บทที่ แปด
การบรรลุถึงองค์ภควาน
อารจุนะ อุวาชะฺ
คิม ทัด บระฮมะ คิม อัดฺยาทมัม
คิม คารมะ พุรุ โชททะมะฺ
อดิฺบํูทัม ชะ คิม โพรคทัม
อดิฺไดวัม คิม อุชยะเทฺ
อารจุนะฮ อุวาชะฺ - อารจุนะตรัส, คิม-อะไรฺ, ทัทฺ - นั้น,บระฮมะฺ - บระฮมัน, คิมฺ - อะไร, อัดฺยาทมัมฺ - ตัวเรา, คิมฺ - อะไร, คารมะฺ - กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, พุรุชะฺ - อุททะมะฺ - โอ้บุคคลสูงสุด, อดิฺบํูทัมฺ - ปรากฏการณ์ทางวัตถุ, ชะฺ - และ, คิมฺ - อะไร, โพรคทัมฺ - เรียกว่า, อดิฺไดวัมฺ - เหล่าเทวดา, คิมฺ - อะไร, อุชยะเทฺ - เรียกว่า
คำแปลฺ
อารจุนะตรัสถามว่า โอ้ องค์ภควานของข้า โอ้ บุคคลสูงสุด อะไรคือบระฮมัน? อะไรคือตัวชีวิต? อะไรคือกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ? ปรากฏการณ์ทางธรรมชาตินี้คืออะไร? และเหล่าเทวดาคือใคร? ได้โปรดกรุณาอธิบายให้ข้าพเจ้าด้วย
คำอธิบายฺ
ในบทนี้องค์ชรีคริชณะทรงตอบหลายคำถามของอารจุนะ เริ่มต้นด้วย“อะไรคือ บระฮมันฺ? ” พระองค์ทรงอธิบายถึง คารมะฺ (กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ)การอุทิศตนเสียสละรับใช้ หลักธรรมโยคะ และการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในรูปแบบที่บริสุทธิ์ ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ อธิบายว่าสัจธรรมที่สมบูรณ์สูงสุดที่รู้กันว่าเป็น บระฮมัน พะระมาทมาฺ และ บฺะกะวานฺ นอกจากนั้น สิ่งมีชีวิตที่เป็นปัจเจกวิญญาณก็เรียกว่า บระฮมันฺ เช่นเดียวกัน อารจุนะยังถามเกี่ยวกับ อาทมาฺ ซึ่งหมายถึงร่างกายวิญญาณ และจิตใจ ตามพจนานุกรมพระเวท อาทมาฺ หมายถึงจิตใจ วิญญาณ ร่างกายและประสาทสัมผัสด้วย
อารจุนะเรียกองค์ภควานว่า พุรุโชททะมะฺ หรือบุคคลสูงสุดซึ่งหมายความว่าคำถามเหล่านี้ไม่ใช่ถามกับเพื่อนเท่านั้น แต่ถามกับบุคคลสูงสุด โดยทราบว่าพระองค์คือผู้น่าเชื่อถือได้สูงสุดที่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนชัดเจน
อดิฺยะกยะฮ คะทัฺม โค ทระ
เดเฮ สมิน มะดํุสูดะนะฺ
พระยาณะ-คาเล ชะ คะทัฺม
กเยโย สิ นิยะทาทมะบิฺฮฺ
อดิฺยะกยะฮฺ - พระเจ้าแห่งการบูชา, คะทัฺมฺ - อย่างไร, คะฮฺ - ผู้ซึ่ง, อทระฺ - ที่นี่, เดเฮฺ - ในร่างกาย, อัสมินฺ - นี้, มะดํุสูดะนะฺ - โอ้ มะดํุสูดะนะ, พระยาณะ-คาเลฺ - ขณะกำลังตาย, ชะ-และฺ, คะทัฺมฺ - อย่างไร, กเยยะฮ อสิฺ - รู้ถึงพระองค์, นิยะทะฺ - อาทมะบิฺฮฺ - ด้วยการควบคุมตนเอง
คำแปลฺ
ใครคือพระเจ้าแห่งการบูชา พระองค์ทรงประทับอยู่ในร่างกายได้อย่างไร โอ้ มะดํุ-สูดะนะ? และขณะที่กำลังจะตายพวกที่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้สามารถรู้ถึงพระองค์ได้อย่างไร
คำอธิบายฺ
“พระจ้าแห่งการบูชา” อาจหมายถึงพระอินทร์หรือพระวิชณุก็ได้ พระวิชณุทรงเป็นประธานของเหล่าปฐมเทวดารวมทั้งพระพรหมและพระศิวะ พระอินทร์ทรงเป็นประธานของเหล่าเทวดาผู้บริหาร ทั้งพระอินทร์และพระวิชณุได้รับการบูชาในพิธีบูชา ยะกยะฺ แต่ ณ ที่นี้ อารจุนะทรงถามว่าใครคือพระเจ้าแห่ง ยะกยะฺ (พิธีบูชา) อย่างแท้จริงและองค์ภควานทรงประทับอยู่ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตได้อย่างไร
อารจุนะทรงเรียกพระองค์ว่ามะดํุสูดะนะ เนื่องจากครั้งหนึ่งคริชณะเคยสังหารมารชื่อมะดํุ อันที่จริงคำถามเหล่านี้เป็นธรรมชาติแห่งความสงสัยซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นในจิตใจของอารจุนะเพราะเป็นสาวกผู้มีคริชณะจิตสำนึก ดังนั้น ความสงสัยเหล่านี้เหมือนกับมาร เนื่องจากคริชณะทรงมีความชำนาญมากในการสังหารมาร ณ ที่นี้อารจุนะทรงเปล่งพระนามคริชณะว่ามะดํุสูดะนะเพื่อว่าคริชณะอาจสังหารมารแห่งความสงสัยที่ปรากฏขึ้นภายในใจของอารจุนะได้
คำว่า พระยาณะ-คาเลฺ ในโศลกนี้มีความสำคัญมากเพราะว่าอะไรก็แล้วแต่ที่เราทำในชีวิตจะได้รับการทดสอบขณะตาย อารจุนะทรงมีความกระตือรือร้นมากที่จะทราบถึงบุคคลที่ปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอว่าควรอยู่ในสภาวะเช่นไรในวินาทีสุดท้าย? ขณะกำลังจะตายการปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมดของร่างกายจะกระเจิง และจิตใจจะไม่อยู่ในสภาวะที่เหมาะสม เมื่อถูกรบกวนจากสภาวะทางร่างกายเราอาจไม่สามารถระลึกถึงองค์ภควานได้ มะฮาราจะ คุละเชคฺระ ผู้เป็นสาวกที่ยิ่งใหญ่ภาวนาว่า “องค์ภควานที่่รัก ปัจจุบันนี้ข้ามีสุขภาพดี ให้ข้าตายในทันทีจะดีกว่าเพื่อหงส์แห่งจิตใจของข้าจะได้ซุกไซ้เข้าไปในก้านแห่งพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์” การใช้อุปมานี้เนื่องจากหงส์เป็นนกที่อยู่ในน้ำและชื่นชมยินดีในการซุกไซ้เข้าไปในดอกบัว มันชอบซุกไซ้เข้าไปในดอกบัวเหมือนเล่นกีฬา มะฮาราจะ คุละเชคฺระตรัสต่อองค์ภควานว่า “ปัจจุบันนี้จิตใจข้าไม่ถูกรบกวน และยังมีสุขภาพดี หากตายกะทันหัน แล้วคิดถึงพระบาทรูปดอกบัวของพระองค์ ก็มั่นใจได้ว่าการปฏิบัติอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อพระองค์ประสบผลสำเร็จอย่างสมบูรณ์ แต่หากรอจนกระทั่งถึงเวลาตายตามธรรมชาติ ก็ไม่แน่ใจว่าอะไรจะเกิดขึ้น เพราะว่าในขณะนั้นการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ของร่างกายจะกระเจิดกระเจิง ข้าพเจ้าอาจติดคอและไม่ทราบว่าจะสามารถสวดภาวนาพระนามของพระองค์ได้หรือไม่ ดังนั้นให้ข้าตายโดยทันทีจะดีกว่า” อารจุนะทรงถามว่าบุคคลจะตั้งมั่นจิตใจอยู่ที่พระบาทรูปดอกบัวของคริชณะในวิกฤติกาลเช่นนี้ได้อย่างไร
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ
อัคชะรัม บระฮมะ พะระมัม
สวะบฺาโว ดฺยาทมัม อุชยะเทฺ
บํูทะ-บฺาโวดบฺะวะ-คะโร
วิสารกะฮ คารมะ-สัมกยิทะฮฺ
ชรี-บฺะกะวาน อุวาชะฺ - องค์ภควานตรัส, อัคชะรัมฺ - ไม่มีวันถูกทำลาย, บระฮมะฺ - บระฮมัน, พะระมัมฺ - ทิพย์, สวะบฺาวะฮฺ - ธรรมชาติอมตะ, อัดฺยาทมัมฺ - ตัวชีวิต, อุชยะเทฺ-เรียกว่า, บํูทะ-บฺาวะฺ - อุดบฺะวะ-คะระฮฺ - ผลิตร่างวัตถุของสิ่งมีชีวิต, วิสารกะฮฺ - การสร้าง, คารมะฺ - กิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ, สัมกยิทะฮฺ - เรียกว่า
คำแปลฺ
องค์ภควานตรัสว่า ดวงชีวิตทิพย์ที่ไม่มีวันถูกทำลายเรียกว่าบระฮมัน และธรรมชาตินิรันดรของเขาเรียกว่าอัดฺยาทมะ หรือดวงชีวิต กิจกรรมเกี่ยวกับการพัฒนาร่างกายวัตถุของสิ่งมีชีวิตเรียกว่ากรรม (คารมะ) หรือกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ
คำอธิบายฺ
บระฮมันฺ ไม่มีวันถูกทำลายและเป็นอยู่ชั่วกัลปวสาน สถานภาพเดิมแท้ของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าในขณะใด แต่เหนือไปจาก บระฮมันฺ ยังมี พะระบระฮ- มัน, บระฮมันฺ หมายถึงสิ่งมีชีวิตและ พะระบระฮมันฺ หมายถึงองค์ภควาน สถานภาพพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตแตกต่างไปจากสถานภาพที่เขาได้รับในโลกวัตถุ ในวัตถุจิตสำนึกธรรมชาติคือพยายามเป็นเจ้าแห่งวัตถุ แต่ในจิตสำนึกทิพย์หรือคริชณะจิตสำนึกสถานภาพของเขาคือเป็นผู้รับใช้องค์ภควาน เมื่อสิ่งมีชีวิตอยู่ในวัตถุจิตสำนึก จะต้องได้รับร่างกายต่าง ๆ ในโลกวัตถุ เช่นนี้เรียกว่ากรรม (คารมะ) หรือการสร้างอันหลากหลายด้วยการบังคับของจิตสำนึกวัตถุ
ในวรรณกรรมพระเวทสิ่งมีชีวิตเรียกว่า จีวาทมาฺ และ บระฮมันฺ แต่ไม่เคยถูกเรียกว่า พะระบระฮมันฺ สิ่งมีชีวิต (จีวาทมา)ฺ ได้รับสถานภาพต่าง ๆ บางครั้งกลืนเข้าไปในธรรมชาติวัตถุอันมืดมนและสำคัญตนเองกับวัตถุ และบางครั้งสำคัญตนเองกับสิ่งที่สูงกว่าคือธรรมชาติทิพย์ ดังนั้น สิ่งมีชีวิตจึงได้ชื่อว่าเป็นพลังงานพรมแดนขององค์ภควาน ตามที่สำคัญตนเองกับธรรมชาติวัตถุหรือธรรมชาติทิพย์จึงได้รับร่างวัตถุหรือร่างทิพย์ ในธรรมชาติวัตถุเขาอาจได้รับร่างกายจากหนึ่งใน 8,400,000 เผ่าพันธุ์ชีวิตแต่ในธรรมชาติทิพย์จะมีเพียงร่างเดียว ในธรรมชาติวัตถุบางครั้งปรากฏเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นนก ฯลฯ ตามกรรมของตน อาจบรรลุถึงดาวเคราะห์วัตถุบนสรวงสวรรค์ และได้รับความสุขกับสิ่งอำนวยความสะดวก บางครั้งเขาปฏิบัติพิธีบูชา(ยะกยะฺ) แต่เมื่อผลบุญหมดลงจะกลับมาในโลกนี้อีกครั้งในร่างมนุษย์ วิธีกรรมเช่นนี้เรียกว่ากรรมหรือ (คารมะฺ)
ชฺานโดกยะ อุพะนิชัดฺ อธิบายวิธีการทำพิธีบูชาทางพระเวทที่แท่นพิธีบูชามีการถวายสิ่งของห้าอย่างไปในไฟห้าชนิด ไฟห้าชนิดสำเหนียกจาก ดาวเคราะห์สวรรค์ เมฆโลก ชาย และหญิง และสิ่งถวายในพิธีบูชาห้าอย่างคือ ความศรัทธา ผู้มีความสุขบนดวงจันทร์ ฝน เมล็ดข้าว และอสุจิ
