิดจาก, ดวันดวะฺ  -  สิ่งคู่, โมเฮนะฺ  -  ด้วยความหลง, บฺาระทะฺ  -  โอ้ผู้สืบราชวงศ์บฺะระทะ, สารวะฺ  -  ทั้งหมด, บํูทา นิฺ  -  สิ่งมีชีวิต, สัมโมฮัมฺ  -  อยู่ในความหลง, สารเกฺ  -  ขณะเกิด, ยานทิฺ  -  ไป, พะรันทะพะฺ  -  โอ้ผู้กำราบศัตรู

คำแปลฺ

โอ้  ผู้สืบราชวงศ์บฺะระทะ  โอ้  ผู้กำราบศัตรู  สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเกิดอยู่ในความหลงสับสนอยู่กับสิ่งคู่ซึ่งเกิดมาจากความต้องการและความเกลียดชัง

คำอธิบายฺ

สถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงของสิ่งมีชีวิตคืออยู่ภายใต้การดูแลขององค์ภควานเช่นนี้เท่ากับอยู่ในความรู้ที่บริสุทธิ์  เมื่อหลงผิดแยกออกจากความรู้ที่บริสุทธิ์นี้  เขาจะถูกพลังงานแห่งความหลงควบคุมทำให้ไม่เข้าใจองค์ภควาน  พลังงานแห่งความหลงปรากฏอยู่ในสิ่งคู่เช่น  ความต้องการและความเกลียดชัง  เนื่องมาจากสองสิ่งนี้  บุคคลในอวิชชาจึงต้องการกลายมาเป็นหนึ่งเดียวกับองค์ภควาน  และอิจฉาคริชณะที่เป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  สาวกผู้บริสุทธิ์จะไม่หลงผิดหรือมีมลทินจากความต้องการและความเกลียดชังเช่นนี้  จึงสามารถเข้าใจองค์ชรีคริชณะที่ทรงปรากฏด้วยพลังงานเบื้องสูงของพระองค์แต่พวกที่หลงผิดอยู่กับสิ่งคู่และอวิชชาคิดว่าองค์ภควานทรงถูกสร้างขึ้นด้วยพลังงานวัตถุนี่คือความอับโชค  บุคคลผู้หลงผิดเหล่านี้มีลักษณะอาการที่อิงอาศัยอยู่ในสิ่งคู่เช่นความเสียเกียรติและความมีเกียรติ  ความทุกข์และความสุข  เพศหญิงและเพศชาย  ความดีและความชั่ว  ความยินดีและความเจ็บปวด  ฯลฯ  คิดว่า  “นี่คือภรรยาของข้า  นี่คือบ้านของข้าข้าคือเจ้าแห่งบ้านนี้  ข้าคือสามีของภรรยาคนนี้”  เหล่านี้คือสิ่งคู่แห่งความหลงผิด  พวกที่หลงผิดด้วยสิ่งคู่อยู่ในความโง่อย่างบริบูรณ์  ดังนั้น  จึงไม่สามารถเข้าใจองค์ภควาน

โศลก 28

เยชาม ทุ อันทะ-กะทัม พาพัม
จะนานาม พุณยะ-คารมะณามฺ

เท ดวันดวะ-โมฮะ-นิรมุคทา
บฺะจันเท มาม ดริดฺะ-วระทาฮฺ

เยชามฺ  -  เหล่านั้น, ทฺุ  -  แต่, อันทะ-กะทัมฺ  -  ขจัดไปโดยสิ้นเชิง, พาพัมฺ  -  ความบาป, จะนา- นามฺ  -  ของบุคคล, พุณยะฺ  -  บุญ, คารมะณามฺ  -  กิจกรรมในอดีตของพวกเขา, เทฺ  -  พวกเขา, ดวันดวะฺ  -  ของสิ่งคู่, โมฮะฺ  -  หลงผิด, นิรมุคทาฮฺ  -  เป็นอิสระจาก, บะจันเทฺ  -  ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้, มาม-ต่อข้า, ดริดฺะ-วระทาฮฺ  -  ด้วยความมั่นใจ

คำแปลฺ

บุคคลผู้ทำบุญในชาติก่อน  ๆ  และในชาตินี้  ผู้ที่ผลบาปถูกขจัดไปจนหมดสิ้น  เป็นอิสระจากสิ่งคู่แห่งความหลงผิด  และพวกเขาปฏิบัติตนรับใช้ข้าด้วยความมั่นใจ

