ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ สาม

คารมะ-โยกะ

โศลก 1

อารจุนะ อุวาชะฺ
จยายะสี เชท คารมะณัส เท
มะทา บุดดฺิร จะนารดะนะฺ

ทัท คิม คารมะณิ โกฺเร มาม
นิโยจะยะสิ เคชะวะฺ

อารจุนะฮ อุวาชะฺ  -  อารจุนะตรัส, จยายะสีฺ  -  ดีกว่า, เชทฺ  -  ถ้าหาก, คารมะณะฮฺ  -  กว่ากิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, เทฺ  -  โดยพระองค์, มะทาฺ  -  พิจารณาว่า, บุดดฺิฮฺ  -  ปัญญา, จะ- นารดะนะฺ  -  โอ้ คริชณะ, ทัทฺ  -  ดังนั้น, คิมฺ  -  ทำไม, คารมะณิฺ  -  ในการกระทำ, โกฺเรฺ  -  น่าสะพรึงกลัว, มามฺ  -  ข้าพเจ้า, นิโยจะยะสิฺ  -  พระองค์ทรงปฎิบัติอยู่, เคชะวะฺ  -  โอ้ คริชณะ

คำแปลฺ

อารจุนะตรัสว่า  โอ้  จะนารดะนะ  โอ้  เคชะวะ  ทำไมพระองค์ทรงปรารถนาให้ข้าพเจ้าต่อสู้ในสงครามอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้  หากทรงคิดว่าปัญญานั้นดีกว่าการทำงานเพื่อผลทางวัตถุ?

คำอธิบายฺ

บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าชรีคริชณะทรงอธิบายถึงสถานภาพพื้นฐานของดวงวิญญาณอย่างละเอียดในบทที่ผ่านมา  ด้วยพระประสงค์ที่จะส่งอารจุนะสหายสนิทของพระองค์ให้ออกจากมหาสมุทรแห่งความทุกข์ทางวัตถุ  และทรงแนะนำวิถีแห่งการรู้แจ้งตนเองคือ  บุดดฺิ-โยกะฺ  หรือคริชณะจิตสำนึก  บางครั้งมีผู้เข้าใจผิดคิดว่าคริชณะจิตสำนึกหมายถึงความเฉื่อยชา  เกียจคร้าน  ผู้ที่เข้าใจผิดเช่นนี้จะปลีกตัวไปอยู่ตามลำพังสวดมนต์ภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ชรีคริชณะเพื่อให้มีคริชณะจิตสำนึกโดยสมบูรณ์  หากว่าไม่ได้รับการฝึกฝนในปรัชญาแห่งคริชณะจิตสำนึกแล้ว  ไม่แนะนำให้ไปสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควานโดยลำพัง  ซึ่งอาจได้รับการสรรเสริญเยินยอจากประชาชนผู้พาซื่อ  อารจุนะทรงคิดเช่นเดียวกันว่าคริชณะจิตสำนึกหรือ  บุดดฺิ-โยกะฺ  หรือการใช้สติปัญญาในความเจริญก้าวหน้าแห่งความรู้ทิพย์เป็นเสมือนเกษียณจากชีวิตการทำงาน  ไปบำเพ็ญเพียรและสมถะอย่างเคร่งครัดในที่โดดเดี่ยว  อีกนัยหนึ่ง  อารจุนะทรงปรารถนาที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้  และใช้ความชำนาญอ้างเอาคริชณะจิตสำนึกมาเป็นข้อแก้ตัว  แต่ในฐานะที่เป็นศิษย์ผู้มีความจริงใจ  อารจุนะได้วางปัญหาลงต่อหน้าพระอาจารย์  และถามคริชณะว่าควรปฎิบัติอย่างไรจึงจะดีที่สุด  ในการตอบคำถามนี้  องค์ชรีคริชณะทรงอธิบาย  คารมะ-โยกะฺ  หรือการทำงานในคริชณะจิตสำนึกอย่างละเอียดในบทที่สามนี้

โศลก 2

วิยามิชเรเณวะ วาคเยนะ
บุดดฺิม โมฮะยะสีวะ เมฺ

ทัด เอคัม วะดะ นิชชิทยะ
เยนะ ชเรโย ‘ฮัม อาพนุยามฺ

วิยามิชเรนะฺ  -  ด้วยความไม่แน่นอน, อิวะฺ  -  แน่นอน, วาคเยนะฺ  -  คำพูด, บุดดฺิมฺ  -  ปัญญา, โมฮะยะสิฺ  -  พระองค์ทรงสับสน, อิวะฺ  -  แน่นอน, เมฺ  -  ของข้าพเจ้า, ทัดฺ  -  ดังนั้น, เอคัมฺ  -  ผู้เดียวเท่านั้น, วะดะฺ  -  กรุณาตรัส, นิชชิทยะฺ  -  อย่างชัดเจน, เยนะฺ  -  ที่ซึ่ง, ชเรยะฮฺ  -  ประโยชน์อันแท้จริง, อะฮัมฺ  -  ข้าพเจ้า, อาพนุยามฺ  -  อาจได้รับ

คำแปลฺ

ปัญญาของข้าพเจ้ารู้สึกสับสนจากคำสั่งสอนที่ไม่แน่นอนของพระองค์  ฉะนั้น  ทรงโปรดตรัสอย่างชัดเจนว่า  อะไรคือสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับข้าพเจ้า

คำอธิบายฺ

บทที่ผ่านมาเป็นการเริ่มดำเนินเรื่องของ  ภควัต-คีตาฺ  ได้อธิบายถึงวิธีต่างๆเช่น  สางคฺยะ-โยกะ,  บุดดฺิ-โยกะฺ  หรือการควบคุมประสาทสัมผัสด้วยปัญญา  การทำงานโดยไม่ปรารถนาผลทางวัตถุ  และสถานภาพของผู้เริ่มฝึกปฎิบัติ  ทั้งหมดนี้ได้เสนอไว้อย่างไม่เป็นระบบ  วิธีจัดการให้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่านี้จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เข้าใจและนำไปปฎิบัติได้  ดังนั้น  อารจุนะทรงปรารถนาจะขจัดสิ่งที่ดูเหมือนว่ายังสับสนอยู่  และเพื่อบุคคลธรรมดาสามัญทั่วไปจะได้รับไปปฎิบัติได้อย่างถูกต้อง  โดยไม่ตีความหมายอย่างผิด  ๆ  ถึงแม้ว่าคริชณะทรงไม่ตั้งใจที่จะทำให้อารจุนะรู้สึกสับสนด้วยสำนวนโวหาร  อารจุนะทรงไม่สามารถเข้าใจในวิธีการของคริชณะจิตสำนึก  ไม่รู้ว่าจะให้อยู่นิ่งเฉยหรือให้ปฎิบัติตนรับใช้  อีกนัยหนึ่งคือคำถามของอารจุนะจะทำให้วิธีการปฎิบัติคริชณะจิตสำนึกชัดเจนขึ้น  เพื่อให้นักศึกษาทั้งหลายผู้ที่มีความจริงจังจะได้เข้าใจความเร้นลับของ  ภควัต-คีตาฺ

โศลก 3

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
โลเค ‘สมิน ดวิ-วิดฺา นิชทฺา
พุรา โพรคทา มะยานะกฺะฺ

กยานะ-โยเกนะ สางคฺยานาม
คารมะ-โยเกนะ โยกินามฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัส, โลเคฺ  -  ในโลก, อัสมินฺ  -  นี้, ดวิ- วิดฺาฺ  -  สองประเภท, นิชทฺาฺ  -  ความศรัทธา, พุราฺ  -  อดีต, โพรคทาฺ  -  ได้กล่าวไว้, มะยาฺ  -  โดยข้า, อนะกะฺ  -  โอ้ ผู้ไร้บาป, กยานะ-โยเกนะฺ  -  โดยวิธีการเชื่อมด้วยความรู้, สางคฺยา- นามฺ  -  ของปราชญ์ผู้สังเกตุ, คารมะ-โยเกนะฺ  -  โดยวิธีการเชื่อมด้วยการอุทิศตนเสียสละ, โยกิ นามฺ  -  ของสาวก

คำแปลฺ

องค์ภควานตรัสว่า  โอ้  อารจุนะผู้ไร้บาป  ข้าได้อธิบายเรียบร้อยแล้วว่ามีคนอยู่สองประเภทที่พยายามรู้แจ้งตนเอง  บางคนมีแนวโน้มที่จะเข้าใจด้วยการสังเกตและคาดคะเนทางปรัชญา  และบางคนเข้าใจด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้

คำอธิบายฺ

ในบทที่สอง  โศลก  39  องค์ภควานทรงอธิบายไปแล้วสองวิธีคือ  สางคฺยะ-  โยกะฺ  และ  คารมะ-โยกะฺ  หรือ  บุดดฺิ-โยกะฺ  ในโศลกนี้องค์ภควานทรงอธิบายเรื่องเดียวกันแต่ว่าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น  สางคฺยะ-โยกะฺ  หรือการศึกษาด้วยการวิเคราะห์ธรรมชาติของดวงวิญญาณและวัตถุ  เป็นเรื่องของผู้ที่มีแนวโน้มในทางคาดคะเนและเข้าใจสิ่งต่าง  ๆ  ด้วยความรู้จากการทดลองและปรัชญา  บุคคลอีกประเภทหนึ่งทำงานในคริชณะจิตสำนึกดังที่ได้อธิบายไว้ในโศลก  61  ของบทที่สอง  องค์ภควานทรงอธิบายในโศลก  39  เช่นกันว่า  ด้วยการทำงานตามหลักของ  บุดดฺิ-โยกะฺ  หรือคริชณะจิตสำนึก  เราสามารถหลุดพ้นจากพันธนาการแห่งกรรมได้  ยิ่งไปกว่านั้นจะไม่มีข้อบกพร่องในวิธีการ  หลักเดียวกันนี้ได้อธิบายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นในโศลก  61  ว่า  บุดดฺิ-โยกะฺ  คือทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับองค์ภควาน  (หรือขึ้นอยู่กับคริชณะโดยตรง)  ด้วยวิธีนี้ประสาทสัมผัสทั้งหมดสามารถถูกควบคุมได้อย่างง่ายดาย  ฉะนั้น  โยกะฺ  ทั้งสองต่างต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันเหมือนเช่นศาสนาและปรัชญา  ศาสนาที่ไร้ปรัชญาคือความอ่อนไหวทางอารมณ์หรือบางครั้งก็บ้าคลั่ง  และปรัชญาที่ไร้ศาสนาคือการคาดคะเนทางจิตใจ  จุดมุ่งหายสูงสุดคือคริชณะเพราะนักปราชญ์ผู้ค้นหาสัจธรรมด้วยความจริงใจจะมาจบลงที่คริชณะจิตสำนึก  ได้กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  เช่นกันว่า  วิธีการทั้งหมดนี้เพื่อให้เข้าใจถึงสถานภาพอันแท้จริงของตัวเราในความสัมพันธ์กับองค์ภควาน  วิธีทางอ้อมคือการคาดคะเนทางปรัชญาซึ่งอาจจะค่อย  ๆ  นำเรามาถึงจุดแห่งคริชณะจิตสำนึก  อีกวิธีหนึ่งคือการเชื่อมสัมพันธ์ทุกสิ่งทุกอย่างกับคริชณะในคริชณะจิตสำนึกโดยตรง  ทั้งสองวิธีนี้วิธีคริชณะจิตสำนึกจะดีกว่า  เพราะว่าไม่ขึ้นอยู่กับการทำให้ประสาทสัมผัสบริสุทธิ์ด้วยวิธีทางปรัชญา  คริชณะจิตสำนึกเป็นวิธีการที่มีความบริสุทธิ์อยู่ในตัว  ปฎิบัติโดยตรงด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้จึงเป็นวิธีที่ทั้งง่ายและประเสริฐพร้อม  ๆ  กัน

โศลก 4

นะ คารมะณาม อนารัมบฺาน
ไนชคารมยัม พุรุโช 'ชนุเทฺ

นะ ชะ สันนยะสะนาด เอวะ
สิดดฺิม สะมะดฺิกัชชะทีฺ

นะฺ  -  ไม่, คารมะณามฺ  -  แห่งหน้าที่ที่กำหนดไว้, อนารัมบฺาทฺ  -  ด้วยการไม่ปฎิบัติ, ไนชคาร- มยัมฺ  -  มีอิสระจากผลกรรม, พุรุชะฮฺ  -  บุคคล, อัชนุเทฺ  -  บรรลุ, นะฺ  -  ไม่, ชะฺ  -  เช่นกัน, สันน ยะสะนาทฺ  -  ด้วยการเสียสละ, เอวะฺ  -  เพียงแต่, สิดดฺิมฺ  -  ประสบผลสำเร็จ, สะมะดฺิกัชชะ ทีฺ  -  บรรลุ

คำแปลฺ

มิใช่เพียงแต่หยุดทำงานที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากผลกรรม  หรือด้วยการเสียสละเพียงอย่างเดียวที่สามารถทำให้เราบรรลุความสมบูรณ์

คำอธิบายฺ

ชีวิตระดับสละโลกรับนำมาปฎิบัติหลังจากจิตใจได้รับความบริสุทธิ์  จากการปฎิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้  หน้าที่นี้วางไว้เพื่อทำให้จิตใจของนักวัตถุนิยมบริสุทธิ์ขึ้น  หากไร้ซึ่งความบริสุทธิ์การรับเอาชีวิตระดับที่สี่หรือ  สันนยาสะฺ  มาปฎิบัติอย่างเร่งด่วนนั้นไม่สามารถทำให้เราประสบผลสำเร็จได้  ตามที่นักปราชญ์ชอบทดลองกล่าวว่าเพียงแต่รับเอาชีวิต  สันนยาสะฺ  หรือเกษียณจากกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุแล้วเราจะดีเทียบเท่ากับพระนารายณ์ทันที  หลักการนี้องค์ชรีคริชณะทรงไม่ยอมรับ  หากจิตใจยังไม่บริสุทธิ์การอุปสมบทในระดับ  สันนยาสะฺ  เพียงแต่จะสร้างความเดือดร้อนให้สังคมเท่านั้น  อีกด้านหนึ่ง  หากบางคนมีความยินดีปฎิบัติรับใช้ทิพย์ต่อองค์ภควาน  ถึงแม้ว่าจะไม่ปฎิบัติตามหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้  ไม่ว่าอะไรที่เขาสามารถทำให้เจริญขึ้นในวิถีทางนี้  องค์ภควานจะทรงรับไว้  (บุดดฺิ-โยกะฺ)  สว-อัลพัม  อพิ  อัสยะ  ดฺารมัสยะ  ทรายะเท  มะฮะโท  บฺะยาทฺ  แม้แต่การปฎิบัติตนเพียงนิดเดียวในหลักธรรมนี้จะสามารถนำเราให้ข้ามพ้นความยากลำบากอันใหญ่หลวงได้

โศลก 5

นะ ฮิ คัชชิท คชะณัม อพิ
จาทุ ทิชทฺะทิ อคารมะ-คริทฺ

คารยะเท ฮิ อวะชะฮ คารมะ
สารวะฮ พระคริทิ-ไจร กุไณฮฺ

นะฺ  -  ไม่, ฮิฺ  -  แน่นอน, คัชชิทฺ  -  ทุกคน, คชะณัมฺ  -  ชั่วครู่, อพิฺ  -  เช่นกัน, จาทฺุ  -  ไม่ว่าในเวลาใด, ทิชทฺะทิฺ  -  คงอยู่, อคารมะ-คริทฺ  -  ไม่ทำอะไร, คารยะเทฺ  -  ถูกบังคับให้ทำ, ฮิฺ  -  แน่นอน, อวะชะฮฺ  -  อย่างช่วยไม่ได้, คารมะฺ  -  งาน, สารวะฮฺ  -  ทั้งหมด, พระคริทิ-ไจฮฺ  -  เกิดขึ้นจากระดับของธรรมชาติวัตถุ, กุไณฮฺ  -  โดยคุณสมบัติ

คำแปลฺ

ทุกคนถูกบังคับให้ทำงานตามคุณสมบัติที่ตนได้รับมา  จากระดับต่าง  ๆ  ของธรรมชาติวัตถุอย่างช่วยไม่ได้  ดังนั้น  จึงไม่มีใครสามารถหยุดการกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้แม้แต่เพียงชั่วครู่

คำอธิบายฺ

ไม่ใช่ร่างกายแต่เป็นธรรมชาติของดวงวิญญาณที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอหากดวงวิญญาณไม่อยู่ภายในร่างกาย  ร่างกายก็ไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้ร่างกายเป็นเพียงพาหนะที่ไร้ชีวิตจำต้องให้ดวงวิญญาณเป็นผู้สั่งงาน  ดวงวิญญาณเป็นผู้ที่มีความตื่นตัวอยู่เสมอไม่สามารถหยุดนิ่งได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว  เมื่อเป็นเช่นนี้ดวงวิญญาณควรปฎิบัติงานที่ดีในคริชณะจิตสำนึก  มิฉะนั้นดวงวิญญาณจะไปปฎิบัติในอาชีพการงานที่พลังงานแห่งความหลงเป็นผู้บงการ  การไปสัมผัสกับพลังงานวัตถุ  ดวงวิญญาณจะได้รับระดับแห่งวัตถุเข้ามา  และการจะทำให้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์ขึ้นจากความผูกพันเช่นนี้  มีความจำเป็นที่จะต้องปฎิบัติหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ใน  ชาสทระฺ  หากดวงวิญญาณปฎิบัติหน้าที่ตามธรรมชาติของตนในคริชณะจิตสำนึก  อะไรก็แล้วแต่ที่สามารถทำได้จะเป็นสิ่งที่ดีสำหรับตนเอง  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (1.5.17)  ยืนยันไว้ดังนี้

ทยัคทวา สวะ-ดฺารมัม ชะระณามบุจัม ฮะเรร
บฺะจันน อพัคโว ‘ทฺะ พะเทท ทะโท ยะดิฺ

ยะทระ ควะ วาบฺะดรัม อบูด อมุชยะ คิม
โค วารทฺะ อาพโท ‘บฺจะทาม สวะ-ดฺารมะทะฮฺ

“หากผู้ใดเริ่มรับเอาคริชณะจิตสำนึกมาปฎิบัติ  ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ปฎิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ในชาสทระฺ  หรือไม่ปฎิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อย่างถูกต้อง  และแม้ว่าเขาอาจจะตกลงต่ำกว่ามาตรฐาน  เช่นนี้จะไม่สูญเสียและไม่มีความชั่วร้ายสำหรับเขาแต่ถ้าหากว่าเขาปฎิบัติตามคำสั่งสอนของ  ชาสทระฺ  ทั้งหมดเพื่อความบริสุทธิ์  แล้วไม่มีคริชณะจิตสำนึก  ตัวเขาจะได้รับประโยชน์อันใด”  ดังนั้น  วิธีการที่ทำให้บริสุทธิ์จึงมีความจำเป็นเพื่อที่จะมาถึงจุดแห่งคริชณะจิตสำนึกนี้  ฉะนั้น  สันนยาสะฺ  หรือวิธีการที่ทำให้บริสุทธิ์อื่นใด  ก็เพื่อที่จะช่วยให้เรามาถึงจุดมุ่งหมายสูงสุดคือมีคริชณะจิตสำนึก  ถ้าหากว่ามาไม่ถึงจุดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างถือว่าล้มเหลว

โศลก 6

คารเมนดริยาณิ สัมยัมยะ
ยะ อาสเท มะนะสา สมะรันฺ

อินดริยารทฺาน วิมูดฺาทมา
มิทฺยาชาระฮ สะ อุชยะเทฺ

คารมะฺ  -  อินดริยาณิฺ  -  อวัยวะประสาทสัมผัสสำหรับทำงานทั้งห้า, สัมยัมยะฺ  -  ควบคุม, ยะฮฺ  -  ผู้ใดซึ่ง, อาสเทฺ  -  ยังคง, มะนะสาฺ  -  โดยจิตใจ, สมะรันฺ  -  คิดถึง, อินดริยะ-อารทฺานฺ  -  รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส, วิมูดฺะฺ  -  ความโง่, อาทมาฺ  -  ดวงวิญญาณ, มิทฺยา-อาชาระฮฺ  -  ผู้เสแสร้ง, สะฮฺ  -  เขา, อุชยะเทฺ  -  เรียกว่า

คำแปลฺ

ผู้ที่เหนี่ยวรั้งการทำงานของประสาทสัมผัส  แต่ว่าจิตใจยังจดจ่ออยู่ที่  รูป  รส  กลิ่นเสียง  และ  สัมผัส  แน่นอนว่าเขาเป็นผู้หลอกตัวเอง  และได้ชื่อว่าเป็นผู้เสแสร้ง

คำอธิบายฺ

มีผู้เสแสร้งมากมายที่ปฎิเสธการทำงานในคริชะจิตสำนึกแต่จะแสดงท่าว่าเป็นนักปฎิบัติสมาธิ  ในขณะที่ความเป็นจริงภายในจิตใจของเขาจดจ่ออยู่ที่ความสุขทางประสาทสัมผัส  บางครั้งผู้เสแสร้งเช่นนี้อาจคุยปรัชญาอย่างลม  ๆ  แล้ง  ๆ  เพื่อชักชวนศิษย์ผู้สับสนไปในทางที่ผิด  ตามโศลกนี้  บุคคลเหล่านี้ถือว่าเป็นผู้ฉ้อโกงอย่างมหันต์สามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างในสังคมเพื่อความสุขทางประสาทสัมผัส  หากว่าเขาปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ในระดับสังคมที่ตนเองอยู่ก็จะสามารถค่อย  ๆ  ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่บริสุทธิ์ขึ้น  แต่ถ้าเขาอวดตนว่าเป็นโยคีในขณะที่ความเป็นจริงแล้วเขากำลังแสวงหาอายตนะภายนอกเพื่อสนองประสาทสัมผัส  จะต้องถูกเรียกว่าเป็นผู้ฉ้อโกงอย่างมหันต์แม้บางครั้งเขาอาจพูดคุยเกี่ยวกับปรัชญา  แต่วิชาความรู้ของเขานั้นไร้คุณค่าเพราะว่าผลแห่งวิชาความรู้ของคนบาปเช่นนี้ได้ถูกพลังงานแห่งความหลงขององค์ภควานยึดเอาไปเสียแล้ว  จิตใจของผู้เสแสร้งเช่นนี้จะไม่มีความบริสุทธิ์  ดังนั้น  การแสดงออกว่าตนเองเป็นโยคีนักทำสมาธิจะไม่มีคุณค่าอันใดเลย