ในพิธีการบูชา สิ่งมีชีวิตทำพิธีบูชาโดยเฉพาะเพื่อบรรลุถึงสรวงสวรรค์ และก็บรรลุถึงจริงในเวลาต่อมา เมื่อผลบุญแห่งการบูชาหมดสิ้นลง สิ่งมีชีวิตตกลงมาบนโลกในรูปของฝน จากนั้นมาอยู่ในรูปของเมล็ดข้าว และมนุษย์รับประทานเมล็ดข้าวกลายเป็นอสุจิซึ่งทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ดังนั้น สิ่งมีชีวิตได้รับร่างมนุษย์อีกครั้งหนึ่งเพื่อปฏิบัติพิธีบูชา และวนเวียนอยู่ในวัฏจักรนี้ เช่นนี้สิ่งมีชีวิตจึงไป ๆ มา ๆ บนวิถีทางวัตถุชั่วกัลปวสาน อย่างไรก็ดี บุคคลในคริชณะจิตสำนึกหลีกเลี่ยงการบูชาเช่นนี้ เขาปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกโดยตรง ดังนั้น จึงเตรียมตัวกลับคืนสู่เหย้าคืนสู่องค์ภควาน
นักวิจารณ์ ภควัต-คีตาฺ ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์คิดว่า บระฮมันฺ รับเอารูปของ จีวะฺ ในโลกวัตถุอย่างไร้เหตุผล และเพื่อสนับสนุนประเด็นนี้พวกเขาได้อ้างอิงบทที่สิบห้าโศลก 7 ของ คีตาฺ แต่ในโศลกนี้องค์ภควานยังตรัสอีกว่าสิ่งมีชีวิตเป็น “ละอองอณูนิรันดรของตัวข้า” สิ่งมีชีวิตเป็นละอองอณูขององค์ภควานและอาจตกลงมาในโลกวัตถุ แต่องค์ภควาน (อัชยุทะ)ฺ ไม่มีวันตกลงต่ำ ดังนั้น ข้อสรุปที่ว่า บระฮมันฺ สูงสุดรับเอารูปของ จีวะฺจึงยอมรับไม่ได้ มีความสำคัญที่ควรจำไว้ว่าในวรรณกรรมพระเวท บระฮมันฺ (สิ่งมีชีวิต)แตกต่างจาก พะระบระฮมันฺ (องค์ภควาน)
อดิฺบํูทัม คชะโร บฺาวะฮ
พุรุชัช ชาดิฺไดวะทัมฺ
อดิฺยะกโย ฮัม เอวาทระ
เดเฮ เดฮะ-บฺริทาม วะระฺ
อดิฺบํูทัมฺ - ปรากฏการณ์ทางวัตถุ, คชะระฮฺ - เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ, บฺาวะฮฺ - ธรรมชาติ, พุรุชะฮฺ - รูปลักษณ์จักรวาลรวมทั้งเทวดาทั้งหลายเช่นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์, ชะ-และ, อดิฺไดวะทัมฺ - เรียกว่า อดิฺไดวะฺ, อดิฺยะกยะเฮฺ - อภิวิญญาณ, อฮัมฺ - ข้า (คริชณะ), เอวะฺ - แน่นอน, อทระฺ - ในนี้, เดเฮฺ - ร่างกาย, เดฮะฺ - บฺริทาม-ของรูปร่าง, วะระฺ - โอ้ ผู้ยอดเยี่ยม
คำแปลฺ
โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมในบรรดาดวงชีวิต ธรรมชาติวัตถุที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาเรียกว่า อดิฺบํูทะ (ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ) รูปลักษณ์จักรวาลขององค์ภควานซึ่งรวมถึงเทวดาทั้งหลายเช่นเทพเจ้าแห่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เรียกว่า อดิฺไดวะ และข้าองค์ภควานสูงสุดซึ่งมีอภิวิญญาณผู้ประทับอยู่ภายในหัวใจของทุกชีวิตเป็นผู้แทนเรียกว่า อดิฺยะกยะ (พระเจ้าแห่งการบูชา)
คำอธิบายฺ
ธรรมชาติวัตถุเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา โดยทั่วไปร่างวัตถุจะต้องผ่านหกขั้นตอนคือมีการเกิด เจริญเติบโต คงอยู่ชั่วระยะหนึ่ง สืบพันธุ์ หดตัวลง และจากนั้นก็อันตรธานสูญหายไป ธรรมชาติวัตถุนี้เรียกว่า อดิฺบํูทะฺ ถูกสร้างขึ้นมา ณ จุดหนึ่ง และจะถูกทำลายไปอีกจุดหนึ่ง แนวคิดที่ว่ารูปลักษณ์จักรวาลขององค์ภควานซึ่งรวมถึงเหล่าเทวดาพร้อมดาวเคราะห์เรียกว่า อดิฺไดวะทะฺ ผู้ที่ปรากฏในร่างกายควบคู่ไปกับปัจเจกวิญญาณคืออภิวิญญาณ ซึ่งเป็นผู้แทนที่สมบูรณ์ขององค์ชรีคริชณะ อภิวิญญาณเรียกว่า พะระมาทมาฺ หรือ อดิฺยะกยะฺ ทรงสถิตในหัวใจ คำว่า เอวะฺ มีความสำคัญโดยเฉพาะในเนื้อหาของโศลกนี้ เพราะว่าคำนี้องค์ภควานทรงเน้นว่า พะระมาทมาฺ ไม่แตกต่างไปจากพระองค์ ในรูปอภิวิญญาณประทับอยู่เคียงข้างปัจเจกวิญญาณ ทรงเป็นพยานในกิจกรรมต่าง ๆ และทรงเป็นแหล่งกำเนิดแห่งจิตสำนึกของปัจเจกวิญญาณ อภิวิญญาณทรงเปิดโอกาสแก่ปัจเจกวิญญาณให้ทำอะไรโดยเสรี ทรงเป็นพยานในกิจกรรมต่าง ๆของเขา สำหรับสาวกผู้มีคริชณะจิตสำนึกที่บริสุทธิ์และปฏิบัติการรับใช้ทิพย์แด่องค์ภควาน หน้าที่แห่งปรากฏการณ์ทั้งหลายขององค์ภควานจะกระจ่างขึ้นโดยปริยายรูปลักษณ์จักรวาลอันมหึมาของพระองค์เรียกว่า อดิฺไดวะทะฺ ซึ่งนวกะผู้ไม่สามารถเข้าพบองค์ภควาน ในปรากฏารณ์ของพระองค์ในรูปอภิวิญญาณจะเพ่งพิจารณาดู นวกะจึงได้รับคำแนะนำให้เพ่งพิจารณาดูรูปลักษณ์จักรวาลหรือ วิราท-พุรุชะฺ ซึ่งพระเพลาพิจารณาว่าเป็นหมู่ดาวเคราะห์เบื้องต่ำ พระเนตรของพระองค์พิจารณาว่าเป็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ และพระเศียรของพระองค์พิจารณาว่าเป็นระบบดาวเคราะห์เบื้องสูง
อันทะ-คาเล ชะ มาม เอวะ
สมะรัน มุคทวา คะเลวะรัมฺ
ยะฮ พระยาทิ สะ มัด-บฺาวัม
ยาทิ นาสทิ อัทระ สัมชะยะฮฺ
อันทะ-คาเลฺ - ในบั้นปลายของชีวิต, ชะฺ - เช่นกัน, มาม-ข้าฺ, เอวะฺ - แน่นอน, สมะรันฺ - ระลึกถึง, มุคทวาฺ - ยกเลิก, คะเลวะรัมฺ - ร่างกาย, ยะฮฺ - เขาผู้ซึ่ง, พระยาทิฺ - ไป, สะฮฺ - เขา, มัท- บฺาวัมฺ - ธรรมชาติของข้า, ยาทิฺ - บรรลุ, นะฺ - ไม่, อัสทิฺ - มี, อัทระฺ - ที่นี่, สัมชะยะฮฺ - ข้อสงสัย
คำแปลฺ
และผู้ใดที่ในบั้นปลายชีวิต ออกจากร่างกายโดยระลึกถึงข้าเพียงผู้เดียว จะบรรลุถึงธรรมชาติของข้าโดยทันทีอย่างไม่ต้องสงสัย
คำอธิบายฺ
โศลกนี้ ได้เน้นถึงจุดสำคัญของคริชณะจิตสำนึก ผู้ใดที่วิญญาณออกจากร่างในขณะที่มีคริชณะจิตสำนึกจะถูกย้ายไปยังธรรมชาติทิพย์ขององค์ภควานทันที องค์ภควานทรงเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ผู้บริสุทธิ์ ฉะนั้น ผู้ใดที่มีคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอจะเป็นผู้บริสุทธิ์ที่สุดในหมู่ผู้บริสุทธิ์เช่นเดียวกัน คำว่า สมะรันฺ (“ระลึกถึง”) มีความสำคัญการระลึกถึงคริชณะเป็นไปไม่ได้สำหรับจิตวิญญาณผู้ไม่บริสุทธิ์ที่ไม่ได้ปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ดังนั้น เราควรปฏิบัติคริชณะจิตสำนึกตั้งแต่เริ่มแรกของชีวิต หากเราปรารถนาความสำเร็จในบั้นปลายชีวิต วิธีการระลึกถึงคริชณะเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้น เราควรสวดภาวนามหามนต์ -ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะคริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร / ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร- อยู่เสมอโดยไม่มีวันหยุด องค์เชธันญะทรงแนะนำให้เรามีความอดทนเหมือนกับต้นไม้ (ทะโรร อิ วะ สะฮิชณุนาฺ) อาจมีอุปสรรคมากมายสำหรับผู้ที่สวดภาวนา ฮะเร คริชณะ อย่างไรก็ดีเราต้องอดทนต่ออุปสรรคทั้งหลายเหล่านี้ และภาวนา -ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะคริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร- อย่างต่อเนื่อง เพื่อในบั้นปลายชีวิตเราสามารถได้รับประโยชน์โดยสมบูรณ์จากคริชณะจิตสำนึก
ยัม ยัม วาพิ สมะรัน บฺาวัม
ทยะจะทิ อันเท คะเลวะรัมฺ
ทัม ทัม เอไวทิ คะอุนเทยะ
สะดา ทัด-บฺาวะ-บฺาวิทะฮฺ
ยัม ยัมฺ - อะไรก็แล้วแต่, วา อพิฺ - ทั้งหมด, สมะรันฺ - ระลึกถึง, บฺาวัมฺ - ธรรมชาติ, ทยะ จะทิฺ - ยกเลิก, อันเทฺ - บั้นปลาย, คะเลวะรัมฺ - ร่างนี้, ทัม ทัมฺ - ในทำนองเดียวกัน, เอวะฺ - แน่นอน, เอทิฺ - ได้รับ, คะอุนเทยะฺ - โอ้โอรสพระนางคุนที, สะดาฺ - เสมอ, ทัทฺ - นั้น, บฺาวะฺ - สภาวะจิต, บฺาวิทะฮฺ - จำ
คำแปลฺ
ไม่ว่าจิตสำนึกระลึกถึงอะไรขณะที่ออกจากร่าง โอ้ โอรสพระนางคุนที เขาจะได้รับสิ่งนั้นอย่างแน่นอน
คำอธิบายฺ
วิธีการเปลี่ยนธรรมชาติของเราในช่วงวิกฤตการณ์แห่งความตายได้อธิบายไว้ณ ที่นี้ ในบั้นปลายชีวิตบุคคลออกจากร่างและคิดถึงคริชณะ จะได้รับธรรมชาติทิพย์แห่งองค์ภควาน ไม่เป็นความจริงที่บุคคลคิดถึงอย่างอื่นนอกจากคริชณะแล้วจะบรรลุถึงระดับทิพย์เช่นเดียวกัน ประเด็นนี้เราควรตั้งข้อสังเกตด้วยความระมัดระวัง เราจะตายในสภาวะจิตที่ถูกต้องได้อย่างไร? มะฮาราจะ บฺะระทะ แม้จะเป็นบุคลิกภาพผู้ยิ่งใหญ่ทรงคิดถึงกวางในบั้นปลายของชีวิต ชาติต่อมาจึงถูกย้ายเข้าไปในร่างกวาง แม้เป็นกวาง ท่านระลึกถึงกรรมในอดีตได้ จึงต้องยอมรับร่างสัตว์นั้น แน่นอนว่าความคิดในขณะที่เรามีชีวิตอยู่สะสมและมีอิทธิพลต่อความคิดของเราในขณะที่ตาย ดังนั้น ชีวิตนี้จึงปูทางไว้สำหรับชาติหน้า หากปัจจุบันเราใช้ชีวิตในระดับแห่งความดีและคิดถึงคริชณะเสมอเป็นไปได้ที่เราจะระลึกถึงคริชณะในบั้นปลายของชีวิต เช่นนี้จะช่วยย้ายเราไปสู่ธรรมชาติทิพย์แห่งคริชณะ หากมีความซึมซาบอยู่ในระดับทิพย์ในการรับใช้คริชณะ ร่างต่อไปของเราจะเป็นทิพย์ไม่ใช่วัตถุ ดังนั้นการสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะคริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จในการเปลี่ยนระดับจิตสำนึกในบั้นปลายของชีวิตเรา
ทัสมาท สารเวชุ คาเลชุ
มาม อนุสมะระ ยุดฺยะ ชะฺ
มะยิ อารพิทะ-มะโน-บุดดิฺร
มาม เอไวชยะสิ อสัมชะยะฮฺ
ทัสมาทฺ - ดังนั้น, สารเวชฺุ - ตลอด, คาเลชฺุ - เวลา, มามฺ - ข้า, อนุสมะระฺ - ระลึกถึงเรื่อยๆ, ยุดฺยะฺ - ต่อสู้, ชะฺ - เช่นกัน, มะยิฺ - แด่ข้า, อารพิทะฺ - ศิโรราบ, มะนะฮฺ - จิตใจ, บุดดิฺฮฺ - ปัญญา, มามฺ - แด่ข้า, เอวะฺ - แน่นอน, เอชยะสิฺ - เธอจะได้รับ, อสัมชะยะฮฺ - เหนือความสงสัย
คำแปลฺ