คำอธิบายฺ

พวกที่มีสิทธิ์เพื่อพัฒนาไปสู่สถานภาพทิพย์ได้กล่าวไว้ในโศลกนี้  สำหรับพวกที่มีความบาปไม่เชื่อในองค์ภควาน  โง่เขลา  และมีเจตนาหลอกลวง  เป็นสิ่งยากมากที่จะข้ามพ้นสิ่งคู่แห่งความต้องการและความเกลียดชัง  ผู้ที่ผ่านชีวิตในการฝึกปฏิบัติตามหลักธรรมของศาสนา  ผู้ที่ทำบุญ  และผู้ที่เอาชนะผลบาปเท่านั้นจึงสามารถรับเอาการอุทิศตนเสียสละรับใช้มาปฏิบัติ  และค่อย  ๆ  เจริญขึ้นมาสู่ระดับความรู้ที่บริสุทธิ์ขององค์ภควาน  จากนั้นก็จะค่อย  ๆ  ทำสมาธิที่พระองค์  นั่นคือวิธีการสถิตในระดับทิพย์  การเจริญก้าวหน้าเช่นนี้เป็นไปได้ในคริชณะจิตสำนึกด้วยการมาคบหาสมาคมกับสาวกผู้บริสุทธิ์  จากการคบหาสมาคมกับสาวกผู้ยิ่งใหญ่สามารถจัดส่งเราให้ออกจากความหลงผิดได้

ได้กล่าวไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (5.5.2)  ว่า  หากเราต้องการหลุดพ้นจริงๆ  เราต้องถวายการรับใช้ต่อสาวก  (มะฮัทเสวาม  ดวารัม  อาฮุร  วิมุคเทฮฺ)  แต่ผู้ที่คบหาสมาคมกับพวกวัตถุนิยมจะอยู่บนวิถีทางที่นำไปสู่ความเป็นอยู่อันมืดมน  (ทะโม-ดวารัม  โยชิ  ทาม  สังกิ-สังกัม)ฺ  สาวกทั้งหลายขององค์ภควานเดินทางท่องไปบนโลกนี้เพื่อฟื้นฟูพันธวิญญาณจากความหลงผิด  ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์ไม่รู้ว่าการลืมสถานภาพพื้นฐานเดิมของตนว่าเป็นรององค์ภควาน  เป็นการทำผิดกฎแห่งองค์ภควานอย่างร้ายแรง  นอกจากจะกลับคืนมาสู่สถานภาพพื้นฐานเดิมของตน  มิฉะนั้น  เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจองค์ภควานหรือปฏิบัติตนอย่างสมบูรณ์ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความรักทิพย์ต่อพระองค์อย่างมุ่งมั่น

โศลก 29

จะรา-มะระณะ-โมคชายะ
มาม อาชริทยะ ยะทันทิ เยฺ

เท บระฮมะ ทัด วิดุฮ คริทสนัม
อัดฺยาทมัม คารมะ ชาคฮิลัมฺ

จะราฺ  -  จากความแก่, มะระณะฺ  -  และความตาย, โมคชายะฺ  -  เพื่อจุดมุ่งหมายแห่งความหลุดพ้น, มามฺ  -  ข้า, อาชริทยะฺ  -  มาพึ่ง, ยะทันทิฺ  -  พยายาม, เยฺ  -  ทั้งหมดซึ่ง, เทฺ  -  บุคคลเหล่านี้, บระฮมะฺ  -  บระฮมัน, ทัทฺ  -  อันที่จริงว่า, วิดุฮฺ  -  พวกเราทราบ, คริทสนัมฺ  -  ทุกสิ่งทุกอย่าง, อัดฺยาทมัมฺ  -  ทิพย์, คารมะฺ  -  กิจกรรม, ชะฺ -เช่นกัน, อคิฺลัมฺ  -  ทั้งหมด

คำแปลฺ

ผู้มีปัญญาพยายามเพื่อความหลุดพ้นจากความแก่และความตายมาพึ่งข้าในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  พวกนี้คือ  บระฮมัน  โดยแท้จริงเพราะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับกิจกรรมทิพย์โดยสมบูรณ์

