บทที่ สิบสี่
สามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
พะรัม บํูยะฮ พระวัคชยามิ
กยานานาม กยานัม อุททะมัมฺ
ยัจ กยาทวา มุนะยะฮ สารเว
พะราม สิดดิฺม อิโท กะทาฮฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, พะรัมฺ - ทิพย์, บํูยะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง, พระวัคชยามิฺ - ข้าจะตรัส, กยานานามฺ - ในบรรดาความรู้ทั้งหมด, กยานัมฺ - ความรู้, อุททะมัมฺ - สูงสุด, ยัทฺ - ซึ่ง, กยาทวาฺ - เมื่อรู้, มุนะยะฮฺ - นักปราชญ์, สารเวฺ - ทั้งหมด, พระรามฺ - ทิพย์, สิดดิฺมฺ - สมบูรณ์, อิทะฮฺ - จากโลกนี้, กะทาฮฺ - บรรลุ
คำแปลฺ
บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า อีกครั้งหนึ่งที่ข้าจะประกาศถึงภูมิปัญญาอันสูงสุดนี้แก่เจ้าซึ่งดีที่สุดในบรรดาความรู้ทั้งหมด เมื่อรู้แล้วนักปราชญ์ทั้งหลายจะบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุด
คำอธิบายฺ
จากบทที่เจ็ดมาถึงท้ายบทที่สิบสอง ชรี คริชณะ บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงเปิดเผยสัจธรรมอย่างละเอียด บัดนี้พระองค์ทรงให้แสงสว่างแก่อารจุนะมากขึ้นไปอีก หากผู้ใดเข้าใจบทนี้ผ่านวิธีการคาดคะเนทางปรัชญา เขาจะเข้าใจถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ บทที่สิบสามได้อธิบายอย่างชัดเจนว่าจากการพัฒนาความรู้ด้วยความถ่อมตน เขาอาจเป็นอิสระจากพันธนาการทางวัตถุ และอธิบายไว้ด้วยว่าเนื่องจากมาคบหาสมาคมกับระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติ ทำให้สิ่งมีชีวิตถูกพันธนาการอยู่ในโลกวัตถุในบทนี้องค์ภควานทรงอธิบายว่าระดับแห่งธรรมชาติวัตถุเป็นอย่างไร ทำงานอย่างไรพันธนาการอย่างไร และให้ความหลุดพ้นได้อย่างไร องค์ภควานทรงประกาศว่าความรู้ที่อธิบายในบทนี้สูงกว่าความรู้ที่ให้ไว้ในบทอื่น ๆ ทั้งหมด จากการเข้าใจความรู้นี้ นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่มากมายได้บรรลุถึงความสมบูรณ์และย้ายไปสู่โลกทิพย์ บัดนี้พระองค์ทรงอธิบายถึงความรู้เดียวกันนี้ในวิธีที่ดีกว่า ความรู้นี้สูงกว่าวิธีการแห่งความรู้ทั้งหลายที่อธิบายมาแล้วมากมาย เมื่อรู้แล้ว หลาย ๆ คนได้บรรลุถึงความสมบูรณ์ ดังนั้น จึงคาดว่าผู้ที่เข้าใจบทที่สิบสี่นี้จะบรรลุถึงความสมบูรณ์
อิดัม กยานัม อุพาชริทยะ
มะมะ สาดฺารมยัม อากะทาฮฺ
สารเก ่พิ โนพะจายันเท
พระละเย นะ วิยะทัฺนทิ ชะฺ
อิดัมฺ - นี้, กยานัมฺ - ความรู้, อุพาชริทยะฺ - มาพึ่ง, มะมะฺ - ของข้า, สารดฺารมยัมฺ - ธรรมชาติเดียวกัน, อากะทาฮฺ - บรรลุ, สารเก อพิฺ - แม้ในการสร้าง, นะฺ - ไม่เคย, อุพะจายันเทฺ - เกิด, พระละเยฺ - ในการทำลาย, นะฺ - ไม่, วิยะทัฺนทิฺ - วุ่นวายใจ, ชะฺ - เช่นกัน
คำแปลฺ
เมื่อมาตั้งมั่นในความรู้นี้ เขาสามารถบรรลุถึงธรรมชาติทิพย์เหมือนกับตัวข้า เมื่อสถิตเช่นนี้ เขาจะไม่เกิดเมื่อถึงเวลาสร้างและจะไม่วุ่นวายใจเมื่อถึงเวลาทำลาย
คำอธิบายฺ
หลังจากได้ความรู้ทิพย์อันสมบูรณ์ เราจะได้รับคุณลักษณะเดียวกันกับองค์ภควาน และมาเป็นผู้ที่มีอิสระจากการเกิดและการตายซ้ำซาก อย่างไรก็ดี เราไม่สูญเสียบุคลิกลักษณะของตนเองในฐานะที่เป็นปัจเจกวิญญาณ เข้าใจจากวรรณกรรมพระเวทว่า ดวงวิญญาณผู้หลุดพ้นที่มาถึงดาวเคราะห์ทิพย์ในท้องฟ้าทิพย์หมายจะมาพึ่งพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน และปฏิบัติรับใช้พระองค์ด้วยความรักทิพย์เสมอฉะนั้น แม้หลังจากหลุดพ้นแล้ว สาวกจะไม่สูญเสียปัจเจกบุคลิกลักษณะของตนเอง
โดยทั่วไปในโลกวัตถุ ความรู้ใด ๆ ที่เราได้รับจะแปดเปื้อนไปด้วยมลทินจากสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ ความรู้ที่ไม่เปื้อนมลทินจากสารระดับแห่งธรรมชาติเรียกว่าความรู้ทิพย์ ทันทีที่สถิตในความรู้ทิพย์เราได้อยู่ในระดับเดียวกันกับองค์ภควาน พวกที่ไม่มีความรู้แห่งท้องฟ้าทิพย์เชื่อว่าหลังจากได้รับอิสรภาพจากกิจกรรมทางวัตถุในรูปลักษณ์ทางวัตถุ บุคลิกลักษณะทิพย์นี้จะกลายมาเป็นผู้ที่ไร้รูปลักษณ์ ไม่มีความหลากหลาย อย่างไรก็ดี ในโลกทิพย์มีความหลากหลายเหมือนกับโลกวัตถุเช่นเดียวกัน พวกที่อยู่ในอวิชชาเช่นนี้คิดว่าความเป็นอยู่ทิพย์ตรงกันข้ามกับความหลากหลายทางวัตถุแต่อันที่จริงในท้องฟ้าทิพย์ เรามีรูปทิพย์ มีกิจกรรมทิพย์ และมีสถานภาพทิพย์ซึ่งเรียกว่าชีวิตแห่งการอุทิศตนเสียสละ ในบรรยากาศนั้นกล่าวไว้ว่าไม่มีมลทินแปดเปื้อน ณ ที่นั้นเราเสมอภาคกับองค์ภควานในคุณภาพ เมื่อได้รับความรู้เช่นนี้เราต้องพัฒนาคุณสมบัติทิพย์ทั้งหมด ดังนั้น ผู้ที่พัฒนาคุณสมบัติทิพย์จะไม่ได้รับผลกระทบจากการสร้างหรือการทำลายของโลกวัตถุ
มะมะ โยนิร มะฮัด บระฮมะฺ
ทัสมิน การบัฺม ดะดฺามิ อฮัมฺ
สัมบฺะวะฮ สารวะ-บํูทานาม
ทะโท บฺะวะทิ บฺาระทะฺ
มะมะฺ - ของข้า, โยนิฮฺ - ต้นเหตุแห่งการเกิด, มะฮัทฺ - ความเป็นอยู่ทางวัตถุทั้งหมด, บระฮ- มะฺ - สูงสุด, ทัสมินฺ - ในนั้น, การบัฺมฺ - การตั้งครรภ์, ดะดฺามิฺ - สร้าง, อฮัมฺ - ข้า, สัมบฺะวะฮฺ - ความเป็นไปได้, สารวะ-บํูทานามฺ - ของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, ทะทะฮฺ - หลังจากนั้น, บฺะ- วะทิฺ - โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะ
คำแปลฺ
แก่นสารทางวัตถุทั้งหมดเรียกว่าบระฮมัน ซึ่งเป็นต้นเหตุแห่งการเกิด และข้าทำให้บระฮมันตั้งครรภ์ การเกิดของมวลชีวิตจึงเป็นไปได้ โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะ
คำอธิบายฺ
นี่คือคำอธิบายของโลก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากการผสมผสานของ เคเชทระฺ และ คเชทระ-กยะฺ หรือร่างกายและดวงวิญญาณ การผสมผสานกันของธรรมชาติวัตถุและสิ่งมีชีวิตเป็นไปได้โดยองค์ภควาน มะฮัท-ทัททวะฺ เป็นแหล่งกำเนิดทั้งหมดของปรากฏการณ์ในจักรวาลทั้งหมด และแก่นสารทั้งหมดของแหล่งกำเนิดทางวัตถุนั้นมีสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ บางครั้งเรียกว่า บระฮมันฺ องค์ภควานทรงทำให้แก่นสารทั้งหมดตั้งครรภ์ ดังนั้น จักรวาลอันนับไม่ถ้วนจึงเกิดขึ้นมาได้ แก่นสารทางวัตถุทั้งหมดนี้หรือ มะฮัท-ทัททวะฺ อธิบายว่าเป็น บระฮมันฺ ในวรรณกรรมพระเวท(มุณดะคะ อุพะนิดชัดฺ 1.1.19 ) กล่าวว่า ทัสมาด เอ ทัด บระฮมะ นามะ-รูพัม อันนัม ชะ จายะเทฺ องค์ภควานทรงทำให้ บระฮมันฺ ตั้งครรภ์ด้วยเมล็ดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต ธาตุทั้งยี่สิบสี่เริ่มต้นจาก ดิน น้ำ ไฟ และลมทั้งหมดเป็นพลังงานวัตถุ และสิ่งเหล่านี้รวมกันเรียกว่า มะฮัด บระฮมะฺ หรือ บระฮมันฺ ที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือธรรมชาติวัตถุดังที่ได้อธิบายในบทที่เจ็ด ยังมีธรรมชาติที่สูงไปกว่านี้นั่นคือสิ่งมีชีวิต ภายในธรรมชาติวัตถุจะมีธรรมชาติที่สูงกว่าเข้าไปผสม ด้วยความปรารถนาขององค์ภควาน และหลังจากนั้นมวลชีวิตได้กำเนิดมาจากธรรมชาติวัตถุนี้