โศลก 7

ยัส ทุ อินดริยาณิ มะนะสา
นิยัมยาระบฺะเท 'รจุนะฺ

คารเมนดริไยฮ คารมะ-โยกัม
อสัคทะฮ สะ วิชิชยะเทฺ

ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, ทฺุ  -  แต่, อินดริยาณิฺ  -  ประสาทสัมผัส, มะนะสาฺ  -  ด้วยจิตใจ, นิยัมยะฺ  -  ประมาณ, อาระบฺะเทฺ  -  เริ่มต้น, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, คารมะ-อินดริไยฮฺ  -  ด้วยอวัยวะประสาทสัมผัสที่ทำงาน, คารมะ-โยกัมฺ  -  อุทิศตนเสียสละ, อสัคทะฮฺ  -  ไม่ยึดติด, สะฮฺ  -  เขา, วิชิชยะ เทฺ  -  ดีกว่าเป็นไหน ๆ

คำแปลฺ

อีกด้านหนึ่ง  ถ้าหากผู้มีความจริงใจพยายามใช้จิตใจควบคุมประสาทสัมผัสที่ตื่นตัว  และเริ่มปฎิบัติ  คารมะ-โยกะ  (ในคริชณะจิตสำนึก)  โดยไม่ยึดติด  บุคคลเช่นนี้สูงส่งกว่าเป็นไหน  ๆ

คำอธิบายฺ

แทนที่จะมาเป็นนักทิพย์นิยมจอมปลอมเพื่อมีชีวิตอยู่อย่างสำมะเลเทเมาและแสวงหาความสุขทางประสาทสัมผัส  สู้อยู่ในธุรกิจของตนเองและปฎิบัติตามจุดมุ่งหมายของชีวิตเพื่อให้ได้รับอิสรภาพจากพันธนาการทางวัตถุ  และบรรลุถึงอาณาจักรแห่งองค์ภควานจะดีกว่าเป็นไหน  ๆ  สวารทฺะ-กะทิฺ  หรือจุดมุ่งหมายเพื่อประโยชน์แห่งตน  คือบรรลุถึงพระวิชณุ  การวางรูปแบบสถาบัน  วารณะฺ  และ  อาชระมะฺ  ทั้งหมดเพื่อช่วยให้เราบรรลุถึงจุดมุ่งหมายแห่งชีวิตนี้  คฤหัสถ์ก็สามารถบรรลุถึงจุดหมายปลายทางนี้ได้เช่นเดียวกัน  ด้วยการประมาณการปฎิบัติรับใช้ในคริชณะจิตสำนึกเพื่อความรู้แจ้งแห่งตน  เราสามารถใช้ชีวิตอยู่แบบควบคุมได้ดังที่ได้อธิบายไว้ใน  ชาสทระฺ  ดำเนินธุรกิจของตนต่อไปโดยไม่ยึดติด  และเจริญก้าวหน้าด้วยวิธีนี้  ผู้ที่มีความจริงใจปฎิบัติตามวิธีนี้สถิตในสถานภาพที่ดีกว่าผู้เสแสร้งจอมปลอมที่อวดอ้างตนเองว่าเป็นนักทิพย์นิยมเพื่อหลอกลวงประชาชนผู้พาซื่อโดยทั่วไปเป็นไหน  ๆ  คนกวาดถนนผู้มีความจริงใจยังดีกว่านักปฎิบัติธรรมจอมปลอมที่ทำสมาธิเพียงเพื่อหาเลี้ยงชีพเท่านั้น

โศลก 8

นิยะทัม คุรุ คารมะ ทวัม
คารมะ จยาโย ฮิ อคารมะณะฮฺ

ชะรีระ-ยาทราพิ ชะ เท
นะ พระสิดดฺเยด อคารมะณะฮฺ

นิยะทัมฺ  -  กำหนด, คุรฺุ  -  ทำ, คารมะฺ  -  หน้าที่, ทวัมฺ  -  ท่าน, คารมะฺ  -  งาน, จยายะฮฺ  -  ดีกว่า, ฮิฺ  -  แนน่นอน, อคารมะณะฮฺ  -  ดีกว่าไม่ทำงาน, ชะรีระฺ  -  ร่างกาย, ยาทราฺ  -  รักษา, อพิฺ  -  แม้, ชะฺ  -  เช่นกัน, เทฺ  -  ของท่าน, นะฺ  -  ไม่เคย, พระสิดดฺเยทฺ  -  มีผล, อคารมะณะฮฺ  -  ไม่ทำงาน

คำแปลฺ

จงปฎิบัติหน้าที่ของเธอที่ได้กำหนดไว้  การกระทำเช่นนี้ดีกว่าไม่ทำงาน  เราไม่สามารถแม้แต่จะดำรงรักษาร่างกายนี้ไว้ได้โดยไม่ทำงาน

คำอธิบายฺ

มีนักปฎิบัติสมาธิจอมปลอมมากมายที่อวดอ้างตนอย่างผิด  ๆ  ว่าตนเองอยู่ในตระกูลสูง  และมีบุคคลผู้มีอาชีพสูงอวดอ้างอย่างผิด  ๆ  ว่าตนเองได้เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเห็นแก่ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์  องค์ชรีคริชณะทรงไม่ปรารถนาให้อารจุนะมาเป็นผู้เสแสร้ง  แต่พระองค์ทรงปรารถนาให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้สำหรับกษัตริย์  อารจุนะทรงเป็นคฤหัสถ์และเป็นขุนพล  ดังนั้น  จึงเป็นการดีที่จะดำรงรักษาตำแหน่งนี้ไว้  และปฎิบัติหน้าที่ทางศาสนาที่กำหนดไว้สำหรับกษัตริย์ในฐานะคฤหัสถ์กิจกรรมเช่นนี้จะชะล้างจิตใจของบุคคลทางโลกให้ค่อย  ๆ  สะอาดขึ้น  และมีอิสระจากมลทินทางวัตถุ  สิ่งที่อ้างว่าเป็นการเสียสละที่ทำไปเพื่อหาเลี้ยงชีพ  องค์ภควานหรือแม้แต่พระคัมภีร์ของศาสนาใด  ๆ  ก็ไม่เห็นด้วย  แต่ว่าเราจะต้องทำงานบางอย่างเพื่อดำรงรักษาร่างกายและดวงวิญญาณนี้ให้อยู่ด้วยกัน  จึงไม่ควรยกเลิกงานตามอำเภอใจโดยไม่มีการชะล้างนิสัยทางวัตถุให้บริสุทธิ์ขึ้น  ไม่ว่าใครที่อยู่ในโลกวัตถุจะต้องมีนิสัยที่ไม่บริสุทธิ์  อยากเป็นเจ้าเหนือธรรมชาติวัตถุหรืออยากสนองประสาทสัมผัสของตนเองอย่างแน่นอน  นิสัยที่ไม่ดีเช่นนี้ต้องทำให้บริสุทธิ์ขึ้นด้วยการปฎิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้หากไม่ทำเช่นนี้เราไม่ควรพยายามอวดอ้างว่าเป็นนักทิพย์นิยมที่ยกเลิกกิจการงานและยังชีพอยู่ด้วยค่าใช้จ่ายของคนอื่น

โศลก 9

ยะกยารทฺาท คารมะโณ ‘นยะทระ
โลโค ‘ยัม คารมะ-บันดฺะนะฮฺ

ทัด-อารทฺัม คารมะ คะอุนเทยะ
มุคทะ-สังกะฮ สะมาชะระฺ

ยะกยะ-อารทฺาทฺ  -  ทำไปเพื่อยะกยะฺ หรือพระวิชณุ, คารมะณะฮฺ  -  ดีกว่างาน, อันยะทระฺ  -  มิฉะนั้น, โลคะฮฺ  -  โลก, อยัมฺ  -  นี้, คารมะ-บันดฺะนะฮฺ  -  พันธนาการด้วยงาน, ทัทฺ  -  ของพระองค์, อารทฺัมฺ  -  เพื่อประโยชน์, คารมะฺ  -  งาน, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, มุคทะ-สังกะฮฺ  -  มีอิสระจากการคบหาสมาคม, สะมาชะระฺ  -  ทำอย่างสมบูรณ์

คำแปลฺ

งานทำไปเพื่อเป็นการบูชาพระวิชณุจะต้องปฎิบัติ  มิฉะนั้น  งานจะเป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการในโลกวัตถุนี้  ดังนั้น  โอ้  โอรสพระนางคุนที  จงปฏิบัติหน้าที่ของเธอที่กำหนดไว้เพื่อให้องค์ภควานทรงพอพระทัย  ด้วยการกระทำเช่นนี้เธอจะมีอิสรภาพจากพันธนาการทางวัตถุอยู่ตลอดเวลา

คำอธิบายฺ

เนื่องจากเราจะต้องทำงานแม้เพื่อการดำรงชีวิตอยู่อย่างง่าย  ๆ  หน้าที่และคุณสมบัติที่กำหนดไว้สำหรับสถานภาพโดยเฉพาะในสังคมที่ได้จัดไว้เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายนี้  ยะกยะฺ  หมายถึงพระวิชณุหรือการปฎิบัติบูชา  การปฎิบัติบูชาทั้งหมดก็เพื่อให้พระวิชณุทรงพอพระทัย  คัมภีร์พระเวทกล่าวไว้ว่า  ยะกโย  ไว  วิชณุฮฺ  หมายความว่า  เราสามารถบรรลุจุดมุ่งหมายเดียวกันไม่ว่าเราจะปฏิบัติ  ยะกยะฺ  ที่กำหนดไว้หรือรับใช้พระวิชณุโดยตรง  ดังนั้น  คริชณะจิตสำนึกจึงเป็นการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  ดังที่อธิบายไว้ในโศลกนี้  สถาบัน  วารณาชระมะฺ  ก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้พระวิชณุทรงพอพระทัยเช่นเดียวกัน  วารณาชระมาชาระวะทา  พุรุเชณะ  พะระฮ  พุมาน/  วิชณุร  อาราดฺยะเท  (วิชณุ  พุราณะฺ3.8.8)

ดังนั้น  เราต้องทำงานเพื่อให้พระวิชณุทรงพอพระทัย  งานใด  ๆ  ก็ตามที่ทำในโลกวัตถุนี้จะเป็นต้นเหตุแห่งพันธนาการ  ทั้งกรรมดีและกรรมชั่วจะต้องมีผลกรรม  ไม่ว่าผลกรรมใดก็ตามมันจะพันธนาการผู้กระทำ  ฉะนั้น  เราต้องทำงานในคริชณะจิตสำนึกเพื่อให้คริชณะ  (หรือวิชณุ)  ทรงพอพระทัย  และในขณะที่ปฎิบัติกิจกรรมเช่นนี้  เราจะอยู่ในระดับหลุดพ้น  นี่คือศิลปะอันยิ่งใหญ่ในการทำงาน  ในขั้นต้นวิธีการนี้จำเป็นต้องมีผู้แนะนำที่มีความชำนาญเป็นพิเศษ  ฉะนั้น  เราต้องปฎิบัติด้วยความอดทน  ขยันหมั่นเพียรมากภายใต้การแนะนำที่เชี่ยวชาญของสาวกขององค์ชรีคริชณะ  หรือภายใต้คำสั่งสอนโดยตรงของคริชณะ  (ซึ่งอารจุนะทรงได้รับโอกาสปฎิบัติงานเช่นนี้)  เราไม่ควรทำงานใดๆเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตนเอง  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างควรทำไปเพื่อให้คริชณะทรงพอพระทัย  การปฎิบัติเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะปกป้องเราจากผลกรรม  หากแต่ยังจะค่อย  ๆ  ยกระดับตัวเราไปสู่การรับใช้ทิพย์ด้วยความรักต่อพระองค์  ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่จะส่งเสริมเราให้ขึ้นไปถึงอาณาจักรแห่งองค์ภควานได้

โศลก 10

สะฮะ-ยะกยาฮ พระจาฮ สริชทวา
พุโรวาชะ พระจาพะทิฮฺ

อเนนะ พระสะวิชยัดฺวัม
เอชะ โว 'สทุ อิชทะ-คามะ-ดํุคฺ

สะฮะฺ  -  พร้อมกับ, ยะกยาฮฺ  -  การบูชา, พระจาฮฺ  -  ชั่วอายุคน, สริชทวาฺ  -  การสร้าง, พุราฺ  -  โบราณกาล, อุวาชะฺ  -  กล่าว, พระจา-พะทิฮฺ  -  พระผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์, อเนนะฺ  -  ด้วยวิธีนี้, พระสะวิชยัดฺวัมฺ  -  จงเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น, เอชะฮฺ  -  นี้, วะฮฺ  -  ของท่าน, อัสทฺุ  -  อนุญาตให้เป็น, อิชทะฺ  -  ของสิ่งที่ปรารถนาทั้งหมด, คามะ-ดํุคฺ  -  ผู้ให้

คำแปลฺ

ในตอนเริ่มต้นของการสร้าง  พระผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทรงส่งประชากรมนุษย์และเทวดา  พร้อมทั้งพิธีการบูชาพระวิชณุ  และทรงให้พรด้วยการตรัสว่า  “พวกเธอจงมีความสุขด้วย  ยะกยะ  (การบูชา)  นี้  เพราะการปฎิบัติเช่นนี้จะส่งผลทุกสิ่งที่เธอปรารถนา  เพื่อให้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขและได้รับอิสรภาพหลุดพ้น”

คำอธิบายฺ

พระผู้เป็นเจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย  (พระวิชณุ)  ทรงสร้างโลกวัตถุ  เพื่อเสนอให้พันธวิญญาณได้มีโอกาสกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน  สิ่งมีชีวิตทั้งหลายภายในการสร้างโลกวัตถุอยู่ภายใต้สภาวะของธรรมชาติวัตถุ  เพราะลืมความสัมพันธ์กับพระวิชณุหรือคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  หลักการพระเวทมีไว้เพื่อช่วยเราให้เข้าใจความสัมพันธ์นิรันดรนี้  ดังที่กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตา:  เวไดช  ชะ  สารไวร  อฮัม  เอวะ  เวดยะฮฺ  องค์ภควานตรัสว่าจุดมุ่งหมายของพระเวทคือเพื่อให้เข้าใจพระองค์บทสวดมนต์พระเวทได้กล่าวว่า  พะทิม  วิชวัสยาทเมชวะรัมฺ  ดังนั้น  พระผู้เป็นเจ้าของมวลชีวิตคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  พระวิชณุ  ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (2.4.20)ชรีละ  ชุคะเดวะ  โกสวามี  อธิบายถึงองค์ภควานว่าเป็น  พะทิฺ  ในหลายรูปแบบ

ชรียะฮ พะทิร ยะกยะ-พะทิฮ พระจา-พระทิร
ดฺิยาม พะทิร โลคะ-พะทิร ดฺะรา-พะทิฮฺ

พะทิร กะทิช ชานดฺะคะ-วริชณิ-สาทวะทาม
พระสีดะทาม เม บฺะกะวาน สะทาม พะทิฮฺ

พระจา-พะทิฺ  คือพระวิชณุ  พระองค์ทรงเป็นองค์ภควานของมวลชีวิต  เป็นเจ้าแห่งโลกทั้งหมด  เป็นเจ้าแห่งความสง่างามทั้งหมด  และเป็นผู้ปกป้องทุก  ๆ  คนพระองค์ทรงสร้างโลกวัตถุนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ดวงวิญญาณที่อยู่ในสภาวะ  ได้เรียนรู้การปฎิบัติ  ยะกยะฺ  (การบูชา)  เพื่อให้พระวิชณุทรงพอพระทัย  เพื่อให้เราขณะที่อยู่ในโลกวัตถุนี้ได้สามารถใช้ชีวิตอยู่อย่างสะดวกสบายโดยไม่มีความวิตกกังวล  และหลังจากร่างกายวัตถุปัจจุบันนี้เสร็จสิ้นลงเราจะสามารถบรรลุถึงอาณาจักรแห่งองค์ภควานได้  นี่คือโครงการทั้งหมดสำหรับพันธวิญญาณ  ด้วยการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  พันธวิญญาณจะค่อย  ๆ  มีคริชณะจิตสำนึกและมีคุณธรรมในทุกแง่ทุกมุม  ใน  คะลิฺ  ยุคนี้คัมภีร์พระเวทแนะนำ  สังคีรทะนะ-ยะกยะฺ  (การร้องเพลงภาวนาพระนามขององค์ภควาน)  ระบบทิพย์นี้องค์เชธันญะทรงแนะนำไว้เพื่อการขนส่งมวลมนุษย์ในยุคนี้  สังคีรทะนะ-ยะกยะฺ  และ  คริชณะจิตสำนึกไปด้วยกันได้เป็นอย่างดี  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (11.5.32)  ได้กล่าวถึงองค์ชรีคริชณะในรูปของผู้ปฎิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  (องค์เชธันญะ)  สัมพันธ์กับ  สังคีรทะนะ-ยะกยะฺ  เป็นพิเศษไว้ดังนี้

คริชณะ-วารณัม ทวิชาคริชณัม
สางโกพางกาสทระ-พารชะดัมฺ

ยะกไยฮ สังคีรทะนะ-พราไยร
ยะจันทิ ฮิ สุ-เมดฺะสะฮฺ

“ใน  คะลิฺ  ยุคนี้  บุคคลผู้มีสติปัญญาเพียงพอจะบูชาองค์ภควาน  ผู้ทรงมีพระสหายร่วมปฏิบัติ  สังคีรทะนะ-ยะกยะฺ”  ยะกยะฺ  อื่น  ๆ  ที่ได้อธิบายไว้ในวรรณกรรมพระเวทปฎิบัติได้ยากลำบากมากใน  คะลิฺ  ยุคนี้  แต่  สังคีรทะนะ-ยะกยะฺ  นี้  ทั้งง่ายและประเสริฐด้วยประการทั้งปวง  ดังที่ได้แนะนำไว้เช่นเดียวกันใน  ภควัต-คีตาฺ  (9.14)

โศลก 11

เดวาน บฺาวะยะทาเนนะ
เท เดวา บฺาวะยันทุ วะฮฺ

พะรัสพะรัม บฺาวะยันทะฮ
ชเรยะฮ พะรัม อวาพสยะทฺะฺ

เดวานฺ  -  เทวดา, บฺาวะยะทาฺ  -  มีความพึงพอใจ, อเนนะฺ  -  ด้วยการบูชานี้, เทฺ  -  ท่านเหล่านั้น, เดวาฮฺ  -  เทวดา. บฺาวะยันทฺุ  -  จะมีความพอใจ, วะฮฺ  -  ท่าน, พะรัสพะรัมฺ  -  ทั้งสองฝ่าย, บฺาวะยันทะฮฺ  -  ต่างทำให้พึงพอใจซึ่งกันและกัน. ชเรยะฮฺ  -  พร, พะรัมฺ  -  สูงสุด, อวาพ สยะทฺะฺ  -  ท่านจะได้รับ

คำแปลฺ

เหล่าเทวดาทรงพอพระทัยจากการปฎิบัติบูชาจะทำให้พวกเธอได้รับความพึงพอใจด้วยเช่นเดียวกัน  จากการร่วมมือกันระหว่างมนุษย์และเทวดาความเจริญรุ่งเรืองจะครอบคลุมไปทั่วสำหรับทุก  ๆ  ชีวิต

คำอธิบายฺ

เทวดาได้รับพลังอำนาจให้เป็นผู้บริหารภารกิจทางวัตถุ  ทรงเป็นผู้จัดส่ง  ลมแสง  น้ำ  และพรอื่น  ๆ  ทั้งหมดเพื่อดำรงรักษาร่างกายและดวงวิญญาณของมวลชีวิตภาระหน้าที่นี้องค์ภควานทรงมอบให้มวลเทวดาจำนวนมหาศาลทรงเป็นผู้ช่วย  ตามส่วนต่าง  ๆ  ของพระวรกายของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ความพึงพอพระทัยและไม่พึงพอพระทัยของมวลเทวดาขึ้นอยู่กับการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  ของมนุษย์  ยะกยะฺ  บางประเภทปฎิบัติเพื่อให้เทวดาเฉพาะองค์ได้รับความพอพระทัย  ถึงกระนั้นพระวิชณุทรงเป็นผู้ได้รับการบูชาใน  ยะกยะฺ  ทั้งหมด  เพราะพระวิชณุทรงเป็นผู้นำในการได้รับประโยชน์ทั้งหมดดังที่ได้กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  ว่าคริชณะทรงเป็นผู้ได้รับประโยชน์จาก  ยะกยะฺ  ทั้งหมด  โบฺคทารัม  ยะกยะ-ทะพะสามฺ  ดังนั้น  ความพึงพอพระทัยครั้งสุดท้ายของ  ยะกยะ-พะทิฺคือจุดมุ่งหมายที่สำคัญของ  ยะกยะฺ  ทั้งหมด  เมื่อ  ยะกยะฺ  เหล่านี้ได้ปฎิบัติอย่างสมบูรณ์โดยธรรมชาติเทวดาผู้ควบคุมหน่วยที่แจกจ่ายสิ่งต่าง  ๆ  ก็ทรงพอพระทัยและจะไม่มีการขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติ

การปฎิบัติ  ยะกยะฺ  มีผลดีตามมามากมายและในที่สุดจะนำเราให้หลุดพ้นมีอิสรภาพจากพันธนาการทางวัตถุ  ด้วยการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  จะทำให้กิจกรรมทั้งหมดบริสุทธิ์ดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวทว่า  อาฮาระ-ชุดโดฺ  สัททวะ-ชุดดฺิฮ  สัททวะ-  ชุดโดฺ  ดฺรุวา  สมริทฺิ  สมริทิ-ลัมเบฺ  สารวะ-กรันทฺีนาม  วิพระโมคชะฮฺ  จากการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  ทำให้อาหารบริสุทธิ์และถูกต้อง  จากการรับประทานอาหารที่บริสุทธิ์ถูกต้องชีวิตความเป็นอยู่จะบริสุทธิ์ถูกต้อง  และจากการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่บริสุทธิ์ถูกต้องเนื้อเยื่ออันละเอียดอ่อนที่ช่วยในความจำจะมีความบริสุทธิ์ถูกต้อง  เมื่อความจำบริสุทธิ์ถูกต้อง  เราจึงสามารถคิดถึงวิถีแห่งความหลุดพ้นเพื่ออิสรภาพ  และทั้งหมดนี้เมื่อรวมกันเข้าจะนำเราไปสู่คริชณะจิตสำนึกซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในสังคมปัจจุบัน

โศลก 12

อิชทาน โบฺกาน ฮิ โว เดวา
ดาสยันเท ยะกยะ-บฺาวิทาฮฺ

ไทร ดัททาน อพระดาไยบฺโย
โย บุงคเท สเทนะ เอวะ สะฮฺ

อิชทานฺ  -  ปรารถนา, โบฺกานฺ  -  ความจำเป็นของชีวิต, ฮิฺ  -  แน่นอน, วะฮฺ  -  แด่ท่าน, เดวาฮฺ  -  เทวดา, ดาสยันเทฺ  -  จะให้รางวัล, ยะกยะ-บฺาวิทาฮฺ  -  ได้รับความพึงพอใจจากการปฎิบัติบูชา, ไทฮฺ  -  โดยพวกเขา, ดัททานฺ  -  สิ่งที่ให้, อพระดายะฺ  -  ไม่มีการถวาย, เอบฺยะฮฺ  -  แด่เหล่าเทวดา, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, บุงคเทฺ  -  มีความสุข, สเทนะฮฺ  -  ขโมย, เอวะฺ  -  แน่นอน, สะฮฺ  -  เขา

คำแปลฺ

เหล่าเทวดาผู้ควบคุมสิ่งจำเป็นต่าง  ๆ  สำหรับชีวิต  ได้รับความพึงพอพระทัยจากการปฏิบัติ  ยะกยะ  (การบูชา)  จะจัดส่งสิ่งของจำเป็นทั้งหมดให้แด่พวกเธอ  แต่ผู้ที่ได้รับความสุขจากของขวัญเหล่านี้โดยมิได้นำมาถวายคืนให้เทวดา  เป็นขโมยอย่างแน่นอน

คำอธิบายฺ

มวลเทวดาเป็นผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์วิชณุในการจัดส่ง  ฉะนั้น  เหล่าเทวดาต้องได้รับความพึงพอพระทัยจากการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  ที่ได้กำหนดไว้  ในคัมภีร์พระเวทมี  ยะกยะฺ  ต่าง  ๆ  ที่ได้กำหนดไว้สำหรับมวลเทวดา  แต่ว่าในที่สุดการบูชาทั้งหมดจะถวายให้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  สำหรับผู้ที่ไม่เข้าใจว่าบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคือใครจึงได้แนะนำการบูชาเทวดา  คัมภีร์พระเวทได้แนะนำ  ยะกยะฺ  ต่าง  ๆ  ตามลักษณะทางวัตถุของแต่ละบุคคล  การบูชาเทวดาก็มีหลักพื้นฐานเหมือนกัน  คือตามคุณลักษณะที่แตกต่างกันไป  ตัวอย่างเช่น  ผู้ที่รับประทานเนื้อสัตว์จะได้รับคำแนะนำให้บูชาสัตว์ต่อหน้าเจ้าแม่  คาลีฺ  รูปลักษณ์อันน่าสะพรึงกลัวของธรรมชาติวัตถุ  สำหรับผู้ที่อยู่ในระดับความดีได้แนะนำให้ปฎิบัติทิพย์บูชาแด่พระวิชณุ  แต่ในที่สุดผลของ  ยะกยะฺ  ทั้งหมดจะค่อย  ๆ  ส่งเสริมเราให้มาอยู่ในสถานภาพทิพย์  สำหรับบุคคลทั่วไปอย่างน้อยที่สุด  ยะกยะฺ  ห้าอย่าง  มีชื่อว่า  พันชะ-  มะฮา-ยะกยะฺ  เป็นสิ่งจำเป็น

อย่างไรก็ตามเราควรทราบว่าสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตทั้งหมดที่สังคมมนุษย์ต้องการ  เทวดาผู้เป็นตัวแทนขององค์ภควานทรงเป็นผู้จัดส่ง  ไม่มีผู้ใดสามารถผลิตอะไรขึ้นมาได้  ตัวอย่างเช่น  อาหารทั้งหมดในสังคมมนุษย์ที่อยู่ในระดับความดีซึ่งรวมทั้งเมล็ดข้าว  ผลไม้  ผัก  นม  น้ำตาล  ฯลฯ  และอาหารสำหรับนักมังสะบริโภคด้วย  เช่น  เนื้อสัตว์มนุษย์ไม่สามารถผลิตอะไรได้เลย  มีตัวอย่างอีกเช่น  ความร้อน  แสง  น้ำ  ลม  ฯลฯ  ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตเช่นกัน  สังคมมนุษย์ก็ไม่สามารถผลิตได้  ถ้าไม่มีองค์ภควานจะไม่มีแสงอาทิตย์  แสงจันทร์  ฝน  และลม  ฯลฯ  หากขาดสิ่งเหล่านี้จะไม่มีใครสามารถมีชีวิตอยู่ได้  ดังนั้น  ชีวิตเราจึงขึ้นอยู่กับการจัดส่งสิ่งต่าง  ๆ  จากองค์ภควาน  แม้แต่โรงงานผู้ผลิตซึ่งต้องการวัตถุดิบมากมาย  เช่น  โลหะ  กำมะถัน  เมอร์คิวรี่  แมงกานีส  และ  สิ่งจำเป็นอื่น  ๆ  อีกมาก  ทั้งหมดนี้ผู้แทนขององค์ภควานทรงเป็นผู้จัดส่งให้ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อให้เราได้ใช้สิ่งต่าง  ๆ  อย่างเหมาะสมในการที่จะรักษาสุขภาพพลามัยให้ดีเพื่อความรู้แจ้งแห่งตน  และนำเราไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต  นั่นคือเสรีภาพจากการดิ้นรนทางวัตถุเพื่อความอยู่รอด  จุดมุ่งหมายของชีวิตนี้สามารถบรรลุได้ด้วยการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  หากเราลืมจุดมุ่งหมายของชีวิตมนุษย์  ได้แต่รับเอาสิ่งของต่าง  ๆ  จากผู้แทนขององค์ภควานเพื่อสนองประสาทสัมผัสตนเองก็จะถูกพันธนาการมากยิ่งขึ้นในความเป็นอยู่ทางวัตถุซึ่งไม่ใช่จุดมุ่งหมายของการสร้าง  เราจึงเป็นขโมยอย่างแน่นอน  ดังนั้น  เราต้องถูกลงโทษตามกฎแห่งธรรมชาติวัตถุ  ในสังคมโจรจะไม่มีวันมีความสุขเพราะว่าพวกโจรไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต  โจรหยาบหรือนักวัตถุนิยมไม่มีจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิตพวกโจรมุ่งแต่จะสนองประสาทสัมผัส  และไม่มีความรู้ว่าจะปฎิบัติ  ยะกยะฺ  อย่างไร  อย่างไรก็ดีองค์เชธันญะได้ทรงสถาปนาการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  ที่ง่ายที่สุดเรียกว่า  สังคีรทะนะ-ยะกยะฺ  ซึ่งไม่ว่าใครในโลกก็สามารถปฎิบัติได้หากยอมรับในหลักการของคริชณะจิตสำนึก

โศลก 13

ยะกยะ-ชิชทาชินะฮ สันโท
มุชยันเท สารวะ-คิลบิไชฮฺ

บุนจะเท เท ทุ อกฺัม พาพา
เย พะชันทิ อาทมะ-คาระณาทฺ

ยะกยะ-ชิชทะฺ  -  อาหารที่รับประทานหลังจากการปฎิบัติ ยะกยะ, อชินะฮฺ  -  ผู้รับประทาน, สันทะฮฺ  -  สาวก, มุชยันเทฺ  -  ได้รับการปลดเปลื้อง, สารวะฺ  -  ทุกชนิด, คิลบิไชฮฺ  -  จากความบาป, บุนจะเทฺ  -  ความสุข, เทฺ  -  พวกเขา, ทฺุ  -  แต่, อกฺัมฺ -บาปที่เศร้าโศก, พาพาฮฺ  -  ผู้ทำบาป, เยฺ  -  ผู้ซึ่ง, พะชันทิฺ  -  ปรุงอาหาร, อาทมะ-คาระณาทฺ  -  เพื่อความสุขทางประสาทสัมผัส

คำแปลฺ

สาวกขององค์ภควานได้รับการปลดเปลื้องจากบาปทั้งปวงเพราะว่ารับประทานอาหารที่ถวายเพื่อเป็นการบูชาก่อน  บุคคลอื่นที่ปรุงอาหารเพื่อความสุขทางประสาทสัมผัสของตนเอง  แน่นอนว่ารับประทานแต่ความบาปเท่านั้น

คำอธิบายฺ

สาวกขององค์ภควานหรือบุคคลที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกเรียกว่า  สันทะฺ  พวกท่านอยู่ในความรักกับองค์ภควานเสมอ  ดังที่ได้กล่าวไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.38):  เพรมานจะนะ-ชชุริทะ-บฺัคธิ-วิโลชะเนนะ  สันทะฮ  สะไดวะ  ฮริดะเยชุ  วิโลคะยันทิ,  สันทะฺ  อยู่ในความรักอย่างแน่นแฟ้นกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าองค์โกวินดะ  (ผู้ให้ความสุขทั้งปวง)  หรือองค์มุคุนดะ  (ผู้ให้อิสรภาพ)  หรือองค์คริชณะ  (ผู้มีเสน่ห์สูงสุด)อยู่เสมอ  ไม่สามารถรับเอาสิ่งใดที่ไม่ได้ถวายให้องค์ภควานก่อน  ฉะนั้น  สาวกเหล่านี้ปฎิบัติ  ยะกยะฺ  ในระดับต่าง  ๆ  แห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้อยู่เสมอ  เช่น  ชระวะณัม,  คีรทะนัม,  สมะระณัม,  อารชะณัมฺ  ฯลฯ  และการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  เหล่านี้จะคุ้มครองท่านให้อยู่ห่างจากมลทินแห่งการคบหาสมาคมที่เป็นบาปในโลกวัตถุทุกชนิด  ผู้ที่ปรุงอาหารเพื่อตนเองหรือเพื่อสนองประสาทสัมผัสแห่งตนไม่เพียงแต่เป็นขโมยเท่านั้น  หากแต่ยังเป็นผู้ที่รับประทานเอาความบาปทุกชนิดเข้าไปด้วย  เป็นทั้งขโมยและคนบาปจะมีความสุขได้อย่างไรมันเป็นไปไม่ได้  ฉะนั้น  เพื่อให้ประชากรมีความสุขในทุก  ๆ  ด้านจึงต้องได้รับการสอนให้ปฎิบัติวิธีการง่าย  ๆ  คือ  สังคีรทะนะ-ยะกยะฺ  ในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  มิฉะนั้น  จะไม่มีความสงบหรือความสุขในโลกนี้

โศลก 14

อันนาด บฺะวันทิ บำูทานิ
พารจันยาด อันนะ-สัมบฺะวะฮฺ

ยะกยาด บฺะวะทิ พารจันโย
ยะกยะฮ คารมะ-สะมุดบฺะวะฮฺ

อันนาทฺ  -  จากธัญพืช, บฺะวันทิฺ  -  เจริญเติบโต, บูำทานิฺ  -  ร่างวัตถุ, พารจันยาทฺ  -  จากฝน, อันนะฺ  -  ของธัญญาหาร, สัมบฺะวะฮฺ  -  การผลิต, ยะกยาทฺ  -  จากการปฎิบัติบูชา, บฺะวะทิฺ  -  ทำให้เป็นไปได้, พารจันยะฮฺ  -  ฝน, ยะกยะฮฺ  -  การปฎิบัติ ยะกยะฺ, คารมะฺ  -  หน้าที่ที่กำหนดไว้, สะมุดบฺะวะฮฺ  -  เกิดจาก

คำแปลฺ

ร่างที่มีชีวิตทั้งหมด  มีชีวิตอยู่ได้ด้วยธัญญาหารซึ่งผลิตมาจากฝน  ฝนเป็นผลผลิตจากการปฎิบัติ  ยะกยะ  (การบูชา)  และ  ยะกยะ  เกิดจากหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้

คำอธิบายฺ

ชรีละ  บะละเดวะ  วิดยาบูชะณะ  นักเขียนและนักบรรยาย  ภควัต-คีตาฺ  ผู้ยิ่งใหญ่ได้เขียนดังต่อไปนี้:  เย  อินดราดิ-อังกะทะยาวัสทฺิทัม  ยะกยัม  สารเวชวะรัม  วิชณุม  อับฺฮยารชยะ  ทัช-เชฺชัม  อัชนันทิ  เทนะ  ทัด  เดฮะ-ยาทราม  สัมพาดะยันทิ,  เท  สันทะฮ  สารเวชวะรัสยะ  ยะกยะ-พุรุชัสยะ  บัคธาฮ  สารวะ-คิลบิไชร  อนาดิ-คาละ-วิวริดไดฺร  อาทมานุบฺะวะ-พระทิบันดฺะไคร  นิคฺิไลฮ  พาไพร  วิมุชยันเทฺ  องค์ภควานทรงมีพระนามว่า  ยะกยะ-พุรุชะฺ  หรือผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการบูชาทั้งหมด  ทรงเป็นเจ้านายของปวงเทวดาผู้ทรงรับใช้พระองค์เสมือนส่วนต่าง  ๆ  ของพระวรกายที่รับใช้ทั่วทั้งพระวรกายเทวดาเช่น  พระอินทร์  (อินดระฺ)  พระจันทร์  (ชันดระฺ)  และพระวะรุณะ  ทรงเป็นเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการแต่งตั้งให้บริหารภารกิจในโลกวัตถุ  คัมภีร์พระเวทแนะนำการบูชาเทวดาเพื่อให้เทพเหล่านี้ทรงได้รับความพึงพอพระทัยและยินดีจัดส่ง  ลม  แสง  และน้ำให้เพียงพอในการผลิตธัญญาหาร  เมื่อองค์ชรีคริชณะได้รับการบูชามวลเทวดาที่เปรียบเสมือนส่วนต่าง  ๆ  ของพระวรกายขององค์ภควานก็ทรงได้รับการบูชาโดยปริยายเช่นเดียวกันดังนั้น  จึงไม่มีความจำเป็นต้องบูชาเหล่าเทวดาอีกต่างหาก  ด้วยเหตุนี้สาวกผู้อยู่ในคริชณะจิตสำนึกจึงถวายเครื่องเสวยแด่คริชณะก่อนแล้วตนเองจึงค่อยรับประทานซึ่งเป็นวิธีการบำรุงรักษาร่างทิพย์  การปฎิบัติเช่นนี้ไม่เพียงแต่ผลบาปของร่างกายในอดีตถูกชะล้างไป  แต่ร่างกายยังได้รับเชื้อวัคซีนป้องกันมลพิษทั้งมวลจากธรรมชาติวัตถุเมื่อมีเชื้อโรคระบาด  วัคซีนป้องกันโรคจะป้องกันเราจากการบุกรุกของโรคระบาดนั้นๆเครื่องเสวยที่ถวายให้พระวิชณุและเรานำมารับประทานก็เช่นเดียวกัน  จะทำให้เรามีภูมิต้านทานเชื้อโรคทางวัตถุอย่างเพียงพอ  ผู้เคยชินต่อการปฎิบัติเช่นนี้เรียกว่าสาวกขององค์ภควาน  ดังนั้น  บุคคลที่อยู่ในคริชณะจิตสำนึกจึงรับประทานแต่อาหารที่ถวายแด่คริชณะแล้ว  สิ่งนี้สามารถต่อต้านผลกรรมทั้งมวลจากเชื้อโรคทางวัตถุในอดีตซึ่งเป็นอุปสรรคต่อความเจริญก้าวหน้าในการรู้แจ้งตนเอง  ขณะเดียวกันบุคคลที่ไม่ทำเช่นนี้จะเพิ่มพูนการกระทำบาปให้มากยิ่ง  ๆ  ขึ้นไป  และจะเตรียมร่างต่อไปที่เหมือนกับสุกรและสุนัขเพื่อรับกรรมจากผลบาปทั้งหมด  โลกวัตถุเต็มไปด้วยมลพิษและผู้ที่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันด้วยการรับประทานพระสาดัมขององค์ภควาน  (เครื่องเสวยที่ถวายให้พระวิชณุแล้ว)  จะได้รับความปลอดภัยจากการบุกรุก  ผู้ไม่ทำเช่นนี้ต้องได้รับมลพิษอย่างแน่นอน

ธัญพืชหรือผักเป็นอาหารที่ควรรับประทาน  มนุษย์รับประทานข้าว  ผัก  และผลไม้ต่าง  ๆ  ฯลฯ  สัตว์กินกากอาหารจากข้าวและผัก  กินหญ้า  กินพืช  ฯลฯ  มนุษย์ผู้เคยชินกับการรับประทานเนื้อสัตว์ต้องขึ้นอยู่กับผลผลิตของพืชพันธุ์ธัญญาหารเช่นกันถึงจะกินสัตว์ได้  ดังนั้น  ในที่สุดเราจะต้องขึ้นอยู่กับผลผลิตของไร่นาไม่ใช่ผลผลิตจากโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่โต  ผลผลิตจากไร่นามาจากฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้าอย่างเพียงพอและฝนนี้เหล่าเทวดาเช่น  พระอินทร์  พระอาทิตย์  พระจันทร์  ฯลฯ  ทรงเป็นผู้ควบคุม  และเทวดาทั้งหมดนี้ทรงเป็นผู้รับใช้ขององค์ภควาน  พระองค์ทรงได้รับความพึงพอพระทัยจากการบูชา  ดังนั้น  ผู้ที่ไม่สามารถปฎิบัติการบูชาจะพบว่าตนเองอยู่ในสภาวะขาดแคลนนี่คือกฎแห่งธรรมชาติ  ยะกยะฺ  โดยเฉพาะ  สังคีรทะนะ-ยะกยะฺ  ได้กำหนดไว้สำหรับยุคนี้จะต้องปฎิบัติเพื่อคุ้มครองเราอย่างน้อยที่สุดก็จากการขาดแคลนอาหาร

โศลก 15

คารมะ บระฮโมดบฺะวัม วิดดฺิ
บระฮมาคชะระ-สะมุดบฺะวัมฺ

ทัสมาท สารวะ-กะทัม บระฮมะ
นิทยัม ยะกเย พระทิชทฺิทัมฺ

คารมะฺ  -  งาน, บระฮมะฺ  -  จากคัมภีร์พระเวท, อุดบฺะวัมฺ  -  ผลิต, วิดดฺิฺ -เธอควรรู้, บระฮมะฺ  -  คัมภีร์พระเวท, อัคชะระฺ  -  จาก บระฮมันฺ สูงสุด (บุคลิกภาพแห่งพระเจ้า), สะมุดบฺะวัมฺ  -  ปรากฎออกมาโดยตรง, ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, สารวะ-กะทัมฺ  -  แผ่พระจายไปทั่ว, บระฮมะฺ  -  เหนือโลก, นิทยัมฺ  -  อมตะ, ยะกยะฺ  -  ในการบูชา, พระทิชทฺิทัมฺ  -  สถิต

คำแปลฺ

ระเบียบกิจกรรมได้กำหนดไว้ในคัมภีร์พระเวท  และคัมภีร์พระเวทปรากฎออกมาโดยตรงจากบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ดังนั้น  องค์ภควานผู้ทรงแผ่กระจายไปทั่วทรงสถิตในการปฎิบัติบูชานิรันดร

คำอธิบายฺ

ยะกยารทฺะ-คารมะฺ  หรือความจำเป็นของงานเพื่อให้คริชณะทรงพอพระทัยเพียงอย่างเดียวได้เน้นมากขึ้นในโศลกนี้  หากเราต้องทำงานเพื่อให้  ยะกยะ-พุรุชะฺ  หรือพระวิชณุทรงพอพระทัย  เราต้องค้นหาวิธีการทำงานใน  บระฮมันฺ  หรือคัมภีร์ทิพย์พระเวท  ดังนั้น  คัมภีร์พระเวทจึงเป็นกฎระเบียบแนะนำวิธีการทำงาน  การทำอะไรที่คัมภีร์พระเวทไม่ได้แนะนำไว้เรียกว่า  วิคารมะฺ  งานที่ไม่ได้รับอนุญาตหรืองานที่เป็นบาป  ดังนั้น  เราจึงควรรับคำแนะนำจากคัมภีร์พระเวทเสมอเพื่อความปลอดภัยจากผลกรรม  เฉกเช่นเราต้องทำงานในชีวิตประจำวันทั่วไปตามคำแนะนำของรัฐ  ในทำนองเดียวกัน  เราต้องทำงานภายใต้คำแนะนำของรัฐสูงสุดแห่งองค์ภควาน  คำแนะนำเช่นนี้อยู่ในคัมภีร์พระเวทซึ่งออกมาโดยตรงจากการหายใจของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าได้กล่าวไว้ว่า  อัสยะ  มะฮะโท  บูำ-ทัสยะ  นิชวะสิทัม  เอทัด  ยัด  ริก-เวโด  ยะจุร-เวดะฮ  สามะ-เวโด  ‘ทฺารวางกิระสะฮฺ  “คัมภีร์พระเวททั้งสี่เล่ม  ริก  เวดะ.  ยะจุร  เวดะ.  สามะ  เวดะ.ฺ  และ  อทฺารวะ  เวดะฺ  ทั้งหมดออกมาจากการหายใจของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่”  (บริฮัด-อารังยะคะ  อุพะนิชัดฺ  4.5.11)  องค์ภควานในฐานะที่ทรงมีพระเดชทั้งปวง  ทรงสามารถตรัสด้วยลมหายใจดังที่ได้ยืนยันไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺว่าพระองค์ทรงพระเดชทั้งปวง  ประสาทสัมผัสแต่ละส่วนของพระองค์ทรงสามารถทำหน้าที่ของประสาทสัมผัสอื่น  ๆ  ได้  หรืออีกนัยหนึ่งองค์ภควานทรงสามารถตรัสด้วยการหายใจ  และทรงสามารถทำให้มีครรภ์ได้ด้วยพระเนตรของพระองค์  อันที่จริงได้กล่าวไว้ว่าพระองค์ทรงชำเลืองไปที่ธรรมชาติวัตถุและทรงเป็นพระบิดาของมวลชีวิต  หลังจากการสร้างหรือการให้พันธวิญญาณไปอยู่ในครรภ์ของธรรมชาติวัตถุ  พระองค์ทรงให้คำแนะนำสั่งสอนในปรัชญาพระเวทว่าพันธวิญญาณเหล่านี้จะกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควานได้อย่างไร  เราควรระลึกเสมอว่าพันธวิญญาณในโลกวัตถุทั้งหมดมีความกระตือรือร้นที่จะแสวงหาความสุขทางวัตถุ  แต่คำแนะนำของคัมภีร์พระเวททำให้เราสามารถทำให้ความต้องการนอกลู่นอกทางของเราสมปรารถนาและกลับคืนสู่พระองค์จบสิ้นกับสิ่งที่สมมุติว่าเป็นความสุข  เป็นโอกาสของพันธวิญญาณที่จะได้รับอิสรภาพดังนั้น  พันธวิญญาณต้องพยายามปฏิบัติตามวิธีการ  ยะกยะฺ  ด้วยการมีคริชณะจิตสำนึกแม้พวกที่ไม่ได้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของคัมภีร์พระเวทอาจรับเอาหลักการของคริชณะจิตสำนึกไปปฏิบัติแทนการปฏิบัติ  ยะกยะฺ  หรือ  คารมะฺ  ตามคัมภีร์พระเวทได้

