ภควัต-คีตา ฉบับเดิม

บทที่ แปด

การบรรลุถึงองค์ภควาน

โศลก 1

อารจุนะ อุวาชะฺ
คิม ทัด บระฮมะ คิม อัดฺยาทมัม
คิม คารมะ พุรุ โชททะมะฺ

อดิฺบํูทัม ชะ คิม โพรคทัม
อดิฺไดวัม คิม อุชยะเทฺ

อารจุนะฮ อุวาชะฺ  -  อารจุนะตรัส, คิม-อะไรฺ, ทัทฺ  -  นั้น,บระฮมะฺ  -  บระฮมัน, คิมฺ  -  อะไร, อัดฺยาทมัมฺ  -  ตัวเรา, คิมฺ  -  อะไร, คารมะฺ  -  กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, พุรุชะฺ  -  อุททะมะฺ  -  โอ้บุคคลสูงสุด, อดิฺบํูทัมฺ  -  ปรากฏการณ์ทางวัตถุ, ชะฺ  -  และ, คิมฺ  -  อะไร, โพรคทัมฺ  -  เรียกว่า, อดิฺไดวัมฺ  -  เหล่าเทวดา, คิมฺ  -  อะไร, อุชยะเทฺ  -  เรียกว่า

คำแปลฺ

อารจุนะตรัสถามว่า  โอ้  องค์ภควานของข้า  โอ้  บุคคลสูงสุด  อะไรคือบระฮมัน?  อะไรคือตัวชีวิต?  อะไรคือกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ?  ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้คืออะไร?  และเหล่าเทวดาคือใคร?  ได้โปรดกรุณาอธิบายให้ข้าพเจ้าด้วย

คำอธิบายฺ

ในบทนี้องค์ชรีคริชณะทรงตอบหลายคำถามของอารจุนะ  เริ่มต้นด้วย“อะไรคือ  บระฮมันฺ?  ”  พระองค์ทรงอธิบายถึง  คารมะฺ  (กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ)การอุทิศตนเสียสละรับใช้  หลักธรรมโยคะ  และการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในรูปแบบที่บริสุทธิ์  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  อธิบายว่าสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดที่รู้กันว่าเป็น  บระฮมัน  พะระมาทมาฺ  และ  บฺะกะวานฺ  นอกจากนั้น  สิ่งมีชีวิตที่เป็นปัจเจกวิญญาณก็เรียกว่า  บระฮมันฺ  เช่นเดียวกัน  อารจุนะยังถามเกี่ยวกับ  อาทมาฺ  ซึ่งหมายถึงร่างกายวิญญาณ  และจิตใจ  ตามพจนานุกรมพระเวท  อาทมาฺ  หมายถึงจิตใจ  วิญญาณ  ร่างกายและประสาทสัมผัสด้วย

อารจุนะเรียกองค์ภควานว่า  พุรุโชททะมะฺ  หรือบุคคลสูงสุดซึ่งหมายความว่าคำถามเหล่านี้ไม่ใช่ถามกับเพื่อนเท่านั้น  แต่ถามกับบุคคลสูงสุด  โดยทราบว่าพระองค์คือผู้น่าเชื่อถือได้สูงสุดที่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนชัดเจน

โศลก 2

อดิฺยะกยะฮ คะทัฺม โค ทระ
เดเฮ สมิน มะดํุสูดะนะฺ

พระยาณะ-คาเล ชะ คะทัฺม
กเยโย สิ นิยะทาทมะบิฺฮฺ

อดิฺยะกยะฮฺ  -  พระเจ้าแห่งการบูชา, คะทัฺมฺ  -  อย่างไร, คะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, อทระฺ  -  ที่นี่, เดเฮฺ  -  ในร่างกาย, อัสมินฺ  -  นี้, มะดํุสูดะนะฺ  -  โอ้ มะดํุสูดะนะ, พระยาณะ-คาเลฺ  -  ขณะกำลังตาย, ชะ-และฺ, คะทัฺมฺ  -  อย่างไร, กเยยะฮ อสิฺ  -  รู้ถึงพระองค์, นิยะทะฺ  -  อาทมะบิฺฮฺ  -  ด้วยการควบคุมตนเอง

คำแปลฺ

ใครคือพระเจ้าแห่งการบูชา  พระองค์ทรงประทับอยู่ในร่างกายได้อย่างไร  โอ้  มะดํุ-สูดะนะ?  และขณะที่กำลังจะตายพวกที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้สามารถรู้ถึงพระองค์ได้อย่างไร

คำอธิบายฺ

“พระจ้าแห่งการบูชา”  อาจหมายถึงพระอินทร์หรือพระวิชณุก็ได้  พระวิชณุทรงเป็นประธานของเหล่าปฐมเทวดารวมทั้งพระพรหมและพระศิวะ  พระอินทร์ทรงเป็นประธานของเหล่าเทวดาผู้บริหาร  ทั้งพระอินทร์และพระวิชณุได้รับการบูชาในพิธีบูชา  ยะกยะฺ  แต่  ณ  ที่นี้  อารจุนะทรงถามว่าใครคือพระเจ้าแห่ง  ยะกยะฺ  (พิธีบูชา)  อย่างแท้จริงและองค์ภควานทรงประทับอยู่ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตได้อย่างไร

อารจุนะทรงเรียกพระองค์ว่ามะดํุสูดะนะ  เนื่องจากครั้งหนึ่งคริชณะเคยสังหารมารชื่อมะดํุ  อันที่จริงคำถามเหล่านี้เป็นธรรมชาติแห่งความสงสัยซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในจิตใจของอารจุนะเพราะเป็นสาวกผู้มีคริชณะจิตสำนึก  ดังนั้น  ความสงสัยเหล่านี้เหมือนกับมาร  เนื่องจากคริชณะทรงมีความชำนาญมากในการสังหารมาร  ณ  ที่นี้อารจุนะทรงเปล่งพระนามคริชณะว่ามะดํุสูดะนะเพื่อว่าคริชณะอาจสังหารมารแห่งความสงสัยที่ปรากฏขึ้นภายในใจของอารจุนะได้

คำว่า  พระยาณะ-คาเลฺ  ในโศลกนี้มีความสำคัญมากเพราะว่าอะไรก็แล้วแต่ที่เราทำในชีวิตจะได้รับการทดสอบขณะตาย  อารจุนะทรงมีความกระตือรือร้นมากที่จะทราบถึงบุคคลที่ปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอว่าควรอยู่ในสภาวะเช่นไรในวินาทีสุดท้าย?  ขณะกำลังจะตายการปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมดของร่างกายจะกระเจิง  และจิตใจจะไม่อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม  เมื่อถูกรบกวนจากสภาวะทางร่างกายเราอาจไม่สามารถระลึกถึงองค์ภควานได้  มะฮาราจะ  คุละเชคฺระ  ผู้เป็นสาวกที่ยิ่งใหญ่ภาวนาว่า  “องค์ภควานที่่รัก  ปัจจุบันนี้ข้ามีสุขภาพดี  ให้ข้าตายในทันทีจะดีกว่าเพื่อหงส์แห่งจิตใจของข้าจะได้ซุกไซ้เข้าไปในก้านแห่งพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์”  การใช้อุปมานี้เนื่องจากหงส์เป็นนกที่อยู่ในน้ำและชื่นชมยินดีในการซุกไซ้เข้าไปในดอกบัว  มันชอบซุกไซ้เข้าไปในดอกบัวเหมือนเล่นกีฬา  มะฮาราจะ  คุละเชคฺระตรัสต่อองค์ภควานว่า  “ปัจจุบันนี้จิตใจข้าไม่ถูกรบกวน  และยังมีสุขภาพดี  หากตายกะทันหัน  แล้วคิดถึงพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์  ก็มั่นใจได้ว่าการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์ประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์  แต่หากรอจนกระทั่งถึงเวลาตายตามธรรมชาติ  ก็ไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น  เพราะว่าในขณะนั้นการปฏิบัติหน้าที่ต่าง  ๆ  ของร่างกายจะกระเจิดกระเจิง  ข้าพเจ้าอาจติดคอและไม่ทราบว่าจะสามารถสวดภาวนาพระนามของพระองค์ได้หรือไม่  ดังนั้นให้ข้าตายโดยทันทีจะดีกว่า”  อารจุนะทรงถามว่าบุคคลจะตั้งมั่นจิตใจอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะในวิกฤติกาลเช่นนี้ได้อย่างไร

โศลก 3

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
อัคชะรัม บระฮมะ พะระมัม
สวะบฺาโว ดฺยาทมัม อุชยะเทฺ

บํูทะ-บฺาโวดบฺะวะ-คะโร
วิสารกะฮ คารมะ-สัมกยิทะฮฺ

ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ  -  องค์ภควานตรัส, อัคชะรัมฺ  -  ไม่มีวันถูกทำลาย, บระฮมะฺ  -  บระฮมัน, พะระมัมฺ  -  ทิพย์, สวะบฺาวะฮฺ  -  ธรรมชาติอมตะ, อัดฺยาทมัมฺ  -  ตัวชีวิต, อุชยะเทฺ-เรียกว่า, บํูทะ-บฺาวะฺ  -  อุดบฺะวะ-คะระฮฺ  -  ผลิตร่างวัตถุของสิ่งมีชีวิต, วิสารกะฮฺ  -  การสร้าง, คารมะฺ  -  กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, สัมกยิทะฮฺ  -  เรียกว่า

คำแปลฺ

องค์ภควานตรัสว่า  ดวงชีวิตทิพย์ที่ไม่มีวันถูกทำลายเรียกว่าบระฮมัน  และธรรมชาตินิรันดรของเขาเรียกว่าอัดฺยาทมะ  หรือดวงชีวิต  กิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาร่างกายวัตถุของสิ่งมีชีวิตเรียกว่ากรรม  (คารมะ)  หรือกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ

คำอธิบายฺ

บระฮมันฺ  ไม่มีวันถูกทำลายและเป็นอยู่ชั่วกัลปวสาน  สถานภาพเดิมแท้ของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าในขณะใด  แต่เหนือไปจาก  บระฮมันฺ  ยังมี  พะระบระฮ-  มัน,  บระฮมันฺ  หมายถึงสิ่งมีชีวิตและ  พะระบระฮมันฺ  หมายถึงองค์ภควาน  สถานภาพพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตแตกต่างไปจากสถานภาพที่เขาได้รับในโลกวัตถุ  ในวัตถุจิตสำนึกธรรมชาติคือพยายามเป็นเจ้าแห่งวัตถุ  แต่ในจิตสำนึกทิพย์หรือคริชณะจิตสำนึกสถานภาพของเขาคือเป็นผู้รับใช้องค์ภควาน  เมื่อสิ่งมีชีวิตอยู่ในวัตถุจิตสำนึก  จะต้องได้รับร่างกายต่าง  ๆ  ในโลกวัตถุ  เช่นนี้เรียกว่ากรรม  (คารมะ)  หรือการสร้างอันหลากหลายด้วยการบังคับของจิตสำนึกวัตถุ

ในวรรณกรรมพระเวทสิ่งมีชีวิตเรียกว่า  จีวาทมาฺ  และ  บระฮมันฺ  แต่ไม่เคยถูกเรียกว่า  พะระบระฮมันฺ  สิ่งมีชีวิต  (จีวาทมา)ฺ  ได้รับสถานภาพต่าง  ๆ  บางครั้งกลืนเข้าไปในธรรมชาติวัตถุอันมืดมนและสำคัญตนเองกับวัตถุ  และบางครั้งสำคัญตนเองกับสิ่งที่สูงกว่าคือธรรมชาติทิพย์  ดังนั้น  สิ่งมีชีวิตจึงได้ชื่อว่าเป็นพลังงานพรมแดนขององค์ภควาน  ตามที่สำคัญตนเองกับธรรมชาติวัตถุหรือธรรมชาติทิพย์จึงได้รับร่างวัตถุหรือร่างทิพย์  ในธรรมชาติวัตถุเขาอาจได้รับร่างกายจากหนึ่งใน  8,400,000  เผ่าพันธุ์ชีวิตแต่ในธรรมชาติทิพย์จะมีเพียงร่างเดียว  ในธรรมชาติวัตถุบางครั้งปรากฏเป็นมนุษย์  เป็นเทวดา  เป็นสัตว์เดรัจฉาน  เป็นนก  ฯลฯ  ตามกรรมของตน  อาจบรรลุถึงดาวเคราะห์วัตถุบนสรวงสวรรค์  และได้รับความสุขกับสิ่งอำนวยความสะดวก  บางครั้งเขาปฏิบัติพิธีบูชา(ยะกยะฺ)  แต่เมื่อผลบุญหมดลงจะกลับมาในโลกนี้อีกครั้งในร่างมนุษย์  วิธีกรรมเช่นนี้เรียกว่ากรรมหรือ  (คารมะฺ)

ชฺานโดกยะ  อุพะนิชัดฺ  อธิบายวิธีการทำพิธีบูชาทางพระเวทที่แท่นพิธีบูชามีการถวายสิ่งของห้าอย่างไปในไฟห้าชนิด  ไฟห้าชนิดสำเหนียกจาก  ดาวเคราะห์สวรรค์  เมฆโลก  ชาย  และหญิง  และสิ่งถวายในพิธีบูชาห้าอย่างคือ  ความศรัทธา  ผู้มีความสุขบนดวงจันทร์  ฝน  เมล็ดข้าว  และอสุจิ

ในพิธีการบูชา  สิ่งมีชีวิตทำพิธีบูชาโดยเฉพาะเพื่อบรรลุถึงสรวงสวรรค์  และก็บรรลุถึงจริงในเวลาต่อมา  เมื่อผลบุญแห่งการบูชาหมดสิ้นลง  สิ่งมีชีวิตตกลงมาบนโลกในรูปของฝน  จากนั้นมาอยู่ในรูปของเมล็ดข้าว  และมนุษย์รับประทานเมล็ดข้าวกลายเป็นอสุจิซึ่งทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์  ดังนั้น  สิ่งมีชีวิตได้รับร่างมนุษย์อีกครั้งหนึ่งเพื่อปฏิบัติพิธีบูชา  และวนเวียนอยู่ในวัฏจักรนี้  เช่นนี้สิ่งมีชีวิตจึงไป  ๆ  มา  ๆ  บนวิถีทางวัตถุชั่วกัลปวสาน  อย่างไรก็ดี  บุคคลในคริชณะจิตสำนึกหลีกเลี่ยงการบูชาเช่นนี้  เขาปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรง  ดังนั้น  จึงเตรียมตัวกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน

นักวิจารณ์  ภควัต-คีตาฺ  ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์คิดว่า  บระฮมันฺ  รับเอารูปของ  จีวะฺ  ในโลกวัตถุอย่างไร้เหตุผล  และเพื่อสนับสนุนประเด็นนี้พวกเขาได้อ้างอิงบทที่สิบห้าโศลก  7  ของ  คีตาฺ  แต่ในโศลกนี้องค์ภควานยังตรัสอีกว่าสิ่งมีชีวิตเป็น  “ละอองอณูนิรันดรของตัวข้า”  สิ่งมีชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควานและอาจตกลงมาในโลกวัตถุ  แต่องค์ภควาน  (อัชยุทะ)ฺ  ไม่มีวันตกลงต่ำ  ดังนั้น  ข้อสรุปที่ว่า  บระฮมันฺ  สูงสุดรับเอารูปของ  จีวะฺจึงยอมรับไม่ได้  มีความสำคัญที่ควรจำไว้ว่าในวรรณกรรมพระเวท  บระฮมันฺ  (สิ่งมีชีวิต)แตกต่างจาก  พะระบระฮมันฺ  (องค์ภควาน)

โศลก 4

อดิฺบํูทัม คชะโร บฺาวะฮ
พุรุชัช ชาดิฺไดวะทัมฺ

อดิฺยะกโย ฮัม เอวาทระ
เดเฮ เดฮะ-บฺริทาม วะระฺ

อดิฺบํูทัมฺ  -  ปรากฏการณ์ทางวัตถุ, คชะระฮฺ  -  เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ, บฺาวะฮฺ  -  ธรรมชาติ, พุรุชะฮฺ  -  รูปลักษณ์จักรวาลรวมทั้งเทวดาทั้งหลายเช่นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์, ชะ-และ, อดิฺไดวะทัมฺ  -  เรียกว่า อดิฺไดวะฺ, อดิฺยะกยะเฮฺ  -  อภิวิญญาณ, อฮัมฺ  -  ข้า (คริชณะ), เอวะฺ  -  แน่นอน, อทระฺ  -  ในนี้, เดเฮฺ  -  ร่างกาย, เดฮะฺ  -  บฺริทาม-ของรูปร่าง, วะระฺ  -  โอ้ ผู้ยอดเยี่ยม

คำแปลฺ

โอ้  ผู้ยอดเยี่ยมในบรรดาดวงชีวิต  ธรรมชาติวัตถุที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเรียกว่า  อดิฺบํูทะ  (ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ)  รูปลักษณ์จักรวาลขององค์ภควานซึ่งรวมถึงเทวดาทั้งหลายเช่นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เรียกว่า  อดิฺไดวะ  และข้าองค์ภควานสูงสุดซึ่งมีอภิวิญญาณผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกชีวิตเป็นผู้แทนเรียกว่า  อดิฺยะกยะ  (พระเจ้าแห่งการบูชา)

คำอธิบายฺ

ธรรมชาติวัตถุเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา  โดยทั่วไปร่างวัตถุจะต้องผ่านหกขั้นตอนคือมีการเกิด  เจริญเติบโต  คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง  สืบพันธุ์  หดตัวลง  และจากนั้นก็อันตรธานสูญหายไป  ธรรมชาติวัตถุนี้เรียกว่า  อดิฺบํูทะฺ  ถูกสร้างขึ้นมา  ณ  จุดหนึ่ง  และจะถูกทำลายไปอีกจุดหนึ่ง  แนวคิดที่ว่ารูปลักษณ์จักรวาลขององค์ภควานซึ่งรวมถึงเหล่าเทวดาพร้อมดาวเคราะห์เรียกว่า  อดิฺไดวะทะฺ  ผู้ที่ปรากฏในร่างกายควบคู่ไปกับปัจเจกวิญญาณคืออภิวิญญาณ  ซึ่งเป็นผู้แทนที่สมบูรณ์ขององค์ชรีคริชณะ  อภิวิญญาณเรียกว่า  พะระมาทมาฺ  หรือ  อดิฺยะกยะฺ  ทรงสถิตในหัวใจ  คำว่า  เอวะฺ  มีความสำคัญโดยเฉพาะในเนื้อหาของโศลกนี้  เพราะว่าคำนี้องค์ภควานทรงเน้นว่า  พะระมาทมาฺ  ไม่แตกต่างไปจากพระองค์  ในรูปอภิวิญญาณประทับอยู่เคียงข้างปัจเจกวิญญาณ  ทรงเป็นพยานในกิจกรรมต่าง  ๆ  และทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งจิตสำนึกของปัจเจกวิญญาณ  อภิวิญญาณทรงเปิดโอกาสแก่ปัจเจกวิญญาณให้ทำอะไรโดยเสรี  ทรงเป็นพยานในกิจกรรมต่าง  ๆของเขา  สำหรับสาวกผู้มีคริชณะจิตสำนึกที่บริสุทธิ์และปฏิบัติการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควาน  หน้าที่แห่งปรากฏการณ์ทั้งหลายขององค์ภควานจะกระจ่างขึ้นโดยปริยายรูปลักษณ์จักรวาลอันมหึมาของพระองค์เรียกว่า  อดิฺไดวะทะฺ  ซึ่งนวกะผู้ไม่สามารถเข้าพบองค์ภควาน  ในปรากฏารณ์ของพระองค์ในรูปอภิวิญญาณจะเพ่งพิจารณาดู  นวกะจึงได้รับคำแนะนำให้เพ่งพิจารณาดูรูปลักษณ์จักรวาลหรือ  วิราท-พุรุชะฺ  ซึ่งพระเพลาพิจารณาว่าเป็นหมู่ดาวเคราะห์เบื้องต่ำ  พระเนตรของพระองค์พิจารณาว่าเป็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์  และพระเศียรของพระองค์พิจารณาว่าเป็นระบบดาวเคราะห์เบื้องสูง

โศลก 5

อันทะ-คาเล ชะ มาม เอวะ
สมะรัน มุคทวา คะเลวะรัมฺ

ยะฮ พระยาทิ สะ มัด-บฺาวัม
ยาทิ นาสทิ อัทระ สัมชะยะฮฺ

อันทะ-คาเลฺ  -  ในบั้นปลายของชีวิต, ชะฺ  -  เช่นกัน, มาม-ข้าฺ, เอวะฺ  -  แน่นอน, สมะรันฺ  -  ระลึกถึง, มุคทวาฺ  -  ยกเลิก, คะเลวะรัมฺ  -  ร่างกาย, ยะฮฺ  -  เขาผู้ซึ่ง, พระยาทิฺ  -  ไป, สะฮฺ  -  เขา, มัท- บฺาวัมฺ  -  ธรรมชาติของข้า, ยาทิฺ  -  บรรลุ, นะฺ  -  ไม่, อัสทิฺ  -  มี, อัทระฺ  -  ที่นี่, สัมชะยะฮฺ  -  ข้อสงสัย

คำแปลฺ

และผู้ใดที่ในบั้นปลายชีวิต  ออกจากร่างกายโดยระลึกถึงข้าเพียงผู้เดียว  จะบรรลุถึงธรรมชาติของข้าโดยทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย

คำอธิบายฺ

โศลกนี้  ได้เน้นถึงจุดสำคัญของคริชณะจิตสำนึก  ผู้ใดที่วิญญาณออกจากร่างในขณะที่มีคริชณะจิตสำนึกจะถูกย้ายไปยังธรรมชาติทิพย์ขององค์ภควานทันที  องค์ภควานทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ผู้บริสุทธิ์  ฉะนั้น  ผู้ใดที่มีคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอจะเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ผู้บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน  คำว่า  สมะรันฺ  (“ระลึกถึง”)  มีความสำคัญการระลึกถึงคริชณะเป็นไปไม่ได้สำหรับจิตวิญญาณผู้ไม่บริสุทธิ์ที่ไม่ได้ปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกในการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ดังนั้น  เราควรปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกตั้งแต่เริ่มแรกของชีวิต  หากเราปรารถนาความสำเร็จในบั้นปลายชีวิต  วิธีการระลึกถึงคริชณะเป็นหัวใจสำคัญ  ดังนั้น  เราควรสวดภาวนามหามนต์  -ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะคริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร  /  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร-  อยู่เสมอโดยไม่มีวันหยุด  องค์เชธันญะทรงแนะนำให้เรามีความอดทนเหมือนกับต้นไม้  (ทะโรร  อิ  วะ  สะฮิชณุนาฺ)  อาจมีอุปสรรคมากมายสำหรับผู้ที่สวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  อย่างไรก็ดีเราต้องอดทนต่ออุปสรรคทั้งหลายเหล่านี้  และภาวนา  -ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะคริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร-  อย่างต่อเนื่อง  เพื่อในบั้นปลายชีวิตเราสามารถได้รับประโยชน์โดยสมบูรณ์จากคริชณะจิตสำนึก

โศลก 6

ยัม ยัม วาพิ สมะรัน บฺาวัม
ทยะจะทิ อันเท คะเลวะรัมฺ

ทัม ทัม เอไวทิ คะอุนเทยะ
สะดา ทัด-บฺาวะ-บฺาวิทะฮฺ

ยัม ยัมฺ  -  อะไรก็แล้วแต่, วา อพิฺ  -  ทั้งหมด, สมะรันฺ  -  ระลึกถึง, บฺาวัมฺ  -  ธรรมชาติ, ทยะ จะทิฺ  -  ยกเลิก, อันเทฺ  -  บั้นปลาย, คะเลวะรัมฺ  -  ร่างนี้, ทัม ทัมฺ  -  ในทำนองเดียวกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, เอทิฺ  -  ได้รับ, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้โอรสพระนางคุนที, สะดาฺ  -  เสมอ, ทัทฺ  -  นั้น, บฺาวะฺ  -  สภาวะจิต, บฺาวิทะฮฺ  -  จำ

คำแปลฺ

ไม่ว่าจิตสำนึกระลึกถึงอะไรขณะที่ออกจากร่าง  โอ้  โอรสพระนางคุนที  เขาจะได้รับสิ่งนั้นอย่างแน่นอน

คำอธิบายฺ

วิธีการเปลี่ยนธรรมชาติของเราในช่วงวิกฤตการณ์แห่งความตายได้อธิบายไว้ณ  ที่นี้  ในบั้นปลายชีวิตบุคคลออกจากร่างและคิดถึงคริชณะ  จะได้รับธรรมชาติทิพย์แห่งองค์ภควาน  ไม่เป็นความจริงที่บุคคลคิดถึงอย่างอื่นนอกจากคริชณะแล้วจะบรรลุถึงระดับทิพย์เช่นเดียวกัน  ประเด็นนี้เราควรตั้งข้อสังเกตด้วยความระมัดระวัง  เราจะตายในสภาวะจิตที่ถูกต้องได้อย่างไร?  มะฮาราจะ  บฺะระทะ  แม้จะเป็นบุคลิกภาพผู้ยิ่งใหญ่ทรงคิดถึงกวางในบั้นปลายของชีวิต  ชาติต่อมาจึงถูกย้ายเข้าไปในร่างกวาง  แม้เป็นกวาง  ท่านระลึกถึงกรรมในอดีตได้  จึงต้องยอมรับร่างสัตว์นั้น  แน่นอนว่าความคิดในขณะที่เรามีชีวิตอยู่สะสมและมีอิทธิพลต่อความคิดของเราในขณะที่ตาย  ดังนั้น  ชีวิตนี้จึงปูทางไว้สำหรับชาติหน้า  หากปัจจุบันเราใช้ชีวิตในระดับแห่งความดีและคิดถึงคริชณะเสมอเป็นไปได้ที่เราจะระลึกถึงคริชณะในบั้นปลายของชีวิต  เช่นนี้จะช่วยย้ายเราไปสู่ธรรมชาติทิพย์แห่งคริชณะ  หากมีความซึมซาบอยู่ในระดับทิพย์ในการรับใช้คริชณะ  ร่างต่อไปของเราจะเป็นทิพย์ไม่ใช่วัตถุ  ดังนั้นการสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะคริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร  เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จในการเปลี่ยนระดับจิตสำนึกในบั้นปลายของชีวิตเรา

โศลก 7

ทัสมาท สารเวชุ คาเลชุ
มาม อนุสมะระ ยุดฺยะ ชะฺ

มะยิ อารพิทะ-มะโน-บุดดิฺร
มาม เอไวชยะสิ อสัมชะยะฮฺ

ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, สารเวชฺุ  -  ตลอด, คาเลชฺุ  -  เวลา, มามฺ  -  ข้า, อนุสมะระฺ  -  ระลึกถึงเรื่อยๆ, ยุดฺยะฺ  -  ต่อสู้, ชะฺ  -  เช่นกัน, มะยิฺ  -  แด่ข้า, อารพิทะฺ  -  ศิโรราบ, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, บุดดิฺฮฺ  -  ปัญญา, มามฺ  -  แด่ข้า, เอวะฺ  -  แน่นอน, เอชยะสิฺ  -  เธอจะได้รับ, อสัมชะยะฮฺ  -  เหนือความสงสัย

คำแปลฺ

ฉะนั้น  โอ้  อารจุนะ  เธอควรระลึกถึงข้าในรูปลักษณ์คริชณะอยู่เสมอ  และในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติหน้าที่ในการต่อสู้ที่ได้กำหนดไว้  โดยอุทิศกิจกรรมต่าง  ๆของเธอแด่ข้า  จิตใจและปัญญาตั้งมั่นอยู่ที่ข้า  เธอจะบรรลุถึงข้าโดยไม่ต้องสงสัย

คำอธิบายฺ

คำสั่งสอนที่ให้แก่อารจุนะนี้มีความสำคัญมากสำหรับมวลมนุษย์ที่ปฏิบัติอยู่ในกิจกรรมทางวัตถุ  องค์ภควานมิได้ตรัสว่าควรยกเลิกหน้าที่หรือการปฏิบัติที่กำหนดไว้สำหรับเรา  เรายังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป  แต่ในขณะเดียวกันระลึกถึงคริชณะด้วยการสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  เช่นนี้จะทำให้เราเป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุและทำให้จิตใจและปัญญาของเราอยู่กับคริชณะ  จากการสวดภาวนาพระนามต่าง  ๆ  ของคริชณะ  เราจะถูกย้ายไปยังดาวเคราะห์สูงสุด  คริชณะโลคะโดยไม่ต้องสงสัย