ฉะนั้น โอ้ อารจุนะ เธอควรระลึกถึงข้าในรูปลักษณ์คริชณะอยู่เสมอ และในขณะเดียวกันก็ปฏิบัติหน้าที่ในการต่อสู้ที่ได้กำหนดไว้ โดยอุทิศกิจกรรมต่าง ๆของเธอแด่ข้า จิตใจและปัญญาตั้งมั่นอยู่ที่ข้า เธอจะบรรลุถึงข้าโดยไม่ต้องสงสัย
คำอธิบายฺ
คำสั่งสอนที่ให้แก่อารจุนะนี้มีความสำคัญมากสำหรับมวลมนุษย์ที่ปฏิบัติอยู่ในกิจกรรมทางวัตถุ องค์ภควานมิได้ตรัสว่าควรยกเลิกหน้าที่หรือการปฏิบัติที่กำหนดไว้สำหรับเรา เรายังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไป แต่ในขณะเดียวกันระลึกถึงคริชณะด้วยการสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ เช่นนี้จะทำให้เราเป็นอิสระจากมลทินทางวัตถุและทำให้จิตใจและปัญญาของเราอยู่กับคริชณะ จากการสวดภาวนาพระนามต่าง ๆ ของคริชณะ เราจะถูกย้ายไปยังดาวเคราะห์สูงสุด คริชณะโลคะโดยไม่ต้องสงสัย
อับฺยาสะ-โยกะ-ยุคเทนะ
เชทะสา นานยะ-กามินาฺ
พะระมัม พุรุชัม ดิพยัม
ยาทิ พารทฺานุชินทะยันฺ
อับฺยาสะ-โยกะฺ - จากการปฏิบัติ, ยุคเทนะฺ - ปฏิบัติสมาธิ, เชทะสาฺ - ด้วยจิตใจและปัญญา, นะ อันยะ-กามินาฺ - โดยปราศจากการเบี่ยงเบน, พะระมัมฺ - สูงสุด, พุรุชัมฺ - บุคลิกภาพแห่งพระเจ้า, ดิพยัมฺ - ทิพย์, ยาทิฺ - เขาบรรลุ, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, อนุชินทะยันฺ - คิดถึงอยู่เสมอ
คำแปลฺ
ผู้ทำสมาธิอยู่ที่ข้า ในฐานะองค์ภควาน จิตใจระลึกถึงข้าอยู่ตลอดเวลา โดยไม่เบี่ยงเบนจากวิถีทาง โอ้พารทฺะ เขาจะมาถึงข้าอย่างแน่นอน
คำอธิบายฺ
โศลกนี้ องค์ชรีคริชณะทรงเน้นถึงความสำคัญในการระลึกถึงพระองค์ ความจำคริชณะของเราจะฟื้นฟูขึ้นด้วยการสวดภาวนามหามนต์ ฮะเร คริชณะ จากการปฏิบัติสวดภาวนา และ สดับฟังคลื่นเสียงแห่งองค์ภควานนี้ หู ลิ้น และจิตใจของเราปฏิบัติการทำสมาธิอันน่าอัศจรรย์นี้ เป็นการปฏิบัติที่ง่ายมาก จะช่วยให้เราบรรลุถึงองค์ภควาน พุรุชัมฺ หมายถึงผู้มีความสุขเกษมสำราญ ถึงแม้ว่าสิ่งมีชีวิตเป็นพลังงานพรมแดนขององค์ภควาน พวกเขาอยู่ในมลทินทางวัตถุ คิดว่าตนเองเป็นผู้ที่มีความสุขเกษมสำราญแต่อันที่จริงมิใช่เป็นผู้มีความสุขเกษมสำราญสูงสุด ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่า ผู้มีความสุขเกษมสำราญสูงสุดคือองค์ภควานในรูปลักษณ์ที่ปรากฏต่าง ๆ รวมทั้งภาคแบ่งแยกที่สมบูรณ์ของพระองค์ เช่น นารายะณะ วาสุเดวะ ฯลฯ
สาวกสามารถคิดถึงองค์ภควานอยู่เสมอในรูปลักษณ์ที่ตนบูชา เช่น นารายะณะคริชณะ รามะ ฯลฯ ด้วยการสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ การปฏิบัติเช่นนี้จะทำให้เราบริสุทธิ์เพราะสวดภาวนาอยู่เสมอ ในบั้นปลายชีวิตเราจะถูกย้ายไปยังอาณาจักรแห่งองค์ภควานการปฏิบัติโยคะคือการทำสมาธิที่องค์อภิวิญญาณภายใน ในทำนองเดียวกัน การสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ เราตั้งจิตมั่นอยู่ที่องค์ภควานตลอดเวลา จิตใจนั้นโลเลไม่แน่นอนดังนั้น จึงจำเป็นที่ต้องให้จิตใจปฏิบัติด้วยการบังคับให้คิดถึงคริชณะ มีตัวอย่างที่ให้ไว้บ่อย ๆว่า ตัวดักแด้คิดถึงว่ามันจะกลายมาเป็นผีเสื้อ ดังนั้น มันจึงเปลี่ยนรูปมาเป็นผีเสื้อในชีวิตเดียวกันนี้ ลักษณะเดียวกัน หากเราคิดถึงคริชณะอยู่ตลอดเวลา แน่นอนว่าในบั้นปลายชีวิตเราจะมีร่างกายที่มีองค์ประกอบเหมือนกับคริชณะ
คะวิม พุราณัม อนุชาสิทารัม
อโณร อณียามสัม อนุสมะเรด ยะฮฺ
สารวัสยะ ดฺาทารัม อชินทยะ-รูพัม
อาดิทยะ-วารณัม ทะมะสะฮ พะรัสทาทฺ
คะวิมฺ - ผู้ที่รู้ทุกสิ่งทุกอย่าง, พุราณัมฺ - อาวุโสที่สุด, อนุชาสิทารัมฺ - ผู้ควบคุม, อโนฮฺ - กว่าละอองอณู, อณียามสัมฺ - เล็กว่า, อนุสมะเรทฺ - คิดถึงอยู่เสมอ, ยะฮฺ - ผู้ซึ่ง, สารวัสยะฺ - ของทุกสิ่ง, ดฺาทารัมฺ - ผู้ดำรงรักษา, อชินทยะฺ - ไม่สามรถมองเห็น, รูพัมฺ - รูปลักษณ์ของพระองค์, อาดิทยะ-วารณัมฺ - เจิดจรัสเหมือนดวงอาทิตย์, ทะมะสะฮฺ - ความมืด, พะรัส- ทาทฺ - ทิพย์
คำแปลฺ
เราควรทำสมาธิที่องค์ภควานในฐานะที่ทรงเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผู้อาวุโสที่สุด เป็นผู้ควบคุม เล็กกว่าสิ่งที่เล็กที่สุด เป็นผู้ดำรงรักษาทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือแนวคิดทางวัตถุทั้งปวง ไม่สามารถมองเห็นได้ และทรงเป็นบุคคลอยู่เสมอ พระองค์ทรงเจิดจรัสเหมือนดวงอาทิตย์ และเป็นทิพย์เหนือธรรมชาติวัตถุ
คำอธิบายฺ
วิธีการคิดถึงองค์ภควานได้กล่าวไว้ในโศลกนี้ จุดสำคัญที่สุดคือพระองค์ทรงมิใช่ไร้รูปลักษณ์หรือว่างเปล่า เราไม่สามารถทำสมาธิอยู่ที่บางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีรูปลักษณ์หรือว่างเปล่า เพราะเป็นสิ่งที่ยากมาก อย่างไรก็ดีวิธีการคิดถึงคริชณะนั้นง่ายมาก ได้กล่าวไว้ ณ ที่นี้ว่า ก่อนอื่นพระองค์ทรงเป็น พุรุชะฺ หรือบุคคล เราคิดถึงรูป ลักษณ์พระรามและรูปลักษณ์คริชณะ ไม่ว่าเราจะคิดถึงพระรามหรือคริชณะ พระองค์ทรงเป็นเช่นไรนั้นได้อธิบายในโศลกนี้ของ ภควัต-คีตาฺ องค์ภควาน ทรงเป็นคะวิฺ หมายความว่าพระองค์รู้อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ดังนั้น พระองค์ทรงรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นบุคคลผู้อาวุโสที่สุด เพราะว่าเป็นแหล่งกำเนิดของทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกสิ่งทุกอย่างกำเนิดมากจากพระองค์ พระองค์ยังเป็นผู้ควบคุมจักรวาลสูงสุด ทรงเป็นผู้ดำรงรักษาและผู้สอนมนุษยชาติ เล็กว่าสิ่งที่เล็กที่สุด สิ่งมีชิวิตมีขนาดเศษหนึ่งส่วนหมื่นของปลายเส้นผม แต่องค์ภควานเล็กจนมองไม่เห็น และเสด็จเข้าไปอยู่ในหัวใจของละอองอณูนี้ ดังนั้น พระองค์ถูกเรียกว่าเล็กกว่าสิ่งที่เล็กที่สุด ในฐานะที่เป็นองค์ภควาน พระองค์ทรงสามารถเสด็จเข้าไปในละอองอณูและเข้าไปในหัวใจของสิ่งที่เล็กที่สุดและควบคุมเขาในฐานะที่เป็นอภิวิญญาณ แม้จะเล็กขนาดนี้พระองค์ยังแผ่กระจายไปทั่วและดำรงรักษาทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงเป็นผู้ค้ำจุนระบบดาวเคราะห์ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้ เราประหลาดใจอยู่เสมอว่าดาวเคราะห์มหึมาเหล่านี้ลอยอยู่ในอากาศได้อย่างไร ได้กล่าวไว้ ณ ที่นี้ว่าด้วยพลังอำนาจอันมองไม่เห็นขององค์ภควาน พระองค์ทรงค้ำจุนดาวเคราะห์มหึมาทั้งหลายเหล่านี้รวมทั้งระบบต่าง ๆของหมู่ดวงดาว คำว่า อชินทยะฺ (“ไม่สามารถมองเห็น”)มีความสำคัญเกี่ยวเนื่องกันนี้ พลังงานขององค์ภควานอยู่เหนือขอบเขตวิศัยทัศน์ของพวกเรา ดังนั้น จึงเรียกว่าไม่สามารถมองเห็น (อชินทยะฺ) ผู้ใดจะสามารถเถียงประเด็นนี้ได้? พระองค์ทรงแผ่กระจายในโลกวัตถุนี้ ถึงกระนั้นก็อยู่เหนือโลกวัตถุนี้ เราไม่สามารถเข้าใจแม้แต่โลกวัตถุซึ่งไม่มีความสำคัญอันใดเลยเมื่อเปรียบเทียบกับโลกทิพย์แล้วเราจะเข้าใจสิ่งที่สูงไปกว่านี้ได้อย่างไร? อชินทยะฺ หมายความว่าโลกวัตถุ ซึ่งข้อถกเถียงตามตรรกวิทยาและการคาดคะเนทางปรัชญาของเราไม่สามารถสัมผัสสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ ฉะนั้น บุคคลผู้มีปัญญาจะหลีกเลี่ยงการถกเถียงและการคาดคะเนที่ไร้ประโยชน์ และยอมรับสิ่งที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์เช่น คัมภีร์พระเวท ภควัต-คีตาฺ และ ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ และปฏิบัติตามหลักการที่วางไว้ เช่นนี้จะนำเราไปสู่ความเข้าใจ
พระยาณะ-คาเล มะนะสาชะเลนะ
บัฺคธยา ยุคโท โยกะ-บะเลนะ ไชวะฺ
บฺรุโวร มัดฺเย พราณัม อาเวชยะ สัมยัค
สะ ทัม พะรัม พุรุชัม อุไพทิ ดิพยัมฺ
พระยาณะ-คาเลฺ - ขณะตาย, มะนะสา-ด้วยจิตใจ, อชะเลนะฺ - ปราศจากการเบี่ยงเบน, บัฺคธยาฺ - อุทิศตนเสียสละอย่างสมบูรณ์, ยุคทะฮฺ - ปฏิบัติ, โยกะฺ - บะเลนะฺ - ด้วยพลังแห่งอิทธิฤทธิ์โยคะ, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, บฺรุโวฮฺ - คิ้วทั้งสองข้าง, มัดฺเยฺ - ระหว่าง, พราณัมฺ - ลมปราณชีวิต, อาเวชยะฺ - ตั้งมั่น, สัมยัคฺ - สมบูรณ์, สะฮฺ - เขา, ทัมฺ - นั้น, พะรัมฺ - ทิยพ์, พุรุชัมฺ - องค์ภควาน, อะไพทิฺ - บรรลุ, ดิพยัมฺ - ในอาณาจักรทิพย์
คำแปลฺ
ขณะตาย บุคคลตั้งมั่นลมปราณชีวิตอยู่ระหว่างคิ้วทั้งสอง และด้วยพลังแห่งโยคะพร้อมทั้งจิตใจที่ไม่เบี่ยงเบน ปฏิบัติการระลึกถึงองค์ภควานด้วยการอุทิศตนเสียสละอย่างสมบูรณ์ แน่นอนว่าจะบรรลุถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า
คำอธิบายฺ
โศลกนี้ ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าในขณะกำลังตาย จิตใจต้องตั้งมั่นในการอุทิศตนเสียสละต่อบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า สำหรับพวกที่ฝึกปฏิบัติโยคะ ได้แนะนำไว้ว่าให้กำหนดพลังแห่งชีวิตให้มาอยู่ระหว่างคิ้วทั้งสอง (ที่ อากยา-ชัคระฺ) การปฏิบัติ ชัด-ชัคระ-โยกะฺ เกี่ยวเนื่องกับการทำสมาธิที่ ชัคระฺ ทั้งหกซึ่งเกริ่นไว้ ณ ที่นี้สาวกผู้บริสุทธิ์มิได้ฝึกปฏิบัติโยคะเช่นนี้ แต่เพราะว่าปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอขณะกำลังตาย ด้วยพระกรุณาธิคุณของคริชณะทำให้สามารถระลึกถึงองค์ภควานได้ดังจะอธิบายในโศลกสิบสี่