แมลงป่องวางไข่ในกองข้าว บางครั้งกล่าวกันว่าแมลงป่องเกิดจากข้าว แต่ข้าวไม่ใช่แหล่งกำเนิดของแมลงป่อง อันที่จริง แม่ของแมลงป่องเป็นผู้ว่างไข่ ในทำนองเดียวกัน ธรรมชาติวัตถุไม่ใช่แหล่งกำเนิดแห่งการเกิดของสิ่งมีชีวิต บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงเป็นผู้ให้เมล็ดพันธุ์และดูเหมือนว่าพวกเขาเกิดมาจากผลผลิตของธรรมชาติวัตถุ ดังนั้น ตามกรรมเก่าของตนเอง ทุก ๆ ชีวิตจึงมีร่างกายแตกต่างกันซึ่งธรรมชาติวัตถุนี้เป็นผู้สร้าง สิ่งมีชีวิตสามารถได้รับความสุขหรือความทุกข์ตามกรรมในอดีตของตน องค์ภควานทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งปรากฏการณ์ของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกวัตถุนี้
สารวะ-โยนิชุ คะอุนเทยะฺ
มูรทะยะฮ สัมบฺะวันทิ ยาฮฺ
ทาสาม บระฮมะ มะฮัด โยนิร
อฮัม บีจะ-พระดะฮ พิทาฺ
สารวะ-โยนิชฺุ - ในเผ่าพันธุ์ของชีวิตทั้งหมด, คะอุนเทยะฺ - โอ้ โอรสพระนางคุนที, มูรทะ ยะฮฺ - รูปร่างต่าง ๆ, สัมบฺะวันทิฺ - พวกเขาปรากฏ, ยาฮฺ - ซึ่ง, ทาสามฺ - พวกเขาทั้งหมด, บระฮมะฺ - สูงสุด, มะฮัท โยนิฮฺ - ต้นเหตุของการเกิดในแก่นสารทางวัตถุ, อฮัมฺ - ข้า, บีจะฺ - พระดะฮฺ - ผู้ให้เมล็ดพันธุ์, พิทาฺ - พระบิดา
คำแปลฺ
โอ้ โอรสพระนางคุนที ควรเข้าใจว่าที่เผ่าพันธุ์ชีวิตทั้งหมดเป็นไปได้ก็จากการเกิดในธรรมชาติวัตถุนี้ และข้าคือพระบิดาผู้ให้เมล็ดพันธุ์
คำอธิบายฺ
โศลกนี้อธิบายอย่างชัดเจนว่า คริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงเป็นพระบิดาองค์แรกของมวลชีวิต สิ่งมีชีวิตเป็นการผสมผสานกันระหว่างธรรมชาติวัตถุและธรรมชาติทิพย์ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มิใช่เห็นกันเพียงแต่ในโลกนี้เท่านั้น แต่จะเห็นในทุกๆ โลก แม้ในโลกสูงสุดที่พระพรหมทรงประทับอยู่ ทุกแห่งหนจะมีสิ่งมีชีวิตภายในดิน มีสิ่งมีชีวิตแม้แต่ภายในน้ำ และภายในไฟก็มีสิ่งมีชีวิต การปรากฏทั้งหลายเหล่านี้ เนื่องมาจากกรรมวิธีของมารดาคือธรรมชาติวัตถุและการให้เมล็ดพันธุ์ของบิดาคือคริชณะ คำอธิบายคือ โลกวัตถุถูกทำให้ตั้งครรภ์และออกมาเป็นสิ่งมีชีวิต ตามแต่กรรมเก่าในอดีตจึงมีรูปร่างลักษณะต่างกันในเวลาสร้าง
สัททวัม ระจัส ทะมะ อิทิ
กุณาฮ พะคริทิ-สัมบฺะวาฮฺ
นิบัดฺนันทิ มะฮา-บาโฮ
เดเฮ เดฮินัม อัพยะยัมฺ
สัททวัมฺ - ระดับความดี, ระจะฮฺ - ระดับตัณหา, ทะมะฮฺ - ระดับอวิชชา, อิทิฺ - ดังนั้น, กุณาฮฺ - คุณลักษณะ, พระคริทิฺ - ธรรมชาติวัตถุ, สัมบฺะวาฮฺ - ผลิตจาก, นิบัดฺนันทิฺ - อยู่ภายใต้พันธสภาวะ, มะฮาฺ - บาโฮ-โอฺ้ นักรบผู้ยอดเยี่ยม, เดเฮฺ - ในร่างนี้, เดฮินัมฺ - สิ่งมีชีวิต, อัพยะยัมฺ - อมตะ
คำแปลฺ
ธรรมชาติวัตถุประกอบด้วยสามระดับคือ ความดี ตัณหา และอวิชชา เมื่อสิ่งมีชีวิตอมตะมาสัมผัสกับธรรมชาติ โอ้ อารจุนะนักรบผู้ยอดเยี่ยม เขามาอยู่ภายใต้สภาวะของสามระดับนี้
คำอธิบายฺ
เนื่องจากสิ่งมีชีวิตเป็นทิพย์จึงไม่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติวัตถุนี้ แต่เพราะว่ามาอยู่ภายใต้สภาวะของโลกวัตถุ สิ่งมีชีวิตจึงปฏิบัติตนภายใต้มนต์สะกดของสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ เพราะมีร่างกายที่ต่างกันตามทิศทางของธรรมชาติที่ต่างกันจึงถูกกระตุ้นให้ปฏิบัติไปตามธรรมชาตินั้น ๆ นี่คือสาเหตุแห่งความสุขและความทุกข์ที่หลากหลาย
ทะทระ สัททวัม นิรมะลัทวาท
พระคาชะคัม อนามะยัมฺ
สุคฺะ-สังเกนะ บัดฺนาทิ
กยานะ-สังเกนะ ชานะกฺะฺ
ทะทระฺ - ที่นั่น, สัททวัมฺ - ระดับความดี, นิรมะลัทวาทฺ - บริสุทธิ์ที่สุดในโลกวัตถุ, พระคา ชะคัมฺ - ส่องแสงสว่าง, อนามะยัมฺ - ปราศจากผลบาป, สุคฺะฺ - ด้วยความสุข, สังเกนะฺ - จากการคบหาสมาคม, บัดฺนาทิฺ - พันธสภาวะ, กยานะฺ - ด้วยความรู้, สังเกนะฺ - จากการคบหาสมาคม, ชะฺ - เช่นกัน, อนะกฺะฺ - โอ้ ผู้ไร้บาป
คำแปลฺ
โอ้ ผู้ไร้บาป ระดับความดี บริสุทธิ์กว่าระดับอื่น จะส่องแสงสว่างและทำให้เป็นอิสระจากผลบาปทั้งปวง พวกที่สถิตในระดับนั้นอยู่ในพันธสภาวะด้วยความรู้สึกว่ามีความสุขและมีความรู้
คำอธิบายฺ
สิ่งมีชีวิตอยู่ภายใต้สภาวะของธรรมชาติวัตถุมีหลายลักษณะ พวกหนึ่งมีความสุข อีกพวกหนึ่งตื่นตัวมาก และอีกพวกหนึ่งหมดหนทางที่จะช่วยเหลือได้ ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาทั้งหมดนี้เป็นต้นเหตุของพันธสภาวะในธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต พวกเขามาอยู่ภายใต้สภาวะที่แตกต่างกันได้อย่างไร ได้อธิบายไว้ในส่วนนี้ของ ภควัต-คีตาฺ เรามาพิจารณาถึงระดับความดีก่อน ผลจากการพัฒนาระดับความดีในโลกวัตถุคือ จะมีความฉลาดกว่าพวกที่อยู่ในสภาวะด้วยกัน พวกนี้ไม่ได้รับความทุกข์ทางวัตถุมากมายนัก และจะมีความรู้สึกว่าเจริญก้าวหน้าในความรู้ทางวัตถุ ตัวแทนของระดับนี้คือพราหมณ์ ซึ่งควรสถิตในระดับความดี ความรู้สึกว่ามีความสุขเช่นนี้เนื่องจากเข้าใจว่าในระดับความดีทำให้ตนเป็นอิสระจากผลบาป อันที่จริงในวรรณกรรมพระเวทได้กล่าวไว้ว่า ระดับความดีหมายถึงมีความรู้มากกว่า และมีความรู้สึกว่ามีความสุขมากกว่า
ความยากลำบากที่นี่คือ เมื่อสิ่งมีชีวิตอยู่ในระดับความดี เขาอยู่ภายใต้สภาวะที่มีความรู้สึกว่าตนเองเจริญก้าวหน้าในความรู้ และดีกว่าคนอื่น เช่นนี้ทำให้ตกอยู่ในพันธสภาวะ ตัวอย่างที่ดีที่สุดคือ นักวิทยาศาสตร์และนักปราชญ์ แต่ละท่านภูมิใจมากกับความรู้ที่ตนมี โดยทั่วไปพวกนี้จะพัฒนามาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่า และรู้สึกว่ามีความสุขทางวัตถุ ความรู้สึกว่ามีความสุขมากในสภาวะเช่นนี้ทำให้ถูกพันธนาการโดยระดับความดีของธรรมชาติวัตถุ เมื่อเป็นเช่นนี้ จะหลงติดทำงานอยู่ในระดับความดี ตราบใดที่ยังหลงติดอยู่กับการทำงานเช่นนี้ จะต้องได้รับร่างกายในระดับต่าง ๆ ของธรรมชาติวัตถุ ดังนั้น จึงไม่มีโอกาสจะหลุดพ้นหรือย้ายไปยังโลกทิพย์ เขาอาจกลับมาเป็นนักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ หรือนักกวีซ้ำซาก และถูกพันธนาการในสภาวะที่ได้รับโทษแห่งการเกิดและการตายเช่นเดียวกันนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่เนื่องจากความหลงในพลังงานวัตถุ ทำให้เขาคิดว่าชีวิตเช่นนี้สุขสบายดี
ระโจ รากาทมะคัม วิดดิฺ
ทริชณา-สังกะ-สะมุดบฺะวัมฺ
ทัน นิบัดฺนาทิ คะอุนเทยะ
คารมะ-สังเกนะ เดฮินัมฺ
ระจะฮฺ - ระดับตัณหา, รากะ-อาทมะคัมฺ - เกิดจากความต้องการหรือราคะ, วิดดิฺฺ - รู้, ทริชณาฺ - ด้วยความทะเยอทะยาน, สังกะฺ - คบหาสมาคม, สะมุดบฺะวัมฺ - ผลิตจาก, ทัทฺ - นั้น, นิบัดฺฺนาทิฺ - พันธนาการ, คะอุนเทยะฺ - โอ้ โอรสพระนางคุนที, คารมะ-สังเกนะฺ - จากการคบหาสมาคมกับกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, เดฮินัมฺ - ร่างกาย
คำแปลฺ
ระดับตัณหาเกิดจากความต้องการและความใคร่ที่ไม่รู้จักพอ โอ้ โอรสพระนางคุนทีด้วยเหตุนี้สิ่งมีชีวิตในร่างจึงถูกพันธนาการอยู่กับการกระทำเพื่อผลทางวัตถุ
คำอธิบายฺ