คำอธิบายฺ

การเกิด  การตาย  ความแก่  และโรคภัยไข้เจ็บมีผลกระทบต่อร่างวัตถุนี้  แต่จะไม่มีผลกระทบต่อร่างทิพย์  ไม่มีการเกิด  การตาย  ความแก่  และโรคภัยไข้เจ็บสำหรับร่างทิพย์  ดังนั้น  ผู้ที่บรรลุถึงร่างทิพย์จะมาอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกับองค์ภควาน  และปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้นิรันดร  จึงเป็นผู้หลุดพ้นที่แท้จริง  อฮัม  บระฮมาสมิฺ  ข้าคือดวงวิญญาณ  ได้กล่าวไว้ว่าเราควรเข้าใจว่า  ตัวเราคือ  บระฮมันฺ  หรือจิตวิญญาณ  แนวคิดชีวิต  บระฮมันฺ  นี้ก็เป็นการอุทิศตนเสียสละรับใช้เช่นเดียวกัน  ดังที่อธิบายไว้ในโศลกนี้ว่าสาวกบริสุทธิ์ผู้สถิตในระดับทิพย์แห่ง  บระฮมันฺ  รู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับกิจกรรมทิพย์

สาวกผู้ไม่บริสุทธิ์สี่ประเภทปฏิบัติตนในการรับใช้ทิพย์ต่อองค์ภควานจะบรรลุถึงจุดมุ่งหมายของพวกตนตามลำดับด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน  เมื่อมีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  จะได้รับความรื่นเริงอย่างแท้จริงกับการคบหาสมาคมทิพย์กับพระองค์  แต่พวกที่บูชาเทวดาจะมาไม่ถึงองค์ภควานที่ดาวเคราะห์สูงสุด  แม้บุคคลผู้รู้แจ้ง  บระฮมันฺ  ที่ด้อยปัญญา  ก็ไม่สามารถมาถึงดาวเคราะห์สูงสุดของคริชณะชื่อโกโลคะ  วรินดาวะนะ  บุคคลผู้ปฏิบัติกิจกรรมในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้น(มาม  อาช-  ริทยะฺ)  สมควรได้ชื่อ  บระฮมันฺ  อย่างแท้จริง  เพราะพยายามเพื่อบรรลุถึงคริชณะโลคะโดยแท้  บุคคลเหล่านี้ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับคริชณะ  ดังนั้น  พวกเขาคือ  บระฮมันฺ  ที่แท้จริง

พวกที่ปฏิบัติการบูชาพระปฏิมาหรือ  อารชาฺ  ของพระองค์  หรือปฏิบัติในการทำสมาธิที่องค์ภควานเพียงเพื่อความหลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุ  ได้ชื่อว่าเข้าใจ  บระฮมันฺ  เช่นเดียวกัน  ด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน  อดิฺบํูทะฺ  ฯลฯ  ดังที่  องค์ภควานจะทรงอธิบายในบทต่อไป

โศลก 30

สาดิฺบํูทาดิฺไดวัม มาม
สาดิฺยะกยัม ชะ เย วิดุฮฺ

พระยาณะ-คาเล ´พิ ชะ มาม
เท วิดุร ยุคทะ-เชทะสะฮฺ

สะ-อดิฺบํูทะฺ  -  และหลักการปกครองแห่งปรากฏการณ์ทางวัตถุ, อดิฺไดวัมฺ  -  ปกครองเทวดาทั้งหลาย, มามฺ  -  ข้า, สะ-อดิฺยะกยัมฺ  -  และปกครองพิธีบูชาทั้งหมด, ชะฺ  -  เช่นกัน, เยฺ  -  พวกที่, วิดุฮฺ  -  รู้, พระยาณะฺ  -  ความตาย, คาเลฺ  -  ขณะที่, อพิฺ  -  แม้, ชะฺ  -  และ, มามฺ  -  ข้า, เทฺ  -  พวกเขา, วิดุฮฺ  -  รู้, ยุคทะ-เชทะสะฮฺ  -  จิตใจพวกเขาปฏิบัติในข้า

คำแปลฺ

พวกที่มีจิตสำนึกสมบูรณ์ในข้า  ผู้รู้จักข้าองค์ภควานสูงสุดว่าเป็นหลักในการบริหารปรากฏการณ์ทางวัตถุ  บริหารเหล่าเทวดา  และพิธีบูชาทั้งหลาย  สามารถเข้าใจและรู้ถึงข้าบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  แม้ขณะที่ตาย