การใช้คำว่า โยกะ-บะเลนะฺ มีความสำคัญในโศลกนี้ เพราะปราศจากการปฏิบัติโยคะ ไม่ว่าจะเป็น ชัท-ชัคระ-โยกะฺ หรือ ภักดี-โยคะฺ เราจะไม่สามารถมาถึงระดับทิพย์นี้ในขณะที่กำลังตาย ขณะตายไม่มีใครสามารถระลึกถึงองค์ภควานขึ้นมาได้ในทันที เราจึงต้องฝึกปฏิบัติระบบโยคะบางอย่าง โดยเฉพาะระบบ ภักดี-โยคะฺเนื่องจากจิตใจของเราขณะกำลังตายจะสับสนมาก เราจึงควรฝึกปฏิบัติวิถีทิพย์ผ่านระบบโยคะในระหว่างที่เรายังมีชีวิตอยู่
ยัด อัคชะรัม เวดะ-วิโด วะดันทิ
วิชันทิ ยัด ยะทะโย วีทะ-รากาฮฺ
ยัด อิชชัฺนโท บระฮมะชารยัม ชะรันทิ
ทัท เท พะดัม สังกระเฮณะ พระวัคชเยฺ
ยัทฺ - ซึ่ง, อัคชะรัมฺ - พยางค์โอม, เวดะ-วิดะฮฺ - บุคคลผู้ชำนาญในคัมภีร์พระเวท, วะดันทิฺ - กล่าว,วิชันทิฺ - เข้า, ยัทฺ - ในที่ซึ่ง, ยะทะยะฮฺ - ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่, วีทะฺ - รากาฮฺ - ในชีวิตสละโลก, ยัทฺ - ซึ่ง, อิชชัฺนทะฮฺ - ต้องการ, บระฮมะชารยัมฺ - พรหมจรรย์, ชะรันทิฺ - ปฏิบัติ, ทัทฺ - นั้น, เทฺ - แด่เธอ, พะดัมฺ - สถิต, สังกระเฮณะฺ - โดยสรุป, พระวัคชเยฺ - ข้าจะอธิบาย
คำแปลฺ
บุคคลผู้รอบรู้คัมภีร์พระเวท เปล่งเสียง โอมคาระ และเป็นนักปราชญ์ยิ่งใหญ่ในระดับชีวิตสละโลก บรรลุถึง บระฮมัน ด้วยปรารถนาความสมบูรณ์เช่นนี้ เขาประพฤติพรหมจรรย์ บัดนี้ข้าจะอธิบายแด่เธอถึงวิธีการโดยสรุปที่เขาอาจบรรลุถึงความหลุดพ้น
คำอธิบายฺ
องค์ชรีคริชณะทรงแนะนำอารจุนะให้ฝึกปฏิบัติ ชัท-ชัคระ-โยกะฺ ซึ่งต้องกำหนดลมปราณชีวิตระหว่างคิ้วทั้งสอง สมมติว่าอารจุนะอาจไม่รู้ว่าการปฏิบัติ ชัท—ชัคระ- โยะกะฺ เป็นเช่นไร คริชณะจะทรงอธิบายถึงวิธีการในโศลกต่อ ๆ ไปโดยตรัสว่า บระฮมันฺ ถึงแม้ว่าเป็นหนึ่งไม่มีสอง มีปรากฎการณ์และลักษณะต่างกัน โดยเฉพาะสำหรับพวกไม่เชื่อในรูปลักษณ์ อัคชะระฺ หรือ โอมคาระฺ คำว่า โอมฺ เหมือนกับ บระฮมันฺ ณ ที่นี้คริชณะทรงอธิบายถึง บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์ซึ่งนักปราชญ์ผู้อยู่ในระดับสละโลกบรรลุถึง
ในระบบแห่งความรู้พระเวทจากจุดเริ่มต้นนักศึกษาถูกสอนให้เปล่งเสียงโอมฺและเรียนรู้ บระฮมันฺ อันไร้รูปลักษณ์สูงสุด ด้วยการอยู่กับพระอาจารย์ทิพย์ ถือเพศพรหมจรรย์โดยสมบูรณ์ จึงรู้แจ้งสองลักษณะของ บระฮมันฺ การปฏิบัติเช่นนี้มีความสำคัญมากสำหรับนักศึกษาที่จะเจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์ แต่ในปัจจุบันชีวิต บระฮมะชารีฺ (ผู้ถือเพศพรหมจรรย์ไม่สมรส) เป็นไปไม่ได้ โครงสร้างทางสังคมในโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะถือเพศพรหมจรรย์จากจุดเริ่มต้นของชีวิตนักศึกษา ทั่วโลกมีสถาบันมากมายในสาขาวิชาต่าง ๆ แต่ไม่มีสถาบันใดสอนนักศึกษาในหลักธรรม บระฮมะชารีฺจนเป็นที่รู้จักกัน นอกจากจะประพฤติพรหมจรรย์ มิฉะนั้น ความเจริญก้าวหน้าในชีวิตทิพย์เป็นสิ่งที่ยากมาก ดังนั้นองค์เชธันญะทรงประกาศตามคำสั่งสอนในพระคัมภีร์สำหรับ คะลิยุคฺ นี้ว่า ในยุคนี้ไม่มีวิถีทางในการรู้แจ้งถึงองค์ภควานนอกจากการสวดภาวนาพระนามอันศักดิ์สิทธิ์ของชรีคริชณะ ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะ คริชณะ คริชณะฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร
สารวะ-ดวาราณิ สัมยัมยะ
มะโน ฮริดิ นิรุดฺยะ ชะฺ
มูรดฺนิ อาดฺายาทมะนะฮ พราณัม
อาสทิฺโท โยกะ-ดฺาระณามฺ
สารวะ-ดวาราณิฺ - ประตูทั้งหมดของร่างกาย, สัมยัมยะฺ - ควบคุม, มะนะฮฺ - จิตใจ, ฮริดิฺ - ในหัวใจ, นิรุดฺยะฺ - ขอบเขต, ชะฺ - เช่นกัน, มูรดฺนิฺ - บนศีรษะ, อาดฺายะฺ - ตั้งมั่น, อาทมะนะฮฺ - ของวิญญาณ, พราณัมฺ - ลมปราณชีวิต, อาสทิฺทะฮฺ - สถิต, โยกะฺ - ดฺาระณามฺ - สภาวะโยคะ
คำแปลฺ
สภาวะโยคะคือการไม่ยึดติดกับการปฏิบัติทางประสาทสัมผัสทั้งหมด ปิดประตูประสาทสัมผัสทั้งหมด ตั้งจิตมั่นอยู่ที่หัวใจ และกำหนดลมปราณชีวิตอยู่ที่บนศีรษะ เขาสถิตตนเองอยู่ในโยคะ
คำอธิบายฺ
การปฏิบัติโยคะได้แนะนำไว้ ณ ที่นี้ ก่อนอื่นเราต้องปิดประตูเพื่อความสุขทางประสาทสัมผัสทั้งหมด การปฏิบัติเช่นนี้เรียกว่า พรัทยาฮาระฺ หรือการถอนประสาทสัมผัสต่าง ๆ ให้ออกจากอายตนะภายนอก อวัยวะประสาทสัมผัสเพื่อรับความรู้ เช่น ตาหู จมูก ลิ้น และสัมผัส ควรถูกควบคุมอย่างสมบูรณ์ ไม่ควรปล่อยให้ไปปฏิบัติเพื่อสนองประสาทสัมผัสของตน เช่นนี้จิตใจจดจ่ออยู่ที่อภิวิญญาณภายในหัวใจ และพลังชีวิตยกสูงขึ้นไปด้านบนของศีรษะ วิธีนี้ได้อธิบายไว้อย่างละเอียดในบทที่หกซึ่งกล่าวไว้ว่าการปฏิบัติเช่นนี้ไม่เหมาะสมสำหรับยุคนี้ วิธีที่ดีที่สุดคือคริชณะจิตสำนึก หากเราสามารถตั้งจิตมั่นอยู่ที่คริชณะในการอุทิศตนเสียสละรับใช้อยู่เสมอจะเป็นการง่ายมาก ที่จะคงอยู่ในความสงบที่ไม่หวั่นไหว หรือยู่ใน สะมาดิฺฺ
โอม อิทิ เอคาชะรัม บระฮมะ
วิยาฮะรัน มาม อนุสมะรันฺ
ยะฮ พระยาทิ ทยะจัน เดฮัม
สะ ยาทิ พะระมาม กะทิมฺ
โอมฺ - การผสมอักษร โอม (โอมคาระ)ฺ, อิทิฺ - ดังนั้น, เอคะ-อัคชะรัมฺ - หนึ่งพยางค์, บระฮมะฺ - สมบูรณ์, วิยาฮะรันฺ - เปล่งเสียง, มามฺ - ข้า (คริชณะ), อนุสมะรันฺ - ระลึกถึง, ยะฮฺ - ผู้ใดซึ่ง, พระยาทิฺ - จาก, ทยะจันฺ - ออกจาก, เดฮัมฺ - ร่างนี้, สะฮฺ - เขา, ยาทิฺ - บรรลุ, พะระมามฺ - สูงสุด, กะทิมฺ - จุดหมายปลายทาง
คำแปลฺ
หลังจากสถิตในการปฏิบัติโยคะนี้และเปล่งเสียงอันศักดิ์สิทธิ์ โอม ซึ่งเป็นการผสมอักษรที่สูงสุด หากเขาคิดถึงบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า และออกจากร่างนี้ไปแน่นอนว่าจะบรรลุถึงดาวเคราะห์ทิพย์
คำอธิบายฺ
ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่าคำ โอม, บระฮมันฺ, และองค์ชรีคริชณะไม่แตกต่างกัน เสียงที่ไร้รูปลักษณ์ของคริชณะคือ โอมฺ แต่เสียง ฮะเร คริชณะ บรรจุ โอมฺ อยู่ด้วย การสวดภาวนาบทมนต์ ฮะเร คริชณะ ได้แนะนำไว้อย่างชัดเจนสำหรับยุคนี้ ดังนั้นหากผู้ใดออกจากร่างนี้ในบั้นปลายชีวิตและสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะคริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร แน่นอนว่าจะบรรลุถึงหนึ่งในดาวเคราะห์ทิพย์ตามระดับที่ผู้นั้นปฏิบัติ สาวกของคริชณะจะเข้าไปในดาวเคราะห์คริชณะ โกโลคะ วรินดาวะนะ สำหรับผู้เชื่อในรูปลักษณ์มีดาวเคราะห์อื่นๆอีกมากมายเช่นเดียวกันเรียกว่าดาวเคราะห์ ไวคุณธฺะฺ ในท้องฟ้าทิพย์ ขณะที่ผู้ไม่เชื่อในรูปลักษณ์จะคงอยู่ใน บระฮมะจโยทิฺ
อนันยะ-เชทาฮ สะทะทัม
โย มาม สมะระทิ นิทยะชะฮฺ
ทัสยาฮัม สุละบฺะฮ พารทฺะ
นิทยะ-ยุคทัสยะ โยกินะฮฺ
อนันยะฺ - เชทาฮฺ - จิตใจไม่เบี่ยงเบน, สะทะทัมฺ - เสมอ, ยะฮฺ - ผู้ใดที่, มามฺ - ข้า (คริขณะ), สมะระทิฺ - ระลึกถึง, นิทยะชะฮฺ - อยู่เสมอ, ทัสยะ-สำหรับเขา, อฮัมฺ - ข้าเป็น, สุ-ละบฺะฮฺ - บรรลุถึงโดยง่ายดาย, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, นิทยะฺ - สม่ำเสมอ, ยุคทัสยะฺ - ปฏิบัติ, โยกินะฮฺ - สำหรับสาวก
คำแปลฺ
สำหรับผู้ที่ระลึกถึงข้าอยู่ตลอดเวลาโดยไม่เบี่ยงเบน จะบรรลุถึงข้าโดยง่ายดายเนื่องจากเขาปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้อยู่เสมอ โอ้ โอรสพระนางพริทฺา
คำอธิบายฺ
โศลกนี้อธิบายถึงจุดมุ่งหมายสูงสุด โดยเฉพาะของสาวกผู้ไร้มลทินที่รับใช้องค์ภควานใน ภักดี-โยคะฺ จะบรรลุถึง โศลกก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงสาวกสี่ประเภทคือ ผู้มีความทุกข์ ผู้ใคร่รู้ ผู้แสวงหาผลกำไรทางวัตถุ และนักปราชญ์ผู้คาดคะเน ได้อธิบายหลายวิธีเพื่อความหลุดพ้นด้วยเช่น คารมะ-โยกะ, กยานะ-โยกะ,ฺ และ ฮะทฺะ-โยกะฺหลักธรรมของระบบโยคะเหล่านี้มี บัฺคธิฺ รวมอยู่บ้าง แต่โศลกนี้กล่าวถึง ภักดี-โยคะฺที่บริสุทธิ์โดยเฉพาะ โดยไม่มีการผสมของ กยานะ, คารมะฺ หรือ ฮะทฺะฺ ด้วยการใช้คำว่า อนันยะ-เชทาฮฺ ใน ภักดี-โยคะฺ ที่บริสุทธ์ สาวกไม่ปรารถนาสิ่งอื่นใดนอกจาก คริชณะสาวกผู้บริสุทธิ์ไม่ปรารถนาที่จะได้รับการส่งเสริมให้ไปโลกสวรรค์หรือปรารถนามาเป็นหนึ่งเดียวกับ บระฮมะจโยทิฺ ความหลุดพ้น หรือเป็นอิสระจากพันธนาการทางวัตถุสาวกผู้บริสุทธิ์ไม่ต้องการสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น ใน เชธันญะ-ชะริทามริทะฺ สาวกผู้บริสุทธิ์เรียกว่า นิชคามะฺ หมายความว่า ท่านไม่ปรารถนาผลประโยชน์เพื่อตนเอง ความสงบอันสมบูรณ์เป็นของท่านโดยเฉพาะ ไม่ใช่พวกที่ดิ้นรนเพื่อผลประโยชน์แห่งตน ในขณะที่ กยานะ- โยกี, คารมะ-โยกี,ฺ หรือ ฮะทฺะ-โยกีฺ มีผลประโยชน์ส่วนตัว สาวกผู้สมบูรณ์ไม่มีความปรารถนาอื่นใดนอกจากทำให้บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าทรงมีความชื่นชมยินดี ดังนั้น องค์ภควานตรัสว่า ผู้ใดที่อุทิศตนเสียสละแด่พระองค์ด้วยความแน่วแน่มั่นคงจะบรรลุถึงพระองค์โดยง่ายดาย