โศลก 16

เอวัม พระวารทิทัม ชัครัม
นานุวารทะยะทีฮะ ยะฮฺ

อักฮายุร อินดริยาราโม
โมกฺัม พารทฺะ สะ จีวะทิฺ

เอวัมฺ  -  ดังนั้น, พระวารทิทัมฺ  -  สถาปนาโดยคัมภีร์พระเวท, ชัครัมฺ  -  วัฎจักร, นะฺ  -  ไม่, อนุวารทะยะทิฺ  -  รับเอา, อิฮะฺ  -  ในชีวิตนี้, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, อกฺะ-อายุฮฺ  -  ผู้ที่ชีวิตเต็มไปด้วยความบาป, อินดริยะ-อารามะฮฺ  -  พึงพอใจในการสนองประสาทสัมผัส, โมกฺัมฺ  -  อย่างไร้ประโยชน์, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทา (อารจุนะ), สะฮฺ  -  เขา, จีวะทิฺ  -  มีชีวิตอยู่

คำแปลฺ

อารจุนะที่รัก  ผู้ที่ไม่ปฏิบัติบูชาอย่างครบวงจรตามที่คัมภัร์พระเวทได้สถาปนาไว้แน่นอนว่าชีวิตในร่างมนุษย์นี้เต็มไปด้วยความบาป  มีชีวิตอยู่เพียงเพื่อความพึงพอใจของประสาทสัมผัสเท่านั้น  บุคคลเช่นนี้มีชีวิตอยู่อย่างไร้สาระประโยชน์

คำอธิบายฺ

ปรัชญาละโมบที่ว่า  “จงทำงานให้หนักและหาความสุขด้วยการสนองประสาทสัมผัส”  องค์ภควานทรงตำหนิไว้  ณ  ที่นี้  ดังนั้น  สำหรับพวกที่ต้องการหาความสุขในโลกวัตถุนี้  วงจรแห่งการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  ที่กล่าวไว้ข้างต้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง  ผู้ที่ไม่ปฎิบัติตามกฎเกณฑ์นี้มีชีวิตอยู่ด้วยความเสี่ยงสูง  และจะถูกลงโทษมากยิ่งขึ้นตามกฎแห่งธรรมชาติ  ชีวิตมนุษย์มีไว้เพื่อความรู้แจ้งแห่งตนโดยเฉพาะจากหนึ่งในสามวิธีคือ  คารมะ-โยกะ,  กยานะ-โยกะ.ฺ  หรือ  บฺัคธิ-โยกะฺ  ไม่จำเป็นสำหรับนักทิพย์นิยมผู้อยู่เหนือความดีและความชั่วต้องปฎิบัติตาม  ยะกยะฺ  ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด  แต่สำหรับพวกที่ทำไปเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตนเองจำเป็นต้องปฎิบัติ  ยะกยะฺ  ตามวงจรที่กล่าวไว้เพื่อความบริสุทธิ์ซึ่งมีกิจกรรมต่าง  ๆ  นานา  ผู้ที่ไม่มีคริชณะจิตสำนึกแน่นอนว่าปฎิบัติตนอยู่ในประสาทสัมผัสจิตสำนึก  ฉะนั้น  จึงมีความจำเป็นต้องทำงานที่เป็นกุศล  ระบบ  ยะกยะฺ  ได้วางแผนไว้เพื่อให้บุคคลผู้มีประสาทสัมผัสจิตสำนึกอาจสามารถทำให้ประสาทสัมผัสของตนพึงพอใจได้โดยไม่ต้องถูกพันธนาการอยู่ในผลกรรมจากการสนองประสาทสัมผัส  ความเจริญรุ่งเรืองของโลกมิได้ขึ้นอยู่ที่ความพยายามของเรา  แต่ขึ้นอยู่กับการบริหารขององค์ภควานที่ทรงอยู่เบื้องหลังซึ่งมอบหมายให้มวลเทวดาเป็นผู้ปฏิบัติโดยตรง  ดังนั้น  ยะกยะฺ  จึงมีเป้าหมายไปที่เทวดาโดยเฉพาะดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวทซึ่งเป็นทางอ้อมในการปฎิบัติคริชณะจิตสำนึก  เพราะว่าเมื่อเราประสบผลสำเร็จในการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  แล้ว  เราต้องมาเป็นผู้มีคริชณะจิตสำนึกอย่างแน่นอน  หากหลังจากปฎิบัติ  ยะกยะฺ  แล้วเราไม่มีคริชณะจิตสำนึก  ถือว่าหลักธรรมนี้เป็นเพียงแค่หลักศีลธรรมเท่านั้น  ดังนั้น  เราไม่ควรจำกัดความเจริญก้าวหน้าให้มาถึงแค่ระดับศีลธรรมเท่านั้น  แต่ควรข้ามพ้นไปให้บรรลุถึงคริชณะจิตสำนึก

โศลก 17

ยัส ทุ อาทมะ-ระทิร เอวะ สยาด
อาทมะ-ทริพทัช ชะ มานะวะฮฺ

อาทมะนิ เอวะ ชะ สันทุชทัส
ทัสยะ คารยัม นะ วิดยะเทฺ

ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, ทฺุ  -  แต่, อาทมะ-ระทิฮฺ  -  มีความสุขอยู่ในตัว, เอวะฺ  -  แน่นอน, สยาทฺ  -  ยังคง, อาทมะ-ทริพทะฮฺ  -  ส่องแสงในตัว, ชะฺ  -  และ, มานะวะฮฺ  -  มนุษย์, อาทมะนิฺ  -  ในตัวเขา, เอวะฺ  -  เท่านั้น, ชะฺ  -  และ, สันทุชทะฮฺ  -  เพียงพออย่างบริบูรณ์, ทัสยะฺ  -  เขา, คารยัมฺ  -  หน้าที่, นะฺ  -  ไม่, วิดยะเทฺ  -  เป็นอยู่

คำแปลฺ

สำหรับผู้ที่มีความสุขอยู่ในตัวเอง  ผู้ซึ่งชีวิตมนุษย์ของเขาเป็นไปเพื่อความรู้แจ้งแห่งตน  เป็นผู้ที่มีความพึงพอใจในตนเองเท่านั้น  มีความพอเพียงอย่างบริบูรณ์สำหรับบุคคลเช่นนี้ไม่มีหน้าที่การงานใด  ๆ

คำอธิบายฺ

ผู้ที่มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์และมีความพึงพอใจอย่างบริบูรณ์ในการปฎิบัติคริชณะจิตสำนึกจะไม่มีหน้าที่การงานอื่นใดที่ต้องทำ  เพราะว่าอยู่ในคริชณะจิตสำนึก  ความไม่บริสุทธิ์ทั้งหมดภายในตัวเขาได้ถูกชะล้างให้สะอาดโดยฉับพลัน  เทียบเท่ากับผลของการปฎิบัติ  ยะกยะฺ  หลาย  ๆ  พันครั้ง  จากการทำให้จิตสำนึกบริสุทธิ์เช่นนี้จะมีความมั่นใจอย่างแน่วแน่เกี่ยวกับสถานภาพนิรันดรในความสัมพันธ์กับองค์ภควาน  หน้าที่ของเขาจึงมีความสว่างไสวในตัวเองอันเนื่องมาจากพระกรุณาธิคุณขององค์ภควาน  ดังนั้น  เขาจะไม่มีพันธกรณีใดๆ  เกี่ยวกับคำสั่งสอนในคัมภีร์พระเวท  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกเช่นนี้จะไม่สนใจกิจกรรมทางวัตถุและจะไม่ใฝ่หาความสุขทางวัตถุเช่น  สุรา  นารี  และสิ่งที่ทำให้ลุ่มหลงในลักษณะเดียวกันนี้

โศลก 18

ไนวะ ทัสยะ คริเทนารโทฺฺ
นาคริเทเนฮะ คัชชะนะฺ
นะ ชัสยะ สารวะ-บูำเทชุ
คัชชิด อารทฺะ-วิยะพาชระยะฮฺ

นะฺ  -  ไม่เคย, เอวะฺ  -  แน่นอน, ทัสยะฺ  -  ของเขา, คริเทนะฺ  -  ด้วยการปฏิบัติหน้าที่, อารทฺะฮฺ  -  จุดมุ่งหมาย, นะฺ  -  ไม่, อคริเทนะฺ  -  โดยไม่ปฎิบัติหน้าที่, อิฮะฺ  -  ในโลกนี้, คัชชะนะฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, นะฺ  -  ไม่เคย, ชะฺ  -  และ, อัสยะฺ  -  ของเขา, สารวะ-บูเทชฺุ  -  ระหว่างสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย, คัชชิทฺ  -  ใด ๆ, อารทฺะฺ  -  จุดมุ่งหมาย, วิยะพาชระยะฮฺ  -  เป็นที่พึ่ง

คำแปลฺ

บุคคลผู้รู้แจ้งตนเองไม่มีจุดมุ่งหมายอื่นใดที่จะต้องบรรลุในการปฎิบัติหน้าที่ของตนที่กำหนดไว้  เขาไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่ปฎิบัติงานนี้  และก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องขึ้นอยู่กับสิ่งมีชีวิตใด  ๆ

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้รู้แจ้งแห่งตนจะไม่มีพันธกรณีใด  ๆ  ในการปฎิบัติหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้  นอกจากกิจกรรมในคริชณะจิตสำนึก  คริชณะจิตสำนึกมิใช่ว่าไม่มีกิจกรรม  ดังจะอธิบายในโศลกต่อ  ๆ  ไป  บุคคลที่มีคริชณะจิตสำนึกไม่จำเป็นต้องไปพึ่งผู้ใดไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือเทวดา  สิ่งใดที่สามารถทำได้ในคริชณะจิตสำนึกถือว่าเพียงพอในการปฏิบัติภาระกิจหน้าที่ของเขา

โศลก 19

ทาสมาด อสัคทะฮ สะทะทัม
คารยัม คารมะ สะมาชะระฺ

อสัคโท ฮิ อาชะรัน คารมะ
พะรัม อาพโนทิ พูรุชะฮฺ

ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, อสัคทะฮฺ  -  ไม่ยึดติด, สะทะทัมฺ  -  สม่ำเสมอ, คารยัมฺ  -  เป็นหน้าที่, คารมะฺ  -  งาน, สะมาชะระฺ  -  ปฏิบัติ, อสัคทะฮฺ  -  ไม่ยึดติด, ฮิฺ  -  แน่นอน, อาชะรันฺ  -  ปฏิบัติ, คารมะฺ  -  งาน, พะรัมฺ  -  สูงสุด, อาพโนทิฺ  -  ได้รับ, พูรุชะฮฺ  -  มนุษย์

คำแปลฺ

ฉะนั้น  โดยปราศจากการยึดติดกับผลของงาน  เราควรปฎิบัติตนตามหน้าที่เพราะจากการทำงานโดยไม่ยึดติด  เราจะบรรลุถึงองค์ภควาน

คำอธิบายฺ

องค์ภควานคือบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าสำหรับสาวก  คือความหลุดพ้นสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในรูปลักษณ์  ดังนั้น  บุคคลผู้ปฎิบัติตนเพื่อคริชณะหรืออยู่ในคริชณะจิตสำนึก  ภายใต้การแนะนำที่ถูกต้องโดยไม่ยึดติดต่อผลของงาน  แน่นอนว่าต้องเจริญก้าวหน้าไปสู่จุดมุ่งหมายสูงสุดแห่งชีวิต  อารจุนะได้รับคำแนะนำว่าควรต่อสู้ในสนามรบคุรุคเชทระเพื่อประโยชน์ของคริชณะเพราะว่าคริชณะทรงปรารถนาให้อารจุนะสู้  การเป็นคนดีหรือเป็นคนที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่นเป็นการยึดติดส่วนตัว  แต่การปฎิบัติตนเพื่อองค์ภควานเป็นการปฎิบัติโดยไม่ยึดติดต่อผลงาน  นี่คือการปฎิบัติที่สมบูรณ์สูงสุดที่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  องค์ชรีคริชณะทรงแนะนำ

พิธีกรรมในคัมภีร์พระเวทเป็นพิธีการบวงสรวงบูชา  กำหนดให้ปฎิบัติเพื่อชะล้างความไม่บริสุทธิ์อันเนื่องมาจากกิจกรรมที่ไม่เป็นมงคลในการสนองประสาทสัมผัส  แต่การปฎิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เหนือผลกรรมทั้งดีและชั่ว  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกจะไม่ยึดติดกับผลของงาน  แต่ปฎิบัติไปเพื่อคริชณะเท่านั้น  เขาสามารถทำกิจกรรมทุกชนิดแต่ว่าไม่มีความยึดติดใด  ๆ  เลย

โศลก 20

คารมะไณวะ ฮิ สัมสิดดฺิม
อาสทฺิทา จะนะคาดะยะฮฺ

โลคะ-สังกระฮัม เอวาพิ
สัมพัชยัน คารทุม อารฮะสิฺ

คารมะณาฺ  -  ด้วยงาน, เอวะฺ  -  แม้แต่, ฮิฺ  -  แน่นอน, สัมสิดดฺิมฺ  -  ในความสมบูรณ์, อาสทฺิทาฮฺ  -  สถิต, จะนะคะ-อาดะยะฮฺ  -  จะนะคะและกษัตริย์อื่น ๆ, โลคะ-สังกระฮัมฺ  -  ผู้คนโดย ทั่วไป, เอวะ อพิฺ  -  เช่นกัน, สัมพัชยันฺ  -  พิจารณา, คารทุมฺ  -  ปฎิบัติ, อารฮะสิฺ  -  เธอควรได้รับ

คำแปลฺ

กษัตริย์  เช่น  พระเจ้าจะนะคะทรงบรรลุถึงความสมบูรณ์ด้วยเพียงแต่ทรงปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้เท่านั้น  ดังนั้น  เพื่อเป็นการส่งเสริมการศึกษาแก่ประชาชนโดยทั่วไป  เธอควรจะปฎิบัติงานของเธอ

คำอธิบายฺ

เหล่ากษัตริย์ดังเช่นพระเจ้าจะนะคะทรงเป็นดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งแห่งตน  ดังนั้น  กษัตริย์เหล่านี้ทรงไม่มีข้อผูกพันในการที่จะต้องฎิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ในคัมภีร์พระเวท  แต่ถึงกระนั้นกษัตริย์เหล่านี้ก็ยังทรงปฎิบัติตามหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้ทั้งหมดเพื่อทำตนเป็นตัวอย่างสำหรับประชาชนโดยทั่วไป  พระเจ้าจะนะคะเป็นพระราชบิดาของพระนางสีดา  ทรงเป็นพระสัสสุระของพระราม  เนื่องจากเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ขององค์ภควานพระองค์ทรงสถิตเหนือโลกวัตถุ  แต่เนื่องจากทรงเป็นกษัตริย์แห่งนครมิทฺิลา(เมืองหนึ่งของจังหวัดบิฮารในประเทศอินเดีย)  จึงจำเป็นต้องสอนประชาชนของพระองค์ว่าควรปฎิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้อย่างไร  อารจุนะผู้เป็นสหายนิรันดรของคริชณะไม่มีความจำเป็นต้องต่อสู้ในสนามรบคุรุคเชทระ  แต่ทั้งสองพระองค์ทรงต่อสู้เพื่อสอนประชาชนโดยทั่วไปว่า  ความรุนแรงบางครั้งมีความจำเป็นในสถานการณ์ที่ความถูกต้องยุติธรรมพ่ายแพ้  ก่อนจะเกิดสงครามที่คุรุคเชทระได้มีความพยายามทุกวิถีทางที่จะหลีกเลี่ยงสงคราม  แม้แต่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าเองก็ทรงพยายาม  แต่ฝ่ายตรงข้ามยืนกรานว่าจะต้องรบ  ดังนั้น  เพื่อความถูกต้องยุติธรรมสงครามจึงเป็นสิ่งจำเป็น  ถึงแม้ว่าผู้ที่สถิตในคริชณะจิตสำนึกอาจจะไม่มีความสนใจต่อสิ่งใดในโลก  แต่ยังต้องทำงานเพื่อสอนประชาชนทั่วไปว่าควรจะมีชีวิตอยู่อย่างไรและควรจะทำงานอย่างไร  บุคคลผู้มีประสบการณ์ในคริชณะจิตสำนึกสามารถปฎิบัติตนให้ผู้อื่นปฎิบัติตามได้  ดังจะได้อธิบายในโศลกต่อไป

โศลก 21

ยัด ยัด อาชะระทิ ชเรชทฺัส
ทัด ทัด เอเวทะโร จะนะฮฺ

สะ ยัท พระมาณัม คุรุเท
โลคัส ทัด อนุวารทะเทฺ

ยัท ยัทฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, อาชะระทิฺ  -  เขากระทำ, ชเรชทฺะฮฺ  -  ผู้นำที่ควรเคารพ, ทัทฺ  -  นั้น, ทัทฺ  -  และสิ่งนั้นสิ่งเดียว, เอวะฺ  -  แน่นอน, อิทะระฮฺ  -  ทั่วไป, จะนะฮฺ  -  บุคคล, สะฮฺ  -  เขา, ยัทฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, พระมาณัมฺ  -  ตัวอย่าง, คุรุเทฺ  -  ปฎิบัติ, โลคะฮฺ  -  โลกทั้งหมด, ทัทฺ  -  นั้น, อนุวารทะเทฺ  -  ปฎิบัติตามรอยพระบาท

คำแปลฺ

มหาบุรุษปฎิบัติอย่างไรบุคคลธรรมดาทั่วไปจะปฎิบัติตาม  และมาตรฐานใดที่ท่านวางไว้ด้วยการปฎิบัติตนเป็นตัวอย่าง  ทั่วโลกจะเจริญรอยตาม

คำอธิบายฺ

ประชาชนทั่วไปจำเป็นต้องมีผู้นำที่สามารถสอนด้วยการปฎิบัติให้ดูเป็นตัวอย่าง  ผู้นำไม่สามารถสอนให้ประชาชนงดสูบบุหรี่หากตนเองยังสูบบุหรี่อยู่  องค์เชธันญะตรัสว่า  ครูควรจะปฎิบัติตนให้เหมาะสมถูกต้องก่อนที่จะเริ่มทำการสอนผู้อื่น  ผู้ที่สอนแบบนี้เรียกว่า  อาชารยะฺ  หรือครูที่ดีเลิศ  ฉะนั้น  ครูต้องปฎิบัติตามหลักของ  ชาสทระฺ  (พระคัมภีร์)  ในการสอนบุคคลทั่วไปครูไม่ควรออกกฎเกณฑ์ที่ขัดกับหลักธรรมในพระคัมภีร์ที่เปิดเผย  พระคัมภีร์ที่เปิดเผยเช่น  มะนุ-สัมฮิทาฺ  และเล่มอื่น  ๆ  ในลักษณะเดียวกันนี้ถือว่าเป็นหนังสือมาตรฐานที่สังคมมนุษย์ควรปฎิบัติตาม  ฉะนั้น  คำสอนของผู้นำควรจะมีพื้นฐานมาจากหลักธรรมของชาสทระฺ  ที่ได้มาตรฐานเหล่านี้  ผู้ปรารถนาจะพัฒนาตนเองต้องปฎิบัติตามหลักมาตรฐานดังที่พระอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ปฎิบัติ  ชรีมัด-  บฺากะวะธัมฺ  ได้ยืนยันเช่นเดียวกันว่าเราควรเจริญรอยตามพระบาทของสาวกผู้ยิ่งใหญ่นี่คือวิธีแห่งความเจริญก้าวหน้าบนหนทางแห่งความรู้แจ้งทิพย์  กษัตริย์หรือผู้บริหารรัฐบิดา  และครูอาจารย์  ถือว่าเป็นผู้นำโดยธรรมชาติของประชาชนผู้พาซื่อโดยทั่วไป  ผู้นำโดยธรรมชาติทั้งหมดนี้มีความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงต่อผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแลของตน  ฉะนั้น  ผู้นำเหล่านี้จะต้องรอบรู้เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ศีลธรรมและศาสนาของหนังสือมาตรฐานเหล่านี้