ระดับตัณหามีลักษณะแห่งความเสน่หาระหว่างหญิงและชาย ผู้หญิงมีความเสน่หาสำหรับผู้ชาย และผู้ชายมีความเสน่หาสำหรับผู้หญิง เช่นนี้เรียกว่าระดับตัณหาเมื่อระดับตัณหาเพิ่มพูนขึ้นจะพัฒนาความทะเยอทะยานเพื่อความสุขทางวัตถุ ต้องการความสุขในการสนองประสาทสัมผัส บุคคลในระดับตัณหาต้องการเกียรติยศชื่อเสียงในสังคมหรือในชาติ และต้องการมีครอบครัวที่มีความสุขพร้อมกับลูกหลาน ภรรยา และบ้านที่ดี เหล่านี้คือผลผลิตของระดับตัณหา ตราบใดที่ยังทะเยอทะยานใฝ่ฝันสิ่งเหล่านี้ เขาต้องทำงานหนักมาก ดังนั้น ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่าเมื่อมาสัมผัสกับผลแห่งกิจกรรมของตนเอง และถูกพันธนาการด้วยกิจกรรมเหล่านี้เพื่อให้ภรรยา ลูกหลาน และสังคมได้รับความพึงพอใจ และยังต้องรักษาเกียรติยศชื่อเสียงเอาไว้ เขาจึงต้องทำงาน ดังนั้น โลกวัตถุทั้งหมดส่วนใหญ่อยู่ในระดับตัณหา ความศิวิไลสมัยปัจจุบันพิจารณาว่าเจริญก้าวหน้าในมาตรฐานของระดับตัณหา ในอดีตสภาวะความเจริญก้าวหน้าพิจารณาว่าอยู่ในระดับความดี แม้พวกที่อยู่ในระดับความดียังหลุดพ้นไม่ได้แล้วพวกที่ถูกพันธนาการอยู่ในระดับตัณหาจะหลุดพ้นได้อย่างไร
ทะมัส ทุ อกยานะ-จัม วิดดิฺ
โมฮะนัม สารวะ-เดฮินามฺ
พระมาดาลัสยะ-นิดราบิฺส
ทัน นิบัดฮนาทิ บฺาระทะฺ
ทะมะฮฺ - ระดับอวิชชา, ทฺุ - แต่, อกยานะ-จัมฺ - ผลิตจากอวิชชา, วิดดิฺฺ - รู้, โมฮะนัมฺ - ความหลง, สารวะ-เดฮินามฺ - ของสิ่งมีชีวิตในร่างทั้งหมด, พระมาดะฺ - ด้วยความบ้าคลั่ง, อสัส ยะฺ - เกียจคร้าน, นิดราบิฺฮฺ - และนอน, ทัทฺ - นั้น, นิบัดฮนาทิฺ - พันธนาการ, บฺาระทะฺ - โอ้โอรสแห่งบฺาระทะ
คำแปลฺ
โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะ จงรู้ว่าระดับแห่งความมืดเกิดจากอวิชชาเป็นความหลงของมวลชีวิตที่อยู่ในร่าง ผลของระดับนี้คือ ความบ้าคลั่ง ความเกียจคร้าน และการนอน ซึ่งผูกมัดพันธวิญญาณ
คำอธิบายฺ
โศลกนี้ได้ใช้คำว่า ทฺุ โดยเฉพาะและสำคัญมาก เช่นนี้หมายความว่า ระดับอวิชชามีคุณสมบัติของวิญญาณในร่างที่แปลก ระดับอวิชชาตรงกันข้ามกับระดับความดี จากการพัฒนาความรู้ทำให้ผู้อยู่ในระดับความดีสามารถเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่ในระดับอวิชชาตรงกันข้าม เพราะทุกคนที่อยู่ภายใต้มนต์ขลังของระดับอวิชชากลายเป็นบ้า คนบ้าไม่สามารถเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร แทนที่จะเจริญก้าวหน้า กลับทำตัวให้ตกต่ำลง คำนิยามของระดับอวิชชาได้กล่าวไว้ในวรรณกรรมพระเวทว่า วัสทุ-ยาทฺาทมยะ- กยานาวะระคัม วิพารยะยะ-กยานะ-จะนะคัม ทะมะฮฺ ภายใต้มนต์สะกดแห่งอวิชชาทำให้ไม่สามารถเข้าใจสิ่งใดตามความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น ทุกคนเห็นว่าคุณปู่คุณตาได้ตายไปแล้ว ดังนั้น ตัวเราเองจะต้องตายเช่นกัน มนุษย์ต้องตาย ลูกหลานที่เราให้กำเนิดก็จะต้องตายเช่นเดียวกัน ดังนั้น ความตายเป็นสิ่งที่แน่นอน ถึงกระนั้นผู้คนก็ยังสะสมเงินทองอย่างบ้าคลั่ง และทำงานหนักมากทั้งวันทั้งคืนโดยไม่สนใจกับดวงวิญญาณอมตะ นี่คือความบ้าคลั่ง และในความบ้าคลั่ง จะไม่เต็มใจที่จะเจริญก้าวหน้าในความเข้าใจวิถีทิพย์ บุคคลเหล่านี้เกียจคร้านมาก เมื่อได้รับเชิญให้ไปคบหาสมาคมเพื่อความเข้าใจวิถีทิพย์ จะไม่ค่อยสนใจ พวกนี้จะไม่ตื่นตัวเหมือนพวกที่ถูกระดับตัณหาควบคุม ดังนั้น อีกอาการหนึ่งของคนที่อยู่ในระดับอวิชชาคือ นอนเกินความจำเป็น นอนหกชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว แต่บุคคลในระดับอวิชชานอนอย่างน้อยวันละสิบหรือสิบสองชั่วโมง บุคคลเช่นนี้จะดูเศร้าสลดเสมอ มึนเมาอยู่กับสิ่งเสพติดและการนอน เหล่านี้คือลักษณะอาการของบุคคลที่อยู่ในสภาวะระดับอวิชชา
สัททวัม สุเคฺ สันจะยะทิ
ระจะฮ คารมะณิ บฺาระทะฺ
กยานัม อาวริทยะ ทุ ทะมะฮ
พระมาเด สันจะยะทิ อุทะฺ
สัททวัมฺ - ระดับความดี, สุเคฺฺ - ในความสุข, สันจะยะทิฺ - ผูกมัด, ระจะฮฺ - ระดับตัณหา, คารมะณิฺ - ในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, บฺาระทะฺ - โอ้ โอรสแห่งบฺารทะ, กยานัมฺ - ความรู้, อาวริทยะฺ - ปกคลุม, ทฺุ - แต่, ทะมะฮฺ - ระดับอวิชชา, พระมาเดฺ - ในความบ้าคลั่ง, สันจะยะทิฺ - ผูกมัด, อุทะฺ - ได้กล่าวไว้
คำแปลฺ
โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะ ระดับความดีผูกมัดเขาให้อยู่ในความสุข ระดับตัณหาผูกมัดเขาให้อยู่ในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ และระดับอวิชชาปกคลุมความรู้ของเขา และผูกมัดเขาให้บ้าคลั่ง
คำอธิบายฺ
บุคคลที่อยู่ในระดับความดีจะพึงพอใจกับงาน หรือเพิ่มพูนปัญญาให้ตนเองดังเช่นนักปราชญ์ นักวิทยาศาสตร์ หรือนักวิชาการซึ่งปฏิบัติในสาขาวิชาโดยเฉพาะตนและอาจพึงพอใจอยู่เช่นนั้น บุคคลในระดับตัณหาอาจปฏิบัติในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุครอบครองเป็นเจ้าของให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะใช้จ่ายไปในการทำบุญ บางครั้งพยายามเปิดโรงพยาบาล หรือให้ทานกับสถาบันต่าง ๆ ฯลฯ เหล่านี้คือลักษณะของผู้ที่อยู่ในระดับตัณหา ระดับอวิชชาปกคลุมความรู้ ทำอะไรก็ไม่ดีทั้งกับตนเองและผู้อื่น
ระจัส ทะมัช ชาบิฺบํูยะ
สัททวัม บฺะวะทิ บฺาระทะฺ
ระจะฮ สัททวัม ทะมัช ไชวะ
ทะมะฮ สัททวัม ระจัส ทะทฺาฺ
ระจะฮฺ - ระดับตัณหา, ทะมะฮฺ - ระดับอวิชชา, ชะฺ - เช่นกัน, อบิฺบํูยะฺ - ข้ามพ้น, สัททวัมฺ - ระดับความดี, บฺะวะทิฺ - โดดเด่น, บฺาระทะฺ - โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะ, ระจะฮฺ - ระดับตัณหา, สัททวัมฺ - ระดับความดี, ทะมะฮฺ - ระดับอวิชชา, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - เช่นนั้น, ทะมะฮฺ - ระดับอวิชชา, สัททวัมฺ - ระดับความดี, ระจะฮฺ - ระดับตัณหา, ทะทฺาฺ - ดังนั้น
คำแปลฺ
บางครั้งระดับความดีโดดเด่น ชนะระดับตัณหาและอวิชชา โอ้ โอรสแห่งบฺาระทะบางครั้งระดับตัณหาชนะความดีและอวิชชา และบางครั้งระดับอวิชชาชนะความดีและตัณหา เช่นนี้จะมีการแข่งขันเพื่อความยิ่งใหญ่อยู่เสมอ
คำอธิบายฺ
เมื่อระดับตัณหาโดดเด่น ระดับความดีและอวิชชาก็พ่ายแพ้ เมื่อระดับความดีโดดเด่นตัณหาและอวิชชาพ่ายแพ้ และเมื่อระดับอวิชชาโดดเด่นตัณหาและความดีพ่ายแพ้ การแข่งขันเช่นนี้จะดำเนินต่อไปตลอดเวลา ฉะนั้น ผู้ที่ตั้งใจจะเจริญก้าวหน้าในคริชณะจิตสำนึกจริงๆ ต้องข้ามให้พ้นเหนือทั้งสามระดับนี้ ความโดดเด่นของระดับหนึ่งระดับใดแห่งธรรมชาติจะปรากฏในการมาสัมพันธ์กับกิจกรรม และในการรับประทานอาหาร ฯลฯ ของบุคคลนั้น ทั้งหมดนี้จะอธิบายในบทต่อ ๆ ไป หากปรารถนาเราสามารถพัฒนาด้วยการปฏิบัติในระดับความดี และเอาชนะระดับอวิชชาและตัณหาถึงแม้ว่ามีสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุนี้ หากมีความมั่นใจเราอาจได้รับพรจากระดับความดี และเมื่อข้ามพ้นเหนือระดับความดี เราจะสถิตในความดีที่บริสุทธิ์ เรียกว่าระดับ วะสุเดวะฺ ซึ่งเป็นระดับที่เราสามารถเข้าใจศาสตร์แห่งองค์ภควาน จากกิจกรรมต่าง ๆ ที่ปรากฏทำให้เข้าใจได้ว่า บุคคลนี้สถิตในระดับใดของธรรมชาติ
สารวะ-ดวาเรชุ เดเฮ ่สมิน
พระคาชะ อุพะจายะเทฺ
กยานัม ยะดา ทะดา วิดยาด
วิวริดดัฺม สัททวัม อิทิ อุทะฺ