โศลก 8

อับฺยาสะ-โยกะ-ยุคเทนะ
เชทะสา นานยะ-กามินาฺ

พะระมัม พุรุชัม ดิพยัม
ยาทิ พารทฺานุชินทะยันฺ

อับฺยาสะ-โยกะฺ  -  จากการปฏิบัติ, ยุคเทนะฺ  -  ปฏิบัติสมาธิ, เชทะสาฺ  -  ด้วยจิตใจและปัญญา, นะ อันยะ-กามินาฺ  -  โดยปราศจากการเบี่ยงเบน, พะระมัมฺ  -  สูงสุด, พุรุชัมฺ  -  บุคลิกภาพแห่งพระเจ้า, ดิพยัมฺ  -  ทิพย์, ยาทิฺ  -  เขาบรรลุ, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, อนุชินทะยันฺ  -  คิดถึงอยู่เสมอ

คำแปลฺ

ผู้ทำสมาธิอยู่ที่ข้า  ในฐานะองค์ภควาน  จิตใจระลึกถึงข้าอยู่ตลอดเวลา  โดยไม่เบี่ยงเบนจากวิถีทาง  โอ้พารทฺะ  เขาจะมาถึงข้าอย่างแน่นอน

คำอธิบายฺ

โศลกนี้  องค์ชรีคริชณะทรงเน้นถึงความสำคัญในการระลึกถึงพระองค์  ความจำคริชณะของเราจะฟื้นฟูขึ้นด้วยการสวดภาวนามหามนต์  ฮะเร  คริชณะ  จากการปฏิบัติสวดภาวนา  และ  สดับฟังคลื่นเสียงแห่งองค์ภควานนี้  หู  ลิ้น  และจิตใจของเราปฏิบัติการทำสมาธิอันน่าอัศจรรย์นี้  เป็นการปฏิบัติที่ง่ายมาก  จะช่วยให้เราบรรลุถึงองค์ภควาน  พุรุชัมฺ  หมายถึงผู้มีความสุขเกษมสำราญ  ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตเป็นพลังงานพรมแดนขององค์ภควาน  พวกเขาอยู่ในมลทินทางวัตถุ  คิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีความสุขเกษมสำราญแต่อันที่จริงมิใช่เป็นผู้มีความสุขเกษมสำราญสูงสุด  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่า  ผู้มีความสุขเกษมสำราญสูงสุดคือองค์ภควานในรูปลักษณ์ที่ปรากฏต่าง  ๆ  รวมทั้งภาคแบ่งแยกที่สมบูรณ์ของพระองค์  เช่น  นารายะณะ  วาสุเดวะ  ฯลฯ

สาวกสามารถคิดถึงองค์ภควานอยู่เสมอในรูปลักษณ์ที่ตนบูชา  เช่น  นารายะณะคริชณะ  รามะ  ฯลฯ  ด้วยการสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  การปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้เราบริสุทธิ์เพราะสวดภาวนาอยู่เสมอ  ในบั้นปลายชีวิตเราจะถูกย้ายไปยังอาณาจักรแห่งองค์ภควานการปฏิบัติโยคะคือการทำสมาธิที่องค์อภิวิญญาณภายใน  ในทำนองเดียวกัน  การสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  เราตั้งจิตมั่นอยู่ที่องค์ภควานตลอดเวลา  จิตใจนั้นโลเลไม่แน่นอนดังนั้น  จึงจำเป็นที่ต้องให้จิตใจปฏิบัติด้วยการบังคับให้คิดถึงคริชณะ  มีตัวอย่างที่ให้ไว้บ่อย  ๆว่า  ตัวดักแด้คิดถึงว่ามันจะกลายมาเป็นผีเสื้อ  ดังนั้น  มันจึงเปลี่ยนรูปมาเป็นผีเสื้อในชีวิตเดียวกันนี้  ลักษณะเดียวกัน  หากเราคิดถึงคริชณะอยู่ตลอดเวลา  แน่นอนว่าในบั้นปลายชีวิตเราจะมีร่างกายที่มีองค์ประกอบเหมือนกับคริชณะ

โศลก 9

คะวิม พุราณัม อนุชาสิทารัม
อโณร อณียามสัม อนุสมะเรด ยะฮฺ

สารวัสยะ ดฺาทารัม อชินทยะ-รูพัม
อาดิทยะ-วารณัม ทะมะสะฮ พะรัสทาทฺ

คะวิมฺ  -  ผู้ที่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, พุราณัมฺ  -  อาวุโสที่สุด, อนุชาสิทารัมฺ  -  ผู้ควบคุม, อโนฮฺ  -  กว่าละอองอณู, อณียามสัมฺ  -  เล็กว่า, อนุสมะเรทฺ  -  คิดถึงอยู่เสมอ, ยะฮฺ  -  ผู้ซึ่ง, สารวัสยะฺ  -  ของทุกสิ่ง, ดฺาทารัมฺ  -  ผู้ดำรงรักษา, อชินทยะฺ  -  ไม่สามรถมองเห็น, รูพัมฺ  -  รูปลักษณ์ของพระองค์, อาดิทยะ-วารณัมฺ  -  เจิดจรัสเหมือนดวงอาทิตย์, ทะมะสะฮฺ  -  ความมืด, พะรัส- ทาทฺ  -  ทิพย์

คำแปลฺ

เราควรทำสมาธิที่องค์ภควานในฐานะที่ทรงเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง  เป็นผู้อาวุโสที่สุด  เป็นผู้ควบคุม  เล็กกว่าสิ่งที่เล็กที่สุด  เป็นผู้ดำรงรักษาทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือแนวคิดทางวัตถุทั้งปวง  ไม่สามารถมองเห็นได้  และทรงเป็นบุคคลอยู่เสมอ  พระองค์ทรงเจิดจรัสเหมือนดวงอาทิตย์  และเป็นทิพย์เหนือธรรมชาติวัตถุ

คำอธิบายฺ

วิธีการคิดถึงองค์ภควานได้กล่าวไว้ในโศลกนี้  จุดสำคัญที่สุดคือพระองค์ทรงมิใช่ไร้รูปลักษณ์หรือว่างเปล่า  เราไม่สามารถทำสมาธิอยู่ที่บางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีรูปลักษณ์หรือว่างเปล่า  เพราะเป็นสิ่งที่ยากมาก  อย่างไรก็ดีวิธีการคิดถึงคริชณะนั้นง่ายมาก  ได้กล่าวไว้  ณ  ที่นี้ว่า  ก่อนอื่นพระองค์ทรงเป็น  พุรุชะฺ  หรือบุคคล  เราคิดถึงรูป  ลักษณ์พระรามและรูปลักษณ์คริชณะ  ไม่ว่าเราจะคิดถึงพระรามหรือคริชณะ  พระองค์ทรงเป็นเช่นไรนั้นได้อธิบายในโศลกนี้ของ  ภควัต-คีตาฺ  องค์ภควาน  ทรงเป็นคะวิฺ  หมายความว่าพระองค์รู้อดีต  ปัจจุบัน  และอนาคต  ดังนั้น  พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง  เป็นบุคคลผู้อาวุโสที่สุด  เพราะว่าเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง  ทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมากจากพระองค์  พระองค์ยังเป็นผู้ควบคุมจักรวาลสูงสุด  ทรงเป็นผู้ดำรงรักษาและผู้สอนมนุษยชาติ  เล็กว่าสิ่งที่เล็กที่สุด  สิ่งมีชิวิตมีขนาดเศษหนึ่งส่วนหมื่นของปลายเส้นผม  แต่องค์ภควานเล็กจนมองไม่เห็น  และเสด็จเข้าไปอยู่ในหัวใจของละอองอณูนี้  ดังนั้น  พระองค์ถูกเรียกว่าเล็กกว่าสิ่งที่เล็กที่สุด  ในฐานะที่เป็นองค์ภควาน  พระองค์ทรงสามารถเสด็จเข้าไปในละอองอณูและเข้าไปในหัวใจของสิ่งที่เล็กที่สุดและควบคุมเขาในฐานะที่เป็นอภิวิญญาณ  แม้จะเล็กขนาดนี้พระองค์ยังแผ่กระจายไปทั่วและดำรงรักษาทุกสิ่งทุกอย่าง  ทรงเป็นผู้ค้ำจุนระบบดาวเคราะห์ต่าง  ๆ  ทั้งหมดนี้  เราประหลาดใจอยู่เสมอว่าดาวเคราะห์มหึมาเหล่านี้ลอยอยู่ในอากาศได้อย่างไร  ได้กล่าวไว้  ณ  ที่นี้ว่าด้วยพลังอำนาจอันมองไม่เห็นขององค์ภควาน  พระองค์ทรงค้ำจุนดาวเคราะห์มหึมาทั้งหลายเหล่านี้รวมทั้งระบบต่าง  ๆของหมู่ดวงดาว  คำว่า  อชินทยะฺ  (“ไม่สามารถมองเห็น”)มีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกันนี้  พลังงานขององค์ภควานอยู่เหนือขอบเขตวิศัยทัศน์ของพวกเรา  ดังนั้น  จึงเรียกว่าไม่สามารถมองเห็น  (อชินทยะฺ)  ผู้ใดจะสามารถเถียงประเด็นนี้ได้?  พระองค์ทรงแผ่กระจายในโลกวัตถุนี้  ถึงกระนั้นก็อยู่เหนือโลกวัตถุนี้  เราไม่สามารถเข้าใจแม้แต่โลกวัตถุซึ่งไม่มีความสำคัญอันใดเลยเมื่อเปรียบเทียบกับโลกทิพย์แล้วเราจะเข้าใจสิ่งที่สูงไปกว่านี้ได้อย่างไร?  อชินทยะฺ  หมายความว่าโลกวัตถุ  ซึ่งข้อถกเถียงตามตรรกวิทยาและการคาดคะเนทางปรัชญาของเราไม่สามารถสัมผัสสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้  ฉะนั้น  บุคคลผู้มีปัญญาจะหลีกเลี่ยงการถกเถียงและการคาดคะเนที่ไร้ประโยชน์  และยอมรับสิ่งที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เช่น  คัมภีร์พระเวท  ภควัต-คีตาฺ  และ  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  และปฏิบัติตามหลักการที่วางไว้  เช่นนี้จะนำเราไปสู่ความเข้าใจ

โศลก 10

พระยาณะ-คาเล มะนะสาชะเลนะ
บัฺคธยา ยุคโท โยกะ-บะเลนะ ไชวะฺ

บฺรุโวร มัดฺเย พราณัม อาเวชยะ สัมยัค
สะ ทัม พะรัม พุรุชัม อุไพทิ ดิพยัมฺ

พระยาณะ-คาเลฺ  -  ขณะตาย, มะนะสา-ด้วยจิตใจ, อชะเลนะฺ  -  ปราศจากการเบี่ยงเบน, บัฺคธยาฺ  -  อุทิศตนเสียสละอย่างสมบูรณ์, ยุคทะฮฺ  -  ปฏิบัติ, โยกะฺ  -  บะเลนะฺ  -  ด้วยพลังแห่งอิทธิฤทธิ์โยคะ, ชะฺ  -  เช่นกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, บฺรุโวฮฺ  -  คิ้วทั้งสองข้าง, มัดฺเยฺ  -  ระหว่าง, พราณัมฺ  -  ลมปราณชีวิต, อาเวชยะฺ  -  ตั้งมั่น, สัมยัคฺ  -  สมบูรณ์, สะฮฺ  -  เขา, ทัมฺ  -  นั้น, พะรัมฺ  -  ทิยพ์, พุรุชัมฺ  -  องค์ภควาน, อะไพทิฺ  -  บรรลุ, ดิพยัมฺ  -  ในอาณาจักรทิพย์

คำแปลฺ

ขณะตาย  บุคคลตั้งมั่นลมปราณชีวิตอยู่ระหว่างคิ้วทั้งสอง  และด้วยพลังแห่งโยคะพร้อมทั้งจิตใจที่ไม่เบี่ยงเบน  ปฏิบัติการระลึกถึงองค์ภควานด้วยการอุทิศตนเสียสละอย่างสมบูรณ์  แน่นอนว่าจะบรรลุถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า

คำอธิบายฺ

โศลกนี้  ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าในขณะกำลังตาย  จิตใจต้องตั้งมั่นในการอุทิศตนเสียสละต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  สำหรับพวกที่ฝึกปฏิบัติโยคะ  ได้แนะนำไว้ว่าให้กำหนดพลังแห่งชีวิตให้มาอยู่ระหว่างคิ้วทั้งสอง  (ที่  อากยา-ชัคระฺ)  การปฏิบัติ  ชัด-ชัคระ-โยกะฺ  เกี่ยวเนื่องกับการทำสมาธิที่  ชัคระฺ  ทั้งหกซึ่งเกริ่นไว้  ณ  ที่นี้สาวกผู้บริสุทธิ์มิได้ฝึกปฏิบัติโยคะเช่นนี้  แต่เพราะว่าปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอขณะกำลังตาย  ด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะทำให้สามารถระลึกถึงองค์ภควานได้ดังจะอธิบายในโศลกสิบสี่

การใช้คำว่า  โยกะ-บะเลนะฺ  มีความสำคัญในโศลกนี้  เพราะปราศจากการปฏิบัติโยคะ  ไม่ว่าจะเป็น  ชัท-ชัคระ-โยกะฺ  หรือ  ภักดี-โยคะฺ  เราจะไม่สามารถมาถึงระดับทิพย์นี้ในขณะที่กำลังตาย  ขณะตายไม่มีใครสามารถระลึกถึงองค์ภควานขึ้นมาได้ในทันที  เราจึงต้องฝึกปฏิบัติระบบโยคะบางอย่าง  โดยเฉพาะระบบ  ภักดี-โยคะฺเนื่องจากจิตใจของเราขณะกำลังตายจะสับสนมาก  เราจึงควรฝึกปฏิบัติวิถีทิพย์ผ่านระบบโยคะในระหว่างที่เรายังมีชีวิตอยู่