สาวกผู้บริสุทธิ์ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละต่อคริชณะด้วยการรับใช้หนึ่งในรูปลักษณ์อันหลากหลายของพระองค์อยู่เสมอ คริชณะมีภาคแบ่งแยกและอวตารที่สมบูรณ์มากมาย เช่น รามะ และ นริสิมฮะ สาวกเลือกที่จะตั้งจิตมั่นในการรับใช้ด้วยความรักแด่หนึ่งในรูปลักษณ์ทิพย์ขององค์ภควานเหล่านี้ สาวกผู้นี้จะไม่ประสบปัญหาที่ระบาดในหมู่ผู้ปฏิบัติโยคะอื่น ๆ ภักดี-โยคะฺ ง่ายมาก ทั้งบริสุทธิ์และปฏิบัติได้ง่าย เราสามารถเริ่มต้นด้วยเพียงแต่สวดภาวนา ฮะเร คริชณะ องค์ภควานทรงมีพระเมตตาต่อทุกชีวิตดังที่ได้อธิบายไว้แล้ว ทรงมีใจเอนเอียงโดยเฉพาะกับผู้ที่รับใช้พระองค์อยู่เสมอโดยไม่เบี่ยงเบน ทรงช่วยสาวกเหล่านี้ในวิธีต่าง ๆ ดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวท(คะทฺะอุพะนิชัดฺ 1.2.23) ยัม เอไวชะ วริณุเท เทนะ ลับฺยัส/ ทัสไยชะ อาทมา วิวริณุเท ทะนุม สวามฺ ผู้ที่ศิโรราบโดยดุษฎีและปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้แด่องค์ภควานจึงเข้าใจพระองค์ตามความเป็นจริง ได้กล่าวไว้ใน ภควัต-คีตาฺ (10.10) ว่า ดะดามิ บุดดิฺ- โยกัม ทัมฺ องค์ภควานทรงให้ปัญญาแด่สาวกผู้นี้เพียงพอเพื่อในที่สุดเขาจะได้บรรลุถึงพระองค์ในอาณาจักรทิพย์
คุณสมบัติพิเศษของสาวกผู้บริสุทธิ์คือ จะคิดถึงคริชณะอยู่ตลอดเวลา โดยไม่เบี่ยงเบน โดยไม่คำนึงถึงเวลาและสถานที่ จึงไม่มีอุปสรรคใด ๆ ทั้งสิ้น ท่านปฏิบัติรับใช้ในทุกสถานที่และทุกเวลา บางท่านกล่าวว่า สาวกควรอยู่ในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์เช่นวรินดาวะนะหรือเมืองอันศักดิ์สิทธิ์ที่องค์ภควานเคยประทับอยู่ แต่สาวกผู้บริสุทธิ์สามารถอยู่ที่ใดก็ได้ และสร้างบรรยากาศแห่งวรินดาวะนะด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้ ชรี อะดเวทะ กล่าวกับองค์เชธันญะว่า “ไม่ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่ไหน โอ้ องค์ภควาน ที่นั่นคือ วรินดาวะนะ”
ได้แสดงไว้ด้วยคำพูด สะทะทัมฺ และ นิทยะชะฮฺ ซึ่งหมายความว่า “ตลอดไป”“สม่ำเสมอ” หรือ “ทุก ๆ วัน” สาวกผู้บริสุทธิ์ระลึกถึงคริชณะและทำสมาธิอยู่ที่พระองค์เสมอ เหล่านี้คือคุณสมบัติของสาวกผู้บริสุทธิ์ ที่จะบรรลุถึงองค์ภควานง่ายที่สุด ภักดี- โยคะฺ เป็นระบบที่ คีตาฺ แนะนำ ซึ่งเหนือระบบอื่นใดทั้งหมด โดยทั่วไป ภักดี-โยคีฺ ปฏิบัติได้ห้าวิธีคือ (1) ชานทะ-บัฺคธะฺ ปฏิบัติในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ด้วยความเป็นกลาง(2) ดาสยะ-บัฺคธะฺ ปฏิบัติในการอุทิศตนรับใช้ในฐานะผู้รับใช้ (3) สัคฺยะ-บัฺคธะฺ ปฏิบัติในฐานะเป็นเพื่อน (4) วาทสัลยะ-บัฺคธะฺ ปฏิบัติในฐานะเป็นผู้ปกครอง และ(5) มาดํุรยะ- บัฺคธะฺ ปฏิบัติในฐานะเป็นคู่รักขององค์ภควาน ไม่ว่าวิธีใดสาวกผู้บริสุทธิ์จะปฏิบัติการรับใช้ด้วยความรักทิพย์แด่องค์ภควานเสมอโดยไม่มีวันลืมพระองค์ ดังนั้น การบรรลุถึงพระองค์จึงเป็นสิ่งง่ายดาย สาวกผู้บริสุทธิ์จะไม่ลืมองค์ภควานแม้เสี้ยววินาทีเดียว ในทำนองเดียวกันองค์ภควานก็ไม่สามารถลืมสาวกผู้บริสุทธิ์ของพระองค์แม้เสี้ยววินาทีเดียวเช่นกัน นี่คือพรอันประเสริฐของวิธีปฏิบัติคริชณะจิตสำนึก ด้วยการสวดภาวนามหามนต์ ฮะเร คริชณะ ฮะเร คริชณะ คริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร/ ฮะเร รามะ ฮะเรรามะ รามะ รามะ ฮะเร ฮะเร
มาม อุเพทยะ พุนาร จันมะ
ดุฮคฺาละยัม อชาชวะทัมฺ
นาพนุวันทิ มะฮาทมานะฮ
สัมสิดดิฺม พะระมาม กะทาฮฺ
มามฺ - ข้า, อุเพทยะฺ - บรรลุ, พุนะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง, จันมะฺ - เกิด, ดุฮคฺะฺ - อาละยัมฺ - สถานที่แห่งความทุกข์, อชาชวะทัมฺ - ชั่วคราว, นะฺ - ไม่เคย, อาพนุวันทิฺ - ได้รับ, มะฮา-อาทมา นะฮฺ - จิตวิญญาณผู้ยิ่งใหญ่, สัมสิดดิฺมฺ - สมบูรณ์, พะระมามฺ - สูงสุด, กะทาฮฺ - บรรลุ
คำแปลฺ
หลังจากบรรลุถึงข้าแล้ว บรรดาดวงวิญญาณยิ่งใหญ่ผู้เป็นโยคีแห่งการอุทิศตนเสียสละจะไม่กลับมายังโลกที่ไม่ถาวรนี้อีก ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์นานัปการเพราะพวกเขาบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุด
คำอธิบายฺ
เนื่องจากโลกวัตถุที่ไม่ถาวรนี้เต็มไปด้วยความทุกข์แห่งการเกิด การแก่ โรคภัยไข้เจ็บ และการตาย โดยธรรมชาติผู้ที่บรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดและบรรลุถึงดาวเคราะห์สูงสุด คริชณะโลคะ โกโลคะ วรินดาวะนะ จะไม่ปรารถนากลับมาอีก ดาวเคราะห์สูงสุดได้อธิบายไว้ในวรรณกรรมพระเวทว่าเป็น อัพยัคทะฺ และ อัคชะระฺ และ พะระมา กะทิฺ คือ ดาวเคราะห์นั้นอยู่เหนือวิสัยทัศน์วัตถุของเรา และอธิยายไม่ได้ แต่เป็นจุดหมายปลายทางสูงสุด สำหรับ มะฮาทมาฺ (ดวงวิญญาณยิ่งใหญ่) มะฮาทมาฺ ได้รับข้อมูลทิพย์จากสาวกผู้รู้แจ้ง และค่อย ๆ พัฒนาการอุทิศตนเสียสละรับใช้ในคริชณะจิตสำนึก ซึมซาบในการอุทิศตนเสียสละรับใช้เป็นอย่างมากจนกระทั่งไม่ปรารถนาจะพัฒนาไปสู่ดาวเคราะห์วัตถุใด ๆ และไม่ปรารถนาที่จะย้ายไปยังดาวเคราะห์ทิพย์ดวงอื่นใด เพียงปรารถนาคริชณะและใกล้ชิดกับพระองค์เท่านั้น นั่นคือความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิต โศลกนี้กล่าวถึงบรรดาสาวกผู้เชื่อในรูปลักษณ์ขององค์ภควานคริชณะโดยเฉพาะ สาวกในคริชณะจิตสำนึกบรรลุถึงความสมบูรณ์สูงสุดในชีวิต บุคคลเหล่านี้คือดวงวิญญาณสูงสุด
อา-บระฮมะ-บํุวะนาล โลคะฮ
พุนาร อาวารทิโน รจุนะฺ
มาม อุเพทยะ ทุ คะอุนเทยะ
พุนาร จันมะ นะ วิดยะเทฺ
อา-บระฮมะฺ - บํุวะนาท-ขึ้นไปถึงดาวเคราะห์บระฮมะโลคะ, โลคะฮฺ - ระบบดาวเคราะห์ต่าง ๆ, พุนะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง, อาวารทินะฮฺ - กลับมา, อารจุนะฺ - โอ้ อารจุนะ, มามฺ - แดข้า, อุเพทยะฺ - มาถึง, ทฺุ - แต่, คะอุนเทยะฺ - โอ้ โอรสพระนางคุนที, พุนะฮ จันมะฺ - เกิดอีกครั้ง, นะฺ - ไม่เคย, วิดยะเทฺ - เกิดขึ้น
คำแปลฺ
จากดาวเคราะห์สูงสุดในโลกวัตถุลงไปถึงดาวเคราะห์ต่ำสุด ทั้งหมดเป็นสถานที่แห่งความทุกข์ที่มีการเกิดและการตายซ้ำซาก แต่ผู้ที่บรรลุถึงพระตำหนักของข้าโอ้ โอรสพระนางคุนที จะไม่กลับมาเกิดอีก
คำอธิบายฺ
โยคีทั้งหมด เช่น คารมะ, กยานะ, ฮะทฺะ,ฺ ฯลฯ ในที่สุดต้องมาถึงความสมบูรณ์แห่งการอุทิศตนเสียสละใน ภักดี-โยคะฺ หรือคริชณะจิตสำนึก ก่อนที่จะไปถึงพระตำหนักทิพย์ของชรีคริชณะและไม่ต้องกลับมา พวกที่บรรลุถึงดาวเคราะห์วัตถุสูงสุดต่าง ๆ ของเทวดายังจะต้องกลับมาเกิดและตายครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับบุคคลในโลกนี้ที่พัฒนาขึ้นไปสู่ดาวเคราะห์ที่สูงกว่า ผู้คนในดาวเคราะห์ที่สูงกว่า เช่น บระฮมะโลคะ,ชันดระโลคะ และ อินดระโลคะ ตกลงมาบนโลก การปฏิบัติบูชาเรียกว่า พันชากนิ-วิดยาฺแนะนำไว้ใน ชฺานโดกยะ อุพะนิชัดฺ ช่วยให้บรรลุถึงบระฮมะโลคะ หากอยู่ที่บระฮมะโลคะหรือพรหมโลกแล้วไม่เจริญในคริชณะจิตสำนึกเขาต้องกลับมาบนโลกอีก พวกที่พัฒนาคริชณะจิตสำนึกบนดาวเคราะห์สูงจะพัฒนาสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และเมื่อถึงเวลาแห่งการทำลายล้างจักรวาล จะถูกย้ายไปยังอาณาจักรทิพย์อมตะ บะละเดวะ วิดยาบูชะณะอธิบายใน ภควัต-คีตาฺ ของท่านโดยอ้างโศลกนี้
บระฮมะณา สะฮะ เท สารเว
สัมพราพเท พระทิสันชะแรฺ
พะรัสยานเท คริทาทมานะฮ
พระวิชชันทิ พะรัม พะดัมฺ
“เมื่อมีการทำลายล้างจักรวาลวัตถุ พระพรหมและสาวกของท่านทั้งหมดที่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ จะถูกย้ายไปยังจักรวาลทิพย์ และไปยังดาวเคราะห์ทิพย์โดยเฉพาะตามที่ตนปรารถนา”
สะฮัสระ-ยุกะ-พารยันทัม
อฮาร ยัด บระฮมะโณ วิดุฮฺ
ราทริม ยุกะ-สะฮัสรานทาม
เท โฮ-ราทระ-วิโด จะนาฮฺ
สะฮัสระฺ - หนึ่งพัน, ยุกะฺ - ยุค, พารยันทัมฺ - รวมทั้ง, อฮะฮฺ - วัน, ยัทฺ - ซึ่ง, บระฮมะณะฮฺ - ของพระพรหม, วิดุฮฺ - พวกเขารู้, ราทริมฺ - กลางคืน, ยุกะฺ - ยุค, สะฮัสระ-อันทามฺ - ในทำนองเดียวกัน, จบลงหลังหนึ่งพัน, เทฺ - พวกเขา, อฮะฮ-ราทระฺ - กลางวันและกลางคืน, วิดะฮฺ - ผู้เข้าใจ, จะนาฮฺ - ผู้คน
คำแปลฺ
จากการคำนวณของมนุษย์หนึ่งพันรอบรวมกันเป็นหนึ่งวันของพระพรหม และระยะเวลาเดียวกันนี้ก็เป็นหนึ่งคืนของพระพรหม
คำอธิบายฺ