สารวะ-ดวาเรชฺุ - ในทวารทั้งหมด, เดเฮ อัสมินฺ - ในร่างกายนี้, พระคาชะฮฺ - คุณสมบัติแห่งแสงสว่าง, อุพะจายะเทฺ - พัฒนา, กยานัมฺ - ความรู้, ยะดาฺ - เมื่อ, ทะดาฺ - ในขณะนั้น, วิดยาทฺ - รู้, วิวริดดัฺมฺ - เพิ่มพูน, สัททวัมฺ - ระดับความดี, อิทิ อุทะฺ - ได้กล่าวไว้ดังนี้
คำแปลฺ
ปรากฏการณ์ของระดับความดีพบเห็นได้ เมื่อทวารของร่างกายทั้งหมดสว่างไสวไปด้วยความรู้
คำอธิบายฺ
มีเก้าประตูในร่างกายคือ สองตา สองหู สองจมูก หนึ่งปาก หนึ่งอวัยวะสืบพันธุ์และหนึ่งทวารหนัก เมื่อทุกประตูสว่างไสวไปด้วยลักษณะอาการแห่งความดี ควรเข้าใจว่าบุคคลนี้ได้พัฒนาระดับความดี ทำให้เขาสามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้อง ฟังสิ่งต่าง ๆ อย่างถูกต้อง และลิ้มรสต่าง ๆ อย่างถูกต้อง เขามีความสะอาดทั้งภายในและภายนอก ทุกประตูมีการพัฒนาลักษณะอาการแห่งความสุข นั่นคือสภาวะแห่งความดี
โลบฺะฮ พระวิรททิร อารัมบฺะฮ
คารมะณาม อชะมะฮ สพริฮาฺ
ระจะสิ เอทานิ จายันเท
วิวริดเดฺ บฺะระทารชะบฺะฺ
โลบฺะฮฺ - ความโลภ, พระวริททิฮฺ - กิจกรรม, อารัมบฺะฮฺ - ความพยายาม, คารมะณามฺ - ในกิจกรรม, อชะมะฮฺ - ควบคุมไม่ได้, สพริฮาฺ - ความต้องการ, ระจะสิฺ - ของระดับตัณหา, เอทานิฺ - ทั้งหมดนี้, จายันเทฺ - พัฒนา, วิวริดเดฺฺ - เมื่อมีมากเกินไป, บฺะระทะ-ริชะบฺะฺ - โอ้ผู้นำแห่งผู้สืบราชวงศ์บฺาระทะ
คำแปลฺ
โอ้ ผู้นำแห่งบฺาระทะ เมื่อระดับตัณหาเพิ่มพูนลักษณะอาการที่จะพัฒนาขึ้นมากคือความยึดติด กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ ความพยายามอย่างแรงกล้า ความปรารถนา และความทะเยอทะยานที่ควบคุมไม่ได้
คำอธิบายฺ
ผู้ที่อยู่ในระดับตัณหาไม่เคยมีความพึงพอใจกับสภาวะที่ตนเองได้รับ มักจะทะเยอทะยานเพื่อเลื่อนสถานภาพ หากต้องการสร้างบ้านพักเขาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะให้เป็นราชวัง ประหนึ่งว่าตนเองจะสามารถพักอยู่ในบ้านนั้นชั่วกัลปวสาน และพัฒนาความทะเยอทะยานอย่างยิ่งใหญ่เพื่อสนองประสาทสัมผัส การสนองประสาทสัมผัสจะดำเนินไปอย่างไม่สิ้นสุด เขาปรารถนาที่จะอยู่กับบ้านและครอบครัวเสมอ และสนองประสาทสัมผัสไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีวันสิ้นสุด อาการเหล่านี้ทั้งหมดควรเข้าใจว่าเป็นลักษณะของระดับตัณหา
อพระคาโช ่พระวริททิช ชะ
พระมาโด โมฮะ เอวะ ชะฺ
ทะมะสิ เอทานิ จายันเท
วิวริดเดฺ คุรุ-นันดะนะฺ
อพระคาชะฮฺ - ความมืด, อพระวริททิฺฮฺ - ไม่มีกิจกรรม, ชะฺ - และ, พระมาดะฮฺ - บ้าคลั่ง, โมฮะฮฺ - ความหลง, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - เช่นกัน, ทะมะสิฺ - ระดับอวิชชา, เอทานิฺ - เหล่านี้, จายันเทฺ - ปรากฏ, วิวริดเดฺฺ - เมื่อพัฒนา, คุรุ-นันดะนะฺ - โอ้ โอรสแห่งคุรุ
คำแปลฺ
เมื่อระดับอวิชชาเพิ่มพูน โอ้ โอรสแห่งคุรุ ความมืด ความเฉื่อยชา ความบ้าคลั่งและความหลงปรากฏ
คำอธิบายฺ
เมื่อไม่มีแสงสว่าง ขาดความรู้ ผู้อยู่ในระดับอวิชชาจะไม่ทำงานตามหลักธรรมและชอบทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่มีจุดมุ่งหมาย แม้มีความสามารถในการทำงานแต่จะไม่พยายาม การกระทำเช่นนี้เรียกว่าความหลง แม้จิตสำนึกยังดำเนินต่อไปแต่ชีวิตไม่มีกิจกรรม เหล่านี้คือลักษณะอาการของผู้ที่อยู่ในระดับอวิชชา
ยะดา สัททเว พระวริดเดฺ ทุ
พระละยัม ยาทิ เดฮะ-บฺริทฺ
ทะโดททะมะ-วิดาม โลคาน
อมะลาน พระทิพัดยะเทฺ
ยะดาฺ - เมื่อ, สัททเวฺ - ระดับความดี, พระวิริเดฺฺ - พัฒนา, ทฺุ - แต่, พระละยัมฺ - สิ้นสุด, ยาทิฺ - ไป, เดฮะ-บฺริทฺ - ร่างกาย, ทะดาฺ - ในขณะนั้น, อุททมะ-วิดามฺ - เหล่านักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, โลคานฺ - โลก, อมะลานฺ - บริสุทธิ์, พระทิพัดยะเทฺ - บรรลุ
คำแปลฺ
เมื่อตายในระดับความดี เขาบรรลุถึงโลกบริสุทธิ์แห่งนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่สูงส่งกว่า
คำอธิบายฺ
ผู้ที่อยู่ในระดับความดีจะบรรลุถึงระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่าเช่น บระฮมะโลคะฺหรือ จะนะโลคะฺ ณ ที่นั้น เขาจะมีความรื่นเริงกับความสุขแบบเทพ คำว่า อมะลานฺ มีความสำคัญ หมายความว่า “เป็นอิสระจากระดับตัณหาและอวิชชา” ในโลกวัตถุจะมีความไม่บริสุทธิ์ แต่ระดับแห่งความดีเป็นรูปแบบที่บริสุทธิ์ที่สุดในความเป็นอยู่ทางโลกวัตถุ มีดาวเคราะห์ต่าง ๆ สำหรับสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน พวกที่ตายในระดับความดีจะพัฒนาไปยังโลกที่นักปราชญ์และสาวกผู้ยิ่งใหญ่อาศัยอยู่
ระจะสิ พระละยัม กัทวาฺ
คารมะ-สังกิชุ จายะเทฺ
ทะทฺา พระลีนัส ทะมะสิ
มูดฺะ-โยนิชุ จายะเทฺ
ระจะสิฺ - ในตัณหา, พระละยัมฺ - สิ้นสุด, กัทวาฺ - บรรลุ, คารมะ-สังกิชฺุ - ในการคบหาสมาคมกับพวกที่ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, จายะเทฺ - เกิด, ทะทฺาฺ - ในทำนองเดียวกัน, พระลีนะฮฺ - สิ้นสุด, ทะมะสิฺ - ในอวิชชา, มูดฺะ-โยนิชฺุ - ในเผ่าพันธุ์สัตว์, จายะเทฺ - เกิด
คำแปลฺ
เมื่อตายในระดับตัณหาเขาเกิดในหมู่ชนที่ปฏิบัติกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ และเมื่อตายในระดับอวิชชา เขาเกิดในอาณาจักรสัตว์
คำอธิบายฺ
บางคนมีความรู้สึกว่าเมื่อดวงวิญญาณมาถึงระดับชีวิตมนุษย์แล้วจะไม่ตกลงต่ำอีก เช่นนี้ไม่ถูกต้อง ตามโศลกนี้ หากผู้ใดพัฒนาระดับอวิชชา หลังจากตายไปจะตกต่ำลงไปใช้ชีวิตในร่างสัตว์เดรัจฉาน ณ ที่นั้น เขาต้องพัฒนาตนเองด้วยวิธีวิวัฒนาการเพื่อให้ได้ร่างชีวิตมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง ดังนั้น พวกที่จริงจังกับชีวิตมนุษย์อย่างแท้จริงควรอยู่ในระดับความดี จากการคบหากัลยาณมิตรจะทำให้ตนเองข้ามพ้นระดับต่าง ๆ เหล่านี้ และมาสถิตในคริชณะจิตสำนึก นี่คือจุดมุ่งหมายของชีวิตมนุษย์ มิฉะนั้นไม่รับประกันว่ามนุษย์จะได้รับร่างมนุษย์อีกครั้งหนึ่งหรือไม่
คารมะณะฮ สุคริทัสยาฮุอ
สาททวิคัม นิรมะลัม พฺะลัฺมฺ
ระจะสัส ทุ พะลัม ดุฮคัฺม
อกยานัม ทะมะสะฮ พฺะลัมฺ
คารมะณะฮฺ - ของงาน, สุ-คริทัสยะฺ - บุญ, อาฮุฮฺ - กล่าวว่า, สาททวิคัมฺ - ในระดับความดี, นิรมะลัมฺ - บริสุทธิ์, พฺะลัมฺ - ผล, ระจะสะฮฺ - ในระดับตัณหา, ทฺุ - แต่, พฺะลัมฺ - ผล, ดํุคัฺมฺ - ความทุกข์, อกยานัมฺ - ไร้สาระ, ทะมะสะฮฺ - ของระดับอวิชชา, พฺะลัมฺ - ผล
คำแปลฺ
ผลแห่งการทำบุญที่บริสุทธิ์กล่าวว่าอยู่ในระดับความดี แต่กิจกรรมทำไปในระดับตัณหา ผลคือความทุกข์ และกิจกรรมทำไปในระดับอวิชชา ผลคือความโง่งมงาย
คำอธิบายฺ
ผลของการทำบุญอยู่ในระดับความดีบริสุทธิ์ ดังนั้น นักปราชญ์ผู้เป็นอิสระจากความหลงทั้งปวงสถิตในความสุข แต่กิจกรรมในระดับตัณหาให้แต่ความทุกข์กิจกรรมใด ๆ ทำไปเพื่อความสุขทางวัตถุต้องได้รับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ตัวอย่างเช่น หากต้องการมีตึกระฟ้า มนุษย์ต้องมีความทุกข์มากมายก่อนที่จะได้ตึกระฟ้าอันสูงใหญ่ขึ้นมา นักการเงินต้องมีปัญหามากในการหาเงินทุนจำนวนมหาศาล และพวกที่ใช้แรงงานก่อสร้างต้องอาบเหงื่อต่างน้ำทำงานอย่างหนักด้วยความทุกข์ยากลำบาก ดังนั้น ภควัต-คีตาฺ กล่าวว่า กิจกรรมใดทำลงไปภายใต้มนต์สะกดของระดับตัณหา แน่นอนว่าต้องมีความทุกข์มหาศาล เราอาจคิดว่ามีความสุขทางใจอยู่บ้าง เช่น “ฉันมีบ้าน หรือว่าฉันมีเงิน” แต่นี่ไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง
สำหรับระดับอวิชชา ผู้กระทำไม่มีความรู้ ดังนั้น กิจกรรมทั้งหมดมีผลเป็นความทุกข์ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะจะมีชีวิตเป็นสัตว์เดรัจฉาน ชีวิตสัตว์มีความทุกข์อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าอยู่ภายใต้มนต์สะกดของพลังแห่งความหลงหรือ มายาฺ สัตว์เดรัจฉานจะไม่เข้าใจ การฆ่าสัตว์ผู้น่าสงสารก็เนื่องมาจากระดับอวิชชาเช่นกัน คนฆ่าสัตว์ไม่รู้ว่าในอนาคตสัตว์ตัวนั้นจะมีร่างกายเหมาะสมที่จะมาฆ่าตน นั่นคือกฎแห่งธรรมชาติ ในสังคมมนุษย์ หากผู้ใดฆ่าคน ตามกฎของรัฐจะถูกลงโทษขั้นประหารชีวิตเช่นกัน เนื่องด้วยอวิชชา ผู้คนจึงไม่สำเหนียกว่ามีองค์ภควานควบคุมรัฐอย่างสมบูรณ์ทุก ๆ ชีวิตเป็นบุตรขององค์ภควาน พระองค์ทรงทนไม่ได้ที่แม้แต่มดตัวหนึ่งถูกฆ่า ผู้ฆ่าต้องชดใช้กรรม ดังนั้น การตามใจตัวในการฆ่าสัตว์เพื่อให้ได้รับรสเป็นอวิชชาที่หยาบที่สุด มนุษย์ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าสัตว์ เพราะว่าองค์ภควานทรงจัดส่งสิ่งดี ๆ ให้มากมาย หากยังตามใจตัวเองและรับประทานเนื้อสัตว์อีก เท่ากับกระทำไปในอวิชชา และจะทำให้อนาคตของตนเองมืดมน ในบรรดาการฆ่าสัตว์ทั้งหมด การฆ่าวัวเป็นสิ่งที่โหดร้ายที่สุดเพราะวัวให้ความสุขแก่มนุษย์มากมายด้วยการให้นม การฆ่าวัวเป็นการกระทำในอวิชชาที่หยาบที่สุด ในวรรณกรรมพระเวท (ริก เวดะฺ 9.46.4) คำว่า โกบิฺฮ พรีณิทะ-มัทสะรัมฺ แสดงว่า ผู้ใดที่พึงพอใจกับการดื่มนมเป็นอย่างมาก แล้วยังปรารถนาที่จะฆ่าวัวอีก ผู้นั้นอยู่ในอวิชชาที่หยาบที่สุด มีบทมนต์ในพระเวทกล่าวว่า
นะโม บระฮมันยะ-เดวะยะ
โก-บราฮมะณะ-ฮิทายะ ชะฺ
จะกัด-ดิฺทายะ คริชณายะ
โกวินดายะ นะโม นะมะฮฺ
“โอ้ องค์ภควาน พระองค์ทรงเป็นผู้ปรารถนาดีต่อโคและพราหมณ์ (บราฮมะณะฺ) ทรงเป็นผู้ปรารถนาดีต่อสังคมมนุษย์และโลกทั้งหมด” (วิชณุ พุราณะฺ 1.19.65) คำอธิบายก็คือ ได้กล่าวไว้เป็นพิเศษในบทมนต์นี้เพื่อเป็นการปกป้องโคและพราหมณ์,ฺ พราหมณ์เป็นสัญลักษณ์แห่งการศึกษาวิถีทิพย์ และโคเป็นสัญลักษณ์แห่งอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด สองชีวิตนี้คือทั้งพราหมณ์และโคต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองอย่างดีที่สุด นั่นคือความเจริญก้าวหน้าอย่างแท้จริงแห่งความศิวิไล สังคมมนุษย์ปัจจุบันละเลยความรู้ทิพย์ และสนับสนุนการฆ่าวัว เข้าใจได้ว่าสังคมมนุษย์พัฒนาไปในทิศทางที่ผิด และกำลังเปิดทางเพื่อทำลายตัวเอง ความศิวิไลที่ชี้นำประชาชนให้กลายมาเป็นสัตว์เดรัจฉานในชาติหน้า แน่นอนว่าไม่ใช่เป็นความศิวิไลของมนุษย์ และแน่นอนว่าความศิวิไลของมนุษย์ปัจจุบันถูกนำโดยระดับตัณหาและอวิชชาอย่างหยาบ เป็นยุคที่อันตรายมาก ทุกประเทศควรสนใจและส่งเสริมการเผยแพร่คริชณะจิตสำนึก ซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อช่วยมนุษยชาติจากภัยอันตรายอันใหญ่หลวงนี้
สัททวาท สันจายะเท กยานัม
ระจะโส โลบฺะ เอวะ ชะฺ
พระมาดะ-โมโฮ ทะมะโส
บฺะวะโท ่กยานัม เอวะ ชะฺ
สัททวาทฺ - จากระดับความดี, สันจายะเทฺ - พัฒนา, กยานัมฺ - ความรู้, ระจะสะฮฺ - จากระดับตัณหา, โลบฺะฮฺ - ความโลภ, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - เช่นกัน, พระมาดะฺ - ความบ้าคลั่ง, โมโฮฺ - และความหลง, ทะมะสะฮฺ - จากระดับอวิชชา, บฺะวะทะฮฺ - พัฒนา, อกยานัมฺ - ไร้สาระ, เอวะฺ - แน่นอน, ชะฺ - เช่นกัน
คำแปลฺ
จากระดับความดีพัฒนาความรู้ที่แท้จริง จากระดับตัณหาพัฒนาความโลภ และจากระดับอวิชชาพัฒนาความโง่เขลา ความบ้าคลั่ง และความหลง
คำอธิบายฺ
เนื่องจากความศิวิไลในปัจจุบันไม่เป็นที่พึงพอใจสำหรับสิ่งมีชีวิตเท่าใดนัก เราจึงได้แนะนำคริชณะจิตสำนึก จากคริชณะจิตสำนึกสังคมจะพัฒนามาถึงระดับความดี เมื่อระดับความดีพัฒนาขึ้น ผู้คนจะเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง ในระดับอวิชชาผู้คนก็เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานไม่สามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนนัก ตัวอย่างเช่น ในระดับอวิชชาจะไม่เห็นว่าจากการฆ่าสัตว์ตัวหนึ่ง เป็นการเปิดโอกาสให้สัตว์ตัวเดียวกันนั้นมาฆ่าตนในชาติหน้า เนื่องจากไม่ได้รับการศึกษาในความรู้ที่แท้จริง พวกเขาจึงไม่รับผิดชอบ เพื่อหยุดความไม่รับผิดชอบนี้ การศึกษาเพื่อพัฒนาระดับความดีสำหรับประชาชนโดยทั่วไปจำเป็นต้องมีขึ้น เมื่อได้รับการศึกษาอย่างแท้จริง และมาอยู่ในระดับความดีจะมีความสุขุมรอบคอบและมีความรู้ในสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริงอย่างถูกต้อง จากนั้นประชาชนก็จะมีความสุขและมีความเจริญรุ่งเรือง ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่ไม่มีความสุขและไม่เจริญรุ่งเรือง หากส่วนหนึ่งของประชากรพัฒนาคริชณะจิตสำนึก และสถิตในระดับความดีจะก่อให้เกิดความสงบและความเจริญรุ่งเรืองทั่วโลก มิฉะนั้น หากทั่วทั้งโลกอุทิศตนให้กับระดับตัณหาและอวิชชา ก็จะไม่มีความสงบหรือความเจริญรุ่งเรือง ในระดับตัณหาผู้คนมีความโลภและทะเยอทะยานเพื่อความสุขทางประสาทสัมผัสโดยไม่รู้จักพอ เราจะเห็นว่าแม้ผู้ที่มีเงินพอเพียงและมีการตระเตรียมเพื่อสนองประสาทสัมผัสเป็นอย่างดี เขาก็ยังไม่มีความสุขหรือความสงบภายในใจ เพราะว่าสถิตในระดับตัณหาหากเราต้องการความสุข เงินนั้นช่วยไม่ได้ เราต้องพัฒนาตนเองให้มาถึงระดับความดีด้วยการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึก เมื่อปฏิบัติอยู่ในระดับตัณหา ไม่เพียงแต่ไม่มีความสุขทางใจเท่านั้น แต่อาชีพและการงานก็จะเป็นปัญหาอย่างมากเช่นกัน เพราะต้องวางแผนและออกอุบายมากมายเพื่อให้ได้เงินมามากเพียงพอ เพื่อรักษาสถานภาพของตนในสังคม เช่นนี้เป็นความทุกข์ ในระดับอวิชชาผู้คนบ้าคลั่ง และเนื่องจากอยู่ในสภาวะที่มีความทุกข์ จึงต้องไปพึ่งยาเสพติด ดังนั้น จึงจมปรักลงไปในอวิชชามากยิ่งขึ้น อนาคตในชีวิตของคนพวกนี้มืดมนสิ้นดี
อูรดฺวัม กัชชัฺนทิ สัททวะ-สทฺา
มัดฺเย ทิชทัฺนทิ ราจะสาฮฺ
จะกัฺนยะ-กุณะ-วริททิ-สทฺา
อโดฺ กัชชัฺนทิ ทามะสาฮฺ
อูรดฺวัมฺ - ขึ้นไป, กัชชัฺนทิฺ - ไป, สัททวะ-สทฺาฮฺ - พวกที่สถิตในระดับความดี, มัดฺเยฺ - ตรงกลาง, ทัชทัฺนทิฺ - อาศัย, ราจะสาฮฺ - พวกสถิตในระดับตัณหา, จะกัฺนยะฺ - น่ารังเกียจ, กุณะฺ - คุณสมบัติ, วริททิ-สทฺาฮฺ - อาชีพของเขา, อดฺะฮฺ - ตกต่ำ, กัชชัฺนทิฺ - ไป, ทามะสาฮฺ - บุคคลในระดับอวิชชา
คำแปลฺ
พวกที่สถิตในระดับความดี จะค่อย ๆ เจริญขึ้นไปยังหมู่ดาวเคราะห์ที่สูงกว่า พวกที่อยู่ในระดับตัณหาจะอยู่ในดาวเคราะห์โลก และพวกที่อยู่ในระดับน่ารังเกียจแห่งอวิชชาจะตกลงไปในนรก
คำอธิบายฺ