โศลก 11

ยัด อัคชะรัม เวดะ-วิโด วะดันทิ
วิชันทิ ยัด ยะทะโย วีทะ-รากาฮฺ

ยัด อิชชัฺนโท บระฮมะชารยัม ชะรันทิ
ทัท เท พะดัม สังกระเฮณะ พระวัคชเยฺ

ยัทฺ  -  ซึ่ง, อัคชะรัมฺ  -  พยางค์โอม, เวดะ-วิดะฮฺ  -  บุคคลผู้ชำนาญในคัมภีร์พระเวท, วะดันทิฺ  -  กล่าว,วิชันทิฺ  -  เข้า, ยัทฺ  -  ในที่ซึ่ง, ยะทะยะฮฺ  -  ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, วีทะฺ  -  รากาฮฺ  -  ในชีวิตสละโลก, ยัทฺ  -  ซึ่ง, อิชชัฺนทะฮฺ  -  ต้องการ, บระฮมะชารยัมฺ  -  พรหมจรรย์, ชะรันทิฺ  -  ปฏิบัติ, ทัทฺ  -  นั้น, เทฺ  -  แด่เธอ, พะดัมฺ  -  สถิต, สังกระเฮณะฺ  -  โดยสรุป, พระวัคชเยฺ  -  ข้าจะอธิบาย

คำแปลฺ

บุคคลผู้รอบรู้คัมภีร์พระเวท  เปล่งเสียง  โอมคาระ  และเป็นนักปราชญ์ยิ่งใหญ่ในระดับชีวิตสละโลก  บรรลุถึง  บระฮมัน  ด้วยปรารถนาความสมบูรณ์เช่นนี้  เขาประพฤติพรหมจรรย์  บัดนี้ข้าจะอธิบายแด่เธอถึงวิธีการโดยสรุปที่เขาอาจบรรลุถึงความหลุดพ้น

คำอธิบายฺ

องค์ชรีคริชณะทรงแนะนำอารจุนะให้ฝึกปฏิบัติ  ชัท-ชัคระ-โยกะฺ  ซึ่งต้องกำหนดลมปราณชีวิตระหว่างคิ้วทั้งสอง  สมมติว่าอารจุนะอาจไม่รู้ว่าการปฏิบัติ  ชัท—ชัคระ-  โยะกะฺ  เป็นเช่นไร  คริชณะจะทรงอธิบายถึงวิธีการในโศลกต่อ  ๆ  ไปโดยตรัสว่า  บระฮมันฺ  ถึงแม้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง  มีปรากฎการณ์และลักษณะต่างกัน  โดยเฉพาะสำหรับพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์  อัคชะระฺ  หรือ  โอมคาระฺ  คำว่า  โอมฺ  เหมือนกับ  บระฮมันฺ  ณ  ที่นี้คริชณะทรงอธิบายถึง  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์ซึ่งนักปราชญ์ผู้อยู่ในระดับสละโลกบรรลุถึง

ในระบบแห่งความรู้พระเวทจากจุดเริ่มต้นนักศึกษาถูกสอนให้เปล่งเสียงโอมฺและเรียนรู้  บระฮมันฺ  อันไร้รูปลักษณ์สูงสุด  ด้วยการอยู่กับพระอาจารย์ทิพย์  ถือเพศพรหมจรรย์โดยสมบูรณ์  จึงรู้แจ้งสองลักษณะของ  บระฮมันฺ  การปฏิบัติเช่นนี้มีความสำคัญมากสำหรับนักศึกษาที่จะเจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์  แต่ในปัจจุบันชีวิต  บระฮมะชารีฺ  (ผู้ถือเพศพรหมจรรย์ไม่สมรส)  เป็นไปไม่ได้  โครงสร้างทางสังคมในโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก  จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะถือเพศพรหมจรรย์จากจุดเริ่มต้นของชีวิตนักศึกษา  ทั่วโลกมีสถาบันมากมายในสาขาวิชาต่าง  ๆ  แต่ไม่มีสถาบันใดสอนนักศึกษาในหลักธรรม  บระฮมะชารีฺจนเป็นที่รู้จักกัน  นอกจากจะประพฤติพรหมจรรย์  มิฉะนั้น  ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์เป็นสิ่งที่ยากมาก  ดังนั้นองค์เชธันญะทรงประกาศตามคำสั่งสอนในพระคัมภีร์สำหรับ  คะลิยุคฺ  นี้ว่า  ในยุคนี้ไม่มีวิถีทางในการรู้แจ้งถึงองค์ภควานนอกจากการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของชรีคริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  คริชณะ  คริชณะฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร

โศลก 12

สารวะ-ดวาราณิ สัมยัมยะ
มะโน ฮริดิ นิรุดฺยะ ชะฺ

มูรดฺนิ อาดฺายาทมะนะฮ พราณัม
อาสทิฺโท โยกะ-ดฺาระณามฺ

สารวะ-ดวาราณิฺ  -  ประตูทั้งหมดของร่างกาย, สัมยัมยะฺ  -  ควบคุม, มะนะฮฺ  -  จิตใจ, ฮริดิฺ  -  ในหัวใจ, นิรุดฺยะฺ  -  ขอบเขต, ชะฺ  -  เช่นกัน, มูรดฺนิฺ  -  บนศีรษะ, อาดฺายะฺ  -  ตั้งมั่น, อาทมะนะฮฺ  -  ของวิญญาณ, พราณัมฺ  -  ลมปราณชีวิต, อาสทิฺทะฮฺ  -  สถิต, โยกะฺ  -  ดฺาระณามฺ  -  สภาวะโยคะ

คำแปลฺ

สภาวะโยคะคือการไม่ยึดติดกับการปฏิบัติทางประสาทสัมผัสทั้งหมด  ปิดประตูประสาทสัมผัสทั้งหมด  ตั้งจิตมั่นอยู่ที่หัวใจ  และกำหนดลมปราณชีวิตอยู่ที่บนศีรษะ  เขาสถิตตนเองอยู่ในโยคะ

คำอธิบายฺ

การปฏิบัติโยคะได้แนะนำไว้  ณ  ที่นี้  ก่อนอื่นเราต้องปิดประตูเพื่อความสุขทางประสาทสัมผัสทั้งหมด  การปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่า  พรัทยาฮาระฺ  หรือการถอนประสาทสัมผัสต่าง  ๆ  ให้ออกจากอายตนะภายนอก  อวัยวะประสาทสัมผัสเพื่อรับความรู้  เช่น  ตาหู  จมูก  ลิ้น  และสัมผัส  ควรถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์  ไม่ควรปล่อยให้ไปปฏิบัติเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตน  เช่นนี้จิตใจจดจ่ออยู่ที่อภิวิญญาณภายในหัวใจ  และพลังชีวิตยกสูงขึ้นไปด้านบนของศีรษะ  วิธีนี้ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดในบทที่หกซึ่งกล่าวไว้ว่าการปฏิบัติเช่นนี้ไม่เหมาะสมสำหรับยุคนี้  วิธีที่ดีที่สุดคือคริชณะจิตสำนึก  หากเราสามารถตั้งจิตมั่นอยู่ที่คริชณะในการอุทิศตนเสียสละรับใช้อยู่เสมอจะเป็นการง่ายมาก  ที่จะคงอยู่ในความสงบที่ไม่หวั่นไหว  หรือยู่ใน  สะมาดิฺฺ

โศลก 13

โอม อิทิ เอคาชะรัม บระฮมะ
วิยาฮะรัน มาม อนุสมะรันฺ

ยะฮ พระยาทิ ทยะจัน เดฮัม
สะ ยาทิ พะระมาม กะทิมฺ

โอมฺ  -  การผสมอักษร โอม (โอมคาระ)ฺ, อิทิฺ  -  ดังนั้น, เอคะ-อัคชะรัมฺ  -  หนึ่งพยางค์, บระฮมะฺ  -  สมบูรณ์, วิยาฮะรันฺ  -  เปล่งเสียง, มามฺ  -  ข้า (คริชณะ), อนุสมะรันฺ  -  ระลึกถึง, ยะฮฺ  -  ผู้ใดซึ่ง, พระยาทิฺ  -  จาก, ทยะจันฺ  -  ออกจาก, เดฮัมฺ  -  ร่างนี้, สะฮฺ  -  เขา, ยาทิฺ  -  บรรลุ, พะระมามฺ  -  สูงสุด, กะทิมฺ  -  จุดหมายปลายทาง

คำแปลฺ

หลังจากสถิตในการปฏิบัติโยคะนี้และเปล่งเสียงอันศักดิ์สิทธิ์  โอม  ซึ่งเป็นการผสมอักษรที่สูงสุด  หากเขาคิดถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  และออกจากร่างนี้ไปแน่นอนว่าจะบรรลุถึงดาวเคราะห์ทิพย์

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่าคำ  โอม,  บระฮมันฺ,  และองค์ชรีคริชณะไม่แตกต่างกัน  เสียงที่ไร้รูปลักษณ์ของคริชณะคือ  โอมฺ  แต่เสียง  ฮะเร  คริชณะ  บรรจุ  โอมฺ  อยู่ด้วย  การสวดภาวนาบทมนต์  ฮะเร  คริชณะ  ได้แนะนำไว้อย่างชัดเจนสำหรับยุคนี้  ดังนั้นหากผู้ใดออกจากร่างนี้ในบั้นปลายชีวิตและสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะคริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร  แน่นอนว่าจะบรรลุถึงหนึ่งในดาวเคราะห์ทิพย์ตามระดับที่ผู้นั้นปฏิบัติ  สาวกของคริชณะจะเข้าไปในดาวเคราะห์คริชณะ  โกโลคะ  วรินดาวะนะ  สำหรับผู้เชื่อในรูปลักษณ์มีดาวเคราะห์อื่นๆอีกมากมายเช่นเดียวกันเรียกว่าดาวเคราะห์  ไวคุณธฺะฺ  ในท้องฟ้าทิพย์  ขณะที่ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์จะคงอยู่ใน  บระฮมะจโยทิฺ

โศลก 14

อนันยะ-เชทาฮ สะทะทัม
โย มาม สมะระทิ นิทยะชะฮฺ

ทัสยาฮัม สุละบฺะฮ พารทฺะ
นิทยะ-ยุคทัสยะ โยกินะฮฺ

อนันยะฺ  -  เชทาฮฺ  -  จิตใจไม่เบี่ยงเบน, สะทะทัมฺ  -  เสมอ, ยะฮฺ  -  ผู้ใดที่, มามฺ  -  ข้า (คริขณะ), สมะระทิฺ  -  ระลึกถึง, นิทยะชะฮฺ  -  อยู่เสมอ, ทัสยะ-สำหรับเขา, อฮัมฺ  -  ข้าเป็น, สุ-ละบฺะฮฺ  -  บรรลุถึงโดยง่ายดาย, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, นิทยะฺ  -  สม่ำเสมอ, ยุคทัสยะฺ  -  ปฏิบัติ, โยกินะฮฺ  -  สำหรับสาวก

คำแปลฺ

สำหรับผู้ที่ระลึกถึงข้าอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เบี่ยงเบน  จะบรรลุถึงข้าโดยง่ายดายเนื่องจากเขาปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อยู่เสมอ  โอ้  โอรสพระนางพริทฺา

คำอธิบายฺ

โศลกนี้อธิบายถึงจุดมุ่งหมายสูงสุด  โดยเฉพาะของสาวกผู้ไร้มลทินที่รับใช้องค์ภควานใน  ภักดี-โยคะฺ  จะบรรลุถึง  โศลกก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงสาวกสี่ประเภทคือ  ผู้มีความทุกข์  ผู้ใคร่รู้  ผู้แสวงหาผลกำไรทางวัตถุ  และนักปราชญ์ผู้คาดคะเน  ได้อธิบายหลายวิธีเพื่อความหลุดพ้นด้วยเช่น  คารมะ-โยกะ,  กยานะ-โยกะ,ฺ  และ  ฮะทฺะ-โยกะฺหลักธรรมของระบบโยคะเหล่านี้มี  บัฺคธิฺ  รวมอยู่บ้าง  แต่โศลกนี้กล่าวถึง  ภักดี-โยคะฺที่บริสุทธิ์โดยเฉพาะ  โดยไม่มีการผสมของ  กยานะ,  คารมะฺ  หรือ  ฮะทฺะฺ  ด้วยการใช้คำว่า  อนันยะ-เชทาฮฺ  ใน  ภักดี-โยคะฺ  ที่บริสุทธ์  สาวกไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใดนอกจาก  คริชณะสาวกผู้บริสุทธิ์ไม่ปรารถนาที่จะได้รับการส่งเสริมให้ไปโลกสวรรค์หรือปรารถนามาเป็นหนึ่งเดียวกับ  บระฮมะจโยทิฺ  ความหลุดพ้น  หรือเป็นอิสระจากพันธนาการทางวัตถุสาวกผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องการสิ่งใด  ๆ  ทั้งสิ้น  ใน  เชธันญะ-ชะริทามริทะฺ  สาวกผู้บริสุทธิ์เรียกว่า  นิชคามะฺ  หมายความว่า  ท่านไม่ปรารถนาผลประโยชน์เพื่อตนเอง  ความสงบอันสมบูรณ์เป็นของท่านโดยเฉพาะ  ไม่ใช่พวกที่ดิ้นรนเพื่อผลประโยชน์แห่งตน  ในขณะที่  กยานะ-  โยกี,  คารมะ-โยกี,ฺ  หรือ  ฮะทฺะ-โยกีฺ  มีผลประโยชน์ส่วนตัว  สาวกผู้สมบูรณ์ไม่มีความปรารถนาอื่นใดนอกจากทำให้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงมีความชื่นชมยินดี  ดังนั้น  องค์ภควานตรัสว่า  ผู้ใดที่อุทิศตนเสียสละแด่พระองค์ด้วยความแน่วแน่มั่นคงจะบรรลุถึงพระองค์โดยง่ายดาย

สาวกผู้บริสุทธิ์ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละต่อคริชณะด้วยการรับใช้หนึ่งในรูปลักษณ์อันหลากหลายของพระองค์อยู่เสมอ  คริชณะมีภาคแบ่งแยกและอวตารที่สมบูรณ์มากมาย  เช่น  รามะ  และ  นริสิมฮะ  สาวกเลือกที่จะตั้งจิตมั่นในการรับใช้ด้วยความรักแด่หนึ่งในรูปลักษณ์ทิพย์ขององค์ภควานเหล่านี้  สาวกผู้นี้จะไม่ประสบปัญหาที่ระบาดในหมู่ผู้ปฏิบัติโยคะอื่น  ๆ  ภักดี-โยคะฺ  ง่ายมาก  ทั้งบริสุทธิ์และปฏิบัติได้ง่าย  เราสามารถเริ่มต้นด้วยเพียงแต่สวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  องค์ภควานทรงมีพระเมตตาต่อทุกชีวิตดังที่ได้อธิบายไว้แล้ว  ทรงมีใจเอนเอียงโดยเฉพาะกับผู้ที่รับใช้พระองค์อยู่เสมอโดยไม่เบี่ยงเบน  ทรงช่วยสาวกเหล่านี้ในวิธีต่าง  ๆ  ดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวท(คะทฺะอุพะนิชัดฺ  1.2.23)  ยัม  เอไวชะ  วริณุเท  เทนะ  ลับฺยัส/  ทัสไยชะ  อาทมา  วิวริณุเท  ทะนุม  สวามฺ  ผู้ที่ศิโรราบโดยดุษฎีและปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่องค์ภควานจึงเข้าใจพระองค์ตามความเป็นจริง  ได้กล่าวไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  (10.10)  ว่า  ดะดามิ  บุดดิฺ-  โยกัม  ทัมฺ  องค์ภควานทรงให้ปัญญาแด่สาวกผู้นี้เพียงพอเพื่อในที่สุดเขาจะได้บรรลุถึงพระองค์ในอาณาจักรทิพย์