เวลาในจักรวาลวัตถุมีจำกัดและปรากฏในรอบของกัปหรือ คัลพะฺ หนึ่ง คัลพะฺ เป็นหนึ่งวันของพระพรหม หนึ่งวันของพระพรหมประกอบไปด้วยหนึ่งพันรอบของสี่ยุคคือ สัทยะยุค, เทรทายุค, ดวาพะระยุคฺ, และ คะลิยุคฺ ลักษณะของ สัทยะฺ ยุค คือมีความดี มีปัญญา และมีศาสนา โดยทั่วไปยุคนี้จะไม่มีอวิชชาและความชั่ว ยุคนี้มีระยะเวลา 1,728,000 ปี ใน เทรทา-ยุคฺ ความชั่วเริ่มเข้ามา ยุคนี้มีระยะเวลา 1,296,000ปี ใน ดวาพะระ-ยุคฺ ความดีและศาสนาจะเสื่อมลงมาก ความชั่วแผ่ขยาย ยุคนี้มีระยะเวลา 864,000 ปี ท้ายสุดใน คะลิ-ยุคฺ (ยุคที่เรามีประสบการณ์มากว่า 5,000 ปี) จะมีการทะเลาะวิวาท ต่อสู้ อวิชชา ไร้ศาสนา และความชั่วแพร่หลายมาก ความดีที่แท้จริงเกือบหาไม่พบเลย ยุคนี้มีระยะเวลา 432,000 ปี ใน คะลิ-ยุคฺ ความชั่วแผ่ไพศาลไปจนถึงปลายยุค และองค์ภควานเสด็จลงมาเองในรูปของ คัลคิ อวะทาระฺ เพื่อขจัดเหล่ามารและช่วยสาวกไว้ จากนั้นก็เริ่มต้น สัทยะ-ยุคฺ ใหม่แล้ววิธีการเดียวกันนี้ดำเนินต่อไปอีกครั้ง สี่ยุคนี้หมุนเวียนเปลี่ยนไปหนึ่งพันครั้งรวมกันเป็นหนึ่งวันของพระพรหม และจำนวนเดียวกันนี้ก็รวมกันเป็นหนึ่งคืน พระพรหมมีอายุขัยหนึ่งร้อย “ปี” เช่นนี้ จากนั้นพระพรหมสิ้นชีวิต “หนึ่งร้อยปีเช่นนี้” จากการคำนวณทางโลกรวมกันเป็น 311 ล้านล้าน40 พันล้านปีของโลก เมื่อการคำนวณชีวิตของพระพรหมดูเหมือนยืนยาวไม่มีวันสิ้นสุด แต่มองจากมุมอมตะ ก็เป็นเพียงชั่วแวบเดียวเหมือนสายฟ้าแลบ ในมหาสมุทรแหล่งกำเนิดมีพระพรหมจำนวนนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นมาและจากไปเหมือนกับฟองน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติค พระพรหมและการสร้างของท่านทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลวัตถุ ดังนั้น บรรดาพระพรหมจึงผ่านไปเรื่อย ๆ
ในจักรวาลวัตถุแม้แต่พระพรหมยังไม่เป็นอิสระจากกรรมวิธีแห่งการเกิดความแก่ โรคภัยไข้เจ็บ และความตาย อย่างไรก็ดีพระพรหมทรงปฏิบัติในการรับใช้องค์ภควานโดยตรงด้วยการบริหารจักรวาลนี้ ฉะนั้น ท่านจึงบรรลุความหลุดพ้นทันที สันนยาสีฺ ผู้เจริญก้าวหน้าจะได้รับการส่งเสริมไปที่ดาวเคราะห์โดยเฉพาะของพระพรหมชื่อ บระฮมะโลคะ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สูงสุดในจักรวาลวัตถุ ซึ่งมีอายุยืนยาวกว่าดาวเคราะห์สวรรค์ทั้งหลายในระดับชั้นที่สูงกว่าของระบบดาวเคราะห์ แต่พระพรหมรวมทั้งผู้อาศัยอยู่ที่บระฮมะโลคะทั้งหมดต้องพบกับความตายตามกาลเวลา ซึ่งเป็นไปตามกฎแห่งธรรมชาติวัตถุ
อัพยัคทาด วิยัคทะยะฮ สารวาฮ
พระบฺะวันทิ อฮาร-อากะเมฺ
ราทริ-อากะเม พระลียันเท
ทะไทรวาพยัคทะ-สัมกยะเคฺ
อัพยัคทาทฺ - จากที่ไม่ปรากฏ, วยัคทะยะฮฺ - สิ่งมีชีวิต, สารวาฮฺ - ทั้งหมด, พระบฺะวันทิฺ - ปรากฏออกมา, อฮะฮ-อากะเมฺ - ในตอนเริ่มต้นของวัน, ราทริ-อากะเมฺ - ตกตอนกลางคืน, พระลียันเทฺ - ถูกทำลาย, ทะทระฺ - ในนั้น, เอวะฺ - แน่นอน, อัพยัคทะฺ - ไม่ปรากฏ, สัมกยะเคฺ - ซึ่งเรียกว่า
คำแปลฺ
ในตอนเริ่มต้นวันของพระพรหม สิ่งมีชีวิตทั้งหลายปรากฏออกมาจากสภาวะที่ไม่ปรากฏ หลังจากนั้นเมื่อตกตอนกลางคืน พวกเขาก็กลืนเข้าไปในการไม่ปรากฏอีกครั้งหนึ่ง
บํูทะ-กรามะฮ สะ เอวายัม
บํูทวา บํูทวา พระลียะเทฺ
ราทริ-อากะเม วะชะฮ พารทฺะ
พระบฺะวะทิ อฮาร-อากะเมฺ
บํูทะ-กรามะฮฺ - การรวมกันของมวลชีวิต, สะฮฺ - เหล่านี้, เอวะฺ - แน่นอน, อยัมฺ - นี้, บํูทวา บํูทวาฺ - เกิดแล้วเกิดอีก, พระลียะเทฺ - ถูกทำลาย, ราทริฺ - ของเวลากลางคืน, อากะเมฺ - เข้ามา, อวะชะฮฺ - โดยปริยาย, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, พระบฺะวะทิฺ - ปรากฏออกมา, อฮะฮฺ - เวลากลางวัน, อากะเมฺ - เข้ามา
คำแปลฺ
ครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อเวลากลางวันของพระพรหมมาถึง สิ่งมีชีวิตทั้งหมดก็ปรากฏและเมื่อตอนกลางคืนของพระพรหมมาถึง พวกเขาก็ถูกทำลายไปอย่างช่วยไม่ได้
คำอธิบายฺ
คนด้อยปัญญาพยายามจะอยู่ภายในโลกวัตถุนี้และอาจพัฒนาไปถึงดาวเคราะห์ที่สูงกว่า จากนั้นต้องกลับลงมาที่โลกนี้อีกครั้งหนึ่ง ในเวลากลางวันของพระพรหมพวกเขาสามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ในดาวเคราะห์เบื้องสูงและเบื้องต่ำภายในโลกวัตถุนี้ แต่เมื่อเวลากลางคืนของพระพรหมมาถึงทั้งหมดก็จะถูกทำลาย ในเวลากลางวันพวกเขาได้รับร่างกายต่าง ๆ เพื่อทำกิจกรรมทางวัตถุและในตอนกลางคืนจะไม่มีร่างกายแต่จะอัดกันอยู่ในร่างของพระวิชณุ จากนั้นจะปรากฏออกมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเวลากลางวันของพระพรหมมาถึง บํูทวา บํูทวา พระลียะเทฺ ในตอนกลางวันปรากฏและในตอนกลางคืนถูกทำลายลงอีก ในที่สุดเมื่อชีวิตของพระพรหมจบสิ้นลงทั้งหมดถูกทำลายและจะไม่ปรากฏเป็นเวลาล้านล้านและล้านล้านปี และเมื่อพระพรหมเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในอีกยุคหนึ่ง พวกเขาก็ปรากฏขึ้นใหม่ เช่นนี้สิ่งมีชีวิตถูกทำให้หลงด้วยมนต์ขลังแห่งโลกวัตถุ แต่ผู้มีปัญญาจะรับเอาคริชณะจิตสำนึกมาปฏิบัติและใช้เวลาของชีวิตมนุษย์อย่างเต็มที่ในการอุทิศตนเสียสละรับใช้ต่อองค์ภควานด้วยการสวดภาวนา ฮะเรคริชณะ ฮะเร คริชณะ คริชณะ คริชณะ ฮะเร ฮะเร / ฮะเร รามะ ฮะเร รามะ รามะ รามะฮะเร ฮะเร ดังนั้น แม้ในชีวิตนี้พวกนี้จะย้ายตนเองไปยังดาวเคราะห์ทิพย์ของคริชณะและมีความปลื้มปีติสุขชั่วกัลปวสาน ณ ที่นั้น โดยไม่ถูกบังคับให้กลับมาเกิดอีก
พะรัส ทัสมาท ทุ บฺาโว นโย
วิยัคโท วิยัททาท สะนาทะนะฮฺ
ยะฮ สะ สารเวชุ บํูเทชุ
นัชยัทสุ นะ วินัชยะทิฺ
พะระฮฺ - ทิพย์, ทัสมาทฺ - นั้น, ทฺุ - แต่, บฺาวะฮฺ - ธรรมชาติ, อันยะฮฺ - อีกอันหนึ่ง, อัพยัคทะฮฺ - ไม่ปรากฏ, อัพยัคทาทฺ - แด่ที่ไม่ปรากฏ, สะนาทะนะฮฺ - อมตะ, ยะฮ สะฮฺ - ซึ่ง, สารเวชฺุ - ทั้งหมด, บํูเทชฺุ - ปรากฏการณ์, นัชยัทสฺุ - ถูกทำลาย, นะฺ - ไม่เคย, วินัชยะทิฺ - ถูกทำลาย
คำแปลฺ
ถึงกระนั้นยังมีอีกธรรมชาติหนึ่งที่ไม่ปรากฏ เป็นอมตะ และเป็นทิพย์อยู่เหนือวัตถุที่ปรากฏและไม่ปรากฏนี้ เป็นสถานที่สูงสุด และไม่มีวันถูกทำลาย เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ถูกทำลาย ส่วนนั้นยังคงเหมือนเดิม
คำอธิบายฺ
พลังงานทิพย์ที่สูงกว่าของคริชณะเป็นทิพย์และเป็นอมตะ อยู่เหนือการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดของธรรมชาติวัตถุที่ปรากฏออกมาในเวลากลางวันและจะถูกทำลายในเวลากลางคืนของพระพรหม พลังงานเบื้องสูงของคริชณะมีคุณสมบัติตรงกันข้ามกับธรรมชาติวัตถุโดยสิ้นเชิง ธรรมชาติที่สูงกว่าและธรรมชาติที่ต่ำกว่านี้ได้อธิบายไว้ในบทที่เจ็ด
อัพยัคโท คชะระ อิทิ อุคทัส
ทัม อาฮุฮ พะระมาม กะทิมฺ
ยัม พราพยะ นะ นิวารทันเท
ทัด ดฺามะ พะระมัม มะมะฺ
อัพยัคทะฮฺ - ไม่ปรากฏ, อัคชะระฮฺ - ไม่มีผิดพลาด, อิทิฺ - ดังนั้น, อุคทะฮฺ - กล่าวไว้ว่า, ทัมฺ - นั้น, อาฮุฮฺ - รู้, พะระมามฺ - สูงสุด, กะทิมฺ - จุดมุ่งหมาย, ยัมฺ - ซึ่ง, พราพยะฺ - ได้รับ, นะฺ - ไม่เคย, นิวารทันเทฺ - กลับมา, ทัทฺ - นั้น, ดฺามะฺ - ตำหนัก, พะระมัมฺ - สูงสุด, มะมะฺ - ของข้า
คำแปลฺ
สถานที่ซึ่งผู้รู้พระเวทอธิบายว่าไม่ปรากฏ ไม่มีข้อผิดพลาด และเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด สถานที่ซึ่งเมื่อไปถึงแล้ว เขาจะไม่กลับมาอีก นั่นคือพระตำหนักสูงสุดของข้า
คำอธิบายฺ
พระตำหนักสูงสุดของคริชณะบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้า ได้อธิบายไว้ใน บระฮมะ-สัมฮิทาฺ ว่าเป็น ชินทามะณิ-ดฺามะฺ สถานที่ที่ความปรารถนาทั้งหมดได้รับการตอบสนอง พระตำหนักสูงสุดขององค์ชรีคริชณะมีชื่อว่า โกโลคะ วรินดาวะนะ ซึ่งเต็มไปด้วยราชวังที่ทำด้วยมณีทิพย์ มีต้นไม้เรียกว่า “ต้นสมใจนึก” ที่ให้ผลทุกชนิดตามอุปสงค์ของเรา มีฝูงวัวชื่อ สุระบิฺฺ ที่ให้ปริมาณนำ้นมอย่างไม่จำกัด ณ ที่พระตำหนักนี้มีเทพธิดาแห่งโชคลาภ (ลัคชมี) เป็นร้อย ๆ พัน ๆ องค์คอยรับใช้ องค์ภควานทรงพระนามว่าโกวินดะ พระปฐมองค์เจ้าผู้ทรงเป็นแหล่งกำเนิดของแหล่งกำเนิดทั้งปวง ทรงเคยชินอยู่กับการทรงขลุ่ย (เวณุม ควะณันทัมฺ) รูปลักษณ์ทิพย์ของพระองค์มีเสน่ห์สูงสุดในทั่วทุกโลก พระเนตรของพระองค์คล้ายกลีบดอกบัว สีผิวคล้ายสีเมฆ ทรงมีเสน่ห์มากจนความสง่างามของพระองค์นั้นล้ำเลิศเกินกว่ากามเทพเป็นพัน ๆ องค์ พระองค์ทรงอาภรณ์สีส้ม มีพวงมาลัยคล้องคอ และมีหางนกยูงประดับบนพระเศียร ใน ภควัต-คีตาฺองค์คริชณะทรงเกริ่นเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับพระตำหนักส่วนพระองค์ โกโลคะ วิรินดา-วะนะ ซึ่งเป็นดาวเคราะห์สูงสุดในโลกทิพย์ บระฮมะ-สัมฮิทาฺ ได้พรรณนาไว้อย่างชัดเจนวรรณกรรมพระเวท (คะทฺะ อุพะนิชัด 1.3.11ฺ) กล่าวว่าไม่มีสิ่งอื่นใดเหนือไปกว่าพระตำหนักขององค์ภควาน และพระตำหนักนั้นคือจุดมุ่งหมายสูงสุด (พุรุชาน นะ พะรัม คิน ชิท สา คาชทฺา พะระมา กะทิฮฺ) เมื่อผู้ใดบรรลุถึงจะไม่กลับมาในโลกวัตถุนี้อีก พระตำหนักสูงสุดของคริชณะและพระวรกายของคริชณะไม่มีข้อแตกต่าง เพราะมีคุณสมบัติเหมือนกัน ในโลกนี้ วรินดาวะนะ อยู่ห่างจากรุงเดลฮี ไปทางตะวันออกเฉียงใต้เก้าสิบไมล์ซึ่งเป็นรูปจำลองของ โกโลคะ วรินดาวะนะ สูงสุดจากท้องฟ้าทิพย์ เมื่อคริชณะเสด็จมาบนโลกนี้ พระองค์ทรงเล่นกีฬาบนแผ่นดินที่มีชื่อว่า วรินดาวะนะ โดยเฉพาะ ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณแปดสิบสี่ตารางไมล์ในจังหวัดมะทํุรา ประเทศอินเดีย