โศลกนี้ผลกรรมของสามระดับแห่งธรรมชาติกำหนดไว้ชัดเจนยิ่งขึ้น มีระบบดาวเคราะห์ที่สูงกว่าประกอบไปด้วยโลกสวรรค์ที่ประชากรมีการพัฒนาสูงมาก ตามระดับการพัฒนาในระดับความดีสิ่งมีชีวิตสามารถย้ายไปยังโลกต่าง ๆ ในระบบนี้ ดาวเคราะห์ที่สูงสุดคือ สัทยะโลคะฺ หรือ บระฮมะโลคะฺ สถานที่ที่พระพรหมซึ่งเป็นบุคคลแรกของจักรวาลนี้ประทับอยู่ ได้เห็นแล้วว่าเราคำนวณสภาวะอันน่าอัศจรรย์ของชีวิต บระฮมะโลคะฺ ได้ลำบากมาก แต่สภาวะสูงสุดของชีวิตในระดับความดีสามารถนำเราไปถึงที่นั่น
ระดับตัณหาเป็นการผสมผสานอยู่ตรงกลางระหว่างระดับความดีและอวิชชาบุคคลจะไม่บริสุทธิ์เสมอไป แม้หากบริสุทธิ์ในระดับตัณหา เขาก็ยังคงอยู่ในโลกนี้เป็นกษัตริย์หรือเป็นเศรษฐี แต่เนื่องจากมีการผสมผสานกัน จึงอาจตกลงต่ำได้ ผู้คนในโลกนี้ที่อยู่ในระดับตัณหาหรืออวิชชา ไม่สามารถบังคับเครื่องจักรกลให้ไปถึงดาวเคราะห์ที่สูงกว่าได้ ในระดับตัณหามีโอกาสที่จะกลายมาเป็นคนบ้าคลั่งในชาติหน้าได้เหมือนกัน
คุณสมบัติต่ำสุดคือระดับอวิชชา อธิบาย ณ ที่นี้ว่าน่ารังเกียจ ผลของการพัฒนาอวิชชามีความเสี่ยงมาก เป็นคุณสมบัติต่ำสุดในธรรมชาติวัตถุ ที่ต่ำกว่าระดับมนุษย์มีอยู่แปดล้านเผ่าพันธุ์ของชีวิต เช่น นก สัตว์เดรัจฉาน สัตว์เลื้อยคลาน ต้นไม้ ฯลฯเมื่อพัฒนาระดับอวิชชาผู้คนถูกนำให้ลงไปสู่สภาวะอันน่ารังเกียจเหล่านี้ คำว่า ทามะ- สาฮฺ มีความสำคัญมาก ทามะสาฮฺ แสดงให้เห็นว่า พวกที่อยู่ในระดับอวิชชาอย่างต่อเนื่องโดยไม่เจริญขึ้นมาสู่ระดับที่สูงกว่า อนาคตของพวกนี้มืดมนมาก
สำหรับมนุษย์ผู้อยู่ในระดับอวิชชาและตัณหามีโอกาสที่จะพัฒนามาสู่ระดับความดี ระบบที่จะพัฒนาเช่นนี้เรียกว่าคริชณะจิตสำนึก แต่ผู้ที่ไม่ฉวยประโยชน์จากโอกาสนี้แน่นอนว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าต่อเนื่องกันไป
นานยัม กุเณบฺยะฮ คารทารัมฺ
ยะดา ดรัชทานุพัชยะทิฺ
กุเณบฺยัช ชะ พะรัม เวททิ
มัด-บฺาวัม โส ่ดิฺกัชชฺะทิฺ
นะฺ - ไม่, อันยัมฺ - ผู้อื่น, กุเณบฺยะฮฺ - กว่าคุณสมบัติต่าง ๆ, คารทารัมฺ - ผู้ปฏิบัติ, ยะดาฺ - เมื่อ, ดรัชทาฺ - ผู้เห็น, อนุพัชยะทิฺ - เห็นอย่างถูกต้อง, กุเณบฺยะฮฺ - ต่อระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติ, ชะฺ - และ, พะรัมฺ - ทิพย์, เวททิฺ - รู้, มัท-บฺาวัมฺ - ธรรมชาติทิพย์ของข้า, สะฮฺ - เขา, อดิฺกัชชฺะทิฺ - ส่งเสริม
คำแปลฺ
เมื่อเห็นอย่างถูกต้องว่าในกิจกรรมทั้งหมดนี้ ไม่มีนักแสดงผู้ใดทำงานมากไปกว่าสามระดับแห่งธรรมชาติ และผู้รู้ว่าองค์ภควานทรงเป็นทิพย์อยู่เหนือระดับทั้งหลายเหล่านี้ เขาบรรลุถึงธรรมชาติทิพย์ของข้า
คำอธิบายฺ
เราสามารถข้ามพ้นกิจกรรมของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุทั้งหมดได้ เพียงแต่ต้องเข้าใจอย่างถูกต้องด้วยการเรียนรู้จากดวงวิญญาณที่เหมาะสม พระอาจารย์ทิพย์ที่แท้จริงคือคริชณะ พระองค์ทรงถ่ายทอดความรู้ทิพย์นี้แด่อารจุนะ ในทำนองเดียวกัน เราต้องเรียนรู้ศาสตร์แห่งกิจกรรมเกี่ยวกับระดับต่าง ๆ ของธรรมชาตินี้จากพวกที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ มิฉะนั้น ชีวิตของเราจะถูกนำไปในทางที่ผิด จากคำสั่งสอนของพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้ สิ่งมีชีวิตสามารถรู้ตำแหน่งทิพย์ของตน รู้ร่างกายวัตถุของตน รู้ประสาทสัมผัสของตน รู้ว่าตนเองมาอยู่ในกับดักนี้ได้อย่างไร และมาอยู่ภายใต้มนต์สะกดของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุได้อย่างไร เราสิ้นหวังที่มาอยู่ในอุ้งมือของระดับต่าง ๆ เหล่านี้ แต่เมื่อสามารถเห็นสภาวะอันแท้จริงของตนเอง ตรงนี้ เราจะบรรลุถึงระดับทิพย์และเห็นภาพชีวิตทิพย์ อันที่จริงสิ่งมีชีวิตไม่ใช่ผู้แสดงกิจกรรมต่าง ๆ แต่ถูกบังคับให้แสดงเพราะมาอยู่ในร่างเฉพาะนี้ซึ่งระดับแห่งธรรมชาติวัตถุเป็นผู้กำกับ นอกจากจะได้รับการช่วยเหลือจากผู้ที่เชื่อถือได้ในวิถีทิพย์ มิฉะนั้น เราจะไม่สามารถเข้าใจว่าอันที่จริงตนเองควรสถิตในตำแหน่งใหน จากการมาคบหาสมาคมกับพระอาจารย์ทิพย์ผู้ที่เชื่อถือได้ เขาสมาารถเห็นสถานภาพอันแท้จริงของตนเอง และจากการเข้าใจเช่นนี้ เขาจะตั้งมั่นอยู่ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ บุคคลในคริชณะจิตสำนึกไม่ถูกมนต์สะกดของระดับแห่งธรรมชาติวัตถุควบคุมได้กล่าวไว้ในบทที่เจ็ดว่า ผู้ที่ศิโรราบต่อคริชณะจะได้รับการปลดเปลื้องจากกิจกรรมต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุ สำหรับผู้ที่สามารถเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความเป็นจริง อิทธิพลของธรรมชาติวัตถุจะค่อย ๆ หยุดลง
กุณาน เอทาน อทีทยะ ทรีนฺ
เดฮี เดฮะ-สะมุดบฺะวานฺ
จันมะ-มริทยุ-จะรา-ดุฮไคฺร
วิมุคโท ่มริทัม อัชนุเทฺ
กุณานฺ - คุณสมบัติ, เอทานฺ - ทั้งหมดนี้, อทีทยะฺ - ข้ามพ้น, ทรีนฺ - สาม, เดฮีฺ - ร่างกาย, เดฮะฺ - ร่างกาย, สะมุดบฺะวานฺ - ผลิตจาก, จันมะฺ - แห่งการเกิด, มริทยฺุ - การตาย, จะ ราฺ - และความชรา, ดุฮไคฺรฮฺ - ความทุกข์, วิมุคทะฮฺ - เป็นอิสระจาก, อมริทัมฺ - น้ำทิพย์, อัชนุเทฺ - เขามีความสุข
คำแปลฺ
เมื่อชีวิตที่อยู่ในร่างสามารถข้ามพ้นทั้งสามระดับที่สัมพันธ์กับร่างกายวัตถุนี้ เขาสามารถเป็นอิสระจากการเกิด การตาย ความชรา และความทุกข์ต่าง ๆ และสามารถรื่นเริงกับน้ำทิพย์แม้ในชีวิตนี้
คำอธิบายฺ
เราจะอยู่ในสถานภาพทิพย์ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร แม้ขณะอยู่ในร่างกายนี้ โศลกนี้ได้อธิบายคำสันสฤต เดฮีฺ ซึ่งหมายถึง “ร่างกาย” จากความเจริญก้าวหน้าในความรู้ทิพย์ ถึงแม้ว่าอยู่ภายในร่างกายวัตถุนี้เราจะสามารถเป็นอิสระจากอิทธิพลของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติ รื่นเริงกับความสุขแห่งชีวิตทิพย์และหลังจากออกไปจากร่างกายนี้ก็จะไปยังท้องฟ้าทิพย์อย่างแน่นอน ดังนั้น แม้อยู่ในร่างกายนี้ เราก็สามารถรื่นเริงกับความสุขทิพย์ได้ อีกนัยหนึ่ง การอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึก เป็นสัญลักษณ์แห่งความหลุดพ้นจากพันธนาการทางวัตถุ ประเด็นนี้จะอธิบายในบทที่สิบแปด เมื่อเป็นอิสระจากอิทธิพลของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุแล้ว เราจะเข้าถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้
อารจุนะ อุวาชะฺ
ไคร ลิงไกส ทรีน กุณาน เอทาน
อทีโท บฺะวะทิ พระโบฺฺ
คิม อาชาระฮ คะทัฺม ไชทามส
ทรีน กุณาน อทิวารทะเทฺ
อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, ไคฮฺ - ซึ่ง, ลิงไกฮฺ - อาการต่าง ๆ, ทรีนฺ - สาม, กุณานฺ - คุณสมบัติ, เอทาน-ทั้งหมดนี้, อทีทะฮฺ - ข้ามพ้น, บฺะวะทิฺ - เป็น, พระโบฺฺ - โอ้ องค์ภควานของข้า, คิมฺ - อะไร, อาชาระฮฺ - พฤติกรรม, คะทัฺมฺ - อย่างไร, ชะฺ - เช่นกัน, เอทานฺ - เหล่านี้, ทรีนฺ - สาม, กุณานฺ - คุณสมบัติ, อทิวารทะเทฺ - ข้ามพ้น
คำแปลฺ
อารจุนะทรงถามว่า โอ้ องค์ภควานที่รัก ผู้ที่ข้ามพ้นเหนือสามระดับนี้มีลักษณะอาการอย่างไร? ความประพฤติของเขาเป็นเช่นไร? และเขาข้ามพ้นระดับแห่งธรรมชาติวัตถุได้อย่างไร?