คำอธิบายฺ

บุคคลปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกไม่เบี่ยงเบนจากวิถีทางในการเข้าใจบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าอย่างสมบูรณ์  ด้วยการคบหาสมาคมทิพย์ในคริชณะจิตสำนึก  เขาสามารถเข้าใจว่าองค์ภควานทรงเป็นหลักในการบริหารปรากฏการณ์ทางวัตถุ  และบริหารแม้เหล่าเทวดาได้อย่างไร  จากการคบหาสมาคมทิพย์เช่นนี้  เขาค่อย  ๆ  มีความมั่นใจต่อองค์ภควาน  และในขณะตายบุคคลในคริชณะจิตสำนึกเช่นนี้จะไม่มีวันลืมคริชณะ  โดยธรรมชาติเขาจะได้รับการส่งเสริมไปยังดาวเคราะห์ขององค์ภควาน  โกโลคะ  วรินดาวะนะ

บทที่เจ็ดนี้  อธิบายว่าเราสามารถจะมีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไรจุดเริ่มต้นของคริชณะจิตสำนึกคือการมาคบหาสมาคมกับบุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกการคบหาสมาคมเช่นนี้เป็นทิพย์  จะทำให้เรามาสัมผัสกับองค์ภควานโดยตรงและด้วยพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน  เราสามารถเข้าใจคริชณะว่าทรงเป็นบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ในขณะเดียวกัน  เราสามารถเข้าใจสถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงของสิ่งมีชีวิต  สิ่งมีชีวิตลืมคริชณะและมาถูกกิจกรรมทางวัตถุพันธนาการได้อย่างไร  จากการค่อย  ๆ  พัฒนาคริชณะจิตสำนึกด้วยการคบหาสมาคมกับกัลยาณมิตร  สิ่งมีชีวิตสามารถเข้าใจว่าเนื่องจากลืมคริชณะเราจึงมาอยู่ในสภาวะตามกฎแห่งธรรมชาติวัตถุ  และยังเข้าใจอีกว่าชีวิตในร่างวัตถุนี้เป็นโอกาสที่จะเรียกคริชณะจิตสำนึกกลับคืนมา  จึงควรใช้สอยประโยชน์อย่างเต็มที่เพื่อให้ได้รับพระเมตตาอันหาที่สุดมิได้จากองค์ภควาน

ได้สนทนากันหลายประเด็นในบทนี้  เช่น  บุคคลผู้อยู่ในความทุกข์  บุคคลผู้ชอบถาม  บุคคลผู้ต้องการสิ่งจำเป็นทางวัตถุ  ความรู้แห่ง  บระฮมันฺ  ความรู้แห่ง  พะระ-  มาทมาฺ  ความหลุดพ้นจากการเกิด  การตาย  และโรคภัยไข้เจ็บ  และการบูชาองค์ภควาน  อย่างไรก็ดีผู้ที่พัฒนาในคริชณะจิตสำนึกจริง  ๆ  จะไม่สนใจกับวิธีต่าง  ๆ  เหล่านี้เขาเพียงแต่ปฏิบัติตนในกิจกรรมของคริชณะจิตสำนึกโดยตรง  และบรรลุถึงสถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงของตนเองว่าเป็นผู้รับใช้นิรันดรขององค์ชรีคริชณะ  ในสภาวะเช่นนี้เขาจะมีความยินดีในการสดับฟังและสรรเสริญองค์ภควาน  ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความบริสุทธิ์  และมั่นใจว่าจากการกระทำเช่นนี้จุดมุ่งหมายทั้งหมดของเขาจะบรรลุผลสำเร็จ  ความศรัทธาอันแรงกล้าเช่นนี้เรียกว่า  ดริดฺะ-วระทะฺ  ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ  ภักดี-  โยคะฺ  หรือการรับใช้ทิพย์ด้วยความรัก  นี่คือข้อสรุปของพระคัมภีร์ทั้งหลาย  บทที่เจ็ดของ  ภควัต-คีตาฺ  เป็นเนื้อหาสาระแห่งความมุ่งมั่นนี้

ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดย บัฺคธิเวดันธะ บทที่เจ็ดของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่อง
ความรู้แห่งสัจธรรมฺ