คุณสมบัติพิเศษของสาวกผู้บริสุทธิ์คือ  จะคิดถึงคริชณะอยู่ตลอดเวลา  โดยไม่เบี่ยงเบน  โดยไม่คำนึงถึงเวลาและสถานที่  จึงไม่มีอุปสรรคใด  ๆ  ทั้งสิ้น  ท่านปฏิบัติรับใช้ในทุกสถานที่และทุกเวลา  บางท่านกล่าวว่า  สาวกควรอยู่ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เช่นวรินดาวะนะหรือเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ที่องค์ภควานเคยประทับอยู่  แต่สาวกผู้บริสุทธิ์สามารถอยู่ที่ใดก็ได้  และสร้างบรรยากาศแห่งวรินดาวะนะด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้  ชรี  อะดเวทะ  กล่าวกับองค์เชธันญะว่า  “ไม่ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่ไหน  โอ้  องค์ภควาน  ที่นั่นคือ  วรินดาวะนะ”

ได้แสดงไว้ด้วยคำพูด  สะทะทัมฺ  และ  นิทยะชะฮฺ  ซึ่งหมายความว่า  “ตลอดไป”“สม่ำเสมอ”  หรือ  “ทุก  ๆ  วัน”  สาวกผู้บริสุทธิ์ระลึกถึงคริชณะและทำสมาธิอยู่ที่พระองค์เสมอ  เหล่านี้คือคุณสมบัติของสาวกผู้บริสุทธิ์  ที่จะบรรลุถึงองค์ภควานง่ายที่สุด  ภักดี-  โยคะฺ  เป็นระบบที่  คีตาฺ  แนะนำ  ซึ่งเหนือระบบอื่นใดทั้งหมด  โดยทั่วไป  ภักดี-โยคีฺ  ปฏิบัติได้ห้าวิธีคือ  (1)  ชานทะ-บัฺคธะฺ  ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความเป็นกลาง(2)  ดาสยะ-บัฺคธะฺ  ปฏิบัติในการอุทิศตนรับใช้ในฐานะผู้รับใช้  (3)  สัคฺยะ-บัฺคธะฺ  ปฏิบัติในฐานะเป็นเพื่อน  (4)  วาทสัลยะ-บัฺคธะฺ  ปฏิบัติในฐานะเป็นผู้ปกครอง  และ(5)  มาดํุรยะ-  บัฺคธะฺ  ปฏิบัติในฐานะเป็นคู่รักขององค์ภควาน  ไม่ว่าวิธีใดสาวกผู้บริสุทธิ์จะปฏิบัติการรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่องค์ภควานเสมอโดยไม่มีวันลืมพระองค์  ดังนั้น  การบรรลุถึงพระองค์จึงเป็นสิ่งง่ายดาย  สาวกผู้บริสุทธิ์จะไม่ลืมองค์ภควานแม้เสี้ยววินาทีเดียว  ในทำนองเดียวกันองค์ภควานก็ไม่สามารถลืมสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์แม้เสี้ยววินาทีเดียวเช่นกัน  นี่คือพรอันประเสริฐของวิธีปฏิบัติคริชณะจิตสำนึก  ด้วยการสวดภาวนามหามนต์  ฮะเร  คริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  คริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร/  ฮะเร  รามะ  ฮะเรรามะ  รามะ  รามะ  ฮะเร  ฮะเร

โศลก 15

มาม อุเพทยะ พุนาร จันมะ
ดุฮคฺาละยัม อชาชวะทัมฺ

นาพนุวันทิ มะฮาทมานะฮ
สัมสิดดิฺม พะระมาม กะทาฮฺ

มามฺ  -  ข้า, อุเพทยะฺ  -  บรรลุ, พุนะฮฺ  -  อีกครั้งหนึ่ง, จันมะฺ  -  เกิด, ดุฮคฺะฺ  -  อาละยัมฺ  -  สถานที่แห่งความทุกข์, อชาชวะทัมฺ  -  ชั่วคราว, นะฺ  -  ไม่เคย, อาพนุวันทิฺ  -  ได้รับ, มะฮา-อาทมา นะฮฺ  -  จิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่, สัมสิดดิฺมฺ  -  สมบูรณ์, พะระมามฺ  -  สูงสุด, กะทาฮฺ  -  บรรลุ

คำแปลฺ

หลังจากบรรลุถึงข้าแล้ว  บรรดาดวงวิญญาณยิ่งใหญ่ผู้เป็นโยคีแห่งการอุทิศตนเสียสละจะไม่กลับมายังโลกที่ไม่ถาวรนี้อีก  ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์นานัปการเพราะพวกเขาบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุด

คำอธิบายฺ

เนื่องจากโลกวัตถุที่ไม่ถาวรนี้เต็มไปด้วยความทุกข์แห่งการเกิด  การแก่  โรคภัยไข้เจ็บ  และการตาย  โดยธรรมชาติผู้ที่บรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดและบรรลุถึงดาวเคราะห์สูงสุด  คริชณะโลคะ  โกโลคะ  วรินดาวะนะ  จะไม่ปรารถนากลับมาอีก  ดาวเคราะห์สูงสุดได้อธิบายไว้ในวรรณกรรมพระเวทว่าเป็น  อัพยัคทะฺ  และ  อัคชะระฺ  และ  พะระมา  กะทิฺ  คือ  ดาวเคราะห์นั้นอยู่เหนือวิสัยทัศน์วัตถุของเรา  และอธิยายไม่ได้  แต่เป็นจุดหมายปลายทางสูงสุด  สำหรับ  มะฮาทมาฺ  (ดวงวิญญาณยิ่งใหญ่)  มะฮาทมาฺ  ได้รับข้อมูลทิพย์จากสาวกผู้รู้แจ้ง  และค่อย  ๆ  พัฒนาการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึก  ซึมซาบในการอุทิศตนเสียสละรับใช้เป็นอย่างมากจนกระทั่งไม่ปรารถนาจะพัฒนาไปสู่ดาวเคราะห์วัตถุใด  ๆ  และไม่ปรารถนาที่จะย้ายไปยังดาวเคราะห์ทิพย์ดวงอื่นใด  เพียงปรารถนาคริชณะและใกล้ชิดกับพระองค์เท่านั้น  นั่นคือความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิต  โศลกนี้กล่าวถึงบรรดาสาวกผู้เชื่อในรูปลักษณ์ขององค์ภควานคริชณะโดยเฉพาะ  สาวกในคริชณะจิตสำนึกบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดในชีวิต  บุคคลเหล่านี้คือดวงวิญญาณสูงสุด

โศลก 16

อา-บระฮมะ-บํุวะนาล โลคะฮ
พุนาร อาวารทิโน รจุนะฺ

มาม อุเพทยะ ทุ คะอุนเทยะ
พุนาร จันมะ นะ วิดยะเทฺ

อา-บระฮมะฺ  -  บํุวะนาท-ขึ้นไปถึงดาวเคราะห์บระฮมะโลคะ, โลคะฮฺ  -  ระบบดาวเคราะห์ต่าง ๆ, พุนะฮฺ  -  อีกครั้งหนึ่ง, อาวารทินะฮฺ  -  กลับมา, อารจุนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ, มามฺ  -  แดข้า, อุเพทยะฺ  -  มาถึง, ทฺุ  -  แต่, คะอุนเทยะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางคุนที, พุนะฮ จันมะฺ  -  เกิดอีกครั้ง, นะฺ  -  ไม่เคย, วิดยะเทฺ  -  เกิดขึ้น

คำแปลฺ

จากดาวเคราะห์สูงสุดในโลกวัตถุลงไปถึงดาวเคราะห์ต่ำสุด  ทั้งหมดเป็นสถานที่แห่งความทุกข์ที่มีการเกิดและการตายซ้ำซาก  แต่ผู้ที่บรรลุถึงพระตำหนักของข้าโอ้  โอรสพระนางคุนที  จะไม่กลับมาเกิดอีก

คำอธิบายฺ

โยคีทั้งหมด  เช่น  คารมะ,  กยานะ,  ฮะทฺะ,ฺ  ฯลฯ  ในที่สุดต้องมาถึงความสมบูรณ์แห่งการอุทิศตนเสียสละใน  ภักดี-โยคะฺ  หรือคริชณะจิตสำนึก  ก่อนที่จะไปถึงพระตำหนักทิพย์ของชรีคริชณะและไม่ต้องกลับมา  พวกที่บรรลุถึงดาวเคราะห์วัตถุสูงสุดต่าง  ๆ  ของเทวดายังจะต้องกลับมาเกิดและตายครั้งแล้วครั้งเล่า  เหมือนกับบุคคลในโลกนี้ที่พัฒนาขึ้นไปสู่ดาวเคราะห์ที่สูงกว่า  ผู้คนในดาวเคราะห์ที่สูงกว่า  เช่น  บระฮมะโลคะ,ชันดระโลคะ  และ  อินดระโลคะ  ตกลงมาบนโลก  การปฏิบัติบูชาเรียกว่า  พันชากนิ-วิดยาฺแนะนำไว้ใน  ชฺานโดกยะ  อุพะนิชัดฺ  ช่วยให้บรรลุถึงบระฮมะโลคะ  หากอยู่ที่บระฮมะโลคะหรือพรหมโลกแล้วไม่เจริญในคริชณะจิตสำนึกเขาต้องกลับมาบนโลกอีก  พวกที่พัฒนาคริชณะจิตสำนึกบนดาวเคราะห์สูงจะพัฒนาสูงขึ้นไปเรื่อย  ๆ  และเมื่อถึงเวลาแห่งการทำลายล้างจักรวาล  จะถูกย้ายไปยังอาณาจักรทิพย์อมตะ  บะละเดวะ  วิดยาบูชะณะอธิบายใน  ภควัต-คีตาฺ  ของท่านโดยอ้างโศลกนี้

บระฮมะณา สะฮะ เท สารเว
สัมพราพเท พระทิสันชะแรฺ

พะรัสยานเท คริทาทมานะฮ
พระวิชชันทิ พะรัม พะดัมฺ

“เมื่อมีการทำลายล้างจักรวาลวัตถุ  พระพรหมและสาวกของท่านทั้งหมดที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ  จะถูกย้ายไปยังจักรวาลทิพย์  และไปยังดาวเคราะห์ทิพย์โดยเฉพาะตามที่ตนปรารถนา”

โศลก 17

สะฮัสระ-ยุกะ-พารยันทัม
อฮาร ยัด บระฮมะโณ วิดุฮฺ

ราทริม ยุกะ-สะฮัสรานทาม
เท โฮ-ราทระ-วิโด จะนาฮฺ

สะฮัสระฺ  -  หนึ่งพัน, ยุกะฺ  -  ยุค, พารยันทัมฺ  -  รวมทั้ง, อฮะฮฺ  -  วัน, ยัทฺ  -  ซึ่ง, บระฮมะณะฮฺ  -  ของพระพรหม, วิดุฮฺ  -  พวกเขารู้, ราทริมฺ  -  กลางคืน, ยุกะฺ  -  ยุค, สะฮัสระ-อันทามฺ  -  ในทำนองเดียวกัน, จบลงหลังหนึ่งพัน, เทฺ  -  พวกเขา, อฮะฮ-ราทระฺ  -  กลางวันและกลางคืน, วิดะฮฺ  -  ผู้เข้าใจ, จะนาฮฺ  -  ผู้คน

คำแปลฺ

จากการคำนวณของมนุษย์หนึ่งพันรอบรวมกันเป็นหนึ่งวันของพระพรหม  และระยะเวลาเดียวกันนี้ก็เป็นหนึ่งคืนของพระพรหม

คำอธิบายฺ

เวลาในจักรวาลวัตถุมีจำกัดและปรากฏในรอบของกัปหรือ  คัลพะฺ  หนึ่ง  คัลพะฺ  เป็นหนึ่งวันของพระพรหม  หนึ่งวันของพระพรหมประกอบไปด้วยหนึ่งพันรอบของสี่ยุคคือ  สัทยะยุค,  เทรทายุค,  ดวาพะระยุคฺ,  และ  คะลิยุคฺ  ลักษณะของ  สัทยะฺ  ยุค  คือมีความดี  มีปัญญา  และมีศาสนา  โดยทั่วไปยุคนี้จะไม่มีอวิชชาและความชั่ว  ยุคนี้มีระยะเวลา  1,728,000  ปี  ใน  เทรทา-ยุคฺ  ความชั่วเริ่มเข้ามา  ยุคนี้มีระยะเวลา  1,296,000ปี  ใน  ดวาพะระ-ยุคฺ  ความดีและศาสนาจะเสื่อมลงมาก  ความชั่วแผ่ขยาย  ยุคนี้มีระยะเวลา  864,000  ปี  ท้ายสุดใน  คะลิ-ยุคฺ  (ยุคที่เรามีประสบการณ์มากว่า  5,000  ปี)  จะมีการทะเลาะวิวาท  ต่อสู้  อวิชชา  ไร้ศาสนา  และความชั่วแพร่หลายมาก  ความดีที่แท้จริงเกือบหาไม่พบเลย  ยุคนี้มีระยะเวลา  432,000  ปี  ใน  คะลิ-ยุคฺ  ความชั่วแผ่ไพศาลไปจนถึงปลายยุค  และองค์ภควานเสด็จลงมาเองในรูปของ  คัลคิ  อวะทาระฺ  เพื่อขจัดเหล่ามารและช่วยสาวกไว้  จากนั้นก็เริ่มต้น  สัทยะ-ยุคฺ  ใหม่แล้ววิธีการเดียวกันนี้ดำเนินต่อไปอีกครั้ง  สี่ยุคนี้หมุนเวียนเปลี่ยนไปหนึ่งพันครั้งรวมกันเป็นหนึ่งวันของพระพรหม  และจำนวนเดียวกันนี้ก็รวมกันเป็นหนึ่งคืน  พระพรหมมีอายุขัยหนึ่งร้อย  “ปี”  เช่นนี้  จากนั้นพระพรหมสิ้นชีวิต  “หนึ่งร้อยปีเช่นนี้”  จากการคำนวณทางโลกรวมกันเป็น  311  ล้านล้าน40  พันล้านปีของโลก  เมื่อการคำนวณชีวิตของพระพรหมดูเหมือนยืนยาวไม่มีวันสิ้นสุด  แต่มองจากมุมอมตะ  ก็เป็นเพียงชั่วแวบเดียวเหมือนสายฟ้าแลบ  ในมหาสมุทรแหล่งกำเนิดมีพระพรหมจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นมาและจากไปเหมือนกับฟองน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติค  พระพรหมและการสร้างของท่านทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลวัตถุ  ดังนั้น  บรรดาพระพรหมจึงผ่านไปเรื่อย  ๆ

ในจักรวาลวัตถุแม้แต่พระพรหมยังไม่เป็นอิสระจากกรรมวิธีแห่งการเกิดความแก่  โรคภัยไข้เจ็บ  และความตาย  อย่างไรก็ดีพระพรหมทรงปฏิบัติในการรับใช้องค์ภควานโดยตรงด้วยการบริหารจักรวาลนี้  ฉะนั้น  ท่านจึงบรรลุความหลุดพ้นทันที  สันนยาสีฺ  ผู้เจริญก้าวหน้าจะได้รับการส่งเสริมไปที่ดาวเคราะห์โดยเฉพาะของพระพรหมชื่อ  บระฮมะโลคะ  ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สูงสุดในจักรวาลวัตถุ  ซึ่งมีอายุยืนยาวกว่าดาวเคราะห์สวรรค์ทั้งหลายในระดับชั้นที่สูงกว่าของระบบดาวเคราะห์  แต่พระพรหมรวมทั้งผู้อาศัยอยู่ที่บระฮมะโลคะทั้งหมดต้องพบกับความตายตามกาลเวลา  ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งธรรมชาติวัตถุ

โศลก 18

อัพยัคทาด วิยัคทะยะฮ สารวาฮ
พระบฺะวันทิ อฮาร-อากะเมฺ

ราทริ-อากะเม พระลียันเท
ทะไทรวาพยัคทะ-สัมกยะเคฺ

อัพยัคทาทฺ  -  จากที่ไม่ปรากฏ, วยัคทะยะฮฺ  -  สิ่งมีชีวิต, สารวาฮฺ  -  ทั้งหมด, พระบฺะวันทิฺ  -  ปรากฏออกมา, อฮะฮ-อากะเมฺ  -  ในตอนเริ่มต้นของวัน, ราทริ-อากะเมฺ  -  ตกตอนกลางคืน, พระลียันเทฺ  -  ถูกทำลาย, ทะทระฺ  -  ในนั้น, เอวะฺ  -  แน่นอน, อัพยัคทะฺ  -  ไม่ปรากฏ, สัมกยะเคฺ  -  ซึ่งเรียกว่า

คำแปลฺ

ในตอนเริ่มต้นวันของพระพรหม  สิ่งมีชีวิตทั้งหลายปรากฏออกมาจากสภาวะที่ไม่ปรากฏ  หลังจากนั้นเมื่อตกตอนกลางคืน  พวกเขาก็กลืนเข้าไปในการไม่ปรากฏอีกครั้งหนึ่ง

โศลก 19

บํูทะ-กรามะฮ สะ เอวายัม
บํูทวา บํูทวา พระลียะเทฺ

ราทริ-อากะเม วะชะฮ พารทฺะ
พระบฺะวะทิ อฮาร-อากะเมฺ

บํูทะ-กรามะฮฺ  -  การรวมกันของมวลชีวิต, สะฮฺ  -  เหล่านี้, เอวะฺ  -  แน่นอน, อยัมฺ  -  นี้, บํูทวา บํูทวาฺ  -  เกิดแล้วเกิดอีก, พระลียะเทฺ  -  ถูกทำลาย, ราทริฺ  -  ของเวลากลางคืน, อากะเมฺ  -  เข้ามา, อวะชะฮฺ  -  โดยปริยาย, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, พระบฺะวะทิฺ  -  ปรากฏออกมา, อฮะฮฺ  -  เวลากลางวัน, อากะเมฺ  -  เข้ามา

คำแปลฺ

ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเวลากลางวันของพระพรหมมาถึง  สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ปรากฏและเมื่อตอนกลางคืนของพระพรหมมาถึง  พวกเขาก็ถูกทำลายไปอย่างช่วยไม่ได้

คำอธิบายฺ

คนด้อยปัญญาพยายามจะอยู่ภายในโลกวัตถุนี้และอาจพัฒนาไปถึงดาวเคราะห์ที่สูงกว่า  จากนั้นต้องกลับลงมาที่โลกนี้อีกครั้งหนึ่ง  ในเวลากลางวันของพระพรหมพวกเขาสามารถทำกิจกรรมต่าง  ๆ  ในดาวเคราะห์เบื้องสูงและเบื้องต่ำภายในโลกวัตถุนี้  แต่เมื่อเวลากลางคืนของพระพรหมมาถึงทั้งหมดก็จะถูกทำลาย  ในเวลากลางวันพวกเขาได้รับร่างกายต่าง  ๆ  เพื่อทำกิจกรรมทางวัตถุและในตอนกลางคืนจะไม่มีร่างกายแต่จะอัดกันอยู่ในร่างของพระวิชณุ  จากนั้นจะปรากฏออกมาอีกครั้งหนึ่ง  เมื่อเวลากลางวันของพระพรหมมาถึง  บํูทวา  บํูทวา  พระลียะเทฺ  ในตอนกลางวันปรากฏและในตอนกลางคืนถูกทำลายลงอีก  ในที่สุดเมื่อชีวิตของพระพรหมจบสิ้นลงทั้งหมดถูกทำลายและจะไม่ปรากฏเป็นเวลาล้านล้านและล้านล้านปี  และเมื่อพระพรหมเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในอีกยุคหนึ่ง  พวกเขาก็ปรากฏขึ้นใหม่  เช่นนี้สิ่งมีชีวิตถูกทำให้หลงด้วยมนต์ขลังแห่งโลกวัตถุ  แต่ผู้มีปัญญาจะรับเอาคริชณะจิตสำนึกมาปฏิบัติและใช้เวลาของชีวิตมนุษย์อย่างเต็มที่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานด้วยการสวดภาวนา  ฮะเรคริชณะ  ฮะเร  คริชณะ  คริชณะ  คริชณะ  ฮะเร  ฮะเร  /  ฮะเร  รามะ  ฮะเร  รามะ  รามะ  รามะฮะเร  ฮะเร  ดังนั้น  แม้ในชีวิตนี้พวกนี้จะย้ายตนเองไปยังดาวเคราะห์ทิพย์ของคริชณะและมีความปลื้มปีติสุขชั่วกัลปวสาน  ณ  ที่นั้น  โดยไม่ถูกบังคับให้กลับมาเกิดอีก

โศลก 20

พะรัส ทัสมาท ทุ บฺาโว นโย
วิยัคโท วิยัททาท สะนาทะนะฮฺ

ยะฮ สะ สารเวชุ บํูเทชุ
นัชยัทสุ นะ วินัชยะทิฺ

พะระฮฺ  -  ทิพย์, ทัสมาทฺ  -  นั้น, ทฺุ  -  แต่, บฺาวะฮฺ  -  ธรรมชาติ, อันยะฮฺ  -  อีกอันหนึ่ง, อัพยัคทะฮฺ  -  ไม่ปรากฏ, อัพยัคทาทฺ  -  แด่ที่ไม่ปรากฏ, สะนาทะนะฮฺ  -  อมตะ, ยะฮ สะฮฺ  -  ซึ่ง, สารเวชฺุ  -  ทั้งหมด, บํูเทชฺุ  -  ปรากฏการณ์, นัชยัทสฺุ  -  ถูกทำลาย, นะฺ  -  ไม่เคย, วินัชยะทิฺ  -  ถูกทำลาย

คำแปลฺ

ถึงกระนั้นยังมีอีกธรรมชาติหนึ่งที่ไม่ปรากฏ  เป็นอมตะ  และเป็นทิพย์อยู่เหนือวัตถุที่ปรากฏและไม่ปรากฏนี้  เป็นสถานที่สูงสุด  และไม่มีวันถูกทำลาย  เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ถูกทำลาย  ส่วนนั้นยังคงเหมือนเดิม

คำอธิบายฺ

พลังงานทิพย์ที่สูงกว่าของคริชณะเป็นทิพย์และเป็นอมตะ  อยู่เหนือการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของธรรมชาติวัตถุที่ปรากฏออกมาในเวลากลางวันและจะถูกทำลายในเวลากลางคืนของพระพรหม  พลังงานเบื้องสูงของคริชณะมีคุณสมบัติตรงกันข้ามกับธรรมชาติวัตถุโดยสิ้นเชิง  ธรรมชาติที่สูงกว่าและธรรมชาติที่ต่ำกว่านี้ได้อธิบายไว้ในบทที่เจ็ด

โศลก 21

อัพยัคโท คชะระ อิทิ อุคทัส
ทัม อาฮุฮ พะระมาม กะทิมฺ

ยัม พราพยะ นะ นิวารทันเท
ทัด ดฺามะ พะระมัม มะมะฺ

อัพยัคทะฮฺ  -  ไม่ปรากฏ, อัคชะระฮฺ  -  ไม่มีผิดพลาด, อิทิฺ  -  ดังนั้น, อุคทะฮฺ  -  กล่าวไว้ว่า, ทัมฺ  -  นั้น, อาฮุฮฺ  -  รู้, พะระมามฺ  -  สูงสุด, กะทิมฺ  -  จุดมุ่งหมาย, ยัมฺ  -  ซึ่ง, พราพยะฺ  -  ได้รับ, นะฺ  -  ไม่เคย, นิวารทันเทฺ  -  กลับมา, ทัทฺ  -  นั้น, ดฺามะฺ  -  ตำหนัก, พะระมัมฺ  -  สูงสุด, มะมะฺ  -  ของข้า

คำแปลฺ

สถานที่ซึ่งผู้รู้พระเวทอธิบายว่าไม่ปรากฏ  ไม่มีข้อผิดพลาด  และเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด  สถานที่ซึ่งเมื่อไปถึงแล้ว  เขาจะไม่กลับมาอีก  นั่นคือพระตำหนักสูงสุดของข้า

คำอธิบายฺ

พระตำหนักสูงสุดของคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า  ได้อธิบายไว้ใน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ว่าเป็น  ชินทามะณิ-ดฺามะฺ  สถานที่ที่ความปรารถนาทั้งหมดได้รับการตอบสนอง  พระตำหนักสูงสุดขององค์ชรีคริชณะมีชื่อว่า  โกโลคะ  วรินดาวะนะ  ซึ่งเต็มไปด้วยราชวังที่ทำด้วยมณีทิพย์  มีต้นไม้เรียกว่า  “ต้นสมใจนึก”  ที่ให้ผลทุกชนิดตามอุปสงค์ของเรา  มีฝูงวัวชื่อ  สุระบิฺฺ  ที่ให้ปริมาณนำ้นมอย่างไม่จำกัด  ณ  ที่พระตำหนักนี้มีเทพธิดาแห่งโชคลาภ  (ลัคชมี)  เป็นร้อย  ๆ  พัน  ๆ  องค์คอยรับใช้  องค์ภควานทรงพระนามว่าโกวินดะ  พระปฐมองค์เจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง  ทรงเคยชินอยู่กับการทรงขลุ่ย  (เวณุม  ควะณันทัมฺ)  รูปลักษณ์ทิพย์ของพระองค์มีเสน่ห์สูงสุดในทั่วทุกโลก  พระเนตรของพระองค์คล้ายกลีบดอกบัว  สีผิวคล้ายสีเมฆ  ทรงมีเสน่ห์มากจนความสง่างามของพระองค์นั้นล้ำเลิศเกินกว่ากามเทพเป็นพัน  ๆ  องค์  พระองค์ทรงอาภรณ์สีส้ม  มีพวงมาลัยคล้องคอ  และมีหางนกยูงประดับบนพระเศียร  ใน  ภควัต-คีตาฺองค์คริชณะทรงเกริ่นเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับพระตำหนักส่วนพระองค์  โกโลคะ  วิรินดา-วะนะ  ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สูงสุดในโลกทิพย์  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ได้พรรณนาไว้อย่างชัดเจนวรรณกรรมพระเวท  (คะทฺะ  อุพะนิชัด  1.3.11ฺ)  กล่าวว่าไม่มีสิ่งอื่นใดเหนือไปกว่าพระตำหนักขององค์ภควาน  และพระตำหนักนั้นคือจุดมุ่งหมายสูงสุด  (พุรุชาน  นะ  พะรัม  คิน  ชิท  สา  คาชทฺา  พะระมา  กะทิฮฺ)  เมื่อผู้ใดบรรลุถึงจะไม่กลับมาในโลกวัตถุนี้อีก  พระตำหนักสูงสุดของคริชณะและพระวรกายของคริชณะไม่มีข้อแตกต่าง  เพราะมีคุณสมบัติเหมือนกัน  ในโลกนี้  วรินดาวะนะ  อยู่ห่างจากรุงเดลฮี  ไปทางตะวันออกเฉียงใต้เก้าสิบไมล์ซึ่งเป็นรูปจำลองของ  โกโลคะ  วรินดาวะนะ  สูงสุดจากท้องฟ้าทิพย์  เมื่อคริชณะเสด็จมาบนโลกนี้  พระองค์ทรงเล่นกีฬาบนแผ่นดินที่มีชื่อว่า  วรินดาวะนะ  โดยเฉพาะ  ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณแปดสิบสี่ตารางไมล์ในจังหวัดมะทํุรา  ประเทศอินเดีย

โศลก 22

พุรุชะฮ สะ พะระฮ พารทฺะ
บัฺคธยา ลับฺยัส ทุ อนันยะยาฺ

ยัสยานทะฮ-สทฺานิ บํูทานิ
เยนะ สารวัม อิดัม ทะทัมฺ

พุรุชะฮฺ  -  บุคลิกภาพสูงสุด, สะฮฺ  -  เขา, พะระฮฺ  -  องค์ภควานซึ่งไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่า, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, บัฺคธยาฺ  -  ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้, ลับฺยะฮฺ  -  สามารถบรรลุถึง, ทะฺ  -  แต่, อนันยะยาฺ  -  มีมีสิ่งใดเจือปน, ไม่บ่ายเบี่ยง, ยัสยะฺ  -  ผู้ซึ่ง, อันทะฮ-สทฺานิฺ  -  ภายใน, บํูทานิฺ  -  ปรากฏการณ์ทางวัตถุทั้งหมด, เยนะฺ  -  โดยผู้ซึ่ง, สารวัมฺ  -  ทั้งหมด, อิดัมฺ  -  อะไรก็แล้วแต่ที่เราสามารถเห็น, ทะทัมฺ  -  แผ่กระจาย

คำแปลฺ

บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าทุก  ๆ  คน  บรรลุถึงได้ด้วยการอุทิศตนเสียสละที่บริสุทธิ์  แม้ว่าทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักของพระองค์  พระองค์ยังทรงแผ่กระจายไปทั่ว  และทุกสิ่งทุกอย่างสถิตในพระองค์

คำอธิบายฺ

ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ว่าจุดมุ่งหมายสูงสุด  สถานที่ซึ่งไปถึงแล้วจะไม่ต้องกลับมา  คือพระตำหนักของคริชณะองค์ภควาน  บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  ได้อธิบายพระตำหนักสูงสุดนี้ว่าเป็น  อานันดะ-ชินมะยะ-ระสะฺ  สถานที่ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุขทิพย์  ความหลากหลายแตกต่างทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ที่นั่นมีคุณสมบัติแห่งความปลื้มปีติสุขทิพย์  ไม่มีสิ่งใดเป็นวัตถุ  ความหลากหลายแผ่ขยายออกไป  ดังเช่นการแผ่ขยายทิพย์ขององค์ภควานเอง  เพราะว่าปรากฏการณ์ที่นั่นมาจากพลังงานทิพย์ล้วน  ๆ  ดังได้อธิบายไว้ในบทที่เจ็ด  สำหรับโลกวัตถุนี้  แม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักสูงสุดของพระองค์เสมอ  ยังทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยพลังงานวัตถุดังนั้น  ด้วยพลังงานทิพย์และพลังงานวัตถุของคริชณะ  พระองค์จึงทรงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งทั้งในจักรวาลวัตถุและในจักรวาลทิพย์  ยัสยานทะฮ-สทฺานิฺ  หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการค้ำจุนอยู่ภายในพระองค์  ไม่ว่าภายในพลังงานทิพย์หรือภายในพลังงานวัตถุของพระองค์  องค์ภควานทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยพลังงานทั้งสองนี้

การบรรลุถึงพระตำหนักสูงสุดของคริชณะหรือดาวเคราะห์ไวคุณทธฺะ  ที่นับจำนวนไม่ถ้วนเป็นไปได้ด้วย  บัฺคธิฺ  หรือการอุทิศตนเสียสละเท่านั้น  ดังที่ได้แสดงไว้อย่างชัดเจน  ณ  ที่นี้ด้วยคำว่า  บัฺคยาฺ  ไม่มีวิธีอื่นใดสามารถช่วยเราให้บรรลุถึงพระตำหนักสูงสุดนั้นได้  คัมภีร์พระเวท  (โกพาละ-ทาพะนี  อุพะนิชัดฺ  1.21)  ได้อธิบายถึงพระตำหนักสูงสุดและบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าไว้เช่นกันว่า  เอโค  วะชี  สารวะ-กะฮ  คริชณะฮฺในพระตำหนักนั้นมีบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นผู้ทรงพระนามว่าคริชณะ  พระองค์ทรงเป็นพระปฏิมาผู้มีพระเมตตาสูงสุด  ถึงแม้สถิตอยู่  ณ  ที่นั้นเป็นหนึ่ง  ทรงแบ่งภาคของพระองค์เองเป็นล้าน  ๆ  และล้าน  ๆ  ภาคออกไปโดยสมบูรณ์คัมภีร์พระเวทเปรียบเทียบองค์ภควานเหมือนกับต้นไม้ที่ยืนอยู่นิ่ง  ๆ  แต่มีผลไม้  ดอกไม้และการสลับสับเปลี่ยนใบอย่างหลากหลายมากมาก  ภาคที่แบ่งแยกโดยสมบูรณ์ขององค์ภควานผู้ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดแห่งดาวเคราะห์ไวคุณธฺะต่าง  ๆ  ทรงมีสี่กร  และทรงมีพระนามต่าง  ๆ  กัน  เช่น  พุรุโชททะมะ,  ทริวิคระมะ,  เคชะวะ,  มาดฺะวะ,  อนิรุดดฺะ,  ฮริชีเคชะ,  สังคารชะณะ,  พรัดยุมนะ,  ชรีดฺะระ,  วาสุเดวะ,  ดาโมดะระ,  จะนารดะนะ,  นารายะณะ,  วามะนะ,  พัดมะนาบฺะ  ฯลฯ

บระฮมะ-สัมฮิทาฺ  (5.37)  ได้ยืนยันไว้ว่า  ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักสูงสุด  โกโลคะ  วรินดาวะนะ  เสมอ  พระองค์ทรงแผ่กระจายไปทั่วเพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะได้ดำเนินไปด้วยดี  (โกโลคะ  เอวะ  นิวะสะทิ  อคิลาทมะ-บํูทะฮฺ)  ดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวท  (ชเวทาชวะทะระ  อุพะนิชัดฺ  6.8)  พะราสยะ  ชัคทิร  วิวิไดฺวะ  ชรูยะเท/  สวาบฺาวิคี  กยานะ-บะละ-คริยา  ชะฺ  พลังงานต่าง  ๆ  ของพระองค์ทรงแผ่กระจายไปทั่วจนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในปรากฏการณ์ทางจักรวาลดำเนินไปอย่างเป็นระบบ  ปราศจากข้อบกพร่อง  ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ไกลแสนไกล

โศลก 23

ยะทระ คาเล ทุ อนาวริททิม
อาวริททิม ไชวะ โยกินะฮฺ

พระยาทา ยานทิ ทัม คาลัม
วัคชยามิ บฺะระทารชะบฺะฺ

ยะทระฺ  -  ที่ซึ่ง, คาเลฺ  -  กาลเวลา, ทฺุ  -  และ, อนาวริททิมฺ  -  ไม่กลับมา, อาวริททิมฺ  -  กลับมา, ชะฺ  -  เช่นกัน, เอวะฺ  -  แน่นอน, โยกินะฮฺ  -  โยคีประเภทต่าง ๆ, พระยาทาฮฺ  -  ล่วงลับไปแล้ว, ยานทิฺ  -  บรรลุ, ทัมฺ  -  นั้น, คาลัมฺ  -  กาลเวลา, วัคชยามิฺ  -  ข้าจะอธิบาย, บฺะระทะ-ริชะบฺะฺ  -  โอ้ผู้ยอดเยี่ยมในหมู่ บฺาระทะ

คำแปลฺ

โอ้  ผู้ยอดเยี่ยมแห่งบฺาระทะ  บัดนี้ข้าจะอธิบายแด่เธอถึงช่วงเวลาต่าง  ๆ  ซึ่งเมื่อล่วงลับไปจากโลกนี้  โยคีจะกลับหรือไม่กลับมาอีก

คำอธิบายฺ

เหล่าสาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควานผู้เป็นดวงวิญญาณที่ศิโรราบโดยดุษฎีไม่สนใจว่าเมื่อใดจะออกจากร่างนี้หรือจะไปด้วยวิธีใด  ท่านปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในพระหัตถ์ของคริชณะ  ดังนั้น  จึงกลับคืนสู่องค์ภควานได้อย่างง่ายดายและมีความสุข  แต่พวกที่ไม่ใช่สาวกผู้บริสุทธิ์ต้องขึ้นอยู่กับวิธีต่าง  ๆ  แห่งการรู้แจ้งทิพย์  เช่น  คาระมะ-  โยกะ,  กยานะ-โยกะฺ,  และ  ฮะทฺะ-โยกะฺ  และต้องออกจากร่างนี้ไปในเวลาที่เหมาะสมจึงมั่นใจว่าจะกลับหรือไม่กลับมาในโลกแห่งการเกิดและการตายนี้อีก

หากโยคีมีความสมบูรณ์  เขาสามารถเลือกเวลาและสภาวะในการออกจากโลกวัตถุนี้ไปได้  แต่หากว่าไม่มีความชำนาญเพียงพอ  ความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับอุบัติเหตุในการจากไปในเวลาที่เหมาะสมโดยเฉพาะ  เวลาที่เหมาะสมขณะจากไปและจะไม่กลับมาองค์ภควานทรงอธิบายไว้ในโศลกต่อไป  ตาม  อาชารยะ  บะละเดวะ  วิดยาบํูชะณะ  คำสันสกฤต  คาละฺ  ที่ใช้  ณ  ที่นี้หมายถึงพระปฏิมาผู้ทรงเป็นประมุขแห่งกาลเวลา

โศลก 24

อักนิร จโยทิร อฮะฮ ชุคละฮ
ชัน-มาสา อุททะรายะณัมฺ

ทะทระ พระยาทา กัชชัฺนทิ
บระฮมะ บระฮมะ-วิโด จะนาฮฺ

อักนิฮฺ  -  ไฟ, จโยทิฮฺ  -  แสง, อฮะฮฺ  -  กลางวัน, ชุคละฮฺ  -  ปักษ์ขาว, ชัทฺ  -  มาสาฮฺ  -  หกเดือน, อุททะระฺ  -  อยะนัมฺ  -  เมื่อพระอาทิตย์ผ่านไปทางทิศเหนือ, ทะทระฺ  -  ที่นั่น, พระยาทาฮฺ  -  พวกที่จากไป, กัชชัฺนทิฺ  -  ไป, บระฮมะฺ  -  สัจธรรม, บระฮมะ-วิดะฮฺ  -  ผู้รู้สัจธรรม, จะนาฮฺ  -  บุคคลเหล่านั้น

คำแปลฺ

พวกที่รู้  บระฮมัน  สูงสุดบรรลุถึงจุดสูงสุดนั้นด้วยการออกไปจากโลกในระหว่างช่วงเวลาที่เจ้าแห่งไฟมีอิทธิพล  ในแสงสว่าง  ในเวลาที่เป็นมงคลแห่งวัน  ระหว่างปักษ์ข้างขึ้น  หรือระหว่างหกเดือนเมื่อดวงอาทิตย์โคจรไปทางทิศเหนือ

คำอธิบายฺ

เมื่อไฟ  แสง  วัน  และปักษ์ของดวงจันทร์ได้กล่าวไว้  เข้าใจได้ว่าทั้งหมดต่างมีพระปฏิมาผู้ทรงเป็นประมุขและจัดเตรียมเพื่อการเดินทางของดวงวิญญาณ  ในขณะที่กำลังตายจิตใจจะนำพาเขาไปบนวิถีทางแห่งชีวิตใหม่  หากออกจากร่างตามเวลาที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น  ไม่ว่าด้วยอุบัติเหตุหรือด้วยการจัดเตรียม  เป็นไปได้ที่เขาจะบรรลุถึง  บระฮมะจโยทิฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์  พวกโยคีที่เจริญก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติโยคะสามารถตระเตรียมเวลาและสถานที่ในการออกจากร่าง  ผู้อื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้  หากเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้ออกจากร่างในเวลาที่เป็นมงคล  ก็จะไม่ต้องกลับมาในวัฎจักรแห่งการเกิดและการตาย  มิฉะนั้น  เป็นไปได้อย่างสูงว่าพวกเขาต้องกลับมาอีก  อย่างไรก็ดีสำหรับสาวกผู้บริสุทธิ์ในคริชณะจิตสำนึกจะไม่มีความกลัวในการกลับมา  ไม่ว่าออกจากร่างนี้ไปในเวลาที่เป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคล  ด้วยอุบัติเหตุหรือด้วยการจัดเตรียม

โศลก 25

ดํูโม ราทริส ทะทฺา คริชณะฮ
ชัณ-มาสา ดัคชินายะนัมฺ

ทะทระ ชานดระมะสัม จโยทิร
โยกี พราพยะ นิวารทะเทฺ

ดํูมะฮฺ  -  ควัน, ราทริฮ-กลางคืน, ทะทฺาฺ  -  เช่นกัน, คริชณะฮฺ  -  ปักษ์ของเดือนมืด, ชัทฺ  -  มาสาฮฺ  -  หกเดือน, ดัคชิณะ-อยะนัมฺ  -  เมื่อดวงอาทิตย์ผ่ายไปทางทิศใต้, ทะทระฺ  -  ที่นั่น, ชานดระฺ  -  มะสัมฺ  -  ดวงจันทร์, จโยทิรฺ  -  แสง, โยกีฺ  -  โยคี, พราพยะฺ  -  ได้รับ, นิวารทะเทฺ  -  กลับมา

คำแปลฺ

โยคีผู้จากโลกนี้ไปในเวลากลางคืน  ระหว่างที่มีควัน  ในปักษ์ข้างแรม  หรือในหกเดือนที่ดวงอาทิตย์ผ่านไปทางทิศใต้โคจรไปทางดวงจันทร์  จะต้องกลับมาอีก

คำอธิบายฺ

ในภาคสามของ  ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ  คะพิละ  มุนิ  ทรงกล่าวถึงผู้ที่มีความชำนาญในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ  และวิธีการบูชาต่าง  ๆ  ในโลกเพื่อบรรลุถึงดวงจันทร์หลังจากตายไป  วิญญาณผู้เจริญเหล่านี้อยู่ที่ดวงจันทร์ประมาณ  10,000  ปี  (จากการคำนวณของเทวดา)  และมีชีวิตอยู่กับความสุขด้วยการดื่ม  โสมะ-ระสะฺ  ในที่สุดพวกเขาจะกลับมาในโลกนี้อีก  เช่นนี้หมายความว่าบนดวงจันทร์มีสิ่งมีชีวิตระดับที่สูงกว่า  ถึงแม้ไม่อาจสำเหนียกได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หยาบ

โศลก 26

ชุคละ-คริชเณ กระทะ ฮิ เอเท
จะกะทะฮ ชาชวะเท มะเทฺ

เอคะยา ยาทิ อนาวริททิม
อันยะยาวารทะเท พุนะฮฺ

ชุคละฺ  -  แสงสว่าง, คริชเณฺ  -  และความมืด, กะทีฺ  -  วิธีการจากไป, ฮิฺ  -  แน่นอน, เอเทฺ  -  ทั้งสอง, จะกะทะฮฺ  -  ของโลกวัตถุ, ชาชวะเทฺ  -  ของคัมภีร์พระเวท, มะเทฺ  -  ในความเห็น, เอคะ ยาฺ  -  ของผู้หนึ่ง, ยาทิ-ไป, อนาวริททิมฺ  -  ไม่มีการกลับ, อันยะยาฺ  -  ของอีกผู้หนึ่ง, อาวาร- ทะเทฺ  -  กลับมา, พุนะฮฺ  -  อีกครั้งหนึ่ง

คำแปลฺ

ตามความเห็นของคัมภีร์พระเวทมีสองวิธีในการจากโลกนี้ไป  วิธีหนึ่งจากไปในแสงสว่าง  และอีกวิธีหนึ่งจากไปในความมืด  เมื่อผู้ใดจากไปในแสงสว่างเขาไม่ต้องกลับมา  แต่เมื่อผู้ใดจากไปในความมืดเขาจะกลับมา

คำอธิบายฺ

เกี่ยวกับการจากไปและการกลับมานี้  อาชารยะ  บะละเดวะ  วิดยาบํูชะณะ  ได้อ้างอิงจาก  ชฺานโดกยะ  อุพะนิชัดฺ  (5.10.3-5)  ว่า  พวกที่ทำงานเพื่อผลทางวัตถุ  และพวกที่คาดคะเนทางปรัชญา  จะไป  ๆ  มา  ๆ  อยู่เสมอตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์  อันที่จริงพวกนี้ไม่บรรลุถึงความหลุดพ้นสูงสุด  เพราะว่าไ่ม่ได้ศิโรราบต่อคริชณะ

โศลก 27

ไนเท สริที พารทฺะ จานัม
โยกี มุฮยะทิ คัชชะนะฺ

ทัสมาท สารเวชุ คาเลชุ
โยกะ-ยุคโท บฺะวารจุนะฺ

ะฺ  -  ไม่เคย, เอเทฺ  -  ทั้งสอง, สริทีฺ  -  วิถีทางต่างกัน, พารทฺะฺ  -  โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, จานัมฺ  -  ถึงแม้ว่าเขารู้, โยกีฺ  -  สาวกขององค์ภควาน, มุฮยะทิฺ  -  สับสน, คัชชะนะฺ  -  ผู้ใด, ทัสมาทฺ  -  ดังนั้น, สารเวชุ-คาเลชฺุ  -  เสมอ, โยกะ-ยุคทะฮฺ  -  ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก, บฺะวะฺ  -  เพียงแต่มาเป็น, อารจะนะฺ  -  โอ้ อารจุนะ

คำแปลฺ

ถึงแม้สาวกทราบสองวิธีนี้  โอ้  อารจุนะ  พวกเขาไม่สับสน  ดังนั้น  จงตั้งมั่นตลอดเวลาอยู่ในการอุทิศตนเสียสละ

คำอธิบายฺ

ณ  ที่นี้  คริชณะทรงแนะนำอารจุนะว่า  ไม่ควรวิตกกับวิถีทางต่าง  ๆ  ที่ดวงวิญญาณจะเดินทางไปขณะออกจากโลกวัตถุ  สาวกขององค์ภควานไม่ควรกังวลว่าจะจากไปด้วยการตระเตรียมหรือด้วยอุบัติเหตุ  แต่ควรสถิตอย่างมั่นคงในคริชณะจิตสำนึกโดยสวดภาวนา  ฮะเร  คริชณะ  และควรรู้ว่าการวิตกกังวลในทั้งสองวิถีทางนี้มีแต่ปัญหาวิธีที่ดีที่สุดคือซึมซาบอยู่ในคริชณะจิตสำนึก  และประสานทุกสิ่งทุกอย่างในการรับใช้พระองค์  เช่นนี้จะทำให้วิถีทางที่จะไปสู่อาณาจักรทิพย์ปลอดภัยแน่นอน  และโดยตรงคำว่า  โยกะ-ยุคทะฺ  มีความสำคัญอย่างยิ่งในโศลกนี้  ผู้ที่มีความมั่นคงในโยคะจะปฏิบัติกิจกรรมทั้งหมดในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ  ชรี  รูพะ  โกสวามี  แนะนำว่า  อนาสัคทัส  ยะฺ  วิชะยาน  ยะทฺารฮัม  อุพะยุนจะทะฮฺ  เราไม่ควรยึดติดอยู่ในภารกิจทางวัตถุ  และทำทุกสิ่งทุกอย่างในคริชณะจิตสำนึก  ด้วยระบบที่เรียกว่า  ยุคทะ-ไวรากยะฺ  นี่  เราจะบรรลุถึงความสมบูรณ์  ดังนั้น  สาวกไม่วิตกกับคำอธิบายเหล่านี้  เพราะทราบว่าการที่จะไปยังพระตำหนักสูงสุดรับประกันด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้

โศลก 28

เวเดชุ ยะกเยชชุ ทะพะฮสุ ไชวะ
ดาเนชุ ยัท พุณยะ-พฺะลัม พระดิชทัมฺ

อัทเยทิ ทัท สารวัม อิดัม วิดิทวา
โยกี พะรัม สทฺานัม อุไพทิ ชาดยัมฺ

เวเดชฺุ  -  ในการศึกษาคัมภีร์พระเวท, ยะกเยชฺุ  -  ในการปฏิบัติ ยะกยะฺ, การบูชา, ทะพะฮสฺุ  -  ในการปฏิบัติสมถะวิธีต่าง ๆ, ชะ-เช่นกันฺ, เอวะฺ  -  แน่นอน, ดาเนชฺุ  -  ในการให้ทาน, ยัทฺ  -  ซึ่ง, พุณยะ-พะลัมฺ  -  ผลบุญ, พระดิชทัมฺ  -  แสดง, อัทเยทิฺ  -  ข้ามพ้น, ทัท สารวัมฺ  -  เหล่านี้ทั้งหมด, อิดัมฺ  -  นี้, วิดิทวาฺ  -  รู้, โยกีฺ  -  สาวก, พะรัมฺ  -  สูงสุด, สทฺานัมฺ  -  พระตำหนัก, อุไพทิฺ  -  บรรลุ, ชะฺ  -  เช่นกัน, อาดยัมฺ  -  เดิม

คำแปลฺ

บุคคลผู้รับเอาวิถีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้มาปฏิบัติ  จะไม่สูญเสียผลที่ได้รับจากการศึกษาคัมภีร์พระเวท  ปฏิบัติพิธีบูชา  ปฏิบัติความเพียร  ให้ทานหรือแสวงหาปรัชญาความรู้  และกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ  เพียงแต่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เขาจะบรรลุถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด  และในที่สุดจะบรรลุถึงพระตำหนักนิรันดรสูงสุด

คำอธิบายฺ

โศลกนี้เป็นการสรุปบทที่เจ็ดและบทที่แปด  ซึ่งพูดถึงคริชณะจิตสำนึกและการอุทิศตนเสียสละรับใช้โดยเฉพาะ  เราต้องศึกษาคัมภีร์พระเวทภายใต้การนำของพระอาจารย์ทิพย์  ปฏิบัติสมถะและบำเพ็ญเพียรอย่างมากในขณะที่อยู่ภายใต้การดูแลของพระอาจารย์  บระฮมะชารีฺ  ต้องอยู่ในบ้านของพระอาจารย์ทิพย์เหมือนเป็นผู้รับใช้  และต้องออกไปภิกขาจารตามบ้าน  นำสิ่งของมาให้พระอาจารย์  รับประทานอาหารตามคำสั่งของพระอาจารย์เท่านั้น  หากพระอาจารย์ละเลยไม่เรียกศิษย์มารับประทาน  ศิษย์จะอดอาหารในวันนั้น  เหล่านี้คือหลักธรรมพระเวทบางประการที่บระฮมะชารยะฺ  ฝึกปฏิบัติ

หลังจากศิษย์ศึกษาคัมภีร์พระเวทอยู่กับพระอาจารย์  จากอายุห้าปีจนถึงอายุยี่สิบปีเขาอาจกลายมาเป็นสุภาพบุรุษผู้มีบุคลิกที่สมบูรณ์  การศึกษาคัมภีร์พระเวทมิใช่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจเหมือนนักคาดคะเนที่นั่งบนเก้าอี้นวม  แต่เป็นไปเพื่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิก  หลังจากได้รับการฝึกฝนเช่นนี้  บระฮมะชารีฺ  จะได้รับอนุญาตให้ไปแต่งงานและใช้ชีวิตคฤหัสถ์  เมื่อเป็นคฤหัสถ์เขาต้องปฏิบัติการบูชาต่าง  ๆ  เพื่อบรรลุถึงความรู้แจ้งยิ่งขึ้น  และต้องให้ทานตามภูมิประเทศ  ตามกาลเวลา  และตามผู้ปรารถนาโดยรู้จักแยกแยะระหว่างการให้ทานในความดี  ในตัณหา  และอวิชชา  ดังที่ได้อธิบายไว้ใน  ภควัต-คีตาฺ  หลังจากเกษียณจากชีวิตคฤหัสถ์เมื่อรับเอาระดับของ  วานะพรัสทฺะฺ  มาปฏิบัติ  เขาจะบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดไปอยู่ในป่า  นุ่งห่มด้วยใบไม้  ไม่โกนหนวดเคราฯลฯ  จากการรับเอาระดับ  บระฮมะชารยะฺ,  คฤหัสถ์,  วานะพรัสทฺะฺ,  แลในที่สุด  สันนยาสะฺมาปฏิบัติ  เขาจะพัฒนาไปสู่ระดับชีวิตที่สมบูรณ์  บางคนพัฒนาไปยังอาณาจักรสวรรค์และเมื่อเจริญมากยิ่งขึ้น  จะได้รับอิสรภาพในท้องฟ้าทิพย์  อาจอยู่ใน  บระฮมะจโยทิฺ  ที่ไร้รูปลักษณ์  ในดาวเคราะห์ไวคุณธะ  หรือในคริชณะโลคะ  นี่คือวิถีทางที่วรรณกรรมพระเวทได้กำหนดไว้

อย่างไรก็ดี  ความสวยงามของคริชณะจิตสำนึกคือ  จากการกระทำเพียงสิ่งเดียว  ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้  เราสามารถข้ามพ้นพิธีกรรมต่าง  ๆ  รวมทั้งระดับชีวิตต่าง  ๆ  ทั้งหมด

คำว่า  อิดัม  วิดิทวาฺ  แสดงให้เห็นว่าเราควรเข้าใจคำสั่งสอนที่ชรีคริชณะทรงให้ไว้ในบทนี้และบทที่เจ็ดของ  ภควัต-คีตาฺ  เราควรพยายามเข้าใจบทเหล่านี้มิใช่แบบวิชาการ  หรือแบบคาดคะเนทางจิต  แต่จากการสดับฟังในการคบหาสมาคมกับเหล่าสาวก  บทที่หกถึงบทที่สิบสองเป็นสาระสำคัญของ  ภควัต-คีตาฺ  หกบทแรกและหกบทสุดท้ายเหมือนกับปกหน้าและปกหลังที่ห่อหุ้มหกบทกลาง  ซึ่งองค์ภควานทรงเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองโดยเฉพาะ  หากใครโชคดีพอที่เข้าใจ  ภควัต-คีตาฺ  โดยเฉพาะในหกบทกลางนี้  ด้วยการคบหาสมาคมกับเหล่าสาวก  ชีวิตของเขาจะได้รับการสรรเสริญเหนือการบำเพ็ญเพียร  การทำพิธีบูชา  การให้ทาน  การคาดคะเนทั้งหลายทั้งปวง  ฯลฯ  เพราะเขาสามารถบรรลุถึงผลแห่งกิจกรรมเหล่านี้ทั้งหมด  ด้วยเพียงแต่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้น

ผู้ที่มีความศรัทธาบ้างใน  ภควัต-คีตาฺ  ควรเรียนรู้  ภควัต-คีตาฺ  จากสาวกเพราะในตอนต้นของบทที่สี่ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า  เหล่าสาวกเท่านั้นที่สามารถเข้าใจ  ภควัต-คีตาฺ  ไม่มีผู้ใดเข้าใจจุดมุ่งหมายของ  ภควัต-คีตาฺ  อย่างสมบูรณ์  ดังนั้น  เราควรเรียนรู้  ภควัต-คีตาฺ  จากสาวกของคริชณะมิใช่จากนักคาดคะเนทางจิต  นี่คือลักษณะแห่งความศรัทธา  หลังจากแสวงหาสาวกและในที่สุดได้มาคบสมาคมกับสาวก  เมื่อนั้นจึงเริ่มต้นการศึกษา  และเข้าใจ  ภควัต-คีตาฺ  อย่างแท้จริง  จากความเจริญก้าวหน้าในการมาคบหาสมาคมกับสาวก  เขาถูกวางตัวในการอุทิศตนเสียสละ  และการรับใช้นั้นจะปัดเป่าความสงสัยทั้งหลายที่ตนเองมีอยู่เกี่ยวกับคริชณะหรือองค์ภควาน  เกี่ยวกับกิจกรรม  รูปลักษณ์  ลีลา  พระนาม  และ  ฯลฯ  ของคริชณะ  หลังจากความสงสัยทั้งหลายเหล่านี้ได้ถูกทำให้กระจ่างขึ้นโดยสมบูรณ์  เขาตั้งมั่นในการศึกษา  จากนั้น  จะได้รับรสในการศึกษา  ภควัต-คีตาฺ  และบรรลุถึงระดับแห่งความรู้สึกอยู่ในคริชณะจิตสำนึกเสมอในระดับที่เจริญมากขึ้น  เขาจะอยู่ในความรักกับคริชณะโดยสมบูรณ์  ระดับแห่งความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิตนี้  สาวกจะย้ายไปยังพระตำหนักทิพย์ของคริชณะในท้องฟ้าทิพย์โกโลคะ  วรินดาวะนะ  สถานที่ที่สาวกมีความสุขนิรันดร

ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดยบัฺคธิเวดันธะ บทที่แปดของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทาในหัวข้อเรื่อง การบรรลุถึงองค์ภควานฺ