คำอธิบายฺ
โศลกนี้คำถามของอารจุนะเหมาะสมมาก เพราะปรารถนาที่จะทราบลักษณะอาการของบุคคลผู้ข้ามพ้นระดับวัตถุต่าง ๆ ก่อนอื่นท่านทรงถามถึงลักษณะอาการของบุคคลทิพย์เช่นนี้ เราจะเข้าใจได้อย่างไรว่าบุคคลนี้ได้ข้ามพ้นอิทธิพลของระดับต่างๆ แห่งธรรมชาติวัตถุ? คำถามที่สองถามว่า เขาใช้ชีวิตอยู่อย่างไร และมีกิจกรรมอะไรมีระเบียบหรือไร้ระเบียบ? จากนั้นอารจุนะทรงถามถึงวิธีที่จะทำให้บรรลุถึงธรรมชาติทิพย์ ประเด็นนี้สำคัญมาก นอกเสียจากว่ารู้วิธีโดยตรงที่ทำให้สถิตในวิถีทิพย์ตลอดเวลา มิฉะนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงลักษณะอาการเหล่านี้ ดังนั้น คำถามทั้งหมดที่อารจุนะทรงถามมีความสำคัญมาก และองค์ภควานจะทรงให้คำตอบ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
พระคาชัม ชะ พระวริททิม ชะ
โมฮัม เอวะ ชะ พาณดะวะฺ
นะ ดเวชทิ สัมพระวริททานิ
นะ นิวริททานิ คางคชะทิฺ
อุดาสีนะ-วัด อาสีโน
กุไณร โย นะ วิชาลยะเทฺ
กุณา วารทันทะ อิทิ เอวัม
โย ่วะทิชทฺะทิ เนงกะเทฺ
สะมะ-ดุฮคฺะ-สุคฺะฮ สวะ-สทฺะฮ
สะมะ-โลชทาชมะ-คานชะนะฮฺ
ทุลยะ-พริยาพริโย ดีฺรัส
ทุลยะ-นินดาทมะ-สัมสทุทิฮฺ
มานาพะมานะโยส ทุลยัส
ทุลโย มิทราริ-พัคชะโยฮฺ
สารวารัมบฺะ-พะริทยากี
กุณาทีทะฮ สะ อุชยะเทฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, พระคาชัมฺ - สว่างไสว, ชะฺ - และ, พระวริททิมฺ - ยึดติด, ชะฺ - และ, โมฮัมฺ - ความหลง, เอวะ ชะฺ - เช่นกัน, พาณดะวะฺ - โอ้โอรสพาณดุ, นะ-ดเวชทิฺ - ไม่เกลียด, สัมพระวริททานิฺ - ถึงแม้พัฒนา, นะนิวริททานิฺ - ไม่หยุดพัฒนา, คางคชะทิฺ - ปรารถนา, อุดาสะ-วัทฺ - ประหนึ่งเป็นกลาง, อาสีนะฮฺ - สถิต, กุไณฮฺ - ด้วยคุณสมบัติ, ยะฮฺ - ผู้ซึ่ง, นะฺ - ไม่เคย, วิชาลยะเทฺ - เร่าร้อน, กุณาฮฺ - คุณสมบัติ, วารทันเทฺ - ปฏิบัติ, อิทิ เอวัมฺ - รู้ดังนี้, ยะฮฺ - ผู้ซึ่ง, อวะทิชทฺะทิฺ - ยังคง, นะฺ - ไม่เคย, อิงกะ เทฺ - นิดเดียว, สะมะฺ - เสมอภาค, ดุฮคฺะฺ - ในความทุกข์, สุคะฮฺ - ในความสุข, สวะ-สทะฮฺ - กระตุ้นอยู่ในตัวเขา, สะมะฺ - เสมอภาค, โลชทะฺ - ก้อนดิน, อัชมะฺ - หิน, คานชะนะฮฺ - ทอง, ทุลยะฺ - ปฏิบัติเสมอภาค, พริยะฺ - ต่อสิ่งที่รัก, อพริยะฮฺ - และสิ่งที่ไม่ต้องการ, ดีฺระฮฺ - มั่นคง, ทุลยะฺ - เท่าเทียม, นินดาฺ - ในการดูหมิ่น, อาทมะ-สัมสทุทิฮฺ - และสรรเสริญตัวเขา, มานะฺ - ในเกียรติยศ, อพะมานะโยฮฺ - และเสียเกียรติ, ทุลยะฮฺ - เท่าเทียม, ทุลยะฮฺ - เท่าเทียม, มิทระฺ - เพื่อน, อริฺ - และศัตรู, พัคชะโยฮฺ - ต่อพรรค, สารวะฺ - ทั้งหมด, อารัม บฺะฺ - ความพยายาม, พะริทยากีฺ - ผู้เสียสละ, กุณะ-อทีทะฮฺ - ข้ามพ้นระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ, สะฮฺ - เขา, อุชยะเทฺ - กล่าวว่าเป็น
คำแปลฺ
บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า โอ้ โอรสแห่งพาณดุ ผู้ที่ไม่เกลียดแสงสว่าง ความยึดติด และความหลง เมื่อสิ่งเหล่านี้ปรากฏ หรือไม่ปรารถนาเมื่อสิ่งเหล่านี้ไม่ปรากฏ ผู้ที่ไม่เอนเอียง และไม่หวั่นไหวกับผลกระทบซึ่งกันและกันของคุณลักษณะต่าง ๆ ทางวัตถุทั้งหลาย คงความเป็นกลางและเป็นทิพย์ รู้ว่าระดับต่าง ๆ เท่านั้นที่ทำงาน ผู้ที่สถิตในตนเอง และปฏิบัติต่อความสุขและความทุกข์เหมือนกัน ผู้ที่มองเห็นก้อนดิน ก้อนหิน และทองคำด้วยสายตาที่เท่าเทียมกัน ผู้ที่เสมอภาคต่อสิ่งที่ปรารถนาและสิ่งที่ไม่ปรารถนา ผู้ที่มีความมั่นคง สถิตเสมอภาคเป็นอย่างดีทั้งในคำสรรเสริญและคำเหยียดหยาม ได้เกียรติและเสียเกียรติผู้ที่ปฏิบัติต่อเพื่อนและศัตรูเหมือนกัน และเป็นผู้ที่สละกิจกรรมทางวัตถุทั้งหมดบุคคลเช่นนี้กล่าวว่าได้ข้ามพ้นเหนือระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติแล้ว
คำอธิบายฺ
อารจุนะทรงถามสามคำถาม โศลกเหล่านี้องค์ภควานทรงตอบทีละข้อ ก่อนอื่นคริชณะทรงแสดงให้เห็นว่า บุคคลสถิตในระดับทิพย์จะไม่มีความอิจฉาริษยาและไม่ทะเยอทะยานกับสิ่งใด ๆ เมื่อสิ่งมีชีวิตมาอยู่ในโลกวัตถุนี้และถูกร่างวัตถุปกคลุม เข้าใจว่าเขาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของหนึ่งในสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุจนกว่าจะออกจากร่างกายจริง ๆ เขาจึงจะออกจากเงื้อมมือของระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ ตราบใดที่ยังไม่ออกไปจากร่างวัตถุเขาควรทำตัวเป็นกลาง และควรปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน เพื่อจะได้ลืมการสำคัญตนเองกับร่างกายวัตถุไปโดยปริยาย เมื่อมีจิตสำนึกอยู่กับร่างกายวัตถุ เขาจะทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อสนองประสาทสัมผัสเท่านั้น แต่เมื่อย้ายจิตสำนึกไปที่คริชณะ การสนองประสาทสัมผัสจะหยุดลงโดยปริยาย ร่างกายวัตถุนี้ไม่มีความจำเป็น และตัวเขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมรับคำบงการจากร่างวัตถุ คุณสมบัติต่าง ๆ ของระดับวัตถุในร่างกายจะทำงาน แต่ดวงวิญญาณหรือตัวเขาเองอยู่ออกห่างเหนือไปจากกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ เขาอยู่เหนือและห่างออกไปได้อย่างไร? เขาไม่ปรารถนาหาความสุขกับร่างกายและไม่ปรารถนาที่จะออกไปจากร่างกาย ดังนั้น จึงสถิตในวิถีทิพย์ สาวกเป็นอิสระโดยปริยาย ไม่จำเป็นต้องพยายามมาเป็นอิสระจากอิทธิพลของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุ
คำถามต่อไปเกี่ยวกับบุคคลผู้สถิตในวิถีทิพย์ บุคคลสถิตทางวัตถุได้รับผลกระทบจากสิ่งที่สมมติว่าเป็นการได้รับเกียรติและเสียเกียรติที่เสนอให้กับร่างกาย แต่บุคคลผู้สถิตในวิถีทิพย์ไม่ได้รับผลกระทบจากการได้เกียรติและการเสียเกียรติอย่างผิดๆ เหล่านี้ เขาปฏิบัติหน้าที่ในคริชณะจิตสำนึก และไม่สนใจว่าใครจะให้เกียรติหรือจะทำให้เสียเกียรติ เขายอมรับสิ่งต่าง ๆ ที่เอื้ออำนวยต่อหน้าที่การงานของตนในคริชณะจิตสำนึก มิฉะนั้น ไม่มีความจำเป็นกับสิ่งใด ๆ ที่เป็นวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นก้อนหินหรือทองคำ ถือเสียว่าทุก ๆ คนที่ช่วยเขาในการปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกเป็นเพื่อนรัก และไม่เกลียดคนที่สมมติว่าเป็นศัตรู เขาปฏิบัติเสมอภาคกับทุกคน และมองดูทุกสิ่งทุกอย่างในระดับเดียวกันเพราะทราบดีว่าตัวเขาไม่มีอะไรยุ่งเกี่ยวกับความเป็นอยู่ทางวัตถุ ประเด็นทางสังคมและทางการเมืองจะไม่มีผลกระทบต่อเขา เพราะเขารู้ถึงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงและความยุ่งยากต่าง ๆ ที่ไม่ถาวร และไม่พยายามทำสิ่งใด ๆ เพื่อประโยชน์ส่วนตัว แต่จะพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคริชณะ สำหรับส่วนตัวจะไม่พยายามเพื่อสิ่งใด จากพฤติกรรมเช่นนี้เขาสถิตในวิถีทิพย์โดยแท้จริง
มาม ชะ โย ่วิยะบิฺชาเรณะ
บัฺคธิ-โยเกนะ เสวะเทฺ
สะ กุณาน สะมะทีทไยทาน
บระฮมะ-บํูยายะ คัลพะเทฺ
มามฺ - แด่ข้า, ชะฺ - เช่นกัน, ยะฮฺ - บุคคลซึ่ง, อัพยะบิฺชาเรณะฺ - ไม่ผิดพลาด, บัฺคธิ-โยเกนะฺ - ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้, เสวะเทฺ - ถวายการรับใช้, สะฮฺ - เขา, กุณานฺ - ระดับต่าง ๆแห่งธรรมชาติวัตถุ, สะมะทีทยะฺ - ข้ามพ้น, เอทานฺ - ทั้งหมดนี้, บระฮมะ-บํูยายะฺ - พัฒนามาถึงระดับบระฮมัน, คัลพะเทฺ - กลายมาเป็น
คำแปลฺ
ผู้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างเต็มที่ ไม่หยุดยั้งในทุก ๆ สถานการณ์ข้ามพ้นระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุ และมาถึงระดับแห่งบระฮมันทันที
คำอธิบายฺ