โศลก 22

นะ เม พารทฺาสทิ คารทัพยัม
ทริชุ โลเคชุ คินชะนะฺ

นานะวาพทัม อวาพทัพยัม
วารทะ เอวะ ชะ คารมะณิฺ

นะฺ  -  ไม่, เมฺ  -  ของข้า, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, อัสทิฺ  -  มี, คารทัพยัมฺ  -  หน้าที่ที่กำหนดไว้, ทริชฺุ  -  ในทั้งสาม, โลเคชฺุ  -  ระบบดาวเคราะห์, คินชะนะฺ  -  ใด, นะฺ  -  ไม่มี, อนะวาพทัมฺ  -  ต้องการ, อวาพทัพยัมฺ  -  ได้กำไร, วารเทฺ  -  ข้าปฎิบัติอยู่, เอวะฺ  -  แน่นอน, ชะฺ  -  เช่นกัน, คารมะณิฺ  -  ในหน้าที่ที่กำหนดไว้

คำแปลฺ

โอ้  โอรสพระนางพริทฺา  ไม่มีงานใดที่กำหนดไว้สำหรับข้าภายในระบบดาวเคราะห์ทั้งสาม  ข้าไม่ต้องการสิ่งใด  และข้าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบรรลุถึงอะไร  ถึงกระนั้นข้ายังต้องฎิบัติหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้

คำอธิบายฺ

วรรณกรรมพระเวทได้อธิบายถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าดังต่อไปนี้

ทัม อีชวะราณาม พะระมัม มะเฮชวะรัม
ทัม เดวะทานาม พะระมัม ชะ ไดวะทัมฺ

พะทิม พะทีนาม พะระมัม พะรัสทาด
วิดามะ เดวัม บูำ-วะเนชัม อีดยัมฺ
นะ ทัสยะ คารยัม คะระณัม ชะ วิดยะเท
นะ ทัท-สะมัช ชาบฺยะดฺิคัช ชะ ดริชยะเทฺ

พะราสยะ ชัคทิร วิวิไดฺวะ ชรูยะเท
สวาบฺาวิคี กยานะ-บะละ-คริยา ชะฺ

“องค์ภควานทรงเป็นผู้ควบคุมผู้ควบคุมทั้งหลาย  พระองค์ทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้นำของดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  ทั้งหมด  ทุก  ๆ  ชีวิตอยู่ภายใต้การควบคุมของพระองค์สิ่งมีชีวิตทั้งมวลมิใช่ผู้สูงสุด  หากแต่ได้รับพลังอำนาจเฉพาะจากองค์ภควาน  มวลเทวดาบูชาพระองค์  องค์ภควานทรงเป็นผู้บัญชาการสูงสุดในหมู่ผู้บัญชาการทั้งหลาย  ฉะนั้นทรงเป็นทิพย์อยู่เหนือผู้นำและผู้ควบคุมทางวัตถุทั้งมวล  ทุก  ๆ  ชีวิตบูชาพระองค์  ไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าพระองค์  และพระองค์ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง

“องค์ภควานทรงมิได้มีพระวรกายเหมือนกับสิ่งมีชีวิตสามัญทั่วไป  ไม่มีข้อแตกต่างระหว่างพระวรกายและดวงวิญญาณของพระองค์  พระองค์ทรงสมบูรณ์บริบูรณ์ทุกประการ  ประสาทสัมผัสทั้งหมดของพระองค์เป็นทิพย์  แต่ละประสาทสัมผัสสามารถทำหน้าที่ของประสาทสัมผัสอื่น  ๆ  ได้ทั้งหมด  ดังนั้น  จึงไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าหรือเสมอเหมือนพระองค์  พระเดชของพระองค์มีหลากหลายมากมาย  ฉะนั้น  กิจกรรมของพระองค์เป็นไปตามลำดับตามธรรมชาติ”  (ชเวทาชวะทะระ  อุพะนิชัดฺ  6.7-8)

เนื่องจากทุกสิ่งทุกอย่างมีความมั่งคั่งสมบูรณ์อยู่ในองค์ภควานและปรากฎอยู่เป็นสัจธรรมที่สมบูรณ์  ไม่มีหน้าที่อันใดสำหรับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงต้องปฎิบัติ  ผู้ที่ต้องรับผลของงานจะต้องมีหน้าที่ที่กำหนดไว้บางประการ  แต่ผู้ที่ไม่มีจุดมุ่งหมายใด  ๆ  จะต้องบรรลุภายในระบบดาวเคราะห์ทั้งสามย่อมไม่มีหน้าที่อย่างแน่นอนถึงกระนั้น  องค์ชรีคริชณะยังทรงรับพระภารกิจในสมรภูมิคุรุคเชทระในฐานะเป็นผู้นำกษัตริย์  เพราะเป็นหน้าที่ของกษัตริย์ที่ต้องปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้ได้รับความทุกข์แม้ว่าองค์ภควานทรงอยู่เหนือกฎเกณฑ์ทั้งหลายที่ปรากฎอยู่ในพระคัมภีร์  แต่พระองค์ทรงมิได้กระทำสิ่งที่ละเมิดพระคัมภีร์ที่เปิดเผยไว้

โศลก 23

ยะดิ ฮิ อฮัม นะ วารเทยัม
จาทุ คารมะณิ อทันดริทะฮฺ

มะมะ วารทมานุวารทันเท
มะนุชยาฮ พารทฺะ สารวะชะฮฺ

ยะดิฺ  -  ถ้าหาก, ฮิฺ  -  แน่นอน, อฮัมฺ  -  ข้า, นะฺ  -  ไม่, วารเทยัมฺ  -  ปฎิบัติ, จาทฺุ  -  เคย, คารมะณิฺ  -  ในการปฎิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้, อทันดริทะฮฺ  -  ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง, มะมะฺ  -  ของข้า, วารทมะฺ  -  วิถีทาง, อนุวารทันเทฺ  -  จะปฎิบัติตาม, มะนุชยาฮฺ  -  มนุษย์ทั้งหลาย, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, สารวะชะฮฺ  -  ในทั้งหมด

คำแปลฺ

ถ้าหากข้าไม่ปฎิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้อย่างระมัดระวังแล้วไซร้  โอ้  พารทฺะ  ทุกคนจะปฎิบัติตามแนวทางของข้าอย่างแน่นอน

คำอธิบายฺ

เพื่อรักษาสมดุลแห่งความสงบของสังคมให้เจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์จึงมีขนบธรรมเนียมประเพณีของครอบครัวที่มีอารยธรรม  แม้ว่ากฎเกณฑ์เหล่านี้มีไว้สำหรับพันธวิญญาณไม่ใช่สำหรับองค์ชรีคริชณะ  แต่เนื่องจากเสด็จลงมาเพื่อสถาปนาหลักศาสนา  พระองค์จึงทรงปฎิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์ต่าง  ๆ  ที่กำหนดไว้ให้เป็นแบบอย่างเพื่อคนธรรมดาสามัญทั่วไปจะได้เจริญรอยตามพระบาทของพระองค์  เนื่องจากทรงเป็นผู้ที่เชื่อถือได้มากที่สุด  จาก  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  เราเข้าใจว่าองค์คริชณะทรงปฎิบัติหน้าที่ทางศาสนาทั้งหมดทั้งในบ้านและนอกบ้านตามที่ได้กำหนดไว้สำหรับชีวิตคฤหัสถ์

โศลก 24

อุทสีเดยุร อิเม โลคา
นะ คุรยาม คารมะ เชต อฮัมฺ

สังคะรัสยะ ชะ คารทา สยาม
อุพะฮันยาม อิมาฮ พระจาฮฺ

อุทสีเดยุฮฺ  -  จะตกอยู่ในความหายนะ, อิเมฺ  -  ทั้งหมดนี้, โลคาฮฺ  -  โลกต่าง ๆ, นะฺ  -  ไม่, คุรยามฺ  -  ข้าปฎิบัติ, คารมะฺ  -  หน้าที่ที่ได้กำหนดไว้, เชทฺ  -  หาก, อฮัมฺ  -  ข้า, สังคะรัสยะฺ  -  ของประชากรที่ไม่ต้องการ, ชะฺ  -  และ, คารทาฺ  -  ผู้สร้าง, สยามฺ  -  จะเป็น, อุพะฮันยามฺ  -  จะทำลาย, อิมาฮฺ  -  ทั้งหมดนี้, พระจาฮฺ  -  สิ่งมีชีวิตต่าง ๆ

คำแปลฺ

หากข้าไม่ปฎิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้  โลกทั้งหลายจะตกอยู่ในความหายนะ  ข้าจะเป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดประชากรที่ไม่พึงปรารถนา  และจะเป็นผู้ทำลายความสงบของมวลชีวิต

คำอธิบายฺ

วารณะ-สังคะระฺ  คือประชากรที่ไม่พึงปรารถนา  ผู้ชอบก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้นในสังคมโดยทั่วไป  เพื่อเป็นการถ่วงดุลความไม่สงบในสังคม  จึงมีกฎเกณฑ์กำหนดไว้ให้ประชาชนสามารถได้รับความสงบและรวมพลังเพื่อความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์เมื่อองค์ชรีคริชณะเสด็จลงมา  โดยธรรมชาติพระองค์ทรงปฎิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้  เพื่อรักษาชื่อเสียงและทำให้เห็นถึงความจำเป็นในการปฎิบัติสิ่งสำคัญเหล่านี้  องค์ภควานทรงเป็นพระบิดาของมวลชีวิต  หากสิ่งมีชีวิตถูกนำพาไปในทางที่ผิด  โดยทางอ้อมพระองค์ทรงรับผิดชอบ  ดังนั้น  เมื่อใดที่มีการละเลยหลักธรรมโดยทั่วไปพระองค์จะเสด็จลงมาเพื่อแก้ปัญหาสังคม  อย่างไรก็ดีเราควรจะระมัดระวังไว้  ถึงแม้ว่าเราต้องปฎิบัติตามรอยพระบาทขององค์ภควาน  ต้องจดจำไว้เสมอว่าเราไม่สามารถเลียนแบบพระองค์  การปฎิบัติตามและการเลียนแบบไม่เหมือนกัน  เราไม่สามารถเลียนแบบองค์ภควานด้วยการยกภูเขาโกวารดฺะนะ  ดังที่ทรงกระทำในขณะที่ยังทรงพระเยาว์ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับมนุษย์  เราต้องปฎิบัติตามคำสั่งสอนของพระองค์  แต่ไม่ควรเลียนแบบพระองค์  ไม่ว่าในขณะใด  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (10.33.30-31)  ยืนยันไว้ดังนี้

ไนทัท สะมาชะเรจ จาทุ
มะนะสาพิ ฮิ อนีชวะระฮฺ

วินัชยะทิ อาชะรัน โมดฺยาด
ยะทฺารุโดร 'บดฺิ-จัม วิชัมฺ
อีชวะราณาม วะชะฮ สัทยัม
ทะไทฺวาชะริทัม ควะชิทฺ

เทชาม ยัท สวะ-วะโช-ยุคทัม
บุดดฺิมามส ทัท สะมาชะเรทฺ

“เราควรปฎิบัติตามคำสั่งสอนขององค์ภควานและผู้รับใช้ของพระองค์ที่ได้รับมอบอำนาจมา  คำสั่งสอนของท่านเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ดีสำหรับพวกเรา  ผู้มีสติปัญญาจะปฎิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้  อย่างไรก็ดี  เราควรระวังว่าจะไม่พยายามเลียนแบบการกระทำของพวกท่าน  เฉกเช่นเราไม่ควรดื่มมหาสมุทรยาพิษเพื่อเลียนแบบพระศิวะ”

เราควรพิจารณาตำแหน่งของ  อีชวะระฺ  หรือผู้ที่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ว่าทรงเป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่เสมอ  หากเราไม่มีพลังอำนาจเช่นนี้เราไม่สามารถเลียนแบบอีชวะระผู้ทรงพลังที่สูงกว่าฺ  พระศิวะทรงดื่มยาพิษถึงขนาดกลืนมหาสมุทรได้  แต่หากว่าคนธรรมดาสามัญทั่วไปพยายามดื่มยาพิษนี้แม้เพียงนิดเดียวจะตายทันที  มีสาวกจอมปลอมมากมายของพระศิวะผู้ต้องการสูบกัญชาและยาเสพติดในลักษณะเดียวกันนี้  โดยลืมไปว่าการเลียนแบบการกระทำของพระศิวะเช่นนี้เทียบเท่ากับเรียกหาความตายเข้ามาใกล้ตัว  ในทำนองเดียวกันมีสาวกจอมปลอมของคริชณะที่ชอบเลียนแบบองค์ภควานใน  ระสะ-ลีลาฺ  หรือลีลาศแห่งความรัก  โดยลืมไปว่าตนเองไม่มีความสามารถที่จะยกภูเขาโกวารดฺะนะได้  ฉะนั้น  เป็นการดีที่สุดที่เราจะไม่พยายามเลียนแบบพระองค์ผู้ทรงเดช  เพียงแค่ปฎิบัติตามคำสั่งสอนก็พอแล้ว  เราไม่ควรพยายามไปยึดตำแหน่งของพระองค์โดยที่เราไม่มีคุณสมบัติ  มี“อวตาร”ขององค์ภควานอยู่เกลื่อนกลาดที่ปราศจากพระเดชแห่งองค์ภควาน

โศลก 25

สัคทาฮ คารมะณิ อวิดวามโส
ยะทฺา คุรวันทิ บฺาระทะฺ

คุรยาด วิดวามส ทะทฺาสัคทัช
ชิคีรชุร โลคะ-สังกระฮัมฺ

สัคทาฮ-มีความยึดติด, คารมะณิฺ  -  ในหน้าที่ที่กำหนดไว้, อวิดวามสะฮฺ  -  อวิชชา, ยะทฺาฺ -มากเท่ากับ, คุรวันทิฺ  -  พวกเขาทำ, บฺาระทะฺ  -  โอ้ ผู้สืบราชวงศ์บฺะระทะ, คุรยาทฺ  -  จะต้องทำ, วิดวานฺ  -  ผู้รู้, ทะทฺาฺ  -  ดังนั้น, อสัคทะฮฺ  -  ไม่มีความยึดติด, ชิคีรชุฮฺ  -  ต้องการนำ, โลคะฺ  -  สังกระฮัมฺ  -  ผู้คนโดยทั่วไป

คำแปลฺ

เฉกเช่นผู้อยู่ในอวิชชา  ปฎิบัติหน้าที่ของตนด้วยความยึดติดในผลของงาน  ผู้รู้อาจปฎิบัติหน้าที่เช่นเดียวกัน  แต่ไม่ยึดติด  ทำไปเพียงเพื่อที่จะนำผู้คนให้มาสู่วิถีทางที่ถูกต้องเท่านั้น

คำอธิบายฺ

บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกและบุคคลผู้ไม่มีคริชณะจิตสำนึกต่างกันที่ความปรารถนาไม่เหมือนกัน  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกจะไม่ทำอะไรที่ไม่เอื้ออำนวยให้พัฒนาคริชณะจิตสำนึก  เขาอาจปฎิบัติตนเหมือนกับบุคคลผู้อยู่ในอวิชชาที่ยึดติดในกิจกรรมทางวัตถุทุกประการ  แต่คนหนึ่งปฎิบัติในกิจกรรมเหล่านี้เพื่อสนองประสาทสัมผัสของตน  ในขณะที่อีกคนหนึ่งปฎิบัติตนเพื่อให้คริชณะทรงพอพระทัย  ดังนั้น  บุคคลผู้มีคริชณะจิตสำนึกจำเป็นต้องแสดงให้ผู้คนเห็นว่าควรปฎิบัติตนอย่างไร  และควรนำผลของการปฎิบัติมาใช้เพื่อจุดมุ่งหมายในคริชณะจิตสำนึกได้อย่างไร

โศลก 26

นะ บุดดฺิ-เบฺดัม จะนะเยด
อกยานาม คารมะ-สังกินามฺ

โจชะเยท สารวะ-คารมาณิ
วิดวาน ยุคทะฮ สะมาชะรันฺ

นะฺ  -  ไม่, บุดดฺิฺ  -  เบฺดัมฺ  -  ความยุ่งของปัญญา, จะนะเยทฺ  -  เขาอาจเป็นต้นเหตุ, อะกยานามฺ  -  ของคนโง่, คารมะ-สังกินามฺ  -  ผู้ที่ยึดติดในผลของงาน, โจชะเยทฺ  -  เขาควรจะประสาน, สารวะฺ  -  ทั้งหมด, คารมาณิฺ  -  งาน, วิดวานฺ  -  ผู้รู้, ยุคทะฮฺ  -  ปฎิบัติ, สะมาชะรันฺ  -  ฝึกฝน

คำแปลฺ

เพื่อไม่เป็นการรบกวนจิตใจของผู้อยู่ในอวิชชาที่ยึดติดต่อผลของงานในหน้าที่ที่กำหนดไว้  ผู้รู้ไม่ควรแนะนำให้พวกเขาหยุดทำงาน  แต่ให้ทำงานในสปิริตแห่งการเสียสละ  ควรแนะนำให้พวกเขาปฎิบัติกิจกรรมต่าง  ๆ  (เพื่อค่อย  ๆ  พัฒนามาสู่คริชณะจิตสำนึก)

คำอธิบายฺ

เวไดช  ชะ  สารไวร  อฮัม  เอวะ  เวดยะฮฺ  นี่คือจุดหมายปลายทางของพิธีกรรมทั้งหลายในคัมภีร์พระเวท  พิธีกรรมทั้งหมด  การปฎิบัติบูชาทั้งหมด  และทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในคัมภีร์พระเวทรวมทั้งคำแนะนำทั้งหมดเพื่อกิจกรรมทางวัตถุ  ทั้งหมดนี้เพื่อให้เข้าใจคริชณะผู้ทรงเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต  แต่เนื่องจากพันธวิญญาณไม่รู้อะไรมากไปกว่าการสนองประสาทสัมผัส  จึงศึกษาคัมภีร์พระเวทด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสนองประสาทสัมผัส  จากการปฎิบัติกิจกรรมเพื่อผลประโยชน์และสนองประสาทสัมผัสที่ประมาณไว้โดยพิธีกรรมทางพระเวท  เราจะค่อย  ๆ  พัฒนามาสู่คริชณะจิตสำนึก  ดังนั้นดวงวิญญาณผู้รู้แจ้งในคริชณะจิตสำนึกไม่ควรรบกวนผู้อื่นในกิจกรรมหรือความเข้าใจของพวกเขา  แต่ควรปฎิบัติด้วยการแสดงให้เห็นว่าผลของงานทั้งหมดสามารถอุทิศเพื่อรับใช้คริชณะได้อย่างไร  บุคคลผู้รู้ในคริชณะจิตสำนึกอาจปฎิบัติในวิธีที่จะทำให้บุคคลผู้อยู่ในอวิชชาซึ่งทำงานเพื่อสนองประสาทสัมผัสได้เรียนรู้ว่าควรทำงานและปฎิบัติตนอย่างไร  ถึงแม้ว่าผู้ที่อยู่ในอวิชชาไม่ควรถูกรบกวนในกิจกรรมของเขา  แต่บุคคลผู้พัฒนาคริชณะจิตสำนึกแม้เพียงเล็กน้อยอาจปฎิบัติตนรับใช้องค์ภควานโดยตรงได้  โดยไม่ต้องรอสูตรต่าง  ๆ  จากคัมภีร์พระเวท  สำหรับผู้โชคดีเช่นนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปฎิบัติตามพิธีกรรมทางพระเวท  เพราะจากการปฎิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรง  เราสามารถได้รับผลพวงทั้งหมดที่อาจจะได้รับจากการปฎิบัติตามหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้

โศลก 27

พระคริเทฮ คริยะมาณานิ
กุไณฮ คารมาณิ สารวะชะฮฺ

อฮังคาระ-วิมูดฺาทมา
คารทาฮัม อิทิ มันยะเทฺ

พระคริเทฮฺ  -  ของธรรมชาติวัตถุ, คริยะมาณานิฺ  -  กระทำอยู่, กุไณฮฺ  -  โดยระดับต่าง ๆ, คารมาณิฺ  -  กิจกรรม, สารวะชะฮฺ  -  ทุกชนิด, อฮังคาระ-วิมูดฺะฺ  -  สับสนด้วยอหังการ, อาทมาฺ  -  ดวงวิญญาณ, คารทาฺ  -  ผู้กระทำ, อฮัมฺ  -  ข้า, อิทิฺ  -  ดังนั้น, มันยะเทฺ  -  เขาคิด

คำแปลฺ

จิตวิญญาณเกิดสับสนอันเนื่องมาจากอิทธิพลของอหังการ  ที่คิดว่าตนเองเป็นผู้กระทำกิจกรรมทั้งหลาย  แท้ที่จริงสามระดับแห่งธรรมชาติวัตถุเป็นผู้นำพาไป

คำอธิบายฺ

บุคคลสองคน  คนหนึ่งมีคริชณะจิตสำนึกและอีกคนหนึ่งมีวัตถุจิตสำนึก  ทำงานในระดับเดียวกันอาจดูเหมือนว่าทำงานอยู่บนพื้นฐานเดียวกัน  แต่มีข้อแตกต่างอย่างมหาศาลในสถาภาพของบุคคลทั้งสอง  บุคคลในวัตถุจิตสำนึกมีความมั่นใจด้วยอหังการว่าตนเองเป็นผู้กระทำทุกสิ่งทุกอย่าง  โดยไม่รู้ว่ากลไกแห่งร่างกายนี้ธรรมชาติวัตถุซึ่งทำงานภายใต้การควบคุมขององค์ภควานเป็นผู้ผลิต  นักวัตถุนิยมไม่รู้ว่าในที่สุดตัวเขาเองก็อยู่ภายใต้การควบคุมของคริชณะ  บุคคลผู้อยู่ภายใต้อหังการจะรับเอาเกียรติยศชื่อเสียงทั้งหมดในการทำทุกสิ่งโดยเอกเทศ  และนี่คือลักษณะอาการแห่งอวิชชา  โดยไม่รู้ว่าร่างกายทั้งหยาบและละเอียดของเขานี้ธรรมชาติวัตถุเป็นผู้สร้างภายใต้คำสั่งขององค์ภควาน  เมื่อเป็นเช่นนี้กิจกรรมของร่างกายและจิตใจของเขาควรทำไปเพื่อรับใช้คริชณะในคริชณะจิตสำนึก  ผู้อยู่ในอวิชชาลืมไปว่าบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงพระนามว่าฮริชิเคชะ  หรือเจ้านายของประสาทสัมผัสแห่งร่างวัตถุ  เนื่องจากการใช้ประสาทสัมผัสไปในทางที่ผิดเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตนเองเป็นเวลายาวนาน  เขาจึงเกิดสับสนอย่างจริงจังจากอหังการซึ่งทำให้ลืมความสัมพันธ์นิรันดรกับคริชณะ

โศลก 28

ทัททวะ-วิท ทุ มะฮา-บาโฮ
กุณะ-คารมะ-วิบฺากะโยฮฺ

ณา กุเณชุ วารทันทะ
อิทิ มัทวา นะ สัจจะเทฺ

ทัททวะ-วิทฺ  -  ผู้รู้สัจธรรมอันสมบูรณ์, ทฺุ  -  แต่, มะฮา-บาโฮฺ  -  โอ้ นักรบผู้ยิ่งใหญ่, กุณะ- คารมะฺ  -  งานภายใต้อิทธิพลของวัตถุ, วิบฺากะโยฮฺ  -  แตกต่างกัน, กุณาฮฺ  -  ประสาทสัมผัส, กุเณชฺุ  -  ในการสนองประสาทสัมผัส, วารทันเทฺ  -  กำลังปฎิบัติ, อิทิฺ  -  ดังนั้น, มัทวาฺ  -  ความคิด, นะฺ  -  ไม่เคย, สัจจะเทฺ  -  ยึดติด

คำแปลฺ

โอ้  นักรบผู้ยอดเยี่ยม  ผู้รู้สัจธรรมอันสมบูรณ์จะไม่ปฎิบัติตนอยู่ในระดับประสาทสัมผัส  และจะไม่สนองประสาทสัมผัส  เขารู้ดีถึงข้อแตกต่างระหว่างงานเพื่อการอุทิศตนเสียสละ  และงานเพื่อผลประโยชน์ทางวัตถุ

คำอธิบายฺ

ผู้รู้สัจธรรมอันสมบูรณ์มีความมั่นใจในสถานภาพอันเคอะเขินของตนในการที่มาคลุกคลีกับวัตถุ  รู้ดีว่าตนเองเป็นละอองอณูของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าคริชณะ  และสถานภาพของตนไม่ควรอยู่ภายในการสร้างทางวัตถุ  รู้ตัวจริงของตนเองว่าเป็นละอองอณูขององค์ภควานผู้ทรงมีความสุขเกษมสำราญนิรันดรและทรงเป็นสัพพัญญู  อย่างไรก็ดี  ยังรู้แจ้งอีกด้วยว่าตนเองมาติดกับดักในชีวิตที่มีแนวคิดทางวัตถุในสภาวะความเป็นอยู่ที่บริสุทธิ์เขาควรประสานกิจกรรมต่าง  ๆ  ของตนเพื่อการอุทิศเสียสละรับใช้องค์ภควานคริชณะ  ดังนั้นจะปฎิบัติตนในกิจกรรมของคริชณะจิตสำนึก  และโดยธรรมชาติจะไม่ยึดติดกับกิจกรรมทางประสาทสัมผัสวัตถุซึ่งทั้งหมดเป็นเพียงสภาวะชั่วคราวไม่ถาวร  โดยรู้ดีว่าสภาวะวัตถุของชีวิตตนอยู่ภายใต้การควบคุมสูงสุดขององค์ภควาน  ฉะนั้น  จึงไม่ถูกรบกวนจากผลกรรมนานัปการทางวัตถุซึ่งพิจารณาว่าเป็นพระเมตตาธิคุณของพระองค์  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  กล่าวว่าผู้ที่รู้สัจธรรมอันสมบูรณ์ทั้งสามลักษณะ  คือ  บระฮมัน.  พะระมาทมา.ฺ  และ  องค์ภควานฺ  เรียกว่า  ทัททวะ-วิทฺ  เพราะว่าเขารู้ถึงตำแหน่งอันแท้จริงของตนเองในความสัมพันธ์กับองค์ภควาน

โศลก 29

พระคริเทร กุณะ-สัมมูดฺาฮ
สัจจันเท กุณะ-คารมะสฺุ

ทาน อคริทสนะ-วิโด มันดาน
คริทสนะ-วิน นะ วิชาละเยทฺ

พระคริเทฮฺ  -  ของธรรมชาติวัตถุ, กุณะฺ  -  โดยสามระดับ, สัมมูดฺาฮฺ  -  โง่เพราะสำนึกตนกับวัตถุ, สัจจันเทฺ  -  พวกเขามาปฎิบัติ, กุณะ-คารมะสฺุ  -  ในกิจกรรมทางวัตถุ, ทานฺ  -  ของพวกเขา, อคริทสนะ-วิดะฮฺ  -  บุคคลผู้ด้อยความรู้, มันดานฺ  -  เกียจคร้านที่จะเข้าใจการรู้แจ้งแห่งตน, คริทสนะ-วิทฺ  -  ผู้มีความรู้ที่ถูกต้อง, นะฺ  -  ไม่, วิชาละเยทฺ  -  ควรพยายามรบกวน

คำแปลฺ

เนื่องด้วยสับสนจากระดับของธรรมชาติวัตถุ  ผู้อยู่ในอวิชชาปฎิบัติตนอย่างเต็มที่ในกิจกรรมทางวัตถุและเกิดการยึดติด  แต่ผู้ฉลาดไม่ควรกังวลกับสิ่งเหล่านี้แม้ว่าหน้าที่เหล่านี้จะต่ำกว่าอันเนื่องมาจากผู้ปฎิบัติขาดความรู้

คำอธิบายฺ

ผู้ไม่มีความรู้สำนึกตนเองอย่างผิด  ๆ  กับจิตสำนึกวัตถุหยาบ  ๆ  และเต็มไปด้วยชื่อระบุทางวัตถุต่าง  ๆ  ร่างกายนี้เป็นของขวัญจากธรรมชาติวัตถุ  ผู้ที่ยึดติดมากกับจิตสำนึกทางร่างกายเรียกว่า  มันดะฺ  หรือผู้เกียจคร้านที่ไม่เข้าใจดวงวิญญาณ  ผู้ที่อยู่ภายใต้อวิชชาคิดว่าตนเองคือร่างกาย  ยอมรับความสัมพันธ์ทางร่างกายกับผู้อื่นว่าเป็นวงศาคณาญาติ  แผ่นดินที่ร่างกายนี้ได้รับมาเป็นสถานที่สักการะบูชา  และพิจารณาว่าระเบียบการของพิธีกรรมทางศาสนาคือจุดมุ่งหมายสูงสุดในตัวมันเอง  งานสังคม  ลัทธิความรักชาติ  และลัทธิการเห็นประโยชน์ผู้อื่น  เหล่านี้คือกิจกรรมบางประการของบุคคลผู้อยู่ภายใต้ชื่อระบุทางวัตถุ  ภายใต้มนต์สะกดแห่งชื่อระบุนี้ทำให้พวกเขามีภารกิจยุ่งยากอยู่ในสนามวัตถุเสมอ  สำหรับบุคคลเหล่านี้  ความรู้แจ้งดวงวิญญาณเป็นสิ่งเร้นลับดังนั้น  พวกเขาจะไม่สนใจ  อย่างไรก็ดี  ผู้ที่ได้รับแสงสว่างในชีวิตทิพย์ไม่ควรพยายามรบกวนบุคคลผู้หมกมุ่นอยู่ในวัตถุเช่นนี้  ทางที่ดีเราควรปฎิบัติกิจกรรมทิพย์ของเราอย่างเงียบสงบ  ผู้สับสนเช่นนี้อาจปฎิบัติตนตามหลักศีลธรรมพื้นฐานของชีวิต  เช่นไม่เบียดเบียนกันและร่วมงานการกุศลทางวัตถุ

ผู้อยู่ในอวิชชาไม่สามารถรู้ถึงคุณค่าแห่งกิจกรรมในคริชณะจิตสำนึก  ฉะนั้นองค์ชรีคริชณะทรงแนะนำไม่ให้ไปรบกวนพวกเขาและเสียเวลาอันมีค่าไปโดยเปล่าประโยชน์  แต่สาวกขององค์ภควานมีความเมตตามากกว่าพระองค์  เพราะเข้าใจจุดมุ่งหมายขององค์ภควาน  ดังนั้น  ท่านจึงยอมเสี่ยงอันตรายนานัปการ  แม้กระทั่งต้องเข้าพบผู้อยู่ภายใต้อวิชชาเพื่อแนะนำให้ปฎิบัติคริชณะจิตสำนึก  ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับชีวิตมนุษย์

โศลก 30

มะยิ สารวาณิ คารมาณิ
สันนยัสยาดฺยาทมะ-เชทะสาฺ

นิราชีร นิรมะโม บูำทวา
ยุดฺยัสวะ วิกะทะ-จวะระฮฺ

มะยิฺ  -  แต่ข้า, สารวาณิฺ  -  ทุกชนิด, คารมาณิฺ  -  กิจกรรม, สันนยัสยะฺ  -  ยกเลิกทั้งหมด, อัดฺยาทมะฺ  -  ด้วยความรู้อันสมบูรณ์เกี่ยวกับตนเอง, เชทะสาฺ  -  ด้วยจิตสำนึก, นิราชีฮฺ  -  ไม่มีความปรารถนาเพื่อผลกำไร, นิรมะมะฮฺ  -  ไม่เป็นเจ้าของ, บูทวาฺ  -  เป็นดังนี้, ยุดฺยัสวะฺ-ต่อสู้, วิกะทะ-จวะระฮฺ  -  ไม่เฉื่อยชา

คำแปลฺ

ฉะนั้น  โอ้  อารจุนะ  จงศิโรราบงานของเธอทั้งหมดแด่ข้า  เปี่ยมไปด้วยความรู้แห่งข้า  ไม่ปรารถนาผลกำไร  ไม่อ้างความเป็นเจ้าของ  และปราศจากความเฉื่อยชาเธอจงสู้

คำอธิบายฺ

โศลกนี้แสดงถึงจุดมุ่งหมายของ  ภควัต-คีตาฺ  อย่างชัดเจน  องค์ภควาน  ทรงสอนว่าเราต้องมีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ในการปฎิบัติหน้าที่เฉกเช่นการมีวินัยในกองทัพ  คำสั่งสอนเช่นนี้อาจทำได้ยากแต่ถึงอย่างไรหน้าที่จะต้องดำเนินต่อไปโดยขึ้นอยู่กับคริชณะเพราะว่านั่นคือสถานภาพพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต  สิ่งมีชีวิตไม่สามารถมีความสุขโดยปราศจากการร่วมมือกับองค์ภควาน  เพราะว่าสถานภาพพื้นฐานนิรันดรของสิ่งมีชีวิตคือมาเป็นผู้ร่วมงานกับความปรารถนาขององค์ภควาน  ฉะนั้นองค์ชรีคริชณะทรงรับสั่งให้อารจุนะต่อสู้เสมือนดั่งคริชณะทรงเป็นผู้บังคับบัญชาทหาร  เราต้องเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความปรารถนาดีขององค์ภควาน  และในขณะเดียวกันปฎิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้โดยไม่อ้างความเป็นเจ้าของ  อารจุนะทรงไม่ต้องพิจารณาคำสั่งของพระองค์เพียงแต่ทรงต้องปฎิบัติตามคำสั่งเท่านั้น  องค์ภควานทรงเป็นดวงวิญญาณของมวลวิญญาณ  ฉะนั้น  ผู้ที่ขึ้นอยู่กับองค์อภิวิญญาณสูงสุดร้อยเปอร์เซ็นต์โดยปราศจากการพิจารณาส่วนตัว  หรืออีกนัยหนึ่งผู้ที่มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  เรียกว่า  อัดฺยาทมะ-เชทัสฺ  คำว่า  นิราชีฮฺ  หมายความว่าเราต้องปฎิบัติตามคำสั่งของเจ้านายแต่ไม่ควรคาดหวังผลประโยชน์  แคชเชียร์อาจนับเงินเป็นจำนวนล้าน  ๆ  บาทให้นายจ้างแต่จะไม่อ้างแม้แต่สตางค์แดงเดียวสำหรับตนเอง  ในลักษณะเดียวกันแเราต้องรู้แจ้งว่าไม่มีอะไรในโลกนี้เป็นของผู้หนึ่งผู้ใด  แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นขององค์ภควาน  นั่นคือความหมายอันแท้จริงของคำว่า  มะยิฺ  หรือ“แด่ข้า”  และเมื่อเราปฎิบัติตนในคริชณะจิตสำนึกเช่นนี้  แน่นอนว่าเราจะไม่อ้างความเป็นเจ้าของในสิ่งใด  ๆ  จิตสำนึกเช่นนี้เรียกว่า  นิรมะมะฺ  หรือ  “ไม่มีอะไรเป็นของข้า”  หากเกิดมีความไม่เต็มใจในการปฎิบัติตามคำสั่งอันเข้มงวดเช่นนี้  โดยปราศจากการพิจารณาถึงสิ่งที่สมมุติว่าเป็นวงศาคณาญาติในความสัมพันธ์ทางร่างกาย  ความไม่เต็มใจเช่นนี้ควรสลัดทิ้งไป  ดังนี้เราอาจมาเป็น  วิกะทะ-จวะระฺ  หรือปราศจากอารมณ์เร่าร้อนหรืออารมณ์เฉื่อยชา  ทุก  ๆ  คนตามคุณสมบัติและสถานภาพของตนมีงานโดยเฉพาะให้ปฎิบัติ  และงานทั้งหมดนี้อาจปฎิบัติในคริชณะจิตสำนึก  ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งจะนำเราไปสู่หนทางแห่งอิสรภาพ

โศลก 31

เย เม มะทัม อิดัม นิทยัม
อนุทิชทฺันทิ มานะวาฮฺ

ชรัดดฺาวันโท 'นะสูยันโท
มุชยันเท เท 'พิ คารมะบฺิฮฺ

เยฺ  -  ผู้ซึ่ง, เมฺ  -  ของข้า, มะทัมฺ  -  คำสั่งสอน, อิดัมฺ  -  เหล่านั้น, นิทยัมฺ  -  เสมือนดังหน้าที่นิรันดร, อนุทิชทฺันทิฺ  -  ปฎิบัติสม่ำเสมอ, มานะวาฮฺ  -  มนุษย์, ชรัดดฺา-วันทะฮฺ  -  ด้วยความศรัทธาและอุทิศตนเสียสละ, อนะสูยันทะฮฺ  -  ไม่มีความอิจฉาริษยา, มุชยันเทฺ  -  เป็นอิสระ, เทฺ  -  ทั้งหมด, อพิฺ  -  แม้แต่, คารมะบฺิฮฺ  -  จากพันธนาการแห่งกฎของการปฎิบัติเพื่อหวังผล

คำแปลฺ

ผู้ปฎิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของข้า  และปฎิบัติตามคำสั่งสอนนี้ด้วยความศรัทธาปราศจากความอิจฉาริษยา  จะได้รับอิสรภาพจากพันธนาการแห่งการกระทำเพื่อผลทางวัตถุ

คำอธิบายฺ

คาสั่งของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  คริชณะ  เป็นแก่นสารสาระสำคัญที่สุดของปรัชญาพระเวททั้งหมด  ฉะนั้น  จึงเป็นสัจธรรมอมตะโดยไม่มีข้อแม้  เฉกเช่นคัมภีร์พระเวทเป็นอมตะ  สัจธรรมแห่งคริชณะจิตสำนึกนี้ก็เป็นอมตะเช่นเดียวกัน  เราควรมีความศรัทธาอย่างแน่วแน่ในคำสั่งนี้โดยไม่อิจฉาริษยาองค์ภควาน  มีนักปราชญ์มากมายเขียนคำอธิบวยเกี่ยวกับ  ภควัต-คีตาฺ  หากแต่ไม่มีความศรัทธาในคริชณะ  นักปราชญ์เหล่านี้จะไม่มีวันได้รับอิสรภาพจากพันธนาการแห่งการกระทำเพื่อผลทงวัตถุหากสามัญชนทั่วไปมีความศรัทธาอย่างมั่นคงในคำสั่งอมตะขององค์ภควาน  แม้จะไม่สามารถปฎิบัติตามคำสั่งเหล่านี้ก็สามารถได้รับอิสรภาพจากพันธนาการของกฎแห่งกรรม  (คารมะ)  ได้  ในเบื้องต้นของคริชณะจิตสำนึกเราอาจจะไม่สามารถปฎิบัติตามคำสั่งของพระองค์ได้อย่างสมบูรณ์  แต่เนื่องจากการที่เราไม่ขัดข้องใจต่อหลักธรรมนี้และทำงานด้วยความจริงใจโดยไม่พิจารณาถึงเรื่องพ่ายแพ้และสิ้นหวัง  แน่นอนว่าเราจะได้รับการส่งเสริมไปจนถึงระดับที่บริสุทธิ์แห่งคริชณะจิตสำนึก

โศลก 32

เย ทุ เอทัด อับฺยะสูยันโท
นานุทิชทฺันทิ เม มะทัมฺ

สารวะ-กยานะ-วิมูดฺามส ทาน
วิดดฺิ นัชทาน อเชทะสะฮฺ

เยฺ  -  เขาเหล่านั้น, ทฺุ  -  อย่างไรก็ดี, เอทัทฺ  -  นี้, อับฺยะสูยันทะฮฺ  -  ด้วยความอิจฉาริษยา, นะฺ  -  ไม่, อนุทิชทฺันทิฺ  -  ปฎิบัติอย่างสม่ำเสมอ, เมฺ  -  ของข้า, มะทัมฺ  -  คำสั่ง, สารวะ-กยานะฺ  -  ในความรู้ทั้งหมด, วิมูดฺานฺ  -  โง่อย่างสมบูรณ์, ทานฺ  -  เขาเหล่านั้น, วิดดฺิฺ  -  รู้ดีว่า, นัชทานฺ  -  ถูกทำลายทั้งหมด, อเชทะสะฮฺ  -  ไม่มีคริชณะจิตสำนึก

คำแปลฺ

แต่ผู้ที่มีความอิจฉาริษยา  ละเลยคำสั่งสอนเหล่านี้และไม่ปฏิบัติตามอย่างสม่ำเสมอ  พิจารณาว่าความรู้ทั้งหมดได้สูญเสียไป  เป็นคนโง่  และได้ทำลายความพยายามเพื่อความสมบูรณ์

คำอธิบายฺ

ข้อผิดพลาดในการที่ไม่มีคริชณะจิตสำนึกได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้เหมือนกับมีการลงโทษผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บริหารสูงสุดของรัฐ  แน่นอนว่าจะมีการลงโทษผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ภควาน  ผู้ไม่ปฏิบัติตามไม่ว่ายิ่งใหญ่แค่ไหนจะมีอวิชชาเกี่ยวกับตนเอง  เกี่ยวกับ  บระฮมันฺ  สูงสุด  เกี่ยวกับ  พะระมาทมาฺ  และเกี่ยวกับ  องค์  ภควานฺ  อันเนื่องมาจากหัวใจที่ว่างเปล่า  ดังนั้น  จึงไม่มีความหวังแห่งความสมบูรณ์ในชีวิตสำหรับบุคคลผู้นี้

โศลก 33

สะดริชัม เชชทะเท สวัสยาฮ
พระคริเทร กยานะวาน อพิฺ

พระคริทิม ยานทิ บํูทานิ
นิกระฮะฮ คิม คาริชยะทิฺ

สะดริชัมฺ  -  ตามนั้น, เชชทะเทฺ  -  พยายาม, สวัสยาฮฺ  -  ด้วยตัวเขาเอง, พระคริเทฮฺ  -  ระดับของธรรมชาติ, กยานะวานฺ  -  มีความรู้, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, พระคริทิมฺ  -  ธรรมชาติ, ยานทิฺ  -  ได้รับ,บํูทานิฺ  -  มวลสิ่งมีชีวิต, นิกระฮะฮฺ  -  ความอดกลั้น, คิมฺ  -  อะไร, คาริชยะทิฺ  -  สามารถทำ

คำแปลฺ

แม้ผู้รู้ยังต้องปฏิบัติตามธรรมชาติของตนเอง  เพราะทุกคนปฏิบัติตามธรรมชาติที่ตนได้รับมาจากสามระดับ  การเก็บกดเอาไว้จะได้รับผลสำเร็จอันใด?

คำอธิบายฺ

นอกเสียจากว่าเราจะสถิตในระดับทิพย์แห่งคริชณะจิตสำนึก  มิฉะนั้น  เราจะไม่สามารถมีอิสรภาพจากอิทธิพลของระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ  ดังที่  องค์ภควานได้ทรงยืนยันไว้ในบทที่เจ็ด  (7.14)  ฉะนั้น  แม้ผู้มีการศึกษาสูงสุดทางโลกก็ยังหลุดพ้นจากบ่วงของมายาไม่ได้  ด้วยความรู้ทางทฤษฎีหรือด้วยการแยกดวงวิญญาณออกจากร่างกายมีผู้ที่สมมุติว่าเป็นนักทิพย์นิยมมากมาย  ภายนอกวางตัวว่ามีความเจริญในศาสตร์นี้แต่ภายในหรือส่วนตัวยังอยู่ภายใต้ระดับใดระดับหนึ่งของธรรมชาติวัตถุอย่างราบคาบ  ซึ่งตนเองไม่สามารถข้ามพ้นไปได้  ในเชิงวิชาการเขาอาจจะเป็นผู้มีการศึกษาสูงมาก  แต่เนื่องจากมาคลุกคลีอยู่กับธรรมชาติวัตถุอันแสนจะยาวนานจึงถูกพันธนาการ  คริชณะจิตสำนึกสามารถช่วยให้เราออกจากพันธนาการทางวัตถุได้  ถึงแม้ว่าเราจะปฏิบัติตามหน้าที่ที่กำหนดไว้ตามความเป็นอยู่ทางวัตถุ  ฉะนั้น  หากไม่มีคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  เราไม่ควรยกเลิกอาชีพการงาน  ไม่มีผู้ใดควรยกเลิกหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้โดยฉับพลัน  และมาสมมุติตนเองว่าเป็นโยคีหรือนักทิพย์นิยมแบบผิดธรรมชาติ  สถิตในสถานภาพของตนเองและพยายามบรรลุถึงคริชณะจิตสำนึกภายใต้การฝึกฝนที่สูงยังจะดีกว่า  เช่นนี้  เราอาจได้รับอิสรภาพจากเงื้อมมือพระนาง  มายาฺ  ซึ่งก็เป็นผู้รับใช้ของคริชณะเช่นกัน

โศลก 34

อินดริยัสเยนดริยัสยารเทฺ
รากะ-ดเวโช วิยะวัสทฺิโทฺ

ทะโยร นะ วะชัม อากัชเชท
โท ฮิ อัสยะ พะริพันทฺิโนฺ

อินดริยัสยะฺ  -  ของประสาทสัมผัส, อินดริยัสยะ อารเทฺฺ  -  ในอายตนะภายนอก, รากะฺ  -  การยึดติด, ดเวโชฺ  -  การไม่ยึดติดก็เช่นกัน, วิยะวัสทฺิโทฺ  -  ไว้ภายใต้กฎเกณฑ์, ทะโยฮฺ  -  ของเขาเหล่านั้น, นะฺ  -  ไม่เคย, วะชัมฺ  -  ควบคุม, อากัชเชฺทฺ  -  เราควรจจะมา, โทฺ  -  ของเขาเหล่านั้น, ฮิฺ  -  แน่นอน, อัสยะฺ  -  ของเขา, พะริพันทฺิโนฺ  -  อุปสรรค

คำแปลฺ

มีหลักการประมาณความยึดติดและความเกลียดชังที่เกี่ยวกับอายตนะภายในและอายตนะภายนอก  เราไม่ควรมาอยู่ภายใต้การควบคุมของความยึดติดและความเกลียดชังเช่นนี้  เพราะมันเป็นอุปสรรคในความรู้แจ้งแห่งตน

คำอธิบายฺ

ผู้อยู่ในคริชณะจิตสำนึกโดยธรรมชาติจะไม่เต็มใจปฏิบัติตนเพื่อสนองประสาทสัมผัสวัตถุ  แต่ผู้ที่ไม่อยู่ในจิตสำนึกเช่นนี้ควรปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์  ความสุขทางประสาทสัมผัสที่ไม่มีขอบเขตเป็นเหตุให้ถูกกักขังทางวัตถุ  แต่ผู้ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ดังที่ปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์จะไม่ถูกพันธนาการโดยอายตนะภายนอก  ตัวอย่างเช่น  ความสุขทางเพศสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพันธวิญญาณ  และความสุขทางเพศสัมพันธ์อนุโลมให้ภายใต้ใบอนุญาตสมรส  คำสั่งสอนของพระคัมภีร์ห้ามไม่ให้เรามีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นนอกจากภรรยาของตนเอง  สตรีอื่นทั้งหมดถือว่าเป็นมารดา  แม้มีคำสั่งเช่นนี้  ผู้ชายยังมีแนวโน้มที่จะมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่น  นิสัยเช่นนี้ต้องปรับปรุง  มิฉะนั้น  จะเป็นสิ่งกีดขวางทางในความรู้แจ้งแห่งตน  ตราบเท่าที่เรายังมีร่างวัตถุอยู่ความจำเป็นต่าง  ๆ  ของร่างกายอนุญาตให้ได้แต่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์  และไม่ควรขึ้นอยู่กับการควบคุมกับสิ่งที่ได้รับอนุญาตเช่นนี้  เราต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เหล่านี้โดยไม่ยึดติดกับมัน  เพราะการฝึกฝนเพื่อสนองประสาทสัมผัสภายใต้กฎเกณฑ์อาจนำเราให้หลงทางได้เหมือนกัน  มากเท่า  ๆ  กับที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุเสมอแม้บนทางหลวงที่มีการดูแลรักษาเป็นอย่างดี  ไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะไม่มีอันตรายเกิดขึ้นแม้บนถนนที่ปลอดภัยที่สุด  แนวโน้มในความสุขทางประสาทสัมผัสโดยประมาณก็มีโอกาสมากที่จะทำให้เราตกต่ำลงได้  ดังนั้น  การยึดติดใด  ๆ  แม้กับความสุขทางประสาทสัมผัสโดยประมาณจะต้องหลีกเลี่ยงทุกวิถีทางเช่นเดียวกัน  แต่ควรยึดมั่นกับคริชณะจิตสำนึกหรือปฏิบัติรับใช้คริชณะด้วยความรักอยู่เสมอ  และไม่ยึดติดกับกิจกรรมทางประสาทสัมผัสทุกชนิด  ฉะนั้น  ไม่มีใครควรปลีกตัวออกห่างจากคริชณะจิตสำนึกไม่ว่าในช่วงไหนของชีวิต  จุดมุ่งหมายในการเป็นอิสระจากการยึดติดอยู่กับประสาทสัมผัสทั้งหมด  ก็เพื่อในที่สุดให้เรามาสถิตในระดับคริชณะจิตสำนึก

โศลก 35

ชเรยาน สวะ-ดฺารโม วิกุณะฮ
พะระ-ดฺารมาท สว-อนุชทฺิทาทฺ

สวะ-ดฺารเม นิดฺะนัม ชเรยะฮ
พะระ-ดฺารโม บฺะยาวะฮะฮฺ

ชเรยานฺ  -  ดีกว่าเป็นไหน ๆ, สวะ-ดฺารมะฮฺ  -  หน้าที่ของตนที่ได้กำหนดไว้, วิกุณะฮฺ  -  แม้ว่าจะผิดพลาด, พะระ-ดฺารมาทฺ  -  มากกว่าหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้สำหรับผู้อื่น, สุ-อนุช ทฺิทาทฺ  -  กระทำอย่างสมบูรณ์, สวะ-ดฺารเมฺ  -  ในหน้าที่ของตนที่กำหนดไว้, นิดฺะนัมฺ  -  การทำลาย, ชเรยะฮฺ  -  ดีกว่า, พะระ-ดฺารมะฮฺ  -  หน้าที่ที่ได้กำหนดไว้สำหรับผู้อื่น, บฺะยะ- อาวะฮะฮฺ  -  อันตราย

คำแปลฺ

การปฏิบัติหน้าที่ของตนที่ได้กำหนดไว้ถึงแม้ว่าจะมีข้อบกพร่อง  ยังดีกว่าไปทำหน้าที่ของผู้อื่นอย่างสมบูรณ์เป็นไหน  ๆ  การถูกทำลายขณะปฏิบัติหน้าที่ของตนเองยังดีกว่าไปปฏิบัติหน้าที่ของผู้อื่น  เพราะการปฏิบัติตามวิถีทางของผู้อื่นเป็นอันตราย

คำอธิบายฺ

เราควรปฏิบัติหน้าที่ของเราที่ได้กำหนดไว้ด้วยคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์ดีกว่าไปทำงานที่กำหนดไว้สำหรับผู้อื่น  ในวิถีวัตถุหน้าที่ที่ได้กำหนดไว้เป็นหน้าที่ที่ถูกบัญชาตามสภาวะทางจิตวิทยาของแต่ละคนภายใต้มนต์สะกดของระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ  ในวิถีทิพย์หน้าที่คือคำสั่งจากพระอาจารย์ทิพย์เพื่อให้เรารับใช้ทิพย์แด่คริชณะ  ไม่ว่าจะเป็นวิถีวัตถุหรือวิถีทิพย์เราควรจะยึดอยู่กับหน้าที่ของเราตามที่ได้กำหนดไว้จนวันตาย  ดีกว่าไปเลียนแบบหน้าที่ที่กำหนดไว้สำหรับผู้อื่น  หน้าที่ในระดับทิพย์และหน้าที่ในระดับวัตถุอาจแตกต่างกัน  แต่หลักการปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งดีสำหรับผู้ปฏิบัติเสมอ  เมื่ออยู่ภายใต้มนต์สะกดของระดับแห่งธรรมชาติวัตถุ  ควรปฏิบัติตามกฎที่ได้กำหนดไว้สำหรับสภาวะโดยเฉพาะของเรา  ไม่ควรเลียนแบบผู้อื่น  ตัวอย่างเช่น  พราหมณ์อยู่ในระดับความดีไม่เบียดเบียนผู้อื่น  ในขณะที่กษัตริย์อยู่ในระดับตัณหาอนุญาตให้เบียดเบียนได้  เมื่อเป็นเช่นนี้กษัตริย์จึงปฏิบัติตามกฎที่เบียดเบียนได้และกำราบศัตรู  ดีกว่าที่จะมาเลียนแบบพราหมณ์ผู้ยึดหลักอหิงสา  ทุกคนต้องชะล้างจิตใจของตนเองทีละน้อย  ไม่ใช่โดยฉับพลัน  อย่างไรก็ดีเมื่อเราข้ามพ้นระดับต่าง  ๆ  ของธรรมชาติวัตถุ  และสถิตในคริชณะจิตสำนึกอย่างสมบูรณ์  เราจะปฏิบัติอย่างไรก็ได้ภายใต้คำแนะนำของพระอาจารย์ทิพย์ผู้เชื่อถือได้  ในระดับสมบูรณ์ของคริชณะจิตสำนึกนี้  กษัตริย์อาจปฏิบัติตนเป็นพราหมณ์หรือว่าพราหมณ์อาจจะปฏิบัติตนเป็นกษัตริย์  ในระดับทิพย์แล้วข้อแตกต่างทางโลกวัตถุนำมาใช้ไม่ได้  ตัวอย่างเช่น  วิชวามิ-ทระ  เดิมทีทรงเป็นกษัตริย์แต่ต่อมาปฏิบัติตนเป็นพราหมณ์  ในขณะที่  พะระชุรามะ  เดิมเป็นพราหมณ์แต่ต่อมาปฏิบัติตนเป็นกษัตริย์  เมื่อสถิตในระดับทิพย์  ทั้งสองท่านสามารถทำเช่นนี้ได้  แต่ตราบใดที่เรายังอยู่ในระดับวัตถุ  ต้องปฏิบัติหน้าที่ของเราตามระดับของธรรมชาติวัตถุ  ในขณะเดียวกันเราจะต้องมีสติอย่างสมบูรณ์ในคริชณะจิตสำนึก

โศลก 36

อารจุนะ อุวาชะฺ
อทฺะ เคนะ พระยุคโท ยัม
พาพัมชะระทิ พูรุชะฮฺ

อนิชชฺันน อพิ วารชเณยะ
บะลาด อิวะ นิโยจิทะฮฺ

อารจุนะ อุวาชะฺ  -  อารจุนะตรัส, อทฺะฺ  -  จากนั้น, เคนะฺ  -  ด้วยอะไร, พระยุคทะฮฺ  -  กระตุ้น, อยัมฺ  -  บุคคล, พาพัมฺ  -  ความบาป, ชะระทิฺ  -  ทำ, พูรุชะฮฺ  -  มนุษย์, อนิชชฺันฺ  -  ไม่มีความปรารถนา, อพิฺ  -  ถึงแม้ว่า, วารชเณยะฺ  -  โอ้ ผู้สืบราชวงศ์วริชณิ, บะลาทฺ  -  ด้วยกำลัง, อิวะฺ  -  ประหนึ่งว่า, นิโยจิทะฮฺ  -  ปฏิบัติ

คำแปลฺ

อารจุนะตรัสว่า  โอ้  ผู้สืบราชวงศ์วริชณิ  อะไรคือสิ่งกระตุ้นให้คนทำบาปแม้จะไม่เต็มใจ  ประหนึ่งทำไปเพราะถูกบังคับ?

คำอธิบายฺ

สิ่งมีชีวิตซึ่งเป็นละอองอณูขององค์ภควานเดิมทีเป็ทิพย์  บริสุทธิ์  และปราศจากมลทินทางวัตถุทั้งปวง  ฉะนั้น  โดยธรรมชาติจะไม่อยู่ภายใต้อำนาจแห่งความบาปในโลกวัตถุ  แต่เมื่อมาสัมผัสกับธรรมชาติวัตถุเราทำบาปนานัปการโดยไม่ลังเลใจ  แม้บางครั้งตนเองไม่ปรารถนา  ดังนั้น  อารจุนะทรงถามคริชณะเช่นนี้จึงให้ความหวังมากเกี่ยวกับธรรมชาติอันวิปริตของสิ่งมีชีวิต  แม้สิ่งมีชีวิตบางครั้งไม่ต้องการทำบาปแต่ถูกบังคับให้ทำ  อย่างไรก็ดีอภิวิญญาณผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจของเราทรงมิได้เป็นผู้กระตุ้นให้ทำบาปแต่เนื่องมาจากสาเหตุอื่น  ดังที่องค์ภควานจะทรงอธิบายในโศลกต่อไป

โศลก 37

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
คามะ เอชะ โครดฺะ เอชะ
ระโจ-กุณะ-สะมุดบฺะวะฮฺ

มะฮาชะโน มะฮา-พาพมา
วิดดฺิ เอนัม อิฮะ ไวริณัมฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  บุคลิกภาพแห่งพระเจ้าตรัส, คามะฮฺ  -  ราคะ, เอชะฮฺ  -  นี้, โครดฺะฮฺ  -  ความโกรธ, เอชะฮฺ  -  นี้, ระจะฮ-กุณะฺ  -  ระดับของตัณหา, สะมุด บฺะวะฮฺ  -  เกิดจาก, มะฮา- อชะนะฮฺ  -  เผาผลาญทั้งหมด, มะฮา-พาพมาฺ  -  ความบาปอันยิ่งใหญ่, วิดดฺิฺ  -  รู้, เอนัมฺ  -  นี้, อิฮะฺ  -  ในโลกวัตถุ, ไวริณัมฺ  -  ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุด

คำแปลฺ

บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าตรัสว่า  โอ้  อารจุนะ  ราคะเท่านั้นที่เกิดจากการมาสัมผัสกับระดับตัณหาทางวัตถุ  และต่อมากลายเป็นความโกรธ  ซึ่งเป็นศัตรูบาปที่จะเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้

คำอธิบายฺ

เมื่อสิ่งมีชีวิตมาสัมผัสกับการสร้างทางวัตถุ  ความรักนิรันดรที่มีต่อคริชณะกลายมาเป็นราคะอันเนื่องมาจากการที่มาคบหาสมาคมกับระดับของตัณหา  หรืออีกนัยหนึ่ง  ความรู้สึกรักองค์ภควานได้เปลี่ยนแปลงกลายมาเป็นราคะ  เฉกเช่นนมเมื่อมาสัมผัสกับมะขามเปรี้ยวจะกลายมาเป็นนมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต  หลังจากราคะไม่สมดังใจปราถนาจะกลายมาเป็นความโกรธ  จากนั้นความโกรธจะเปลี่ยนมาเป็นความหลง  และความหลงทำให้การเป็นอยู่ทางวัตถุดำเนินต่อไป  ฉะนั้น  ราคะจึงเป็นศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสิ่งมีชีวิต  ราคะเท่านั้นที่ล่อใจให้สิ่งมีชีวิตผู้บริสุทธิ์ยังคงวนเวียนอยู่ในโลกวัตถุ  ความโกรธคือปรากฏการณ์ของระดับอวิชชา  ระดับเหล่านี้ปรากฏตัวเองออกมาในรูปของความโกรธและอาการอื่น  ๆ  ในลักษณะเดียวกันนี้  ฉะนั้น  หากว่าระดับตัณหาแทนที่จะตกต่ำไปอยู่ในระดับอวิชชา  แต่ควรจะพัฒนาให้สูงขึ้นมาสู่ระดับความดี  ด้วยการใช้ชีวิตและปฏิบัติตนตามวิถีทิพย์ที่กำหนดไว้  เราจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยจากการตกลงต่ำอันเนื่องมาจากความโกรธ

องค์ภควานทรงแบ่งภาคมากมายเพื่อความสุขเกษมสำราญทิพย์อันหาที่สุดมิได้ของพระองค์  สิ่งมีชีวิตเป็นละอองอณูของความสุขเกษมสำราญทิพย์นี้  มีส่วนของเสรีภาพเช่นกัน  แต่เมื่อเสรีภาพถูกใช้ไปในทางที่ผิด  เมื่อนิสัยชอบรับใช้กลายมาเป็นนิสัยชอบหาความสุขทางประสาทสัมผัสเราจึงมาอยู่ภายใต้อำนาจของราคะ  การสร้างวัตถุนี้องค์ภควานทรงเป็นผู้สร้างเพื่อเปิดโอกาสให้พันธวิญญาณสนองนิสัยแห่งราคะนี้  และเมื่อกิจกรรมแห่งราคะอันแสนจะยาวนานนี้ทำให้จนปัญญาโดยสิ้นเชิงแล้ว  สิ่งมีชีวิตจึงเริ่มถามถึงสถานภาพอันแท้จริงของตนเอง

คำถามเช่นนี้คือจุดเริ่มต้นของ  เวดานธะ-สูทระฺ  ซึ่งได้กล่าวไว้ว่า  อทฺาโท  บระฮมะ  จิกยาสาฺ  เราควรถามถึงองค์ภควาน  และคำว่าองค์ภควานได้ให้คำนิยามไว้ใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  ว่า  จันมาดิ  อัสยะ  ยะโท  นวะยาด  อิทะระทัช  ชะฺ  หรือ  “แหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่างคือ  บระฮมันฺ  สูงสุด”  ฉะนั้น  จุดเริ่มต้นของราคะก็อยู่ในองค์ภควานเช่นเดียวกัน  หากราคะเปลี่ยนมาเป็นความรักต่อองค์ภควาน  หรือเปลี่ยนมาเป็นคริชณะจิตสำนึก  อีกนัยหนึ่งคือปรารถนาทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อคริชณะ  ตรงนี้ทั้งราคะและความโกรธสามารถเปลี่ยนมาเป็นทิพย์ได้  หนุมานผู้รับใช้ที่ยิ่งใหญ่ของพระรามแสดงความโกรธด้วยการเผาเมืองทองของราวะณะ  (ทศกัณฑ์)  การกระทำเช่นนี้ทำให้หนุมานกลายมาเป็นสาวกผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระราม  ใน  ภควัต-คีตาฺ  ก็เช่นเดียวกันองค์ภควานทรงแนะนำให้อารจุนะใช้ความโกรธกับศัตรูเพื่อให้พระองค์ทรงพอพระทัย  ฉะนั้น  ทั้งราคะและความโกรธเมื่อนำมาใช้ในคริชณะจิตสำนึกจะกลายมาเป็นเพื่อนแทนที่จะเป็นศัตรู

โศลก 38

ดํูเมนาพริยะเท วะฮนิร
ยะทฺาดารโช มะเลนะ ชะฺ

ยะโทฺลเบนาวริโท การบฺัส
ทะทฺา เทเนดัม อาพริทัมฺ

ดํูเมนะฺ  -  ด้วยควัน, อาพริยะเทฺ  -  ถูกปกคลุม, วะฮนิฮฺ  -  ไฟ, ยะทฺาฺ  -  ดังเช่น, อาดารชะฮฺ-กระจก, มะเลนะฺ  -  ด้วยฝุ่น, ชะฺ  -  เช่นกัน, ยะทฺาฺ  -  ดังเช่น, อุลเบนะฺ  -  ด้วยครรภ์, อาพริทะฮฺ  -  ถูกปกคลุม, การบฺะฮฺ  -  ตัวอ่อนในครรภ์, ทะทฺาฺ  -  ดังนั้น, เทนะฺ  -  ด้วยราคะ, อิดัมฺ  -  นี้, อาพริทัมฺ  -  ถูกปกคลุม

คำแปลฺ

เสมือนดังควันที่ปกคลุมไฟ  ฝุ่นที่ปกคลุมกระจกเงา  หรือครรภ์ที่ปกคลุมทารกสิ่งมีชีวิตก็ถูกปกคลุมไปด้วยระดับต่าง  ๆ  ของราคะนี้เช่นเดียวกัน

คำอธิบายฺ

มีสิ่งปกคลุมสิ่งมีชีวิตอยู่สามระดับที่ทำให้จิตสำนึกอันบริสุทธิ์ของเขามืดมนสิ่งปกคลุมนี้คือราคะภายใต้ปรากฏการณ์ที่แตกต่างกัน  ดังเช่น  ควันที่อยู่ในไฟ  ฝุ่นที่อยู่บนกระจก  และครรภ์ที่ปกคลุมทารก  เมื่อราคะเปรียบเทียบกับควัน  เข้าใจได้ว่าประกายไฟของสิ่งมีชีวิตสามารถสำเหนียกได้เล็กน้อย  หรือว่าขณะที่สิ่งมีชีวิตแสดงคริชณะจิตสำนึกออกมาเล็กน้อย  อาจเปรียบได้กับไฟที่ถูกปกคลุมด้วยควัน  แม้ว่าที่ใดมีควันที่นั่นต้องมีไฟ  แต่ไฟมิได้ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดในระยะเริ่มต้น  ระยะนี้คล้ายกับระยะเริ่มแรกของคริชณะจิตสำนึก  ฝุ่นบนกระจกเปรียบเทียบกับวิธีการทำความสะอาดกระจกแห่งจิตใจ  ด้วยวิธีการปฏิบัติธรรมต่าง  ๆ  นานา  วิธีที่ดีที่สุดคือการสวดมนต์ภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์ภควาน  ครรภ์ที่ปกคลุมทารกอุปมาให้เห็นถึงสภาวะที่ช่วยไม่ได้  เด็กในครรภ์ช่วยตัวเองไม่ได้เพราะว่ายังไม่สามารถเคลื่อนไหวตัวเองได้  ระดับของสภาวะชีวิตเช่นนี้เปรียบเทียบได้กับต้นไม้  ต้นไม้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตแต่ถูกจับให้มาอยู่ในสภาวะชีวิตที่แสดงให้เห็นว่ามีราคะมากเสียจนเกือบจะไม่มีจิตสำนึกเหลืออยู่เลย  ฝุ่นที่ปกคลุมกระจกเปรียบเทียบได้กับนกและสัตว์ต่าง  ๆ  และควันที่ปกคลุมไฟเปรียบเทียบได้กับมนุษย์  ในร่างมนุษย์สิ่งมีชีวิตอาจฟื้นฟูคริชณะจิตสำนึกได้เล็กน้อยและหากว่าพัฒนาต่อไปไฟแห่งชีวิตทิพย์อาจสามารถจุดให้เป็นประกายขึ้นมาในร่างชีวิตมนุษย์ได้  ด้วยการดูแลควันไฟอย่างระมัดระวัง  ไฟอาจจะลุกโชติช่วงขึ้นมาได้  ฉะนั้น  ชีวิตในร่างมนุษย์จึงเป็นโอกาสสำหรับสิ่งมีชีวิตที่จะหลบหนีจากพันธนาการแห่งความเป็นอยู่ทางวัตถุ  ในร่างชีวิตมนุษย์เราสามารถกำราบศัตรูหรือราคะนี้ได้ด้วยการพัฒนาคริชณะจิตสำนึกภายใต้คำชี้แนะของผู้นำที่มีความสามารถ

โศลก 39

อาพริทัม กยานัม เอเทนะ
กยานิโน นิทยะ-ไวริณาฺ

คามะ-รูเพณะ คะอุนเทยะ
ดุชพูเรณานะเลนะ ชะฺ

อาพริทัมฺ  -  ปกคลุม, กยานัมฺ  -  จิตสำนึกที่บริสุทธิ์, เอเทนะฺ  -  ด้วยสิ่งนี้, กยานินะฮฺ  -  ของผู้รู้, นิทยะ-ไวริณาฺ  -  โดยศัตรูนิรันดร, คามะ-รูเพณะฺ  -  ในรูปของราคะ, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, ดุชพูเรณะฺ  -  จะไม่มีวันพึงพอใจ, อนะเลนะฺ  -  ด้วยไฟ, ชะฺ  -  เช่นกัน

คำแปลฺ

ดังนั้น  จิตสำนึกอันบริสุทธิ์ของสิ่งมีชีวิต  ผู้มีปัญญาถูกปกคลุมไปด้วยศัตรูนิรันดรในรูปของราคะ  ซึ่งไม่รู้จักพอเพียงและเผาผลาญเหมือนเปลวเพลิง

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวไว้ใน  มะนุ-สมริทิฺ  ว่าราคะไม่รู้จักพอเพียงไม่ว่าจะป้อนด้วยความสุขทางประสาทสัมผัสในปริมาณมากเพียงใด  เหมือนกับไฟที่ไม่มีวันดับลงได้ตราบใดที่ยังมีเชื้อเพลิงอยู่  ในโลกวัตถุจุดศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งหมดคือเพศสัมพันธ์  ดังนั้น  โลกวัตถุนี้จึงได้ชื่อว่า  ไมถํุนยะ-อาการะฺ  หรือโซ่ตรวนแห่งชีวิตเพศสัมพันธ์  โดยทั่วไปในตะรางนักโทษจะถูกกักขังให้อยู่ภายในกรงขัง  ทำนองเดียวกัน  นักโทษผู้ไม่เชื่อฟังกฎแห่งองค์ภควานจะถูกล่ามโซ่ด้วยชีวิตเพศสัมพันธ์  ความเจริญรุ่งเรืองทางวัตถุบนฐานแห่งการตอบสนองประสาทสัมผัสหมายถึงการเพิ่มระยะเวลาแห่งการเป็นอยู่ทางวัตถุของสิ่งมีชีวิต  ฉะนั้น  ราคะคือเครื่องหมายแห่งอวิชชาที่กักขังสิ่งมีชีวิตให้อยู่ในโลกวัตถุ  ขณะที่เราเพลิดเพลินกับการสนองประสาทสัมผัส  อาจรู้สึกว่ามีความสุขอยู่บ้าง  แต่แท้ที่จริงความรู้สึกกับความสุขที่สมมุติขึ้นมานี้  ในที่สุดมันคือศัตรูของผู้แสวงหาความสุขทางประสาทสัมผัสนั่นเอง

โศลก 40

อินดริยาณิ มะโน บุดดฺิร
อัสยาดฺิชทฺานัม อุชยะเทฺ

เอไทร วิโมฮะยะทิ เอชะ
กยานัม อาพริทยะ เดฮินัมฺ

อินดริยาณิฺ  -  ประสาทสัมผัส, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, บุดดฺิฮฺ  -  ปัญญา, อัสยะฺ  -  ของราคะนี้, อดฺิชทฺานัมฺ  -  ที่พำนัก, อุชยะเทฺ  -  เรียกว่า, เอไทฮฺ  -  ด้วยทั้งหมดนี้, วิโมฮะยะทิฺ  -  สับสน, เอชะฮฺ  -  ราคะนี้, กยานัมฺ  -  ความรู้, อาพริทยะฺ  -  ปกคลุม, เดฮินัมฺ  -  ของร่างกาย

คำแปลฺ

ประสาทสัมผัสต่าง  ๆ  รวมทั้งจิตใจและปัญญาเป็นสถานที่พำนักพักพิงของตัวราคะนี้  ราคะปิดบังความรู้อันแท้จริงของสิ่งมีชีวิตผ่านตามจุดต่าง  ๆ  เหล่านี้และทำให้เขาสับสนงุนงง

คำอธิบายฺ

ศัตรู  (ราคะ)  ได้ยึดจุดยุทธศาสตร์ต่าง  ๆ  ภายในร่างกายของพันธวิญญาณ  ดังนั้น  องค์ชรีคริชณะทรงแนะนำสถานที่เหล่านี้  เพื่อผู้ที่ต้องการกำราบศัตรูจะได้รู้ว่าศัตรูอยู่ที่ไหน  จิตใจเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของประสาทสัมผัสทั้งหมด  ดังนั้น  เมื่อเราได้ยินเกี่ยวกับรูป  รส  กลิ่น  เสียง  และสัมผัส  โดยทั่วไปจิตใจจะเป็นที่รวมความคิดเพื่อสนองประสาทสัมผัสทั้งหมด  ผลคือจิตใจและประสาทสัมผัสต่าง  ๆ  กลายมาเป็นศูนย์รวมของราคะ  จากนั้นปัญญาก็กลายมาเป็นเมืองหลวงของนิสัยชอบราคะนี้  ปัญญาเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ชิดติดกับดวงวิญญาณ  ปัญญาที่ชอบราคะจะมีอิทธิพลต่อดวงวิญญาณทำให้เกิดอหังการ  และเชื่อมสัมพันธ์ตนเองกับวัตถุ  คือสัมพันธ์กับจิตใจและประสาทสัมผัส  ดวงวิญญาณมาหลงติดกับความสุขทางประสาทสัมผัสวัตถุ  และเข้าใจผิดคิดว่านี่คือความสุขที่แท้จริง  การแสดงตัวผิดของดวงวิญญาณนี้ได้อธิบายไว้อย่างงดงามใน  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  (10.84.13)  ดังนี้

ยัสยาทมะ-บุดดฺิฮ คุณะเพ ทริ-ดฺาทุเค
สวะ-ดฺีฮ คะละทราดิชุ โบฺมะ อิจยะ-ดฺีฮฺ

ยัท-ทีรทฺะ-บุดดฺิฮ สะลิเล นะ คารฮิชิจ
จะเนชว อบฺิกเยชุ สะ เอวะ โก-คฺะระฮฺ

“มนุษย์ผู้แสดงตนว่าร่างกายที่ทำมาจากธาตุสามประการนี้คือตัวตนจริง  พิจารณาว่าผลผลิตของร่างกายเป็นสังคญาติของตน  พิจารณาว่าแผ่นดินที่เกิดเป็นสถานที่สักการะบูชา  และไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของผู้แสวงบุญเพียงเพื่อไปอาบน้ำ  แทนที่จะไปพบผู้มีความรู้ทิพย์  พิจารณาได้ว่าบุคคลเช่นนี้เปรียบเสมือนกับลาหรือโค”

โศลก 41

ทัสมาท ทวัม อินดริยาณิ อาโด
นิยัมยะ บฺะระทารชะบฺะฺ

พาพมานัม พระจะฮิ ฮิ เอนัม
กยานะ-วิกยานะ-นาชะนัมฺ

ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, ทวัมฺ  -  เธอ, อินดริยาณิฺ  -  ประสาทสัมผัส, อาโดฺ  -  ในตอนต้น, นิยัมยะฺ  -  ด้วยการประมาณ, บฺะระทะ-ริชะบฺะฺ  -  โอ้ ผู้นำในหมู่ผู้สืบราชวงศ์บฺะระทะ, พาพมานัมฺ  -  เครื่องหมายบาปอันยิ่งใหญ่, พระจะฮิฺ  -  ดัด, ฮิฺ  -  แน่นอน, เอนัมฺ  -  นี้, กยานะฺ  -  ของความรู้, วิกยานะฺ  -  และศาสตร์แห่งความรู้ดวงวิญญาณบริสุทธิ์, นาชะนัมฺ  -  ผู้ทำลาย

คำแปลฺ

ฉะนั้น  โอ้  อารจุนะ  ผู้ดีเลิศแห่งบฺะระทะ  ในตอนแรกจงกั้นขอบเครื่องหมายแห่งบาปอันยิ่งใหญ่นี้  (ราคะ)  ด้วยการประมาณประสาทสัมผัส  และจงสังหารผู้ทำลายวิชาความรู้และความรู้แจ้งแห่งตนนี้เสีย

คำอธิบายฺ

องค์ภควานทรงแนะนำอารจุนะให้ทรงประมาณประสาทสัมผัสตั้งแต่ตอนแรกเพื่อให้สามารถกั้นขอบเขตของศัตรูบาปที่ร้ายกาจที่สุดคือตัวราคะ  ซึ่งเป็นตัวทำลายพลังเพื่อความรู้แจ้งแห่งตนและวิชาความรู้แห่งตนโดยเฉพาะ  กยานะฺ  หมายถึงวิชาความรู้แห่งตน  ซึ่งแตกต่างจากความรู้ที่ไม่ใช่ตน  อีกนัยหนึ่ง  คือความรู้ที่ว่าดวงวิญญาณไม่ใช่ร่างกาย  วิกยานะฺ  หมายถึงความรู้โดยเฉพาะ  คือรู้ถึงสถานภาพพื้นฐานของดวงวิญญาณและความสัมพันธ์ที่ตนเองมีต่อดวงอภิวิญญาณสูงสุด  ได้อธิบายไว้ใน  ชรีมัด-  บฺากะวะธัมฺ  (2.9.31)  ดังนี้

กยานัม พะระมะ-กุฮยัม เมฺ
ยัด วิกยานะ-สะมันวิทัมฺ
สะ-ระฮัสยัม ทัด-อังกัม ชะ
กริฮาณะ กะดิทัม มะยาฺ

“ความรู้แห่งตนเองและความรู้แห่งองค์ภควานเป็นความรู้ที่ลับเฉพาะ  และลึกซึ้งมากความรู้เช่นนี้และความรู้แจ้งโดยเฉพาะนี้สามารถเข้าใจได้  หากองค์ภควานทรงอธิบายทุกแง่ทุกมุมด้วยพระองค์เอง”  ภควัต-คีตาฺ  ได้ให้ความรู้ทั่วไปและความรู้โดยเฉพาะของตัวเรา  สิ่งมีชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควาน  ฉะนั้น  ชีวิตเรามีไว้เพียงเพื่อรับใช้พระองค์เท่านั้น  จิตสำนึกเช่นนี้เรียกว่าคริชณะจิตสำนึก  จากตอนเริ่มต้นของชีวิตต้องเรียนรู้คริชณะจิตสำนึกนี้  หลังจากนั้นเราอาจมีคริชณะจิตสำนึกโดยสมบูรณ์และปฏิบัติตนตามนั้น

ราคะเป็นความวิปริตที่สะท้อนมาจากความรักแห่งองค์ภควานอันเป็นธรรมชาติของทุก  ๆ  ชีวิต  หากเราได้รับการศึกษาในคริชณะจิตสำนึกตั้งแต่แรกเริ่ม  ความรักองค์ภควานโดยธรรมชาติไม่สามารถเสื่อมทรามมาเป็นราคะได้  เมื่อความรักแห่งองค์ภควานเสื่อมทรามมาเป็นราคะ  ยากมากที่จะให้กลับคืนมาสู่สภาวะปรกติดังเดิม  แต่คริชณะจิตสำนึกมีพลังมากแม้แต่ผู้เริ่มต้นช้าก็ยังสามารถกลายมาเป็นผู้รักองค์ภควานได้  ด้วยการปฏิบัติตามหลักธรรมแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ฉะนั้น  ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงไหนของชีวิต  หรือเริ่มจากจุดที่เข้าใจความฉุกเฉินนี้  เราสามารถเริ่มประมาณประสาทสัมผัสในคริชณะจิตสำนึกด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้องค์ภควาน  และเปลี่ยนจากราคะมาเป็นความรักพระองค์  ซึ่งเป็นระดับที่สมบูรณ์สูงสุดของชีวิตมนุษย์

โศลก 42

อินดริยาณิ พะราณิ อาฮุร
อินดริเยบฺยะฮ พะรัม มะนะฮฺ

มะนะสัส ทุ พะรา บุดดฺิร
โย บุดเดฺฮ พะระทัส ทุ สะฮฺ

อินดริยาณิฺ  -  ประสาทสัมผัส, พะราณิฺ  -  สูงกว่า, อาฮุฮฺ  -  ได้กล่าวไว้, อินดริเยบฺยะฮฺ  -  มากกว่าประสาทสัมผัส, พะรัมฺ  -  เหนือกว่า, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, มะนะสะฮฺ  -  มากกว่าจิตใจ, ทฺุ  -  เช่นเดียวกัน, พะราฺ  -  เหนือกว่า, บุดดฺิฮฺ  -  ปัญญา, ยะฮฺ  -  ใคร, บุดเดฺฮฺ  -  มากกว่าปัญญา, พะระทะฮฺ  -  เหนือกว่า, ทฺุ  -  แต่, สะฮฺ  -  เขา

คำแปลฺ

ประสาทสัมผัสที่ทำงาน  สูงกว่าวัตถุที่ไม่มีชีวิต  จิตใจสูงกว่าประสาทสัมผัส  ปัญญาสูงไปกว่าจิตใจ  และเขา  (ดวงวิญญาณ)  ยิ่งสูงขึ้นไปกว่าปัญญา

คำอธิบายฺ

ประสาทสัมผัสเป็นทางออกให้กิจกรรมของราคะ  ราคะสงบนิ่งอยู่ภายในร่างกายแต่ได้รับการระบายออกผ่านทางประสาทสัมผัส  ดังนั้น  ประสาทสัมผัสจึงเหนือกว่าร่างกายทั้งร่าง  ทางออกเหล่านี้ไม่ได้ใช้เมื่อมีจิตสำนึกที่สูงกว่าหรือมีคริชณะจิตสำนึก  ในคริชณะจิตสำนึกดวงวิญญาณจะเชื่อมสัมพันธ์โดยตรงกับบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ดังนั้น  ลำดับชั้นตามหน้าที่ของร่างกายจะมาจบลงที่องค์อภิวิญญาณกิจกรรมของร่างกายหมายถึงหน้าที่ของประสาทสัมผัส  และการหยุดประสาทสัมผัสหมายถึงการหยุดทำงานของร่างกายทั้งหมด  แต่เนื่องจากจิตใจไม่เคยหยุดนิ่ง  ถึงแม้ว่าร่างกายอาจจะนิ่งสงบและพักผ่อนแต่จิตใจยังคงทำงานต่อไป  ดังเช่นขณะที่เราฝัน  แต่เหนือไปกว่าจิตใจคือการตัดสินใจของปัญญา  และเหนือไปกว่าปัญญาคือดวงวิญญาณ  ฉะนั้น  ถ้าหากดวงวิญญาณปฏิบัติงานกับองค์ภควานโดยตรง  ตามธรรมชาติส่วนที่รองลงมาทั้งหมด  เช่น  ปัญญา  จิตใจ  และประสาทสัมผัสก็จะร่วมปฏิบัติงานโดยปริยาย  ใน  คะทะ-อุพะนิชัดฺ  มีข้อความคล้าย  ๆ  กันซึ่งกล่าวไว้ว่า  อายตนะภายนอกเพื่อสนองประสาทสัมผัสเหนือกว่าประสาทสัมผัส  และจิตใจเหนือกว่าอายตนะภายนอกฉะนั้น  หากจิตใจปฏิบัติงานโดยตรงในการรับใช้องค์ภควานอยู่เสมอจะไม่เปิดโอกาสให้ประสาทสัมผัสถูกใช้ไปในทางอื่น  ท่าทีของจิตใจเช่นนี้ได้อธิบายไว้แล้ว  พะรัม  ดริชทวา  นิวารทะเทฺ  หากจิตใจถูกใช้ไปในการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควาน  จะไม่เปิดโอกาสให้มันไปรับใช้นิสัยที่ต่ำกว่า  ใน  คะทะ-อุพะนิชัดฺ  ได้อธิบายดวงวิญญาณว่า  มะฮานฺ  หรือยิ่งใหญ่ดังนั้นดวงวิญญาณอยู่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด  เช่น  อายตนะภายนอก  อายตนะภายในหรือประสาทสัมผัส  จิตใจ  และปัญญา  ดังนั้น  การเข้าใจสถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงโดยตรงของดวงวิญญาณคือคำตอบของปัญหาทั้งปวง

ด้วยสติปัญญาเราจะต้องค้นหาสถานภาพพื้นฐานอันแท้จริงของดวงวิญญาณและให้จิตใจทำงานในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอซึ่งจะแก้ไขปัญหาทั้งหมด  ผู้ปฏิบัติเริ่มแรกจะได้รับคำแนะนำให้อยู่ห่างจากอายตนะภายนอก  นอกจากนี้ยังต้องฝึกจิตใจให้เข้มแข็งด้วยการใช้สติปัญญา  และด้วยสติปัญญาเราใช้จิตใจของเราปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก  จากการศิโรราบอย่างสมบูรณ์แด่บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  จิตใจจะเข้มแข็งขึ้นโดยปริยาย  ถึงแม้ว่าประสาทสัมผัสจะร้ายกาจมากเหมือนกับงูพิษ  แต่จะกลายมาเป็นงูพิษที่ปราศจากเขี้ยว  แม้ว่าดวงวิญญาณเป็นนายของปัญญา  จิตใจ  รวมทั้งประสาทสัมผัส  ถึงกระนั้นดวงวิญญาณจะยังต้องได้รับการฝึกฝนให้เข้มแข็งด้วยการมาคบหาสมาคมกับคริชณะในคริชณะจิตสำนึก  มิฉะนั้น  จะมีโอกาสตกต่ำลงอันเนื่องมาจากจิตใจที่หวั่นไหว

โศลก 43

เอวัม บุดเดฺฮ พะรัม บุดดฺวา
สัมสทับฺยาทมานัม อาทมะนาฺ

จะฮิ ชัทรุม มะฮา-บาโฮ
คามะ-รูพัม ดุราสะดัมฺ

เอวัมฺ  -  ดังนั้น, บุดเดฺฮฺ  -  แด่ปัญญา, พะรัมฺ  -  เหนือกว่า, บุดดฺวาฺ  -  รู้, สัมสทับฺยะฺ  -  ด้วยความมั่นคง, อาทมานัมฺ  -  จิตใจ, อาทมะนาฺ  -  ด้วยปัญญาที่สุขุม, จะฮิฺ  -  ได้ชัยชนะ, ชัทรุมฺ  -  ศัตรู, มะฮา-บาโฮฺ  -  โอ้ นักรบผู้เก่งกล้า, คามะ-รูพัมฺ  -  ในรูปของราคะ, ดุราสะดัมฺ  -  น่าสะพรึงกลัว

คำแปลฺ

ดังนั้น  เมื่อรู้ว่าตนเองเป็นทิพย์อยู่เหนือประสาทสัมผัสวัตถุ  จิตใจ  และปัญญา  โอ้อารจุนะ  นักรบผู้เก่งกล้า  เธอควรทำจิตใจให้แน่วแน่มั่นคงด้วยปัญญาทิพย์ที่สุขุม(คริชณะจิตสำนึก)  และด้วยพลังทิพย์จงกำราบเจ้าตัวราคะ  ศัตรูผู้ไม่รู้จักพอ

คำอธิบายฺ

บทที่สามของ  ภควัต-คีตาฺ  นี้  ได้นำเรามาถึงจุดสรุปของคริชณะจิตสำนึกด้วยการรู้จักตนเองว่าเป็นผู้รับใช้นิรันดรของบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  โดยไม่พิจารณาว่าในที่สุดคือความว่างเปล่าไร้บุคลิกภาพ  ในชีวิตความเป็นอยู่ทางวัตถุ  แน่นอนว่าเราจะต้องได้รับอิทธิพลที่มีนิสัยชอบราคะ  และต้องการมีอำนาจเหนือทรัพยากรธรรมชาติวัตถุ  ความต้องการเป็นเจ้าเหนือหัวและต้องการสนองประสาทสัมผัสเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดของพันธวิญญาณ  แต่ด้วยพลังอำนาจแห่งคริชณะจิตสำนึก  เราสามารถควบคุมประสาทสัมผัสทางวัตถุ  จิตใจ  และปัญญาได้  เราอาจจะไม่ต้องยกเลิกการงานและหน้าที่ที่กำหนดไว้ทั้งหมดโดยฉับพลัน  แต่ด้วยการพัฒนาคริชณะจิตสำนึกทีละน้อยเราสามารถสถิตในสถานภาพทิพย์โดยไม่ถูกอิทธิพลของประสาทสัมผัสวัตถุและจิตใจครอบงำ  ด้วยปัญญาอันแน่วแน่มั่นคงจะนำเราไปสู่ตัวของเราเองที่บริสุทธิ์  นี่คือข้อสรุปของบทนี้  ในระดับความเป็นอยู่ทางวัตถุที่ยังไม่พัฒนา  การคาดคะเนทางปรัชญาและความพยายามที่ฝืนธรรมชาติในการที่จะควบคุมประสาทสัมผัสด้วยการฝึกปฏิบัติสิ่งที่เรียกว่าท่าโยคะต่าง  ๆ  จะไม่มีวันช่วยให้มาสู่ชีวิตทิพย์  เราจะต้องได้รับการฝึกฝนในคริชณะจิตสำนึกด้วยสติปัญญาที่สูงกว่า

ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดยบฺัคธิเวดันธะ บทที่สามของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทา ในหัวข้อเรื่อง คารมะ-โยกะ หรือการปฏิบัติหน้าที่ของตนที่กำหนดไว้ในคริชณะจิตสำนึกฺ