พุรุชะฮ สะ พะระฮ พารทฺะ
บัฺคธยา ลับฺยัส ทุ อนันยะยาฺ
ยัสยานทะฮ-สทฺานิ บํูทานิ
เยนะ สารวัม อิดัม ทะทัมฺ
พุรุชะฮฺ - บุคลิกภาพสูงสุด, สะฮฺ - เขา, พะระฮฺ - องค์ภควานซึ่งไม่มีผู้ใดยิ่งใหญ่ไปกว่า, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, บัฺคธยาฺ - ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้, ลับฺยะฮฺ - สามารถบรรลุถึง, ทะฺ - แต่, อนันยะยาฺ - มีมีสิ่งใดเจือปน, ไม่บ่ายเบี่ยง, ยัสยะฺ - ผู้ซึ่ง, อันทะฮ-สทฺานิฺ - ภายใน, บํูทานิฺ - ปรากฏการณ์ทางวัตถุทั้งหมด, เยนะฺ - โดยผู้ซึ่ง, สารวัมฺ - ทั้งหมด, อิดัมฺ - อะไรก็แล้วแต่ที่เราสามารถเห็น, ทะทัมฺ - แผ่กระจาย
คำแปลฺ
บุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าผู้ที่ยิ่งใหญ่กว่าทุก ๆ คน บรรลุถึงได้ด้วยการอุทิศตนเสียสละที่บริสุทธิ์ แม้ว่าทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักของพระองค์ พระองค์ยังทรงแผ่กระจายไปทั่ว และทุกสิ่งทุกอย่างสถิตในพระองค์
คำอธิบายฺ
ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน ณ ที่นี้ว่าจุดมุ่งหมายสูงสุด สถานที่ซึ่งไปถึงแล้วจะไม่ต้องกลับมา คือพระตำหนักของคริชณะองค์ภควาน บระฮมะ-สัมฮิทาฺ ได้อธิบายพระตำหนักสูงสุดนี้ว่าเป็น อานันดะ-ชินมะยะ-ระสะฺ สถานที่ที่ทุกสิ่งทุกอย่างเปี่ยมไปด้วยความปลื้มปีติสุขทิพย์ ความหลากหลายแตกต่างทั้งหมดที่ปรากฏอยู่ที่นั่นมีคุณสมบัติแห่งความปลื้มปีติสุขทิพย์ ไม่มีสิ่งใดเป็นวัตถุ ความหลากหลายแผ่ขยายออกไป ดังเช่นการแผ่ขยายทิพย์ขององค์ภควานเอง เพราะว่าปรากฏการณ์ที่นั่นมาจากพลังงานทิพย์ล้วน ๆ ดังได้อธิบายไว้ในบทที่เจ็ด สำหรับโลกวัตถุนี้ แม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักสูงสุดของพระองค์เสมอ ยังทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยพลังงานวัตถุดังนั้น ด้วยพลังงานทิพย์และพลังงานวัตถุของคริชณะ พระองค์จึงทรงปรากฏอยู่ทุกหนทุกแห่งทั้งในจักรวาลวัตถุและในจักรวาลทิพย์ ยัสยานทะฮ-สทฺานิฺ หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างได้รับการค้ำจุนอยู่ภายในพระองค์ ไม่ว่าภายในพลังงานทิพย์หรือภายในพลังงานวัตถุของพระองค์ องค์ภควานทรงแผ่กระจายไปทั่วด้วยพลังงานทั้งสองนี้
การบรรลุถึงพระตำหนักสูงสุดของคริชณะหรือดาวเคราะห์ไวคุณทธฺะ ที่นับจำนวนไม่ถ้วนเป็นไปได้ด้วย บัฺคธิฺ หรือการอุทิศตนเสียสละเท่านั้น ดังที่ได้แสดงไว้อย่างชัดเจน ณ ที่นี้ด้วยคำว่า บัฺคยาฺ ไม่มีวิธีอื่นใดสามารถช่วยเราให้บรรลุถึงพระตำหนักสูงสุดนั้นได้ คัมภีร์พระเวท (โกพาละ-ทาพะนี อุพะนิชัดฺ 1.21) ได้อธิบายถึงพระตำหนักสูงสุดและบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าไว้เช่นกันว่า เอโค วะชี สารวะ-กะฮ คริชณะฮฺในพระตำหนักนั้นมีบุคลิกภาพสูงสุดแห่งพระเจ้าเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นผู้ทรงพระนามว่าคริชณะ พระองค์ทรงเป็นพระปฏิมาผู้มีพระเมตตาสูงสุด ถึงแม้สถิตอยู่ ณ ที่นั้นเป็นหนึ่ง ทรงแบ่งภาคของพระองค์เองเป็นล้าน ๆ และล้าน ๆ ภาคออกไปโดยสมบูรณ์คัมภีร์พระเวทเปรียบเทียบองค์ภควานเหมือนกับต้นไม้ที่ยืนอยู่นิ่ง ๆ แต่มีผลไม้ ดอกไม้และการสลับสับเปลี่ยนใบอย่างหลากหลายมากมาก ภาคที่แบ่งแยกโดยสมบูรณ์ขององค์ภควานผู้ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าสูงสุดแห่งดาวเคราะห์ไวคุณธฺะต่าง ๆ ทรงมีสี่กร และทรงมีพระนามต่าง ๆ กัน เช่น พุรุโชททะมะ, ทริวิคระมะ, เคชะวะ, มาดฺะวะ, อนิรุดดฺะ, ฮริชีเคชะ, สังคารชะณะ, พรัดยุมนะ, ชรีดฺะระ, วาสุเดวะ, ดาโมดะระ, จะนารดะนะ, นารายะณะ, วามะนะ, พัดมะนาบฺะ ฯลฯ
บระฮมะ-สัมฮิทาฺ (5.37) ได้ยืนยันไว้ว่า ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ที่พระตำหนักสูงสุด โกโลคะ วรินดาวะนะ เสมอ พระองค์ทรงแผ่กระจายไปทั่วเพื่อทุกสิ่งทุกอย่างจะได้ดำเนินไปด้วยดี (โกโลคะ เอวะ นิวะสะทิ อคิลาทมะ-บํูทะฮฺ) ดังที่ได้กล่าวไว้ในคัมภีร์พระเวท (ชเวทาชวะทะระ อุพะนิชัดฺ 6.8) พะราสยะ ชัคทิร วิวิไดฺวะ ชรูยะเท/ สวาบฺาวิคี กยานะ-บะละ-คริยา ชะฺ พลังงานต่าง ๆ ของพระองค์ทรงแผ่กระจายไปทั่วจนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในปรากฏการณ์ทางจักรวาลดำเนินไปอย่างเป็นระบบ ปราศจากข้อบกพร่อง ถึงแม้ว่าองค์ภควานทรงประทับอยู่ไกลแสนไกล
ยะทระ คาเล ทุ อนาวริททิม
อาวริททิม ไชวะ โยกินะฮฺ
พระยาทา ยานทิ ทัม คาลัม
วัคชยามิ บฺะระทารชะบฺะฺ
ยะทระฺ - ที่ซึ่ง, คาเลฺ - กาลเวลา, ทฺุ - และ, อนาวริททิมฺ - ไม่กลับมา, อาวริททิมฺ - กลับมา, ชะฺ - เช่นกัน, เอวะฺ - แน่นอน, โยกินะฮฺ - โยคีประเภทต่าง ๆ, พระยาทาฮฺ - ล่วงลับไปแล้ว, ยานทิฺ - บรรลุ, ทัมฺ - นั้น, คาลัมฺ - กาลเวลา, วัคชยามิฺ - ข้าจะอธิบาย, บฺะระทะ-ริชะบฺะฺ - โอ้ผู้ยอดเยี่ยมในหมู่ บฺาระทะ
คำแปลฺ
โอ้ ผู้ยอดเยี่ยมแห่งบฺาระทะ บัดนี้ข้าจะอธิบายแด่เธอถึงช่วงเวลาต่าง ๆ ซึ่งเมื่อล่วงลับไปจากโลกนี้ โยคีจะกลับหรือไม่กลับมาอีก
คำอธิบายฺ
เหล่าสาวกผู้บริสุทธิ์ขององค์ภควานผู้เป็นดวงวิญญาณที่ศิโรราบโดยดุษฎีไม่สนใจว่าเมื่อใดจะออกจากร่างนี้หรือจะไปด้วยวิธีใด ท่านปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในพระหัตถ์ของคริชณะ ดังนั้น จึงกลับคืนสู่องค์ภควานได้อย่างง่ายดายและมีความสุข แต่พวกที่ไม่ใช่สาวกผู้บริสุทธิ์ต้องขึ้นอยู่กับวิธีต่าง ๆ แห่งการรู้แจ้งทิพย์ เช่น คาระมะ- โยกะ, กยานะ-โยกะฺ, และ ฮะทฺะ-โยกะฺ และต้องออกจากร่างนี้ไปในเวลาที่เหมาะสมจึงมั่นใจว่าจะกลับหรือไม่กลับมาในโลกแห่งการเกิดและการตายนี้อีก
หากโยคีมีความสมบูรณ์ เขาสามารถเลือกเวลาและสภาวะในการออกจากโลกวัตถุนี้ไปได้ แต่หากว่าไม่มีความชำนาญเพียงพอ ความสำเร็จก็ขึ้นอยู่กับอุบัติเหตุในการจากไปในเวลาที่เหมาะสมโดยเฉพาะ เวลาที่เหมาะสมขณะจากไปและจะไม่กลับมาองค์ภควานทรงอธิบายไว้ในโศลกต่อไป ตาม อาชารยะ บะละเดวะ วิดยาบํูชะณะ คำสันสกฤต คาละฺ ที่ใช้ ณ ที่นี้หมายถึงพระปฏิมาผู้ทรงเป็นประมุขแห่งกาลเวลา
อักนิร จโยทิร อฮะฮ ชุคละฮ
ชัน-มาสา อุททะรายะณัมฺ
ทะทระ พระยาทา กัชชัฺนทิ
บระฮมะ บระฮมะ-วิโด จะนาฮฺ
อักนิฮฺ - ไฟ, จโยทิฮฺ - แสง, อฮะฮฺ - กลางวัน, ชุคละฮฺ - ปักษ์ขาว, ชัทฺ - มาสาฮฺ - หกเดือน, อุททะระฺ - อยะนัมฺ - เมื่อพระอาทิตย์ผ่านไปทางทิศเหนือ, ทะทระฺ - ที่นั่น, พระยาทาฮฺ - พวกที่จากไป, กัชชัฺนทิฺ - ไป, บระฮมะฺ - สัจธรรม, บระฮมะ-วิดะฮฺ - ผู้รู้สัจธรรม, จะนาฮฺ - บุคคลเหล่านั้น
คำแปลฺ
พวกที่รู้ บระฮมัน สูงสุดบรรลุถึงจุดสูงสุดนั้นด้วยการออกไปจากโลกในระหว่างช่วงเวลาที่เจ้าแห่งไฟมีอิทธิพล ในแสงสว่าง ในเวลาที่เป็นมงคลแห่งวัน ระหว่างปักษ์ข้างขึ้น หรือระหว่างหกเดือนเมื่อดวงอาทิตย์โคจรไปทางทิศเหนือ
คำอธิบายฺ
เมื่อไฟ แสง วัน และปักษ์ของดวงจันทร์ได้กล่าวไว้ เข้าใจได้ว่าทั้งหมดต่างมีพระปฏิมาผู้ทรงเป็นประมุขและจัดเตรียมเพื่อการเดินทางของดวงวิญญาณ ในขณะที่กำลังตายจิตใจจะนำพาเขาไปบนวิถีทางแห่งชีวิตใหม่ หากออกจากร่างตามเวลาที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น ไม่ว่าด้วยอุบัติเหตุหรือด้วยการจัดเตรียม เป็นไปได้ที่เขาจะบรรลุถึง บระฮมะจโยทิฺ ที่ไร้รูปลักษณ์ พวกโยคีที่เจริญก้าวหน้าในการฝึกปฏิบัติโยคะสามารถตระเตรียมเวลาและสถานที่ในการออกจากร่าง ผู้อื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ หากเป็นอุบัติเหตุที่ทำให้ออกจากร่างในเวลาที่เป็นมงคล ก็จะไม่ต้องกลับมาในวัฎจักรแห่งการเกิดและการตาย มิฉะนั้น เป็นไปได้อย่างสูงว่าพวกเขาต้องกลับมาอีก อย่างไรก็ดีสำหรับสาวกผู้บริสุทธิ์ในคริชณะจิตสำนึกจะไม่มีความกลัวในการกลับมา ไม่ว่าออกจากร่างนี้ไปในเวลาที่เป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคล ด้วยอุบัติเหตุหรือด้วยการจัดเตรียม
ดํูโม ราทริส ทะทฺา คริชณะฮ
ชัณ-มาสา ดัคชินายะนัมฺ
ทะทระ ชานดระมะสัม จโยทิร
โยกี พราพยะ นิวารทะเทฺ
ดํูมะฮฺ - ควัน, ราทริฮ-กลางคืน, ทะทฺาฺ - เช่นกัน, คริชณะฮฺ - ปักษ์ของเดือนมืด, ชัทฺ - มาสาฮฺ - หกเดือน, ดัคชิณะ-อยะนัมฺ - เมื่อดวงอาทิตย์ผ่ายไปทางทิศใต้, ทะทระฺ - ที่นั่น, ชานดระฺ - มะสัมฺ - ดวงจันทร์, จโยทิรฺ - แสง, โยกีฺ - โยคี, พราพยะฺ - ได้รับ, นิวารทะเทฺ - กลับมา
คำแปลฺ
โยคีผู้จากโลกนี้ไปในเวลากลางคืน ระหว่างที่มีควัน ในปักษ์ข้างแรม หรือในหกเดือนที่ดวงอาทิตย์ผ่านไปทางทิศใต้โคจรไปทางดวงจันทร์ จะต้องกลับมาอีก
คำอธิบายฺ
ในภาคสามของ ชรีมัด-บฺากะวะธัมฺ คะพิละ มุนิ ทรงกล่าวถึงผู้ที่มีความชำนาญในกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ และวิธีการบูชาต่าง ๆ ในโลกเพื่อบรรลุถึงดวงจันทร์หลังจากตายไป วิญญาณผู้เจริญเหล่านี้อยู่ที่ดวงจันทร์ประมาณ 10,000 ปี (จากการคำนวณของเทวดา) และมีชีวิตอยู่กับความสุขด้วยการดื่ม โสมะ-ระสะฺ ในที่สุดพวกเขาจะกลับมาในโลกนี้อีก เช่นนี้หมายความว่าบนดวงจันทร์มีสิ่งมีชีวิตระดับที่สูงกว่า ถึงแม้ไม่อาจสำเหนียกได้ด้วยประสาทสัมผัสที่หยาบ
ชุคละ-คริชเณ กระทะ ฮิ เอเท
จะกะทะฮ ชาชวะเท มะเทฺ
เอคะยา ยาทิ อนาวริททิม
อันยะยาวารทะเท พุนะฮฺ
ชุคละฺ - แสงสว่าง, คริชเณฺ - และความมืด, กะทีฺ - วิธีการจากไป, ฮิฺ - แน่นอน, เอเทฺ - ทั้งสอง, จะกะทะฮฺ - ของโลกวัตถุ, ชาชวะเทฺ - ของคัมภีร์พระเวท, มะเทฺ - ในความเห็น, เอคะ ยาฺ - ของผู้หนึ่ง, ยาทิ-ไป, อนาวริททิมฺ - ไม่มีการกลับ, อันยะยาฺ - ของอีกผู้หนึ่ง, อาวาร- ทะเทฺ - กลับมา, พุนะฮฺ - อีกครั้งหนึ่ง
คำแปลฺ
ตามความเห็นของคัมภีร์พระเวทมีสองวิธีในการจากโลกนี้ไป วิธีหนึ่งจากไปในแสงสว่าง และอีกวิธีหนึ่งจากไปในความมืด เมื่อผู้ใดจากไปในแสงสว่างเขาไม่ต้องกลับมา แต่เมื่อผู้ใดจากไปในความมืดเขาจะกลับมา
คำอธิบายฺ
เกี่ยวกับการจากไปและการกลับมานี้ อาชารยะ บะละเดวะ วิดยาบํูชะณะ ได้อ้างอิงจาก ชฺานโดกยะ อุพะนิชัดฺ (5.10.3-5) ว่า พวกที่ทำงานเพื่อผลทางวัตถุ และพวกที่คาดคะเนทางปรัชญา จะไป ๆ มา ๆ อยู่เสมอตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ อันที่จริงพวกนี้ไม่บรรลุถึงความหลุดพ้นสูงสุด เพราะว่าไ่ม่ได้ศิโรราบต่อคริชณะ
ไนเท สริที พารทฺะ จานัม
โยกี มุฮยะทิ คัชชะนะฺ
ทัสมาท สารเวชุ คาเลชุ
โยกะ-ยุคโท บฺะวารจุนะฺ
นะฺ - ไม่เคย, เอเทฺ - ทั้งสอง, สริทีฺ - วิถีทางต่างกัน, พารทฺะฺ - โอ้ โอรสพระนางพริทฺา, จานัมฺ - ถึงแม้ว่าเขารู้, โยกีฺ - สาวกขององค์ภควาน, มุฮยะทิฺ - สับสน, คัชชะนะฺ - ผู้ใด, ทัสมาทฺ - ดังนั้น, สารเวชุ-คาเลชฺุ - เสมอ, โยกะ-ยุคทะฮฺ - ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึก, บฺะวะฺ - เพียงแต่มาเป็น, อารจะนะฺ - โอ้ อารจุนะ
คำแปลฺ
ถึงแม้สาวกทราบสองวิธีนี้ โอ้ อารจุนะ พวกเขาไม่สับสน ดังนั้น จงตั้งมั่นตลอดเวลาอยู่ในการอุทิศตนเสียสละ
คำอธิบายฺ
ณ ที่นี้ คริชณะทรงแนะนำอารจุนะว่า ไม่ควรวิตกกับวิถีทางต่าง ๆ ที่ดวงวิญญาณจะเดินทางไปขณะออกจากโลกวัตถุ สาวกขององค์ภควานไม่ควรกังวลว่าจะจากไปด้วยการตระเตรียมหรือด้วยอุบัติเหตุ แต่ควรสถิตอย่างมั่นคงในคริชณะจิตสำนึกโดยสวดภาวนา ฮะเร คริชณะ และควรรู้ว่าการวิตกกังวลในทั้งสองวิถีทางนี้มีแต่ปัญหาวิธีที่ดีที่สุดคือซึมซาบอยู่ในคริชณะจิตสำนึก และประสานทุกสิ่งทุกอย่างในการรับใช้พระองค์ เช่นนี้จะทำให้วิถีทางที่จะไปสู่อาณาจักรทิพย์ปลอดภัยแน่นอน และโดยตรงคำว่า โยกะ-ยุคทะฺ มีความสำคัญอย่างยิ่งในโศลกนี้ ผู้ที่มีความมั่นคงในโยคะจะปฏิบัติกิจกรรมทั้งหมดในคริชณะจิตสำนึกอยู่เสมอ ชรี รูพะ โกสวามี แนะนำว่า อนาสัคทัส ยะฺ วิชะยาน ยะทฺารฮัม อุพะยุนจะทะฮฺ เราไม่ควรยึดติดอยู่ในภารกิจทางวัตถุ และทำทุกสิ่งทุกอย่างในคริชณะจิตสำนึก ด้วยระบบที่เรียกว่า ยุคทะ-ไวรากยะฺ นี่ เราจะบรรลุถึงความสมบูรณ์ ดังนั้น สาวกไม่วิตกกับคำอธิบายเหล่านี้ เพราะทราบว่าการที่จะไปยังพระตำหนักสูงสุดรับประกันด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้
เวเดชุ ยะกเยชชุ ทะพะฮสุ ไชวะ
ดาเนชุ ยัท พุณยะ-พฺะลัม พระดิชทัมฺ
อัทเยทิ ทัท สารวัม อิดัม วิดิทวา
โยกี พะรัม สทฺานัม อุไพทิ ชาดยัมฺ
เวเดชฺุ - ในการศึกษาคัมภีร์พระเวท, ยะกเยชฺุ - ในการปฏิบัติ ยะกยะฺ, การบูชา, ทะพะฮสฺุ - ในการปฏิบัติสมถะวิธีต่าง ๆ, ชะ-เช่นกันฺ, เอวะฺ - แน่นอน, ดาเนชฺุ - ในการให้ทาน, ยัทฺ - ซึ่ง, พุณยะ-พะลัมฺ - ผลบุญ, พระดิชทัมฺ - แสดง, อัทเยทิฺ - ข้ามพ้น, ทัท สารวัมฺ - เหล่านี้ทั้งหมด, อิดัมฺ - นี้, วิดิทวาฺ - รู้, โยกีฺ - สาวก, พะรัมฺ - สูงสุด, สทฺานัมฺ - พระตำหนัก, อุไพทิฺ - บรรลุ, ชะฺ - เช่นกัน, อาดยัมฺ - เดิม
คำแปลฺ
บุคคลผู้รับเอาวิถีแห่งการอุทิศตนเสียสละรับใช้มาปฏิบัติ จะไม่สูญเสียผลที่ได้รับจากการศึกษาคัมภีร์พระเวท ปฏิบัติพิธีบูชา ปฏิบัติความเพียร ให้ทานหรือแสวงหาปรัชญาความรู้ และกิจกรรมเพื่อผลทางวัตถุ เพียงแต่ปฏิบัติการอุทิศตนเสียสละรับใช้ เขาจะบรรลุถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด และในที่สุดจะบรรลุถึงพระตำหนักนิรันดรสูงสุด
คำอธิบายฺ
โศลกนี้เป็นการสรุปบทที่เจ็ดและบทที่แปด ซึ่งพูดถึงคริชณะจิตสำนึกและการอุทิศตนเสียสละรับใช้โดยเฉพาะ เราต้องศึกษาคัมภีร์พระเวทภายใต้การนำของพระอาจารย์ทิพย์ ปฏิบัติสมถะและบำเพ็ญเพียรอย่างมากในขณะที่อยู่ภายใต้การดูแลของพระอาจารย์ บระฮมะชารีฺ ต้องอยู่ในบ้านของพระอาจารย์ทิพย์เหมือนเป็นผู้รับใช้ และต้องออกไปภิกขาจารตามบ้าน นำสิ่งของมาให้พระอาจารย์ รับประทานอาหารตามคำสั่งของพระอาจารย์เท่านั้น หากพระอาจารย์ละเลยไม่เรียกศิษย์มารับประทาน ศิษย์จะอดอาหารในวันนั้น เหล่านี้คือหลักธรรมพระเวทบางประการที่บระฮมะชารยะฺ ฝึกปฏิบัติ
หลังจากศิษย์ศึกษาคัมภีร์พระเวทอยู่กับพระอาจารย์ จากอายุห้าปีจนถึงอายุยี่สิบปีเขาอาจกลายมาเป็นสุภาพบุรุษผู้มีบุคลิกที่สมบูรณ์ การศึกษาคัมภีร์พระเวทมิใช่เป็นการพักผ่อนหย่อนใจเหมือนนักคาดคะเนที่นั่งบนเก้าอี้นวม แต่เป็นไปเพื่อการเปลี่ยนแปลงบุคลิก หลังจากได้รับการฝึกฝนเช่นนี้ บระฮมะชารีฺ จะได้รับอนุญาตให้ไปแต่งงานและใช้ชีวิตคฤหัสถ์ เมื่อเป็นคฤหัสถ์เขาต้องปฏิบัติการบูชาต่าง ๆ เพื่อบรรลุถึงความรู้แจ้งยิ่งขึ้น และต้องให้ทานตามภูมิประเทศ ตามกาลเวลา และตามผู้ปรารถนาโดยรู้จักแยกแยะระหว่างการให้ทานในความดี ในตัณหา และอวิชชา ดังที่ได้อธิบายไว้ใน ภควัต-คีตาฺ หลังจากเกษียณจากชีวิตคฤหัสถ์เมื่อรับเอาระดับของ วานะพรัสทฺะฺ มาปฏิบัติ เขาจะบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัดไปอยู่ในป่า นุ่งห่มด้วยใบไม้ ไม่โกนหนวดเคราฯลฯ จากการรับเอาระดับ บระฮมะชารยะฺ, คฤหัสถ์, วานะพรัสทฺะฺ, แลในที่สุด สันนยาสะฺมาปฏิบัติ เขาจะพัฒนาไปสู่ระดับชีวิตที่สมบูรณ์ บางคนพัฒนาไปยังอาณาจักรสวรรค์และเมื่อเจริญมากยิ่งขึ้น จะได้รับอิสรภาพในท้องฟ้าทิพย์ อาจอยู่ใน บระฮมะจโยทิฺ ที่ไร้รูปลักษณ์ ในดาวเคราะห์ไวคุณธะ หรือในคริชณะโลคะ นี่คือวิถีทางที่วรรณกรรมพระเวทได้กำหนดไว้
อย่างไรก็ดี ความสวยงามของคริชณะจิตสำนึกคือ จากการกระทำเพียงสิ่งเดียว ด้วยการอุทิศตนเสียสละรับใช้ เราสามารถข้ามพ้นพิธีกรรมต่าง ๆ รวมทั้งระดับชีวิตต่าง ๆ ทั้งหมด
คำว่า อิดัม วิดิทวาฺ แสดงให้เห็นว่าเราควรเข้าใจคำสั่งสอนที่ชรีคริชณะทรงให้ไว้ในบทนี้และบทที่เจ็ดของ ภควัต-คีตาฺ เราควรพยายามเข้าใจบทเหล่านี้มิใช่แบบวิชาการ หรือแบบคาดคะเนทางจิต แต่จากการสดับฟังในการคบหาสมาคมกับเหล่าสาวก บทที่หกถึงบทที่สิบสองเป็นสาระสำคัญของ ภควัต-คีตาฺ หกบทแรกและหกบทสุดท้ายเหมือนกับปกหน้าและปกหลังที่ห่อหุ้มหกบทกลาง ซึ่งองค์ภควานทรงเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองโดยเฉพาะ หากใครโชคดีพอที่เข้าใจ ภควัต-คีตาฺ โดยเฉพาะในหกบทกลางนี้ ด้วยการคบหาสมาคมกับเหล่าสาวก ชีวิตของเขาจะได้รับการสรรเสริญเหนือการบำเพ็ญเพียร การทำพิธีบูชา การให้ทาน การคาดคะเนทั้งหลายทั้งปวง ฯลฯ เพราะเขาสามารถบรรลุถึงผลแห่งกิจกรรมเหล่านี้ทั้งหมด ด้วยเพียงแต่ปฏิบัติในคริชณะจิตสำนึกเท่านั้น
ผู้ที่มีความศรัทธาบ้างใน ภควัต-คีตาฺ ควรเรียนรู้ ภควัต-คีตาฺ จากสาวกเพราะในตอนต้นของบทที่สี่ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า เหล่าสาวกเท่านั้นที่สามารถเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ ไม่มีผู้ใดเข้าใจจุดมุ่งหมายของ ภควัต-คีตาฺ อย่างสมบูรณ์ ดังนั้น เราควรเรียนรู้ ภควัต-คีตาฺ จากสาวกของคริชณะมิใช่จากนักคาดคะเนทางจิต นี่คือลักษณะแห่งความศรัทธา หลังจากแสวงหาสาวกและในที่สุดได้มาคบสมาคมกับสาวก เมื่อนั้นจึงเริ่มต้นการศึกษา และเข้าใจ ภควัต-คีตาฺ อย่างแท้จริง จากความเจริญก้าวหน้าในการมาคบหาสมาคมกับสาวก เขาถูกวางตัวในการอุทิศตนเสียสละ และการรับใช้นั้นจะปัดเป่าความสงสัยทั้งหลายที่ตนเองมีอยู่เกี่ยวกับคริชณะหรือองค์ภควาน เกี่ยวกับกิจกรรม รูปลักษณ์ ลีลา พระนาม และ ฯลฯ ของคริชณะ หลังจากความสงสัยทั้งหลายเหล่านี้ได้ถูกทำให้กระจ่างขึ้นโดยสมบูรณ์ เขาตั้งมั่นในการศึกษา จากนั้น จะได้รับรสในการศึกษา ภควัต-คีตาฺ และบรรลุถึงระดับแห่งความรู้สึกอยู่ในคริชณะจิตสำนึกเสมอในระดับที่เจริญมากขึ้น เขาจะอยู่ในความรักกับคริชณะโดยสมบูรณ์ ระดับแห่งความสมบูรณ์สูงสุดของชีวิตนี้ สาวกจะย้ายไปยังพระตำหนักทิพย์ของคริชณะในท้องฟ้าทิพย์โกโลคะ วรินดาวะนะ สถานที่ที่สาวกมีความสุขนิรันดร
ดังนั้น ได้จบคำอธิบายโดยบัฺคธิเวดันธะ บทที่แปดของหนังสือฺ ชรีมัด บฺะกะวัด-กีทาในหัวข้อเรื่อง การบรรลุถึงองค์ภควานฺ