โศลกนี้ทรงตอบคำถามที่สามของอารจุนะที่ว่าอะไรคือวิถีทางที่บรรลุถึงสถานภาพทิพย์? ดังที่ได้อธิบายไว้แล้วว่า โลกวัตถุทำงานภายใต้มนต์สะกดของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุ เราไม่ควรหวั่นไหวไปกับกิจกรรมของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติ แทนที่จะปล่อยจิตสำนึกไปในกิจกรรมเหล่านี้ เราอาจย้ายจิตสำนึกไปที่กิจกรรมของคริชณะ ซึ่งเรียกว่า ภักดี-โยคะฺ หรือปฏิบัติเพื่อคริชณะเสมอ เช่นนี้มิได้หมายเพียงแต่คริชณะเท่านั้น แต่รวมถึงภาคแบ่งแยกที่สมบูรณ์ต่าง ๆ ของพระองค์เช่น พระราม และพระนารายณ์ พระองค์ทรงมีอวตารนับไม่ถ้วน ผู้ปฏิบัติในการรับใช้รูปลักษณ์ใดของคริชณะหรืออวตารที่สมบูรณ์องค์ใดก็ได้พิจารณาว่าสถิตในระดับทิพย์ควรสังเกตด้วยว่า รูปลักษณ์ของคริชณะทั้งหมดเป็นทิพย์โดยสมบูรณ์ มีความสุขเกษมสำราญ เปี่ยมไปด้วยความรู้ และเป็นอมตะ องค์ภควานเหล่านี้ทรงพระเดชทั้งหมด ทรงเป็นสัพพัญญู และทั้งหมดมีคุณลักษณะทิพย์อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น หากเราปฏิบัติในการรับใช้ คริชณะหรือภาคแบ่งแยกที่สมบูรณ์ของพระองค์ด้วยความมั่นใจอย่างแน่วแน่ ถึงแม้ว่าระดับทั้งสามแห่งธรรมชาติวัตถุเอาชนะได้ยากมาก เราจะสามารถข้ามพ้นระดับเหล่านี้ได้โดยง่ายดาย ได้อธิบายไว้แล้วในบทที่เจ็ดว่า ผู้ที่ศิโรราบต่อคริชณะจะข้ามพ้นอิทธิพลของระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุทันที การอยู่ในคริชณะจิตสำนึกหรือในการอุทิศตนเสียสละรับใช้หมายความว่าเราได้รับความเสมอภาคกับคริชณะคริชณะตรัสว่าธรรมชาติของพระองค์เป็นอมตะ มีความสุขเกษมสำราญและเปี่ยมไปด้วยความรู้ สิ่งมีชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควาน เศษละอองทองก็เป็นส่วนหนึ่งของเหมืองทอง ดังนั้น สิ่งมีชีวิตในสถานภาพทิพย์ดีเท่า ๆ กับทองคำ ดีเท่า ๆ กับคริชณะในเชิงคุณสมบัติ ความแตกต่างแห่งปัจเจกบุคคลยังคงดำเนินต่อไป มิฉะนั้น จะไม่มีคำว่า ภักดี-โยคะ, ภักดี-โยคะฺ หมายความว่าองค์ภควานยังทรงมีอยู่ สาวกก็มีอยู่ และกิจกรรมในการแลกเปลี่ยนความรักระหว่างองค์ภควานและสาวกก็มีอยู่ ฉะนั้น ความเป็นปัจเจกของสองบุคคลมีอยู่ในองค์ภควานและปัจเจกชีวิต มิฉะนั้น ภักดี-โยคะฺ จะไม่มีความหมาย หากไม่สถิตในสถานภาพทิพย์เหมือนกับองค์ภควาน เราจะไม่สามารถรับใช้พระองค์ได้ ในการเป็นผู้รับใช้ส่วนพระองค์ของกษัตริย์ เราต้องมีคุณสมบัติเพียงพอ ดังนั้น คุณสมบัติก็คือมาเป็น บระฮมันฺ หรือเป็นอิสระจากมลทินทั้งหลายทางวัตถุได้กล่าวไว้ในวรรณกรรมพระเวทว่า บระฮไมวะ สัน บระฮมาพิ เอทิฺ เราสามารถบรรลุถึง บระฮมันฺ สูงสุดด้วยการมาเป็น บระฮมันฺ เช่นนี้หมายความว่า เราต้องมาเป็นหนึ่งเดียวกับ บระฮมันฺ ในเชิงคุณสมบัติ จากการบรรลุถึง บระฮมันฺ เรามิได้สูญเสียบุคลิก บระฮมันฺ อมตะของตนเองในฐานะที่เป็นปัจเจกวิญญาณ
บระฮมะโณ ฮิ พระทิชทฺาฮัมฺ
อมริทัสยาพยะยัสยะ ชะฺ
ชาชวะทัสยะ ชะ ดฺารมัสยะ
สุคัฺสไยคานทิคัสยะ ชะฺ
บระฮมะณะฮฺ - ของ บระฮมะจโยทิฺ ที่ไร้รูปลักษณ์, ฮิฺ - แน่นอน, พระทิชทฺาฺ - ที่เหลือ, อฮัมฺ - ข้าเป็น, อมริทัสยะฺ - ของไม่รู้จักตาย, อัพยะยัสยะฺ - ของที่ไม่สูญสิ้น, ชะฺ - เช่นกัน, ชาชวะทัสยะฺ - ของอมตะ, ชะฺ - และ, ดฺารมัสยะฺ - ของตำแหน่งพื้นฐานเดิม, สุคัฺสยะฺ - แห่งความสุข, ไอคานทิคัสยะฺ - ในที่สุด, ชะฺ - เช่นกัน
คำแปลฺ
และข้าคือฐานของบระฮมันอันไร้รูปลักษณ์ซึ่งไม่รู้จักตาย ไม่สูญสิ้น เป็นอมตะและเป็นสถานภาพพื้นฐานเดิมแห่งความสุขสูงสุด
คำอธิบายฺ
สถานภาพพื้นฐานเดิมของ บระฮมันฺ คือ ความไม่ตาย ความไม่สูญสิ้น เป็นอมตะและมีความสุข บระฮมันฺ คือความรู้แจ้งทิพย์ขั้นแรก พะระมาทมาฺ หรืออภิวิญญาณคือความรู้แจ้งในระดับกลางหรือระดับที่สอง และบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคือความรู้แจ้งสูงสุดแห่งสัจธรรมที่สมบูรณ์ ดังนั้น ทั้ง พะระมาทมาฺ และ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์อยู่ภายในบุคคลสูงสุดองค์ภควาน ได้อธิบายไว้ในบทที่เจ็ดว่าธรรมชาติวัตถุเป็นปรากฏการณ์ของพลังงานเบื้องต่ำขององค์ภควาน พระองค์ทรงทำให้ธรรมชาติเบื้องต่ำหรือธรรมชาติวัตถุตั้งครรภ์ด้วยละอองแห่งธรรมชาติเบื้องสูง และนั่นคือการสัมผัสทิพย์ในธรรมชาติวัตถุ และค่อย ๆ เจริญขึ้นมาจนถึงแนวคิด บระฮมันฺ แห่งองค์ภควาน การบรรลุถึงแนวคิดชีวิตแห่ง บระฮมันฺ นี้ เป็นระดับแรกในความรู้แจ้งแห่งตน ในระดับนี้บุคคลผู้รู้แจ้ง บระฮมันฺ นี้ เป็นระดับแรกในความรู้แจ้งแห่งตน ในระดับนี้บุคคลผู้รู้แจ้งบระฮมันฺ เป็นทิพย์เหนือสถานภาพทางวัตถุ แต่จะไม่มีความสมบูรณ์อย่างแท้จริงในความรู้แจ้ง บระฮมันฺ หากปรารถนาจะสามารถอยู่ในสถานภาพ บระฮมันฺ ต่อไปและค่อย ๆ เจริญขึ้นมาถึงความรู้แจ้ง พะระมาทมาฺ จากนั้น ก็รู้แจ้งถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า มีตัวอย่างเช่นนี้มากมายในวรรณกรรมพระเวท คุมาระฺ ทั้งสี่ ตอนแรกสถิตในแนวคิดแห่งสัจธรรม บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ และค่อย ๆ เจริญขึ้นมาจนถึงระดับแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ผู้ที่ไม่สามารถพัฒนาตนเองให้อยู่เหนือแนวคิดอันไร้รูปลักษณ์แห่ง บระฮมันฺ จะมีความเสี่ยงในการตกลงต่ำ ใน ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ กล่าวว่าถึงแม้บุคคลอาจเจริญขึ้นมาถึงระดับ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ หากไม่พัฒนาให้สูงขึ้นเนื่องจากไม่มีข้อมูลแห่งองค์ภควาน ปัญญาของเขาจะไม่ผ่องใสโดยสมบูรณ์ ฉะนั้น ถึงแม้ว่าจะเจริญมาถึงระดับ บระฮมันฺ ก็ยังมีโอกาสตกลงต่ำ หากไม่ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์ ในภาษาพระเวทกล่าวไว้เช่นกันว่า ระโส ไว สะฮ, ระสัม ฮิ เอ วายัม ลับฺดฺวานันดี บฺะวะทิฺ “เมื่อเข้าใจบุคลิกภาพแห่งพระเจ้าคริชณะผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งความสุข เขาจะมาเป็นผู้มีความปลื้มปีติสุขทิพย์อย่างแท้จริง” (ไททิรียะ อุ- พะนิชัดฺ 2.7.1) องค์ภควานทรงเปี่ยมไปด้วยความมั่งคั่งหกประการ และเมื่อสาวกเข้าพบพระองค์ จะมีการแลกเปลี่ยนความมั่งคั่งทั้งหกประการนี้ ผู้รับใช้พระเจ้าแผ่นดินได้รับความรื่นเริงเกือบระดับเดียวกันกับพระเจ้าแผ่นดิน ดังนั้น ความสุขนิรันดร ความสุขที่ไม่มีวันสูญสลาย และชีวิตอมตะรวมอยู่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ เช่นเดียวกัน ความรู้แจ้ง บระฮมันฺ หรือความเป็นอมตะ หรือความไม่รู้จักตาย รวมอยู่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ บุคคลผู้ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้มีสิ่งเหล่านี้อยู่ในตัวเรียบร้อยแล้ว
สิ่งมีชีวิตถึงแม้เป็น บระฮมันฺ โดยธรรมชาติ มีความปรารถนาเป็นเจ้าเหนือโลกวัตถุ ด้วยเหตุนี้ จึงตกต่ำลง ในสถานภาพพื้นฐานเดิมของตนสิ่งมีชีวิตอยู่เหนือสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ แต่การที่มาคบหาสมาคมกับธรรมชาติวัตถุทำให้ถูกพันธนาการอยู่ในระดับต่าง ๆ แห่งธรรมชาติวัตถุ เช่น ความดี ตัณหา และอวิชชา เนื่องจากการมาคบหาสมาคมกับสามระดับเหล่านี้ ความปรารถนาที่จะครอบครองโลกวัตถุจึงมีอยู่ เมื่อปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ เราสถิตในสถานภาพทิพย์ทันที และความปรารถนาที่ผิดกฎหมายในการมาควบคุมธรรมชาติวัตถุจะถูกขจัดไป ดังนั้น วิธีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้เริ่มจากการสดับฟัง การสวดภาวนาการระลึกถึง ฯลฯ มีอยู่เก้าวิธีเพื่อรู้แจ้งถึงการอุทิศตนเสียสละรับใช้ที่ได้อธิบายไว้ เราควรฝึกปฏิบัติร่วมกับเหล่าสาวก จากการมาร่วมกันและด้วยอิทธิพลของพระอาจารย์ทิพย์ ความปรารถนาที่จะครอบครองธรรมชาติวัตถุจะค่อย ๆ ถูกขจัดไป และเราจะสถิตอย่างมั่นคงในการรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อองค์ภควาน วิธีนี้ได้อธิบายจากโศลกที่ยี่สิบสองจนมาถึงโศลกสุดท้ายของบทนี้ การอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานเป็นสิ่งที่ง่ายมาก เราควรปฏิบัติในการรับใช้พระองค์เสมอ ควรรับประทานอาหารส่วนเหลือหลังจากที่ได้ถวายต่อพระปฏิมาแล้ว ดมกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ถวายต่อพระบาทรูปดอกบัวขององค์ภควาน ดูสถานที่ต่าง ๆ ที่พระองค์ทรงแสดงลีลาทิพย์ อ่านกิจกรรมต่าง ๆ ของพระองค์รวมถึงการแลกเปลี่ยนความรักของพระองค์กับเหล่าสาวก สวดภาวนาคลื่นเสียงทิพย์ ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะ คริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร / ฮะเรรามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร เสมอ และถือวันอดอาหารเพื่อระลึกถึงการปรากฏและการจากไปของพระองค์และบรรดาสาวกของพระองค์ ด้วยการปฏิบัติตามวิธีการเหล่านี้ ทำให้เราไม่ยึดติดกับกิจกรรมต่าง ๆ ทางวัตถุทั้งหมดโดยสมบูรณ์ ดังนั้นผู้ที่สามารถสถิตใน บระฮมะจโยทิฺ หรือแนวคิดแห่ง บระฮมันฺ อันหลากหลายต่าง ๆ มีความทัดเทียมกันกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าในเชิงคุณสมบัติ
ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดย บัฺคธิเวดันธะ บทที่สิบสี่ของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่องสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถฺุ